View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 26/10/2015 6:57 am Post subject: |
|
|
สนข.ปูทางเปิดประตูเชื่อมเพื่อนบ้าน เล็งเป้ายอดส่งออกสินค้าเดินหน้าโต
บ้านเมือง วันจันทร์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558, 06.34 น.
เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันแผนโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในฐานะหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ถือเป็นหน่วยงานหลักที่จะต้องทำการจัดทำรายละเอียด รวมถึงศึกษาความเหมาะสมของโครงการก่อนการก่อสร้างโครงการสร้างพื้นฐานนั้น ที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ก็มีบทบาทสำคัญซึ่งปฏิบัติหน้าที่ศึกษารายละเอียดรูปแบบโครงการก่อนจะรายงานต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจเส้นทางรถไฟฟ้า (Standard Gauge) เชื่อมไทย-ลาว-จีน ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย โดยเป็นการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาสถานีให้เป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางทั้งรูปแบบโดยสาร และรูปแบบการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพื่อออกสู่ประเทศที่ 3 และเพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยในฝั่งประเทศไทยก็จะเริ่มที่สถานีจังหวัดหนองคาย เชื่อมทะลุไปยัง สปป.ลาว กระทั่งสุดที่ประเทศจีน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงทั้ง 3 ประเทศเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับโครงการก่อสร้างที่สถานีนาทา จังหวัดหนองคายนั้น จะขยายพื้นที่โดยรอบสถานีจากเดิม 290 ไร่ เป็น 890 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นย่านกองเก็บตู้สินค้าและขนถ่ายสินค้า (CY) เป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าคอนเทนเนอร์ที่จะขนถ่ายสินค้าจากรถบรรทุกมาขึ้นตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวมถึงโครงการที่จะพัฒนาต่อเนื่อง ให้เป็นด่านศุลกากร ศูนย์ซ่อมบำรุงรถจักรสำหรับขบวนรถสินค้า ย่านจอดรถไฟ และศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟโดยสาร ซึ่งได้รับข้อมูลรายงานเพิ่มเติมจากกรมการขนส่งทางบก ว่าในปี 2565 ที่จะถึงนี้ จะมีรถบรรทุกสินค้าเข้า-ออกที่สถานีแห่งนี้เฉลี่ยแล้วประมาณวันละ 240 เที่ยว หรือปีละ 87,600 เที่ยว และปี 2575 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 620 เที่ยวต่อวัน หรือเฉลี่ยปีละ 226,300 เที่ยว สำหรับสัดส่วนด้านการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนั้น ประกอบด้วย ระบบรถไฟฟ้ามีประมาณ 30% ระบบรถไฟระหว่างเมืองมีประมาณ 20% และสัดส่วนด้านถนนประมาณ 50% แต่หากดูข้อมูลในปัจจุบันสถานีนาทาแห่งนี้ เพิ่งเปิดให้บริการขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบัง-หนองคาย วันละ 1 เที่ยวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ก็มีความเป็นไปได้ที่ว่าหากมีการเชื่อมต่อตามแนวเส้นทางตามแผนนั้น จะเพิ่มปริมาณด้านการขนส่งสินค้าได้ ซึ่งทาง สปป.ลาวขณะนี้ก็ได้มีการก่อสร้างโครงการเช่นเดียวกัน โดยเริ่มต้นจากสถานีท่านาแล้ง ที่ขณะนี้มีการให้บริการรถไฟที่เชื่อมกันระหว่างจังหวัดหนองคาย โดยให้บริการผ่านบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งมีระยะทางห่างกันประมาณ 9 กิโลเมตร เปิดให้บริการประชาชนที่สนใจในการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟในอัตรา 20 บาท โดยให้บริการวันละ 4 เที่ยวต่อวัน ทั้งนี้ ถือว่าเป็นการให้บริการอย่างสะดวกสบาย เนื่องจากมีระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อเข้าถึงเวียงจันทน์ นอกจากนี้ สปป.ลาว ก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารสำนักงานการรถไฟ อาคารที่พักเจ้าหน้าที่ และย่านกองเก็บตู้สินค้า (CY) โดยได้การสนับสนุนเงินกู้จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (เนด้า) มูลค่า 600 ล้านบาท ปัจจุบันงานแล้วเสร็จ 96% พร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2559 ในอนาคตมีแผนพัฒนาเป็นโลจิสติกส์พาร์ค ซึ่ง สปป.ลาวเตรียมพื้นที่ประมาณ 2,400 ไร่
