Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 02/12/2021 7:17 pm Post subject:
ไทย-เยอรมันต่ออายุความตกลง ร่วมมือพัฒนาระบบรถไฟ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 18:05 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 18:05 น.
"คมนาคมสานต่อความร่วมมือไทย-เยอรมันพัฒนาระบบรถไฟ ลงนามต่ออายุความตกลงอีก 2 ปี พร้อมจัดตั้งสมาคมระบบรางเยอรมัน - ไทย ร่วมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทยต่อยอดการพัฒนา
วันที่ 2 ธ.ค.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และนายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาทางวิชาการ GTRA Workshop ครั้งที่ 6 ในหัวข้อ High Speed Rail: The Changing Face of Thai Railways. In the Series of Railway Technology, Operations and Management การประกาศก่อตั้งสมาคมระบบรางเยอรมัน - ไทย (German Thai Railway Association: GTRA) อย่างเป็นทางการ และร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยการต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑรูย์พงษ์ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย เยอรมนี
โดยกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงฯ เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2559 โดยแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงฯ มีอายุ 3 ปี และอาจมีการต่ออายุได้อีก 2 ปี อย่างต่อเนื่องกัน ตามความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้ต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงฯ รวม 2 ครั้ง ซึ่งการต่ออายุในครั้งนี้ เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. 2564 ถึงวันที่ 22 พ.ย. 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและกระชับความร่วมมือด้านระบบราง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาการขนส่งทางรถไฟ และระบบขนส่งมวลชนในเมือง ฝ่ายไทยและฝ่ายเยอรมนีได้ร่วมกันจัดกิจกรรมและการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้แถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงฯ ได้แก่ การจัดตั้งสมาคมระบบรางเยอรมัน - ไทย ซึ่งได้รับการจดทะเบียน เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2564 ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยของไทยกับมหาวิทยาลัย RWTH-Aachen และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดรสเดน (DU-Dresden) แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากร โดยมีภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย ผู้ประกอบการด้านรถไฟฟ้า และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมการประชุมฯ ที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง
ซึ่งประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมระบบรางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขณะที่ไทยมีแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านระบบรางที่เป็นรูปแบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีส้ม เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังได้พัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ลดเวลาการเดินทางและเชื่อมโยงธุรกิจและการค้า รวมถึงพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเป็นหัวข้อหลักของการสัมมนาในวันนี้ โดยรถไฟความเร็วสูงนั้น ประเทศไทยอยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 2 เส้นทาง หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเชื่อมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านคมนาคมในภูมิภาคต่อไป
