RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311328
ทั่วไป:13290734
ทั้งหมด:13602062
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 124, 125, 126 ... 149, 150, 151  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44883
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/02/2022 8:10 pm    Post subject: Reply with quote

"ศักดิ์สยาม" ติดตามผลประเมินคุณภาพสถานีรถไฟสายสีแดง ยกระดับมาตรฐานเพื่อปชช.
เผยแพร่: 23 ก.พ. 2565 19:43
ปรับปรุง: 23 ก.พ. 2565 19:43
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รมว.คมนาคม ประชุมติดตามผลการประเมินคุณภาพสถานีรถไฟสายสีแดง เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการขนส่งทางราง เก็บข้อมูลปรับปรุงให้ประชาชนเดินทางได้รวดเร็ว ปลอดภัย ประหยัด ลดค่าครองชีพ

วันนี้ (23ก.พ.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (รวค.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ ครั้งที่ 2/2565 เพื่อติดตามผลการประเมินคุณภาพสถานีรถไฟสายสีแดง เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการขนส่งทางราง และการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงบประมาณ หัวหน้าหน่วยงานและผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้เริ่มเก็บค่าโดยสารรถไฟชานเมืองสายสีแดง
ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 โดยปัจจุบันรถไฟสายสีแดงมียอดผู้โดยสารไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะเส้นทางสายตะวันตก (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) จึงมีการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องและทำการปรับรูปแบบตารางการเดินรถไฟให้มีความเหมาะสมกับปริมาณผู้ใช้บริการและเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยมีรอบความถี่ที่ 20 นาทีต่อขบวนในช่วงเวลาเร่งด่วน (7.00 – 9.30 น. และ 17.00 – 19.30 น.) และรอบความถี่ที่ 30 นาทีต่อขบวนนอกช่วงเวลาเร่งด่วน โดยให้เก็บข้อมูลการให้บริการในทุกมิติ นำมาวิเคราะห์ และบริหารการเดินรถ เพื่อให้รถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นทางเลือกให้กับประชาชนใช้ในการเดินทางมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ปลอดภัย ประหยัด ลดค่าครองชีพ

ที่ประชุมได้รับทราบผลการประเมินคุณภาพสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการขนส่งทางรางตลอดจนระบบการเดินทางเชื่อมต่อและประเมินระดับคุณภาพ โดยผลการประเมินความพร้อมการให้บริการของรถไฟชานเมืองสายสีแดง และความพร้อมสถานีกลางบางซื่อยังอยู่ในเกณฑ์ระดับพอใช้ ซึ่งได้สั่งการให้ รฟท. ดำเนินการปรับปรุง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและสภาพกายภาพ ด้านระบบการให้ข้อมูลและป้ายสัญลักษณ์ ด้านระบบเชื่อมต่อการเดินทาง ด้านความปลอดภัย และด้านการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เช่น แก้ไขปัญหามอเตอร์ไซค์รับจ้างเถื่อน และการบุกรุกพื้นที่ เป็นต้น เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพต่อไป

ที่ประชุมได้รับทราบความพร้อมเข้าสู่ระบบตั๋วร่วมของโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดย พร้อมจะเปิดให้บริการชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV Contactless ได้ภายในเดือนมีนาคม 2565 และรวมถึงกำหนดการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2565 ณ สถานีกลางบางซื่อ

ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ รฟท. เน้นการสร้างความรับรู้ของประชาชน ประชาสัมพันธ์ให้มีความถี่ที่มากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการประชาสัมพันธ์ในเรื่องเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟชานเมืองสายสีแดงเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง เช่น การเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมถึงการพัฒนาระบบ Feeder และการดำเนินการ เชิงรุก เช่น การขยายพื้นที่การจำหน่ายบัตรโดยสารในจุดต่าง ๆ เช่น สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย สถานที่ทำงาน ศูนย์การค้า เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาระบบตั๋วร่วมให้สามารถเชื่อมต่อกับการบริการระบบขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ๆ ให้เป็นรูปธรรมต่อไป และมีข้อสั่งการเพิ่มเติมในการลดผลกระทบจากการเดินรถไฟทางไกลเมื่อเปิดการให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โดยให้สำรวจเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ให้รอบด้านเพื่อเสนอทางเลือกการดำเนินการในกรณีต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบและพิจารณาถึงผลดีและผลเสีย เพื่อที่จะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้านก่อนจะดำเนินการต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42792
Location: NECTEC

PostPosted: 24/02/2022 6:21 pm    Post subject: Reply with quote

ผู้โดยสาร "สีแดง" ยังต่ำเป้า! "ศักดิ์สยาม" สั่งเร่งปรับปรุงบริการ 5 ด้าน-ดีเดย์ มี.ค. 65 ใช้บัตร EMV
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 18:34 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 18:34 น.