นายไพบูลย์ โชคไพรสิน ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า การศึกษาออกแบบช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กม. จะมีมูลค่าโครงการรวม 240,000 ล้านบาท (รวมค่าเวนคืนที่ดินประมาณ 5,000 ล้านบาท ค่างานโยธา งานระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถ) และพบว่า ควรใช้รถไฟความเร็ว 200 กม./ชม. ซึ่งเป็นรถความเร็วปานกลางที่มีขายในตลาดจะมีความคุ้มค่าเนื่องจากสามารถวิ่งในความเร็ว 180 กม./ชม. ได้ในขณะที่เส้นทางออกแบบไว้รองรับสำหรับการพัฒนาเป็นรถไฟความเร็วสูงโดยใช้รถที่ 300 กม./ชม.ได้ด้วย ส่วนอัตราค่าโดยสารควรอยู่ที่ เริ่มต้น 70 บาท บวก กม.ละ 1.80 บาท ค่าระวางสินค้าอยู่ที่ 20 บาท/TEU-กม. โดยจะสรุปผลการศึกษาในเดือน พ.ย.นี้
นายวิวัฒน์ชัย จิวาศักดิ์อภิมาศ รองประธานหอการค้าฝ่ายโยธาธิการและผังเมือง จ.หนองคาย กล่าวถึงมูลค่าการค้าในช่วงปี 2557 ว่ามีประมาณ 6 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยมีสินค้าส่งออกประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี และส่วนของ สปป.ลาวนั้นมีมูลค่าด้านเศรษฐกิจประมาณ 8% ทั้งนี้ ในส่วนของปริมาณประชาชนเข้า-ออกประเทศโดยการผ่านที่สะพานมิตรภาพประมาณ 5 ล้านคนต่อปี ซึ่งในปลายปีนี้ จะมีการเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว จ.หนองคายก็ถือเป็นประตูด้านการค้าชายแดนด้วย
นอกจากนี้ สนข.ศึกษาความเหมาะสมของโครงการช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กิโลเมตร เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยผลศึกษาที่ออกมาได้ข้อสรุปว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.4 แสนล้านบาทรวมค่าเวนคืนที่ดินประมาณ 5,000 ล้านบาท สำหรับเส้นทางช่วงนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟไทย-จีนช่วงหนองคาย-นครราชสีมา-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 737 กิโลเมตร โดยจะมีจุดเชื่อมระหว่างรถไฟไทย-ลาวอยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จ.หนองคาย จะสร้างสะพานใหม่บริเวณท้ายน้ำ (มุ่งหน้าเวียงจันทน์อยู่ขวามือ) ห่างจากจุดเดิม 30 เมตร เพื่อวางราง 1.435 เมตร รองรับรถไฟความเร็วปานกลาง 160 กม./ชม. จะวิ่งเชื่อมกัน 3 ประเทศ คือ จีน ลาวและไทยในอนาคต |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 26/10/2015 4:51 pm Post subject: |
|
|
รมว.คค.ประชุมความร่วมมือรถไฟไทย-จีน 27- 29 ต.ค.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ตุลาคม 2558 16:28 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดเดินทางไปประชุมคณะกรรมการด้านความร่วมมือการพัฒนาโครงการรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 8 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 27- 29 ตุลาคมนี้ เพื่อหาข้อสรุปผลการสำรวจและออกแบบ โดยเฉพาะช่วงที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 เส้นทางแก่งคอย-นครราชสีมา ที่ต้องดำเนินการก่อน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยจีนเสนอที่ร้อยละ 2.5 ขณะที่ไทยต้องการต่ำกว่าร้อยละ 2 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 29/10/2015 5:27 pm Post subject: |
|
|
ก.คมนาคมเตรียมเสนอนายกฯ ใช้ ม.44 เร่งรัดรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง
ครอบครัวข่าว
วันที่ 29 ตุลาคม 2558 เวลา 16:05:46 น.
กระทรวงคมนาคม เตรียมสรุปโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ในการเร่งรัดการลงทุน เบื้องต้นชัดเจน โครงการที่เข้าข่าย คือ โครงการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรีเตรียมใช้มาตรา 44 เพื่อผลักดันโครงการลงทุนเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคม 17 โครงการ ว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือร่วมกับ รมว.คมนาคม เพื่อดูว่าโครงการใดจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรา 44 ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป และเสนอต่อนายกรัฐมนตรีได้ในสัปดาห์ถัดไป
เบื้องต้นโครงการที่คาดว่า จะต้องใช้มาตรา 44 เข้ามาผลักดัน คือ โครงการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง คือ สายลพบุรี-ปากน้ำโพ, สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และสายนครปฐม-หัวหิน ที่ยังติดการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ซึ่งอาจใช้มาตรา 44 เข้ามาเร่งรัดในขั้นตอนดำเนินการ โดยยังไม่มีการลงนามในสัญญาจนกว่าจะผ่านอีไอเอ และเมื่อโครงการผ่านอีไอเอ จะสามารถเดินหน้าได้ทันที ซึ่งน่าจะทันภายในปีนี้
ส่วนอีกโครงการ คือ รถไฟกึ่งความเร็วสูงไทย-จีน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
//----------
ไม่ทันใจ! "บิ๊กตู่"พร้อมใช้ ม.44 เร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทันที ขอคมนาคมชงมา
มติชน
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 06:51:43 น.
