คานโครงการโฮปเวลล์ถล่มทับรางรถไฟหน้าวัดเสมียนนารี (01/03/55)

[greantoki515]

ไม่ทราบว่าตอนนี้เขารื้อส่วนที่ถล่มออกหมดหรือยังครับ กะว่าจะหาเวลาไปถ่ายมันซะหน่อย(อาจจะได้โปรเจคไปด้วยในตัว)
_________________

[Mongwin]

ผมว่ายังไม่ได้รื้อมั้งครับ วันอังคารเข้าไปน่าจะยังทัน ต้องค่อย ๆ รื้อ เดี๋ยวท่อก๊าซระเบิด

----------------

เริ่มรื้อซากโฮปเวลล์แล้วคาด 7 วันเสร็จ
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2555 เวลา 09:02 น.



เริ่มรื้อซากโฮปเวลล์แล้ว ผู้รับเหมาเล็งกระเทาะคอนกรีตและตัดเหล็กเส้นพื้นชานชลาเพื่อทำให้ที่ค้างตอม่อหล่นลงพื้นก่อน คาดใช้เวลาแค่ 7 วันเรียบร้อย
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (6 มี.ค. ) เจ้าหน้าที่บริษัท เอกเครน โลจิสติกค์ จำกัดประมาณ 10 คน เริ่มเข้ารื้อซากชานชลาโฮปเวลล์ที่ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยว่าจ้าง

ในโอกาสนี้นายน้อย วงศ์นาเมือง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการ กล่าวว่า การรื้อซากดังกล่าวจะใช้เวลา 7 วัน ซึ่งขั้นตอนดำเนินการ โดยเริ่มจากใช้รถเจาะคอนกรีตขนาดใหญ่กระเทาะปูนออกจนถึงเหล็กเส้นโครงสร้างภายใน จากนั้นจะตัดเหล็กออกเพื่อแยกคอนกรีตและทำให้แท่งคอนกรีตขนาดใหญ่ฝั่งซ้ายเลื่อนหลุดจากตอม่อลงมาที่พื้นก่อน เพราะเวลานี้ทางฝั่งขวาได้หลุดออกมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ด้วยความปลอดภัย

[Wisarut]

วสท.ตรวจโฮปเวลล์ พบเหตุถล่มจากนั่งร้านผุ-ชิ้นส่วนหาย สั่งตรวจตอม่อก่อนสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มีนาคม 2555 16:55 น.


จนท.ตรวจโครงสร้างโฮปเวลล์ ประเมินโอกาสถล่มอีก นายก วสท.เผย นั่งร้านเหล็กผุกร่อน-ชิ้นส่วนหาย ทำให้รับน้ำหนักคานคอนกรีตไม่ไหว และถล่มลงมา คาด 1 สัปดาห์ เคลียร์ซากได้ทั้งหมด กำชับทำอย่างระมัดระวัง เกรงกระทบท่อส่งก๊าซ ระบุ เตรียมตรวจสอบตอม่อโฮปเวลล์ตามหลักวิศวกรรม ก่อนนำมาใช้เป็นฐานรถไฟฟ้าสายสีแดง

วันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 09.00 น.นายสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และเจ้าหน้าที่จํานวนหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีรถไฟโฮปเวลล์ที่พังถล่มลงมาตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา บริเวนหน้าวัดสเมียนนารี ถนนกำแพงเพชร 6 โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้นำแผ่นสังกะสีล้อมปิดพื้นที่ พร้อมนำผ้าใบล้อมรอบบริเวณเกิดเหตุ เพื่อห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จาก 3 หน่วยงาน จะร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงโครงสร้างชานชาลาโฮปเวลล์ ที่เป็นจุดเสี่ยงในบริเวณใกล้เคียง เพื่อประเมินว่า โครงสร้างดังกล่าวมีโอกาสเสี่ยงพังถล่มหรือไม่

นายสุวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่า สาเหตุหลักที่ทำให้แผ่นคอนกรีตชานชาลาโฮปเวลล์ถล่มลงมานั้น มาจากนั่งร้านเหล็กชั่วคราว ที่มีอายุเกือบ 20 ปี ที่นำมารับแผ่นคอนกรีตไว้ เกิดการผุกร่อน และถูกขโมยนอตยึด รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ ออกไป จึงทำให้โครงสร้างอ่อนตัวลง และพังลงมา ส่วนการจัดการกับโครงสร้างที่พังลงมานั้น ได้สั่งการให้รื้อถอนโครงสร้างที่พังลงมาทั้งหมด โดยจะมีการใช้รถแบ็กโฮตัดแบ่งแผ่นคอนกรีตออกเป็นก้อนๆ ก้อนละ 10 ตารางเมตร จากนั้นใช้เครนยกลงมา ซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะแล้วเสร็จ ขณะที่ได้มีการกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ที่ทำการรื้อถอนให้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างระมัดระวังเนื่องจากในบริเวณดังกล่าวนั้น มีท่อส่งก๊าซอยู่ด้วย ซึ่งหากแผ่นคอนกรีตหล่นลงมาในจุดดังกล่าว ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้

นายสุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากเคลียร์ซากที่พังถล่มลงมาแล้วเสร็จ ทาง วสท.จะดำเนินการตรวจสอบตอม่อโฮปเวลล์ ที่มีโครงการจะนำไปเป็นฐานส่วนหนึ่งของรถไฟฟ้าสายสีแดง หัวลำโพง-ดอนเมือง โดยจะมีการตรวจตอม่อทั้งหมดว่าจะสามารถใช้การได้หรือไม่ แต่ในเบื้องต้นเชื่อว่าตอม่อทั้งหมดนั้น จะสามารถใช้การได้ เนื่องจากเป็นโครงสร้างของโครงการระดับชาติ ที่มีการออกแบบตรวจสอบอย่างถูกต้อง ซึ่งโดยปกติแล้ว โครงสร้างของโครงการลักษณะนี้ จะมีอายุ 50-100 ปี แต่ทั้งนี้ ต้องทำการตรวจสอบตามวิศวกรรมวิธีอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งทำได้หลายวิธี อาทิ นำเครื่องยิงคอนกรีต มายิงตรวจสอบว่ารับความแข็งแรงได้เท่าไหร่ และเจาะเอาตัวอย่างคอนกรีตไปตรวจสอบ

ด้าน นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการ วสท.กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีโฮปเวลล์ถล่มในวันนี้ จะเป็นการตรวจสอบเชิงกายภาพภายนอก เพื่อดูว่าจะตรวจสอบเชิงลึกอย่างไร ซึ่งหากจะนำตอม่อเหล่านี้มาใช้ วิศวกรผู้รับผิดชอบ ต้องมีการกำหนดว่า จะตรวจสอบอย่างไรเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ต้องตรวจสอบอย่างลึกซึ้งในด้านวิศวกรรม

[Wisarut]

ตอม่ออัปยศ
ข่าวคมนาคม-ลอจิสติกส์
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1281
ประจำวันที่ 7-9 มีนาคม 2555

แล้วสิ่งที่หลายคนกลัว รวมถึง สุนทรีย์ ด้วย ก็เกิดขึ้นจนได้ คือว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ตอม่อโฮปเวลล์ย่านวัดเสมียนนารีเกิดปัญหาอีกแล้ว แผ่นปูนขนาดใหญ่ของชานชาลาโครงการโฮปเวลล์พังถล่มลงมาทับทางรถไฟ บริเวณ ถ.กำแพงเพชร 6 ขาออก ใกล้กับวัดเสมียนนารี

เดชะบุญ! เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และที่สำคัญไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่มีขบวนรถไฟวิ่งผ่านเวลานั้น ไม่เช่นนั้นคงมีคนได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

สาเหตุก็คงไม่ต้องพูดมากก็รู้ว่าเกิดจากอะไร เกิดจากตัวโครงสร้างที่เก่าและไม่ได้รับการดูแลมานาน ตัวโครงสร้างก็ไม่แข็งแรงแล้ว และแรงสั่นสะเทือนของรถไฟที่วิ่งผ่านไป-มาทุกวัน วันละหลายเที่ยว ก็ทำให้ตอม่อสึกกร่อนได้ นอกจากนี้ยังว่ากันว่ามีเจ้าหัวขโมยตัวแสบคอยตัดเหล็กจากตอม่อไปขายด้วย ถึงเวลาหนึ่ง ตอม่อที่ว่าแข็งดุจหินผาก็เลยพังลงมาอย่างไม่เป็นท่า