“ศักดิ์สยาม” สั่งวิเคราะห์ “รถไฟสีแดง” หลังยอดผู้โดยสารไม่เพิ่ม และต้องปรับลดความถี่สายตลิ่งชัน เร่ง รฟท.ปรับปรุง 5 ด้าน แก้วิน จยย.เถื่อน และบุกรุกพื้นที่ ดีเดย์ มี.ค.ใช้บัตร EMVได้ พร้อมเปิดพื้นที่ "สถานีกลางบางซื่อ" จัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 26 มี.ค.-6 เม.ย. 65

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ ครั้งที่ 2/2565 เพื่อติดตามผลการประเมินคุณภาพสถานีรถไฟสายสีแดง เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการขนส่งทางราง และการดำเนินการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) ว่า รถไฟชานเมืองสายสีแดงได้เริ่มเก็บค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 โดยปัจจุบันรถไฟสายสีแดงมียอดผู้โดยสารไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะเส้นทางสายตะวันตก (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) จึงมีการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องและทำการปรับรูปแบบตารางการเดินรถไฟให้มีความเหมาะสมกับปริมาณผู้ใช้บริการและเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง

โดยมีรอบความถี่ที่ 20 นาทีต่อขบวนในช่วงเวลาเร่งด่วน (07.00-09.30 น. และ 17.00-19.30 น.) และรอบความถี่ที่ 30 นาทีต่อขบวนนอกช่วงเวลาเร่งด่วน ให้เก็บข้อมูลการให้บริการในทุกมิติ นำมาวิเคราะห์ และบริหารการเดินรถ เพื่อให้รถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นทางเลือกให้ประชาชนใช้ในการเดินทางมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ปลอดภัย ประหยัด ลดค่าครองชีพ

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการประเมินคุณภาพสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการขนส่งทางรางตลอดจนระบบการเดินทางเชื่อมต่อและประเมินระดับคุณภาพ โดยผลการประเมินความพร้อมการให้บริการของรถไฟชานเมืองสายสีแดง และความพร้อมสถานีกลางบางซื่อยังอยู่ในเกณฑ์ระดับพอใช้ ซึ่งได้สั่งการให้ รฟท.ดำเนินการปรับปรุง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและสภาพกายภาพ ด้านระบบการให้ข้อมูลและป้ายสัญลักษณ์ ด้านระบบเชื่อมต่อการเดินทาง ด้านความปลอดภัย และด้านการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เช่น แก้ไขปัญหามอเตอร์ไซค์รับจ้างเถื่อน และการบุกรุกพื้นที่ เป็นต้น เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพต่อไป

ที่ประชุมได้รับทราบความพร้อมเข้าสู่ระบบตั๋วร่วมของโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยพร้อมจะเปิดให้บริการชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV Contactless ได้ภายในเดือนมีนาคม 2565 และรวมถึงกำหนดการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายน 2565 ณ สถานีกลางบางซื่อ

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้สั่งการให้ รฟท.เน้นการสร้างความรับรู้ของประชาชน โดยประชาสัมพันธ์ให้มีความถี่ที่มากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการประชาสัมพันธ์ในเรื่องเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟชานเมืองสายสีแดงเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง เช่น การเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมถึงการพัฒนาระบบ Feeder และการดำเนินการเชิงรุก เช่น การขยายพื้นที่การจำหน่ายบัตรโดยสารในจุดต่างๆ เช่น สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย สถานที่ทำงาน ศูนย์การค้า เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาระบบตั๋วร่วมให้สามารถเชื่อมต่อกับการบริการระบบขนส่งสาธารณะประเภทอื่นๆ ให้เป็นรูปธรรมต่อไป และมีข้อสั่งการเพิ่มเติมในการลดผลกระทบจากการเดินรถไฟทางไกลเมื่อเปิดการให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โดยให้สำรวจเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ให้รอบด้านเพื่อเสนอทางเลือกการดำเนินการในกรณีต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบและพิจารณาถึงผลดีและผลเสีย เพื่อที่จะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้านก่อนจะดำเนินการต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า จำนวนผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายสีแดงปัจจุบันเฉลี่ยประมาณ 9,000-10,000 คน/ วัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42792
Location: NECTEC

PostPosted: 25/02/2022 7:48 pm    Post subject: Reply with quote

สำหรับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ใช้ถนนโลคัลโรดใต้รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงเขตดอนเมืองคงจะพบกับปัญหาพื้นผิวถนนขรุขระเป็นคลื่นทำให้ไม่สะดวกในการสัญจรไปมานะครับ…เป็นอีกเรื่องที่คนร้องกันเข้ามาเยอะครับ ทางสำนักงานเขตดอนเมืองจึงได้ประสานการรถไฟแห่งประเทศไทย (เจ้าของพื้นที่) ให้ทำการปรับพื้นผิวจราจรโดยการลอกพื้นเก่าออกแล้วปูด้วยแอสฟัลต์ใหม่เป็นระยะทางร่วมๆ 6 กม.ครับ วันนี้ผมลงตรวจร่วมกับสำนักงานเขตดอนเมืองคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน เม.ย. นะครับ…ช่วงนี้อาจจะไม่สะดวกบ้างเพราะอาจจะต้องปิดถนนบางช่วงบางตอนเพื่อซ่อมแซมนะครับ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ครับ ยังไงจะรีบเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดครับ 🚗🚗🚗 #กรุงเทพฯ จะดีได้ถ้าเราช่วยกันครับ

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=492808585546332&id=100044515832859
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44883
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 27/02/2022 11:37 am    Post subject: Reply with quote

Skywalk เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีชมพู ไอทีสแควร์-รพ.จุฬาภรณ์ (26/2/65)
Feb 27, 2022
vnp story


https://www.youtube.com/watch?v=1r2-NNO3O-s

โครงการก่อสร้างทางเดินเชื่อม รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีหลักสี่-โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ระยะทาง 750 เมตร ความกว้างทางเดินประมาณ 4 เมตร พร้อมลิฟต์สำหรับขนย้ายผู้พิการ 2 จุด วงเงินรวม 238 ล้านบาท สำหรับรูปแบบของสกายวอล์ก มีความยาว 750 เมตร มีความกว้าง 4 เมตร จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีหลักสี่หน้าห้างไอทีสแควร์
เชื่อมต่อสกายวอล์คที่ทำไว้เดิม ซึ่งจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดง สีชมพู ผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และไปสิ้นสุดที่หน้าโรงพยาบาลจุฬาภรณ์

มีจุดขึ้น-ลง 2 จุด บริเวณประตู 3 หน้าโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ประกอบด้วย บันไดหลัก 1 ชุด บันไดเลื่อนขึ้น-ลงอย่างละ 1 ชุด ทางลาดและลิฟต์สำหรับผู้พิการ 1 ชุด สามารถบรรทุกรถกอล์ฟขึ้นลงได้

จุดขึ้น-ลงที่ 2 อยู่ประตู 5 หน้าราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกอบด้วย บันไดหลัก 1 ชุด บันไดเลื่อนขึ้น-ลงอย่างละ 1 ชุด ทางลาดและลิฟต์สำหรับผู้พิการ 1 ชุด มีจุดเปลี่ยนระดับ บริเวณหน้าทางขึ้น-ลงสถานีหลักสี่และหัวมุมถนนกำแพงเพชร 6
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44883
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/03/2022 6:53 am    Post subject: Reply with quote

VLOG] พานั่งรถไฟสายสีแดงเข้ม l การเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไป รังสิต
Mar 1, 2022
Wanwan Studio


https://www.youtube.com/watch?v=kVeCJOX1kFE
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44883
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/03/2022 7:13 pm    Post subject: Reply with quote

4 มีนา ชี้ชะตา “คดีโฮปเวลล์” ศาลฯนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
หน้าแรก การเมือง
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล | 02 มี.ค. 2565 เวลา 15:44 น.

ใกล้จบแล้ว “คดีโฮปเวลล์” ศาลปกครองกลาง เผยแพร่กำหนดนัดพิจารณาคดีวันที่ 4 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น. นัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ระหว่าง กระทรวงคมนาคม กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

วันที่ 2 มี.ค.2565 ศาลปกครองเผยแพร่ กำหนดนัดพิจารณาคดี “คดีโฮปเวลล์” ว่า วันที่ 4 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ 107/2552 คดีหมายเลขแดงที่ 366/2557 ระหว่างกระทรวงคมนาคม ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ร้อง) กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้คัดค้าน) (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา) ณ ห้องพิจารณาคดี 2 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ร้อง) ฟ้องว่า คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดตามข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 70/2551 ได้ยกคำเสนอข้อพิพาทของผู้ร้อง โดยอ้างว่า ผู้ร้องบอกเลิกสัญญากับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามสัญญาสัมปทานระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับในกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์จากที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยไม่ชอบ