นายกรัฐมนตรีพร้อมใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างเต็มที่
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมใช้กฎหมายพิเศษหรือมาตรา 44 สั่งลดขั้นตอนเพื่อให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคมเกิดขึ้นได้เร็ว เนื่องจากขณะนี้พบว่าโครงการเดินหน้าค่อนข้างช้าเพราะติดขั้นตอน เช่น ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน โดยโครงการส่วนใหญ่อยู่ในขั้นตอนที่จะเริ่มได้ แต่นายกฯ ต้องการให้เร่งและตัดทอนขั้นตอนที่ไม่จำเป็นลง หากจำเป็นก็ใช้กฎหมายพิเศษให้เริ่มเร็วขึ้น ทั้งนี้ ต้องรอให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เสนอว่าจะให้นายกฯ ใช้กฎหมายพิเศษในโครงการใดบ้างใน 17 โครงการวงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท
หลายโครงการคมนาคมที่ควรจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้เช่น รถไฟฟ้า 3 เส้นทางเช่น โครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟฟ้าเส้นทางกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งโครงการพวกนี้อยู่ในกระบวนการอยู่แล้ว แต่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม บอกว่า มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการซึ่งใช้เวลามาก เช่น การวิเคราะห์โครงการ หรือการทำการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ที่ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี นายกฯ ก็บอกว่า ตรงนี้หากมีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษเพื่อให้โครงการที่สำคัญเดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น ก็พร้อมที่จะดำเนินการ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 01/11/2015 7:16 pm Post subject: |
|
|
"รถไฟไทย-จีน" อืด-เลื่อนไป พ.ค.ปีหน้า เหตุยังหาข้อสรุปการก่อสร้าง-ดอกเบี้ยไม่ลงตัว
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 31 ต.ค. 2558 เวลา 13:45:48 น.
ผลประชุมรถไฟไทย-จีนยังตกลงกันไม่ได้ ก่อสร้าง ไม่ทันธ.ค.2558 เลื่อนไปเป็นเดือนพ.ค.2559 แต่นำร่องเดินหน้าวางศิลาฤกษ์ศูนย์ควบคุมเดินรถเชียงรากน้อยก่อน ส่วนดอกเบี้ยยังคุยไม่ลงตัว จีนยาหอมให้ดอกดีกว่ากู้ในไทย
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า การประชุม ความร่วมมือไทย-จีน ครั้งที่ 8 เส้นทางรถไฟกรุงเทพฯ-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 28-29 ต.ค.2558 ที่ผ่านมา ได้ข้อยุติร่างกรอบความร่วมมือเบื้องต้นว่าจะมีการเลื่อนโครงการก่อสร้างออกไปจากเดิมที่กำหนดช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. 2558 ไปเป็นช่วงเดือนพ.ค. 2559 เนื่องจากยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดการก่อสร้างได้ โดยล่าสุดไทยได้ส่งผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการให้จีนปรับปรุงข้อมูลในบางส่วนให้ตรงกัน ซึ่งฝ่ายจีนรับไปดำเนินการและส่งกลับมาภายใน 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้นกำหนดการวางศิลาฤกษ์และการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปรับทราบข้อมูลโครงการก่อสร้างรถไฟไทย -จีน คาดว่าจะมีการวางศิลาฤกษ์ที่ศูนย์ควบคุมการเดินรถ (โอซีซี) บริเวณเชียงรากน้อย เดือนธ.ค. 2558 และ ที่ประชุมยังตกลงว่าจะมีการประชุมความร่วมมือไทย-จีน ครั้งที่ 9 กรุงเทพฯ ช่วงปลายเดือนพ.ย. 2558 เพื่อสรุปรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง โดยมอบหมายให้การรถไฟ แห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายจีนไปหารือในรายละเอียดว่าจะมีรูปแบบการจัดงานอย่างไรบ้าง
ส่วนเจรจากำหนดดอกเบี้ยเงินกู้ที่รัฐบาลจะขอกู้จากรัฐบาลจีนในอัตราพิเศษ สำหรับใช้ดำเนินการในโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ยังไม่ได้ข้อสรุปในการประชุมครั้งนี้ โดยฝ่ายจีนยืนยันว่าจะให้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ดีกว่าการกู้เงินภายในประเทศของไทย ส่วนรูปแบบการก่อสร้างและ รูปแบบการร่วมทุนระหว่างไทย-จีนในการเดินรถนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปจากการประชุมในครั้งนี้
สำหรับโครงการความร่วมมือรถไฟความเร็วปานกลาง ไทย-จีน เส้นกรุงเทพฯ-หนองคาย รวมระยะทาง 873 ก.ม.มีแบ่งการลงทุนเป็น 4 ช่วง ประกอบด้วย ระยะแรกช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา เดิมมีแผนเริ่มก่อสร้างเดือนต.ค. 2558 และระยะสองช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย เดิมเริ่มก่อสร้างเดือนก.พ. 2559
อย่างไรก็ตาม คมนาคมยังไม่สามารถหาข้อสรุปในการลงทุน และการก่อสร้างกับรัฐบาลจีนได้ ส่งผลให้แผนการก่อสร้างจะถูกเลื่อนออกไปไม่ทันภายในปีนี้แน่นอน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 02/11/2015 9:36 am Post subject: |
|
|
คลัง ชงลดขั้นตอน PPP เพื่อสร้างความชัดเจนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
31 ตุลาคม 2558 21:12 น. (แก้ไขล่าสุด 31 ตุลาคม 2558 23:27 น.)
