ข่าวรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม(หมอชิต-สะพานใหม่) และเขียวอ่อน(แบริ่ง-ปากน้ำ)

[Mongwin]

ชงครม."สายสีเขียว" 2 ช่วงรวด คาดเปิดประมูล พ.ย.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 12 ก.ย. 2555 เวลา 11:25:17 น.

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ รฟม.เตรียมเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 36,511 ล้านบาท และช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ หลังจากคณะกรรมการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเห็นชอบการก่อสร้างสถานี บริเวณวงเวียนหลักสี่แล้ว โดยคาดว่าจะเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินโครงการได้ประมาณเดือน พฤศจิกายนนี้

"ตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำรายละเอียดการดำเนิน โครงการ และทำเรื่องเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถเปิดประกวดราคาได้" นายยงสิทธิ์กล่าว

นาย ยงสิทธิ์กล่าวว่า การประกวดราคาในโครงการดังกล่าว จะดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกันทั้ง 2 ช่วง เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกัน แต่จะแยกการประกวดราคาออกจากกัน คือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ จะเป็นคนละสัญญากับช่วงสะพานใหม่-คูคต ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว จะส่งผลให้การดำเนินโครงการรวดเร็ว สามารถเปิดให้บริการได้พร้อมกัน หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ

นายยงสิทธิ์กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าว อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียด เพื่อให้ข้อมูลตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น เช่น เรื่องงบประมาณการก่อสร้าง ที่จะต้องปรับเปลี่ยนตามราคาวัสดุอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อมูลเดิมได้จัดทำไว้เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว แต่คาดว่าจะไม่สูงจากกรอบวงเงินเดิมมากนัก นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการเดินรถ ที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้วิ่งจากหมอชิตถึงคูคต และการย้ายศูนย์ซ่อมบำรุง จากเดิมอยู่ที่สะพานใหม่ไปไว้ที่คูคตด้วย

"โครงการนี้ถือว่าดำเนิน การตามแผนงานที่กำหนด ไม่ได้ล่าช้าจากแผนแต่อย่างใด โดยเฉพาะช่วงสะพานใหม่-คูคต ถือว่าดำเนินการเร็วกว่าแผน เพราะเดิมกำหนดให้ดำเนินการหลังช่วงหมอชิต-สะพานใหม่" นายยงสิทธิ์กล่าว

แหล่ง ข่าวจาก รฟม.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้โครงการดังกล่าวยังไม่สามารถประกวดราคาได้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องที่ตั้งสถานีบริเวณวงเวียนหลักสี่ จนต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง เมื่อผ่านการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว จึงเริ่มเดินหน้าโครงการได้ทันที

ที่มา นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2555

[Wisarut]

รฟม.เผยเอกชน3รายยื่นประมูลงานระบบรางสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ
โดย ณัฐญา เนตรหิน
คอลัมน์ : ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ
ฐานเศรษฐกิจ
วันพุธที่ 03 ตุลาคม 2012 เวลา 22:14 น.


นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่าตามที่ รฟม.

ได้ประกาศเชิญชวนให้บริษัทที่สนใจซื้อเอกสารประกวดราคางานระบบราง (สัญญาที่ 2) โครงการรถไฟฟ้าสาย สีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 23 – 31 กรกฎาคม 2555 ซึ่งมีบริษัทสนใจมาซื้อเอกสาร จำนวน 9 บริษัท และกำหนดให้บริษัทที่สนใจยื่นข้อเสนอ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 นั้น ปรากฏว่ามีบริษัทมายื่นข้อเสนอ จำนวน 3 ราย ดังนี้

1. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
3. กิจการร่วมค้า สเตค - เอ เอส

สำหรับขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอการประกวดราคาจะทำการพิจารณาและประเมินผลการยื่นข้อเสนอต่อไป ตามแผนงานคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างและเริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2556

โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีโครงสร้างรถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดเส้นทางระยะทาง 13 กิโลเมตร แนวเส้นทางเริ่มต้นต่อเนื่องจากแนวเส้นทางของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (BTS) บริเวณซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่ง) ไปตามแนวเกาะกลางของถนนสุขุมวิท ผ่านคลองสำโรง ผ่านแยกเทพารักษ์ แยกปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อถึงบริเวณจุดตัดกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ แนวจะเบี่ยงจากเกาะกลางไปทางด้านทิศตะวันตกของถนนสุขุมวิท เพื่อข้ามทางต่างระดับสุขุมวิท จากนั้นจึงเบี่ยงกลับมาอยู่ในแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท ผ่านแยกศาลากลาง แยกการไฟฟ้า แยกแพรกษา แยก สายลวด จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง มีสถานียกระดับ 9 สถานี ดังนี้

1. สถานีสำโรง
2. สถานีปู่เจ้าสมิงพราย
3. สถานีเอราวัณ
4. สถานีโรงเรียนนายเรือ - งดสร้าง
5. สถานีสมุทรปราการ
6. สถานีศรีนครินทร์
7. สถานีแพรกษา
8. สถานีสายลวด -งดสร้าง และ
9. สถานีเคหะสมุทรปราการ

โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2560

ขณะนี้ (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555) การก่อสร้างงานโยธามีความคืบหน้าร้อยละ 0.83 โดยอยู่ระหว่างดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภค

[Mongwin]

ทุบทิ้ง"สะพานรัชโยธิน"สร้างรถไฟฟ้าสีเขียว ช่วง"หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต"อีก2จุด"เกษตร-เสนาฯ"ปรับเล็ก
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 10 ต.ค. 2555 เวลา 18:27:46 น.

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้ว่าการด้านวิศวกรรมและก่อสร้าง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เบื้องต้นได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อปรับแบบก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงสะพานใหม่-คูคต ที่มีโครงสร้างซ้อนทับกับสะพานข้ามแยกของ กทม.โดยขณะนี้ได้ข้อยุติร่วมกันแล้วว่า ทั้ง กทม.และบริษัทที่ปรึกษาโครงการอยู่ระหว่างออกแบบร่วมกัน



โครงสร้างทับซ้อน 3 จุด

ทั้งนี้ แนวเส้นทางจากช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 11.4 กม. มีจุดที่มีปัญหาด้านโครงสร้างรถไฟฟ้าอยู่ 3 บริเวณ คือ
1.แยกรัชโยธิน มีสะพานข้ามแยกสะพานขวางอยู่ หาก รฟม.สร้างโครงสร้างรถไฟฟ้า จะทำให้ต้องยกข้าม และมีระดับที่สูงเกินความจำเป็น ผลหารือร่วมกันได้ข้อสรุป ทาง กทม.จะรื้อสะพานข้ามแยก และปรับเป็นสร้างอุโมงค์ทางลอดในแนว ถ.พหลโยธินแทน

2.แยกเกษตรศาสตร์ จะรื้อและปรับโครงสร้างสะพานให้สั้นลงจากเดิม คงไว้เป็นสะพานขนาดเล็กข้ามทางแยก เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับสร้างสถานี และ
3.บริเวณอนุสาวรีย์หลักสี่ ที่เป็นสถานีร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีสะพานข้ามแยกของกรมทางหลวง (ทล.) สร้างไว้อยู่เดิม มีการปรับแบบร่วมกับ ทล.เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เริ่มก่อสร้างสะพาน ส่วนช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 7 กม. ไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างที่ซ้อนทับกับโครงการอื่น ๆ

เงินลงทุนเพิ่ม 5-10%

นายพีระยุทธกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน รฟม.อยู่ระหว่างให้บริษัทที่ปรึกษาทบทวนวงเงินลงทุนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจุบันที่ค่าแรงและวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาเดิมที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาไว้เมื่อปี 2549 วงเงินลงทุนรวม 59,911.48 ล้านบาท แยกเป็นช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 36,404.48 ล้านบาท และช่วงสะพานใหม่-คูคต 23,507 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยประมาณ 5-10%

