ขบวน 2 ด่วนพิเศษนครพิงค์ตกรางที่ลำพูน (26/05/55)

[ksomchai]

[HaRaRuKi]

[Mongwin]

ขอบคุณมาก ๆ ครับ ดูเรียบร้อยสวยงามดีครับ

-------------

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจพิสูจน์หลักฐานรถไฟตกรางที่จ.ลำพูน คาดว่าทราบสาเหตุ 18.00 น.วันนี้
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ 28 พ.ค. 55

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจพิสูจน์หลักฐานรถไฟตกรางที่จังหวัดลำพูน คาดว่าจะทราบสาเหตุในเวลา 18.00 น.วันนี้

นายพิจิตร ดอกพุฒ นายสถานีรถไฟลำพูน กล่าวว่า จากเหตุการณ์รถไฟด่วนนครพิงค์ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ตกราง ที่จังหวัดลำพูน เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นหัวรถจักร 1 หัว และตู้รถพ่วง 6 ตู้ ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยบริเวณที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นแอ่งทางลาดลงเนินเขา คาดว่าอาจเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในหลุม เพราะรถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกินที่กำหนด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถกู้ตู้รถไฟออกจากรางได้ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้(28 พค) และเปิดเส้นทางให้เดินรถได้ตามปกติเมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุแน่ชัด และไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นการวางยาตามที่มีผู้ตั้งข้อสังเกต ขณะนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจพื้นที่หาสาเหตุที่แท้จริงแล้ว คาดว่าจะทราบผลภายในเวลา 18.00 น.วันนี้

นายสถานีรถไฟลำพูน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอย จะเร่งให้เจ้าหน้าที่ปรับปรุงสภาพทางเดินรถไฟให้มั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

----------

คค.เตรียมหารือผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดถกปัญหารถไฟตกราง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2555 17:32 น.

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลัง นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. พร้อมพนักงานขับรถไฟและช่างเครื่องขบวนรถไฟที่ตกราง ที่จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เข้าชี้แจงถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ว่าเกิดจากความผิดพลาดจากตัวบุคคล ตัวรถ หรือมีบุคคลภายนอกขโมยอุปกรณ์ของราง ซึ่งเบื้องต้นในวันนี้ ได้รับทราบวินาทีการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้แล้ว

แต่เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ และความปลอดภัยของประชาชน ในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น. จะเชิญผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหารถไฟตกราง ซึ่งยอมรับว่าช่วงนี้เกิดอุบัติเหตุรถไฟตกรางเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และจากการหารือในครั้งนี้ ก็จะเพิ่มมาตราการและวางกฎระเบียบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น

[Mongwin]

“ชัจจ์” เรียกถกมาตรการล้อมคอกรถไฟตกราง “ยุทธนา” ตั้ง 3 ปมตกรางที่ลำพูน ยันคนขับไม่เมา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2555 17:34 น.


นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พร้อมด้วยพนักงานขับรถไฟขบวนรถด่วนนครพิงค์ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุตกรางที่จังหวัดลำพูน แถลงยืนยันไม่ได้ดื่มสุราขณะปฏิบัติหน้าที่

“ชัจจ์” เรียกประชุมหาสาเหตุและวางมาตรการป้องกันรถไฟตกรางหลังเหตุซ้ำซาก ชี้เหตุคนบกพร่องแต่ขาดการลงโทษที่เด็ดขาด ยอมรับ “ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.” ใกล้ครบสัญญาจ้าง พนักงานเลยหย่อนยาน ด้าน “ยุทธนา” ขนคนขับและช่างเครื่องยันไม่เมา ตั้ง 3 ปม คน, รางหัวจักร หรือคนนอกสร้างสถานการณ์ คาด 7 วันรู้ผล เผยเดือนเดียวตกราง 6 ครั้ง

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงเหตุรถไฟขบวนรถด่วนนครพิงค์ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ พิเศษตกรางที่บ้านหนองหล่ม อ.เมือง จ.ลำพูน เมื่อเวลาประมาณ 18.40 น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2555 ว่า นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้นำพนักงานขับรถและช่างเครื่องประจำขบวนดังกล่าวมาชี้แจงถึงสาเหตุการเกิดเหตุดังกล่าวแล้ว ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นสาเหตุมาจากผู้ปฏิบัติงานไม่ทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด และขาดการสอบสวนและลงโทษผู้รับผิดชอบอีกด้วย ดังนั้น ในวันที่ 29 พฤษภาคมจะเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง เช่น นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ รักษาการปลัดกระทรวงคมนาคม, รองปลัดกระทรวงที่รับผิดชอบ, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), ผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและวางมาตรการที่เข้มข้นรอบด้านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก

“ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุรถไฟตกรางบ่อยมาก สาเหตุมาจากการหย่อนยานของพนักงานทุกระดับ จุดที่เกิดเหตุแม้สภาพทางจะเก่าแต่การซ่อมบำรุงสม่ำเสมอก็จะไม่มีปัญหา แต่พบว่าจุดที่เกิดไม่มีการซ่อมบำรุงอย่างเต็มที่ ซึ่งเห็นว่าการที่ผู้ว่าฯ ที่ใกล้จะครบวาระ 4 ปีอาจจะเป็นจุดที่ทำให้พนักงานไม่ใส่ใจ จึงถือเป็นความบกพร่องของทุกคนที่เกี่ยวข้องและต้องร่วมกันรับผิดชอบตั้งแต่ผู้ว่าฯ ไปถึงพนักงานระดับล่าง การลงโทษต้องเฉียบขาด และต้องประกาศให้พนักงานทุกคนรับรู้ว่าถ้าไม่เคร่งครัดในหน้าที่จะต้องมีความผิดเพื่อจะได้ระมัดระวัง เอาใจใส่มากขึ้น” พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว

พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าวว่า เหตุรถไฟบรรทุกน้ำมันตกรางที่ดอนเมืองและรถบรรทุกสินค้าตกรางที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่า เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตรวจทาง ซึ่งต้องมีการลงโทษ ส่วนเหตุที่ลำพูนนั้นพนักงานขับรถยืนยันว่าไม่ได้ดื่มสุราขณะปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องสอบสวนว่าเกิดจากอะไร และล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมช่วงบ่ายก็มีเหตุขบวนรถบรรทุกปูนทีพีไอตกรางที่สถานีหินลับ ช่วงปากช่อง-แก่งคอย ซึ่งพบว่าพนักงานสับราง สับรางก่อนที่รถจะวิ่งผ่านหมดขบวน

ทั้งนี้ กรณีที่นายยุทธนาจะครบวาระในเดือนกรกฎาคมนั้น ได้เร่งรัดคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯร.ฟ.ท.เพื่อให้ได้ผู้ว่าฯ คนใหม่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้การทำงานขาดความต่อเนื่อง ซึ่ง ร.ฟ.ท.มีเรื่องที่ต้องแก้ไขอีกมากและต้องการเอกภาพในการบริหารงาน จึงไม่อยากตั้งรักษาการฯ นานๆ

ด้านนายยุทธนา ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ได้นายสมเกียรติ กิจโสภี อายุ 49 ปี พนักงานขับรถ และนายประกิจ อาระซ๊าต ช่างเครื่องแกลงข่าว โดยนายสมเกียรติยืนยันว่าตนเองและนายประกิจไม่ได้ดื่มสุราหรือสารเสพติดใดๆ และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อนปฏิบัติหน้าที่ขับรถ ขบวนรถด่วนนครพิงค์ ขบวนที่ 2 ขาล่อง (เชียงใหม่-กรุงเทพฯ) พร้อมทั้งมีการตรวจสภาพรถจักรและต่อพ่วง ทดสอบระบบเบรกทุกอย่างปกติ และระบุว่าช่วงเกิดเหตุรถมีความเร็ว 60 กม./ชม. ไม่เกินพิกัดกำหนด โดยได้ยินเสียงด้านล่างรถจักรเหมือนมีการกระทบจากนั้นก็เกิดเหตุ โดยรถลากไปประมาณ 130 เมตร

นายยุทธนากล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งสาเหตุไว้ 3 ประเด็น คือ
1. การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน
2. ทางและรถจักรมีปัญหา ซึ่งต้องตรวจสอบฝ่ายโยธาและฝ่ายช่างกล และ
3. บุคคลภายนอกเข้ามาสร้างสถานการณ์ เนื่องจากหลังเกิดเหตุนอตยึดเหล็กประกบรางหายไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่เกิน 7 วัน
อย่างไรก็ตาม เส้นทางบริเวณดังกล่าวได้มีการตรวจสอบภาพทางโดยเครื่อง EM 80 เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่พบว่าชำรุดแต่อย่างใด

ยันนอตรางไม่หายอยู่ครบ

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า วิศวกรใหญ่รถไฟได้ตรวจสอบแล้ว พบว่านอตยึดเหล็กประกบรางไม่ได้หายไปแต่อย่างใด โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่ามีการใช้ความเร็วเกินกำหนดหรือไม่ เนื่องจากกล่องดำ (เครื่องวัดความเร็ว) ระบุความเร็วที่ 63 กม./ชม. ขณะที่พิกัดกำหนดไม่เกิน 65 กม./ชม. แต่หากความเร็วเป็นไปตามเครื่องอ่านรถจะไม่หลุดไปไกลกว่า 100 เมตร เป็นไปได้ที่เครื่องวัดความเร็วจะคลาดเคลื่อน