รองนายกฯ ศก. เผยกระทรวงการคลัง เตรียมชงลดขั้นตอนลงทุนรัฐร่วมเอกชนให้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความชัดเจนในแผนการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน ชี้ หากที่ประชุม ครม. อนุมัติ ก็ไม่ต้องใช้อำนาจ ม.44 เข้าเร่งรัดในการลงทุนดังกล่าว
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 นี้ กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอให้ ครม. อนุมัติการลดขั้นตอนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เป็นการลงทุนร่วมระหว่างรัฐและเอกชน หรือ PPP ที่จะต้องผ่านกระบวนการยื่นพิจารณาขอผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ทั้ง อีไอเอ และเอชไอเอ ให้เหลือระยะเวลา 7-9 เดือน จากเดิมที่ใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ปี เพื่อสร้างความชัดเจนในแผนการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานให้กับเอกชน
ขณะเดียวกัน ก็จะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนโครงการได้รวดเร็วขึ้น เช่น โครงการเส้นทางรถไฟเชื่อมตะวันออกสู่ตะวันตก หรือ Economic East-West Corridor จะต้องมีการก่อสร้างรถไฟ ถนนในเส้นทางต่างๆ โดยยืนยันว่า ขณะนี้มีเอกชนรายหลายที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการของรัฐบาล เพราะเส้นก่อสร้างจะเชื่อมโยงกับพื้นที่การค้า และสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะมีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่อู่ตะเภาด้วย
ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ต้องการเร่งรัดให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ หากที่ประชุม ครม. พิจารณาอนุมัติ ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจมาตรา 44 เข้าเร่งรัดในการลงทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ นายสมคิด กล่าวว่า ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 จะมีการประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการลงทุน โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดขั้นตอนการลงทุนให้รวดเร็ว โดยจะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล
//-----------
***รถไฟไทย-จีนตกลง ปักหมุดธ.ค.นี้การันตีเกิดแน่
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี กล่าวต่อไปว่า ผลการประชุมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 8 ในการศึกษาความเหมาะสมการออกแบบและการสำรวจเส้นทางโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย, แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-โคราช, โคราช-หนองคาย ระยะทาง 873 กม. เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการสรุปกรอบการทำงานร่วมกัน โดยกำหนดที่จะวางวางศิลาฤกษ์ โครงการที่สถานีเชียงรากน้อย จังหวัดปทุมธานี ในเดือนธันวาคม 2558 และคาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างโครงการได้ตามแผนเบื้องต้นประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 เนื่องจากต้องให้มีการสรุปการออกแบบรายละเอียดโครงการแล้วเสร็จ สรุปมูลค่าโครงการสมบูรณ์แล้ว และการจัดหาข้อสรุปด้านแหล่งเงินเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะสรุปรายละเอียดที่หารือร่วมกับจีนครั้งที่ 8 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 เพื่อรับทราบต่อไป
สำหรับการเร่งพิธีการวางศิลาฤกษ์นั้น ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นระหว่าง 2 ประเทศ ว่าโครงการนี้จะสามารถเกิดขึ้นจริง ซึ่งระหว่างนี้จะต้องหารือในส่วนที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพื่อจะได้รายละเอียดของโครงการที่ชัดเจน เช่น อัตราดอกเบี้ยซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป โดยที่ผ่านมาไทยก็ยืนยันที่ขออนุมัติดอกเบี้ยที่ 2 % ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดที่จะหารือระหว่างกันเป็นครั้งที่ 9 ปลายเดือนพฤศจิกายนอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายชาติชาย กล่าวภายหลังที่ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้มีการหารือถึงโครงการความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะลงทุนก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโดยคาดว่าจะสามารถสรุปเพื่อเสนอครม.ได้ประมาณ เดือนมิถุนายน 2559 และคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างโครงการตามแผนได้ประมาณปี 2562
