จากประจวบคีรีขันธ์ถึงมะริด(แก้ไขกระทูู้-จากสิงขรถึงมูด่อง)

[Wisarut]

มูด่องเปิดด่านรอไทยไฟเขียว ประมงจ่อขนปลาเข้ามหาชัย
เดลินิวส์
วันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 เวลา 00:00 น.

แจงมูด่องเปิดด่านแล้ว แต่สิงขรของไทยยังเจรจายังไม่ลงตัว เมียนมาร์ขอข้ามแดนลึกถึงตัวเมืองประจวบ ทัวร์ทะเลหว้ากอ ท่องเที่ยวรอเปิดตลาดเยือนไทยโบราณฝั่งมะริด ตะนาวศรี

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางการสหภาพเมียนมาร์ ได้เปิดเป็นด่านถาวรแล้ว โดยผู้บริหารภาคจากมณฑลตะนาวศรี ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม แต่เป็นการเปิดฝ่ายเดียว ขณะที่ด่านสิงขร ของไทย ยังมีสถานะเป็นจุดผ่อนปรนตามเดิม ส่วนการค้าขายหรือการข้ามแดน ทำได้ตามปกติ ทางฝ่ายเมียนมาร์ เปลี่ยนการดูแลพื้นที่จากกำลังทหาร เป็นตำรวจ การอำนวยความสะดวกทำให้ดีกว่าเดิม

ข่าวแจ้งว่า ทางการระดับท้องถิ่นของ 2 ประเทศกำลังเจรจากัน เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับการเปิดด่านของไทย เพื่อให้การข้ามแดนสิงขร-มูด่อง เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุป โดยตัวแทนของเมียนมาร์ ขอข้ามแดนลึกถึงตัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะนักท่องเที่ยว นักธุรกิจประสงค์จะไปเที่ยวชายหาดที่ตำบลหว้ากอ ไหว้พระ เที่ยวเขาช่องกระจก ซึ่งหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เห็นด้วย แต่ยังมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ต้องพิจารณากันหลายระดับ ทั้งนี้ หากฝ่ายไทยยินยอมให้ชาวเมียนมาร์เข้ามาได้ถึงตัวจังหวัด ทางการเมียนมาร์ ก็จะให้นักท่องเที่ยวจากไทย ข้ามไปถึงอำเภอมะริด ตะนาวศรี ขณะที่ปัจจุบันอนุญาตให้อยู่ข้ามมาได้เพียง 2 กม.เท่านั้น

นายโชติ โชติยากร รองประธานหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ประสานงานการเปิดด่านการค้าถาวรไทย-เมียนมาร์ ด่านการค้าชายแดนด่านสิงขร-มูด่อง กล่าวว่า หากการเปิดด่านถาวรเสร็จเรียบร้อย จะมีการเจรจากับกิจการประมงเมียนมาร์ให้นำปลาขึ้นที่ท่าเมืองมะริด ส่งเข้าไทยทางด่านสิงขร ไม่ต้องไปขึ้นที่ท่าเรือในทะเลอันดามันเพื่อเข้าสู่จังหวัดระนอง โดยการเข้าด่านสิงขร จะได้รับความสะดวกเพราะเส้นทางจากด่านสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพียง 20 กม.เดินทางสู่ปลายทางตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร ใช้เวลาอีกเพียง 4 ชม. จะได้ปลาที่สดกว่า และต้นทุนต่ำกว่า

“เวลานี้ธุรกิจการท่องเที่ยวเตรียมการแล้ว มีศักยภาพมาก เช่นการพานักท่องเที่ยวไทยข้ามไปเมืองสิงขร ซึ่งเป็นชุมชนไทยโบราณที่อยู่ติดแผ่นดิน ก่อนจะเสียดินแดนใน พ.ศ. 2411 ประชาชนส่วนใหญ่ยังพูดภาษาไทยได้” สำหรับการรองรับนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่สนใจการทำอุตสาหกรรม ตามแผนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมของเมียนมาร์นั้น นายโชติกล่าวว่าให้ประสานงานกับทางหอการค้าได้เลย เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับหอการค้ามะริดที่พร้อมอำนวยความสะดวกในการยื่นเรื่องราว แทนที่จะต้องเริ่มต้นที่เมืองย่างกุ้ง.

..........................................................................................................

สิงขร มาก่อน ทวาย

มีรายงานว่า แม้รัฐบาลเมียนมาร์พยายามส่งเสริมการลงทุนที่นิคมอุตสาหกรรมทวาย แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า กว่าโครงการเห็นผลสำเร็จ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี แต่ทางการจำต้องเร่งการเปิดประเทศ เพื่อติดต่อการค้าให้ทันก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 จึงคาดหวังกับด่านสิงขร-มูด่อง อย่างมาก เพราะมีศักยภาพสูง กล่าวคือ เป็นด่านที่ห่างจากถนนเพชรเกษม ราว 20 กม. จากนั้น เดินทางด้วยรถยนต์เพียง 275 กม.จะถึงกรุงเทพฯ จึงเป็นเขตชายแดนที่ใกล้เมืองหลวงของไทยมากที่สุด

โชติ โชติยากร รองประธานหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเมียนมาร์ ในย่านมะริด ตะนาวศรี อย่างดี บอกว่า นอกจากใกล้กรุงเทพฯ หากวัดระยะทางถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ก็ห่างกัน 700 กม. นักท่องเที่ยวจากสองประเทศ ซึ่งนิยมขับรถมาเที่ยวเมืองไทย เลยมาถึงประจวบฯ แล้วเข้าเมียนมาร์ทางด่านสิงขร–มูด่องได้ ที่เมืองมะริด มีสนามบินมาตรฐานที่บินต่อไปยังย่างกุ้งได้ใช้เวลา 1 ชม. ไม่ต้องเดินทางไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

[Mongwin]

พม่าชิงเปิด 3 ด่านให้วีซ่าเที่ยวชั้นใน
วันพุธที่ 03 เมษายน 2013 เวลา 11:24 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ

พ่อค้าชายแดนเตรียมเฮ เมียนมาร์ประกาศยกเลิกกีดกันสินค้านำเข้า-ส่งออกรวมกว่า 300 รายการ พร้อมเปิด 3 ด่านชายแดนเกาะสอง เมียวดี ท่าขี้เหล็ก ให้คนถือวีซ่าเดินทางเข้าไปจังหวัดชั้นในได้

