View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 22/12/2023 4:49 pm Post subject:
กทม.เคาะ 2 ม.ค. 67 เก็บสายสีเขียวต่อขยาย 15 บาท เปิดความเห็น รฟม.-ขร. แนะทำ EMV ใช้ตั๋วร่วมลดค่าแรก
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันศุกร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 07:20 น.
ปรับปรุง: วันศุกร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 07:20 น.
เก็บค่าโดยสาร รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย เริ่ม 2 ม.ค. นี้
Wealth TNN ONLINE
วันศุกร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 12:40 น.
กทม.จัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 ม.ค.นี้ รวมเส้นทางหลักไม่เกิน 62 บาท
วันนี้ ( 22 ธ.ค. 66) นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ (ชั่วคราว) ในอัตรา 15 บาท รวมเส้นทางหลักไม่เกิน 62 บาท ว่า กทม.ได้ส่งหนังสือขอความเห็นในการเก็บค่าโดยสารดังกล่าวจาก กรมการขนส่งทางราง (ขร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
กทม.เคาะ 2 ม.ค. 67 เก็บค่าโดยสารสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 15 บาท เตรียมเสนอชัชชาติลงนามประกาศ เปิดความเห็นรฟม.-กรมราง เร่งกทม.ทำระบบ EMV ใช้ตั๋วร่วมลดค่าแรกเข้ากรณีข้ามสาย รองรับนโยบาย 20 บาทตลอดสาย
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ (ชั่วคราว) อัตรา 15 บาท รวมเส้นทางหลักไม่เกิน 62 บาท ว่า ล่าสุดกระทรวงคมนาคม ได้ส่งหนังสือตอบกลับความเห็นตามที่กทม.สอบถามเรื่องการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย มาให้กทม.แล้ว โดยมีความเห็นจาก 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดย ทั้ง 3 หน่วยงาน ให้ความเห็นว่าไม่ขัดข้องแต่อย่างใด
ad
โดยขั้นตอนต่อจากนี้ จะเสนอ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ลงนามประกาศเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ซึ่งขณะนี้ได้ยกร่างประกาศเตรียมไว้แล้ว โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ (ชั่วคราว) 15 บาท รวมเส้นทางหลักไม่เกิน 62 บาท คาดว่าจะลงนามได้ในวันที่ 22 ธ.ค.2566 โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ม.ค.2567 เป็นต้นไป
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการจัดเก็บค่าโดยสารสายสีเขียวส่วนต่อขยายนั้น กทม.ได้มีการประสานบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ในฐานะผู้รับจ้างบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย โดย BTS แจ้งว่า บริษัทฯได้มีการติดตั้งระบบจัดเก็บค่าโดยสาร พร้อมทดสอบระบบต่างๆ รองรับไว้แล้ว พร้อมที่จะดำเนินได้ทันทีตามที่กทม.เริ่มประกาศให้มีผลบังคับใช้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ที่บริษัทฯ ได้รับสัมปทานบริหารจัดการเดินรถ จากรฟม. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดให้ประชาชนทดลองนั่งฟรี โดยจะเริ่มเก็บค่าโดยสาร อัตรา 15-45 บาท วันที่ 3 ม.ค.2567 มีความพร้อมแล้วด้วยเช่นกัน
@เปิดความเห็นรฟม.เร่งกทม.ทำระบบ EMV ใช้ตั๋วร่วมลดค่าแรกเข้ากรณีข้ามสาย
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความเห็นของ รฟม. ในเรื่อง ที่กทม. จะมีการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 มีดังนี้ 1.รฟม.ได้รับทราบความเห็นของ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ซึ่งได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับอำนาจของกทม.ในการออกประกาศจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2
2. เนื่องจากบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจำหน่ายทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวระหว่างรฟม.และกทม.ลงวันที่ 3 ธ.ค.2561 ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขให้กทม.จะต้องขอความเห็นชอบจากรฟม.ก่อนการกำหนดอัตราค่าโดยสารสายสีเขียวประกอบกับแนวทางจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนตัวขยายที่ 2 ในอัตรา 15 บาทตลอดเส้นทางตามที่สจส.ชี้แจงต่อที่ประชุมไม่ทำให้อัตราค่าโดยสารสูงสุดของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งระบบเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 62 บาท ดังนั้นรฟม.จึงไม่ขอเข้าร่วมในการตัดสินใจจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 ในอัตราดังกล่าว