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ก่อนตามแผนรัฐบาลที่เร่งรัด คือ ก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมตะวันออก-ตะวันตก ในตอนล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพ-แหลมฉบัง โดยตั้งเป้าตามแผนว่าจะสามารถเปิดประมูล และเริ่มการก่อสร้างได้ประมาณ 2559 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับด้านการขนส่งสินค้าเชื่อมจากทางรถไฟเชื่อมท่าเทียบเรือแหลมฉบัง
Last edited by Wisarut on 03/11/2015 10:18 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 03/11/2015 10:16 am Post subject: |
|
|
ข่าวจากโพสต์ทูเดย์ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 พบว่า ที่จีนไม่ยอมลดดอกเบี้ยเหลือต่ำกว่าร้อยละ 2 ก็เพราะว่าธนาคารจีนบอกว่า ถ้าลดไปขนาดนั้นจีนขาดทุน ซึ่งจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด - และ ข่าวโพสต์ทูเดย์ 3 พฤศจิกายน 2558 ก็ทำให้ทราบว่า ตอนนี้ ญี่ปุ่นอยากได้ทาง จากบ้านพุน้ำร้อนไปแหลมฉบังและอรัญประเทศ ที่เป็นแต่การสร้างทางคู่ ติดระบบรถไฟฟ้า + การปรับปรุงทาง ที่จะสร้างใหม่แน่ๆ ก็คือ ทางช่วง บ้านพุน้ำร้อนไปบ้านเก่า 36 กิโลเมตร + ทาง bypass เมืองกาญจนบุรี + ทางอรัญประเทศ - ปอยเปตอีก 6 กิโลเมตร แต่ ที่ น่าปวดหัวก็ไม่พ้น ทางช่วงผ่านเทศบาลท่าเรือน้อย ที่ เกี่ยงให้ไปใช้ทางร่วมกะ มอเตอร์เวย์ บางใหญ่ - กาญจนบุรี (บ้านหนองขาว) ที่แม่ม สร้างภาระ ให้ คนอื่นที่จะโดนเวนคืนแทนตัวเองชัดเลย
//-------------------------
การันตีเกิดแน่!ไทย-จีน ตกลงปักหมุดรถไฟ 1.435 เมตร ธ.ค.นี้ ตีตราจองไว้ก่อน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 พฤศจิกายน 2558 06:57 น.
เผยผลเจรจารถไฟไทย-จีน สรุปวางศิลาฤกษ์ ในเดือน ธ.ค.58 ปักธงความร่วมมือ การันตีโครงการเกิดแน่ ส่วนการก่อสร้างคาดเริ่มพ.ค. 59 หลังตกลงรายละเอียดมูลค่าลงทุน ดอกเบี้ย ขณะที่ไทยยังยึดดอกเบี้ยไม่เกิน2% เตรียมหารือร่วมครั้งที่9ปลายพ.ย.นี้
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลการประชุมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 8 ในการศึกษาความเหมาะสมการออกแบบและการสำรวจเส้นทางโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย, แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-โคราช, โคราช-หนองคาย ระยะทาง 873 กม. เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการสรุปกรอบการทำงานร่วมกัน โดยกำหนดที่จะวางวางศิลาฤกษ์ โครงการที่สถานีเชียงรากน้อย จังหวัดปทุมธานี ในเดือนธันวาคม 2558 และคาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างโครงการได้ตามแผนเบื้องต้นประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 เนื่องจากต้องให้มีการสรุปการออกแบบรายละเอียดโครงการแล้วเสร็จ สรุปมูลค่าโครงการสมบูรณ์แล้ว และการจัดหาข้อสรุปด้านแหล่งเงินเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะสรุปรายละเอียดที่หารือร่วมกับจีนครั้งที่ 8 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 เพื่อรับทราบต่อไป
สำหรับการเร่งพิธีการวางศิลาฤกษ์นั้น ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นระหว่าง 2 ประเทศ ว่าโครงการนี้จะสามารถเกิดขึ้นจริง ซึ่งระหว่างนี้จะต้องหารือในส่วนที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพื่อจะได้รายละเอียดของโครงการที่ชัดเจน เช่น อัตราดอกเบี้ยซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป โดยที่ผ่านมาไทยก็ยืนยันที่ขออนุมัติดอกเบี้ยที่ 2 % ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดที่จะหารือระหว่างกันเป็นครั้งที่ 9 ปลายเดือนพฤศจิกายนอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายชาติชาย กล่าวภายหลังที่ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้มีการหารือถึงโครงการความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะลงทุนก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโดยคาดว่าจะสามารถสรุปเพื่อเสนอครม.ได้ประมาณ เดือนมิถุนายน 2559 และคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างโครงการตามแผนได้ประมาณปี 2562
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ก่อนตามแผนรัฐบาลที่เร่งรัด คือ ก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมตะวันออก-ตะวันตก ในตอนล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพ-แหลมฉบัง โดยตั้งเป้าตามแผนว่าจะสามารถเปิดประมูล และเริ่มการก่อสร้างได้ประมาณ 2559 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับด้านการขนส่งสินค้าเชื่อมจากทางรถไฟเชื่อมท่าเทียบเรือแหลมฉบัง
//-----------
ญี่ปุ่นถก"อาคม"ย้ำพร้อมลุยรถไฟ3สาย
ไทยโพสต์
3 พฤศจิกายน 2558 - 00:00
