RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311341
ทั่วไป:13297266
ทั้งหมด:13608607
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 58, 59, 60 ... 121, 122, 123  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44970
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/12/2015 12:01 pm    Post subject: Reply with quote

"ประยุทธ์" ลั่นรถไฟไทย-จีนไม่ล้ม กำลังเจรจา ตรงไหนทำได้ก็ทำ ยันตั้งบริษัทร่วมทุน
โดย MGR Online 3 ธันวาคม 2558 11:27 น.

นายกรัฐมนตรี ยันโครงการรถไฟต้องตั้งบริษัทร่วมทุน ไม่ใช่ให้ทุกอย่างหมด ชี้ปัญหาคือต่อรอง ยันไม่ทำให้ชาติเสียเปรียบ แต่ต้องคำนึงราคาค่าโดยสารขึ้นจะทำอย่างไร ถามทำเองเอาเงิน 4 - 5 แสนล้านมาจากไหน โอดห่วงมากก็ทำไม่ได้สักอย่าง รับวันนี้อันตรายต้องเข้มแข็ง ใช้ศักยภาพเจรจาหาทางออก แต่นำไปพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ถูกต้อง ต้องแก้เป็นเรื่องๆ พร้อมเปิดเสรีชาติอื่นประมูลเส้นทางอื่น ลั่นปู๊นๆ ไทย - จีนไม่ล้ม ตรงไหนทำไม่ได้ก็รอไว้ก่อน แจง 3 เรื่อง ราง,เดินรถ และผลประโยชน์

วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมทุนในโครงการก่อสร้างรถไฟว่า ต้องตั้งบริษัทร่วมทุนไม่ใช่ให้ทุกอย่างกับเขาหมด การร่วมทุนไปกับต่างประเทศต้องมีการร่วมทุน วันนี้ที่มีปัญหากันอยู่คือการต่อรองว่าจะลงทุนอย่างไร ฝ่ายละเท่าไร ซึ่งตนยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่ทุกคนต้องคำนึงถึงว่าถ้าร่วมทุนไปแล้วราคาค่าโดยสารขึ้นจะทำอย่างไร ขอให้คิดให้ครบทุกมิติ แต่ถ้าทุกคนบอกว่าเอามาทำเอง ถามว่าแล้วจะนำเงินมาจากไหน 4 - 5 แสนล้านบาท และรถไฟทั้งหมดตั้งกี่สาย ก็ต้องใช้วิธีการร่วมทุน เมื่อร่วมทุนก็ต้องต่อรองว่าค่าโดยสารจะอยู่ที่เท่าไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สื่อห่วงตรงนั้น ห่วงตรงนี้ สรุปว่าก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้สักอย่าง แต่ก็อยากจะมีรถไฟ ถ้าอยากมีรถไฟก็ต้องหาทาง หาความร่วมมือว่าจะทำกันอย่างไรให้มันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มี ก็ต้องใช้ช่องทางตรงนี้ที่มีอยู่ทุกประเทศ ไม่ใช่จะไปเดินข้างโน้นเดินข้างนี้ มันเดินไม่ได้ วันนี้อันตราย เราก็ต้องเข้มแข็งของเรา ใช้ศักยภาพของเราเพื่อพูดคุยเจรจากันให้ได้ หาทางออกให้ได้ ไม่ใช่อันนี้ไม่ทำแล้ว เลิก ไปทำอันนู้นดีกว่ามันทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมันก็มี แต่ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว แต่มีการค้าขายอีกเยอะแยะ ข้าว ยาง ปัญหามีทั้งหมด แล้วจะนำปัญหานี้ไปพันกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมันไม่ถูกต้อง ผมว่าก็ต้องแก้เป็นเรื่องๆ อันไหนทำได้ก็ทำ อันไหนทำไม่ได้ก็ต้องต่อรองกันไป อันไหนที่ช่วยเราเขาก็สนับสนุนช่วยเราเต็มๆ

“ประเทศต้องเดินอย่างนั้น ขณะเดียวกันกลุ่มประเทศอื่นๆ เราก็เปิดเสรีในการแข่งขัน เปิดประมูลเข้ามา ร่วมทุนเข้ามาในเส้นทางอื่น ไม่ใช่ว่าให้ไปก่อนเพราะว่าเรารักคนนี้มากกว่า ผมบอกแล้วไงตั้งแต่ต้น เราจะรักใครให้เก็บไว้ในใจ แสดงออกมามันไม่ดีนักหรอก แต่เราต้องแสดงความจริงใจกับทุกคน ไม่ใช่ไม่ชอบเขาหรือชอบเขาก็แสดงออก ไม่ใช่ ต้องรู้จักเก็บความรู้สึกตัวเองไว้บ้างนะ”นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้าที่มีข่าวว่าโครงการรถไฟไทย - จีนอาจจะล้ม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงดังขึ้นว่า ไม่ล้ม จะล้มได้อย่างไร ทำไม อยากล้มหรือ พูดไปมันก็เสีย ผลกระทบไปที่ประเทศจีนเขาโน่น ความสัมพันธ์มีกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ที่ต้องทำอะไรให้เป็นสัญลักษณ์ให้ได้ก่อน เพราะครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ไทยจีน ต้องมีประวัติศาสตร์ ทำไมไม่คิดอย่างนี้ การพูดคุยก็คุยกันต่อ ตรงไหนทำทำได้ก็ทำ ตรงไหนรอไม่ได้ก็รอไว้ก่อน นี่แหละเขาเรียกว่า 1 - 2 - 3 เพราะรถไฟมีตั้งกี่ท่อน

นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า 1.คือเรื่องราง เรื่องพื้นที่ อันนี้ก็กลุ่มที่ต้องดูว่าจะลงทุนกันอย่างไร เดิมทีคิดเอาไว้ว่าจะทำเอง แต่ถามว่าไหวหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็ต้องให้เขามาร่วมแต่กี่เปอร์เซ็นต์ จะเท่าไร 50/50 40/60 ประเทศไทยมีต้นทุนคือที่ดิน คือราง ถามว่าจะเป็นสัดส่วนนี้ได้หรือไม่ ก็ให้ไปคิดอยู่ แต่ทุกคนมุ่งไปที่ประเด็นรวมหมด เพราะคุณคิดแต่เรื่องดอกเบี้ยกับราคา ไส้ในไม่มีการอธิบายกันแบบนี้ 2.เมื่อทำรางเสร็จก็เป็นเรื่องของการเดินรถ ก็ต้องไปหารถที่จะเดินจะเป็นยังไง เรื่องสัญญาณการควบคุม เทคนิค ก็ไปดูว่าจะลงทุนกันอย่างไรใครจะลงทุน เขาจะลงทุนหมดหรือเราลงทุนหมด ก็ดูว่าไหวไม่ไหว เขากำลังต่อรองแบบนี้กันอยู่ 3.ผลประโยชน์ แบ่งปันกันอย่างไร ถ้าเราทำเองเราก็ได้ 100% ทั้งหมด แต่ถามว่าเราต้องกู้ทั้งหมดหรือไม่ก็ต้องกู้ทั้งหมด มันไหวหรือไม่ ถ้าไหวก็ทำมา ถ้าไม่ไหวก็ไปหาวิธีร่วมทุนมา ซึ่งเรื่องผลประโยชน์ต้องพูดถึงว่าบนสถานีจะมีการค้าขายอย่างไร สองข้างทางจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่ายกให้เขา 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร

“ใน 3 อย่างสมมติว่าทำได้ 100% ใครลงทุนก็ไม่รู้ หรือจะ 40/60 หรือ 50/50 เสร็จแล้วทั้งหมดถึงรวมเป็นเม็ดเงินออกมา แล้วถึงจะไปดูว่าจะกู้หรือไม่กู้ กู้ใคร ถ้ากู้เขาดอกเบี้ยมันสูง ก็ต่อรองว่าเรากู้ที่อื่น มันเป็นอย่างนั้น แต่เห็นเรื่องความสัมพันธ์ก็คุยกันตรงนี้ว่า ถ้ากู้กับเขาเขาลดลงได้หรือไม่ แต่เขาก็ช่วยเราเรื่องยางที่มีการสั่งซื้อ ก็ต้องมองว่าเราไม่เอาเขาอย่างเดียว”นายกฯ กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42797
Location: NECTEC

PostPosted: 03/12/2015 9:54 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟไทย-จีนเซ็น FOC วางกรอบทำงานร่วม ต้นทุนทะลุ 5 แสนล."อาคม"สั่งรีเช็คทุกรายการ


โดย MGR Online

3 ธันวาคม 2558 17:20 น.