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะช่วยการพัฒนาระบบรางของไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งในการพัฒนารถไฟฟ้า 14 เส้นทางของไทยนั้นใช้เทคโนลยีของประเทศเยอรมนีค่อนข้างมาก และในอนาคต ยังจะมีการพัฒนาระบบราง ทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูง และระบบรางตามนโยบายของรัฐบาล แผน M-R Map 10 เส้นทาง อีกด้วย ซึ่งการพัฒนาระบบรางมีองค์ประกอบกหลายด้าน ทั้งเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร ซึ่งนอกจากเยอรมนีแล้ว จะมีความร่วมมือกับอีกหลายประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบราง ซึ่งในเรื่องของระบบอาณัติสัญญาณนั้น ปัจจุบันสามารถบูรณาการเชื่อมต่อกันได้หมด ทั้งยุโรป จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไม่มีประเด็นที่ต้องกังวลใดๆ
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44611
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44611
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 06/12/2021 7:22 am Post subject:
ปั้นโมเดลท่าเรือบกใกล้'แหลมฉบัง''ขอนแก่น-โคราช-นครสวรรค์'รอลุ้น
Source - เดลินิวส์
Monday, December 06, 2021 06:34
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยถึงแผนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังว่า ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบัง ขนสินค้าผ่านระบบรางเพียง 7% ของการขนส่งสินค้าทั้งหมด จึงมีเป้าหมายผลักดันให้เพิ่มเป็น 30% เทียบเท่าท่าเรือมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาท่าเรือบก (DryPort) เพื่อขยายพื้นที่ของท่าเรือในการตรวจสอบสินค้าตู้ คอนเทเนอร์ จัดตั้งศูนย์รับส่งตู้คอนเทเนอร์ ให้การขนส่งสินค้าจากต่างประเทศสามารถเช็กสินค้า เปิดตู้คอนเทเนอร์ ตรวจสอบตามขั้นตอนกรมศุลกากรให้แล้วเสร็จ บริการครอบคลุมเสมือนมีท่าเรืออยู่ในพื้นที่นั้น ๆ ก่อนส่งตู้คอนเทเนอร์ผ่านระบบรางมายังท่าเรือแหลมฉบัง จะสะดวก รวดเร็ว และมากกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 18 ล้านตู้ต่อปี
ด้านเรือโทยุทธนา โมกขาว รักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ได้ลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) พัฒนาท่าเรือบก กับ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ใน สปป.ลาว เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้ามายังท่าเรือแหลมฉบัง จะเป็นโอกาสในการขนส่งสินค้าที่จะเกิดขึ้นจากการใช้เส้นทางรถไฟลาว-จีน นอกจากนี้จะพัฒนาท่าเรือบกในพื้นที่ใกล้เคียงท่าเรือแหลมฉบังตามเป้าหมายของ สกพอ. เพื่อขยายพื้นที่บริการท่าเรือ และเพิ่มศักยภาพการขนส่งตู้คอนเทเนอร์ให้สะดวก รวดเร็ว และจำนวน มากขึ้น สอดคล้องกับแผนของ กทท.ที่อยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาท่าเรือบก โดยก่อนหน้านี้มีผลการศึกษาคัดเลือกพื้นที่เหมาะสม อาทิ จ.ขอนแก่น นครราชสีมา และ จ.นครสวรรค์
เรือโทยุทธนา กล่าวต่อว่า เดิม กทท. มีแผนพัฒนาท่าเรือบกอยู่แล้ว แต่อีอีซีมองว่าจะเป็นโอกาสอย่างมาก หากหาพื้นที่พัฒนาท่าเรือบกได้ใกล้เคียงกับท่าเรือแหลมฉบัง เพราะถือเป็นการขยายพื้นที่บริการท่าเรือ แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา หากจะพัฒนาก็ต้องหาพื้นที่ขนาดใหญ่ 500-1,000 ไร่ สำหรับท่าเรือแหลมฉบัง ปัจจุบันมีศักยภาพรองรับตู้สินค้า 11 ล้านทีอียูต่อปี เมื่อพัฒนาท่าเรือ F แล้วเสร็จ จะเพิ่มศักยภาพรับตู้สินค้าเป็น 18 ล้านทีอียูต่อปี แบ่งออกเป็น ท่าเรือ F1 (เฟสแรก) เปิดให้บริการภายในปี 68 รองรับปริมาณการขนส่งได้ประมาณ 2 ล้านทีอียูต่อปี และท่าเทียบเรือ F2 (เฟส 2) จะแล้วเสร็จภายในปี 72 รองรับปริมาณการขนส่งได้เพิ่มเติมอีกราว 2 ล้านทีอียูต่อปี อีกทั้งยังพัฒนาระบบขนส่งทางรางที่จะรองรับขนถ่ายตู้สินค้าสูงสุด 6 ล้านทีอียูต่อปี.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 7 ธ.ค. 2564 (กรอบบ่าย)
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44611
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 08/12/2021 11:24 am Post subject:
เปิดยอดส่งออกชายแดน-ผ่านแดน 10 เดือน 8.6 แสนล้าน
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 8 ธันวาคม 2564 - 11:21 น.
