ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65

[Mongwin]

แนะรัฐเร่งรถไฟรางคู่ ไทยไม่พร้อม'เร็วสูง'
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 09:35

รัฐบาลอยู่ระหว่างผลักดันร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งผ่านการพิจารณาวาระ 3 แล้ว โครงการนี้จะมีผลดีผลเสียอย่างไร รุทธิ์ พนมยงค์ หัวหน้าสาขาวิชาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ โลจิสติกส์และการขนส่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ณรงค์ ป้อมหลักทอง นักวิชาการอิสระ ด้านการขนส่งระบบราง ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในรายการ "บิซิเนส ทอล์ค" กรุงเทพธุรกิจทีวี

ณรงค์ กล่าวว่า โครงการ 2 ล้านล้านบาท รัฐจะต้องลำดับความสำคัญให้ดีว่าควรจะลงทุนส่วนไหน อย่างไร จึงจะสร้างประโยชน์กับประเทศมากที่สุด โดยการลงทุนที่เห็นด้วย คือ การลงทุนรถไฟรางคู่ 1.65 ล้านล้านบาท เนื่องจากมีความเหมาะสม และสร้างประโยชน์ได้จริง โดยเฉพาะเมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี เกิดขึ้นในปี 2558 รวมไปถึงการเชื่อมโยงการขนส่งกับจีนในอนาคต

ทั้งนี้เห็นว่าการขนส่งทางรถไฟ สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ หรือต้นทุนที่ต่ำกว่าการขนส่งทางถนน 4-5 เท่าตัว แต่พบว่าปัจจุบัน การขนส่งทางรถไฟมีสัดส่วนแค่ 1.8% เท่านั้นซึ่งถือว่าต่ำมาก

"ที่สำคัญ คือ การขนส่งปัจจุบันเก็บต้นทุนจากเอกชนต่ำกว่าความเป็นจริง 30% ซึ่งในขณะนี้อาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในอนาคต เมื่อเพื่อนบ้านเข้ามาใช้มากขึ้น เท่ากับว่าไทยต้องอุดหนุนค่าใช้จ่ายให้ 30% เช่นกัน"

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มค่าธรรมเนียมขนส่งทางถนนไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง แต่ต้องพัฒนาระบบรางให้มีศักยภาพ ทั้งเรื่องของความเร็วจากปัจจุบันที่เฉลี่ยตลอดเส้นทางประมาณ 20 กม./ชม. ความปลอดภัย และต้นทุน ซึ่งจะเป็นการดึงดูดให้คนหันมาใช้บริการแทนขนส่งทางถนน

ทั้งนี้ การสร้างรถไฟรางคู่จะเป็นเหมือนกระดูกสันหลังที่เชื่อมโยงตั้งแต่สิงคโปร์ไปจีนตอนใต้ จากนั้นใช้การขนส่งทางรถบรรทุกที่ปัจจุบันมีอยู่ 6-7 แสนคัน เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางซ้ายและขวาในรัศมีประมาณ 300 กม. หรือประมาณ 1 วัน

หวั่นรถไฟความเร็วสูงไปไม่รอด

ในส่วนของการสร้างรถไฟความเร็วสูงเห็นว่า ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม และหากสร้างจริงนอกจากจะขาดทุนแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังสายการบินต้นทุนต่ำอีกด้วย

"กลัวว่าทั้งรถไฟความเร็วสูง และ โลว์คอสท์ แอร์ไลน์ จะกอดคอกันเจ๊ง"

ณรงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศที่มีรถไฟความเร็วสูงมาจากองค์ประกอบสองสามประการ คือ 1.การขนส่งทางรถไฟปกติเต็ม 2.มีเทคโนโลยี และ 3.ส่งออกเทคโนโลยี แต่ไทยไม่มีองค์ประกอบดังกล่าวเลย เป็นผู้ซื้อ 100% รวมไปถึงการซ่อมบำรุงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า

โครงการอื่นที่น่าลงทุนคือ รถไฟฟ้าในกรุงเทพและชานเมือง เพื่อผลักดันกรุงเทพให้เป็นเมืองน่าอยู่ รองรับผู้บริหารจากเพื่อนบ้านในอนาคตที่จะเข้ามา รวมไปถึงนักลงทุนต่างๆ อีกด้วย

แนะเปิดด่านดันจีดีพี

รุทธิ์ กล่าวว่า การลงทุนระบบราง ไม่ว่าจะเป็นรางคู่หรือว่ารถไฟความเร็วสูงจะเป็นตัวดึงดูดปัจจัยการผลิตจากเพื่อนบ้าน และจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศแต่อาจจะไม่เห็นผลในระยะสั้น ต้องใช้เวลาระยะยาว 20-30 ปี

นอกจากนี้การวิจัยพบว่าหากไทยมีการลงทุนจะมีส่วนผลักดันจีดีพี ให้เติบโตเพิ่มอีก 2% แต่ขณะเดียวกันจะมีประเทศที่ได้รับผลกระทบชัดเจน คือ กัมพูชา และพม่า เนื่องจากเมื่อเชื่อมโยงการขนส่ง แรงงานก็จะกลับเข้ามาในไทยเพราะได้ค่าแรงดีกว่า นักลงทุนก็สามารถที่จะลงทุนในไทยไม่ต้องย้ายไปเพื่อนบ้าน

รุทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเห็นว่าการลงทุนของภาครัฐ ควรจะให้ความสำคัญกับภาพเล็กๆ ด้วย คือ การเปิดด่านชายแดนเพิ่มเติม 41 แห่ง เนื่องจากการวิจัยพบว่าจะมีผลให้จีดีพีเติบโตเพิ่มขึ้น 0.8% ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และใช้เงินลงทุนไม่มากในระดับประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

"2 ล้านล้าน เป็นเหมือนกับฮาร์ดแวร์ แต่การเปิดด่าน การสร้างความสะดวกเช่น การผ่านด่านไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมงเป็นซอฟต์แวร์ที่สำคัญที่รัฐไม่ควรมองข้าม"

ด้านณรงค์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การเปิดด่านหรือการพัฒนาด่าน ไทยจะต้องได้รับความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน เพราะหากฝั่งไทยมีความรวดเร็ว แต่เพื่อนบ้านล่าช้า ผลประโยชน์จะเกิดขึ้นกับเพื่อนบ้านแทน เพราะจะเกิดธุรกิจการซื้อขายสินค้า อาหาร เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่ด่านมุกดาหารก่อนหน้านี้

รุทธิ์ กล่าวว่า การวิจัยยังพบอีกว่าหลังการเกิดขึ้นของเออีซี อุตสาหกรรมที่จะมีการเคลื่อนย้าย คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การ์เมนท์ และ โลจิสติกส์ โดยยานยนต์ กับอิเล็กทรอนิกส์จะมีการเคลื่อนย้ายไปยังภูมิภาค เช่น อีสาน แต่การ์เมนท์จะออกนอกประเทศ ไป กัมพูชา พม่า ส่วน โลจิสติกส์ จะมีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาในไทยมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยของไทย ลดสถานะเป็นผู้รับช่วงต่อ

[Wisarut]

รายงานพิเศษ: 2 ล้านล้านคลุกฝุ่นม็อบเอกชนแนะทางเลือกลงทุน
โพสต์ทูเดย์
26 พฤศจิกายน 2013 เวลา 17:07 น.

https://www.facebook.com/notes/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1-%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-2-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/672635352768037

[Mongwin]

ชี้ 2 ล้านล้าน 7 ปีไม่ถึงฝั่ง เอกชนระบุวัสดุ-แรงงานตัวป่วน
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ดีเวลอปเปอร์ ท้ารัฐบาล พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน อายุบังคับใช้ภายใน 7 ปี มีสิทธิ์สร้างไม่ครบทุกโปรเจ็กต์ รถไฟฟ้าไม่เกิน 3 สาย /รถไฟความเร็วสูงคุ้มสุดสายกรุงเทพฯ-ระยองเหตุเป็นเมืองอุตสาหกรรมไร้คู่แข่ง ขณะที่ แรงงาน-วัสดุก่อสร้างขาดแคลนหนัก เฉพาะหิน ใช้ปีละ 8 ล้านตัน แค่ขอสัมปทานบัตรตั้งโรงงานผลิต ปาเข้าไป 8 ปีไม่ทันแน่

สืบเนื่องจาก "ฐานเศรษฐกิจ" จัดสัมมนาหัวข้อ 2 ล้านล้านจุดเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ปี 2557" มีผู้ให้ความสนใจเข้าฟังอย่างล้นหลามเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกา ยน 2556 ที่ผ่านมาที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กานดากรุ๊ป จำกัด ให้มุมมองว่า หากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งของประเทศ พ.ศ. . ของรัฐบาลชุดนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประเมินว่าลงทุนทุกโครงการไม่ทันภายใน 7 ปีอย่างแน่นอนนับจากปี 2557 เป็นต้นไปเนื่องจากกฎหมายมีอายุเพียง 7 ปี หากก่อสร้างไม่ทันทุกอย่างก็จะจบโดยปริยาย สำหรับรถไฟฟ้าคาดว่าจะเกิดได้จริงไม่เกิน 3 สาย ส่วนรถไฟความเร็วสูง มองว่าควรเน้นโครงการที่คุ้มค่ามากที่สุดคือสายกรุงเทพฯ-พัทยาระยองเพราะสามารถรองรับย่านอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ โครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทมีปัญหาว่าต้องใช้วัสดุจำนวนมากถึง 12 ชนิด ในจำนวน 9 ชนิด ต้องขอสัมปทานบัตร เช่น ดิน หิน ลูกรัง ทราย ส่วนอีก 2 ชนิดต้องนำเข้าเช่น เหล็กเส้น เป็นต้น

อย่างไรก็ดีหากรวมปริมาณการใช้วัสดุในโครงการ 2 ล้านล้านบาท จะต้องใช้หินเพิ่มขึ้นอีก 8 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันการผลิตหินที่ใช้ในการก่อสร้าง 87.7 ล้านตัน และปริมาณการใช้หินอยู่ที่ 85.6 ล้านตัน ซึ่งมีความตึงตัวอย่างมาก เพราะความต้องการสอดคล้องกับกำลังการผลิต หากมีโครงการ 2 ล้านล้านบาท เข้ามาฟันธงว่าวัสดุในประเทศขาด แคลนแน่ เพราะต้องใช้เพิ่มปีละ 8 ล้านตัน ทั้งนี้จากการสอบถามบริษัทรายใหญ่ของประเทศ ที่ระบุว่าจะต้องใช้เวลาขอประทานบัตร 5 ปี และสร้างโรงงานอีก 3 ปี รวม 8 ปี มองว่า ไม่ทันอย่างแน่นอน

นายอิสระกล่าวอีกว่า ส่วนแรง งานปัจจุบันขาดแคลนมาก หากเกิดโครง การ 2 ล้านล้านบาท จะต้องเพิ่มแรงงานอีก 2.9 แสนคน ในจำนวนนี้ประมาณ 2 แสนคน เป็นแรงงานก่อสร้าง ที่เหลือเป็นวิศวกรที่ปรึกษา ผู้บริหารโครงการ ซึ่งไม่เพียงพอ ต้องจ้างวิศวกรที่ปรึกษาต่างประเทศ
"หากไม่มีโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท การลงทุนของภาครัฐและเอกชนรวมกันทุกปีประมาณ 1 ล้านล้านบาท จะเป็นการลงทุนของภาครัฐในการสร้างสาธารณูปโภค เช่น ถนน สะพาน ประมาณ 5 แสนล้านต่อปี และภาคเอกชนที่สร้างบ้านจัดสรรและอาคารชุด ประมาณ 5 แสนล้านต่อปี คนงานใช้ในระบบประมาณ 2 ล้านคน แต่ถ้าภาครัฐเพิ่มการลงทุนอีก 3 แสนล้านบาทต่อปี ต้องใช้คนเพิ่มอีก 60% และปี 2557 ทาวน์เฮาส์ราคา ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท จะไม่เห็นอยู่ในตลาดอีกต่อไป"

ขณะที่นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมบ้านจัดสรร และกรรมการผู้จัด การบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เห็นด้วยกับโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท แต่ควรเน้นโครงการที่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่มองว่ามีความจำเป็น เช่นเดียวกับรถ ไฟฟ้าบางสาย ขณะที่รถไฟความเร็วสูงคงหยุดแค่ระยะแรก เช่น สายกรุงเทพฯพิษณุโลก คงไม่ต่อไปที่ เชียงใหม่ สายกรุงเทพฯ-โคราชคงไม่ต่อไปสุดที่หนอง คาย และสายใต้ คงจะไปหยุดแค่หัวหิน เป็นต้น แต่มีปัญหาว่า ราคาที่ดินขยับสูงรายวัน เช่นอุดรธานี ฯลฯ มองว่าเอกชนไม่ตื่นตัวตาม ส่วนสายกรุงเทพฯ-ระยอง มองว่าควรสนับสนุนเพราะเป็นเขตอุต สาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่มีเครื่องบินที่เป็นคู่แข่ง รวมถึงการขยายเฟสของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีความจำเป็น สำหรับ 7 ปี ตามพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท มองว่ารัฐบาลไม่น่าจะลงทุนได้ทันและครบทุกโครงการ สรุปว่าควรเลือกโครงการที่จำเป็นสูงสุดจะเหมาะสมกว่า

ด้านนายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการบริษัทสัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเห็นด้วยกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนและเลือกโครงการที่ชัดเจนที่สุด อย่างไรก็ดีประเมินว่า 7 ปีนับจากปี 2557 รัฐบาลลงทุน 2 ล้านล้านบาทยืนยันว่าทำไม่แล้วเสร็จทุกโครงการอย่างแน่นอน ดังนั้นแต่ละโครงการอย่าเพิ่งดีใจ อาทิ ศูนย์คมนาคมพหลโยธินที่บางซื่อ ที่ปัจจุบันรองรับแค่รถไฟฟ้าเท่านั้น ยังไม่ทำระบบรองรับรถไฟความเร็วสูงแต่อย่างใด

[Mongwin]

ตั้งรับ 2 ล้านล.สะดุด! เบรกไฮสปีด-สกรีนรายโปรเจ็กต์
09 ธ.ค. 2556 เวลา 10:54:27 น.

"ชัชชาติ" หารือด่วนรับร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านถูกสกัด ถกคลังหาแหล่งเงินสำรองลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ทางเลือก ใช้เงินกู้ใน ปท.-งบฯประจำปี เดินหน้าเป็นรายโปรเจ็กต์แทนยกแพ็กเกจทั้ง 53 โครงการ ประมูลโปรเจ็กต์เร่งด่วนรถไฟฟ้าสายใหม่ "เขียว-ชมพู-ส้ม-เหลือง-แดง" รถไฟทางคู่ 5 สายก่อน ไฮสปีดเทรนแค่ศึกษา หุ้นรับเหมา-อสังหาฯ-วัสดุแจ็กพอต

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาได้ชัดเจนว่าจะเริ่มประมูลโครงการภายใต้แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาทได้เมื่อใด จากเดิมคาดว่าจะเริ่มได้ประมาณเดือน ก.พ.-มี.ค. 2557 เนื่องจากต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องที่มีผู้ยื่นขอให้ศาลตีความว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... ขัดหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จก่อน

"ตอนนี้ต้องรอคำตัดสินจากศาลอย่างเดียวแต่ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นแค่เครื่องมือไฟแนนซ์โครงการให้ 53 โครงการเดินหน้าเร็วขึ้น หากร่าง พ.ร.บ.ไม่ผ่านก็ต้องหาแหล่งเงินอื่นมาดำเนินการ เพราะโครงการยังอยู่และสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพียงแต่อาจจะช้าเพราะต้องหาแหล่งเงินอื่นมาซัพพอร์ต อาจเป็นเงินกู้ในประเทศและงบประมาณประจำปี ซึ่งต้องหารือกับกระทรวงการคลัง"

แต่หากศาลชี้ว่าไม่ขัดจะเดินหน้าประมูลได้ทันที เช่น ถนน 4 ช่องจราจร ปรับปรุงบูรณะถนน มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา รถไฟฟ้า 8 สาย ได้แก่ สีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รถไฟทางคู่ 5 สาย รถไฟความเร็วสูง 4 สายเฟสแรก เป็นต้น โดยจะทยอยดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 7 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2563

ไฮสปีดเทรนได้แค่ศึกษา

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ระหว่างรอคำตัดสินของศาล โครงการใน 2 ล้านล้านบาท ยังเดินหน้าต่อไป เช่น การศึกษารายละเอียด ทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ เพราะบางโครงการยังศึกษาไม่แล้วเสร็จ เช่น รถไฟทางคู่ เฟส 2 รถไฟความเร็วสูง 4 สาย ท่าเรือใหม่ ส่วนที่เหลือต้องรองบฯ 2 ล้านล้านบาท หากร่าง พ.ร.บ.ไม่ผ่านก็กลับมาใช้การลงทุนแบบเดิม คือกระทรวงการคลังจะกู้เงินเป็นรายโครงการเหมือนที่ผ่านมา ใช้เวลา 8-10 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ หรือให้เอกชนร่วมลงทุนรูปแบบ Public Private Partnership (PPP)

เดินหน้ารถไฟฟ้า-ทางคู่สายใหม่

โครงการไหนพร้อมจะเดินหน้าประมูลทันที อาทิ รถไฟฟ้า 4 สายใหม่ คือ สายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) วงเงิน 58,590 ล้านบาท สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 58,691 ล้านบาท สีส้ม(ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) 110,117 ล้านบาทสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) 48,619 ล้านบาท

นอกจากนี้มีรถไฟทางคู่ 5 สายทาง มูลค่ารวม 118,034 ล้านบาท ได้แก่ สายลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 24,842 ล้านบาท สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 29,855 ล้านบาท สายจิระ-ขอนแก่น 26,007 ล้านบาท สายนครปฐม-หัวหิน 20,038 ล้านบาท และสายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 17,292 ล้านบาทจัดหาระบบรถไฟความเร็วสูง 4 สายเฟสแรก วงเงิน 783,229 ล้านบาท ฯลฯ

ปรับปรุงถนน-ด่าน 41 แห่งสะดุด

ขณะที่โครงการที่จะได้รับผลกระทบ หากร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไม่ผ่านคือ แผนลงทุนโครงการถนนของกรมทางหลวง(ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) วงเงินลงทุนรวม 289,482 ล้านบาท เพราะต้องรอจัดสรรงบฯประจำปี อาทิ ขยายถนน 4 ช่องจราจร ปรับปรุงถนนสายหลัก มอเตอร์เวย์ 3 สาย เว้นแต่คลังจะหาแหล่งเงินใหม่ให้ เช่น เงินกู้ ของบฯกลางปี 2557 เป็นต้น

นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้เตรียมแผนสำรอง โยกโครงการที่พร้อมเปิดประมูลในปี 2557 วงเงินลงทุนกว่า 1.86 แสนล้านบาท ไปขอจัดสรรงบประมาณประจำปี 2558 ประกอบด้วย โครงการบูรณะสายทางหลักระหว่างภาค, ทางหลวงระหว่างประเทศ, ขยาย 4 ช่องจราจร, มอเตอร์เวย์ 3 สาย เริ่มประมูลสายบางปะอิน-โคราช เงินลงทุน 84,600 ล้านบาท จ่ายค่าเวนคืนสายพัทยา-มาบตาพุด และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี งานสะพานข้ามทางรถไฟ

"อยู่ที่รัฐบาลจะส่งสัญญาณจะใช้เงินจากแหล่งไหน และจะเร่งโครงการไหนก่อน อย่างมอเตอร์เวย์ 3 สาย ถ้าเงิน 2 ล้านล้านบาทไม่มา โครงการจะชะลอไปของบฯปี 2558 อาจเฉพาะค่าเวนคืนและก่อสร้างของสายบางปะอิน-โคราช 84,600 ล้านบาท ส่วนสายพัทยา-มาบตาพุด ขอค่าเวนคืนจากรัฐบาล ส่วนค่าก่อสร้างจะใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ ขณะที่สายบางใหญ่-กาญจนบุรี จะของบฯเวนคืนจากรัฐ แล้วให้เอกชนมาลงทุนก่อสร้างรูปแบบ PPP"

ชัชชาติ ถกด่วนแผนสำรอง

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า วันที่ 9 ธันวาคมนี้ นายชัชชาติเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแผนสำรอง เพื่อรองรับกับโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท โดยจะประเมินดูโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อนำไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในการหาแหล่งเงินลงทุน

นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หากกฎหมายสะดุดก็ต้องกลับไปพิจารณาในแง่แหล่งเงินใหม่ อย่างเช่น โครงการขยายด่านศุลกากร อาจต้องกลับไปขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือบางส่วนอาจใช้การกู้เงินภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีวิธีที่ให้รัฐวิสาหกิจเจ้าของโครงการเป็นผู้กู้เงินเอง

สำหรับปีงบประมาณ 2557 สบน.ได้จัดทำแผนก่อหนี้ในส่วนโครงการลงทุนที่มีความพร้อมที่จะลงทุนในปีงบประมาณ 2557 ไว้ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นต้น