“สุนทรีย์” จะพาท่านผู้อ่านย้อนไปดูข้อมูลโครงการนี้สักนิดว่า เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ และเหตุไฉนโครงการนี้จึงคาเป็นตอม่อเช่นนี้... “โครงการโฮปเวลล์ หรือ โครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร” เป็นโครงการก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และรถไฟฟ้ายกระดับ บนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย รูปแบบโครงการจะมีการก่อสร้างคร่อมทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน ระยะทางทั้งสิ้น 60.1 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีการเปิดประมูลสัมปทานก่อสร้าง ตามพ.ร.บ.ร่วมทุน 2535

และผู้ที่ได้คือ บริษัทโฮปเวลล์โฮลดิงส์ ของ นายกอร์ดอน วู เป็นผู้ชนะเหนือคู่แข่งคือ บริษัทลาวาลิน (SNC-Lavalin) จากแคนาดา มีการลงนามในสัญญา เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2533 โดย นายมนตรี พงษ์พานิช อดีตรมว.คมนาคม จากพรรคกิจสังคม กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย)

แผนงานการก่อสร้าง แบ่งเป็น 5 ระยะ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 60.1 กิโลเมตร ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 ยมราช-ดอนเมือง ระยะทาง 18.8 กิโลเมตร ช่วงที่ 2 ยมราช-หัวลำโพง-หัวหมาก และ มักกะสัน-แม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 18.5 กิโลเมตร ช่วงที่ 3 ดอนเมือง-รังสิต ระยะทาง 7 กิโลเมตร ช่วงที่ 4 หัวลำโพง-วงเวียนใหญ่ และ ยมราช-บางกอกน้อย ระยะทาง 6.7 กิโลเมตร และช่วงที่ 5 วงเวียนใหญ่-โพธินิมิตร และตลิ่งชัน-บางกอกน้อย ระยะทาง 9.1 กิโลเมตร

แต่การก่อสร้างโครงการโฮปเวลล์ เป็นไปอย่างล่าช้า อัตราคืบหน้าของงานไม่เป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้กับรัฐบาล ทำให้ในปี 2534 รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ได้เข้ามาตรวจสอบสัญญาสัมปทานทั้งหมดที่มีเงื่อนไขการผูกขาด โครงการโฮปเวลล์ ก็เป็นโครงการหนึ่งที่ถูกตรวจสอบโดยนายนุกูล ประจวบเหมาะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น และได้ประกาศล้มโครงการโฮปเวลล์

แม้ว่าในรัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่ 1 โครงการโฮปเวลล์ได้รับการผลักดันต่อโดยพันเอกวินัย สมพงษ์ อดี รมว.คมนาคม แต่ก็ไปไม่ได้ สุดท้ายรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2540 ให้ความเห็นชอบบอกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ หลังจากบริษัทโฮปเวลล์หยุดการก่อสร้างอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2540 เป็นต้นมา แม้ว่าต่อมาในสมัยรัฐบาลนายชวน 2 จะมีการพยายามจะผลักดันต่อแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็เลิกล้มโครงการอย่างถาวร และเป็นคดีกันหลายปี

แม้ว่าทุกวันนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะบอกว่าโครงสร้างทุกอย่างตก เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความอัปลักษณ์ไว้ และทางการรถไฟฯ ยังได้มีความพยายามนำตอม่อดังกล่าวมาพัฒนา ต่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาคงจะบอกให้การรถไฟฯ และกระทรวง คมนาคมว่า คงต้องมีการตรวจสอบครั้งใหญ่ หากตอม่อใดที่ไม่มีความปลอดภัยก็ควร จะทุบทิ้งไป เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาได้ในอนาคต และต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน เพราะสุนทรีย์ ไม่อยากให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง!

[Mongwin]

คค.จ่อชงผลสอบโฮปเวลล์ให้นายกฯทราบ
INN News วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2555 15:47น.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตรียมรายงานการตรวจสอบโครงสร้างโฮปเวลล์ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบในการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า (13 มี.ค.) กระทรวงคมนาคมจะรายงานความคืบหน้า การตรวจสอบความพร้อม และความปลอดภัยของโครงสร้างโฮปเวลล์ ให้แก่นายกรัฐมนตรี และ ครม. รับทราบทั้งหมดหลังจากการประชุม ครม. วานนี้ (6 มี.ค.) นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วง และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างโฮปเวลล์ทั้งหมด ว่ามีความแข็งแรง ปลอดภัย ที่จะนำมาใช้ ในโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดการทรุดตัวและพังลงมาบริเวณ ถ.กำแพงเพชร 6 ขาออก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเสาตอม่อของโครงสร้างโฮปเวลล์ที่นำมาใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดงนั้น เชื่อว่ามีความแข็งแรง เนื่องจากถูกออกแบบมาให้รองรับระบบขนส่งมวลชน

แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมก็ไม่ได้ประมาท จึงต้องมีการตรวจสอบจากหน่วยงานด้านวิศวกรรมก่อนที่จะสรุปผล

[Mongwin]

หลายฝ่ายร่วมมือตรวจโฮปเวลล์-อีกสัปดาห์รู้ผล
วันที่ 09 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 20:00 น. ข่าวสดออนไลน์

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยนักวิชาการสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) และนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุที่คานโฮปเวลล์ ถล่มเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้างตอม่อ หลังจากก่อนหน้านี้ รฟท.มีแผนใช้โครงสร้างโฮปเวลล์บางส่วนเป็นฐานโครงสร้าง หรือตอม่อรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

นายปั้นเจตน์ ธรรมรักษ์ นักวิชาการเอไอที กล่าวว่า การทดสอบความแข็งแรงของคอนกรีต ทั้งตอม่อโฮปเวลล์ และคานที่ร่วงลงมานั้น ใช้เครื่องมือวัดค่าเบื้องต้นที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผิวคอนกรีต โดยได้ค่าเฉลี่ยความแข็งแรงในการรับแรงกดอัดของคอนกรีตที่ 600 กิโลกรัมต่อ 1 ตารางเซนติเมตร ถือว่าความแข็งแรงของคอนกรีตโครงสร้างโฮปเวลล์มีค่าเบื้องต้นที่ได้ตามมาตรฐานในการก่อสร้าง

นักวิชาการเอไอทีกล่าวว่า แต่หากจะให้ทราบผลสภาพความแข็งแรง 100 เปอร์เซ็นต์ ทางวิชาการจะมีอุปกรณ์วัดค่าที่จะต้องมีการเจาะผิวคอนกรีต นำตัวอย่างคอนกรีตไปเข้าห้องแล็บ และตรวจค่าสนิมที่อยู่ในโครงเหล็กของเนื้อคอนกรีตด้วย หลังจากนี้เอไอทีจะเริ่มทดสอบในเชิงลึกตามหลักวิชาการดังกล่าว และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 สัปดาห์ แล้วก็จะรายงานให้ รฟท.ทราบ จะสามารถระบุได้ชัดเจนว่าโครงสร้างโฮปเวลล์สามารถใช้ในโครงการรถไฟฟ้า หรือระบบขนส่งขนาดใหญ่ได้หรือไม่

---------------

การรถไฟฯเล็งสร้างตอม่อใหม่รองรับรถไฟฟ้าสายสีแดง
ThaiPBS Fri, 09/03/2012 - 17:51

การรถไฟฯคาดว่าจะรื้อซากคานโฮปเวลล์ที่พังลงมาให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน จากนั้นก็จะสร้างตอม่อใหม่ในจุดที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน ได้เตรียมเข้าตรวจสอบความแข็งแรงของตอม่อในจุดอื่นๆอย่างละเอียด ก่อนเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต



นาทีที่ 1:05 ด้านซ้ายมือสุด คล้าย ๆ พี่น้อย suraphat เลยครับ

[Mongwin]

อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โครงการแห่งความฝัน (เฟื่อง) 'โฮปเวลล์'
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 13 มีนาคม 2555 19:16 น.

และแล้วก็ต้องมีวันนี้ เพราะหลังจากถูกปล่อยทิ้งให้เป็นซากความเจ็บปวดของระบบคมนาคมและการเมืองมากว่า 20 ปี ในที่สุดก็เกิดเหตุแผ่นปูนขนาดใหญ่ของชานชาลาโครงการโฮปเวลล์ หรือโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร บริเวณหน้าวัดเสมียนนารี ก็ถล่มลงต่อหน้าต่อหน้าประชาชนที่อยู่บริเวณนั้น ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2555

ซึ่งสืบไปสืบมาก็พบว่า สาเหตุมาจากการที่เหล็กทำเป็นนั่งร้านเพื่อทดสอบความแข็งแรงของคานนั้นถูกมือดีขโมยไปทำเศษเหล็ก จนในที่สุดคานก็รับน้ำหนักไม่ไหวและเกิดการทรุดตัวอย่างที่เห็น

