View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 07/04/2015 11:51 pm Post subject: |
|
|
รถไฟทางคู่ไทย-ลาว-จีน เร่งเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 03 เมษายน 2558 เวลา 09:04 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,041 วันที่ 5 - 8 เมษายน พ.ศ. 2558
ได้เห็นความชัดเจนถึงแนวทางการขับเคลื่อนภายใต้ความร่วมมือโครงการพัฒนารถไฟไทย-จีนมากขึ้น ล่าสุดศูนย์อาเซียน-จีนศึกษา สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ระดมความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งจากไทยและจีนต่อยุทธศาสตร์หุ้นส่วนพัฒนารถไฟทางคู่ไทย-จีน สายเอเชียอาคเนย์เพื่อให้ได้เห็นถึงความสำคัญ ความคืบหน้าและความพร้อมของไทย-จีนที่จะผลักดันโครงการภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวให้สำเร็จตามเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ทุกฝ่ายพร้อมรับมือต่อการพัฒนาดังกล่าว
**หนุนไทยใช้ระบบรางลดต้นทุนโลจิสติกส์
รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันปัญญาภิวัฒน์ ได้เสนอแนะแนวทางความเป็นไปได้ของโครงการว่าหากประเทศไทยสามารถบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดี ไทยก็จะมีต้นทุนโลจิสติกส์ที่ถูกลง สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ ซึ่งระบบรางถูกนำมาใช้ในการดำเนินการขับเคลื่อนให้ได้ตามวัตถุประสงค์ ปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกมีมากถึง 60% ของจีดีพี ดังนั้นหากไทยสามารถทำให้จีดีพีของประเทศขยายตัวตามศักยภาพที่ควรจะเป็นคือขึ้นมาเป็น 1% ของโลก ไทยก็จะมีจีดีพีมากกว่าปัจจุบันนี้อีก 1 เท่าตัวคือจาก 12.5 ล้านล้านบาทเป็น 25 ล้านล้านบาท จึงจะสามารถบริหารจัดการทางด้านเศรษฐกิจของประเทศได้อีกมากมาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจภาคอื่นๆก็จะเติบโตตามไปด้วยโดยเชื่อมโยงด้วยระบบรางอย่างมีประสิทธิภาพ
ประการสำคัญไทยควรเร่งพัฒนาให้เป็นไปในรูปแบบโครงข่าย "กรุงเทพจตุรทิศพัฒนา" นั่นคือมีจำนวน 4 สาย ระยะทางยาว 100-200 กม.จากกรุงเทพฯ แล้วในอนาคตค่อยขยายโครงข่ายออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการกำหนดเส้นทางเอาไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับการขับเคลื่อนอย่างจริงจังเท่านั้น โดยภาคอีสานเชื่อมโยงไปสู่สปป.ลาว ภาคใต้ไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนภาคตะวันออกเชื่อมโยงถึงกัมพูชา และภาคตะวันตกเชื่อมไปยังเมียนมาร์ ตัวอย่างที่ดีคือกรณีเช่นที่ญี่ปุ่นและจีนดำเนินการ ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยทั้งด้านการบริการ การท่องเที่ยวตลอดจนการส่งออกหรือด้านอื่นๆย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย
**คมนาคมเร่งเชื่อมโยงระบบรางไทย-ลาว-จีน
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ได้ชี้ให้เห็นความคืบหน้าว่าไทย-จีนได้แบ่งแผนการดำเนินการรถไฟไทย-จีนในครั้งนี้ออกเป็น 4 ช่วง เส้นทางคือช่วงแรกคลองสิบเก้า-แก่งคอย 133 กม. ช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด 246 กม. ช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา 138 กม. และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย 355 กม. โดยจุดที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงฝ่ายจีนจะเป็นผู้ดำเนินการเอง
alt นอกจากนั้นยังชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการพัฒนาระบบรางภายใต้ยุทธศาสตร์เส้นทางรถไฟทางคู่แนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ในครั้งนี้ว่า การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านจะมีความสำคัญมากขึ้น เพราะจะเกิดประโยชน์ด้านโลจิสติกส์อย่างเห็นได้ชัดทั้งการเชื่อมต่อจากจีนและสปป.ลาวโดยจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับประตูการค้าชายแดน โดยฝ่ายไทยจะหารือร่วมกับสปป.ลาว ช่วงก่อนสงกรานต์นี้เพื่อให้ได้เห็นความชัดเจน อีกทั้งปัจจุบันภาคโลจิสติกส์ยังใช้การขนส่งสินค้าทางถนนเป็นหลัก แต่หากส่งเสริมให้ใช้ระบบรางมากขึ้นก็จะสามารถเปรียบเทียบเวลาและค่าขนส่งซึ่งรูปแบบการขนส่งที่ใช้เวลาการเดินทางน้อยที่สุดคือระบบราง
**จีนยันพร้อมลงทุนในอาเซียน
นางหยิน ไห่หง ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำ ราชอาณาจักรไทย กล่าวว่าปัจจุบันจีนมองปัจจัยในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวมมากขึ้น จึงเร่งเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางคือการค้าขายร่วมกัน การพัฒนาร่วมกันเพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเปิดกว้างวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาซึ่งกันและกันอย่างยั่งยืน ให้ผืนดินทุกภูมิภาคสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ทั้งหมดด้วยระบบรางนั่นเองเพื่อเป็นส่วนช่วยกระตุ้นการลงทุนและเกิดการบริโภคสินค้ามากขึ้น นอกเหนือจากการจ้างงานและการรุกตลาดการค้าใหม่ๆ
ทั้งนี้ปี 2020 จีนตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างจีน-อาเซียนว่าจะขยายตัวได้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกันจีนจะเพิ่มการนำเข้าสะสมจากอาเซียนให้ถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังจะลงทุนในอาเซียนไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับการเร่งตั้งเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนเพื่อให้โครงสร้างสินค้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจีนพร้อมสนับสนุนหลักประกันการลงทุนให้กับไทยและประเทศต่างๆ
"จีนพร้อมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเข้าไปเสริมเติมจุดแข็งให้กับแต่ละประเทศ โดยเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงแบบบูรณาการในทุกทาง ให้ครอบคลุมประชากรกว่า 1,900 ล้านคน ในส่วนการพัฒนาเส้นทางรถไฟในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่เป็นพื้นราบ ซึ่งเทคโนโลยีของจีนสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าเส้นทางผ่านสปป.ลาวที่เป็นภูเขาสูง แต่ภาคเอกชนของจีนมีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างอุโมงค์เป็นอย่างดี อีกทั้งโซนตอนใต้ของจีนที่จะเชื่อมกับสปป.ลาวนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมกับทางด้านเหนือของสปป.ลาวก็จะแล้วเสร็จใน 1-2 ปีนี้"
//----------------------
หนองคายป่วนรับรถไฟไทย-จีน "บิ๊กจิน"ถกลาวผุดสะพานข้ามโขง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
6 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21:01:16 น.