บรรยากาศคึกคักหน้าด้านแม่สอด-เมียวดี ในวันแรกหลังรัฐบาลเมียนมาร์เปิดให้ใช้วีซ่าเข้าจังหวัดชั้นในได้จาก 3 ด้านพรมแดนไทย-เมียนมาร์(1เมษายน2556)ผู้ว่าฯตากชี้หลังเมียนมาร์ยกเลิกกีดกันสินค้าจะทำให้ค้าชายแดนแม่สอดทะลุแสนล้าน ด้านผู้ค้าชายแดนแม่สายเชื่อหนุนการค้าชายแดนโตเพิ่ม ขณะที่ผู้ประกอบการทัวร์เตรียมปรับเส้นทางรองรับ

นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดจาก 10 จังหวัดชายแดนที่ติดต่อกับเมียนมาร์ ได้เข้าพบและร่วมประชุมกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง เพื่อรับทราบข้อมูลและการติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ไทย-เมียนมาร์ และความเปลี่ยนแปลงในเมียนมาร์ พบว่าขณะนี้เมียนมาร์ได้ประกาศยกเลิกกีดกันการส่งออกสินค้า 166 รายการและสินค้านำเข้า 152 รายการ รวมสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกที่เมียนมาร์ยกเลิกกีดกัน 318 รายการ เพื่อให้การค้าชายแดนเป็นไปอย่างเสรีมากขึ้น และเตรียมรองรับการเป็นประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ทำให้ในอนาคตพ่อค้านักธุรกิจไทยและเมียนมาร์ สามารถที่จะซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า เพิ่มขึ้น ตามช่องทางการค้าชายแดน นับเป็นเรื่องใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันที่ดี ซึ่งเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมาทางด่านแม่สอด-เมียวดี มีมูลค่าการค้าชายแดนเกือบ 40,000 ล้านบาท คาดว่าเมื่อมีการยกเลิกการกีดกันสินค้าดังกล่าว จะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนในปี 2556 เรื่อยไปจะทะลุแสนล้านบาท

นอกจากนี้สถานทูตไทยในกรุงย่างกุ้ง ยังได้แจ้งให้ทราบอีกว่า เมียนมาร์ได้เปิดด่านพรมแดนถาวร ด่านแม่สอดอย่างเป็นทางการ โดยจะอนุญาตให้ชาวไทย เดินทางจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เข้าไปในเมืองชั้นในของพม่าได้ทุกแห่ง เป็นการใช้วีซ่าเพียงอย่างเดียว ก็สามารถเดินทางได้ทั้งทางเครื่องบินและรถยนต์ โดยจะเปิดให้เข้าประเทศด้วยวีซ่าผ่านด่านแม่สอดได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2556 เป็นต้นไป ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งการค้าชายแดน การท่องเที่ยว โดยสามารถเดินทางโดยรถยนต์ไปจนถึงพระธาตุอินทร์แขวน เมืองผาอัน เจดีย์ชเวดากองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมียนมาร์ได้ เป็นการเปิดประตูเออีซีที่นครแม่สอด

นายสนชัย อุ่ยเต็กเค่ง นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า จากการที่ทางการเมียนมาร์เตรียมที่จะเปิดช่องทางการเข้า-ออกประเทศเมียนมาร์เพิ่มจากเดิมมีช่องทางเดียวคือ ต้องเดินทางจากกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าสู่ประเทศเมียนมาร์ แต่ขณะนี้ทางการเมียนมาร์เตรียมเปิดช่องทางการเข้า-ออกเพิ่มอีก 3 ช่องทาง คือ บริเวณเกาะสอง ท่าขี้เหล็ก และเมียวดี คาดจะส่งผลดีต่อการพัฒนาการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับเมียนมาร์ โดยเฉพาะในส่วนของจังหวัดระนองที่คาดว่าในอนาคตจะกลายเป็นจุดพื้นที่สำคัญทางตอนใต้ในการเดินทางเข้าสู่ประเทศเมียนมาร์ โดยเฉพาะหลังการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558

ด้านนางสาวผกายมาศ เวียร์รา ประธานคณะกรรมการสาขาจังหวัดเชียงราย สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-พม่า และผู้บริหารกิจการในเครือไทย-อินโด ไชน่ากรุ๊ป เปิดเผยว่า การยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ประเทศเมียนมาร์ ในการห้ามนำเข้าและส่งออกสินค้าตามช่องทางชายแดน ถือว่าเป็นมิติที่ดีต่อการค้าระหว่างไทยกับเมียนมาร์ จะส่งผลให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน ซึ่งอยากเสนอแนะให้รัฐบาลไทยโดยหน่วยงานรับผิดชอบ เร่งพิจารณายกฐานะจุดผ่อนปรน เป็นช่องทางการส่งออกและนำเข้าสินค้าอยู่แล้ว ให้เป็นด่านถาวรให้มากขึ้น

ขณะที่นายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ระบุกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หอการค้าจังหวัดเชียงราย จะผลักดันให้รัฐบาล ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาร์ ในการพัฒนาเส้นทางการคมนาคม ระหว่างเชียงตุง-ตองกี เนื่องจากจะเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้า จากแม่สายไปถึงศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐฉาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษามาร์เก็ตแชร์(ส่วนแบ่งทางการตลาด) ของสินค้าไทย ซึ่งเป็นที่นิยมของประชาชนในรัฐฉานอยู่แล้ว เพราะถ้าหากไม่เร่งทำ โอกาสที่สินค้าจากชาติอื่นๆ จะเข้ามาเบียดแทรกมาร์เก็ตแชร์สินค้าไทยมากขึ้น

นางสาวปาริฉัตร เวียร์รา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม่โขงเดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด ผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย-เมียนมาร์และประเทศในอาเซียน เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงกติกาดังกล่าวย่อมส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวระหว่างไทย-เมียนมาร์อย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาการเดินทางเข้าเมียนมาร์ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยการใช้บอร์เดอร์พาส(หนังสือผ่านแดนชั่วคราว) หลายครั้งเกิดข้อจำกัดหลายอย่าง เชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆในเมียนมาร์เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเชียงตุง ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพียงแค่ประมาณ 160 กิโลเมตรเท่านั้น