"หลังได้ข้อสรุปเรื่องแบบและค่าก่อสร้าง จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ เพื่อดำเนินการประกวดราคาต่อไป แนวทางจะเสนอให้ยุบรวม 2 ช่วงให้เป็นสายเดียวกัน แบ่งสัญญาประมูลและก่อสร้างงานโยธา 2-3 สัญญา และงานวางรางอีก 1 สัญญา คาดว่าจะดำเนินการได้ในสิ้นปีนี้ เริ่มสร้างต้นปี 2556 กำหนดเปิดบริการปี 2560"

หมอชิต-สะพานใหม่ 12 สถานี

สำหรับรูปแบบโครงการ ออกแบบให้เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดเส้นทาง รายละเอียดมีดังนี้ แนวสายทางเริ่มจากจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่หมอชิต วิ่งตรงไปตามแนว ถ.พหลโยธิน ข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ผ่านแยกรัชโยธิน แยก ม.เกษตรศาสตร์ ไปจนถึงพหลโยธินซอย 66 แนวเส้นทางจะเบี่ยงออกไปด้านซ้าย ไปจนถึงอนุสารีย์หลักสี่ จากนั้นถึงจะกลับมาอยู่บนเกาะกลาง ถ.พหลโยธิน มาสิ้นสุดที่สะพานใหม่

โดยช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ มี 12 สถานี แบ่งเป็นช่วงจากหมอชิต-สะพานใหม่ มี
1.สถานีห้าแยกลาดพร้าว ตั้งอยู่บน ถ.พหลโยธิน หน้าห้างเซ็นทรัล เป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพหลโยธิน
2.สถานีพหลโยธิน 24 บริเวณซอยพหลโยธิน 24
3.สถานีรัชโยธิน ใกล้ซอยพหลโยธิน 30
4.สถานีเสนานิคม บริเวณซอยพหลโยธิน 34
5.สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อยู่ด้านข้าง ม.เกษตรศาสตร์
6.สถานีกรมป่าไม้ บริเวณซอยพหลโยธิน 45 แยก 2
7.สถานีบางบัว ตั้งอยู่หน้า ม.ศรีปทุม
8.สถานีกรมทหารราบที่ 11 บริเวณซอยพหลโยธิน 53
9.สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ บริเวณอนุสาวรีย์หลักสี่
10.สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ บริเวณซอยพหลโยธิน 59
11.สถานีสายหยุด บริเวณซอยพหลโยธิน 69 และ
12.สถานีสะพานใหม่ ตั้งอยู่บริเวณตลาดยิ่งเจริญ

สะพานใหม่-คูคต 4 สถานี

ส่วนช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง รวม7 กม. เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดเส้นทางเช่นกัน เริ่มต้นจากจุดสิ้นสุดโครงการช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ไปตามแนว ถ.พหลโยธิน จนสิ้นสุดเขตกองทัพอากาศ แล้วเลี้ยวขวาตัดเข้า ถ.ลำลูกกา ถึงคูคต มี 4 สถานี ประกอบด้วย
1.สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
2.สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ
3.สถานี กม.25 และ
4.สถานีคูคต

[Nakhonlampang]

[Mongwin]

อ่านข่าวแล้วมึนตามพี่หนุ่มจริง ๆ ด้วยครับ

[Wisarut]

รบ.ไม่ยึดรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ถ่วง กทม.ขอคุมงานโยธา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2555 16:57 น.

“ธีระชน” ขอบคุณ “เหลิม” ยึดมติ ครม.2547 ให้ กทม.บริหารรถไฟฟ้าสายสีเขียว เผยเสนอขอคุมงานโยธาแทน รฟม.แต่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล



นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. (แฟ้มภาพ)
วันนี้ (17 ต.ค.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตนทราบมาว่า ในวันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติให้ยึดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2547 ที่ให้ กทม.เป็นผู้รับผิดชอบรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมทั้งมีการรับทราบแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีการอนุมัติในการประชุม คจร.ครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2553 ที่ได้ให้ กทม.คงสงวนสิทธิ์ความเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการสายสีเขียว พร้อมทั้งรับทราบมติ ครม.เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2551 ที่มอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้ดำเนินการเฉพาะงานโยธา ส่วน กทม.จะเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้า ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม ที่รับฟังเหตุผลและสั่งการผ่านเลขานุการที่ประชุมให้จัดเตรียมเอกสารให้รอบคอบถูกต้องในการประชุมครั้งต่อๆ ไป

“การจะยึดรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.จะทำได้ก็ต้องมีการแก้แผนแม่บท ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะทำได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ที่ต้องเสียเวลาในการเปลี่ยนขบวน อย่างไรก็ตามที่ รฟม.ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าไปแล้ว กทม.ก็ได้เตรียมแผนบริหารจัดการไว้เช่นกัน พร้อมทั้งจะรับผิดชอบภาระหนี้สินและดอกเบี้ยทั้งหมดที่ รฟม.กู้ยืมมาลงทุนก่อสร้าง แม้ว่าก่อนหน้านี้ กทม.ได้เสนอเงื่อนไขขอดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งสีเขียวอ่อนช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และสายสีเขียวแก่ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา มาบริหารจัดการเองทั้งหมดทั้งโยธาและบริหาร แต่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล” นายธีระชน กล่าว

[Mongwin]

สายสีเขียวอ่วมงบบาน 5 พันล. รฟม.หวั่นโครงการรถไฟหยุดชะงัก
ไทยโพสต์ 30 October 2555

แผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ส่อแววเลื่อนไม่มีกำหนดอีกครั้ง เหตุต้องปรับแบบก่อสร้างส่งผลงบลงทุนบานปลาย รฟม.เตรียมเสนอ
ครม.รับทราบพร้อมพิจารณาถึงปัญหาและข้อจำกัด ทั้งต้องเปลี่ยนรูปแบบลงทุน เปลี่ยนพื้นที่ตั้งสถานี เหตุสำนักงานเขตบางเขนเมินไม่ให้ใช้พื้นที่ หวั่นโครงการล่าช้าออกไปอีกหลังช้ามาแล้วถึง 2 ปี

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเสนอขอเพิ่มวงเงินก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ อีกเกือบ 5,000 ล้านบาท หลังจากที่ต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง และสถานีขึ้น-ลงบริเวณแยกหลักสี่ หลายครั้ง ส่งผลให้ต้องมีการปรับรูปแบบการก่อสร้างใหม่ รวมถึงรูปแบบการลงทุนและค่าที่ปรึกษาที่เพิ่มขึ้น

“ก่อนหน้าการศึกษาเพื่อปรับแบบและพื้นที่ใหม่นั้น คาดว่าน่าจะประหยัดเงินลงทุนแต่กลับทำให้งบเพิ่มขึ้น เพราะต้องเปลี่ยนสถานีที่ตั้งของสถานีใหม่ จากเดิมนั้น การก่อสร้างสถานีบริเวณแยกหลักสี่ จะต้องใช้ร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ทำให้กำหนดราคากลางใหม่ไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับรู้และพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับพื้นที่ก่อสร้างใหม่ กรณีที่สำนักงานเขตบางเขนไม่ให้พื้นที่เพื่อก่อสร้างสถานี และการปรับแบบก่อสร้าง ซึ่งส่งผลต่อการเชื่อมต่อโครงการของรถไฟทั้ง 2 สาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าลงทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าลงทุนบานปลายไป” แหล่งข่าว กล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในด้านการลงทุนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ได้สั่งให้ รฟม.ทบทวนรูปแบบการลงทุนใหม่ จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ลงทุนแบบพีพีพี กรอสคอสต์ (PPP Gross Cost) เป็นพีพีพี เน็ตคอสต์ (PPP Net Cost) แทน เนื่องจากพบว่าจะมีประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า รวมทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนการเดินรถ สำหรับการลงทุนแบบพีพีพี เน็ตคอสต์ นั้น รัฐจะเป็นผู้ลงทุนระบบราง และจ้างเอกชนเดินรถ ซึ่งรัฐจะทำหน้าที่เก็บเงินค่าโดยสารและสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้ แต่ล่าสุดมีแนวโน้มว่านโยบายจะเปลี่ยนแปลงอีก โดยจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ดังนั้นต้องเสนอให้ ครม.พิจารณา