ชาวหนองคายต้านเวนคืน แห่ซื้อที่ดินเก็งกำไรรับสะพานข้ามโขงแห่งใหม่ จุดเชื่อมรถไฟจีน-ลาว-ไทย "ประจิน" ปรับแนวใหม่ใช้แนวรถไฟเส้นทางหนองคาย-ท่านาแล้ง ขยายสะพานเพิ่มวางราง 1.435 เมตร บินถก สปป.ลาวหาข้อสรุป
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ระหว่าง 3-4 เมษายน 2558 ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ถึงข้อสรุปแนวเส้นทางรถไฟที่จะต่อเชื่อมกันบริเวณข้ามแม่น้ำโขงในแนวเส้นทางรถไฟจีน ความเร็วปานกลาง 160 กม./ชม. จะลงทุนก่อสร้างจากคุนหมิงลงมาเวียงจันทน์เชื่อมกับรถไฟไทย-จีนที่สถานีหนองคาย ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของโครงการรถไฟรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพฯ 873 กม. วิ่งด้วยความเร็ว 180 กม./ชม.
ล่าสุดได้กำหนดจุดที่เชื่อมเส้นทางใหม่ จากเดิมสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำหนดสร้างเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเดิม 800-900 เมตร แต่สภาพพื้นที่อาจเวนคืนที่ดินพอสมควร และเพื่อลดต้นทุนก่อสร้างลงจึงปรับแนวเส้นทางมาสร้างคู่ขนานสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเดิมที่มีรางรถไฟหนองคาย-ท่านาแล้งอยู่แล้ว แต่จะสร้างสะพานใหม่เพิ่มทางด้านขวามือ (มุ่งหน้าเวียงจันทน์) รองรับรางมาตรฐาน 1.435 เมตร
"ผมได้รับทราบข้อมูลจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายว่า จุดที่ สนข.เลือกไว้เดิมนั้นมีผลกระทบต่อพื้นที่เอกชน สวนสาธารณะ และใกล้วัด จึงให้ปรับตำแหน่งใหม่ ต้องรอผลหารือร่วมกับรัฐบาลลาวจะเห็นด้วยกับแนวที่เราเสนอหรือไม่"
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการกว้านซื้อที่ดินเก็งกำไรมาก จังหวัดหนองคายจึงขอให้กระทรวงเปลี่ยนที่ตั้งสะพานข้ามแม่น้ำโขงใหม่อีกครั้ง เพื่อลดผลกระทบเวนคืนที่ดินด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 08/04/2015 12:07 am Post subject: |
|
|
เอกชน-รัฐ 8 จังหวัดภาคเหนือ สัมมนา "เที่ยววิถีไทย เศรษฐกิจก้าวหน้า ล้านนายั่งยืน" คึกคัก
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
5 เมษายน พ.ศ.2558 เวลา 05:41:38 น.
เอกชน-รัฐ 8 จังหวัดภาคเหนือ สัมมนา "เที่ยววิถีไทย เศรษฐกิจก้าวหน้า ล้านนายั่งยืน" คึกคัก "บิ๊กจิน"สั่งลุยแก้จราจร จ.เชียงใหม่ เฮ ได้ไฮสปีดเทรน "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" ปลายปีนี้ หลังถกญี่ปุ่นลงตัว ดันขยายสนามบินรองรับ 20 ล้านคน
ลุยไฮสปีดเทรนปีนี้
พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนงานแก้ปัญหาจราจรเชียงใหม่เร่งด่วน หลังปีที่ผ่านมามีปัญหารถติดหนักทุกพื้นที่ โดยต้องใช้เทคโนโลยีและระบบใหม่ดำเนินการ เช่น โมโนเรล รถรางไฟฟ้า (Tram) อาจเป็นโครงสร้างยกระดับหรือระดับดิน เหมือนภูเก็ต ขอนแก่น ที่กำลังจะดำเนินการ แต่ยังคงระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบเดิม ๆ ไว้ เช่น รถเมล์แดง โดยจะให้ท้องถิ่นคือจังหวัดหรือศูนย์พิงคนครดำเนินการ กระทรวงคมนาคมเป็นผู้สนับสนุนผลักดัน รวมถึงสร้างถนนวงแหวนรอบนอกและทางด่วนเพิ่ม รองรับเมืองที่ขยายตัวออกรอบนอกมากขึ้น ปีหน้าจะเริ่มต้นโครงการได้
นอกจาก นี้จะสร้างทางรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร เชื่อมการเดินทางและขนสินค้าจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ลดเวลาเดินทางจาก 13 ชั่วโมงเหลือ 10 ชั่วโมง ทำให้ต้นทุนขนส่งถูกลง รัฐบาลชุดนี้มีแผนชัดเจนจะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กิโลเมตร ความเร็ว 200-250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่นได้ข้อสรุปร่วมกันเมื่อ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา จะลงนาม MOU เดือน พ.ค.นี้ และเริ่มสำรวจเส้นทางปลายปีนี้ เริ่มก่อสร้างต้นปี 2559 ใช้เวลา 3 ปีถึง 3 ปีครึ่ง เมื่อแล้วเสร็จการเดินทางจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะใช้เวลา 5 ชั่วโมง แต่ถ้าเพิ่มความเร็วเป็น 300-350 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะเหลือ 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยออกแบบให้จะขนทั้งคนและสินค้าที่มีมูลค่าสูง
//----------------
ญี่ปุ่นเสนอคมนาคมปรับรถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทำไฮสปีดเทรนเต็มรูปแบบ
ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 08:00 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวว่าให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม รายงานต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว กรณีที่ญี่ปุ่นสนใจที่จะเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน 1.435 เมตร จำนวน 2 เส้นทาง คือเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพ-อรัญประเทศ-แหลมฉบัง ซึ่งจะเชื่อมกับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย และเส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่