จุรินทร์ โชว์ยอดส่งออกชายแดน-ผ่านแดน 10 เดือน 860,436 ล้าน คาดทั้งปีฉลุย 1 ล้านล้าน ตีปีกเปิดด่านมาเลย์ครบ 9 ด่าน จ่อเปิดด่าน หนองเอี่ยน จ.สระแก้ว-กัมพูชา เพิ่มปลายปี พร้อมถกเอกชนคาดการณ์ปี 65 ขยายตัว 6-8% เร่งเคลียร์ปมร้อนใช้ประโยชน์รถไฟจีน-ลาว
วันที่ 8 ธันวาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนตุลาคม 2564 ของไทยกับประเทศคู่ค้าสำคัญ 7 ประเทศ คือ เมียนมา มาเลเซีย ลาว เวียดนาม จีน สิงคโปร์และกัมพูชา มีมูลค่า 148,803 ล้านบาท 32.07% โดยส่งออกมูลค่าสูงถึง 82,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.48% และนำเข้า 66,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.81% ส่งผลให้ประเทศไทยได้ดุลการค้า 15,333 ล้านบาท
สำหรับการค้าชายแดนและผ่านแดนในรอบ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) 2564 มีมูลค่า 1,424,345 ล้านบาท เพิ่ม 31.72% ไทยส่งออก 860,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.41% และนำเข้า 563,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.89% ทำให้ไทยได้ดุลการค้าชายแดนกับผ่านแดน 296,527 ล้านบาท
แค่เพียง 10 เดือนถือว่าเราทำตัวเลขได้ทะลุเป้าที่กำหนดไว้ทั้งปี 64 แล้ว เพราะยังไม่ถึงเดือนธันวาคม ก็ทะลุเป้าที่วางไว้ว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 6% คิดเป็นมูลค่า 789,198 ล้านบาท แต่ขณะนี้เกินแล้ว 10 เดือนแรกมีมูลค่า 860,436 ล้านบาท มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปีถึง 48,251 ล้านบาท โตกว่าปีที่แล้วที่ขยายตัว 12.30% ส่วนในปีหน้ามองว่ามีโอกาสที่จะขยายตัว 6-8%
ทั้งนี้ เมื่อดูรายประเทศ เฉพาะส่งออกพบว่า ประเทศที่ขยายตัวสูงสุด คือ 1.เมียนมา ขยายตัวสูงสุด เฉพาะเดือนตุลาคม +111% มูลค่า 10,545 ล้านบาท 2.มาเลเซีย +55.86% เป็นมูลค่าส่งออก 18,794 ล้านบาท 3.สปป.ลาว +32.93% มูลค่า 10,556 ล้านบาท 4.จีน +28.3% มูลค่า 10,526 ล้านบาท 5.กัมพูชา +20.01% มูลค่า 12,387 ล้านบาท 6.เวียดนาม +18.90% มูลค่า 3,718 ล้านบาท และ 7.สิงคโปร์ +9.62% มูลค่า 3,628 ล้านบาท ซึ่งการส่งออกเป็นบวกทั้ง 7 ประเทศ
ปัจจัยที่ส่งผลให้ตัวเลขการค้าชายแดนและผ่านแดนเป็นบวก จาก 3 เรื่อง คือ ทิศทางการค้าโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลในทางบวกกับประเทศคู่ค้า ชายแดนและผ่านแดนใดของไทย สองจากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคายังสามารถสู้กับประเทศคู่แข่งได้
และสามจากการผลักดันการเปิดด่านของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนในรูป กรอ.พาณิชย์ ช่วยให้การส่งสินค้าของไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านคล่องตัวขึ้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งเร็วนี้จะประชุม กรอ.พาณิชย์
ล่าสุดสามารถเปิดด่านอีก 2 ด่าน คือ ด่านตากใบกับบูเก๊ะตาที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งการเปิดด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย สามารถเปิดครบแล้วทั้ง 9 ด่าน ทำให้ด่านเปิดได้แล้วรวมกัน 48 ด่าน
พร้อมกันนี้ เตรียมจะเปิดด่านเพิ่มเติม 1 ด่าน ได้ในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า คือ ด่านหนองเอี่ยนที่จังหวัดสระแก้วตรงข้ามกับชายแดนกัมพูชา โดยได้ประสานงานกับคณะรัฐมนตรีและเป็นนโยบายที่ต้องการเร่งรัดการเปิดด่าน ซึ่งฝั่งกัมพูชาตอบรับแล้ว