แน่นอน หากจะว่าไปแล้ว ชะตากรรมของโครงการโฮปเวลล์ที่เกิดขึ้นนี้ ก็เรียกว่าไม่เหนือความคาดหมายเท่าใดนัก และดีไม่ดีนี่อาจจะเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้หลายคนต้องกลับมาพิจารณา เสาเปล่าๆ จำนวนกว่า 500 ต้นนี้เสียทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ภาคที่ 1 : อดีต

แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น ประเด็นแรกที่คงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า จู่ๆ ทำไมประเทศไทยถึงต้องมาแบกรับภาระของโครงการนี้ด้วย

ซึ่งจุดเริ่มต้นของโครงการนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีโปรเจกต์อยู่ในหัวเป็นร้อยโครงการ อย่าง 'มนตรี พงษ์พานิช' ซึ่งได้ดำริเรื่องนี้ขึ้นเมื่อปี 2533 โดยหวังจะโฮปเวลล์เป็นทางยกระดับระยะทาง 60.1 กิโลเมตร เพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดยจะยกตั้งแต่ทางรถไฟขึ้นไปเหนือผิวการจราจร เพื่อที่รถยนต์จะได้ไม่ต้องหยุดรอรถไฟ ขณะที่บริษัทโฮปเวลล์ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานจะได้รับสิทธิสร้างถนนยกระดับ เพื่อเรียกเก็บค่าผ่านทางคู่ขนานกับทางรถไฟยกระดับ และได้รับสัมปทานเดินรถบนทางรถไฟยกระดับด้วย ทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ใต้ทางรถไฟยกระดับ และอสังหาริมทรัพย์สองข้างทาง คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 600 ไร่ มีอายุของสัมปทาน 30 ปี มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2534 - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542

แต่เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศและการรัฐประหารในปีต่อมา รัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน จึงได้ทำการตรวจสอบโครงการนี้ใหม่ ก่อนจะประกาศล้มโครงการไป แน่นอนในช่วงหลังจากนี้ มีแนวคิดจะสร้างประโยชน์จากซากเสาโครงการนี้อยู่เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชวน หลีกภัย ครั้งที่ 1 ที่พยายามจะฟื้นโครงการแต่ก็ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ และบอกเลิกสัญญาในที่สุด เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2541 ในรัฐบาลชวน ครั้งที่ 2

พอถึงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มีความพยายามจะสร้างเชื่อมระบบคมนาคมทั้งหมด ด้วยการจะนำตอม่อบางส่วนมาทำแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งเมื่อสำรวจไปก็พบว่า ใช้ได้และมีมาตรฐานเพียง 50 ต้นเท่านั้น และสั่งให้ทุบตอม่อที่เหลือทิ้งให้หมด แต่สุดท้ายก็ต้องชะงัก เพราะบริษัทเจ้าของสัมปทานเดิมขู่จะฟ้อง เพราะคดีในชั้นศาลยังไม่ยุติ และระหว่างนั้น รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงปรับโครงการใหม่ ด้วยการนำเสาที่มีความมั่นคงพอมาเป็นการสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตรแทน โดยปล่อยให้โครงการโฮปเวลล์เป็นอดีตเหมือนเจ้าของไอเดีย

ภาคที่ 2 : ปัจจุบัน

แม้ที่ผ่านมาจะมีคนเสนอไอเดียเกี่ยวกับเสาโฮปเวลล์เต็มไปหมด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำเอาคนหวั่นไหวไม่ใช่น้อย จนบางคนคิดไปไกลว่า เหตุคานถล่มอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

จากการพูดคุยกับ สุวัฒน์ เชาว์ปรีชา นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ก็ทำให้ทราบความจริงว่า เสาที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ได้แข็งแรงหมด ซึ่งหากจะนำมาใช้ประโยชน์จริงก็ต้องทดสอบก่อนเป็นต้นๆ ไป โดยการทดสอบนั้น จะต้องทดสอบตั้งแต่ความแข็งแรง ความสามารถในการรับน้ำหนักของคอนกรีต ทดสอบพื้นผิวคอนกรีตว่าเกิดรูพรุนหรือไม่ เพราะอาจทำให้น้ำซึมเข้าไปและส่งผลให้โครงสร้างภายในของเหล็กเสียหายได้