"บริษัท กำลังดำเนินการในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูตทัวร์(เส้นทางการท่องเที่ยว) เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวชั้นในที่สามารถเดินทางเชื่อมกันได้ด้วยสายการบินภายในของเมียนมาร์ อย่างเช่นเส้นทาง ท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง-ตองกี-มัณฑะเลย์ เป็นต้น ซึ่งมีหลายสายการบินของทางการเมียนมาร์ทำเที่ยวบินอยู่แล้ว"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,832 วันที่ 4 - 6 เมษายน พ.ศ. 255

----

พม่าเปิดทำวีซ่าหน้าด่านอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2555 11:49 น.

http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2286770
นักท่องเที่ยวเข้าแถวขณะรอเจ้าหน้าที่ตรวจหนังสือเดินทางที่สนามบินนานาชาตินครย่างกุ้ง ทางการพม่าประกาศเริ่มเปิดให้ขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ visa-on-arrival ที่สนามบินนานาชาตินครย่างกุ้งแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บรรดานักธุรกิจและนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าพม่าเพื่อลงทุนหรือท่องเที่ยว. -- Xinhua/U Aung.


ซินหัว - ทางการพม่าเริ่มให้บริการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa-on-arrival) ตั้งแต่วันศุกร์ (1 มิ.ย.) ที่สนามบินนานาชาตินครย่างกุ้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนพม่าเพื่อการลงทุน และท่องเที่ยว

การทำวีซ่าที่หน้าด่านเช่นนี้ จะเปิดทำให้แก่ผู้ที่เดินทางเยือนพม่าเพื่อติดต่อธุรกิจ เดินทางผ่านประเทศ และท่องเที่ยว จาก 25 ประเทศ และ 1 ดินแดน ที่ประกอบด้วย 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และสหรัฐฯ รวมทั้งไต้หวัน โดยวีซ่าเพื่อการติดต่อธุรกิจจะอนุญาตให้พำนักอยู่ในพม่าได้นาน 70 วัน คิดค่าธรรมเนียม 50 ดอลลาร์ ส่วนวีซ่าสำหรับท่องเที่ยวอนุญาตให้พำนักในประเทศได้ 28 วัน ค่าธรรมเนียม 40 ดอลลาร์ และวีซ่าสำหรับเดินทางผ่านพำนักอยู่ในประเทศได้นาน 24 ชั่วโมง ค่าธรรมเนียม 20 ดอลลาร์

ทั้งนี้ การขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองเคยระงับให้บริการในเดือน ก.ย. 2553 ก่อนพม่าจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน พ.ย. ปีเดียวกัน

ตามสถิติของทางการพม่าระบุว่า พม่ามีรายได้จากการลงทุนจากต่างชาติเป็นมูลค่า 8,464 ล้านดอลลาร์ ในปี 2554 และจนถึงเดือน ม.ค. 2555 มูลค่าลงทุนรวมในพม่าพุ่งถึง 40,429 ล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 458 โครงการ นับตั้งแต่พม่าเปิดให้ต่างชาติเข้าลงทุนในปลายปี 2531 ขณะเดียวกัน การแก้ไขกฎหมายการลงทุนต่างชาติที่ใช้มายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ จะมีขึ้นในช่วงการประชุมสภาสมัยหน้า ระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวพม่า รัฐบาลพม่าพยายามกระตุ้นการลงทุนจากต่างชาติในภาคส่วนนี้เช่นกัน ตามสถิติระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพม่าผ่านทางสนามบินนานาชาตินครย่างกุ้งมีถึง 359,359 คน ในปี 2554 และคาดว่าจะมีจำนวนถึง 1.5 ล้านคนในปี 2555

ตามสถิติของกระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยว ในปี 2554 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพม่ามากกว่า 800,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 24,000 คน หรือร้อยละ 3 จาก 790,000 คน ในปี 2553 และจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2555 มีทั้งหมด 98,486 คน ส่วนใหญ่มาจากอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก ยุโรปตะวันออก แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

จนถึงเดือน ก.พ.2555 พม่ามีโรงแรมที่พักรวมทั้งหมด 739 แห่ง เป็นโรงแรมที่ลงทุนโดยต่างชาติทั้งหมด 22 แห่ง โรงแรมร่วมทุน 4 แห่ง โรงแรมของรัฐ 6 แห่ง และโรงแรมของเอกชนอีก 707 แห่ง ซึ่งพม่าสามารถทำรายได้จากภาคการโรงแรมและท่องเที่ยวรวม 319 ล้านดอลลาร์ ในปี 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จาก 254 ล้านดอลลาร์ในปี 2553

พม่ากำลังจะเข้าร่วมองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) ในเร็วๆ นี้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของประเทศ และสมาพันธ์การท่องเที่ยวพม่ากำลังระดมทุนเพื่อนำไปพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศ จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม อนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว สำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ และเข้าร่วมกิจกรรมจัดแสดงการท่องเที่ยวในต่างประเทศ นอกจากนั้น ทางการพม่าจะเชิญชวนให้มีการลงทุนจากต่างชาติในภาคส่วนการโรงแรม และการท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างงานให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นอีกเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลตั้งเป้าที่จะเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีกมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศในอีก 2 ปีข้างหน้า.

[Wisarut]

เปิดแผนพัฒนา "ด่านสิงขร" จุดพลุค้าชายแดนทะลุ 3 หมื่นล้าน !
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
14 ตุลาคม 2556 เวลา 10:42:23 น.