3. รฟม.ได้แจ้งต่อที่ประชุมรับทราบว่าการยกเว้นค่าแรกเข้าจะต้องดำเนินการบนระบบตั๋วร่วมของกระทรวงคมนาคม ซึ่งปัจจุบันได้กำหนดให้ใช้ตั๋วร่วมตามมาตรฐาน EMV Contactless ดังนั้นภายหลังจากที่กทม.ดำเนินการปรับปรุงระบบจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้สามารถรองรับระบบตั๋วร่วมมาตรฐาน EMV Contactless ได้แล้ว รฟม.ก็พร้อมที่จะหารือรายละเอียดเรื่องการยกเว้นค่าแรกเข้าตามบันทึกข้อตกลงฯ ต่อไป
4. รฟม.ขอให้สจส.พิจารณานิยามคำว่าค่าแรกเข้าตามแนวทางการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ในอัตรา 15 บาทตลอดเส้นทาง (Flat Rate) เพื่อให้เป็นข้อมูลประกอบการหารือเรื่องการยกเว้นค่าแรกเข้าต่อไป และ รฟม. รับทราบตามที่ สจส.ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แนวทางการจัดเก็บค่าโดยสารดังกล่าวนั้นเป็นมาตรการชั่วคราว ซึ่งเมื่อกทม.พัฒนาระบบตรวจร่วมมาตรฐาน EMV Contactless ในระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวตามนโยบายกระทรวงคมนาคมแล้วเสร็จกทม.จะพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารในรูปแบบ Distance-based Fare หรือจัดเก็บตามระยะทางต่อไป
@กรมรางแนะปรับระบบตั๋วร่วม เตรียมรับนโยบาย 20 บาท
X
ส่วนความเห็นกรมราง คือ 1. แนวทางเก็บค่าโดยสาร (ชั่วคราว) 15 บาทตลอดเส้นทาง ควรมีการกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว พร้อมจัดทำข้อมูลประกอบการพิจารณาเปรียบเทียบผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนผู้ใช้บริการและจัดเตรียมข้อชี้แจงพร้อมเหตุผลเพื่ออธิบายต่อประชาชนผู้ใช้บริการในการเก็บค่าโดยสารฯ
2. การพิจารณาจัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ในระยะต่อไป ควรสอดคล้องตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 โดยดำเนินการให้มีการยกเว้นค่าแรกเข้าระบบ หรือค่าธรรมเนียมในลักษณะเดียวกัน หากผู้โดยสารเปลี่ยนถ่ายจากรถไฟฟ้าสายอื่นของ รฟม. โดยระบบที่ผู้โดยสารขึ้นก่อนเป็นผู้ได้รับค่าแรกเข้าระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจำหน่ายทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ รฟม. ให้ กทม. และเป็นไปตามความเห็นประกอบการพิจารณาการจำหน่ายทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงินโครงการของกระทรวงการคลัง
3. การดำเนินงานระบบตั๋วร่วมเร่งรัดการพัฒนาระบบ Ticketing ให้รองรับรูปแบบการชำระเงินด้วย บัตร EMV Contactless (Europay, MasterCard, Visa) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามนโยบายการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมของกระทรวงคมนาคม อีกทั้งสอดคล้องกับความเห็นประกอบการพิจารณาการจำหน่ายทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงินโครงการของกระทรวงการคลังเป็นระบบเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทาง การยกเว้นการเรียกเก็บค่าแรกเข้า ซึ่งต้องอยูในพื้นฐานของระบบตั๋วรวม โดย ปัจจุบันรถไฟฟ้าในการกำกับดูแลของ รฟม. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการเรื่องระบบตั๋วรวมมาตรฐานบัตร EMV Contactless แล้ว แต่รถไฟฟ้าในการกำกับดูแลของ กทม. ยังไม่มีการปรับปรุงระบบเป็นระบบดังกล่าว จึงเห็นควรให้ กทม. เร่งรัดดำเนินการเปลี่ยนเป็นระบบตั๋วรวมเป็นตามมาตรฐานที่สามารถรองรับบัตร EMV ได้
4. เพื่อให้นโยบาย 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล สามารถบูรณาการข้ามโครงข่ายรถไฟฟ้าสายอื่น เห็นควรให้ กทม. ดำเนินการระบบตั๋วร่วมตามความเห็นข้างต้น
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44652
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 31/12/2023 9:00 am Post subject:
'รสนา' เตือน 'ชัชชาติ' อนุมัติเก็บเงินค่าโดยสารส่วนต่อขยายสายสีเขียว ระวังผิดกฎหมาย
ไทยโพสต์ 31 ธันวาคม 2566 เวลา 7:42 น.