ซึ่งเส้นทางกรุงบเทพฯ-เชียงใหม่นั้นญี่ปุ่น เสนอขอทำเป็นรถไฟความเร็วสูง โดยพล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้นายอาคม ไปเจรจากับทางญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 23 -27 เม.ย.นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปในรายละเอียดเสนอ ครม.ภายในเดือนนี้ จากนั้นจะสามารถลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน(เอ็มโอยู)ต่อไป
ญี่ปุ่นสนใจเข้ามาดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพราะผลการศึกษาเดิมพบว่าเส้นทางนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด มีระยะ ทาง 670-700 กม. ในขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงนั้นจะต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และใช้งบประมาณที่สูงด้วยเช่นกัน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่าส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจีนก็สนใจเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่นั้น ทางฝ่ายจีนเป็นผู้ที่แจ้งยกเลิก หลังจากที่ไม่สามารถเจรจาเพื่อเชื่อมต่อเส้นทางจากคุนหมิงผ่านทางเชียงของ ของ สปป.ลาว เพื่อเข้าสู่ประเทศไทยทางตอนเหนือได้ ทำให้เส้นทางนี้ต้องพับแผนไป แต่ทางญี่ปุ่นแสดงความสนใจอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่ดีที่ญี่ปุ่นจะมีโอกาสเข้ามาดำเนินการได้ ขอให้รอหลังจากที่นายอาคมกลับจากหารือกับทางญี่ปุ่นก่อน
พร้อมกันนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระทรวงคมนาคมรายงานความก้าวหน้า โครงการความร่วมมือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทยกับจีน และขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation หรือ MOC) เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายร่วมสำรวจพื้นที่และออกแบบ
ฝ่ายไทยจะสนับสนุนด้านการจัดเตรียมเอกสารข้อมูล บุคลากร และประสานหน่วยงานต่างเช่นขอแผนที่หรือถ่ายภาพทางอากาศจากรมแผนที่ทหารและสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า ให้กระทรวงแรงงานดูแลเรื่องการออกใบอนุญาตทำงานให้กับต่างชาติ กระทรวงการคลังช่วยดูแลเรื่องการยกเว้นภาษีการนำเข้าเครื่องจักร
ส่วนการแบ่งหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่ายก็มีความชัดเจน จีนดูเรื่องการออกแบบและการก่อสร้างในส่วนของอุโมงค์ ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบไฟฟ้าและการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ส่วนฝ่ายไทยรับผิดชอบการเวนคืนที่ดิน การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม งานก่อสร้างต่างๆ ส่วนการเดินรถและการซ่อมบำรุงจะพิจารณาในเดือน พ.ค. 2558 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44787
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 21/04/2015 7:22 pm Post subject: |
|
|
ประจินปัดข้อเสนอ BTS ลงทุนรถไฟทางคู่สายอีสานเปลี่ยนหัวรถจักรเป็นไฟฟ้า
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 21 เมษายน 2558 18:22:49 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เนื่องจากบีทีเอสสนใจที่จะลงทุนก่อสร้างเดินรถไฟทางคู่สายอีสาน ขอนแก่น-แหลมฉบัง เพื่อขนส่งสินค้า โดยก่อสร้างเป็นทางขนาด 1 เมตร และเสนอปรับเปลี่ยนระบบรถไฟจากเครื่องยนต์ดีเซลเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พล.อ.ประจิน กล่าวว่า ได้ยืนยันกับบีทีเอสว่ากระทรวงคมนาคมมีแผนก่อสร้างตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 อยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่สามารถยกเลิกการดำเนินงานและนำมาให้สัมปทานกับบีทีเอสได้
ส่วนการเดินรถไฟนั้น เป็นแนวทางที่ต้องการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาได้เพื่อประโยชน์ต่อประเทศ โดยจะต้องพิจารณาในเรื่องระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านที่เหมาะสม การใช้งานหัวรถจักรที่มีในปัจจุบัน โดยมีเป้าหมาย คือ เกิดการใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัย การใช้พลังงานลดลง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัยสูงสุด
"กระทรวงไม่สามารถยกเลิกแผนการก่อสร้างแล้วให้สัมปทานเส้นทางให้บีทีเอสไปดำเนินการก่อสร้างและเดินรถได้ บีทีเอสต้องกลับไปทำการบ้านเพิ่มเติม เพื่อนำข้อมูลมาหารือกันครั้งหน้า เช่น แนวคิดในการร่วมลงทุน แนวคิดในการเดินรถสินค้า เงื่อนไขของแหล่งเงินและผลตอบแทนต่างๆ ในขณะที่กระทรวงสนใจเรื่องการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงาน"รมว.คมนาคม กล่าว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า บีทีเอสไม่เข้าใจว่ากระทรวงคมนาคมมีแผนก่อสร้างรถไฟทางคู่แล้ว จึงเสนอก่อสร้างและเดินรถมาให้ ซึ่งคงไม่ได้ เพราะจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า กว่าจะนำเสนอข้อมูลและตกลงก็ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี แผนงานรวมจะช้าไปหมด ดังนั้นจะเหลือในส่วนของการเดินรถที่บีทีเอสจะเสนอได้ โดยเข้าร่วมลงทุนโดยใช้รูปแบบ PPP ส่วนการเปลี่ยนระบบรถไฟดีเซลเป็นระบบรถไฟฟ้านั้น ซึ่งตรงกับแนวคิดที่สนข.