นอกจากหัวหินแล้ว ชั่วโมงนี้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กำลังเร่งผลักดันให้ด่านสิงขรเปิดเป็นด่านถาวรโดยเร็ว เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยงกับการค้า การลงทุนด้านชายแดนฝั่งตะวันตก

"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "วีระ ศรีวัฒนตระกูล" ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงแผนรองรับโอกาสทางเศรษฐกิจหลังการเปิดด่านสิงขรเป็นด่านการค้าถาวรในอนาคต

- เตรียมแผนรองรับการเปิดด่านสิงขรเป็นด่านถาวรอย่างไรบ้าง

ศักยภาพหลักของประจวบคีรีขันธ์ด้านเศรษฐกิจ คือ ภาคการท่องเที่ยวตั้งแต่หัวหิน ปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี ฯลฯ ล่าสุดคือด่านสิงขรที่กำลังจะเปิดเป็นด่านถาวร ไม่นับรวมภาคการเกษตรที่มีพืชเศรษฐกิจทั้งสับปะรด มะพร้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ซึ่งทั้งหมดนี้นำมาเป็นยุทธศาสตร์จังหวัดวางวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่า จะส่งออกมะพร้าว สับปะรดให้เป็นที่หนึ่งของโลก และเป็นสังคมของมิตรไมตรีเพื่อให้สอดรับกับเรื่องการท่องเที่ยว

ล่าสุดศักยภาพที่เพิ่มสูงขึ้นมา คือ เรื่องการค้าชายแดนที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของประจวบฯ โดยมีแผนที่จะพัฒนาให้เชื่อมโยงกับเรื่องการค้า การลงทุน และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

- การเปิดด่านสิงขรจะเกิดประโยชน์อย่างไร

ศักยภาพของด่านสิงขรไม่เหมือนจุดอื่น ๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ไม่ต้องขึ้นเขาสูง สามารถเดินทางไปในแนวราบถึงเมืองมะริด ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของพม่า เราจึงเล็งเห็นว่าน่าจะทำเป็นเส้นทางที่สามารถจัดทริปการท่องเที่ยวย้อนรอยประวัติศาสตร์ไทยได้

วันนี้ฝั่งพม่าเปิดเป็นด่านถาวรแล้ว เขาสามารถข้ามเขตมาหาเราได้ ซึ่งจากการสำรวจพบว่าชาวพม่าจำนวนมากให้ความสนใจที่จะมาเที่ยวประจวบฯ หากเราเปิดเส้นทางนี้เป็นด่านถาวรเมื่อไหร่ เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประจวบฯเข้าไปเมืองมะริด และจากพม่าก็จะเข้ามาเที่ยวประจวบฯ นี่คือโอกาสของการท่องเที่ยว

ส่วนด้านการค้า วันนี้มูลค่าการค้าอยู่ที่เดือนละ 20 ล้านบาท หรือปีละ 200 ล้านบาท แต่หากเป็นด่านถาวรตั้งเป้าว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 3,000 ล้านบาท หรือปีละ 3 หมื่นล้านบาท

- ทำไมตั้งเป้ามูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นมหาศาล

เหตุผลก็เพราะพม่าจะย้ายฐานการขนส่งสินค้าประมงจากมะริดที่เคยส่งผ่านด่านเกาะสอง จังหวัดระนอง มาสู่เส้นทางด่านสิงขร เนื่องจากขณะนี้สินค้าที่ส่งจากมะริดไประนองใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมงแล้วต้องเดินทางจากระนองมาส่งที่จังหวัดสมุทรสาครอีก 7-8 ชั่วโมง

แต่หากมาเส้นทางด่านสิงขรจะใช้เวลา 6 ชั่วโมง ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทางและสินค้ามีคุณภาพมากขึ้น ที่สำคัญเมื่อมีการขนส่งสินค้าผ่านด่านนี้พม่าก็จะซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากฝั่งไทยกลับไปด้วย ไม่นับรวมการค้าขายอย่างอื่นก็จะผ่านช่องทางนี้อีกมหาศาล นอกจากนี้ด่านสิงขรยังเป็นเส้นทางที่จะเข้าไปเมืองมะริดและทวายได้ ปัจจุบันทวายเข้าทางกาญจนบุรี แต่การค้าการท่องเที่ยวยังเกิดขึ้นไม่ได้มาก เพราะทวายจะเป็นเมืองอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึก

แต่ที่เมืองมะริดซึ่งอยู่ฝั่งประจวบฯการค้าการท่องเที่ยวเกิดขึ้นได้ทันที เพราะมะริดเป็นเมืองใหญ่มีเกาะมากถึง 800 เกาะ และเป็นเกาะที่มีความบริสุทธิ์

วันนี้การลงทุนด้านการท่องเที่ยวที่มะริดยังไม่เกิด แต่มีคนไทยเตรียมไปลงทุนด้านการท่องเที่ยวที่มะริดแล้ว

- ขณะนี้ในฝั่งพม่ามีการลงทุนอะไรบ้าง

พม่าเตรียมทำนิคมอุตสาหกรรมติดกับเขตไทย เพื่อที่จะดึงนักลงทุนจากไทยส่วนหนึ่งเข้าไปลงทุน เช่น โรงไฟฟ้า การเกษตร โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ส่วนพม่าจะลงทุนสินค้าประมงแปรรูป เพราะมะริดเป็นเมืองประมง

ฉะนั้นอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปจากไทยหลายส่วนจากด่านนี้จะเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เป็นจุดที่นักลงทุนจะหลั่งไหลเข้า-ออกพม่าได้สะดวก

ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประจวบฯ คือ นักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่จะเข้ามาประจวบฯเพื่อจะไปมะริด และไม่เพียงแต่พม่าและคนไทย แต่ยังมีชาวต่างประเทศฝั่งยุโรปที่จะมาเที่ยวไทย เที่ยวพม่า ตรงนี้จะเกิดการตื่นตัวมหาศาล

ผมคิดว่าด่านสิงขรจะเป็นแลนด์บริดจ์ที่สำคัญ เพราะเป็นด่านชายแดนที่ใกล้กรุงเทพฯที่สุด สามารถเชื่อมต่ออันดามันและอ่าวไทย วันนี้อ่าวไทยมีท่าเรือน้ำลึกแล้ว ส่วนที่มะริดก็มีท่าเรือแต่ยังไม่ถึงขั้นท่าเรือน้ำลึก การขนส่งสินค้าสองคาบสมุทรนี้ทำได้ในระดับหนึ่ง แต่หากเปิดเป็นด่านถาวรจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เกิดการขนส่งประมง ฉะนั้นโอกาสมหาศาลสำหรับประจวบฯคือด้านสินค้าประมง การท่องเที่ยว สินค้าอุปโภคบริโภค และการเกษตร

- มีแผนรองรับโอกาสเหล่านี้อย่างไรบ้าง

สิ่งที่เราเตรียมคือการอำนวยความสะดวกกับการลงทุน รูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือมีโครงการออกแบบอาคารด่านพรมแดนใหม่ พร้อมทั้งอาคารและองค์ประกอบอื่น ๆ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ ขณะนี้การศึกษาใกล้เสร็จแล้ว