รถไฟไทย-จีนเซ็น FOC วางกรอบทำงานร่วม ต้นทุนทะลุ 5 แสนล.อาคมสั่งรีเช็คทุกรายการ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพฯ

"อาคม" เผยยังไม่สรุปค่าก่อสร้าง รถไฟไทย-จีน สั่งที่ปรึกษาร.ฟ.ท. ถอดแบบคำนวณต้นทุนรถไฟไทย-จีน แบบละเอียด เชื่อราคาน้ำมันลด ช่วยลดต้นทุนโครงการลงจากที่จีนเสนอกว่า 5 แสนล.แน่ พร้อมย้ำจุดยืนไทย ดอกเบี้ยเหมาะสมต่ำกว่า2% ตั้งเป้าก่อสร้าง ช่วง 1,3 กลางปี59 เดินหน้าลงนาม FOC วางกรอบทำงานร่วม พร้อมซื้อข้าว-ยางจากไทย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 9 นั้นได้หารือถึงการทำรายงานการศึกษาความเหมาะสมซึ่งขณะนี้ข้อมูลยังไม่ครบ โดยได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ตรวจสอบข้อมูลที่ฝ่ายจีนจัดส่งมารวมถึงตัวเลขต้นทุนโครงการอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้ต้องบอกว่า ตัวเลขลงทุนโครงการยังไม่นิ่ง จึงยังไม่มีการสรุปใดๆ เพราะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขถึง5 แสนล้านบาท หลักๆมาจาก การเพิ่มสถานี เช่น สถานีชุมทางบ้านภาชี ซึ่งเดิมอยู่ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่แต่ได้ปรับมาอยู่ในโครงการรถไฟไทย- จีน นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการคิดต้นทุนโครงการของจีน การคำนวณค่าก่อสร้าง ซึ่งไทยจะต้องนำแบบที่จีนศึกษาไว้มาถอดเป็นรายตัว ตามวิธีคิดและระบบราคากลางของไทย ซึ่งหากประเมินตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ราคาน้ำมันที่ลดลงเหลือ 50 ดอลล่าร์สหรัฐ จึงเชื่อว่าต้นทุนโครงการน่าจะลดลง

ส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้น จุดยืนทางจีน 2.5% แต่ทางกระทรวงการคลังมีข้อมูลอัตราดอกเบี้ยจากแหล่งเงินต่างๆ อยู่ เห็นว่าควรไม่สูงกว่า 2% ซึ่งประเด็นนี้จะต้องหารือร่วมกันอีก ครั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน คงต้องเปรียบเทียบให้ดีที่สุด ซึ่งประเมินฝ่ายเราเห็นว่าอัตราที่รวม สวอปค่าเงิน, ค่าคอมมิชชั่นแล้วน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2% หรือต่ำกว่าส่วนจีนก็มีวิธีการคิดของจีนว่า อัตราที่ให้เป็นอัตราที่ถูกที่สุดแล้วสำหรับเงินกู้จีน

พร้อมกันนี้ ได้กำหนดแผนการทำงานในช่วง 6 เดือนข้างหน้าร่วมกัน เพื่อสรุปรายงานผลการศึกษาทั้งหมดฉบับสมบูรณ์เสนอครม. โดยขณะนี้จีนได้สำรวจออกแบบช่วงที่

1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กิโลเมตรและช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กิโลเมตร คืบหน้า ประมาณ 80% และจะส่งครบ100% ในเดือนธ.ค.58 คาดว่าจะก่อสร้างช่วง 1,3 ได้ประมาณกลางปี 2559

ส่วนช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 246.5 กิโลเมตร และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กิโลเมตรขณะนี้การออกแบบคืบหน้าประมาณ 50%

โดยคาดว่าจะมีการประชุมร่วมด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 10 ในเดือนก.พ. 2559 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

รายงานข่าวแจ้งว่า ค่าก่อสร้างที่จีนเสนอล่าสุดอยู่ที่ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการณ์เดิมที่เป็นการออกแบบสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง เนื่องจากรถไฟไทย-จีน ใช้ความเร็วปานกลาง มีการเพิ่มสถานีอีก 4-5 แห่ง นอกจากนี้ยังมีการเจาะอุโมงค์ และบางช่วงออกแบบเป็นทางยกระดับ หรือสะพานบก ทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มทำให้ไทยต้องถอดแบบอย่างละเอียดเพื่อหาที่มาของต้นทุนภายใต้ความเป็นจริงของการก่อสร้างในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันที่ 3 ธ.ค. คณะทำงานร่วมไทย-จีน ได้เดินทางไปที่สถานีเชียงรากน้อย จ.ปทุมธานี จุดโครงการศูนย์สั่งการการเดินรถ (OCC) ซึ่งจะมีพิธีเปิดตัวโครงการในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ โดยจีนได้ขอข้อมูลของพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อไปออกแบบ OCC และในช่วงเย็น จะมีการลงนามร่วมไทย-จีนเพื่อรับรองการประชุมโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีน เพื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร ครั้งที่ 9 และลงนามในกรอบความร่วมมือในการดำเนินการระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ (Framework of Cooperation :FOC ) และลงนามระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน กรณีการจัดซื้อสินค้าการเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ภายใต้กรอบการขายแบบรัฐต่อรัฐ

//---------------------

China, Thailand ink intergovernmental document on railway project
สำนักข่าวซินหัว

3 ธันวาคม 2558 17:20 น.

ลงนาม FOC จนได้
//------------------

ไทย-จีน เตรียมลงพื้นที่สำรวจความเรียบร้อยจัดงานวางศิลาฤกษ์โครงการรถไฟ
ASTV
3 ธันวาคม 2558 14:11 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการประชุมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 9 จัดขึ้นระหว่างวันที่3 - 4 ธันวาคมนี้ ที่ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ว่า การประชุมในครั้งนี้จะเป็นการรับรายงานผลการศึกษาการออกแบบ และรายละเอียดของโครงการร่วมกัน โดยเฉพาะช่วงก่อสร้างที่ 2 เส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด และช่วงก่อสร้างที่ 4เส้นทางโคราช-หนองคาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางฝ่ายจีน ไม่ได้ส่งผลรายงานผลการศึกษาโครงการให้กับฝ่ายไทยอย่างครบถ้วนซึ่งภายหลังจากการประชุมวันนี้ จะนำผลการศึกษาของทั้ง 2 ประเทศ มาตรวจสอบอีกครั้งว่าตรงกันหรือไม่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า หากไม่มีการแก้ไขจะเข้าสู่ขั้นตอนของการสรุปเรื่องงบประมาณของโครงการ ส่วนการพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ยังไม่มีการหารือในการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ ทางฝ่ายไทย และจีน จะลงสำรวจพื้นที่การจัดงานวางศิลาฤกษ์โครงการรถไฟไทย-จีนที่สถานีรถไฟเชียงรายน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีกำหนดการจัดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ธันวาคม นี้ โดยในเบื้องต้นฝ่ายไทยจะเป็นผู้รับชอบเรื่องงานพิธี และฝ่ายจีนจะรับผิดชอบในเรื่อง การจัดนิทรรศการและการแสดงด้านนวัตกรรม
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42797
Location: NECTEC

PostPosted: 04/12/2015 10:57 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
รถไฟไทย-จีนเซ็น FOC วางกรอบทำงานร่วม ต้นทุนทะลุ 5 แสนล."อาคม"สั่งรีเช็คทุกรายการ


โดย MGR Online

3 ธันวาคม 2558 17:20 น.