“ในเบื้องต้น มองจากภายนอกทางกายภาพแล้วอาจจะใช้ได้ แต่ในทางวิศวกรรมแล้ว เราจำเป็นต้องทดสอบก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้จริง อย่างจุดที่มันพังลงมานั้นเป็นจุดที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งตรงนั้นก็มีการทำฐานเพื่อพยุงมันไว้ชั่วคราวเท่านั้น ประกอบกับผ่านระยะเวลามายาวนาน และมีนอตถูกไขออกไปอีกหลายตัว ก็ทำให้พังลงมา ซึ่งเบื้องต้นจากการสำรวจ และเห็นรอยร้าวของตอม่อในบริเวณนั้นก็ได้สั่งให้ทุบทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"

อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงโอกาสที่เสาอายุ 20 ปีที่มีอยู่ตอนนี้จะสามารถรับโครงการในอนาคตได้หรือไม่นั้น สุวัฒน์ก็แสดงความเชื่อมั่นว่า ทำได้แน่นอน เพราะเดิมโฮปเวลล์เป็นโครงการที่ใหญ่มากใช้งบหลายหมื่นล้านบาท ฉะนั้นเวลาออกแบบก่อสร้างจะทำโดยวิศวกรที่มีประสบการณ์ มีความรู้ ซึ่งแน่นอนก็มีความมั่นคงและแข็งแรงอยู่แล้ว

"โครงสร้างการรับน้ำหนักของโฮปเวลล์กับรถไฟฟ้าสีแดงไม่เหมือนกัน ของโฮปเวลล์จะรับน้ำหนักมากกว่า ฉะนั้นจึงน่าจะสามารถเอาโครงสร้างมารับรถไฟฟ้าสีแดงที่น้ำหนักเบากว่าได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า นี่เป็นข้อสันนิษฐานของผม แต่ในทางวิศวกรรมเราต้องทดสอบทั้งหมด”

"ซึ่งหากทดสอบแล้วไม่ผ่าน ก็ต้องมาหารือกันว่าจะไปใช้ประโยชน์อะไรต่อได้ ผมเห็นว่าไม่ควรซ่อมแซมเพราะอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจต่อใช้งาน เพราะนี่เป็นโครงการสาธารณะ ซึ่งหากใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ควรจะทุบทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นทัศนียภาพที่ไม่ดี”

ภาคที่ 3 : อนาคต

จริงอยู่ที่ตอนนี้ การจะใช้เสาโฮปเวลล์นั้นจะต้องผ่านขั้นตอนและกรรมวิธีอีกเพียบ แต่ก็ยอมรับว่า โอกาสที่รถไฟฟ้าสายสีแดงจะเกิดนั้นมีสูงมาก เพราะจากการเปิดเผยของยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เดินหน้าไปมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และก็มีการก่อสร้างเอาไว้แล้วบางส่วน ซึ่งแน่นอนว่า คงหมายรวมไปถึงพื้นที่เดิมของโครงการโฮปเวลล์ด้วย

คำถามที่เกิดขึ้นตอนนี้ นอกจากการจะทุบไม่ทุบ (ซึ่งต้องมีการศึกษาอยู่แล้วแน่ๆ) ก็คือแล้วพื้นที่ตรงนี้ควรพัฒนาหรือปรับปรุงอย่างไรต่อไป

ในมุมของ ธรรมมา เจียรธราวานิช อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ก็ให้ความเห็นว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยที่โครงการถูกปรับให้เป็นระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ มากกว่าจะเป็นทางด่วน หรือทางยกระดับ เพราะถือว่าประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์มากกว่า ที่สำคัญนี่ยังเป็นการลดอัตราการเติบโตของปริมาณรถยนต์ในสังคมที่มีมากจนเกินไปอีกด้วย

"การสร้างรถไฟฟ้าถือเป็นเรื่องที่คุ้มอยู่แล้ว เพราะเราต้องเน้นระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากถ้าเราไม่ทำ มันก็ไม่เกิดสักที เพราะวันใดที่มันครบวงจร คนก็จะหันมาใช้กันหมด แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็ดำเนินการให้ครบเครือข่าย ซึ่งหากจะใช้โครงสร้างเดิม ก็ต้องปรับองค์ประกอบให้เหมาะสม รวมไปถึงการวางเส้นทางซึ่งต้องอยู่ในเครือข่ายที่เชื่อมโยงและครอบคลุมทุกเส้นทาง