31 ธ.ค. 2566 นางสาวรสนา โตสิตระกูล อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
ผู้ว่าชัชชาติสั่งเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 2 ในวันที่2 มกราคม อาจผิดกฎหมายหรือไม่!ระวังซ้ำรอยอดีตผู้ว่า2 คน
มีข่าวสื่อมวลชนระบุว่าเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร จะเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย2 อีก 15บาท ทันทีหลังเปิดปีใหม่ วันที่ 2มกราคม 2567
ด้วยกทม.มีนโยบายจะจัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต และช่วงแบริ่ง สมุทรปราการ โดยกำหนดในอัตราคงที่ 15 บาทตลอดสาย กรณีเดินทางข้ามระบบส่วนต่อขยายที่ 1 กับเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 2 จะไม่คิดค่าโดยสารเพิ่ม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2567
มีคำถาม 4 ข้อที่ผู้ว่าชัชชาติต้องตอบตัวเอง และตอบให้ชาว กทม.รับรู้ ก่อนเก็บค่าโดยสารดังนี้
1) ส่วนต่อขยาย 2 ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของ กทม. ผู้ว่าฯจึงไม่มีสิทธิทางนิตินัยที่จะเก็บค่าโดยสารเอง ใช่หรือไม่?
ส่วนต่อขยาย 2 มีหนี้ค่าก่อสร้างประมาณ 7 หมื่นล้านโดยมีรฟม.เป็นเจ้าของ และมีหนี้ค่าจ้างเดินรถและระบบเชื่อมต่อ ตั้งแต่ปี2562-2566 ประมาณ 1 แสนล้านบาท รวมแล้วประมาณเกือบ 2แสนล้านบาท
2) การเก็บค่าโดยสารในทรัพย์สินที่ กทม.ไม่มีกรรมสิทธิทางนิตินัย เท่ากับผู้ว่าชัชชาติยอมรับภาระหนี้ทั้ง 2 ส่วนนี้โดยพฤตินัย ใช่หรือไม่ !?
3) การประกาศเก็บเงินค่าโดยสาร 15บาท ผู้ว่าชัชชาติได้รับอนุมัติจากสภา กทม.แล้วหรือยัง? ถ้ายังไม่ได้รับอนุมัติจากสภา กทม.ให้รับภาระหนี้ค่าก่อสร้างและหนี้ค่าจ้างเดินรถ ผู้ว่าชัชชาติก็จะทำผิดกฎหมายด้วย ใช่หรือไม่ ?!
4) ถ้าผู้ว่าฯไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา กทม. และไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาลมาชดเชยการขาดทุนจากหนี้ดังกล่าว การเก็บค่าโดยสารอีก15 บาท ก็ไม่พอจ่ายหนี้อยู่แล้ว อาจทำให้ผู้ว่าฯ ถลำไปสู่การต้องขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักที่กำลังจะหมดสัมปทานในปี2572 เพื่อล้างหนี้ ซึ่งจะทำให้ชาว กทม.เสียประโยชน์ ต้องจ่ายค่าโดยสารแพงไปอีกไม่ต่ำกว่า 30ปี ใช่หรือไม่
ผู้ว่าฯจะโดนฟ้องในคดีนี้อย่างแน่นอน !! และอาจต้องถูกฟ้องจาก คดีเก็บค่าโดยสารโดยไม่มีอำนาจ ใช่หรือไม่!