ลงนามแล้วโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน พร้อมสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตร นายกรัฐมนตรียืนยันโครงการจะไม่ล้ม - โดย BBC
https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1717108098510223

ยันโครงการรถไฟไทย-จีน จะเริ่มสร้างกลางปีหน้า
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 03 ธันวาคม 2558, 20:15

"อาคม" ยันโครงการรถไฟไทย-จีน จะเริ่มสร้างกลางปีหน้า คาดมูลค่าโครงการที่เพิ่มเป็น 4-5 แสนลบ. เพราะต้องเพิ่มสถานี - ต้นทุนพุ่ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 9 ว่าโครงการรถไฟไทย-จีน เส้นกรุงเทพฯ-หนองคาย จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในกลางปี 59 โดยมูลค่าโครงการขณะนี้อยู่ที่ 4-5 แสนล้านบาท จากเดิมที่กำหนดไว้ 3.69 แสนล้านบาท เนื่องจากมีการเพิ่มสถานีและวิธีคิดราคาต้นทุนเรื่องค่าก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังอาจเปลี่ยนแปลงได้อีก

โดยภายในเดือนธ.ค.นี้ ทางการจีนจะส่งรายงานด้านการออกแบบเส้นทางในช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา มาให้ไทย ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น ไม่มีการหารือกันในวันนี้

"เรื่องนี้เป็นเรื่องของนโยบายที่อยากจะให้โครงการนี้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของการก่อสร้าง ซึ่งเราพยายามอย่างเต็มที่ในการให้เห็นในเรื่องของการก่อสร้างภายในกลางปีหน้า" นายอาคม กล่าว


Last edited by Wisarut on 04/12/2015 11:34 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44970
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/12/2015 11:05 am    Post subject: Reply with quote

ถกรถไฟไทย-จีนครั้งที่9จบไม่ลง จีนยังคงดอกเบี้ยสูง เจรจาอีกทีปีหน้า
มติชนออนไลน์ วันที่ 04 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:29:51 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 9 ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ร่วมกับนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน โดยมีนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมหารือ

นายอาคมให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า วาระการประชุมครั้งนี้เน้นเรื่องการทำรายงานการศึกษาความเหมาะสมรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ที่ยังค้างอยู่ โดยจีนได้ส่งข้อมูลมาให้ไทยแล้ว ในเรื่องของตัวเลขต่างๆ ที่ขอเพิ่มเติม โดยเฉพาะการประมาณการตัวเลขผู้โดยสารและสินค้าที่จะใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถไฟเส้นนี้

นายอาคมกล่าวว่า ประเด็นวงเงินของโครงการที่มีมูลค่าประมาณ 4-5 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สรุป ต้องให้ทางบริษัทที่ปรึกษาตรวจสอบก่อน ส่วนตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นมากนั้น คงจะมาจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.มาจากการเพิ่มสถานี จากเดิมสถานีบ้านภาชี จะไปอยู่ในส่วนของรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯเชียงใหม่ แต่ได้มีการปรับให้สถานีภาชีมาอยู่ในโครงการนี้แทน 2.เป็นเรื่องของวิธีการคิดราคาต้นทุนโครงการ โดยเฉพาะการก่อสร้าง ซึ่งไทยมีมาตรฐานคำนวณ เมื่อออกแบบเสร็จแล้วก็ต้องไปถอดแบบว่า ราคาวัสดุอุปกรณ์เป็นเท่าไร ซึ่งมีราคากลางอยู่ "ดอกเบี้ยที่ไทยคิดนั้นได้รวมทุกส่วนแล้ว ทั้งค่าคอมมิสชั่นต่างๆ น่าจะอยู่ที่ 2% หรือต่ำกว่า ส่วนจีนเขาก็มีวิธีคิดของเขาก็บอกว่าถูกที่สุดแล้วที่ให้ 2.5%" นายอาคมกล่าว

นายอาคมกล่าวว่า ช่วงที่ 1 และช่วงที่ 3 จะก่อสร้างก่อนอยู่แล้ว ส่วนผู้รับเหมาเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล การก่อสร้างรัฐบาลจีนมอบบริษัทเขาดำเนินการ โดยสัญญาก่อสร้างทางบริษัทต้องทำสัญญากับทางบริษัทจีนที่ได้รับมอบหมายไว้ แต่ไทยต้องมีส่วนคัดเลือกด้วยและให้บริษัทไทยมีส่วนร่วมด้วยก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องหารือกันต่อไป โดยทางการไทยจะเสนอชื่อบริษัทให้เขาพิจารณาจากรายชื่อที่กำหนดไว้ ส่วนจะส่งบริษัทไหน กี่รายยังตอบไม่ได้

นายชาติชายกล่าวว่า การประชุมร่วมกันในครั้งนี้ได้มีการลงนามกรอบความร่วมมือ (เฟรมเวิร์ก ออฟ คอร์ปอเรชั่น หรือเอฟโอซี) ครั้งที่ 9 ด้วย โดยทางจีนต้องจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมที่ไทยได้แสดงความคิดเห็นกลับมาด้วย ส่วนการประชุมครั้งที่ 10 คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมได้มีการลงนามกรอบความร่วมมือ (เฟรมเวิร์ก) ครั้งที่ 8 ที่ผ่านมาพิจารณาจาก ครม.แล้ว พร้อมกับการลงนามเรื่องการขายข้าวและยางราคาให้กับจีนด้วย

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ในโอกาสที่กระทรวงคมนาคมได้ลงนาม กรอบความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ได้มีพิธีลงนามสัญญาซื้อขายข้าวฤดูการผลิตใหม่ 1 ล้านตันกับคอฟโก (COFCO) ผู้แทนรัฐบาลจีน และการยางแห่งประเทศไทย ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงนามซื้อขายยางพารา 2 แสนตัน กับซิโนเคม (SINOCHEM) ผู้แทนรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้เอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ

นางอภิรดีกล่าวว่า สัญญาซื้อขายข้าวฤดูการผลิตใหม่ 1 ล้านตันนี้ มีกำหนดส่งมอบข้าวเป็นรายงวด เฉลี่ยเดือนละ 1 แสนตัน โดยราคาซื้อขายจะเจรจาต่อรองตามราคาตลาดโลกขณะส่งมอบแต่ละงวด เริ่มส่งมอบตั้งแต่ต้นปีและให้แล้วเสร็จภายในปี 2559 และภายใต้เอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน ทางจีนตกลงในหลักการที่จะซื้อขายข้าวไทยอีก 1 ล้านตัน (ล้านตันที่สอง) ซึ่งในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ คณะทำงานของกรมการค้าต่างประเทศจะเจรจาหารือรายละเอียดกับคอฟโก เพื่อเตรียมการทำสัญญาซื้อขายเพิ่มเติมต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42797
Location: NECTEC

PostPosted: 04/12/2015 7:04 pm    Post subject: Reply with quote

ข่าวการลงนามรถไฟ เชื่อมจีนออก สำนักข่าวซินหัวแล้ว
http://www.chinadaily.com.cn/business/2015-12/04/content_22625249.htm
http://www.chinadaily.com.cn/business/2015-12/04/content_22629137.htm
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42797
Location: NECTEC

PostPosted: 06/12/2015 12:04 am    Post subject: Reply with quote

"ญี่ปุ่น" ปาดหน้า "จีน" ยึดรางรถไฟขนส่งสินค้าทั่วไทย
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

5 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11:30:22 น.