อย่างไรก็ตาม ทางรถไฟปัจจุบันเมื่อทำเป็นรถไฟทางคู่แล้ว จะมีความจุในการเดินรถมากขึ้นซึ่งร.ฟ.ท.สามารถใช้รถไฟดีเซลวิ่งได้และมีส่วนที่ให้บีทีเอสเข้ามารับสัมปทานได้ ลักษณะใช้ทางร่วม ซึ่งต้องไปศึกษาว่าจะใช้รถไฟฟ้าวิ่งได้วันละกี่ขบวน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 22/04/2015 1:54 am Post subject: |
|
|
เวอร์ชันไทยนรัฐอยู่นี่
บิ๊กจิน ปัดข้อเสนอบีทีเอส เปลี่ยนรถไฟทางคู่ เป็นระบบไฟฟ้า
โดย ไทยรัฐออนไลน์
อังคารที่ 21 เมษายน 2558 20:26
บีทีเอสเสนอสัมปทานเดินรถไฟสายอีสาน พร้อมรื้อหัวจักรดีเซลเป็นไฟฟ้า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
21 เมษายน 2558 19:54 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
บีทีเอสเสนอสัมปทานเดินรถไฟสายอีสาน พร้อมรื้อหัวจักรดีเซลเป็นไฟฟ้า
บีทีเอสเสนอลงทุนสัมปทาน 30 ปี ก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร สายอีสานช่วงขอนแก่น-แหลมฉบัง ขนส่งสินค้าพร้อมเสนอรื้อระบบรถจักรดีเซลใช้รถไฟฟ้าแทนทั่วประเทศ ประจินยันรัฐบาลลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่เองเปิดทางสัมปทานเดินรถได้ แต่ต้องศึกษาการร่วมทุนตามแบบ PPP
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เข้าพบ วันนี้ (21 เม.ย.) ว่า ทางบีทีเอสเสนอที่จะขอรับสัมปทานก่อสร้างและเดินรถไฟทางคู่ สายอีสาน จากขอนแก่น-แหลมฉบัง เพื่อขนส่งสินค้า ระยะเวลา 30 ปี โดยก่อสร้างเป็นทางขนาด 1 เมตรโดยใช้รถไฟฟ้า พร้อมทั้งเสนอปรับเปลี่ยนระบบรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รงฟ.ท.) จากเครื่องยนต์ดีเซลเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด ด้วย ซึ่งในเรื่องการก่อสร้างรถไฟทางคู่นั้น กระทรวงคมนาคมมีแผนการก่อสร้างตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 อยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่สามารถยกเลิกการดำเนินงานและนำมาให้สัมปทานกับบีทีเอสได้
ส่วนการเดินรถไฟนั้น เป็นแนวทางที่ต้องการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาได้เพื่อประโยชน์ต่อ ร.ฟ.ท. และประชาชน และประเทศอยู่แล้ว โดยจะต้องพิจารณาและศึกษาในเรื่องระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านที่เหมาะสม การใช้งานหัวรถจักรที่มีในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์อย่างไร เพื่อกำหนดแผนทยอยปลดระวางอย่างไร เมื่อใด โดยมีเป้าหมาย คือ 1. เกิดการใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัย 2 . การใช้พลังงานลดลง 3. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ4.มีความปลอดภัยสูงสุด
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นทางบีทีเอสมีตัวเลขผลตอบแทนการลงทุนแต่ไม่สูงมากนักซึ่งรวมทั้งการก่อสร้างและเดินรถ ดังนั้นต้องไปศึกษาใหม่แยกเฉพาะการเดินรถ โดยนำอัตราการเติบโตของปริมาณสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตมาคิดด้วย ต้องศึกษาปริมาณตู้สินค้าและวิธีการรับส่งสินค้า จำนวนเที่ยว ระบบการควบคุมการเดินรถด้วยและเสนอกลับมาอีกครั้ง
ทางกระทรวงไม่สามารถยกเลิกแผนการก่อสร้างแล้วให้สัมปทานเส้นทางให้บีทีเอสไปดำเนินการก่อสร้างและเดินรถได้ บีทีเอสต้องกลับไปทำการบ้านเพิ่มเติม เพื่อนำข้อมูลมาหารือกันครั้งหน้า เข่น แนวคิดในการร่วมลงทุน แนวคิดในการเดินรถสินค้า เงื่อนไขของแหล่งเงินและผลตอบแทนต่างๆ ในขณะที่กระทรวงสนใจเรื่องการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงาน
โดยโครงการรถไฟทางคู่ที่ก่อสร้างเสร็จแล้วคือช่วง แหลมฉบัง ฉะเชิงเทรา และที่จะก่อสร้างภายในปีนี้ คือ เส้นทาง ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 11,348.36 ล้านบาท อยู่ระหว่างการประกวดราคา,เส้นทาง มาบกะเบา ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,855.08 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ,เส้นทาง ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท ผ่านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ทางบีทีเอส ไม่เข้าใจว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนก่อสร้างรถไฟทางคู่แล้ว จึงเสนอก่อสร้างและเดินรถมาซึ่งคงไม่ได้ เพราะจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า กว่าจะนำเสนอข้อมูลและตกลง ก็ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี แผนงานรวมจะช้าไปหมด ดังนั้นจะเหลือในส่วนของการเดินรถที่บีทีเอสจะเสนอได้ โดยเข้าร่วมลงทุนโดยใช้รูปแบบ PPP ส่วนการเปลี่ยนระบบรถไฟดีเซลเป็นระบบรถไฟฟ้านั้น ซึ่งตรงกับแนวคิดที่สนข.ที่ขณะนี้กำลังศึกษาการเดินรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ ขนาดราง 1 เมตรเชื่อมจากมาเลเซีย-หาดใหญ่ ซึ่งจะสอดคล้องกับที่มาเลเซีย จะเดินรถไฟฟ้าขนาด 1 เมตรมาถึงชายแดนไทยดังนั้น หากอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนรถไฟทางคู่เป็นรถไฟฟ้าเหมือนประเทศมาเลเซีย หากบีทีเอสเข้ามา จะเป็นโครงการนำร่องที่เส้นทางสายอีสาน
อย่างไรก็ตามทางรถไฟปัจจุบันเมื่อทำเป็นรถไฟทางคู่แล้ว จะมีความจุในการเดินรถมากขึ้นซึ่งร.ฟ.ท.สามารถใช้รถไฟดีเซลวิ่งได้และมีส่วนที่ให้บีทีเอสเข้ามารับสัมปทานได้ ลักษณะใช้ทางร่วม หรือ Share Track หรือทางเดียวกันวิ่งได้หลายผู้ประกอบการ ซึ่งต้องไปศึกษาว่าจะใช้รถไฟฟ้าวิ่งได้วันละกี่ขบวน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 30/04/2015 10:12 am Post subject: |
|
|
ญี่ปุ่นเข้าวินคว้ารถไฟ 2 สาย ลงนาม พ.ค.นี้ดันเชื่อมเศรษฐกิจทวาย
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
30 เมษายน 2558 06:15
ไทย-ญี่ปุ่นลงนามเอ็มโอยู พ.ค.นี้ สร้างรถไฟ 2 เส้นทาง ความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และทางคู่กาญจนบุรี-อรัญประเทศ ด้านบอร์ด ทอท.ปรับลดค่าก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 ลง 10,000 ล้านบาท พร้อมปลด ประพนธ์ พ้น ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงผลหารือโครงการความร่วมมือพัฒนาระบบรางร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่นว่า ได้ข้อสรุปว่าจะให้ญี่ปุ่นก่อสร้างโครงการรถไฟไทย 2 เส้นทาง คือ รถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศระยะทาง 574 กิโลเมตร (กม.) และ รถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กม. โดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ภายในเดือน พ.ค.นี้
กระทรวงคมนาคมเห็นว่า รถไฟทั้ง 2 เส้นทางมีความเหมาะสม เพราะเชื่อมโยงเศรษฐกิจฟากตะวันออกไปตะวันตกตอนใต้ของไทย โดยขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลงฉบังไปท่าเรือทวาย ขณะที่ญี่ปุ่นก็มีแผนขยายการลงทุนการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ไปยังเมียนมาร์ซึ่งจะเชื่อมต่อมาไทยได้ และอนาคตยังมีแผนเชื่อมไปยังเวียดนามด้วย
ส่วนการสร้างรถไฟทางคู่แม่สอด จ.ตาก-มุกดาหาร จะให้ญี่ปุ่นช่วยศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างตลอดเส้นทาง หลังจากก่อนหน้านี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ศึกษาเฉพาะเส้นทางแม่สอด-พิษณุโลกเท่านั้น รวมทั้งขอให้ญี่ปุ่นส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาและให้คำแนะนำในการวางโครงข่ายรถไฟในภาคตะวันออกของไทย เนื่องจากมีหลายเส้นทางที่อาจทับซ้อนกัน
นายอาคมยังกล่าวถึงความร่วมมือรถไฟทางคู่ไทย-จีน เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพฯ ว่า จะใช้รูปแบบการลงทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ งานฐานรากและการก่อสร้าง รวมทั้งการเวนคืนที่ดิน จะใช้เงินงบประมาณรัฐและแหล่งเงินกู้ในประเทศ ส่วนงานระบบการเดินรถเห็นตรงกันให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเป็นนิติบุคคล ทำหน้าที่ลงทุนงานระบบกับการเดินรถ โดยใช้เงินกู้จากจีน ซึ่งไทยได้เสนอขอเงื่อนไขเงินกู้พิเศษดอกเบี้ยต่ำกว่า 2% ระยะเวลา 30 ปี ในจำนวนนี้เป็นระยะเวลาปลอดชำระหนี้ 6-7 ปี
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวหลังประชุมเตรียมการก่อนร่วมหารือการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ไทย-จีน ครั้งที่ 4 ที่ประเทศจีน วันที่ 6-8 พ.ค.นี้ ว่า มีการสรุปความก้าวหน้าการสำรวจออกแบบและความร่วมมือในการดำเนินงานและการลงทุน การจัดเตรียมบุคลากรเพื่อรับการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมทั้งเห็นชอบให้มีการทำรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางเชื่อมต่อจากเวียงจันทน์ไปหนองคาย 30 กม. และมีแผนวางโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกตลอดเส้นทางอีกด้วย
//---------------------
ญี่ปุ่นลุยไฮสปีดเทรนเชียงใหม่ ทำทางคู่เชื่อมทวาย-แหลมฉบัง
มติชน
วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:22:20 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 11:05:49 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลการหารือโครงการความร่วมมือพัฒนาระบบรางร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23-27 เมษายนที่ผ่านมาว่า ได้หารือกับผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น โดยได้ข้อสรุปว่าญี่ปุ่นจะเข้ามาดำเนินโครงการรถไฟในไทย 2 เส้นทาง คือ รถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ ระยะทาง 574 กิโลเมตร (กม.) และรถไฟฟ้าความเร็วสูง ความเร็ว 300 กม.ต่อชั่วโมง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กม. โดยรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายจะลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (เอ็มโอยู) ภายในเดือนพฤษภาคมนี้
"รถไฟทั้ง 2 เส้นทางนี้ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของไทย เพื่อเชื่อมการขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือน้ำลึกทวาย เป็นการเชื่อมฐานการผลิตอุตสาหกรรม 2 ฐาน และเชื่อมจากสระแก้วไปยังปอยเปต พนมเปญ ของกัมพูชา และอนาคตเชื่อมไปยังนครโฮจิมินห์ของเวียดนามด้วย" นายอาคมกล่าว
นายอาคมกล่าวว่า ได้ขอให้ญี่ปุ่นช่วยศึกษาความเป็นไปได้ในเส้นทางรถไฟจากแม่สอด จ.ตาก-มุกดาหาร เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ศึกษาเฉพาะเส้นทางแม่สอด-พิษณุโลก ส่วนที่เหลือไม่ได้ศึกษา จึงขอให้ดูการเชื่อมต่อ เพราะทั้ง 2 ฝั่งจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไปแล้ว
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังประชุมเตรียมการก่อนร่วมหารือการลงทุนโครงการรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 4 ที่คุนหมิง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคมนี้ว่า การก่อสร้างช่วงที่ 1-2 จากกรุงเทพฯ-แก่งคอย-มาบตาพุด จะเริ่มก่อสร้างภายในเดือนกันยายน 2558 ช่วงที่ 3-4 จากแก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย จะเริ่มก่อสร้างภายในเดือนธันวาคม 2558 แน่นอน สำหรับช่วงที่ต้องทำจุดเชื่อมต่อจากเวียงจันทน์ไปหนองคาย ระยะทาง 30 กม. ได้เห็นชอบร่วมกันว่าจะทำเป็นทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร ให้สามารถเชื่อมต่อเส้นทางจากไทยไปลาวและคุนหมิงของจีนได้
Last edited by Wisarut on 30/04/2015 1:26 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 30/04/2015 12:47 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมเตรียมบินไปจีน หารือโครงการทำรถไฟฟ้า
แนวหน้า
วันพฤหัสบดี ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558, 06.00 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมเตรียมการสำหรับการประชุมร่วมไทย จีน ว่า ได้มีการเตรียมการเพื่อเดินทางประชุมกับจีนครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 6-8 พ.ค. 2558 ที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน โดยจะมีการเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นของโครงการผลการศึกษาสิ่งแวดล้อม หลักเกณฑ์เงื่อนไขเงินกู้และรูปแบบบริษัทร่วมทุน หลักสูตรถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งการลงนามบันทึกผลการเห็นชอบข้อตกลงเรื่องการปฏิบัติงานร่วมกันในวันที่ 7 พ.ค. 2558
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม กล่าวว่า สำหรับงานทางด้านการลงทุนฐานราก เช่น การเวนคืนที่ดิน การก่อสร้าง จะใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศของไทย ส่วนงานระบบการเดินรถ เห็นชอบให้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเป็นนิติบุคคล ดูแลทางด้านแรงงาน และการเดินรถ ส่วนงานระบบเทคโนโลยีอาณัติสัญญาณและระบบตัวรถนั้นจะใช้แหล่งเงินกู้จากจีนโดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการ ศึกษาในเงื่อนไขและรายละเอียดระยะเวลารวมถึงอัตราดอกเบี้ย |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44787
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 30/04/2015 3:44 pm Post subject: |
|
|
เอกชนปลื้มรฟท.สร้างรถไฟผ่านเพชรบูรณ์
โพสต์ทูเดย์ 30 เมษายน 2558 เวลา 14:14 น.
เพชรบูรณ์-ภาคเอกชนมั่นใจรฟท.สร้างรถไฟสายลำนารายณ์-หล่มเก่าส่งเสริมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจคึกคัก เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายบัณฑิตต์ เทวีทิวารักษ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ภาคเอกชนดีใจมากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)และบริษัทที่ปรึกษาตัดสินใจจะผลักดันรถไฟผ่านเพชรบูรณ์ สายลำนารายณ์-หล่มเก่า โดยจะนำเสนอต่อรัฐบาลภายใน 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งหากโครงการดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งเสริมภาคธุรกิจท่องเที่ยว การค้า การลงทุนและเศรษฐกิจคึกคักทันทีเนื่องจากเมืองเพชรบุรณ์มีแหล่งท่องเที่ยวดึกดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาในจังหวัดตลอดทั้งปี
นายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ในฐานะคณะทำงานรวบรวมข้อมูลจังหวัด กล่าวว่า หลังจากนี้คงเป็นขั้นตอนบริษัทจะนำเสนอรายงานให้ทางการรถไฟพิจารณา เพื่อของบประมาณจากรัฐบาล ในการสำรวจออกแบบและคาเวนคืนที่ดินของการการก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่สายลำนารายณ์-หล่มเก่า ระยะทาง 187 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 32,000 ล้านบาท จากการพูดคุยกับทีมงานบริษัทก็รับปากว่า จะเสนอแบบทางเดี่ยวควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างลดต่ำค่อนข้างมาก
นายวิศัลย์ กล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟทางคู่หรือทางเดี่ยว ชาวเพชรบูรณ์ไม่เกี่ยงขอเพียงให้มีรางรถไฟเข้ามาก่อน จากนั้นค่อยไปต่อยอดในอนาคต เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอยมายาวนานมาก ส่วนผลที่ออกมาถือเป็นความสำเร็จแค่บันไดขั้นแรกเท่านั้นทุกภาคส่วนยังต้องดำเนินขับเคลื่อนไปต่อ
สำหรับแผนงานของการรถไฟแจ้งไว้ในเอกสารเผยแพร่โครงการระบุว่าหลังเสร็จสิ้นการศึกษาและได้เส้นทางรถไฟที่เหมาะสมแล้วในปี 2560 ของบประมาณเพื่อสำรวจออกแบบ ปี 2561-2562 ทำการสำรวจออกแบบก่อสร้าง ปี 2562-2563 ของบประมาณและเริ่มดำเนินการเวนคืนที่ดินพร้อมเตรียมความพร้อมปี 2564-2567 เริ่มทำการก่อสร้างและจะเปิดใช้บริการในปี 2568 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 06/05/2015 9:08 pm Post subject: |
|
|
สัมภาษณ์: 'ประจิน จั่นตอง'เร่งกดปุ่มรถไฟโลว์คอสต์ยันไฮสปีดเทรน
Wednesday, 06 May 2015 09:27
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
ร่วม 3 เดือนกับการนั่งหัวโต๊ะในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)คุม 7 กระทรวงหลัก ก่อนที่จะรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ซึ่งต้องรับภาระอันหนักอึ้งกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (2558-2565) ภายใต้งบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ในกรอบการดำเนินการ 8 ปีให้เห็นเป็นรูปธรรม
ครม.อนุมัติแล้ว
ล่าสุด ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้เดินหน้ามาถึงขั้นคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบของ "แอกชันแพลน" ยุทธศาสตร์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2558 ซึ่งแน่นอนว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็ต้องดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และไฮไลต์สำคัญของแผนอยู่ที่ระบบขนส่งทางราง ที่นอกเหนือจากรถไฟฟ้าในเขต กทม.และปริมณฑล 10 เส้นทางที่ต้องเร่งผลักดันแล้วยังมีเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงระหว่างเมือง ระหว่างภาคและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคถือเป็นโครงการเร่งด่วนตามมาด้วย
รมว.คมนาคมฉายภาพว่า การพัฒนาระบบรางตามกรอบยุทธศาสตร์แบ่งเป็น 3 ระบบ คือ 1. ระบบรางเดียวขนาด 1 เมตร ที่มีอยู่ดั้งเดิมแล้ว 4,043 ตารางกิโลเมตรครอบคลุม 47 จังหวัด สร้างมานานเสื่อมสภาพต้องมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ ตั้งแต่ไม้หมอน หัวรถจักร ระบบอาณัติสัญญาณ เพิ่มรางคู่ 5 เส้นทาง ซึ่งจะทำให้เพิ่มความเร็วรถไฟจาก 40- เป็น 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับรถขนส่งสินค้า ส่วนรถโดยสารจะปรับจาก 50 เป็น 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อแผนแล้วเสร็จและจะทำให้รับส่งผู้โดยสารและสินค้าได้ในราคายุติธรรมหรือโลว์คอสต์มากยิ่งขึ้น
รถไฟไทย-จีนตุลาฯนี้ลงเสาเข็ม
ส่วนระบบที่ 2 ขนาดราง 1.435 เมตร ความเร็วปานกลาง 160-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่เกิดจากความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือจีทูจี ระหว่างไทยกับจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเส้นทางรถไฟภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนนั้นมีความคืบหน้าไปมาก และตั้งเป้าหมายในเดือนกันยายนนี้จะออกแบบและให้แล้วเสร็จจากนั้นจะใช้เวลา 1 เดือนในการร่างสัญญา ตั้งเป้าภายในเดือนตุลาคมนี้ก็น่าจะ
ก่อสร้างได้ในช่วงตอนที่ 1 และ 2 แบ่ง คือช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย-มาบตาพุด ส่วนช่วงที่ 3 และ 4 จากแก่งคอยนครราชสีมา-หนองคาย จะเริ่มก่อสร้างในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
เชื่อมทะลุไทย-ลาว-จีน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวเพิ่มเติมว่า เส้นทางรถไฟสายนี้ถ้าก่อสร้างเสร็จจะเป็นการพลิกโฉมการเดินทางท่องเที่ยว และขนส่งสินค้าครั้งใหญ่ของภูมิภาคนี้ ที่จะมีการเชื่อมโยงตั้งแต่จีนตอนใต้จากคุนหมิงมาถึงเวียงจันทน์ เชื่อมมายังไทยที่หนองคาย ต่อมาถึงกรุงเทพฯ และในอนาคตจะขยายไปปาดังเบซาร์ มาเลเซียและสิงคโปร์ โดยมีไทยเป็นผู้ริเริ่ม
"ล่าสุด ตนได้เดินทางไปเจรจากับลาวเพื่อพัฒนาร่วมกัน ในส่วนที่เป็นมิสซิ่งลิงก์ เวียงจันทน์-หนองคาย ระยะทางราว 30 กิโลเมตร ส่วนเส้นทางจากคุนหมิงมาเวียงจันทน์จะเป็นความร่วมมือระหว่างจีนกับลาว ซึ่งลาวตกลงที่จะใช้ระบบราง 1.435 เมตร"