ล่าสุดทางเบี่ยงที่ติดปัญหาเริ่มลงมือก่อสร้างแล้วคาดว่าปลายปีนี้น่าจะเสร็จได้ ซึ่งเมื่อวานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตนได้คุยกับคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยสั่งการให้ทำเส้นทางสัญจรเสร็จสามารถเปิดด่านได้ พร้อมทั้ง ขอให้ศุลกากรใช้คอนเทนเนอร์ในการเป็นที่ทำการชั่วคราวก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงยังประสบความสำเร็จในการจัดทำโครงการจับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ส่งออกคล่องตัวขึ้น จนถึงวันที่ 3 ธ.ค.สามารถทำตัวเลขจับคู่กู้เงินแล้วถึง 3,300 ล้านบาท
ต่อกรณีเรื่องเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ที่เปิดใช้ 7 วันที่ผ่านมาและมีเอกชนมองว่ายังมีอุปสรรคนั้น นายจุรินทร์สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์และคณะ เตรียมหารือประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ไทยได้ใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟนี้เป็นประโยชน์ที่สุดนอกจากการเดินทางของประชาชนแล้วยังหมายถึงการขนส่งสินค้าออกไปด้วยจะได้เชิญผู้ส่งออกผู้เกี่ยวข้องมาหารือเร็วๆนี้
ไม่ต้องห่วงอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งออกและการค้าชายแดนผ่านแดน จะนำมูลค่าการค้า นำรายได้เข้าประเทศนั้น มีนโยบายผลักดันให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศให้หมด
ส่วนมาตรการป้องกันโรคระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน นั้นต้องแยกกัน เรื่องเกี่ยวกับคนข้ามแดนนั้นเป็นเรื่องที่ทางสาธารณสุขและ ศบค.จะเป็นผู้ดำเนินการ แต่ในส่วนของรถสินค้าข้ามแดนต่าง ๆ มีการเฝ้าระวังทั้ง 2 ฝั่งอยู่แล้วจึงดำเนินการส่งสินค้าออกต่อไปได้ และขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนมา
ทางด้าน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนปี 65 ตั้งเป้าไว้ประมาณ 6-8% อย่างไรก็ดีต้องขอหารือกับทางภาคเอกชนด้วยว่าปีหน้าจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ และตอนนี้เรื่องของโควิดอาจมีปัจจัยที่เข้ามามีผลกระทบต้องดูเป็นระยะไป
ทั้งนี้ ภาพรวม 10 เดือน มีสินค้าไทยได้ประโยชน์จากการค้าชายแดนและผ่านแดน หลายรายการ อาทิ ประเทศมาเลเซียในสินค้า ชิ้นส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ยางพาราและรถยนต์ อุปกรณ์ชิ้นส่วน อะไหล่รถยนต์ กัมพูชา สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์เครื่องดื่มไม่เป็นแอลกอฮอล์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ สำหรับสปป.ลาวเป็นทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูป น้ำมันดีเซล รถยนต์นั่งเมียนมา น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
รายงานข่าวระบุว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือหากส่งออกได้เฉลี่ย 70,000 ล้านบาท จะทำให้ภาพรวมการส่งออกค้าชายแดนและค้าผ่านแดนสูงเกินกว่า 1 ล้านล้านบาท ขยายตัว 8-9%
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44611
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/12/2021 1:41 pm Post subject:
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคและความสุขประชาชน l 30 ธ.ค. 64
Dec 8, 2021
Daoreuk Channel
https://www.youtube.com/watch?v=MuGeAOxCDiQ
วีดิทัศน์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อการเชื่อมโยงภูมิภาค และความสุขของประชาชน
วันที่ 30 ธันวาคม 2564
โดย กระทรงคมนาคม
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44611
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 16/12/2021 7:46 pm Post subject:
ศักดิ์สยาม จี้ คมนาคม เบิกจ่ายงบ 2 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ
เดลินิวส์ 16 ธันวาคม 2564 18:10 น.