ขณะที่เสียงวิจารณ์โครงการ "รถไฟไทย-จีน" ยังดังกระหึ่มถามถึงความ "คุ้มค่า-คุ้มทุน" ในการก่อสร้าง และความเร่งรีบของโครงการที่ดู "รัฐบาล คสช." จะเร่งรัดมากจนเกินไปเมื่อเทียบกับระยะทางที่ยาวร่วม 873 กม. และมูลค่าโครงการที่ใช้เงินลงทุนร่วม 5 แสนล้านบาท หวั่นจะล่มกลางคันกลายเป็น "โฮปเวลล์ 2"

สมคิดติดเทอร์โบรถไฟไทย-ญี่ปุ่น

ฟากของ "รถไฟไทย-ญี่ปุ่น" เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หลังผ่านการลงนามกรอบความร่วมมือ (MOC) ระหว่าง "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น(MLIT)เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-แหลมฉบัง574กม.

ยิ่งย้ำภาพความสำเร็จของ"ญี่ปุ่น"ที่รุกคืบมายังประเทศไทยไปไกลกว่าที่คาด เพียงช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ว่ากันว่า อาจจะเป็นเพราะ "รัฐบาล คสช." อยากจะตรึงญี่ปุ่นที่เข้ามาในไทยมายาวนานกว่า 50 ปี และใหญ่ที่สุดไม่ให้ย้ายฐานหนีประเทศไทย



จึงเป็นที่มาการลัดคิวรถไฟแนวเศรษฐกิจเชื่อมตะวันออก-ตะวันตกด้านใต้เป็นลำดับแรกเนื่องจากสามารถเชื่อมโยงระหว่างประเทศได้และจะเป็นประโยชน์ต่อฐานการผลิตญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกซึ่งญี่ปุ่นสามารถขยายโรงงานไปยังกัมพูชาและเมียนมาผ่านชายแดนจ.กาญจนบุรีไปยังท่าเรือน้ำลึกทวายได้

และไม่แปลกที่"สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ จะเลือกญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกเดินสายโรดโชว์ดึงคลื่นลงทุนใหม่มาปักธงในไทยมากขึ้น

ตรึงฐานผลิตยุ่นไว้ที่ไทย

เพราะการปฏิบัติการครั้งนี้ นอกจากจะตรึงฐานที่มั่นญี่ปุ่นด้านตะวันออกที่ใหญ่ที่สุดไว้ได้แล้ว ยังหวังผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยดึงเอกชนมาลงทุนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทยที่ "รัฐบาล คสช." กำลังจุดพลุแจ้งเกิด และเข็นเขตเศรษฐกิจทวายที่ "ไทย-เมียนมา" ร่วมกันพัฒนาให้เปรี้ยง

เมื่อสำเร็จรถไฟสายนี้จะเป็นสะพานเชื่อม "คลัสเตอร์" การค้า-การลงทุนCLMV 4 ประเทศ "เมียนมา-ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม" มีไทยเป็นศูนย์กลางไปยังประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอาเซียน

ทั้งนี้เมื่อเทียบกับ "รถไฟไทย-จีน" ผ่านการเซ็น MOU มา 2 ครั้ง 2 รัฐบาล ร่วมกันพัฒนารถไฟความเร็วสูง "กรุงเทพฯ-หนองคาย" แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า

จนมาถึง "รัฐบาล คสช." ได้ปรับสปีดจากรถไฟความเร็วสูงเป็น "รถไฟความเร็วปานกลาง" วิ่ง 180 กม./ชม. สร้างบนราง 1.435 เมตร นำร่องกรุงเทพฯ-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กม. มีการเซ็น MOU ร่วมกันเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2557 ถึงปัจจุบันจะร่วมปีแต่ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยังมีรายละเอียดอีกมากมายต้องพิจารณา

รถไฟไทย-จีนยังอืด

แม้จะถูก "บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา" นายกรัฐมนตรีเร่งเร้า แต่คาดว่าการประชุมครั้งที่ 9 วันที่ 3 ธ.ค.นี้ยังไม่มีข้อสรุปสุดท้ายของโครงการ ไม่ว่าเม็ดเงินลงทุน สัดส่วนการร่วมทุนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า รถไฟไทย-ญี่ปุ่นที่ผ่านการลงนามความร่วมมือ (MOC) ไปนั้น ญี่ปุ่นต้องการเร่งรัดการเดินรถขนส่งสินค้าจากทวาย-แหลมฉบังผ่านเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-แหลมฉบังบนเส้นทางรถไฟเดิมเตรียมจะนำรถแคร่ของJR-Freightขนาด12 ฟุต 3 ตู้ โดยหัวรถจักรเก่ารุ่นฮิตาชิของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ลากจูง จะทดลองวิ่งเสมือนจริงปลายเดือน ม.ค.ปีหน้า จากนั้นจะทดสอบจนถึงเดือน มี.ค. และเริ่มเดินรถจริงกลางปี 2559

"เป็นไปตาม MOU การพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางราง ทางญี่ปุ่นนำเสนอเทคโนโลยีและการบริหารจัดการขนส่งสินค้าทางรางด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็กของญี่ปุ่น โดย JRF ร่วมกับผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าต่อเนื่องจากต้นทางถึงปลายทาง เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น"

วิธีการญี่ปุ่นจะเป็นผู้บริหารการเดินรถร่วมกับร.ฟ.ท.โดยจัดตั้งSPVหรือบริษัทร่วมทุนไทย-ญี่ปุนในสัดส่วนที่ฝ่ายไทย(ร.ฟ.ท.) ถือหุ้นมากสุด เพื่อไม่ให้เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยจะร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นสัญชาติไทย เช่น บ.โตโยต้า ทูโช (ประเทศไทย), บ.นิปปอนโคอิ, บ.คามิกูมิ และ JR-Freight เป็นต้น

"ที่เกิดได้เร็วเพราะญี่ปุ่นไม่ต้องลงทุนสร้างทางใหม่ และเป็นผู้ศึกษาการเดินรถขนส่งสินค้าทางรถไฟทั่วประเทศให้กับไทยอยู่แล้ว ยิ่งทำได้เร็วจะช่วยผู้ประกอบการญี่ปุ่นมีฐานผลิตชิ้นส่วนในไทยได้เร็ว เพราะปัจจุบันต้องขนส่งโดยรถยนต์ ส่วนการจะพัฒนาเป็นรถไฟทางคู่เพิ่ม จะพิจารณาระยะต่อไป รอผลศึกษาจะเสร็จ ส.ค.ปีหน้า จะระบุถึงความต้องการปริมาณการขนส่งสินค้าและความคุ้มทุนของโครงการ หากตัดสินใจสร้าง ญี่ปุ่นจะสนับสนุนแหล่งเงินผ่านไจก้าและกองทุนโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาระบบการขนส่งของญี่ปุ่นให้กับ ร.ฟ.ท.เพื่อสร้างทาง รวมถึง SPV ที่จะเดินรถและสร้างจุดพักกระจายสินค้า"

ได้แค่เซ็น FOC

แหล่งข่าวกล่าวว่า จะต่างกับรถไฟไทย-จีน ซึ่งจีนจะออกแบบและร่วมลงทุนตั้งแต่แรก อีกทั้งต้องสร้างทางขึ้นมาใหม่ และเป็นโครงการใหญ่ใช้เงินลงทุนมาก การวิเคราะห์พิจารณาต้องละเอียดกว่ารถไฟไทย-ญี่ปุ่นที่จะดำเนินการได้ง่าย เนื่องจาก 1.มีทางเดิมอยู่แล้ว และ จะปรับปรุงเสร็จปีหน้า 2.มีพร้อมหัวรถจักรใหม่ 20 คันและแคร่ขนสินค้า 308คัน

อย่างไรก็ตามรถไฟไทย-จีนยังต้องพิจารณา คือ 1.ดอกเบี้ยกู้ หากครั้งที่ 9 จีนไม่ยอดลดให้ จาก 2.5% เหลือ 2% ฝ่ายไทยจะใช้เงินกู้ในประเทศที่อัตราดอกเบี้ยเมื่อรวมความเสี่ยงแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 2.8% ต่ำกว่าของจีนอยู่ที่ 3.1% 2.ค่าก่อสร้าง หากไม่ถูกกว่า 5 แสนล้านบาท คงไม่ได้สร้าง 3.ความคุ้ม-ไม่คุ้มของโครงการ ทางสภาพัฒน์ระบุโครงการต้องมี FIRR 12% ถึงจะคุ้ม และ 4.การพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ยังไม่ผ่าน

จากปัญหาประเมินกันว่า การประชุมนัดที่ 9 จะมีแค่พิธีลงนามความร่วมมือในการดำเนินงานหรือ FOC และเตรียมการปักธงชาติของ 2 ประเทศจะแสดงสัญลักษณ์ถึงความร่วมมือของโครงการ ส่วนเป้าจะตอกเข็มเดือน พ.ค. 2559 น่าจะริบหรี่เต็มที
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44970
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 07/12/2015 4:22 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟความเร็วสูง 2 สายสุดอืด คมนาคมจี้ ร.ฟ.ท.เร่งมือ หวั่นหลุดแผนประมูลปี 59
โดย MGR Online 7 ธันวาคม 2558 13:36 น.