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าฯ รฟม. กล่าวว่า การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียด เพื่อให้ข้อมูลตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น เช่น เรื่องงบประมาณการก่อสร้าง ที่จะต้องปรับเปลี่ยนตามราคาวัสดุอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อมูลเดิมได้จัดทำไว้เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการเดินรถ ที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้วิ่งจากหมอชิตถึงคูคต และการย้ายศูนย์ซ่อมบำรุง จากเดิมอยู่ที่สะพานใหม่ไปไว้ที่คูคตด้วย

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 36,511 ล้านบาท และช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท ล่าสุดได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ในการก่อสร้างสถานีบริเวณวงเวียนหลักสี่แล้ว โดยคาดว่าจะเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินโครงการได้ประมาณเดือน พ.ย.นี้ แต่เมื่อต้องปรับรูปแบบการลงทุนและแบบก่อสร้างใหม่ รวมถึงวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โครงการต้องล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากที่ล่าช้ามาแล้วกว่า 2 ปี

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ว่า ขณะนี้มีบริษัทเอกชนมายื่นข้อเสนอ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, บมจ.ช.การช่าง และ กิจการร่วมค้า สเตค-เอ เอส ซึ่งขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอการประกวดราคา จะทำการพิจารณาและประเมินผลการยื่นข้อเสนอต่อไปตามแผนงาน คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างและเริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2556.

[Wisarut]

รฟม.เตรียมเสนอวงเงินก่อสร้างรถไฟฟ้าสีเขียวเข้มให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งในเดือน ธ.ค.นี้
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 18:43:36 น.

นางรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ประธานคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม.เตรียมเสนอกรอบวงเงินก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบใหม่อีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจากมีการขยายเส้นทางการก่อสร้างเพิ่มเติม จากเดิมสิ้นสุดบริเวณสะพานใหม่ เป็นสิ้นสุดบริเวณคูคต ซึ่งจะทำให้กรอบวงเงินก่อสร้างเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากวงเงินก่อสร้างเดิมที่ 36,404 ล้านบาท

“ขณะนี้บอร์ด รฟม.อนุมัติกรอบวงเงินก่อสร้างใหม่แล้ว ขณะที่การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็ผ่านเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องทำเรื่องเสนอให้ ครม.อนุมัติกรอบวงเงินใหม่ก่อน และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะเป็นการเปิดประมูลครั้งเดียวพร้อมกันตลอดสายทาง ส่วนการปรับรูปแบบสถานีบริเวณวัดพระศรีมหาธาตุฯ อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้างเพิ่มขึ้นหลัก 100 ล้านบาท” นางรัชนี กล่าว

นางรัชนี กล่าวถึงแผนการจัดซื้อรถไฟฟ้า 800 ตู้ ของ รฟม.ที่จะมีการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประมูลต้องเข้ามาตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนในไทยว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดแผนการจัดซื้อของ รฟม. แต่เบื้องต้นเห็นด้วยหากการตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถไฟฟ้าจะช่วยสร้างงานและสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนของอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ไทยเป็นประตูเศรษฐกิจของอาเซียน อย่างไรก็ตาม รฟม.จะต้องศึกษารายละเอียดด้านกฎหมายภายในประเทศให้รอบคอบว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางด้านการลงทุนตามกรอบของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

//-------------------------------------------------------------------

อ่วม'สายสีเขียว'งบพุ่งเท่าตัว เล็งขอเงินครม.เพิ่มปี56เปิดประมูล
หน้าเศรษฐกิจ
ไทยโพสต์
2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รฟม.เตรียมเสนอ ครม.พิจารณากรอบวงเงินสายสีเขียวเข้ม เพิ่มเติมช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต คาดกรอบวงเงินเท่าตัว มั่นใจเปิดประมูลได้ภายในต้นปีหน้า ส่วนสายสีม่วง สั่ง สนข.พิจารณาขยายระยะทางอีก 2 กม.
นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ประธานคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง ประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม.เตรียมเสนอขอเพิ่มกรอบวงเงินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบใหม่อีกครั้งในเดือน ธ.ค.55 และเมื่อผ่านการพิจารณาจาก ครม.แล้ว ก็จะเปิดประมูลพร้อมกันทั้งสองช่วงโครงการต่อไป เนื่องจากมีการขยายเส้นทางการก่อสร้างเพิ่มเติม จากเดิมสิ้นสุดบริเวณสะพานใหม่ เป็นสิ้นสุดบริเวณคูคต ซึ่งจะทำให้กรอบวงเงินก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว จากวงเงินก่อสร้างเดิมที่ 36,404 ล้านบาท
“การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ที่ขอขยายเส้นทางเพิ่มเติม ช่วงสะพานใหม่-คูคต นั้น ในเบื้องต้น คณะกรรมการ รฟม.ได้พิจารณาเห็นชอบ และได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือต้องทำเรื่องเสนอให้ ครม.อนุมัติกรอบวงเงินใหม่ก่อน และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ในช่วงต้นปี 56 ซึ่งจะเป็นการเปิดประมูลครั้งเดียวพร้อมกันตลอดสายทาง ส่วนการปรับรูปแบบสถานีบริเวณวัดพระศรีมหาธาตุนั้น อาจจะต้องมีการค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้างเพิ่มขึ้นหลัก 100 ล้านบาท” นางสาวรัชนี กล่าว
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ รฟม.ไปหารือ ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ตั้งแต่บริเวณสถานีคลองบางไผ่ ต่อออกไปทางถึงไทรน้อย เป็นระยะทางอีก 2 กม.ตามข้อเสนอของนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาศึกษาสักระยะ ส่วนเบื้องต้น รฟม.จะมุ่งเน้นผลักดันการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้เป็นไปตามแผนแม่บทและเป้าหมายที่กำหนดก่อนเป็นลำดับแรก
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รฟม. ได้ทำการศึกษาเพิ่มเติม พบว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ต้องใช้งบเพิ่มอีกกว่า 5,000 ล้านบาท เนื่องจากหลังจากต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง และสถานีขึ้น-ลงบริเวณแยกหลักสี่หลายครั้ง ส่งผลให้ต้องมีการปรับรูปแบบการก่อสร้างใหม่ รวมถึงรูปแบบการลงทุนและค่าที่ปรึกษาที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าจะต้องปรับรูปแบบการลงทุนใหม่อีก
นายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ รองผู้ว่า รฟม.กล่าวว่า หากมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงออกไปอีก 2 กม. อาจทำให้วงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างน้อย 3,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น วงเงินก่อสร้างระบบรางระยะทาง 2 กม. มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท วงเงินก่อสร้างสถานีเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ สถานีบางกรวย-ไทรน้อย มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมวงเงินก่อสร้างอาคารจอดรถบริเวณสถานีแห่งใหม่
“บริษัทที่ปรึกษารถไฟฟ้าสายสีม่วง จะร่วมหารือกับ สนข. ถึงความคุ้มค่าของการขยายเส้นทางว่าเหมาะสมหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 2-3 เดือน หากมีข้อสรุปว่าคุ้มค่าและควรดำเนินการก่อสร้าง รฟม.จะต้องทำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคมต่อไปในช่วงต้นปีหน้า” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า หากการขยายเส้นทางจะต้องทำการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม อาจส่งผลกระทบทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไปอีก และอาจไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามเป้าหมายภายในปี 2558 ส่วนรูปแบบการก่อสร้างนั้น หากรัฐบาลต้องการเร่งรัดการก่อสร้างอาจจะไม่ต้องเปิดประมูลใหม่ โดยอาจจัดจ้างเพิ่มเติมกับผู้รับเหมารายเดิมคือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้โครงการก่อสร้างล่าช้าออกไปมากกว่านี้.

[Mongwin]

3 รายชิงดำซิวงานระบบรางรถไฟฟ้าแบริ่ง-ไปสมุทรปราการ งบ 2.1 พันล้านลุ้นเปิดซอง 14พ.ย.
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน 2555 เวลา 08:00 น.

รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ตามที่ รฟม.ได้ประกาศเชิญชวนให้บริษัทที่สนใจซื้อเอกสารประกวดราคางานระบบราง (สัญญาที่ 2) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีบริษัทสนใจมาซื้อเอกสาร 9 ราย และกำหนดให้บริษัทที่สนใจยื่นข้อเสนอ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีบริษัทมายื่นข้อเสนอ จำนวน 3 ราย ได้แก่
1.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
2.บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
3.กิจการร่วมค้า สเตค-เอ เอส นั้น
ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอการประกวดราคาได้พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติ และข้อเสนอทางด้านเทคนิคของผู้ยื่นซองทั้ง 3 รายแล้ว ปรากฏว่า ผ่านคุณสมบัติทั้ง 3 ราย จึงได้กำหนดเปิดซองข้อเสนอด้านราคา สัญญาที่ 2 (ระบบราง) ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น. โดยราคากลางของงานนี้อยู่ที่ 2,108 ล้านบาท

ทั้งนี้สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นส่วนต่อขยายที่สร้างต่อจากรถไฟฟ้าบีทีเอสปัจจุบันจากหมอชิต-แบริ่งซึ่งอยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่ส่วนต่อขยายที่จะสร้างใหม่นี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของรฟม.ในการดูแลงานโยธาตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดเส้นทางระยะทาง 13 กิโลเมตร แนวเส้นทางเริ่มต้นต่อเนื่องจากบริเวณซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่ง) ไปตามแนวเกาะกลางของถนนสุขุมวิท ผ่านคลองสำโรง ผ่านแยกเทพารักษ์ แยกปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อถึงบริเวณจุดตัดกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ แนวจะเบี่ยงจากเกาะกลางไปทางด้านทิศตะวันตกของถนนสุขุมวิท เพื่อข้ามทางต่างระดับสุขุมวิท จากนั้นจึงเบี่ยงกลับมาอยู่ในแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท ผ่านแยกศาลากลาง แยกการไฟฟ้า แยกแพรกษา แยกสายลวด จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง มีสถานียกระดับ 9 สถานี ดังนี้
1. สถานีสำโรง
2. สถานีปู่เจ้าสมิงพราย
3. สถานีเอราวัณ
4. สถานีโรงเรียนนายเรือ
5. สถานีสมุทรปราการ
6. สถานีศรีนครินทร์
7. สถานีแพรกษา
8. สถานีสายลวด และ
9. สถานีเคหะสมุทรปราการ
โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2560 อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการหารือร่วมกันระหว่าง กทม. และรฟม. ว่าการบริหารจัดการเดินรถนั้นจะเป็นหน่วยงานใดรับผิดชอบ.

[Wisarut]

ช.การช่างคว้าสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ธุรกิจ-ตลาด
โพสต์ทูเดย์
14 พฤศจิกายน 2555 เวลา 16:24 น.

ช.การช่างคว้างานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวแบริ่ง -สมุทรปราการ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดบริการปี2560

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แถลงผลเปิดซองประกวดราคางานระบบราง (สัญญาที่ 2) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดย บมจ.ช.การช่าง (CK) เสนอราคาต่ำสุดที่ 2,465 ล้านบาท ขณะที่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เสนอราคา 2,718.34 ล้านบาท และ กิจการร่วมค้า สเตค-เอ เอส เสนอราคา 2,625.78 ล้านบาท ขณะที่ราคากลางของงานนี้อยู่ที่ 2,406 ล้านบาท

ทั้งนี้ รฟม.คาดว่าจะลงนามในสัญญาว่าจ้างประมาณเดือน มี.ค.2556 ก่อสร้างแล้วเสร็จและให้บริการในปี 2560