ส่วนด้านการลงทุนและการท่องเที่ยวมีการจับคู่ทางการค้าของหอการค้าประจวบฯและหอการค้ามะริดซึ่งมีผู้ที่สนใจลงทุนด้านการขนส่ง การคมนาคม โรงแรม รีสอร์ต และบริษัททัวร์ เร็ว ๆ นี้จังหวัดเตรียมเดินทางไปเซ็นเอ็มโอยูเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองมะริด

- จะเปิดเป็นด่านถาวรได้เมื่อไหร่

คาดว่าอย่างช้าที่สุดจะเป็นเดือนพฤศจิกายนนี้เพราะเหลือขั้นตอนสุดท้ายคือการสำรวจเขตแดนร่วมกันระหว่างไทยกับพม่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งกรมแผนที่ทหารฝ่ายไทย ตัวแทนกระทรวงมหาดไทย ตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ กำลังปักหมุดเขตแดนอยู่ที่ด่านสิงขรร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพม่า ซึ่งขั้นตอนนี้จะเสร็จราววันที่ 31 ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็จะนำข้อมูลกลับไปนำเสนอคณะกรรมการเขตแดนของทั้ง 2 ประเทศ และไปสู่ขั้นตอนการประกาศเป็นด่านถาวร ซึ่งผมมั่นใจว่าจะเปิดเป็นด่านถาวรได้แน่นอน เพราะทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน

- หากเปิดด่านถาวรแล้วจะเน้นพัฒนาด้านใดเป็นพิเศษ

จะเน้นด้านการท่องเที่ยวผ่านการค้าชายแดนเป็นหลัก รวมทั้งการพัฒนาการขนส่งสินค้าเกษตร รวมทั้งป้อนสินค้าโอท็อปสู่ตลาดต่างประเทศด้วย เพราะจุดนี้จะเป็นจุดดัก 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงคนกรุงเทพฯ หรือชาวต่างประเทศที่จะมาท่องเที่ยว แต่ประเด็นสำคัญคือ นี่คือประตูสู่ความตื่นตัวด้านการลงทุนที่จะเข้าไปในพม่า

[Wisarut]

ตอนนี้มีบริษัททัวร์ Vega Travel เสนอการ เดินรถนำเที่ยวผ่านแดนจากกรุงเทพ ไป ย่างกุ้ง แต่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า 2 วันเป็นอย่างน้อย - มีเสนอพาคนไทยไปเที่ยวถึงมัณฑะเลย์ - พุกาม ผาอัน ในรัฐกะเหรี่ยง ทวาย ในรัฐตะนาวศรี และ มะละแหม่งกะพระธาตุอินทร์แขวน ที่รัฐมอญ นอกจากนี้ ปลายกุมภาพันธ์ยังเสนอให้คนพม่าที่รวยนั่งรถจาก ย่างกุ้งหรือ มะละแหม่งเข้ามากรุงเทพ แถมพกด้วยการไปนครวัดที่เสียมเรียบด้วย

ขณะนี้จะไปพม่า ต้องไปแม่สอดก่อน แล้สเดินข้ามสะพานมิตรภาพไปขึ้นรถ บขส. พม่าไป ย่างกุ้ง แต่ต้องมีหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตพร้อมวีซาเข่าพม่ามาล่วงหน้าก่อน ส่วนพม่าก็เช่นกัน ไปเมียววดี ก่อนแล้วเดินข้ามสะพานมาฝั่งแม่สอดก่อนขึ้นรถมากรุงเทพ

Vega Travel ได้เสนอว่า ถ้าคนพม่าที่มีเงินอยากนั่งรถมากรุงเทพ ก็จ่ายค่าอำนวนความสะดวกในการทำวีซาเข้าไทย ผ่าน Vega Travel ราวๆ 5000 จั๊ต (หรือ 5 ดอลลาร์) นอกเหนือจากค่าวีซ่า 40 ดอลลาร์ (4หมื่นจั๊ต) ส่วนคนเขมรถ้าอยากมาพม่าก็มี Visa on Arrival ให้ด้วย ถ้าพม่าจากย่างกุ้งจะไปกรุงเทพก็ต้องจ่าย 55000 จั๊ต พม่าและกะเหรี่ยงจากผาอัน จะไปกรุงเทพก็ต้องจ่าค่าตั๋ว 45000 จั๊ต ส่วนพม่ากะมอญจากมะละแหม่งจะไปกรุงเทพ ก็จ่ายค่าตั๋วมา 4หมื่นจั๊ต แต่ ถ้าจากย่างกุ้งจะไปเสียมเรียบก็ต้องจ่ายมา 6หมื่นจั๊ต

การเดินทางจากย่างกุ้งไปกรุงเทพใช้เวลา 24 ชั่วโมงพอๆกะการนั่งทรมานบันเทิงจาก นครหลวงเวียงจัน ไปกรุงฮานอย รถออกย่างกุ้ง 6 โมงเช้า ถึงด่านเมียวดี 4-5 โมงเย็น หลังจากผ่านด่านมาแล้วก็ต้องข้ามสะพานมิตรภาพไปด่านแม่สอด กว่าระจะออกจากแม่สอดก็ 1-2 ทุ่ม พอหาอะไรกินที่แม่สอดได้บ้าง กว่าจะถึงกรุงเทพก็ 6 โมงเช้า จากนั้นก็นั่งรถต่อไปจากกรุงเทพ อีก 8-9 ชั่วโมงผ่านด่านอรัญประเทศไปเสียมเรียบ และ จะเสนอ ตารางเดินรถอย่างเป็นทางการเมื่อได้มีการเดินรถ ผ่านเทอกเขา Dawna ไปด่านเมียววดี


http://www.irrawaddy.org/burma/travel-agency-launches-overland-trips-rangoon-bangkok.html

[Wisarut]

ส.รถบรรทุกหนีท่าเรือทวายหันวิ่งโลจิสติกส์สิงขร-มะริด
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2014 เวลา 12:24 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,983 วันที่ 14 - 17 กันยายน พ.ศ. 2557

สมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก วอนคมนาคมเร่งวางโครงข่ายเชื่อมโยงรถไฟ-ท่าเรือน้ำลึกประจวบ ให้พร้อมรับมือเปิดด่านสิงขร-มะริด ล่าสุดกลุ่มธุรกิจเบียร์ช้าง ปูนอินทรีย์ แห่จับจองที่ดินแปลงใหญ่หลังด่านมูด่องรายละ 2 หมื่นไร่ ด้านบิ๊ก บริษัทสิงขร- เมียนมาร์ฯ ก่อสร้างเผย 2 ปีราดยางถนนเชื่อมโยงแล้วเสร็จ
นายดำรงค์ ธรรมอร่ามกิจ นายกสมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่ามองเห็นโอกาสของการเชื่อมโยงเส้นทางโลจิสติกส์ผ่านด่านสิงขรของไทยกับด่านมูด่อง ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดให้รัฐบาลไทยเปิดด่านสิงขรให้เป็นด่านถาวรอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากเส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่ของภาคตะวันตกนอกเหนือจากเส้นทางที่มุ่งสู่ท่าเรือน้ำลึกทวาย ซึ่งผ่านทางด่านบ้านน้ำพุร้อน จังหวัดกาญจนบุรี

ทั้งนี้เส้นทางดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึกประจวบคีรีขันธ์ ที่กลุ่มบริษัทสหวิริยาฯ ใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังเชื่อมโยงกับสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ที่สามารถขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ป้อนสู่ 14 จังหวัดภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑลหรือภาคอื่นๆได้อย่างสะดวก
"คงจะต้องมีการหารือเรื่องการใช้รถข้ามแดนช่วงผ่านด่านดังกล่าวให้ชัดเจนในเรื่องต่างๆ ปัจจุบันมีข้อตกลงกันว่าใช้รถได้ในเขตพื้นที่เมืองประจวบคีรีขันธ์กับเมืองมะริดเท่านั้น สำหรับการขนส่งทางถนนฝั่งไทยมีความพร้อมมากกว่า โดยอยู่ห่างจากสถานที่สำคัญของจังหวัดประมาณ 20-30 กิโลเมตรเท่านั้น เช่น ท่าเรือน้ำลึกประจวบ สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ที่สามารถรองรับการขนส่งต่อเนื่องไปสู่พื้นที่ต่างๆได้ทันที"
นอกจากนี้สมาคมเชื่อมั่นว่าด่านสิงขรจะมีอนาคตเร็วกว่าท่าเรือน้ำลึกทวายเนื่องจากกลุ่มนักธุรกิจของเมืองมะริดลงมาดำเนินการเอง อีกทั้งทวายยังไม่มีความชัดเจนในหลายเรื่อง เนื่องจากเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ แต่สำหรับการลงทุนที่มะริดสามารถต่อยอดได้ทันทีทั้งในเรื่องการลงทุนด้านประมง การต่อเรือ การท่องเที่ยว หรือการเกษตรโดยไม่ต้องง้อแหล่งทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ
ด้านนายสมศักดิ์ หอยทอง กำนันตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และในฐานะผู้ร่วมลงทุนบริษัท สิงขร-เมียนมาร์ ก่อสร้าง จำกัด ที่ได้รับสัมปทานก่อสร้างเส้นทางจากด่านสิงขรถึงเมืองมะริดในปัจจุบัน กล่าวว่า เส้นทางด่านสิงขร-มะริด ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยบริษัท สิงขร-เมียนมาร์ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งจะเร่งราดยางให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนี้ คาดว่าจะร่นเวลาเดินทางได้จากประมาณ 9 ชั่วโมงให้เหลือเพียงประมาณ 2 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันคาดว่าจะสามารถอนุมัติให้มีการเปิดด่านถาวรในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่ขณะนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย อาทิ เบียร์ช้าง ปูนอินทรีย์ เจริญภัณฑ์ วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง ไทยรับเบอร์ ขอใช้ที่ดินรายละประมาณ 2 หมื่นไร่ ในพื้นที่ด้านหลังด่านมูด่อง โดยผ่านทางบริษัท สิงขร-เมียนมาร์ ก่อสร้าง จำกัด ส่วนการจัดระบบรถยนต์ที่จะใช้เส้นทางนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมาร์
"หากเปิดใช้เส้นทางนี้อย่างเป็นทางการ คาดว่าธุรกิจท่องเที่ยว ประมง และการเกษตรจะบูมมากขึ้น โดยล่าสุดกลุ่มบริษัท ปูนซิเมนต์ไทยฯ ขอใช้พื้นที่เพื่อขนถ่านหินลิกไนต์ป้อนให้กับโรงงานที่สระบุรีและนครศรีธรรมราช ส่วนบริษัท ทีพีไอฯสนใจขอใช้พื้นที่ขนส่งปูน- เหล็กเข้าไปยังเมืองมะริด กลุ่มวิจิตรภัณฑ์สนใจเรื่องลงทุนด้านการเกษตรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมัน ตลอดจนค่ายเบียร์ช้าง-ค่ายซีพีก็แสดงความสนใจที่จะใช้พื้นที่เพื่อการลงทุนในครั้งนี้ด้วย"

[Mongwin]

รถบรรทุกตะวันตกวอนคค.เร่งวางโครงข่ายรถไฟ-ท่าเรือ
INN News วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 11:17น.

สมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตกวอนคมนาคม เร่งวางโครงข่ายเชื่อมโยงรถไฟ-ท่าเรือน้ำลึกประจวบให้พร้อมรับมือเปิดด่านสิงขร-มะริด

นายดำรงค์ ธรรมอร่ามกิจ นายกสมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก เปิดเผยว่า เล็งเห็นโอกาสของการเชื่อมโยงเส้นทางโลจิสติกส์ผ่านด่านสิงขรของไทยกับด่านมูด่อง ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างการเร่งรัดให้รัฐบาลไทยเปิดด่านพรมแดนที่ด่านสิงขรให้เป็นด่านถาวรอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากเส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่ที่จะพลิกบทบาทมาเป็นเส้นทางที่จะถูกกล่าวถึงมากขึ้น นอกเหนือจากเส้นทางที่มุ่งสู่ท่าเรือน้ำลึกทวาย ซึ่งผ่านทางจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านทางด่านบ้านพุน้ำร้อนนั่นเอง

ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าวยังสามารถเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึกประจวบที่กลุ่มบริษัท สหวิริยา ใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังเชื่อมโยงกับสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ที่สามารถขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ป้อนสู่ 14 จังหวัดภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล หรือภาคอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก

[Wisarut]

มติครม.เปิดด่านสิงขร ผ่อนปรน - พัฒนาเมืองพิเศษ 4 พื้นที่
by บุญญิสา เพ็งบุญมา
Voice TV
27 มีนาคม 2558 เวลา 19:04 น.