“ปลัดคมนาคม” จี้ ร.ฟ.ท.เร่งจ้างที่ปรึกษารถไฟความเร็วสูง2 สาย “กทม.-ระยอง, กทม.-หัวหิน” ตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมทุน 56 หลังพบยังล่าช้ากว่า Action Plan หวั่นหลุดเป้า และเตรียมตั้งทีมมอนิเตอร์ 20 โครงการอย่างใกล้ชิด เข็นเปิดประมูล และเซ็นสัญญาในปี 59 ทุกโครงการ

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ปรับตารางการทำงานของแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ปี 2558-2559 จำนวน 20 โครงการ วงเงินรวมประมาณ 1.79 ล้านล้านบาท เสร็จแล้ว และรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแล้ว โดยเป้าหมายทุกโครงการจะต้องประกวดราคาภายในปี 2559 ซึ่งจากการตรวจความคืบหน้าการดำเนินงานของ 20 โครงการ พบว่าขณะนี้โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-หัวหิน วงเงิน 94,673 ล้านบาท และรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงิน 155,774 ล้านบาท ยังมีความล่าช้ากว่าแผน โดยได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งรัดดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ ตามมาตรา 24 ของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56) ซึ่งคาดจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 3-4 เดือน เนื่องจากมีข้อมูลพร้อมแล้ว ส่วนอีก 18 โครงการ ยังเป็นไปตามแผนไม่น่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะแต่งตั้งคณะทำงานติดตามงานเพื่อมอนิเตอร์ในแต่ละโครงการอย่างใกล้ชิด และรายงานความก้าวหน้า ปัญหาอุปสรรคทุกๆ สัปดาห์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื่องจากในปี 2559 นอกจากจะต้องเร่งรัดการประกวดราคาโครงการในแผนปฏิบัติการแล้ว ยังจะต้องติดตามงานก่อสร้าง และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการภายใต้งบประมาณประจำปี 2559 รวมถึงจะเน้นในเรื่องการปรับปรุงการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมอีกด้วย

“รมว.คมนาคม ต้องการให้มอนิเตอร์ 20 โครงการ โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินงานให้ได้ตามแผนปฏิบัติการ ดังนั้น จะต้องมีสื่อสารระหว่างกันตลอดเวลา ซึ่งนอกจากตั้งคณะทำงานมอนิเตอร์แล้ว จะต้องมีช่องทางในการสื่อสารระหว่างผู้บริหารแต่ละหน่วยที่รวดเร็วอีกด้วย”

สำหรับ 20 โครงการในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ.2558-2559 วงเงินรวมประมาณ 1.79 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางความกว้าง 1 เมตร (Meter Gauge) 5 โครงการ คือ 1.ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 26,006 ล้านบาท กำหนดให้มีการเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 8 ธ.ค.2558 นี้ 2.ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 17,290 ล้านบาท เตรียมประกาศ TOR ประกวดราคาในเดือน ธ.ค.นี้ 3.นครปฐม-หัวหิน วงเงิน 20,036 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณารายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) 4.มาบกะเบา-ชุมทางจิระ วงเงิน 29,853 ล้านบาท และ 5.ลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 24,918.74 ล้านบาท อยู่ระหว่างการดำเนินการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

โครงการรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย ความร่วมมือระหว่างไทย-จีน สายกรุงเทพฯ-หนองคาย, แก่งคอย-มาบตาพุด อยู่ระหว่างหารือกับจีน โดยจะมีพิธีเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นโครงการ ที่ศูนย์ควบคุมการเดินรถ (OCC) เชียงรากน้อย ในวันที่ 19 ธ.ค.2558 และจะเริ่มก่อสร้างในเดือนพ.ค.2559 ความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ในโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ อยู่ระหว่างศึกษาสำรวจเส้นทาง โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-หัวหิน วงเงิน 94,673 ล้านบาท และรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงิน 155,774 ล้านบาท อยู่ระหว่างการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56

โครงข่ายรถไฟฟ้า จำนวน 5 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท อยู่ระหว่างเสนอ ครม.เห็นชอบ 2.สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 56,690 ล้านบาท เสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อดำเนินโครงการรูปแบบ PPP ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 3.สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 54,644 ล้านบาท เสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อดำเนินโครงการรูปแบบ PPP ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 4.รถไฟสายสีแดง บางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดง บางซื่อ-หัวลำโพง วงเงิน 44,157 ล้านบาท และ 5.สายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 131,003 ล้านบาท

โครงการมอเตอร์เวย์ 3 สายทาง คือ สายพัทยา-มาบตาพุด วงเงิน 20,200 ล้านบาท สายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงิน 84,600 ล้านบาท และสายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี วงเงิน 55,620 ล้านบาท โครงการทางน้ำอีก 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบังวงเงิน 1,864 ล้านบาท และโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 วงเงิน 2,031 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนการประกวดราคาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 วงเงิน 55,000 ล้านบาท จะเริ่มทยอยประกวดราคาได้ตั้งแต่เดือน ธ.ค.นี้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44970
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 09/12/2015 6:43 am    Post subject: Reply with quote

ถอดแบบคำนวณยิบต้นทุนรถไฟไทย-จีนตอกเข็มกลางปี 59
โดย ฐานเศรษฐกิจ - 9 ธันวาคม 2558

คมนาคมตีกรอบ 6 เดือน ให้ สนข.-ที่ปรึกษาฝ่ายไทยถอดแบบคำนวณต้นทุนอย่างละเอียด ให้เห็นภาพรวมทั้งโครงการ เพื่อศึกษาความเหมาะสมด้านต้นทุนและมูลค่าโครงการทางลึก ยังมั่นใจรถไฟไทย-จีนตอกเสาเข็มเริ่มก่อสร้างได้กลางปีหน้า เป็นไปตามกรอบแผนงาน ย้ำจุดยืนไทยดอกเบี้ยที่เหมาะสมต้องต่ำกว่า 2% เผย 19 ธ.ค.นี้ได้ฤกษ์ปักหมุดสัญลักษณ์ เริ่มคิกออฟโครงการอย่างเป็นทางการที่ศูนย์ OCC เชียงรากน้อย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนารถไฟระหว่างไทย – จีน ได้จัดการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ มาแล้วถึง 9 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ที่กรุงเทพฯ เป็นการหารือถึงการวางแผนดำเนินงานในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งจะเน้นการศึกษาความเหมาะสมด้านต้นทุนและมูลค่าโครงการในเชิงลึก อาทิ การศึกษาประมาณการผู้โดยสาร และปริมาณสินค้า พร้อมกับมอบหมายให้ที่ปรึกษาของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ตรวจสอบข้อมูลที่ฝ่ายจีนจัดส่งมา รวมถึงตัวเลขต้นทุนโครงการอย่างละเอียด
ซึ่งฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายจีนสรุปผลการศึกษา 4 เส้นทางทั้งโครงการให้เป็นรายงานฉบับเดียว เพื่อนำเสนอต่อครม.ให้เห็นภาพชัดเจนทั้งหมด หลังจากนั้นจึงจะลงรายละเอียดในการกำหนดเรื่องการเงิน และวิธีการลงทุนต่อไป รวมทั้งสัญญาต่างๆ คาดว่าจะสามารถผลักดันการก่อสร้างได้ในช่วงกลางปี 2559 ล่าสุดเรื่องที่เกี่ยวข้องโครงการความร่วมมือไทย – จีน ที่นำเสนอต่อครม. มีเพียงกรอบความร่วมมือในการดำเนินการเท่านั้น