โดยในรอบ 1 เดือน (ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.-ปลายเดือน พ.ค.) รถไฟเกิดอุบัติเหตุแล้ว 5 ครั้ง
1. วันที่ 24 เม.ย. รถไฟขบวน 640 บรรทุกน้ำมัน ตกรางที่บริเวณดอนเมือง
2. วันที่ 5 พ.ค. รถบรรทุกสินค้า ขบวน 721 กรุงเทพฯ-ด่านนอก (อ.สะเดา จ.สงขลา) ตกรางระหว่างสถานีช่องเขากับสถานีร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช 17 โบกี้
3. วันที่ 23 พ.ค. หัวรถจักรเลขประจำรถ 4212 ตกรางที่หลักกิโลเมตร 156 บ้านใหม่พัฒนา ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้รถจักรได้รับความเสียหาย ช่างเครื่องและพนักงานขับรถ 5 คนได้รับบาดเจ็บ
4. รถไฟชนรถปิกอัพที่ จ.ตรัง
5. รถไฟขบวนรถด่วนนครพิงค์ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ พิเศษตกรางที่บ้านหนองหล่ม อ.เมือง จ.ลำพูน และ
6. รถบรรทุกปูนทีพีไอตกรางที่สถานีหินลับ อ.ปากช่อง

[alderwood]

รถล้อหนา ล้อบาง มันก็คลาดเคลื่อนล่ะครับ เพราะมันวัดที่ล้อ เหมือนเมื่อนานมาแล้วในกระดานข่าว เคยมีพนักงานถามเลย ระหว่าง GPS กับตัว Speed Meter จะเชื่อใคร ถ้าหากเกิดเหตุคล้ายๆกัน สมมติว่าพิกัดให้ 65 ตัว GPS วัดได้ 64 แต่ Speed Meter วัดได้ 70 แบบนี้ก็ถือว่าพนักงานขับเร็วเกินใช่ไหม??? ในกรณีกลับกัน ให้พนักงานใช้ตัว Speed Meter เป็นเกณฑ์ แล้วเจอรถล้อหนา มันก็สามารถคลาดเคลื่อนได้ โดยที่เข็มยังชี้ไม่เกินเช่นกัน แล้วแบบนี้พนักงานขับเร็วเกินหรือ... แบบนี้จะให้พขร.เขาเชื่ออุปกรณ์ตัวไหนครับที่มันจะไม่มัดตัวเอง

ผมมองว่าการบำรุงทางที่ดีพอ Safety Factor เผื่อไว้อีกหน่อย เกิดพขร.เผลอไป 2-3 วิ เกินมาระดับเมตร/ชั่วโมง มันก็น่าจะยังวิ่งได้ปกติอยู่ ดังนั้นรีบๆเถอะครับ ปรับปรุงทางเหอะ แทนที่จะเปลี่ยนแค่หมอน เปลี่ยนราง แต่ข้างล่างนั่นล่ะ หินก็ไม่ล้าง ข้างล่างก็ดินเลนหมดแล้ว เดี๋ยวก็ร่วงอีกครับ
_________________
รักรถไฟมั่นใจโคปเตอร์ || Railway Racing Team || Korat Spotter

[Wisarut]

ก็หาทางพยายามโบ้ยไว้ก่อน ไม่งั้น รัฐบาลถูกด่าซ้ำไปอีก

[PSK]

เก็บตกภาพขบวนช่วยอันตรายจาก บซ. ขณะจอดพักที่สถานีลำพูน
นำขบวนโดย D4218 แห่งลำน้ำยม

ริ้วขบวนด้านเหนือ

[img]

Uploaded with ImageShack.us[/img]

ท้ายขบวนด้านใต้ตรงป้ายประเพณี
[img]

Uploaded with ImageShack.us[/IMG][/URL]

Uploaded with ImageShack.us[/img]

ซูมภาพรถจักรชัดๆ
[img]

Uploaded with ImageShack.us[/img]

[tamz]

[nop2]

เคยได้ยินว่าสมัยก่อยยังไม่มีเครื่องจักร ก็ใช้แรงงานคนกับเครื่องจักรเบาเอา จัดการหมด ทั้งอัดหิน ล้างหิน บ่อโคลน ถ้าเครื่องพังการจะทำทางให้ใช้งานได้ระหว่างซ่อมเครื่องจักรก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นแหละครับ
_________________
"You are star I am darkness Our love brighter than the sun .."

[kikoo]

@คุณtamz : ผมก็หายสงสัยสักทีครับ ว่าทำไมปรับปรุงทางถึงมีแต่เทหินใหม่ทับลงไปอย่างเดียว แต่ไม่ยอมล้างหิน ที่แท้เครื่องจักรพัง

@คุณnop2 เห็นทีเรื่องการซ่อมเครื่องจักรอาจจะยากกว่าการเกณฑ์แรงงานมนุษย์ มาถือจอบถือเสียมขุดหินขุดดินแล้วมั้งครับ เพราะทางออกสุดท้ายและต้องทำมันก็คงเป็นแบบ"สูงสุดสู่สามัญ"ล่ะครับ


_________________
ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางช่วงที่วัง-กันตัง
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5618