ญี่ปุ่นดอดพบ อาคม หารือความคืบหน้าระบบราง 3 โครงการ มั่นใจรถไฟสายแรกกาญจนบุรี-อรัญประเทศ เริ่มสร้างภายในปี 59 เตรียมสรุปโครงการเสนอ "สมคิด จาตุศรีพัทักษ์" ภายในเดือน พ.ย.นี้
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นาย Hiroto Izumi ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม พร้อมหารือความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระบบรางระหว่างไทยกับญี่ปุ่น พร้อมติดตามการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างกันทั้ง 3 โครงการ โดยเฉพาะ
1. เส้นทางรถไฟสาย กาญจนบุรี (บ้านพุน้ำร้อน) -กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ ระยะทาง 574 กม. คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ก่อนเป็นโครงการแรกภายในปี 2559 โดยจะสรุปรายละเอียดแนวเส้นทางเพื่อนำเข้าหารือในโอกาสที่นายสมคิด จาตุศรีพัทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้
ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าวมีขนาดความกว้างของราง 1 เมตร และเป็นแนวเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายของประเทศพม่า และเป็นการร่วมทุน 3 ประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่นและพม่า ซึ่งขณะนี้ทางญี่ปุ่นให้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางรถไฟสายนี้แล้ว และจะเร่งสรุปรายละเอียดแนวเส้นทางทั้งหมด เพื่อนำเข้าหารือในที่ประชุมร่วมกันที่ญี่ปุ่นในปลายเดือน พ.ย.นี้ จากนั้นจะมีการเจรจาและวางกรอบแนวทางการดำเนินโครงการและรูปแบบการลงทุนต่อไป
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 715 กม. ญี่ปุ่นจะศึกษาและสำรวจความเหมาะสม รวมถึงความเป็นไปได้โครงการ เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายใน มิ.ย.2559 ส่วนการก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มได้ภายในปี 2562 เนื่องจากโครงการนี้ทางญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะก่อสร้างเป็นรถไฟความเร็วสูงแบบชินคันเซ็นตลอดเส้นทาง จึงต้องมีการศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียด และในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้เริ่มสำรวจเส้นทางรถไฟเชื่อมแนวระเบียงตะวันตกและตะวันออก อ.แม่สอด จ.ตาก-พิษณุโลก-มุกดาหาร ระยะทาง 718 กม.แล้ว. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 03/11/2015 3:55 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมยืนยันรถไฟไทย-จีน,ไทย-ญี่ปุ่นยังเดินหน้า
กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 03 พฤศจิกายน 2558, 10:44
ปลัดกระทรวงคมนาคม ยืนยันรถไฟไทย-จีน,ไทย-ญี่ปุ่น ยังเดินหน้า เตรียมประชุม 6 พ.ย. หวังลดอุปสรรคปัญหาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลยังยืนยันถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการเจรจา โดยฝ่ายไทยต้องการเดินหน้าโครงการต่อไป ขณะที่โครงการความร่วมมือระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ในส่วนของรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวเส้นทาง และอัตราผลตอบแทนด้านการลงทุนเชื่อว่าจะมีความชัดเจน และสามารถออกแบบรายละเอียดได้ภายในปี 2559
ส่วนเส้นทางระบบรางอีก 1 เส้นทางที่ญี่ปุ่นสนใจคือ เส้นทางรถไฟเชื่อมโยงจากกาญจนบุรี-กรุงเทพ-อรัญประเทศ-แหลมฉบัง ถือว่าเป็นระเบียงเศรษฐกิจฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตกตอนล่างของไทย ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ต้องการเร่งรัดแผนดังกล่าว ขณะที่กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าโครงการดังกล่าวจะไม่มีปัญหาล่าช้าเนื่องจากมีแนวเส้นทางทางรถไฟเดิมวิ่งอยู่แล้ว ญี่ปุ่นจึงต้องทำการสำรวจ รางช่วงไหนไม่แข็งแรง และจำเป็นต้องปรับให้เป็นทางคู่ เพื่อดำเนินการให้เส้นทางมีความสมบูรณ์ได้ในอนาคต
สำหรับการประชุมในวันที่ 6 พ.ย.นี้ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางลดอุปสรรคปัญหา การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคม ประเด็นดังกล่าวในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมเสนอการลดอุปสรรคที่ทำให้หลายโครงการมีความล่าช้า เช่น ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อหลายโครงการเช่นโครงการรถไฟทางคู่ หลายเส้นทาง คาดว่าหากรัฐบาลจริงจังต่อการลดอุปสรรคดังกล่าวจะทำให้โครงการลงทุนเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 03/11/2015 4:47 pm Post subject: |
|
|
รถไฟไทย-จีนวางศิลาฤกษ์ ธ.ค.นี้
วันอังคาร ที่ 03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558, 07.39 น.