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่มีมติเห็นชอบการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าพิเศษด่านสิงขร- พัฒนาเมืองพิเศษ 4 พื้นที่

ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่มีมติเห็นชอบการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าพิเศษด่านสิงขร สืบเนื่องจากจุดผ่อนปรนการค้าพิเศษด่านสิงขรมีการพัฒนาความพร้อมในด้านต่างๆ และมีการเจริญเติบโตด้านการค้าชายแดน รวมถึงได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาร์ในการพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่างกัน

ทั้งนี้ ทางจัดหวัดได้มีการประชุมหน่วยงานในพื้นที่เพื่อพิจารณาแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันจึงเห็นชอบเปิดเป็นจุดผ่อนปรนการค้าพิเศษด่านสิงขร ในเรื่องของพื้นที่อนุญาตเดินทางได้ถึงอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เอกสารที่ใช้ในการเดินทาง และระยะเวลาในการพำนักได้ 1 คืน ซึ่งถือว่าจุดผ่อนปรนการค้าดังกล่าวเป็นการส่งเสริมการค้าการลงทุนให้เกิดขึ้น

[Wisarut]

นอภ.เมืองประจวบฯ สั่งจัดระเบียบค้าชายแดนด่านสิงขรใหม่ หลังมติ ครม.สัญจรยกเป็นจุดผ่อนปรนการค้าพิเศษ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
2 เมษายน 2558 15:01 น. (แก้ไขล่าสุด 2 เมษายน 2558 15:05 น.)

ประจวบคีรีขันธ์ - นายอำเภอเมืองประจวบฯ ประกาศจัดระเบียบค้าชายแดนด่านสิงขรใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในสัดาห์หน้า หลังจากมติ ครม.สัญจร ประกาศเป็นจุดผ่อนปรนการค้าพิเศษด่านสิงขร รวมทั้งจะนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมการสัญจรผ่านข้ามแดน 2 ประเทศ

วันนี้ (2 เม.ย.) นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงการจัดระเบียบการค้าชายแดนที่ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า หลังจากจุดผ่อนปรนการค้าด่านสิงขร ที่ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และภาคเอกชน ได้ร่วมกันขับเคลื่อนผลักดันให้มีการยกระดับเป็นด่านถาวรเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เพื่อเชื่อมระหว่างประจวบคีรีขันธ์-จังหวัดมะริด ต่อมา ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้มีการประชุมและเห็นด้วย และมีมติให้ยกระดับเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าพิเศษด่านสิงขร และมีมติในที่ประชุม ครม.สัญจร ที่หัวหิน เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมาแล้วนั้น

ทางอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เห็นว่าควรมีการจัดระเบียบการค้าบริเวณชายแดนด่านสิงขร เพื่อให้มีความพร้อมที่จะมีการยกระดับเป็นด่านถาวรต่อไปในอนาคต และได้มีการประชุมพูดคุยกับหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก ตชด.ที่ 14 ตำรวจภูธร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.คลองวาฬ อบต.คลองวาฬ ฯลฯ ในเรื่องการจัดระเบียบการค้า จัดระเบียบการใช้พื้นที่สาธารณะ ตลอดจนจัดพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณด่านสิงขรทั้งหมด ซึ่งได้มีมาตรการที่ชัดเจน และแจ้งให้แก่ผู้ประกอบการค้าบริเวณด่านสิงขรไปแล้ว

นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอเมืองประจวบฯ กล่าวว่า ในวันที่ 6 เมษายนนี้ ทุกอย่างที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยจะต้องกลับเข้ามาอยู่ในระเบียบทั้งหมด ทั้งจุดจอดรถที่ชัดเจน บนถนนจะต้องไม่มีการนำสินค้ามาวางบนพื้นผิวการจราจร และส่วนพื้นที่บริเวณโดมอาคารวัฒนธรรมก็จะโล่ง และไม่มีการวางจำหน่ายสินค้าต่างๆ ทั้งกล้วยไม้ และสิ่งของอื่นๆ รวมทั้งการจัดระเบียบอาคารสถานที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างต้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ของ ส.ป.ก. และการจัดระเบียบการสัญจรข้ามแดน

“วันนี้การสัญจรข้ามแดนเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้เรายังใช้ระบบแมนวล ซึ่งจะมีการเสนอขออนุมัติผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมการสัญจรข้ามแดนแทน ซึ่งอยู่ระหว่างการยกร่างแนวทางการควบคุมตรวจสอบการข้ามแดนของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ เพื่อรองรับการเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าพิเศษด่านสิงขร ตมมติ ครม.สัญจรที่อำเภอหัวหิน”

[ksomchai]

ขยายเวลาด่านสิงขรฉลองสงกรานต์ 2 แผ่นดิน

Written by: กอง บก.ข่าวภูมิภาค2015/04/09 2:24 PM


ประจวบคีรีขันธ์ 9 เม.ย.- ชาวไทย-เมียนมาร์ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ 2 แผ่นดิน นายอำเภอเมืองประจวบฯ อำนวยความสะดวกขยายเวลาผ่านแดนด่านสิงขร-บ้านมูด่อง

นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ลงนามประกาศขยายเวลาเข้า-ออกชั่วคราว ผ่านจุดผ่อนปรนชายแดนด่านสิงขร ต.คลองวาฬ ติดกับบ้านมูด่อง ประเทศเมียนมาร์ ตั้งแต่เวลา 06.30 – 22.00 น. วันที่ 11–17 เมษายนนี้ จากเดิมเวลา 06.30-18.00 น. ซึ่งเป็นไปตามที่อำเภอได้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดและให้ความเห็นชอบดำเนินการได้ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งเดินทางได้อย่างสะดวกช่วงเทศกาลสงกรานต์และสามารถมาร่วมกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์งาน ”สืบสานสงกรานต์สองแผ่นดิน” ที่จะมีขึ้นวันที่ 13 –17 เม.ย.นี้ นอกจากจะมีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่แล้ว ยังได้ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์ไทยและเมียนมาร์ รวม 138 รูป และจุดเทียนชัยถวายพระพร เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี รวมทั้งรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ชมมวยคาดเชือกไทย-เมียนมาร์ อีกทั้งยังสามารถเที่ยวชมวัดมูด่องที่บ้านสะพานสาม ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 13 กิโลเมตร

นายสมพร กล่าวด้วยว่า หลังเทศกาลสงกรานต์จะจัดตลาดนัดชุมชนคน 2 แผ่นดิน ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างเศรษฐกิจชายแดนทั้งสองพื้นที่.