"อย่างโฮปเวลล์เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเครือข่ายทั้งหมด โดยตอนนี้คนส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่า การขึ้นรถไฟฟ้าเป็นเรื่องลำบากอยู่ เพราะเส้นทางไม่ครอบคลุม พอไปถึงแล้วก็ต้องไปต่อรถ ต่อแท็กซี่อีก แล้วจำนวนการรองรับผู้โดยสารก็ไม่เพียงพอยิ่งช่วงเวลาเร่งด่วน"

ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือ การพัฒนาไปร่วมกัน ทั้งระยะสั้นระยะยาว โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจให้คนอยากมาใช้บริการ โดยธรรมมายกตัวอย่างง่ายๆ ว่า เส้นทางตรงนี้ซึ่งเป็นการขนคนจากพื้นที่ข้างนอกกรุงเทพฯ เข้ามาในพื้นที่ข้างใน อย่างน้อยๆ ก็ต้องทำอาคารหรือพื้นที่จอดรถเพื่อให้คนขับจากบ้านมายังพื้นที่ตรงนี้แล้วขึ้นรถไฟฟ้า

"จริงๆ แล้ว สถานีรถไฟฟ้าหมอชิตเกือบจะถือเป็นต้นแบบที่ใกล้เคียงความจริงกับแนวคิดนี้ (การจูงใจให้คนขึ้นรถไฟฟ้า) เพราะเขามีจุดจอดรถจร คือขับรถมาถึงสถานีต้นทางแล้วจอดทิ้งไว้ ขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปตามจุดต่างๆ โดยไม่ต้องขับรถเข้าไปในเมือง แต่ถ้าจะทำเส้นโฮปเวลล์จริงๆ มันก็ต้องมีจุดแบบนี้บริเวณชานเมืองด้วย แบบนี้จะช่วยได้เยอะ เมื่อคนรู้สึกว่าสะดวก มาถึงที่ทำงานก็เดินนิดเดียว พอจะกลับก็ขับรถกลับบ้านได้เลย แบบคนจะได้รู้สึกไม่อยากขับเข้ามา เพราะอย่างที่รู้ ตอนนี้น้ำมันก็แพงด้วย"
...........

แม้ตอนนี้โครงการโฮปเวลล์ในอดีตจะจบสิ้นอย่างบริบูรณ์แล้ว แต่ก็ใช่ว่า ซากที่เหลือจะต้องทิ้งเอาไว้ เพราะอย่างน้อย สิ่งเหล่านี้ก็คือ งบประมาณของประเทศทั้งสิ้น ดังนั้นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่อย่างว่าของแบบนี้จะทำได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์และความตั้งใจจริงของผู้มีอำนาจว่าจะเอาจริงหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นการพูดเพื่อเรียกคะแนน สุดท้ายก็คงไม่ต่างกับโครงการที่ทำไม่ได้ จนต้องมีคนมาประท้วงเหมือนทุกวันนี้
>>>>>>>>>>>
………..
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK

[Mongwin]

วสท.รอรฟท.ไฟเขียวเช็กสภาพโฮปเวลล์
INN News วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2555 10:51น.

เลขาธิการ วสท. เผย ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญจากการรถไฟฯ อย่างเป็นทางการ ให้เข้าตรวจสอบโครงสร้างโฮปเวลล์ ภายหลังแผ่นปูนถล่ม

นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. เปิดเผยถึงเรื่องการตรวจสอบโครงสร้าง โครงการโฮปเวลล์ ทั้งหมด ภายหลังจากที่แผ่นปูนขนาดใหญ่ บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ขาออก ใกล้กับวัดเสมียนนารี พังถล่มลงมา แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 นั้น ขณะนี้ วสท. ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. ให้เข้าทำการตรวจสอบว่า โครงสร้างของโครงการโฮปเวลล์นั้น จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต ตามที่การรถไฟต้องการได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงการโฮปเวลล์ สิ้นสุดลงในสมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย สมัยที่ 2 หลังดำเนินการก่อสร้างเป็นเวลา 7 ปี ซึ่งมีความคืบหน้าเพียง 13.77% ขณะที่ แผนงานกำหนดว่า ควรมีความคืบหน้า 89.75% ต่อมา กระทรวงคมนาคม ได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2541 โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม