View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 08/01/2014 11:22 pm Post subject: |
|
|
′โต้ง-ชัชชาติ′เบิกความกู้ 2 ล้านล. ตุลาการชี้รถไฟเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย
มติชนออนไลน์ วันที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 18:20:28 น.
′โต้ง′ ยกมาตรา 142 และ 143(3) ยันกู้เงิน 2 ล้านล.ได้ ไม่ขัด รธน. มั่นใจใช้หนี้ได้ครบ ′ชัชชาติ′ ชี้สนับสนุน ศก.พอเพียงเพราะทำให้การขนส่งไปสู่ส่วนล่างได้ นัดกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแจงใหม่ 15 ม.ค.นี้
เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน นำโดยนายจรูญ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานในคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1) ว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
ในช่วงบ่ายเวลา 13.45 น. ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนต่อ โดยเป็นการไต่สวนพยานในส่วนของฝ่ายรัฐบาล ทั้งนี้ นายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แจงว่า เนื่องจากพยานที่จะเข้าเบิกความของวันนี้มีเป็นจำนวนมาก หากให้ทุกคนขึ้นเบิกความทั้งหมดทุกคนเกรงว่ากระบวนการไต่สวนคงต้องใช้ระยะเวลานาน องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมร่วมกันแล้วเห็นว่าวันนี้จะเป็นการไต่สวนพยานในส่วนของรัฐบาลก่อน ส่วนพยานในส่วนของผู้เชี่ยวชาญนั้น ศาลจะนัดมาไต่สวนในภายหลัง โดยศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้พยานในส่วนของฝ่ายผู้เชี่ยวชาญ อาทิ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางกลับได้ โดยศาลจะนัดมาไต่สวนภายหลัง
จากนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี ได้เบิกความว่า กรณีที่กระทรวงการคลังและรัฐบาล ได้พิจารณาที่จะออกกฎหมายฉบับนี้ เพื่อที่จะนำไปใช้จ่ายลงทุน โดยได้มีการศึกษาถึงแนวทางที่เคยได้มีปฏิบัติตั้งแต่ในอดีต รวมถึงได้พิจารณาถึงความเห็นของกฤษฎีกาที่ได้มีการพิจารณากฎหมายในอดีต และขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การออกกฎหมายที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังเพื่อไปใช้จ่ายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... และการตรากฎหมายเฉพาะจึงดำเนินการได้ โดยอิงตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 142 และ 143(3) ซึ่งกำหนดให้ ครม. สามารถเสนอร่างพ.ร.บ.การเงิน ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อกู้เงิน การค้ำประกัน และการใช้เงินกู้ การดำเนินการผูกพันทรัพย์สินของรัฐ ครม.จึงพิจารณาและให้ความเห็นว่า ครม.สามารถมีอำนาจที่จะเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ โดยเป็นการปฏิบัติไม่ขัดต่อมาตราใดมาตราหนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ รวมถึงมีการสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ว่าสามารถทำได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นและเร่งด่วนระดับหนึ่ง เพราะการดำเนินการในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านคมนาคมขนส่งนั้น จะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาตั้งแต่เริ่มมีการพิจารณาโครงการ การอนุมัติ จนถึงการจัดซื้อจัดจ้าง และมีการดำเนินการจนเสร็จสิ้น ต้องใช้เวลานานหลายปี การดำเนินการที่มีความรวดเร็วตั้งแต่เบื้องต้น จะทำให้โครงการนั้นเสร็จสิ้นได้ สำหรับเรื่องวินัยทางการเงินและการคลัง ซึ่งมีอยู่ 2 เรื่อง
1.การควบคุมเพดานหนี้สาธารณะที่ให้อยู่ระดับไม่เกินร้อยละ 60 ของจีดีพีของประเทศ
2.เรื่องภาระหนี้ ดอกเบี้ย และภาวะเงินต้น ที่จะต้องนำไปชดใช้หนี้ทั้งหมดของประเทศ ต้องไม่เกินร้อยละ15 ของงบประมาณประจำปี ซึ่งเราสามารถควบคุมภาระหนี้ ดอกเบี้ย และภาวะเงินต้น ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าร้อยละ15 ได้
นอกจากนี้การออกกฎหมายกู้เงินดังกล่าว ก็ได้มีการคำนวณว่าถ้ากู้เงินแล้วจะมีต้องมีการชำระหนี้คืนให้ครบ ซึ่งกระทรวงการคลังก็ได้ทำการวิเคราะห์ว่าหนี้ที่กู้มาจำนวนดังกล่าวสามารถที่จะชำระให้เสร็จสิ้นในระยะเวลาที่ไม่นานนักเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานกับโครงการดังกล่าวดังนั้นการคำนวณด้านวินัยการคลังในเรื่องการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น และดำเนินการจนมีความมั่นใจว่าจะมีการชำระหนี้ครบทุกบาท
จากนั้น น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และนายชนรรค์ พุทธมิลินประทีป รอง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (สงบ). ขึ้นเบิกความตามลำดับ โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พยายามสอบถามแนวคิดและความเห็นจากบุคคลทั้งสองถึงคำว่าเงินแผ่นดินว่าจากความรู้และประสบการณ์การทำงานของบุคคลทั้งสองเห็นเป็นอย่างไรสามารถใช้เงินจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่จำเป็นต้องออกร่าง พ.ร.บ.กู้เงินหรือไม่ รวมไปถึงการใช้จ่ายงบประมาณของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีความรัดกุมหรือไม่ และอาจเกิดความรั่วไหลหรือไม่ ขณะเดียวกันเมื่อกู้เสร็จแล้วจะต้องใช้หนี้คืนภายในระยะเวลากี่ปีทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย และหากโครงการผ่านไป 2 ปี จะสามารถกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพิ่มอีกได้หรือไม่
ทั้งนี้ น.ส.จุฬารัตน์ ชี้แจงแบบกว้างๆ ว่า ตามกฎหมายไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาที่จะต้องใช้หนี้คืน แต่ได้มีการประมาณการณ์ทางวิชาการว่า โครงการนี้เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นทรัพย์สินของประเทศนับร้อยปี และรัฐบาลมีความสามารถที่จะนำเงินมาจ่ายชำระดอกเบี้ย โดยไม่เป็นภาระมาก โดยสมมติฐานทางวิชาการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งนี้น่าจะชำระได้ภายใน 50 ปี อย่างไรก็ตาม คำถามที่ระบุว่าหากโครงการผ่านไป 2 ปี จะสามารถกู้เงินได้อีกหรือไม่ ยอมรับว่าไม่สามารถทำได้
จากนั้นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขึ้นเบิกความว่า ภาพรวมของพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นการเตรียมกรอบวงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาทภายในระยะเวลา 7 ปี เพื่อให้มีวงเงินสำคัญที่จะมาดำเนินโครงการได้ สำหรับการลงทุนของโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่ใช่การอนุมัติโครงการ ซึ่งการอนุมัติโครงการทุกโครงการต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินโดยทุกโครงการต้องทำตามที่กฎหมายเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โครงการทั้ง 53 โครงการไม่มีการทำผิดตามรัฐธรรมนูญ เพราะได้ทำการสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว ปฏิบัติตามพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม และพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างก็เป็นตามระเบียบต่างๆ ที่อยู่ในโครงการใหญ่ของประเทศทั่วไป นอกจากนี้ยังมีรายงานเรื่องการเบิกจ่าย เพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าของโครงการได้ รวมทั้งยังแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามโครงการนี้ ได้มีการหารือกับหน่วยงานระดับโลก และหารือกับทางภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น เพื่อความโปร่งใส่ในการทำโครงการดังกล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เรื่องความโปร่งใสตนกังวลเรื่องนี้มากที่สุด แต่ก็ต้องเรียนว่าความโปร่งใสอยู่ที่ระบบ ซึ่งไม่อาจเกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.นี้ จึงต้องมีการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าโครงการนี้สนับสนุนในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เพราะทำให้การคมนาคมขนส่งกระจายไปสู่ส่วนล่างได้ ทำให้การขนส่งสะดวกขึ้น ส่วนการก่อหนี้เกินตัวนั้นมองว่าสำนักงานบริหารหนี้ได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว สำหรับวงเงินของโครงการดังกล่าวนั้นอยู่ที่ 4.2 ล้านล้านบาท แต่ขณะนี้ได้นำมาใช้ในวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบวินัยทางการเงินที่กฎหมายได้กำหนดไว้
ขณะที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ประเทศไทยต้องการปฏิรูปทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการศึกษา ไม่ใช่ระบบคมนาคมอย่างเดียว และขอให้ไปคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบก่อนจะลงมือทำ ทั้งนี้เห็นว่ารถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย และอยากให้คำนึกถึงภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นอีก 50 ปี ข้างหน้าอีกด้วย
ทั้งนี้ หลังการไต่สวนนานกว่า 3 ชั่วโมงได้เสร็จสิ้นลงในเวลา 16.25 น. นายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาล รธน. ได้ชี้แจงกระบวนการไต่สวนวันนี้ว่า ศาลได้ไต่สวนพยานจำนวน 7 ปาก ประกอบด้วย น.ส.รังสิมา รอดรัศมี นายนริศร ทองธิราช นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร นายชนรรค์ พุทธมิลินประทีป และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในส่วนของเลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าหนังสือชี้แจงที่ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ลงวันที่ 3 มกราคม 2557 เป็นที่ชัดเจนแล้ว ศาลจึงงดการชี้แจงด้วยวาจา
ส่วนพยานที่ศาลเรียก ประกอบด้วย นายภัทรชัย ชูช่วย ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ศาลเลื่อนการชี้แจงในวันนี้และให้มาชี้แจงในวันที่ 15 มกราคม 2557 เวลา 10.00 น. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/01/2014 1:40 pm Post subject: |
|
|
เปิดใจผู้อำนวยการ "สนข." ไม่มีเงินกู้...53 โครงการยังไปต่อได้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 15 ม.ค. 2557 เวลา 11:00:12 น.
"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ดร.จุ๊-จุฬา สุขมานพ" ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ผู้กุมบังเหียนแผนงาน 53 โครงการบรรจุในบัญชี วันนี้จะมีคำตอบถึงทางออกหากไม่มีเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
- แผนสำรองถ้ากฎหมายแท้ง
ต้องหาเงินแหล่งอื่นมาทดแทน มี 2 แหล่งจากเงินกู้และงบประมาณประจำปีเหมือนที่เคยปฏิบัติมา วิธีการก็นำโครงการที่พร้อมเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี หาแหล่งเงินมาก่อสร้างเป็นรายโครงการ เพราะฉะนั้น ไม่ได้หมายความว่าร่าง พ.ร.บ.ไม่ผ่านแล้วโครงการจะล้มไปนะ โครงการยังอยู่ แต่ไม่ได้ใช้เงินกู้ตาม พ.ร.บ.เท่านั้น
เราจะเห็นว่าศาลมีประเด็นแค่เรื่องแพ็กเกจใหญ่ ๆ ทำไม่ได้ แต่โครงการไส้ในต่าง ๆ ถึงยังไงกระทรวงคมนาคมก็เดินหน้าต่อ รอเสนอรัฐบาลใหม่โดยโยกโครงการจากใน พ.ร.บ.มาขออนุมัติคณะรัฐมนตรีได้เลย
ไม่รอศาลเพราะศาลไม่ได้ดูอะไรไปมากกว่าเรื่องข้อกฎหมายที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังไปกู้เงิน นั่นก็แสดงว่าถ้าไม่มีอำนาจให้ไปกู้เงินตาม พ.ร.บ.นี้ ก็ไปกู้เงินตามกฎหมายอื่น
ซึ่งกระบวนการ (ทั้งรูปแบบการลงทุนและก่อสร้างในภาพรวม) อาจจะต้องรอนานขึ้น ประเมินน่าจะใช้เวลาเป็น 10 ปีขึ้นไป ไม่ใช่กรอบเวลาดำเนินโครงการเพียง 7 ปีตามที่เราพยายามก่อสร้างให้เสร็จพร้อมกัน
จะเหมือนรถไฟฟ้า กว่าจะได้สร้าง 2-3 สายอย่างทุกวันนี้ใช้เวลาเป็น 10 ปี แต่เลือกออก พ.ร.บ.กู้เงินเพราะต้องการบี้โครงการให้เริ่มและเสร็จภายใน 7 ปีในเวลาที่เราต้องการ และเป็นการเร่งให้เจ้าของโครงการทำให้เสร็จโดยเร็วภายในเวลาเดียวกัน เพราะระบบขนส่งพอเป็นเน็ตเวิร์กเข้ามา 7 สาย (รถไฟฟ้า) เมื่อบวก 1 ถึง 7 มันได้มากกว่า 7
เพราะฉะนั้นนี่คือคำอธิบายที่บอกว่า 1 + 1 ได้มากกว่า 2 ก็เพราะเป็นแบบนี้ จะกระจายและดึงคนได้มากกว่า กรณีของรถไฟฟ้าต้องสร้างหลาย ๆ สายเนื่องจากต้องการสร้างแข่ง เพื่อให้ทันกับจำนวนคนใช้รถยนต์ส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น
สิ่งสำคัญก็คือทุกโครงการต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะเดินหน้าได้ รวมถึงผ่านการศึกษารายละเอียดโครงการ ผลตอบแทน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โครงการไหนไม่ผ่านก็ไม่ได้ทำ
- จัดความสำคัญโครงการใหม่
โครงการที่ขออนุมัติใช้เงินกู้จะดูตามความพร้อมเป็นหลัก ดูว่าโครงการไหนพร้อมก่อนก็ทำก่อน เช่น ผ่านอีไอเอแล้วก็ขออนุมัติหมด ตอนนี้มีโครงการพร้อมทำเลย เช่น ปรับปรุงทาง ขยาย 4 เลน เพราะไม่มีทำอีไอเอ
ส่วนโครงการชุดต่อไปจะมีรถไฟทางคู่ 5 สายเร่งด่วนที่รออีไอเอ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ถึงแม้รถไฟฟ้านี้จะใช้เงินกู้แต่ก็ต้องขออนุมัติโครงการก่อน ซึ่งการขออนุมัติจะต้องเสนอรูปแบบด้วยว่าจะใช้เงินจากไหน ถ้าใช้เงินกู้ทางรัฐบาลจะให้กระทรวงการคลังหาแหล่งเงินต่อไป
กรณีโครงการถนนโดยทั่วไปจะเป็นงบประมาณประจำปี แต่งานเชิงโปรเจ็กต์เลย เช่น มอเตอร์เวย์ อาจจะใช้เงินกู้ได้ โดยสายที่เริ่มได้คือบางปะอิน-โคราช เพราะออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 2 สายคือ บางใหญ่-กาญจนบุรี กับสายชลบุรี-พัทยา จะเป็นขั้นตอนหาเงินค่าเวนคืนที่ดิน ต้องออก พ.ร.ฎ.ก่อนถึงจะดำเนินการได้
- ความชัดเจนไฮสปีดเทรน
ยังเดินหน้าโครงการต่อ (ตอบทันที) เพราะ พ.ร.บ.เป็นเรื่องของการใช้เงินมาดำเนินโครงการ ถ้าโครงการศึกษาเสร็จและผ่านอีไอเอก็ขออนุมัติได้ สนข.ขอทำแน่ ยกเว้นรัฐบาลใหม่เข้ามามีนโยบายไม่ให้ทำ ก็วัดใจกัน ถ้าไม่ทำก็เลิก
- แหล่งเงินที่จะลงทุน
ก็เหมือนรถไฟฟ้า เมื่อ ครม.อนุมัติโครงการแล้วก็ให้กระทรวงการคลังหาเงินกู้ให้ ดูว่าอันไหนดอกเบี้ยถูกสุดก็เป็นก้อนนั้น ทุกโครงการเป็นแบบนี้หมด ไม่ใช่คมนาคมอย่างเดียว
- ช่วงนี้งานเร่งด่วนสะดุดหรือไม่
งานของกระทรวงคมนาคมจริง ๆ ก็เร่งด่วนหมด แต่คนตัดสินใจไม่มี แผนงานที่จะอนุมัติโครงการก็ต้องรอ แต่ไม่มีเรื่องเร่งด่วนแบบว่าไม่ทำพรุ่งนี้แล้วประเทศจะล่มไปเลย...ยังไม่มีขนาดนั้น |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 04/03/2014 9:34 pm Post subject: |
|
|
ชำแหละปูไร้สมอง ไม่มีแผนงาน แผนเชื่อมโยงอาเซี่ยนล้มเหลว
แนวหน้า วันอังคาร ที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2557, 11.51 น.
4 มี.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมเกียรติ อ่อนวิมล อดีต ส.ว.สุพรรณบุรี และสื่อสารมวลชนอาวุโส ได้ขึ้นเวทีปราศรัยของมวลมหาประชาชนที่สวนลุมพินี เมื่อเวลา 22.00 น. โดยได้กล่าวถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในช่วงหนึ่งว่า ไม่ได้ใส่ใจใยดีต่ออาเซียนมากไปกว่าเพียงเข้าร่วมพิธีการงานเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งต่างๆ เท่านั้น ละเลยงานอาเซียนไปมาก แม้กระทั่งการประชุมที่สำคัญๆ ฝ่ายไทยก็ไม่มีรัฐมนตรีไปร่วมประชุมด้วยหลายครั้ง วันนี้ประเทศไทยจึงหมดบทบาทในการเป็นผู้นำอาเซียนไปอย่างน่าหดหู่ใจ
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ระบอบทักษิณทำลายอาเซียน แผนการเชื่อมโยงอาเซียนยังขาดตกบกพร่อง ทางรถไฟสายเดียวที่บังคับต้องทำให้เสร็จ คือทางรถไฟสายสิงคโปร์ขึ้นมากรุงเทพฯ เลี้ยวซ้ายเข้าพม่า ขึ้นไปคุนหมิงของจีน วกกลับมาเวียดนาม แล้วเข้ามาที่เขมร มาประเทศไทย เข้ากรุงเทพฯ แล้วลงไปสิงคโปร์ เรียกว่าว่าทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ที่เป็นแผนงานของอาเซียน สมัยที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน มีนายกรัฐมนตรีชื่อบรรหาร ศิลปอาชา แต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีแผนงานอะไรเลย
แผนการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทก็ไม่อยู่ในแผนที่จะใช้เงินเพื่อการนี้ ทางรถไฟสายอรัญประเทศ-คลองลึก เข้ากัมพูชา ความยาว 6 ก.ม.เท่านั้น ภายในปี 2014 คุณยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่คิดจะมีแผนจะทำอะไรทั้งสิ้น ทางหลวงสายกาญจนบุรี-ทวาย ต้องเสร็จภายในปี 2020 ก็ยังไม่มีแผน แถมยังมีทางรถไฟสายกาญจนบุรี-ทวาย ท่าเรือน้ำลึกสตูล ท่าเรือน้ำลึกตรัง ก็ยังไม่ได้มีแผนที่จะสร้าง เพียงแต่ศึกษาความเป็นไปได้กันอยู่ โครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เกี่ยวข้องกับแผนอะไรต่างๆ ของอาเซียนเลยแม้แต่น้อยนิด แต่ก็เป็นความอยากสร้างที่ไม่มีใครต้องการ |
|
Back to top |
|
|
nutsiwat
2nd Class Pass
Joined: 03/03/2011 Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร
|
Posted: 08/03/2014 6:48 pm Post subject: |
|
|
ไม่รู้ว่า แผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น จะเป็นอย่างไร และแผนการก่อสร้างระบบขนส่งจะสานต่อหรือหยุดชะงักหรือไม่ ก็ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ หรือชุดเดิมจะมาสานต่อหรือยกเลิกไปนะครับ _________________
--------------------------
สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 11/03/2014 5:15 pm Post subject: |
|
|
รถไฟ 2 ล้าน ๆ ตกราง?
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 11 มีนาคม 2557
รอลุ้นกันมากว่า3เดือนแล้วล่ะ พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้วงเงิน 2 ล้านล้านบาทใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามยุทธศาสตร์และแผนงาน ก็ที่มีรถไฟความเร็วสูงเป็นพระเอกของงานนั่นแหละ
ลุ้นว่ารถไฟจะตกรางก่อนเกิดหรือเปล่าเพราะพ.ร.บ.ที่ผ่านสภาผู้แทนโดยพรรคเพื่อไทยฉลุยโลด และวุฒิสภาซึ่งเป็นแนวร่วมกอดคอกันแก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยนที่มาส.ว.ก็โหวตผ่านฉลุยเช่นกันตอนตี3 ในวันพรุ่งนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยตามคำร้องว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ประเด็นคำถามขัดรัฐธรรมนูญคือเป็นการใช้เงินก้อนใหญ่โดยอยู่นอกวิธีการงบประมาณ
ผู้ร้องเห็นว่ารัฐธรรมนูญตีกรอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดินเอาไว้ต้องกระทำผ่านกฎหมาย 3 ฉบับ ว่าด้วยกฎหมายงบประมาณ กฎหมายการโอนงบประมาณ และกฎหมายเงินคงคลัง ทั้งนี้เพื่ออยู่ภายใต้ระบบตรวจสอบที่รัดกุม
ข้อกล่าวหาของผู้ร้องคือพ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านอยู่นอกกรอบดังกล่าวซึ่งเข้าใจว่าเพื่อหนีการตรวจสอบ
สาระสำคัญถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายก็ตรงกู้มาใช้ในระยะเวลา 7 ปีแต่ระยะเวลาชำระหนี้มหาศาลนี้ยาวถึง 50 ปี พูดได้ว่าแบกหนี้กันข้ามถึง 2 เจนเนอเรชั่น ปู่เป็นคนกู้ลูกกับหลานที่เป็นลูกของลูกรับภาระในการชำระหนี้
เรื่องใหญ่โตขนาดนั้นพ.ร.บ.มีคำชี้แจงที่มาที่ไป 19 มาตราแบบสั้นๆรวมแล้ว 4 หน้ากระดาษ โดยทางรัฐบาลอธิบายว่าในส่วนของรายละเอียดการใช้เงินยังไงต้องรายงานต่อรัฐสภาอยู่แล้ว
ในความเป็นจริงก็แตกต่างเพราะการแจ้งรายการใช้เงินเป็นเพียงบอกให้ทราบไม่ใช่ขออนุมัติ ด้วยรัฐสภาไฟเขียวไปแล้ว 2 ล้านล้านในกรอบใหญ่โครงสร้างพื้นฐานงานขนส่ง
คงอ่านใจศาลลำบากเชื่อว่าตัวตุลาการแต่ละท่านเองก็ลำบากใจเพราะคนรัฐบาลและก๊วนเสื้อแดงปักใจเชื่ออย่างมั่นคงองค์กรอิสระเป็นคนละพวกกับตน ระดับรัฐมนตรี,แกนนำนปช.ถึงขั้นออกปากรัฐบาล,เสื้อแดงทำอะไรก็ผิดส่วนอีกฝ่ายทำอะไรก็ถูก
เท่ากับไม่ปรารถนาจะวิเคราะห์ที่ตัวเนื้อความ ครบถ้วนหรือบกพร่องอย่างไรหรือไม่
ผมนึกถึงพ.ร.ก.เงินกู้เพื่อบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้าน ออกเป็นพ.ร.ก.เพื่อต้องการใช้เงินเร่งด่วนสร้างความเชื่อมั่นประชาชน,นักลงทุนหลังมหาอุทกภัยปี 54 โดยระบุต้องกู้ภายใน 30 มิ.ย.56 กลับพบว่าเบิกจ่ายจริงเพียง 7,250 ล้าน มีการเซ็นไว้ก่อนอีก 4,500 ล้านช่วงก.ค.ถึงพ.ย.ปีเดียวกัน
สะท้อนถึงความไม่พร้อมในงานบริหารโครงการสำคัญๆ ส่งผลให้ความไว้วางใจในการใช้งบประมาณของรัฐบาลถดถอย ยิ่งยากต่อการตรวจสอบอย่าง 2 ล้านล้านก็ยิ่งน่าเป็นห่วง
โทษใครล่ะ ท่านทำตัวแปลกๆแบบนั้นเอง
มั่นใจว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ว่าออกหัวหรือก้อยมีคำอธิบายด้วยเหตุและผลชัดเจน และไม่เกี่ยวกับการอยากมีรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ อยู่ที่วิธีการใช้เงินเท่านั้น.
แมงเม่า |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 12/03/2014 1:14 pm Post subject: |
|
|
มติศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ผิดทั้งกระบวนการและเนื้อหา ทำให้ร่างกฏหมายนี้ตกทั้งฉบับ
ที่มา: @NationChannel24 13.10 น. 12 มี.ค. 57 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 12/03/2014 6:03 pm Post subject: |
|
|
เปิดคำวินิจฉัย! ศาลรธน.ชี้กู้เงิน2ล้านล้านขัดรธน.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 12 มีนาคม 2557 17:46
(ละเอียด)เปิดคำวินิจฉัย ศาลรธน.ชี้ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้าน ขัดรธน. ไม่ชอบทั้งกระบวนการ และเนื้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.15 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวถึงผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องของประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของสมาชิก 2 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1 ) ว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ.
มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หรือไม่
ทั้งนี้ คำร้องทั้งสองมีข้อเท็จจริง สรุปได้ว่า ตามที่รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ.
แล้ว และอยู่ในช่วงเวลาก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยนั้น ผู้ร้อง เห็นว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และกระบวนการตราไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ของสภาผู้แทนราษฎรมีการกดบัตรแสดงตนและลงคะแนนแทนกัน
ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้อง คำชี้แจง เอกสารประกอบของผู้ร้อง และการไต่สวนพยานผู้เชี่ยวชาญแล้ว ได้กำหนดประเด็นวินิจฉัย รวม 2 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่หนึ่ง ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ.
ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือไม่ ประเด็นที่สอง ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ.
มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ หรือไม่
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า สำหรับประเด็นที่หนึ่ง ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้ว่า นายนริศร ทองธิราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ. สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ใช้บัตรแสดงตนและออกเสียงลงคะแนนในระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 พิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ.
ซึ่งเมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญ มาตรา 122 บัญญัติว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และมาตรา 126 วรรคสาม บัญญัติว่า สมาชิกคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนนแล้ว เห็นว่า การลงคะแนนเสียงแทนกันในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 และมาตรา 126 วรรคสาม ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 เสียง เห็นว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ.
ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
ส่วนประเด็นที่สอง ก่อนที่จะวินิจฉัยประเด็นนี้ มีปัญหาที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยก่อนว่า เงินกู้ตามร่างพ.ร.บ.นี้ เป็นเงินแผ่นดินตามความหมายของรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เห็นว่า คำว่า "เงินแผ่นดิน" ไม่ได้มีการกำหนดความหมายไว้โดยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด แต่เมื่อพิจารณาจากพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2542 มาตรา 4 ประกอบกับความเห็นของพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางการเงิน การคลัง และงบประมาณ ตลอดจนบรรดากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เห็นว่า การกู้ตามร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... เป็นเงินแผ่นดินตามความหมายของรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไปว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ หรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อกู้เงินตามร่างพ.ร.บ.นี้ มีลักษณะเป็นเงินแผ่นดิน การใช้จ่ายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยการเงิน การคลัง เว้นแต่ในกรณี "จำเป็นเร่งด่วน" รัฐบาลจะจ่ายไปก่อนก็ได้แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติและต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังในพ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณรายจ่าย พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า การดำเนินการเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศตามที่ร่างพ.ร.บ. นี้มุ่งประสงค์ ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
การใช้จ่ายเงินแผ่นดินต้องไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง เพื่อการรักษาเสถียรภาพ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และความเป็นธรรมในสังคม ดังนั้น การที่ ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... บัญญัติให้กู้เงินตามร่างพ.ร.บ. บัญญัติให้เงินกู้ตามร่างพ.ร.บ.นี้นำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์โดยไม่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง และบัญญัติให้คณะรัฐมนตรีรายงานการกู้เงิน ผลการดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินการตามแผนงานในแต่ละยุทธศาสตร์ต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากที่พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2502 อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายเงินแผ่นดินบัญญัติไว้ ทำให้การควบคุมตรวจสอบการใช้จ่ายเงินดังกล่าวไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าด้วยกรอบวินัยการเงินการคลังที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ร่างพ.ร.บ.ในส่วนดังกล่าวจึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลจึงมีคำวินิจฉัยว่า ร่างพ.ร.บ.นี้ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ และมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.นี้ จึงมีผลให้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ เป็นอันตกไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคสาม ที่ระบุว่า ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีระงับการดำเนินงานเพื่อประกาศใช้ร่างพ.ร.บ.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ถ้าศาลวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.นั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราโดยไม่ถูกต้องให้ร่างพ.ร.บ.นั้นเป็นการตกไป |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 19/03/2014 12:32 am Post subject: |
|
|
คมนาคมเกลี่ยใหม่โปรเจ็กต์ 2 ล้านล. "รถไฟฟ้า-รางคู่" สายสีชมพู-ส้ม-เหลืองสะดุดยาว
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 18 มี.ค. 2557 เวลา 21:00:50 น.
คมนาคมเกลี่ยใหม่โปรเจ็กต์ 2 ล้านล้าน หลัง พ.ร.บ.กู้เงินล่ม จัดโผโครงการเร่งด่วนของบฯปี"58 ทั้ง 4 เลน ซ่อมทาง ปรับปรุงรางรถไฟ ศูนย์ขนส่งเชียงของ ส่วนรถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ ทางคู่ โยกใช้เงินกู้-ดึงเอกชนลงทุน PPP เผยรถไฟสายใหม่ส่อแววสะดุดยกแผง ทั้ง "ชมพู-ส้ม-เหลือง-แดง ช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์ ส่วนต่อขยายสายสีม่วง และแอร์พอร์ตลิงก์" เลื่อนสีเขียว "หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต" ตอกหมุดปีหน้า แตะเบรกไฮสปีดเทรน โหมโรงทางคู่ 5 สายแทน
แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กระทรวงจะจัดลำดับความสำคัญของโครงการใหม่หลังไม่มีเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งฯ ขัดรัฐธรรมนูญ โดยจะนำโครงการซึ่งได้จัดลำดับความสำคัญว่าเป็นโครงการที่เร่งด่วนและพร้อมประมูลก่อสร้างไปบรรจุไว้ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558
จัดโผถนน-ระบบรางของบฯปี 58
ได้แก่ 1.ด้านถนน เช่น ขยาย 4 เลน บูรณะถนนสายหลัก มอเตอร์เวย์ 2.ระบบราง เช่น ซ่อมทางรถไฟ ติดตั้งเครื่องกั้น อาณัติสัญญาณ ส่วนรถไฟทางคู่ 5 สาย รอการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) นอกจากนี้มีศูนย์เปลี่ยนถ่ายการขนส่งสินค้าที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จะเร่งสร้างรองรับการเปิดใช้สะพานข้ามโขงแห่งใหม่
"ต้องรอดูรัฐบาลใหม่ และการบังคับใช้งบประมาณปี"58 จะเร็วหรือช้า แต่มีแนวโน้มว่ากว่าจะเริ่มต้นโครงการใหม่ได้ น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี"
ส่วนที่คาดว่าจะชะลอยาวคือรถไฟฟ้าสายใหม่ เช่น สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) สีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟชานเมืองสายสีแดง 5 เส้นทาง เช่น ต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (สนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) สายสีแดง (รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์)
หวั่นรถไฟฟ้าใหม่ดีเลย์ยาว
"โครงการเหล่านี้ แม้พร้อมประมูล แต่ต้องรอแหล่งเงินทุนที่ชัดเจน เพราะใช้เงินลงทุนสูงร่วม 4-5 แสนล้านบาท รวมถึงสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ที่ไม่อยู่ใน 2 ล้านล้านบาท แผนเดิมรถไฟฟ้า 10 สายจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2562 คาดว่าจะล่าช้าไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี หรือปี 2565 เป็นต้นไป สำหรับรถไฟความเร็วสูง 4 สายจะพิจารณาละเอียดอีกครั้ง อาจเลือกบางสายที่พร้อมก่อสร้างก่อน จากเดิมจะสร้างทั้ง 4 สาย เพื่อเชื่อมทั้ง 4 ภูมิภาค จะมุ่งเน้นรถไฟทางคู่เป็นหลักก่อน"
นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ได้แบ่งรถไฟฟ้าเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาคือกลุ่มที่กำลังก่อสร้าง 3 สาย คือสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) สีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) และสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) การเปิดใช้บริการยังอยู่ในปี 2560 แม้มีปัญหาเรื่องแหล่งเงินกู้จ่ายให้ผู้รับเหมา
หมอชิต-คูคต ตอกหมุดสิ้นปี
กลุ่มที่ 2 กำลังเปิดประมูล มีสายเดียวคือสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูตต) วงเงินกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท จะยื่นซองประมูล 11 เมษายนนี้ หากมีรัฐบาลใหม่ ตามกำหนดการจะได้ตัวผู้รับเหมาเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ คาดว่าจะเซ็นสัญญาและก่อสร้างได้ปลายปีนี้ แต่หากการเมืองยืดเยื้ออาจเลื่อนเป็นปี 2558 เปิดบริการปี 2561
กลุ่มที่ 3 กำลังขออนุมัติ มีสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) และกลุ่มที่ 4 กำลังออกแบบ มีสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) จะชะลอยาว เพราะขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลใหม่และแหล่งเงินทุน
ส่วนนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า จะนำโครงการทั้งหมดใน 2 ล้านล้าน เงินลงทุนกว่า 1.2 ล้านล้านบาท เสนอรัฐบาลใหม่พิจารณาเป็นแพ็กเกจเพื่อขอคำยืนยันว่าจะให้เดินหน้าอีกครั้ง เพราะมองว่าทุกโครงการเร่งด่วนเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศแข่งขันกับต่างประเทศได้
เร่งทางคู่-เวนคืนรถไฟสายใหม่
ที่จะของบฯปี 2558 เป็นโครงการที่โยกมาจากเงินกู้ 1.76 แสนล้านบาท จากมติ ครม.เดิมอนุมัติปี 2553 แต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เหลือกรอบวงเงินอยู่ 1.4 แสนล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าทางคู่ 5 สาย รวม 797 กิโลเมตร วงเงิน 118,034 ล้านบาท ได้แก่ สายลพบุรี-ปากน้ำโพ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น นครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน และประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร อยู่ระหว่างทำอีไอเอ หากได้รับการอนุมัติจะเปิดประมูลทันที รถไฟสายใหม่จะขอเงินค่าเวนคืนสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และบ้านไผ่-นครพนม รวมถึงค่าศึกษาทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 สาย เช่น สายหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์
แหล่งข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า มีโครงการ 2 ล้านล้าน เสนอของบฯปี 2558-2560 ได้แก่ 1.ถนน 4 เลน 16 โครงการ 2.8 หมื่นล้านบาท เช่น สาย 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย 2.ซ่อมบำรุงทางสายหลัก 9 โครงการ 3,500 ล้านบาท เช่น สาย 4 ปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ 3.ถนนเชื่อมโยงระหว่างประเทศ 7 โครงการ 8 พันล้านบาท เช่น สายเลี่ยงเมืองแม่สอด
มอเตอร์เวย์ได้สร้างแค่สายเดียว
นอกนั้นมีส่วนค่าเวนคืนมอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด 1,800 ล้านบาท ส่วนค่าก่อสร้างใช้เงินกองทุนค่าธรรมเนียม ใช้เงินลงทุนทั้งโครงการ 16,000 ล้านบาท ส่วนสายบางปะอิน-โคราช และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี จะใช้เงินกู้และให้เอกชนลงทุน PPP
ขณะที่นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ระบุว่า กรมมีโครงการเสนอขอวงเงินรวม 7,800 ล้านบาท เริ่มปี 2558-2560 อาทิ ถนนรอยัลโคสต์ ถนนเชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง สะพานข้ามแยกรถไฟ ค่าเวนคืนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก
อสังหาฯฟันธงราคาที่ดินตก
ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า จากที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้การนับหนึ่งเริ่มโครงการล่าช้าออกไป ราคาที่ดินตามจังหวัดหัวเมืองน่าจะทรงตัวและเริ่มปรับลดลง โดยเฉพาะแปลงที่มีผู้ซื้อไว้เพื่อเก็งกำไร เพราะการซื้อขายที่ดินน่าจะชะลอตัว ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจหลายจังหวัดเริ่มชะลอตัวจากปัญหาชาวนายังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว ราคาที่ดินจึงมีโอกาสปรับลดลงมาเท่าช่วง 2 ปีก่อน โดย 2 ปีที่ผ่านมา หัวเมืองหลักบางจังหวัด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น อุดรธานี ฯลฯ ขยับขึ้น 40-100% จาก 4-5 หมื่นบาท เป็น 8 หมื่น-1 แสนบาท/ตร.ว.
เช่นเดียวกับที่นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย และนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย มองว่า จากนี้ไปราคาที่ดินในจังหวัดที่มีแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงและอยู่ใกล้สถานีจะทรงตัวอีกนาน เนื่องจากการซื้อขายชะลอตัว หลัง 2 ปีที่ผ่านมา บางจังหวัดปรับขึ้น 100-300% เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา อุดธานี ฯลฯ
สศค.แนะทำงบฯปี 57 เพิ่ม
ส่วนมุมมองของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังจำเป็น แม้กฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทจะไม่ผ่าน เงื่อนไขสำคัญสุดที่จะผลักดันลงทุนต่อได้คือต้องมีรัฐบาล หากมีรัฐบาลใหม่ภายในปีงบฯ 2557 นี้ มี 2 วิธีทำได้ทันที คือ 1) จัดทำงบประมาณเพิ่มเติม (งบฯกลางปี) ขาดดุลเพิ่มจากเดิมที่ขาดดุล 2.5 แสนล้านบาท แม้การจัดเก็บรายได้จะไม่เกินเป้าก็ทำได้ 2) การกู้เงินไม่เกิน 10% ตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
หากไม่จัดทำงบฯกลางปี ในปีงบฯ 2557 ก็ต้องใส่ไว้ในงบฯรายจ่ายประจำปี 2558 โดยเพิ่มสัดส่วนงบฯลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การขาดดุลงบประมาณสูงขึ้น กระทบเป้าหมายจัดทำงบฯสมดุลในปี 2560ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กรอบการจัดทำงบฯ
ขาดดุลไม่เกิน 20% ของงบฯรายจ่ายประจำปี บวกกับไม่เกิน 80% ของงบฯชำระหนี้เงินต้น แต่เป้าเดิมที่จะลงทุนใน 7 ปีคงไม่ทัน ขณะเดียวกัน ต้องจัดลำดับความสำคัญโครงการใหม่ เลือกที่คุ้มค่าเกิดประโยชน์มาดำเนินการก่อน รถไฟความเร็วสูงอาจล่าช้าออกไป
เพิ่มสัดส่วนลงทุนร่วมรัฐ-เอกชน
นอกจากนี้ ต้องผลักดันเพิ่มการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (PPP) และจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) ระดมเงินมากขึ้น สศค.ประเมินว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 3.1% หากมีรัฐบาลใหม่ แต่ถ้ายังไม่มีอาจขยายตัวต่ำกว่า2% ซึ่งได้ปรับสมมติฐานการเบิกจ่ายงบฯลงทุน 2 ล้านล้านบาท รวมถึงงบฯลงทุนระบบน้ำออกแล้ว เป้าหมายการลงทุน 2 ล้านล้านบาท ช่วยให้เศรษฐกิจโตเพิ่มปีละ1% ไม่มีแล้ว
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า การจัดทำงบฯรายจ่ายเพิ่มเติม หรืองบฯกลางปี มีเงื่อนไขต้องมีสภาผู้แทนราษฎร มีรัฐบาลใหม่ก่อน และต้องมีเวลาเบิกจ่ายใช้เงินอย่างน้อย 3 เดือน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ และต้องอยู่บนหลักการรัฐบาลเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายหากเก็บรายได้ไม่เข้าเป้าทำลำบาก
ส่วนปีงบฯ 2558 สามารถจัดทำงบฯขาดดุลได้สูงสุดถึง 5 แสนล้านบาท เพิ่มจากปีงบฯ 2557 ที่ขาดดุล 2.5 แสนล้านบาท แต่ก็ขึ้นกับนโยบายรัฐบาล และอยู่บนเงื่อนไขต้องมีรัฐบาลใหม่ สภาผู้แทนราษฎรก่อน
นักเก็งกำไรที่ดิน ตจว.ซึมราคาวูบ
สำหรับความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด นายกฤช หิรัญกิจ ประธานที่ปรึกษาสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า หลัง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ถูกชี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนมาก การลงทุนจะซบเซาลง ราคาที่ดินที่กว้านซื้อเก็งกำไรตกลงทันที อาจต้องปล่อยขายราคาต้นทุน นอกจากนี้ยอดขายอสังหาฯในพื้นที่ก็ชะลอตัวลง 20% จึงเตือนให้ชะลอการลงทุนปีนี้ไว้ก่อน
นายไพจิตร มานะศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลังคาซ่า จำกัด นักลงทุนอสังหาฯรายใหญ่ จ.นครราชสีมา มองว่า จากก่อนหน้านี้ที่ดินในตัวเมืองนครราชสีมาปรับตัวสูงขึ้นถึง 1.5 แสนบาท/ตร.ว.หลังโครงการ 2 ล้านล้านชะงัก ราคาจะตกลง 15-20% นักลงทุนจะชะลอลงทุน แต่เชื่อว่ารถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่จะดำเนินการต่อ อาจใช้งบฯปกติ หรือออก พ.ร.บ.กู้เงินอื่นทดแทน แต่จะล่าช้าหลายปี
ขณะที่นายสุรสีห์ แห่งศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการโครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมนวนคร นครราชสีมา ชี้ว่า นักลงทุนที่ซื้อที่ดินโดยรอบโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง-รถไฟรางคู่ ตั้งแต่ จ.สระบุรีจนถึงเมืองนครราชสีมาจะกระทบหนัก และอสังหาฯจะหยุดเติบโต เช่นเดียวกับการลงทุนอุตสาหกรรม
ส่วนนายบุญชู ภุชงค์ประเวศ ประธานหอการค้า จ.นครปฐม กับนายจิรศักดิ์ ฉันทวิลาศ กรรมการผู้จัดการ บจ.ฉันทวิลาศ (2002) ผู้รับเหมาและให้บริการขนส่งหิน ดิน ทราย งานก่อสร้างในนครปฐม มองว่ากรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการลงทุนในไทยในระยะยาว จะเริ่มเห็นสัญญาณชะลอการลงทุนชัดเจนปลายปีนี้ นอกจากนี้พื้นที่หัวเมืองใหญ่ ราคาที่ดินจะปรับลดลงรวดเร็ว อสังหาฯ ค้าปลีก และธุรกิจที่ต่อเนื่องจะชะลอตัวด้วย
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 20/03/2014 11:38 pm Post subject: |
|
|
หั่นงบเหลือ 1.1 ล้านล. - ตัดทิ้ง โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21:01 น. ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 20 มี.ค. นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการทบทวนเพื่อจัดทำแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณา ภายหลังพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ ว่า กระทรวงคมนาคมเห็นว่าทั้ง 53 โครงการตามพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีความสำคัญที่จะต้องดำเนินการต่อ เนื่องจากเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้เร็วกระทรวงได้ปรับลดโครงการที่ไม่จำเป็นออก 2 โครงการ คือโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) วงเงินลงทุน 8 แสนล้านบาท และโครงการสร้างด่านศุลกากร 41 แห่งทั่วประเทศ วงเงินลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งยังมีตัดวงเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด 3 หมื่นล้านบาท ออกจากแผนกู้เงินเดิมอีกด้วย ทำให้เหลือโครงการที่จะดำเนินการ 51 โครงการ ส่งผลให้วงเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากเดิมตั้งไว้ที่ 2 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการหารือสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เสนอให้กระทรวงจัดทำแผนการลงทุนระยะยาว 7 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดคาดว่าจะแล้วเสร็จและนำแผมมาหารือกับสบน. และสำนักงบประมาณ เพื่อสรุปแผนทั้งหมดได้ภายในเดือยเม.ย.นี้ จากนั้นจะเสนอรัฐบาลใหม่พิจารณาต่อไป
นายจุฬากล่าวต่อว่า เบื้องต้นในปีแรกกระทรวงคาดว่าจะมีการเสนอขอจัดสรรงบลงทุนรวมทั้งสิ้น 9 หมื่นล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ โครงการขยายถนน 4 ช่องจราจร โครงการขุดคลองแม่น้ำป่าสัก จ.พระนครศรีอยุธยา และโครงการจ่ายค่าเวนคืนการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 28/05/2014 10:36 pm Post subject: |
|
|
คสช. ทบทวนแผนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน รถไฟเร็วสูง น้ำ ราง อากาศ ถนน ยัน2สัปดาห์รู้ผล ย้ำเน้นประโยชน์ประเทศ
เดลินิวส์ วันพุธ 28 พฤษภาคม 2557 เวลา 20:45 น.
พล อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผอ.ทอ. รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยหลังประชุมรับทราบนโยบายผู้บริหารหน่วยงานช้าราชการ และรัฐวิสาหกิจกระทรวงคมนาคมว่า จะนำโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ทั้งระบบน้ำ ราง ถนน อากาศ และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งอยู่ในโครงการ 2 ล้านล้านบาท นำไปเสนอให้ประธาน คสช. เพื่อทบทวนจัดทำแผนแม่บทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์
โครงการโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน คสช.จะให้ความสำคัญและเดินหน้าต่อในทุกระบบเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันได้ โดยโครงการไหนหากทำก่อนก็จะเริ่มก่อนเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญแต่ต้องมาดูรายละเอียด ข้อขัดข้องว่ามีอุปสรรคใดบ้าง เช่น งบประมาณ กระบวนการพิจารณา กฎหมาย ที่ดิน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเข้าไปดูว่าตรงไหนต้องปรับปรุง ถ้าโครงการไหนพร้อมก็จะเดินหน้าได้ทันที แต่ถ้าใช้งบประมาณมาก เราจะนำมาปัดฝุ่นเพื่อให้ระบบคมนาคมเดินหน้าได้สมบูรณ์
ทั้งนี้โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิให้รอบรับผู้โดยสาร 60 ล้านคน และสนามบินดอนเมืองเป็น 30 ล้านคนคาดจะเดินหน้าต่อได้ ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นโครงการที่ให้ความสนใจโดยพิจารณาว่าเส้นทางใดทั้งกรุงเทพ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-หนองคาย เพื่อดูว่าโครงการใดขัดข้องบ้าง ซึ่งจะใช้เวลาศึกษาและน่าจะดำเนินการต่อได้หากสามารถแก้ไขอุปสรรคด้านต่างๆ ด้าน
พล อ.อ.ประจิน กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณยืนยันว่าจะใช้ได้ทันตามกำหนดแน่นอน ทั้งงบประมาณปี 57 จะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้งบที่ค้างอยู่เดินได้ไปตามเป้าหมาย รวมถึงเร่งรัดการทำงบประมาณปี 58 ที่ปีนี้ขอเพิ่มจากงบปี 57 ถึง 3 เท่า ให้เสร็จโดยเร็ว โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อเบิกจ่ายใช้งบประมาณให้ทันวันที่ 1 ต.ค.57 |
|
Back to top |
|
|
|