“ความล่าช้าของโครงการมีประเด็นหลักจากกระบวนการศึกษา ซึ่งฝ่ายจีนทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบ แต่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรายงานให้ทราบในทุกรอบการประชุม เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อให้รายงานขั้นสุดท้ายมีความสมบูรณ์มากที่สุด”

สำหรับกรณีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการ จะต้องมีการหารือร่วมกันอีก เมื่อได้รายงานผลการศึกษาความเป็นไปได้และการออกแบบรายละเอียดครบทั้งหมดแล้ว โดยทางกระทรวงการคลังของไทย มีข้อมูลอัตราดอกเบี้ยจากแหล่งเงินต่าง ๆ เห็นว่าไม่ควรสูงกว่า 2% ขณะที่ทางจีนมองว่าอัตราที่เสนอให้ที่ 2.5% เป็นอัตราที่ถูกที่สุดแล้วสำหรับเงินกู้จีน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวชี้แถงถึงกรณีที่มีกระแสว่า โครงการมีมูลค่าสูงขึ้นเป็นประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงนั้น เพราะช่วงกรุงเทพฯ เชื่อมไปถึงนครราชสีมา เป็นขั้นตอนที่ก่อสร้างยาก เนื่องจากเป็นภูเขาจึงต้องเจาะอุโมงค์และสร้างทางยกระดับ ต้องใช้เทคนิคทันสมัย ซึ่งไทยจะต้องนำแบบที่จีนศึกษาค่าก่อสร้างไว้ มาถอดเป็นรายตัว ตามวิธีคิดและระบบราคากลางของไทย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มรายละเอียดในหลายจุด เช่น เพิ่มสถานีชุมทางบ้านภาชี ซึ่งเดิมอยู่ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ – เชียงใหม่ แต่ได้ปรับมาอยู่ในโครงการรถไฟไทย – จีน อย่างไรก็ตาม หากประเมินตามสภาพเศรษฐกิจ ในปัจจุบันราคาน้ำมันที่ลดลงเหลือ 50 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เชื่อว่าต้นทุนโครงการน่าจะลดลง

“ประเด็นตัวเลขลงทุนโครงการยืนยันว่า ยังขอสงวนสิทธิ์ที่จะให้ที่ปรึกษาฝ่ายไทยได้ตรวจสอบ เพราะตัวเลขดังกล่าวยังไม่นิ่ง เช่นเดียวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ย ที่ทราบจากฝ่ายจีนแล้ว แต่กระทรวงการคลังของไทยยังสามารถเปรียบเทียบต้นทุนกับแหล่งต่าง ๆ ได้ จะมีการหารือร่วมกันต่อไป เบื้องต้นขอเร่งผลการศึกษาให้แล้วเสร็จครบทั้งหมดก่อน นอกจากนี้ยังมีการเจาะอุโมงค์ และบางช่วงออกแบบเป็นทางยกระดับ หรือสะพานบก ทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่ม ส่งผลให้ไทยต้องถอดแบบอย่างละเอียดเพื่อหาที่มาของต้นทุนภายใต้ความเป็นจริงของการก่อสร้างในประเทศ” นายอาคมกล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายของวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา คณะทำงานร่วมไทย – จีนได้เดินทางไปที่สถานีเชียงรากน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จุดโครงการศูนย์สั่งการการเดินรถ (OCC) ซึ่งจะมีพิธีเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ โดยจีนได้ขอข้อมูลของพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อไปออกแบบ OCC และในช่วงเย็นได้มีการลงนามร่วมไทย – จีน เพื่อรับรองการประชุมโครงการความร่วมมือระหว่างไทย – จีน เพื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร ครั้งที่ 9 และลงนามในกรอบความร่วมมือในการดำเนินการระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ (Framework of Cooperation : FOC ) พร้อมกับการลงนามระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน กรณีการจัดซื้อสินค้าการเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ภายใต้กรอบการขายแบบรัฐต่อรัฐ

ด้านนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการความร่วมดังกล่าวไม่ได้ล่าช้า เพราะยังดำเนินการไปตามกระบวนการที่แผนกำหนดไว้ ขณะนี้ผ่านไปเพียงแค่กว่า 1 ปีเท่านั้น จากเดิมที่กำหนดเดือนธันวาคม 2558 นี้ เริ่มต้นโครงการ ไม่ใช่การเริ่มต้นก่อสร้าง ซึ่งคงไม่ทันแน่ ๆ และวันที่ 19 ธันวาคมนี้ก็จะเริ่มต้นโครงการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ได้แล้ว คือการแสดงสัญลักษณ์เริ่มต้นโครงการที่เชียงรากน้อยนั่นเอง

แหล่งข่าวระดับสูงของกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ที่ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลโครงการความร่วมมือรถไฟไทย – จีน ให้กับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า ผลการศึกษาดังกล่าวฝ่ายจีนดำเนินการเองทั้งหมด เมื่อส่งรายงานมายังฝ่ายไทย กระทรวงคมนาคมจะส่งเรื่องดังกล่าวให้สนข. และกลุ่มที่ปรึกษานำไปตรวจสอบ ว่าฝ่ายจีนได้ดำเนินการภายใต้กรอบตามที่ฝ่ายไทยกำหนดไว้หรือไม่

“หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีจุดที่อาจจะสร้างความยุ่งยาก ส่งผลให้โครงการล่าช้า อาทิ จะต้องไปทำการเวนคืนและทำอีไอเอเพิ่มเติม ก็จะทักท้วงทันที ในเบื้องต้นตัวเลขราคาโครงการมีประมาณการเอาไว้แล้ว ล่าสุดตามที่ฝ่ายจีนศึกษาพบว่ามูลค่าแพงกว่า 20% จากผลการศึกษาเดิมของโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่ฝ่ายไทยเคยศึกษาไว้แล้ว (ประมาณ 4 แสนล้านบาทในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย) ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้ปรับปรุงข้อมูลผลการศึกษาพบว่า มูลค่ายังใกล้เคียงกัน แต่ยังแตกต่างจากที่ฝ่ายจีนศึกษาอยู่ประมาณ 25% โดยตอนช่วงนครราชสีมาประมาณ 2.2 แสนล้านบาท แต่ช่วงแก่งคอย – มาบตาพุด มูลค่าประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ภายใต้พื้นฐานยังไม่รวมเอาเส้นทางกรุงเทพ – ระยอง ที่เป็นขนาดราง 1.435 เมตรเข้าไว้ด้วย

ซึ่งหากจะไปใช้บริการ ก็จะต้องจ่ายค่าเช่ารางให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ในช่วงตั้งแต่ฉะเชิงเทรา – มาบตาพุด โดยจะเลือกเวลาเดินรถให้เหมาะสมต่อไป” (อ่านประกอบข่าวรถไฟจีน-ลาวที่หน้า 10)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,111 วันที่ 6 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42797
Location: NECTEC

PostPosted: 16/12/2015 3:08 am    Post subject: Reply with quote

'บิ๊กตู่'ลั่นไม่เจรจาแบบโง่ ๆ รถไฟฟ้ากับจีน
เดลินิวส์
อังคารที่ 15 ธันวาคม 2558 เวลา 18:38 น.