ดิฉันขอให้ท่านผู้ว่าฯชัชชาติจดจำคดีของอดีตผู้ว่าอภิรักษ์ โกษะโยธินที่ต้องลาออกจากการเป็นผู้ว่าฯกทม. กลางคันเซ่นคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงที่จัดซื้อโดยทุจริต เพียงแค่ไปเซ็นเปิดLC จ่ายเงินให้ และอดีตผู้ว่าฯกทม.สมัคร สุนทรเวชที่ถูกศาลฎีกาตัดสินเมื่อปี2565 คดีรถ-เรือดับเพลิงเช่นกัน คำสั่งศาลฎีกาให้ภรรยาและทายาทอีก3คนของท่านสมัครต้องจ่ายเงินชดใช้ความเสียหายของคดีรถ-เรือดับเพลิง 587 ล้านบาทแม้ท่านจะถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว
ถ้าผู้ว่าชัชชาติเลือกเดินทางผิด ชาวกทม.อาจจะติดกับดักต้องจ่ายค่าโดยสารแพง และผู้ว่าชัชชาติอาจประสบชะตากรรมแบบอดีตผู้ว่าฯ กทม. ทั้ง2ท่านก่อนหน้านั้นหรือไม่?
ท่านผู้ว่าฯควรใจเย็นๆ รอวันที่กทม.จะได้รับโครงสร้างระบบรางสายสีเขียวหลักคืนกลับมาในปี2572 ไม่ดีกว่าหรือ?
อีกเพียง 5ปี กทม.ก็จะได้เป็นเจ้าของโครงสร้างระบบรางของสายสีเขียวส่วนหลักทั้งสายแทนชาวกทม. และจะได้รายได้ทั้งค่าเช่าพื้นที่ในทุกสถานี ค่าเชื่อมต่อกับพื้นที่ธุรกิจ และค่าโฆษณาในขบวนรถ และในสถานี ที่สามารถนำมาลดราคาค่าโดยสารลงได้และยังสามารถนำมาเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าของ MRT ได้ทั้งระบบด้วยระบบตั๋วใบเดียว โครงสร้างราคาเดียว และไม่ให้ประชาชนต้องเสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน ค่าโดยสารถูกลง ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ทำให้ชาว กทม.ได้รับประโยชน์สูงสุด
ขอให้ท่านชัชชาติคิดให้ดีๆ ท่านควรแก้ปัญหาหนี้สินนี้ด้วยการไปเจรจากับรมต.กระทรวงคมนาคม (ซึ่งสังกัดพรรคที่เคยสนับสนุนท่านโดยไม่ส่งคนลงแข่งกับท่านตอนเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ) ให้รับคืนส่วนต่อขยาย2 กลับไป และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาการจ่ายหนี้ค่าเดินรถ และเก็บค่าโดยสารเอง ซึ่งกทม. สามารถช่วยดำเนินการในส่วนนี้ให้ได้ โดยไม่ต้องเอา กทม.ไปผูกพันเป็นหนี้เสียเอง อย่าไปรับเผือกร้อนมาให้ไหม้มือตัวเอง จะดีกว่าไหม?!
ขอให้ท่านชัชชาติพิจารณาให้รอบคอบถึงผลประโยชน์ของชาว กทม. และ ความเสี่ยงของตัวท่านเอง ดังคำพังเพยไทยที่ว่า เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 02/01/2024 12:28 pm Post subject:
ทางเดินเชื่อมรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู และ BTS สายสีเขียวในวันทำงานแรกของปีและเริ่มเก็บค่าโดยสารสายสีเขียวส่วนต่อขยายวันแรก ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ชำระเงินแล้ว (Paid Area) ในชั้นที่ 2 ที่สถานีวัดพระศรีฯ โดยทั้งสองสายสามารถซื้อตั๋วข้ามสายได้แล้ว
Note: วันนี้คนยังเบาบางเพราะคนอาจจะหยุดอยู่ ต้องพรุ่งนี้เป็นต้นไปครับคนอาจจะหนาแน่นขึ้น ส่วนชมพูฟรีถึงวันเสาร์นี้เริ่มเก็บเงินวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=337732219135802&id=100086970807579
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44652
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 03/01/2024 3:51 pm Post subject:
กทม.เก็บค่าโดยสารสายสีเขียววันแรก รายได้กว่า 3 ล้านบาท
3 มกราคม 2567 15:02 น. สยามรัฐออนไลน์ กทม.