อย่างไรก็ดี ตามแผนที่วางไว้เมื่อการก่อสร้างรถไฟไทยกับจีนแล้วเสร็จ ช่วงระหว่างจีนกับลาวสร้างเสร็จ ก็จะเดินหน้าสร้างช่วงรอยต่อระหว่างไทยกับลาวทันที โครงการนี้มั่นใจว่าเริ่มก่อสร้างในปีนี้แน่และแล้วเสร็จในปี 2556 ส่วนลาวอาจจะล่าช้ากว่าไทยไป 1 ปีเพราะมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขา ส่วนการเชื่อมโยงจากกรุงเทพฯ ไปปาดังเบซาร์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ นั้นก็ขึ้นอยู่กับแผนว่าจะเริ่มได้เมื่อไร แต่เมื่อการดำเนินการแล้วเสร็จ จะเป็นมิติใหม่การเดินทางที่เชื่อมโยงระหว่างอาเซียนกับจีน เป็นเส้นทางสายไหมโดยมีไทยเป็นจุดเริ่มต้น
ส่วนความคืบหน้าโครงการเมื่อออกแบบแล้วเสร็จถึงจะรู้ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไร ใช้แหล่งเงินกู้จากที่ไหน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องดูรายละเอียดต่างๆ ประกอบไม่ว่าจะเป็น ภูมิประเทศ เส้นทางผ่านเทือกเขา ร่องน้ำ มีความแตกต่างกัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต้องเสนอตัวเลขมาแล้ว และต้องหาคนกลางมาประเมินราคา ซึ่งฝ่ายไทยจะลงทุนด้านระบบงานฐานราก ระบบผิวดิน ส่วนของจีนจะเป็นเรื่องการเดินรถ ระบบพลังงานต่างๆ รมว.คมนาคม แจง
ซีพี/ไทยเบฟ ตื่นตัวสุด
สำหรับระบบที่ 3 เป็นรถไฟความเร็วสูง ความเร็ว 200-250-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มี 2 เส้นทางคือกรุงเทพฯ-พัทยา หรือกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 129 กิโลเมตร วงเงิน 1.11 แสนล้านบาท และกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กิโลเมตร วงเงิน 8.11 หมื่นล้านบาท ซึ่งใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง รัฐบาลจึงเปิดทางเชิญชวนให้ภาคเอกชนไทยเข้ามาร่วมลงทุน เบื้องต้นมี 3 กลุ่มธุรกิจใหญ่ของไทย เข้าหารือในเรื่องนี้กับกระทรวงคมนาคมแล้วประกอบด้วย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มบีทีเอส ของ คีรี กาญจนพาสน์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แต่ภายหลัง บีทีเอส เสนอตัวขอทำรถไฟขนาด 1 เมตร จึงเหลือเพียง 2 กลุ่มเท่านั้น
"ซีพีและไทยเบฟ มีความกระตือรือร้นมาก เขามีการเตรียมการรูปแบบการลงทุนซึ่งเพราะไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือแบบรัฐและเอกชนร่วมกัน (พีพีพี) โดยการพบครั้งที่ 2 ซีพีได้มีการเปิดตัว 2 พันธมิตรใหม่ คือบริษัท ซิทิก คอนสทรัคชั่นฯ จากฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัททางด้านการเงิน และไห่หนาน จากฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ด้านการก่อสร้าง ด้านบกและน้ำ ทำให้เขาและเรามั่นใจว่าโครงการจะเกิดขึ้นได้แน่เพราะเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการระดมทุน และยังลดภาระรัฐบาล"
ปี 59 แจ้งเกิดไฮสปีดเทรน
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.ประจิน มีความเชื่อว่ากลุ่มทุนไทยคงรวมตัวกันมาเป็นคอนซอร์เตียม ส่วนการเข้ามาหารือก็เพื่อหาข้อมูลดูลู่ทางของความร่วมมือ เช่น มีกี่สถานี สร้างเมื่อไร รูปแบบการลงทุน เพื่อนำไปศึกษาถึงลู่ทางการลงทุน ซึ่งได้ให้ข้อมูลถึงดีมานด์ที่มีมาก ทั้งประชากร นักท่องเที่ยว จากปริมาณการใช้รถบัส รถส่วนตัว ช่วงเทศกาล รถติดหนึบ ทั้งยังมีแหล่งอุตสาหกรรม ประมง เกษตร เป็นต้น
ด้านเงินลงทุนและอัตราค่าโดยสารนั้น ต้องมีความสัมพันธ์กัน และจะเป็นตัวแปรหลักในการลงทุน ราคาตั๋ว เพราะยิ่งใช้เทคโนโลยี ราคาก็จะเพิ่มสูงตามมา ซึ่งคาดว่าทีโออาร์น่าจะทำเสร็จในเดือนพฤษภาคมเพราะของเดิมที่เคยศึกษาไว้นั้นใช้ได้ 50% โดยจะมีการเวนคืนที่ดินเท่าที่จำเป็น ส่วนการพัฒนาบริเวณสถานีเพื่อสร้างชุมชนใหม่คอมเมอร์เชียล นั้นต้องตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร โดยต้องอยู่ในหลักการ "สมาร์ทซิตี้ กรีน เทคโนโลยี" ซึ่งขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างสำรวจออกแบบ ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและนำเสนอ ครม.
"รถไฟความเร็วสูงน่าจะเกิดได้ภายในปี 2559 โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ (ฟลีตอะบิลิตีสตัดดี้) พอเป็นรูปเป็นร่างอนุมัติเป็นกรอบวงเงิน จากนั้นจะทำดีเทลดีไซน์เหมือนแบบสร้างบ้าน ก่อสร้าง จากนั้นจะเป็นการจัดการเดินรถ ทำเป็นสเต็ป"
อีกเส้นทางที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนักคือรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ล่าสุดญี่ปุ่นแจ้งว่าสนใจ 2 เส้นทางเชื่อมจากทวายมายังแหลมฉบัง จากกาญจนบุรีกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ ระยะทาง 574 กิโลเมตร อนาคตสามารถเชื่อมไปถึงเวียดนาม เป็นรถไฟรางคู่ขนาด 1 เมตรและรถไฟความเร็วสูง (300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กิโลเมตร ซึ่งจะมีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) กันในเดือนพฤษภาคมนี้
ดูเหมือนทุกโครงการจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี รอเพียงแค่รัฐบาลออกแรงเท่านั้น !! |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
|