"บิ๊กตู่"เผยส่งรองนายกฯ คุยโครงการรถไฟฟ้ากับจีน ยันไทยไม่เจรจาแบบโง่ ๆ ต้องหาผลประโยชน์ร่วม 2 ฝ่าย แนะขอความร่วมมือเอกชน สร้างที่จอดรถ 10 ชั้นในเมือง เชื่อมรอยต่อระบบขนส่ง วัน

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน ว่า รองนายกรัฐมนตรีของจีนจะเดินทางมาไทยเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตนได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีนไปแล้วว่าความร่วมมือมี 3 ระดับ ทั้งเรื่องราง การเดินรถ และผลประโยชน์ จะมีการร่วมลงทุนกันกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันมา โดยตนได้ให้แนวทางกับรองนายกรัฐมนตรีของเราไปแล้ว โดยขอให้ไปหารือให้จบเรื่องงบประมาณ และการลงทุนร่วมกัน ไม่ใช่ให้ไทยออกเพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ก็ต้องคุยถึงเรื่องผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น จึงต้องให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ แต่ที่ผ่านมาอาจไม่เข้าใจกันทำให้เกิดความล่าช้า วันนี้จึงต้องเริ่มจากหลักการก่อนว่าจะลงทุนแบบไหน มีตัวเลขอย่างไร อย่าลืมว่าต้นทุนของเรามีทั้งเรื่องที่ดิน รางรถไฟก็ต้องคิดมูลค่าออกมา ระยะต่อมาเรื่องการประกอบการ เรื่องรถ และการบริหารจัดการในอนาคต ซึ่งต้องเตรียมบุคลากรและกฎหมายไว้ด้วย เราจะไปเจรจาโง่ ๆ ไม่ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนยังได้สั่งการให้มีการเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ รอยต่อแต่ละช่วงต้องมีที่จอดรถ เพราะที่ผ่านมาไม่มีการสร้าง เนื่องจากที่ดินมีจำกัด และราคาสูง จึงให้ขอความร่วมมือจากเอกชนว่ามีที่ตรงไหนบ้าง สร้างที่จอดรถในเมืองขึ้นสัก 10 ชั้น บริหารจัดการเก็บค่าเช่า เพื่อสร้างบริเวณ มีพื้นที่มากขึ้นในการเดินทาง สัญจร รถมีที่จอดที่ไว้ใจได้ การจราจรลดลง ไม่ใช่ไปไล่ให้ตำรวจแก้ มันแก้ไม่ได้ ตราบใดที่การซื้อขายรถปีละกว่า 40,000 คัน ของเก่าก็ไม่ยุบทิ้ง ก็สะสมมาเรื่อย ๆ ถ้าเป็นเมืองนอกรถเกิน 10-20 ปี ก็ทิ้งหมด หรือนำมาประกอบใหม่.“

//-------------
“ประยุทธ์” สปีกอิงลิชโชว์ ย้ำสำคัญ ถกเขมรเมินคุยเขตแดน ไม่เจรจารถไฟจีนโง่ๆ


โดย MGR Online

15 ธันวาคม 2558 16:35 น. (แก้ไขล่าสุด 15 ธันวาคม 2558 17:17 น.)



นายกฯ เผยประชุมร่วมไทย-กัมพูชา 19 ธ.ค.ถกทุกด้าน เว้นเรื่องเขตแดนโยนหน้าที่เจบีซี เผยจีนจ่อส่งรองนายกฯ คุยรถไฟฟ้า ยันไม่เจรจาโง่ๆ ได้ผลประโยชน์สองฝ่าย รับไม่เที่ยวปีใหม่มา 30 ปี ขอสแตนด์บายดูแล ชี้ใส่รายได้ในบัตร ปชช.ไม่เสียหาย ไว้ช่วยคนจนใช้ขนส่งฟรี คนเหล่านี้ไม่เสียภาษีอยู่แล้ว โชว์พูดอังกฤษ ย้ำภาษาเรื่องสำคัญ รองรับเปิดอาเซียน ฟังล่ามอย่างเดียวไม่ได้

วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการประชุม ครม.ร่วมไทย-กัมพูชา ในวันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางมาด้วยตนเองว่า ได้มีการเตรียมการประชุมในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งแต่ละกระทรวงก็มีการประชุมกันแล้ว และเป็นรายละเอียดที่ผู้นำประเทศเคยคุยกันมาก่อน

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องแนวชายแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธว่า ไม่พูด แต่จะมีการพูดคุยความร่วมมือในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านพลังงาน เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน เอสเอ็มอี การเพิ่มตลาดใหม่ ไม่พูดถึงเรื่องเขตแดน เรื่องที่เป็นปัญหาจะไม่พูดกันเพราะคุยกันแล้วว่าถึงวันนี้เราจะต้องทำให้อาเซียนมีความเข้มแข็ง ทุกประเทศต้องไม่มีความขัดแย้ง ตนได้พูดคุยกับทุกประเทศแล้ว วันนี้อย่าพูดถึงเรื่องเขตแดน เป็นหน้าที่ของเจบีซี แม้จะคุยวันนี้ก็ยังไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ถ้าต้องใช้อีกร้อยปีก็เจรจาต่อไปได้ เพียงแต่จะทำอย่างไรให้สามารถใช้พื้นที่ดังกล่าวทำประโยชน์ร่วมกันได้ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง และการเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่มีการนำนักธุรกิจจากกัมพูชามาด้วยก็ถือเป็นเรื่องดี และไม่เฉพาะจะต้องคุยเรื่องพลังงานเท่านั้น และหากมีการทำกันจริงตนก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา ตนไม่ได้เงินกับเขาด้วย เรื่องนี้ถ้าสามารถทำได้ก็ทำกันไป ถ้าทำไม่ได้คือไม่ได้

“การหารือกันครั้งนี้จะเน้นเรื่องความร่วมมือกันทุกๆ ด้าน ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ท่องเที่ยว พลังงาน คงยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ทันที แต่ทุกคนพูดคุยกันด้วยหลักการ เมื่อเห็นชอบร่วมกันค่อยไปเดินต่อเรื่องกระบวนการ เรื่องไหนที่ต้องทำก็ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.อีกครั้ง ไม่ใช่จะไปตกลงแล้วตกปากรับคำเลย เพราะผมไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ ไม่ใช่บ้านผม ถ้าเป็นบ้านผม ผมจะทำแบบนั้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีนว่า รองนายกรัฐมนตรีของจีนจะเดินทางมาเร็วๆ นี้ ซึ่งตนได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีนไปแล้วว่าความร่วมมือมี 3 ระดับ ทั้งเรื่องราง การเดินรถ และผลประโยชน์ข้างทาง ซึ่งจะมีการร่วมลงทุนกัน กี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันมา

เมื่อถามว่า กรอบที่จะพูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรีจีนมีอะไรบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้ให้แนวทางกับรองนายกรัฐมนตรีของเราไปแล้ว โดยขอให้ไปเคลียร์กันให้จบทั้งเรื่องเงิน เรื่องทุนที่จะต้องลงทุนร่วมกันจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ให้ไทยออกเพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ก็ต้องคุยถึงเรื่องผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น จะทำอย่างไรเพื่อมาชดเชยงบลงทุนก็ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน จึงต้องยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐหรือพีพีพี รวมทั้งเป็นเรื่องของรัฐบาลต่อรัฐบาลด้วย ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็เหมือนกับไทย-ญี่ปุ่น แต่ที่ผ่านมาอาจไม่เข้าใจกันทำให้เกิดความล่าช้า วันนี้จึงต้องเริ่มจากหลักการก่อนว่าจะลงทุนแบบไหน มีตัวเลขอย่างไร อย่าลืมว่าต้นทุนของเรามีทั้งเรื่องที่ดิน รางรถไฟก็ต้องคิดมูลค่าออกมา ระยะต่อมาเรื่องการประกอบการเรื่องรถ และการบริหารจัดการในอนาคต ซึ่งต้องเตรียมบุคลากรและกฎหมายไว้ด้วย เราจะไปเจรจาโง่ๆ ไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ที่จะถึงนี้ว่า สำหรับตนไม่ไปเที่ยวไหน “ผมไม่เคยเที่ยวมา 30 ปีแล้ว ไม่เคยไปไหนเลย ปีนี้ก็ไม่คิดจะไปไหนด้วย ผมจะนั่งดูแลเป็นกำลังใจและสแตนด์บายว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าแล้วคอยแก้ปัญหาให้ทุกคนมีความสุขไม่ดีกว่าหรือ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีแนวคิดการระบุอาชีพและรายได้ไว้ในบัตรประชาชนว่า “ไอ้เรื่องบัตรที่พูด ผมก็พูดเร็วไปด้วย บางทีก็ไม่เข้าใจ มันจะมีใครเอาข้อมูลไปลงบัตรได้เยอะแยะขนาดนั้น มีคนเขียนมาในโซเชียลฯ ว่าในบัตรเขียนชื่อ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ทำนองนี้ อาชีพ นักฆ่ามหาประลัย รายได้ สามสิบหลัก ปัดโธ่ อะไรของมัน นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะเนี่ย มันกลายเป็นเรื่องตลกไปหมด แล้วก็หาว่าผมคิดโง่ๆ ก็รู้หรือไม่ว่าข้อมูลคนมีรายได้เป็นยังไง รายได้ไม่ได้เอามาโชว์ มันอยู่ในแถบแม่เหล็ก ในชิป ถ้าใส่ในบัตรประชาชนไม่ได้ ก็หาบัตรอื่นมาอีกใบ บางคนถือบัตรเครดิตหลายใบอยู่แล้ว ก็มีอีกใบ ขึ้นรถเมล์ก็เอาไปเสียบที่เครื่องอ่านถึงจะขึ้นได้ หรือจะไปรถไฟฟ้าวันหน้า คนจนจะขึ้นไหวหรือ รัฐบาลก็ต้องดูแล ไม่งั้นคนจนก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้น มันต้องคิดแบบนี้ ไม่ใช่เอามาตีแผ่ว่าคนนี้รายได้เท่าไหร่”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า บางคนบอกว่าอย่างนี้ก็เปลี่ยนอาชีพไม่ได้ ทำไมคิดแบบนี้ได้นะคนไทย ถ้าจะเปลี่ยนก็ไปแจ้งเปลี่ยนเหมือนทำบัตรประชาชนหาย ไปทำใหม่ ข้อมูลก็อยู่ในเครื่องเหมือนกับในอดีต เรื่องข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ แต่มันไม่สมบูรณ์ ไม่ชัดเจน ต้องให้เจ้าตัวมาแจ้งด้วยตัวเอง

“สมมติว่ามีกำหนดรายได้ขั้นต่ำในการเสียภาษีปีละ 150,000 บาท แล้วเธอจะแจ้งเมื่อไหร่ เขาก็ยังไม่ได้ตรวจ อีกอย่างชื่อคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี เข้าใจหรือไม่ คนพวกนี้จะไม่มีชื่อในระบบภาษีเลย แต่เราต้องใช้เงินสนับสนุนเขาตลอดเวลา สู้เราทำให้ชัดเจน มีจำนวนเท่าไหร่แน่นอน อาชีพอะไร รายได้เท่าไหร่ ซึ่งเมื่อทำก็ไม่เสียภาษีเหมือนเดิม แล้วมันจะเสียหายตรงไหน แต่ท่านสามารถเอาบัตรนี้ไปขึ้นรถไฟฟรี รถเมล์ฟรีได้ ไม่ใช่ใครก็ขึ้นได้ ทุกวันนี้ปรากฏว่าคนจนขึ้นไม่ได้ เพราะคนรวยขึ้นไปหมดแล้ว บางคนรายได้เกิน ที่ผมต้องการคือทำให้คนเหล่านี้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นั่นคือเจตนารมณ์ของผม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อถึงกรณีการส่งเสริมให้ประชาชนเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐาน โดย พล.อ.ประยุทธ์พูดภาษาอังกฤษในสำเนียงตนเองว่า อย่างคำว่า “ฮาวอาร์ยู, กู๊ดมอร์นิ่ง, กู๊ด อาฟเตอร์นูน, แอมไฟน์ แทงกิ้ว, โก สเตท อะเฮด แอนด์ เทิร์น ทู เดอะ เลฟต์, วันฮันเดรดสเต็ป แค่นี้พูดได้หรือไม่ มันต้องได้สิเพราะจบปริญญากันหมด ที่ไม่กล้าพูดเพราะอาย ฝรั่งมาเขาถามก็ไม่ตอบ ยิ้มอย่างเดียว ยิ้มสยามตลอด มันต้องพูดด้วย จะจีน จะญี่ปุ่น แต่คงไม่ต้องถึงขนาดเขาถามอังกฤษมาแล้วตอบเป็นจีน ต้องเรียนรู้ ภาษากลางคือ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เกาหลีที่ฮิตๆ กันอยู่ โรงงานก็เป็นโรงงานเหล่านี้”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หนึ่งคือภาษาอังกฤษเพื่อประชาชนในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการเปิดอาเซียน ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่หนีฝรั่ง แนะนำตำรวจอยู่ไหน ไปแจ้งใคร ลุงป้าน้าอา คนเฒ่าคนแก่ พูดกู๊ดมอร์นิ่ง วันนี้การจัดระดับภาษาอังกฤษที่มีถึง 70-80 ประเทศ ตนจำได้ว่าเราอยู่ในระดับที่ 9 จากท้าย น่าภูมิใจหรือไม่ เราต้องดูว่าเราสอนกันยังไง ได้กำหนดหรือไม่ว่าพื้นฐานต้องเริ่มจากอะไร ถ้าคนทั่วไปเอาแค่ทักทาย จบ แล้ววันหน้าเข้าก็สนใจอยากพูดต่อเอง เพราะต้องไปประกอบอาชีพ ที่ตนแบ่งไว้คือ ภาษาอังกฤษสำหรับการประกอบการธุรกิจพื้นฐาน เช่นคนที่เปิดร้านเอาไว้ขายของได้ อ่านภาษาอังกฤษเป็น ให้กรอกข้อมูลอะไรให้รู้เรื่อง เพราะมันเป็นมาตรฐาน ต่อมาคือภาษาอังกฤษสำหรับแรงงาน โรงงานเขาเปิดรับอยู่แล้วตอนนี้ แต่ที่ต้องให้เรียนรู้ เพื่อจะให้คนเหล่านี้เป็นหัวหน้างาน และสิ่งสำคัญคือภาษาอังกฤษต้องอยู่ในระบบการศึกษาทั้งหมด ไอ้ที่เรียนก็เอาสอบกัน แต่พอมันยากเกินไป เน้นเรื่องไวยกรณ์เกินไป ทำให้คนไม่กล้าพูด กลัวจะผิดหลักไวยากรณ์ ตนก็ถูกสอนมาอย่างนี้เช่นกัน พูดไม่ได้หรอกแต่ตนกล้าหน่อย พูดผิดพูดถูกมันก็เข้าใจอยู่แล้ว อย่างน้อยก็มีท่าทาง เมื่อยมือหน่อยก็เอา แต่พยายามฟังให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นจะพลาด

“เพราะเป็นนายกฯ มันออกท่าทางอะไรไม่ได้ โต้ตอบความคิดด้วยความคิดตนเองไม่ได้ ต้องระวังภาษาอังกฤษ แต่ก็มีล่ามแปลอยู่แล้ว ข้อสำคัญคือพอฟังล่ามพูดไม่รู้ว่าตรงหรือเปล่า ไม่ใช่จะปล่อยล่ามให้พูดอย่างเดียว มันไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42797
Location: NECTEC

PostPosted: 16/12/2015 3:19 am    Post subject: Reply with quote

จีนแดง ควรใจดีกะไทยมากกว่าที่เป็นอยู่ นี้ (China should be more generous in Thai-Sino rail deal) l
http://www.bangkokpost.com/opinion/opinion/794984/china-should-be-more-generous-in-thai-sino-rail-deal.
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 58, 59, 60 ... 121, 122, 123  Next
Page 59 of 123

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©