หวั่นเงินกู้ 1.2 แสนล้านหายวับ

นายสุวิชญ โรจนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สบน.ชี้แจงว่า กฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เนื้อหาสาระ 99.99% เหมือนกับกฎหมายกู้เงินไทยเข้มแข็ง จึงไม่น่ามีปัญหา แต่หากมีปัญหาก็จะไม่สามารถไปออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ได้ เนื่องจากไม่ได้จำเป็นเร่งด่วน

ทั้งนี้หากกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้ จะกระทบต่อแผนการกู้เงินในปีงบประมาณ 2557 ที่ สบน.บรรจุไว้ในแผนการก่อหนี้ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถกู้เงินตามที่กำหนดไว้

หาช่อง รสก.กู้เงินรัฐ 1.7 หมื่น ล.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบก่อนหน้านี้ ได้บรรจุแผนการกู้เงินภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศไว้ 1.2 แสนล้านบาท แต่จะกู้ได้ต่อเมื่อ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทมีผลบังคับใช้เท่านั้น

ระหว่างที่กฎหมายยังไม่ผ่าน จะใช้วิธีให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อจากรัฐบาลไปพลาง ๆ ก่อน ในส่วนที่เป็นโครงการต่อเนื่องและอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งมีวงเงินทั้งสิ้น 17,117 ล้านบาท เป็นการกู้เงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ วงเงิน 10,918 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 4,545 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 1,654 ล้านบาท จากนั้นเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้จะปรับโครงการเหล่านี้ออกจากรายการกู้ต่อจากรัฐบาล ไปอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทแทน

2 ล้าน ล.ขัด-ไม่ขัด รธน.ต้องลุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวนายนภดล ช.สรพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีและวิชาการ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า หลังเลื่อนการพิจารณาชี้ขาดว่าจะรับฟ้องหรือไม่รับฟ้องคดีที่ยื่นตีความร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน จากวันที่ 4 ธ.ค.ออกไป ตามหลักปฏิบัติเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ศาลน่าจะหยิบยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาโดยเร็วที่สุดเมื่อมีความพร้อม เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ รวมทั้งประชาชนทั่วไป

โบรกฯช้สะเทือนหุ้นระยะสั้น

นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ อาจส่งผลด้านลบต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีหน้า โดยหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ ถัดมาคือกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งที่ผ่านมาลงทุนเปิดโครงการตามแนวรถไฟความเร็วสูงจำนวนมาก

"เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นเพียงปัจจัยลบในระยะสั้น เนื่องจากรัฐบาลน่าจะกลับมาใช้วิธีเสนองบประมาณตามขั้นตอนปกติของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอาจทำให้โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงถูกชะลอ แต่รถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ที่มีแผนก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯจะยังเดินหน้าต่อได้

ปี 57 ปัจจัยลบฉุดตลาดหุ้น

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ คาดว่า หาก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทชะงักไป ย่อมส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนมากขึ้น เนื่องจากจะไม่มีจุดดึงดูดความน่าสนใจในการลงทุนตลาดหุ้นไทยเลย

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากการชุมนุมทางการเมืองภายในประเทศ และแผนการลดทอนมาตรการ QE ยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษในปี 2557 คือการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐซึ่งหากสามารถทำได้รวดเร็วไม่สะดุด จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจภายในประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์จีดีพีประเทศไทยปีหน้าจะเติบโตประมาณ 4% จากปีนี้ที่คาดว่าไม่น่าจะถึง 3% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2557 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,560 จุด หรือ P/E 14.7 เท่า

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-4 ธ.ค.) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 15,147.60 ล้านบาท หลังจากทั้งเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิแล้ว 48,074.94 ล้านบาท ส่วนในตลาดตราสารหนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา (2-4 ธ.ค.) ต่างชาติซื้อสุทธิ 351 ล้านบาท จากที่ในเดือน พ.ย. ขายสุทธิ 66,211 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เกือบ 60% เป็นการบอนด์ระยะสั้นโดยนักลงทุนต่างชาติ

[Mongwin]

พัฒนาระบบรางสะดุด-รถไฟความเร็วสูงส่อแท้ง “ยุบสภา” ตอกฝาโลง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านหันใช้งบปกติ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2556 10:08 น.

ยุบสภาทำ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านสะดุด “ชัชชาติ” หวังโครงการลงทุน 2 ล้านล้านทั้งปรับปรุงทาง ซื้อรถโดยสารและหัวจักรใหม่เพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถ เผยเร่งพัฒนาระบบรางยกเครื่องรถไฟเพื่อลดอุบัติเหตุ ระบุปี 56 เกิดเหตุทางรางถึง 522 ครั้ง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นโยบายยกเครื่องมาตรการความปลอดภัยในการขนส่งสาธารณะในด้านการขนส่งทางรางนั้น ในรอบปี2556 มีอุบัติเหตุรถไฟตกราง 125 ครั้ง รถไฟชนยานพาหนะ 112 ครั้ง รถไฟชนคน 79 ครั้ง อุบัติเหตุอื่นอีก 206 ครั้ง ซึ่งแนวทางในการพัฒนาโครงการรถไฟเพื่อลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยคือต้องเร่งปรับปรุงสภาพทาง (ลดความเสี่ยงตกราง), พัฒนาระบบทางคู่, ซื้อหัวรถจักรและขบวนรถทดแทนเดิมที่ชำรุด, ติดตั้งเครื่องกั้นบริเวณทางแยกและรั้วสองข้างทาง, รับพนักงานเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินงาน

โดยขณะนี้การปรับปรุงทางระยะที่ 5 คืบหน้า 98.8% ปรับปรุงทางระยะ 6 คืบหน้า 93.57% โครงการปรับปรุงทางฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ระยะทาง 84 กม. คืบหน้า 74.69% ช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ ระยะทาง 362 กม. คืบหน้า 55.02% ช่วง หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 149 กม. คืบหน้า 57.69% ช่วงคลองไผ่-อุบลราชธานี ระยะทาง 369 กม.คืบหน้า 53.82% ช่วงมาบกะเบา-คลองไผ่ ระยะทาง 73 กม.คืบหน้า 61.33% ชุมทางบ้านภาชี-ลพบุรี ระยะทาง 42 กม.คืบหน้า 23.5% เป็นต้น

สำหรับโครงการที่อยู่ในพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. วงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาทนั้นนายชัชชาติกล่าวว่าต้องรอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อน ซึ่งมีหลายโครงการสำคัญใน พ.ร.บ.2 ล้านล้านบาทที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางรางโดยเฉพาะรถไฟทางคู่ เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ อยู่ระหว่าวพิจารณารายงาน EIA, เส้นทางมาบกะเบา-นครราชสีมา (ชุมทางถนนจินะ) อยู่ระหว่างปรับปรุงเพิ่มเติม EIA, เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น อยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, เส้นทางนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน อยู่ระหว่างปรับปรุงเพิ่มเติมรายงาน EIA, เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร อยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

การจัดหารถจักรดีเซล 13 คัน รถจักรดีเซลไฟฟ้าทดแทน 50 คัน (กำลังประกวดราคา) โครงการ Refurbish รถจักร 56 คัน (อยู่ระหว่างพิจารณาความคุ้มค่าเปรียบเทียบกับการซื้อใหม่) โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน (รอบอร์ด ร.ฟ.ท.พิจารณาผลคัดเลือก) โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับ และปรับปรุงเครื่องกั้น 1,247 แห่ง และโครงการติดตั้งรั้วสองข้างทาง 1,649 กม.

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวยอมรับว่า การที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาส่งผลกระทบต่อโครงการใน พ.ร.บ.2 ล้านล้านบาทแน่นอน โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟฟ้า ที่ต้องใช้วงเงินลงทุนสูง ส่วนโครงการพัฒนาระบบรางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะกระทบไม่มากนักเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมที่มีแผนดำเนินงานอยู่แล้วต่อเนื่องมาทุกรัฐบาลแต่การดำเนินงานค่อนข้างล่าช้ารัฐบาลนี้จึงปรับแผนการเงินมาใช้ พ.ร.บ.2 ล้านล้าน แต่หากไม่สามารถใช้เงินใน พ.ร.บ.2 ล้านล้านก็ยังสามารถปรับไปใช้งบประมาณประจำปี เงินกู้อื่นๆ มาลงทุนเหมือนที่ผ่านมาได้

[Mongwin]

...

[Mongwin]

...

[Mongwin]

...

[Mongwin]

...

[Mongwin]

...