-สำนักข่าวไทย
_________________

[ksomchai]

นักท่องเที่ยวไทย-พม่า แห่ร่วมงานสงกรานต์สองแผ่นดิน ขณะ “หัวหิน” ปิดแยกอันตรายบายพาส

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2558 09:07 น.


ประจวบคีรีขันธ์ - นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ต่างชาติ และพม่า แห่จองห้องพักในตัวเมือง รอร่วมงาน “สงกรานต์สองแผ่นดิน” ที่ชายแดนด่านสิงขร ต.คลองวาฬ ยกระดับเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ขณะที่แขวงการทางเร่งปิดแยกอันตรายที่สุดบนถนนบายพาส “หัวหิน” แล้ว หลังปริมาณรถหนาแน่นมากขึ้น

นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า วันที่ 13-17 เม.ย. ทางจังหวัด ร่วมกับอำเภอเมือง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดงาน “สืบสานสงกรานต์สองแผ่นดิน” ณ บ้านด่านสิงขร หมู่ 2 ค.คลองวาฬ อ.เมือง เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของชาวประจวบคีรีขันธ์ และชาว จ.มะริด ประเทศพม่า ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้อง และยกระดับเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน



สำหรับกิจกรรมในงานตั้งแต่เช้าวันที่ 13 เม.ย. จะมีขบวนแห่สงกรานต์จากทั้งของชาวพม่า จากบ้านมอด่อง อ.ตะนาวศรี และ จ.มะริด และขบวนแห่สงกรานต์ของ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ร่วมขบวนกว่า 2,000 คน จากนั้นเป็นการรดน้ำผู้สูงอายุของทั้ง 2 ประเทศ การแสดงศิลปวัฒนธรรมของไทย และพม่า การประกวดพืชผลทางการเกษตร การจำหน่ายสินค้าโอทอป สินค้าพื้นเมือง การแสดงและจำหน่ายสินค้าจาก 2 ประเทศ การจำลองตลาดย้อนยุคด่านสิงขร และการชมมวยคาดเชือกไทย และพม่า ส่วนวันที่ 15 เม.ย. จะมีการตักบาตรพระพม่า และไทย 130 รูป นอกจากนั้น ในช่วงเทศกาลยังเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าไปเที่ยวชมฝั่งพม่า ที่บ้านมูด่อง โดยด่านจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.30-22.00 น.


นายสมพร กล่าวว่า ขณะนี้มีการจัดระเบียบทั้งที่จอดรถยนต์ รถบัสโดยสารเป็นสัดส่วนแล้ว รวมทั้งการรักษาความสะอาด การจัดระเบียบค้าขายภายในโดมลานแสดงวัฒนธรรม การดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งพร้อมสำหรับพิธีเปิดวันที่ 13 เม.ย. โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายแดนด่านสิงขร มีความคึกคักเป็นพิเศษ มีชาวพม่าเดินทางมาจากิ จ.มะริด มาจองห้องพักที่โรงแรมประจวบสามอ่าว ถึง 70 ห้อง ระหว่างวันที่ 13-14 เม.ย. รวมถึงโรงแรมหาดทอง โรงแรมโกลเด้น บีช โรงแรมประจวบ แกรนด์ และอีกหลายโรงแรมในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ และ ต.คลองวาฬ มีนักท่องเที่ยวชาวไทย ต่างชาติ และพม่าจองห้องพักเพื่อร่วมงาน “สงกรานต์สองแผ่นดิน” จำนวนมาก


ด้านแขวงการทางประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และหมวดการทางหัวหิน แจ้งเตือนจุดอันตรายที่สุดบนถนนหมายเลข 37 บายพาส ช่วงวังโบสถ์-ปราณบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่งานภูมิทัศน์ข้างทางหลวง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ห้วยมงคล และทหารจากโรงเรียนนายสิบทหารบก ช่วยกันติดตั้งป้ายสัญญาณเตือนจุดอันตราย ป้ายเตือนลดความเร็ว และป้ายบอกทาง โดยพบว่า มีจุดอันตราย 3 จุด ได้แก่ กม.34+100 หน้าที่ว่าการอำเภอหัวหิน สี่แยกหนองไผ่ กม.39+200 และสี่แยกทับใต้-ห้วยมงคล หรือสี่แยกตลาดน้ำ กม.35+500 ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายที่สุด เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเส้นทางตัดสู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ อ.หัวหิน ได้แก่ วัดห้วยมงคล และตลาดน้ำสามพันนาม

เมื่อนักท่องเที่ยวขับรถมาถึงบริเวณนี้จะเกิดความสับสนต่อปริมาณรถในเส้นทางสายหลัก และสายรอง จนเกิดการแย่งชิงเพื่อให้ได้ขับรถข้ามเส้นทางก่อน เพราะยังไม่มีสัญญาณไฟจราจร ทำให้เกิดอุบัติเหตุนับครั้งไม่ถ้วน เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นเส้นทางเพื่อลดการตัดกระแสรถที่ใช้ความเร็ว และให้ไปกลับรถห่างไป 1-3 กิโลเมตร ทั้งด้านเหนือ และใต้



นายสุวิวัฒน์ พรหมมา หัวหน้าหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจทางหลวง คอยประจำจุดเพื่อให้สัญญาณ และอำนวยความสะดวก ซึ่งวิธีนี้ประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ทำให้แยกตลาดน้ำไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ อย่างไรก็ตาม ขอแจ้งเตือนประชาชน และนักท่องเที่ยวขับขี่ด้วยความระมัดระวัง และใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีสภาพอากาศร้อนจัด อุณหภูมิระหว่าง 35-37 องศาเซลเซียล ผู้ขับขี่อาจเกิดความเครียด และเหนื่อยล้าขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว จนอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ดังนั้น ควรหยุดพักรถบ่อยๆ ตามจุดพักรถ หรือปั๊มน้ำมัน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
_________________