วันที่ 3 ม.ค. 2567 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการเริ่มเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 2 หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ ในอัตรา 15 บาท ตลอดสาย เมื่อวานนี้ (2 ม.ค.) เป็นวันแรก พบว่า เส้นทางส่วนต่อขยายด้านเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต มีผู้โดยสาร 150,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน มีรายได้ 2.25 ล้านบาท ด้านใต้แบริ่ง-สมุทรปราการ ผู้โดยสาร 67,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน รายได้ 1 ล้านบาท เทียบกับก่อนที่จะมีการเก็บค่าโดยสารด้านเหนือผู้โดยสาร 280,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน ด้านใต้ผู้โดยสาร 80,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน เนื่องจากอยู่ในช่วงวันหยุดต้องใช้เวลาเก็บข้อมูล 1 สัปดาห์ จึงจะทราบตัวเลขแท้จริง ส่วนทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ยังไม่พบปัญหา
ส่วนกรณีรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู และสายสีเหลืองเกิดขัดข้องในเวลาใกล้เคียงกัน นายชัชชาติ กล่าวว่า อยากให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะหน่วยงานเจ้าของสัมปทานดูแลทั้ง 2 โครงการ เข้มงวดเอกชนให้มากขึ้น และให้ถือเป็นบทเรียนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าใหม่เส้นทางใหม่ เกี่ยวกับการให้สัมปทานเอกชนก่อสร้างเองเหมือนกับสายสีชมพูและสายสีเหลือง หน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบได้มากน้อยเพียงใด เปรียบเทียบกับรูปแบบหน่วยงานรัฐก่อสร้างเอง ซึ่งมีอำนาจเต็มที่จะเข้าไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 16/01/2024 10:48 am Post subject:
ผู้โดยสารวูบ!สายสีเขียวต่อขยาย 2 เก็บ15 บาท ยอดใช้ลด 7 หมื่นคน/วัน กทม.มั่นใจ BTS ไม่ฟ้องคดีเพิ่ม
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันเสาร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 19:17 น.
ปรับปรุง: วันเสาร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 19:26 น.
รถไฟฟ้าสายสีเขียวผู้โดยสารวูบ เก็บ15 บาท ส่วนต่อขยาย 2 ยอดลดลงเฉลี่ย 7 หมื่นคน-เที่ยว/วัน ช่วง หมอชิต-คูคต จากช่วงฟรี 2.5 แสนคนเหลือ 2 แสนคน ช่วงแบริ่ง - เคหะฯ เหลือ 7 หมื่นคน กทม.มั่นใจมีแนวทางแก้ปัญหา พร้อมสู้คดีเชื่อ BTS ไม่ฟ้องเพิ่ม
รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ กทม.ประกาศเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต และช่วงแบริ่ง - เคหะสมุทรปราการ ในอัตรา 15 บาทตลอดสายตั้งแต่ วันนี้ 2 ม.ค. 2567 เป็นต้นมานั้น พบว่า จำนวนผู้โดยสารในช่วงดังกล่าวปรับลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ให้บริการฟรี โดยช่วงหมอชิต - สะพานใหม่-คูคต มีผู้โดยสาร ช่วงให้บริการฟรี จำนวน 250,000 คน-เที่ยว/วัน หลังหลังเก็บค่าโดยสาร จำนวนลดลงเหลือ 200,000 คน-เที่ยว/วัน หรือลดลงประมาณ 50,000 คน-เที่ยว/วันส่วนช่วงแบริ่ง - เคหะสมุทรปราการ มีผู้โดยสาร ช่วงให้บริการฟรี จำนวน 90,000 คน-เที่ยว/วัน หลังเก็บค่าโดยสาร จำนวนลดลงเหลือ 70,000 คน-เที่ยว/วัน หรือลดลงประมาณ 20,000 คน-เที่ยว/วัน
โดยประเมิน กทม.มีรายได้จากค่าโดยสารสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 ไม่น้อยกว่า 4 ล้านบาท/วัน
สำหรับความคืบหน้ากรณี บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) ฟ้องร้องค่าใช้จ่ายในการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M)ส่วนต่อขยายที่ 2 วงเงิน 24,068.62 ล้านบาท แบ่งเป็นช่วงแบริ่ง - เคหะสมุทรปราการ วงเงิน 9,771.1 ล้านบาท และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต วงเงิน 9,474.54 ล้านบาท รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ คดีความต่างๆยังอยู่ในชั้นศาล ซึ่งคาดว่าทาง BTS ก็คงรอคำพิพากษาของศาลปกครอง และเชื่อว่า ทาง BTS คงไม่ฟ้องคดีเพิ่มแล้ว เพราะตอนนี้ กทม.มีการเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 แล้ว และมีแนวโน้มในการจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งโครงข่าย ปัจจุบัน มีผู้โดยสารเฉลี่ย 800,000 คน-เที่ยว /วันโดยในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็นและช่วงเทศกาลสำคัญ หรือ มีการจีดกิจกรรมใกล้แนวเส้นทาง เช่น ลอยกระทง ปีใหม่ ลอยกระทง จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นกว่าปกติ เป็น 1,000,000 คน-เที่ยว
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44652
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/01/2024 3:23 pm Post subject:
กทม.ลุยต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว 'บางหว้า-ตลิ่งชัน' 1.4 หมื่นล้าน
กรุงเทพธุรกิจ 17 ม.ค. 2567 เวลา 8:49 น.
ชัชชาติ เสนอสภากรุงเทพมหานคร ขออนุมัติงบประมาณศึกษา ลงทุนรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน 1.4 หมื่นล้านบาท
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร วันที่ 17 ม.ค.2567 จะเสนอให้มีการเสนอขออนุมัติจัดใช้งบประมาณประจำปี 2568 เพื่อดำเนินการศึกษาพัฒนารถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน เพื่อให้โครงข่ายรถไฟฟ้าสมบูรณ์มากขึ้น
สำหรับโครงการดังกล่าว กรุงเทพมหานครจะดำเนินการเองเพราะเป็นส่วนต่อขยายเชื่อมจากโครงการเดิม ช่วงตากสิน-บางหว้า และจะมีการศึกษาความเหมาะสมรูปแบบการลงทุนในลักษณะเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP)
นอกจากนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน ผลการศึกษาเบื้องต้นมีระยะทาง 7.5 กิโลเมตร วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ มีแนวเส้นทางมีจุดเริ่มต้นบริเวณจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายสายสีลม ตากสิน-เพชรเกษม ที่สถานีบางหว้าจากนั้นไปตามแนวเกาะกลางถนนราชพฤกษ์ ผ่านทางแยกตัดถนนบางแวก (ซอยจรัญฯ 13) แยกตัดถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4
จากนั้นยกข้ามทางแยกถนนบรมราชชนนี ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตกที่อยู่ในแนวรถไฟสายใต้ มาสิ้นสุดบริเวณทางลาดลงของสะพานข้ามรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีส้มสายบางขุนนนท์-มีนบุรี ที่สถานีตลิ่งชัน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44652
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/01/2024 3:28 pm Post subject:
BTS ลุ้นสภา กทม.เคาะจ่ายหนี้สายสีเขียว 'ติดตั้งระบบ - เดินรถ' 2.3 หมื่นล้าน
กรุงเทพธุรกิจ 17 ม.ค. 2567 เวลา 7:46 น.
สภา กทม.สางปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว 17 ม.ค.นี้ นัดประชุมพิจารณาหนี้ติดตั้งระบบส่วนต่อขยาย 2.3 หมื่นล้านบาท ลุ้นเคาะจบควักเงินสะสม กทม.จ่ายทันทีภายใน 2 เดือน
การพิจารณาชำระหนี้งานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่ต้องชำระให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานและให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้า BTS
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้เสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อขออนุมัติงบต่อสภากรุงเทพมหานครแล้ว ซึ่งจะประชุมพิจารณาในวันที่ 17 ม.ค.2567 โดยยืนยันว่ามีงบประมาณเพียงพอต่อการชำระหนี้ส่วนนี้ให้แก่เอกชนผู้รับจ้างได้ทันที ประเมินวงเงินเบื้องต้นมากกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่ง กทม.จะนำเงินสะสมจ่ายขาดที่มีอยู่ 4-5 หมื่นล้านบาท มาชำระ
อีกทั้งงานค่าจ้างส่วนนี้เกิดจากค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้า เป็นก้อนหนี้ที่ครบกำหนดต้องชำระให้กับภาคเอกชน และที่ผ่านมาคณะกรรมการวิสามัญยังประชุมพิจารณาไปแล้วถึง 5 ครั้ง ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงมองว่าค่าจ้างส่วนนี้มีข้อมูลพิจารณาเพียงพอที่จะชำระให้เอกชนได้
ส่วนงานค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง O&M (Operation and Maintenance) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายช่วงที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) เรื่องนี้ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้นยังต้องรอกระบวนการศาลพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อน
เรื่องค่าจ้างงานระบบรถไฟฟ้า กทม.เราได้พิจารณาแล้วว่าเป็นค่าจ้างที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานแล้วเสร็จ ครบกำหนดจ่าย และขณะนี้รถไฟฟ้าส่วนนี้ก็เปิดให้บริการแล้ว โดยการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภา กทม.เพื่อขออนุมัติจัดใช้งบประมาณ และก่อนหน้านี้กรุงเทพมหานครได้รายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งทางกระทรวงฯ มอบหมายให้นำกลับมาเสนอในที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร
แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขั้นตอนการพิจารณาจัดใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานคร เพื่อชำระค่าจ้างงานติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น ประเมินว่าหากที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีมติอนุมัติให้จัดใช้เงินสะสมจ่ายขาดเพื่อชำระค่าจ้างส่วนนี้ได้
รวมทั้งมีมติให้ตั้งคณะกรรมการออกข้อบัญญัติเพื่อพิจารณารายละเอียดการใช้งบประมาณ ก็จะใช้เวลาราว 2 เดือนในการรวบรวมข้อมูล ก่อนกลับมาเสนอที่ประชุมสภา กทม.ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ก่อนมีผลให้จ่ายเงินแก่เอกชนคู่สัญญา
ขั้นตอนจัดใช้งบประมาณของ กทม.ก็คล้ายกับการพิจารณางบประมาณรัฐบาล ที่จะต้องเสนอเข้าที่ประชุมสภารวม 3 วาระ ซึ่งหากในวันนี้สภา กทม.อนุมัติให้จ่ายค่างานติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมทั้งมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการออกบัญญัติ หลังจากนี้ก็คาดว่าจะใช้เวลารวบรวมข้อมูล และนำกลับมาเสนอที่ประชุมสภา กทม. วาระ 2 และวาระ 3 ไม่นาน คาดว่าภายใน 2 เดือนน่าจะแล้วเสร็จ
ส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้กรุงเทพมหานครและบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ชำระหนี้ที่เกิดขึ้นตามสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยาย โดยมีมูลหนี้แบ่งเป็น
1.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,348 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,199 ล้านบาท
2.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 8,786 ล้านบาท
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44652
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/01/2024 12:02 am Post subject:
กทม.เอาเงินสะสม 2 หมื่นล้าน จ่ายหนี้สายสีเขียว | THANTALK | 18 ม.ค. 67
ฐานเศรษฐกิจ
https://www.youtube.com/watch?v=zrv8O9WhQag
สภา กทม.เคาะจ่ายหนี้ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว 2.3 หมื่นล้านบาท ให้กับ BTS เตรียมปักธงเคลียร์เริ่ม 4 เม.ย.นี้ จ่อออกร่างข้อบัญญัติดึงเงินสะสมจ่ายขาด
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า สำหรับการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 3) ประจำปีพุทธศักราช 2567 กทม.ได้เสนอต่อสภากทม.พิจาณาชำระหนี้ค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 23,000 ล้านบาท เบื้องต้นสภากทม.ได้มีมติเห็นชอบแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ ซึ่งจะต้องรอกระบวนการปรับปรุงความคิดเห็นของสภาฯก่อน หลังจากนี้จะส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยเป็นการออกร่างข้อบัญญัติขอจ่ายเงินสะสมจ่ายขาดสะสมเพื่อแก้ไขปัญหาจะพยายามนำเข้าสู่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครพิจารณาให้เร็วที่สุด ปัจจุบันกทม.มีเงินสะสมจ่ายขาดที่ปลอดภาระหนี้ประมาณ 51,200 ล้านบาท
Back to top