เศรษฐกิจ-ยานยนต์
ศักดิ์สยาม จี้ คมนาคม เร่งเบิกจ่ายงบปี 65 กว่า 2.08 แสนล้าน เผย พ.ย. เบิกงบลงทุนแล้ว 1.4 หมื่นล้าน สั่งลุยประมูล-ลงนามสัญญาครบทุกรายการ มี.ค.65 ตั้งธงเบิกจ่ายให้ได้ 93% ภายใน ก.ย.ปีหน้า สนองนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณปี 65 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมว่า กระทรวงคมนาคมได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินปี 65 (8 ส่วนราชการ 5 รัฐวิสาหกิจ) ในภาพรวม 208,455.23 ล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 26,076.73 ล้านบาท คิดเป็น 12.51% และรายจ่ายลงทุน 182,378.50 ล้านบาท คิดเป็น 87.49% โดยในส่วนของงบรายจ่ายลงทุน ณ สิ้นเดือน พ.ย. 64 มีการเบิกจ่ายเงินแล้ว 14,933.79 ล้านบาท คิดเป็น 8.19% ของงบประมาณที่ได้รับ เมื่อเปรียบเทียบกับแผนการเบิกจ่ายเงิน ณ สิ้นเดือน พ.ย. 64 จำนวน 14,748.87 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายเงินได้เร็วกว่าแผน
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับการลงนามในสัญญารายจ่ายลงทุน มีรายการที่ต้องลงนามในสัญญารายการปีเดียว 7,624 รายการ วงเงิน 77,847.10 ล้านบาท คาดว่าจะได้ตัวผู้รับจ้างทุกรายการในเดือน ธ.ค.64 และทยอยลงนามในสัญญาจ้างจนครบทุกรายการภายในเดือน ม.ค.65 ส่วนรายการผูกพันใหม่ 138 รายการ วงเงิน 2,876.06 ล้านบาท คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ครบทุกรายการภายในเดือน มี.ค.65 ส่วนงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 65 (10 รัฐวิสาหกิจ) วงเงินเบิกจ่ายรวม 131,829.01 ล้านบาท ประกอบด้วย ทางราง (รฟท. และ รฟม.) วงเงิน 91,495.05 ล้านบาท ทางบก (กทพ. ขสมก. และ บขส.) วงเงิน 11,865.73 ล้านบาท
ทางน้ำ (กทท.) วงเงิน 2,135.40 ล้านบาท และทางอากาศ (สบพ. ทอท. บวท. และ รทส.) วงเงิน 26,332.83 ล้านบาท
ทั้งนี้มีโครงการสำคัญขนาดใหญ่ที่จะเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 65 อาทิ
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ,
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร,
โครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา),
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก),
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ,
โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก,
โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และ
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นต้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ได้กำชับให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินปี 65 เร่งดำเนินการขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ลงนามในสัญญาได้ครบทุกรายการโดยเร็ว และเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล 93% และรายจ่ายลงทุน 75% เพื่อช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับในส่วนของงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ขอให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามแผนการเบิกจ่ายเงินในแต่ละเดือน เพื่อที่จะให้ผลการเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล 95% ภายในเดือน ก.ย.65
เปรียบเทียบความคุ้มค่า แลนด์บริดจ์-คลองไทย
Dec 17, 2021
Thai PBS News
https://www.youtube.com/watch?v=2BCvmvFUWlE
แม้อาจจะปรับเปลี่ยนโครงการที่แตกต่างกัน เช่น การขุดคลองไทย หรือ การสร้างแลนด์บริดจ์เชื่อมสองฝั่ง แต่นักวิชาการ เห็นตรงกันว่าค วามเป็นไปได้ที่จะเกิดโครงการ แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง น่ามีมากกว่า เพราะการขุดคลองขนาดใหญ่ ผ่านหลายจังหวัด อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงกว่า
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44611
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/12/2021 7:44 pm Post subject:
"ศักดิ์สยาม" ถกทูตสหราชอาณาจักร ด้านคมนาคม รับการสนับสนุนโครงการเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
เผยแพร่: 20 ธ.ค. 2564 16:38 ปรับปรุง: 20 ธ.ค. 2564 16:38 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
รมว.คมนาคม ให้เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่ง ได้รับการสนับสนุนโครงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (20ธ.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ นายมาร์ค กู้ดดิ้ง (H.E. Mr. Mark Gooding) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยและคณะ เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง และหารือในประเด็นความร่วมมือระหว่างกันด้านการคมนาคมขนส่ง รวมทั้งแผนงานและนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยมี นางจตุพร เนียมสุข ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม และนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เข้าร่วมการหารือ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2564 ณ ห้องประชุม 1 กระทรวงคมนาคม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า การคมนาคมขนส่งของประเทศไทยมีบทบาทสำคัญและเป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการด้านคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงกันทั้งภายในประเทศและระหว่างภูมิภาค พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินโครงการศึกษาการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองกับระบบราง (Motorway and Railway Master Plan : MR - Map) โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย หรือแลนด์บริดจ์ (Land Bridge ชุมพร - ระนอง) เพื่อเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านและระหว่างภูมิภาค การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติซึ่งเปิดรับการร่วมลงทุนกับต่างประเทศ เพื่อพัฒนาการขนส่งทางทะเลของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งแผนพัฒนาระบบรางของประเทศไทยทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป โดยประเทศไทยได้เชิญชวนให้นักลงทุน สหราชอาณาจักรที่สนใจมาร่วมลงทุน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงคมนาคมที่จะน้อมนำนโยบายด้านการผลักดันการขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แปรไปสู่การปฏิบัติ
ในการนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวชื่นชมการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคมของประเทศไทย และกล่าวถึงนโยบายด้านคมนาคมขนส่งที่ในหลายมิติมีความสอดคล้องกับของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ทั้งด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยพลังงานทางเลือกใหม่ และการส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการผลักดันให้เกิดระบบคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพในอนาคต
ทั้งนี้ ทางเอกอัครราชทูตฯ ได้มีการหารือถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในการดำเนินนโยบาย Clean Green Initiative (CGI) ซึ่งเป็นครั้งแรกของสหราชอาณาจักรที่จะส่งเสริมและสนับสนุนด้านการเงินให้แก่โครงการของรัฐบาลไทยที่จะดำเนินการเพื่อพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทางสหราชอาณาจักรพร้อมสานต่อการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกันที่มีมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แนวทางการก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำในภาคคมนาคมขนส่ง โดยทั้งสองฝ่ายมีแนวคิดที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการขนส่งด้วยพลังงานสะอาดในประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44611
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 25/12/2021 8:44 am Post subject:
นายกฯ ใส่เกียร์ลุยเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานอีอีซี ช่วงเวลาก่อสร้าง 4 ปี เกิดการจ้างงาน 2 หมื่นตำแหน่ง/ปี
สยามรัฐออนไลน์ 25 ธันวาคม 2564 08:21 น. การเมือง
โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ เดินหน้าเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานอีอีซีต่อเนื่อง ผลักดันไทยก้าวสู่ประตูการค้า ศูนย์กลางลงทุนแห่งภูมิภาค คาดช่วงการก่อสร้างระหว่างปี 2566-2570 เกิดการจ้างงานประมาณ 20,000 ตำแหน่ง/ปี
วันที่ 25 ธ.ค.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งเดินหน้าเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานอีอีซี ตามแผนปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.25662570 ซึ่ง คาดว่าประโยชน์ที่จะได้รับระหว่าง ปี 2566-2570 ช่วงการก่อสร้างจะทำให้เกิดการจ้างงานประมาณ 20,000 ตำแหน่ง/ปี และปี 25712580 ประมาณ 12,000 ตำแหน่ง/ปี
การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น ลดความสูญเสียจากความล่าช้าการเดินทางประมาณ 10.75 ล้านบาท/วัน หรือ 3,900 ล้าน/ปี ลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ 5% (ความสูญเสียลดลง 100 ล้านบาท/ปี) ยกระดับชีวิตด้วยระบบขนส่ง ที่ทันสมัย เชื่อมการเดินทางแบบไร้รอยต่อ เดินทางจากกรุงเทพฯ ถึง ระยอง ภายใน 1 ชั่วโมง ลดมลภาวะในสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาการจราจร
เพิ่มประสิทธิภาพถนนในพื้นที่ จากความเร็ว 65 กม./ชม. เป็น 70 กม./ชม. มีเส้นทางรถไฟทางคู่เพิ่มขึ้น 275 กม. ปรับปรุงการก่อสร้างถนนและขยายช่องทางมากถึง 25 เส้นทางภายในปี 2570
โฆษกรัฐบาลเปิดเผยต่อว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี ได้มีการผลักดันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง และต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานทุกระบบให้เชื่อมโยง ทั้งทางราง ทางน้ำ เชื่อมต่อขนส่งสาธารณะระบบรางจาก สถานีรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภาฯ เชื่อมกับเมืองใหม่ และแหล่งท่องเที่ยว เข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และ พัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัย และเทคโนโลยี ภายใต้กรอบ ได้แก่
1) พัฒนาและส่งเสริมการขนส่งสินค้าระบบรางและทางน้ำเป็นระบบหลัก
2) ส่งเสริม การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
3) เชื่อมต่อโครงข่ายถนน ปรับปรุงช่วงถนนคอขวดแก้ปัญหาจราจรหลักในอีอีซี
4) พัฒนา โครงข่ายคมนาคมเชื่อมต่อพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ นิคมอุตสาหกรรม เมืองที่จะพัฒนาในอนาคต
5) ใช้เทคโนโลยีและระบบ อัจฉริยะจัดการจราจรและการขนส่ง
ซึ่งจะดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ เพิ่มขีดความสามารถระบบรางและทางน้ำ เชื่อมต่อการขนส่งรูปแบบอื่น เพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ยกระดับโครงข่ายคมนาคมรองรับการเดินทางประชาชน อย่างไร้รอยต่อ เพิ่มสัดส่วนการเดินทางระบบสาธารณะ ส่งเสริมท่องเที่ยวทางรางและทางน้ำเข้าถึงพื้นที่หลักในอีอีซี และยกระดับโครงข่ายคมนาคม ด้วยมาตรการเชิงรุกและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นไปตาม Road Map ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 โดยเน้นให้ไทยเป็นสู่ประตู การค้า การลงทุน ศูนย์กลางคมนาคมโลจิสติกส์ของภูมิภาคสร้างความร่วมมือกลุ่มประเทศ CLMVT และจีนตอนใต้รวมทั้ง รวมทั้งโอกาสในการพัฒนาความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างอาเซียนกับภูมิภาคอื่นๆ รองรับการเติบโตของอีอีซีในอนาคต
ตลอดระยะเวลาของรัฐบาลนี้ ได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปอย่างก้าวหน้ามากมาย อาทิ โครงการ พัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่งแหลมฉบัง โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ตลอดจนเร่งให้มีการศึกษา วิจัย และนวัตกรรม รวมทั้ง พัฒนากำลังคนและแรงงานของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว อาทิ โครงการผลิตและพัฒนาบุคลากร ด้านวิศวกรรมของชิ้นส่วนอุตสาหกรรมระบบขนส่งทางราง โครงการพัฒนาทักษะผู้เรียนให้มีทักษะ ด้านภาษา การใช้เทคโนโลยี โครงการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ขั้นสูงให้กับภาคอุตสาหกรรม ภาคเอกชน โครงการศึกษาและพัฒนาแนวทางการเพิ่มศักยภาพคน รองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อสร้างเสริมขีดความสามารถของอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาภาคตะวันออกเป็น ฐานเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค ซึ่งภาคตะวันออกอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมและมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุม ทั้งการขนส่งทาง อากาศ ทางราง ทางถนน และทางทะเล ทำให้มีโอกาสที่ประเทศต่างๆ จะใช้ประเทศไทยหรือภาคตะวันออก เป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าผ่านแดนและเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกมากยิ่งขึ้นนายธนกร กล่าว
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group