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการร่วมประชุมกับทางประเทศจีนครั้งที่ 8 โครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ว่าที่ประชุมได้มีการสรุปกรอบการทำงานร่วมกันระหว่างไทยและจีน ถึงการกำหนดที่จะวางศิลาฤกษ์ที่สถานีเชียงรากน้อย จังหวัดปทุมธานี ในเดือนธันวาคม 2558 และคาดว่าจะเริ่มโครงการก่อสร้างตามแผนเบื้องต้นประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 ภายหลังได้มีการสรุปการออกแบบรายละเอียดโครงการแล้วเสร็จ รวมถึงการสรุปมูลค่าโครงการสมบูรณ์แล้ว และการหาข้อสรุปด้านแหล่งเงินเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถเริ่มโครงการได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมได้เสนอรายละเอียดที่หารือร่วมกับจีนครั้งที่ 8 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 เพื่อรับทราบต่อไป
สำหรับการเร่งพิธีการวางศิลาฤกษ์นั้น ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นระหว่าง 2 ประเทศ ว่าโครงการนี้จะสามารถเกิดขึ้นจริง ซึ่งระหว่างนี้จะต้องหารือในบางส่วนที่ไม่ได้ข้อสรุป เพื่อจะได้รายละเอียดของโครงการที่ชัดเจนต่อไป ทั้งรูปแบบการลงทุนโครงการ อัตราดอกเบี้ยซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะอนุมัติที่เท่าไหร่ โดยที่ผ่านมาไทยก็ยืนยันขออนุมัติดอกเบี้ยที่ 2% ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดที่จะหารือระหว่างกันเป็นครั้งที่ 9 ปลายเดือนพฤศจิกายนอีกครั้ง นายชาติชาย กล่าว
นอกจากนี้ นายชาติชาย กล่าวภายหลังที่ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้มีการหารือถึงโครงการก่อสร้างรถไฟ ไทย-ญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะลงทุนก่อสร้าง อย่างเช่นเส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโดยคาดว่าจะสามารถสรุปเพื่อเสนอ ครม.ได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2559 และคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างโครงการตามแผนได้ประมาณปี 2562 อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ก่อนตามแผนรัฐบาลที่เร่งรัด คือก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมตะวันออก-ตะวันตก หรือ อีสต์เวสต์คอริดอร์ ในตอนล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพ-แหลมฉบัง โดยตั้งเป้าตามแผนว่าจะสามารถเปิดประมูล และเริ่มการก่อสร้างได้ประมาณปี 2559 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับด้านการขนส่งสินค้าจากทางรถไฟเชื่อมท่าเทียบเรือแหลมฉบัง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 04/11/2015 12:28 am Post subject: |
|
|
บิ๊กตู่ รับรองไม่ทำให้รัฐเสียเปรียบสร้างรถไฟจีน-ญี่ปุ่น ส่วนไม่ให้ขยายสุวรรณภูมิแล้วจะทำยังไง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 พฤศจิกายน 2558 18:40 น. (แก้ไขล่าสุด 3 พฤศจิกายน 2558 18:47 น.)
นายกรัฐมนตรี ขอรับรองรัฐบาลไม่ทำอะไรให้เสียเปรียบ เผย คุยก่อสร้างรถไฟลดดอกเบี้ยอีกได้หรือไม่ จ่อทำเป็นสัญลักษณ์ร่วมมือไทย - จีน ไปก่อน ส่วนฝั่งตะวันตกเชื่อมตะวันออกของญี่ปุ่นก็อีกเรื่อง ยันไม่ได้ให้คนใดคนหนึ่ง หากสนใจก็เข้ามา รับแนวคิดใช้ ม.44 เร่งรัดลดเวลาให้เร็วขึ้น เผยยังไม่มียกเลิกเที่ยวบิน แต่ถ้าเพิ่มต้องผ่านด่าน ICAO ก่อน ถามพวกไม่ให้ขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 แล้วมันจะทำยังไง ชี้ ปัญหาของชาติพวกบางกลุ่มสร้างการรับรู้ผิด ๆ แล้วไปขยายเป็นเรื่องใหญ่ บอกถ้าตนทำไม่ได้รัฐบาลเลือกตั้งก็ทำไม่ได้
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในเรื่องการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานก็มีความก้าวหน้า และขอรับรองว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำอะไรให้เสียเปรียบ ขณะนี้มีการพูดคุยเรื่องดอกเบี้ยว่าจะลดได้อีกหรือไม่ ทั้งนี้ ในเรื่องการก่อสร้างจะทำในเชิงสัญลักษณ์ไปก่อน ในฐานะที่ปีนี้เป็นปีที่ 40 ของไทยและจีน ในส่วนของเส้นทางประวัติศาสตร์เราก็จะทำเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นว่าเราจะมีการดำเนินการร่วมกันต่อไป ส่วนเรื่องอื่นก็จะมีการต่อรองกันไป การลงทุนในด้านตะวันตก และตะวันออกกับญี่ปุ่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้ให้ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ หากสนใจก็เข้ามาลงทุนแต่หากไม่สนใจเราก็หาคนอื่นทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระทรวงคมนาคมเสนอให้นายกฯ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการดำเนินเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การใช้มาตรา 44 ใช้เพื่อให้ดำเนินการได้ง่ายขึ้น ลดเวลาให้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้ไปยกเลิกกฎหมาย ไม่ใช่ว่าตนจะไปสั่งอะไร เดี๋ยวก็ถูกกล่าวหาในเรื่องของการเอื้อประโยชน์
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ว่า วันนี้เราได้ตั้งองค์กรและบุคลากรที่มีคุณสมบัติในการที่จะเป็นกรรมการต่าง ๆ ในกรมการบินพลเรือนเพื่อให้เข้าไปกำกับดูแล ซึ่งเราต้องทำใหม่ทั้งหมดและอยู่ในวาระเร่งด่วน แต่ขณะนี้การยกเลิกเที่ยวบินต่าง ๆ ยังไม่มี แต่หากเราจะไปเพิ่มเที่ยวบินใหม่ต้องผ่านตรงนี้ก่อนนั่นคือปัญหาของเรา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนความมั่นคงปลอดภัยของสนามบิน เราก็กำลังเข้าไปดูอยู่ว่าทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัย เพราะวันหน้าเราต้องเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว เมื่อ 2 วันที่แล้วก็ยังคงมีปัญหาเรื่องความแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งตนก็กำลังจะขยายสนามบินในระยะที่ 2 ก็มีคนมาบ่นว่าทำไม่ได้ติดโน่นติดนี่ แต่ก็บ่นว่าสนามบินแออัด เครื่องบินลงไม่ได้ แต่ก็ไม่ให้สร้างสนามบิน มันจะทำอย่างไร
นี่แหละคือสิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศไทย เพราะมีคนอยู่ไม่กี่คน ไม่กี่กลุ่มที่ไปสร้างการรับรู้ผิด ๆ แล้วเราก็ไปขยายให้เป็นเรื่องใหญ่โต ก็เพราะมันทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ถามหน่อยแล้วท่านจะเรียกร้องกับใคร ถ้าผมทำไม่ได้รัฐบาลเลือกตั้งก็ทำไม่ได้เอาแบบนี้ดีกว่า ง่าย ๆ สนามบินวันนั้นก็แออัด เราก็ให้เจ้าหน้าที่มาชี้แจงว่าเขาทำอย่างไร ระบบคอมพิวเตอร์ก็เสีย ก็กำลังไปให้หาระบบสำรอง ทุกอย่างใช้เงินทั้งนั้น มันจะเอาเงินจากที่ไหน เพราะมีเรื่องใช้เงินรออยู่ทุกอาทิตย์ ทุกวัน ของใหม่ก็ต้องทำ ของเก่าก็ต้องแก้ เรียกร้องก็จะเอา มันจะเอาเงินที่ไหนผมยังไม่รู้เลย ไม่บ่นแล้วขี้เกียจบ่น แค่ตอบคำถามนะไม่ได้บ่น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว |
|
Back to top |
|
|
|