ผู้ร้องทั้งสองเห็นว่า คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดไปโดยไม่มีอำนาจ และคำชี้ขาดดังกล่าวเป็นการชี้ขาดเกินขอบเขตแห่งข้อตกลงในการเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการฯ ซึ่งสำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม ได้ส่งสำเนาคำชี้ขาดให้ผู้ร้องทราบตามหนังสือลงวันที่ 28 ตุลาคม 2551 ผู้ร้องทั้งสองจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าว)

คดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง และให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

ผู้ร้องทั้งสองจึงมีหนังสือลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น

ต่อมา ผู้ร้องทั้งสองมีหนังสือลงวันที่ 14 มิถุนายน 2564 และลงวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่และของดการบังคับคดี ศาลปกครองชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 5/2564 กรณีมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545

ที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างว่า เป็นการออกระเบียบโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญซึ่งกรณีดังกล่าว เป็นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขั้นตอนการออกระเบียบของศาลปกครองดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น

และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏอีกว่า ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดในคราวประชุมดังกล่าว มีมติในประเด็นที่จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องระยะเวลาการยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองโดยตรงในคดี อันเป็นเงื่อนไขในการฟ้องคดี การวินิจฉัยว่าคณะอนุญาโตตุลาการรับข้อพิพาทไว้พิจารณาและมีคำวินิจฉัยชี้ขาดนั้น ขัดต่อ บทกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ อันเป็นการวินิจฉัยในส่วนของเนื้อหาคดี

ดังนั้น วัตถุแห่งคดีและข้อกฎหมายอันเป็นการก่อตั้งข้อพิพาทแห่งคดีนี้ จึงแตกต่างไปจากคดีตามมติที่ประชุมใหญ่พิพาท อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า การพิจารณาพิพากษาของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวอ้างในคดีระหว่างผู้ร้องทั้งสองกับบริษัท โฮปเวลล์ฯ เป็นการกระทำทางตุลาการ

อันแสดงให้เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่มีผลผูกพันศาลในคดีนี้ อีกทั้งถือได้ว่าคดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้ว ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ดังนั้น จึงไม่กระทบต่อคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดแล้ว ตามมาตรา 212 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงการชี้ขาดสถานะทางกฎหมายของมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เท่านั้น จึงไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายที่ศาลปกครองสูงสุดใช้ในการวินิจฉัยตีความในคดีดังกล่าว จึงไม่มีผลผูกพันคดีที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่คดีนี้

สำหรับประเด็นที่ผู้ร้องทั้งสองมีคำขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 5/2564 เป็นพยานหลักฐานใหม่ อันมีผลทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ และยังเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ทำให้เห็นว่าศาลปกครองสูงสุดรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด อันเป็นเหตุที่ศาลปกครองต้องพิจารณาคดีนี้ใหม่นั้น

ศาลฯ เห็นว่า เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีขึ้นภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด การที่ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยเป็นการใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดีของศาล และเป็นการตีความกฎหมายของศาล มิใช่เป็นการนำข้อเท็จจริงที่ได้จากคำอุทธรณ์ของผู้คัดค้านมาปรับกับข้อกฎหมายแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าศาลปกครองฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริง ที่ฟังเป็นที่ยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ

ส่วนกรณีที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดหยิบยกเอามติที่ประชุมใหญ่ซึ่งไม่มีสถานะเป็นกฎหมายมาวินิจฉัยอ้างอิงพิจารณาทำคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า มิได้มีข้อบกพร่องในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ข้ออ้างของผู้ร้องทั้งสองจึงเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดีของศาล และการตีความกฎหมายของศาล ไม่ถือเป็นข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนการพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดี ไม่มีความยุติธรรมแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังปรากฏอีกว่า ทั้งคณะอนุญาโตตุลาการและ ศาลปกครองชั้นต้นต่างก็มิได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องวันรู้เหตุแห่งการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ โดยนำแนวทางตามมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 ที่พิพาทมาใช้จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งอีกประการหนึ่งว่า คณะอนุญาโตตุลาการและศาลไม่ผูกพันและไม่จำต้องนำมติที่ประชุมใหญ่ที่พิพาทดังกล่าวมาใช้โดยเคร่งครัดในฐานะระเบียบหรือข้อกฎหมายดังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

แต่เป็นเพียงการใช้ดุลพินิจในการตีความกฎหมาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คำขอพิจารณาคดีใหม่ของผู้ร้องทั้งสองจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้ตามมาตรา ๗๕ วรรคหนึ่ง (1) (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 จึงมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา

ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้องสำหรับการนับระยะเวลาหรืออายุความการฟ้องคดีต่อศาลปกครองสำหรับประเด็นการยื่นข้อเรียกร้องของผู้คัดค้านต่ออนุญาโตตุลาการในคดีนี้ ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คือ ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้คัดค้านรู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี คือ ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2541 ซึ่งเป็นวันที่หนังสือบอกเลิกสัญญาของผู้ร้องทั้งสองไปถึงผู้คัดค้าน มิใช่นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2544 อันเป็นวันที่ศาลปกครองเปิดทำการ ซึ่งผู้ร้องทั้งสองเห็นว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กล่าวอ้างเข้าหลักเกณฑ์และองค์ประกอบการพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 75 (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42792
Location: NECTEC

PostPosted: 02/03/2022 9:49 pm    Post subject: Reply with quote

คืบหน้าซ่อมถนนเลียบทางรถไฟ 4 จุด รฟท.เร่งแผนเสร็จใน มี.ค.นี้
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14:31 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14:31 น.

คืบหน้าล่าสุด รฟท.ซ่อมถนนเลียบทางรถไฟ-กำแพงเพชร 6 ถึงไหนแล้ว
หน้าข่าวทั่วไป
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13:42 น.

รฟท.สั่งเอกชนเร่งซ่อมถนนเลียบทางรถไฟ (กำแพงเพชร 6) คาดแล้วเสร็จมี.ค.นี้ แนะประชาชนผู้จำเป็นผ่านเส้นทางดังกล่าวในช่วงเวลานี้ พร้อมอัพเดตแผนก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง

รฟท.แจ้งคืบหน้าซ่อมถนนเลียบทางรถไฟ (กำแพงเพชร 6) ปิดเบี่ยงจราจร เร่งแก้ลูกคลื่น 4 จุดเสร็จใน มี.ค.นี้ เตือนผู้ใช้เส้นทางเพิ่มความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายแนะนำ

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการซ่อมแซมพื้นผิวถนนเลียบทางรถไฟ (กำแพงเพชร 6) ใต้แนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งมีปัญหาพื้นผิวเป็นลูกคลื่นว่า ขณะนี้ทาง บมจ.อิตาเลียนไทยฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง อยู่ระหว่างการเข้าซ่อมแซม โดยมีการปิดเส้นทางเพื่อดำเนินการ ซึ่งผู้รับผิดชอบโครงการได้จัดทำป้ายเตือน ป้ายปิดเพื่อเบี่ยงทางจราจร และติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างให้เพียงพอ โดยเฉพาะบริเวณจุดกลับรถบริเวณ AOT กับถนนเชิดวุฒากาศ ที่อาจกระทบต่อการสัญจรของประชาชน เนื่องจากมีปริมาณการจราจรค่อนข้างมากในช่วงเช้าและเย็น

ทั้งนี้ การรถไฟฯ ขอให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องสัญจรในเส้นทางดังกล่าว ใช้เส้นทางด้วยความระมัดระวังและสังเกตป้ายเตือนตามที่ได้ติดตั้งไว้เพื่อความปลอดภัยในการใช้ถนน โดยทางการรถไฟฯ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะพยายามดูแลการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

โดยจะทยอยเข้าพื้นที่ดำเนินการซ่อมแซมต่อเนื่อง 4 จุด และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดในเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่

จุดที่ 1 จากบริเวณช่วงสะพานรถยนต์ กม.22+642 จนถึงแยกนายใช้กม.23+800 ตลอด 4 ช่องจราจร ความยาว 1.158 กิโลเมตร โดยจะมีการปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวทั้งหมด พร้อมกับทำการรื้อผิวแอสฟัลต์ (Asphalt) ออก และทำการปรับชั้นทางตลอดแนวให้เรียบเสมอกันก่อนจะคืนผิวแอสฟัลติก (Asphaltic) เพื่อให้สภาพถนนเรียบและสัญจรได้อย่างปลอดภัย

จุดที่ 2 จากบริเวณช่วง สน.ดอนเมืองจนถึงแยกนายใช้ จะซ่อมแซมผิวจราจรตามช่องจราจรเฉพาะจุดที่ปูดนูน เป็นลูกคลื่นให้เรียบ และเปิดผิวจราจร Asphalt และช่องจราจรที่ติดกับเกาะกลางแบริเออร์ ที่มีผิวจราจรทรุดตัว ฝั่ง สน.ดอนเมือง 1 ช่องจราจร เพื่อทำการปรับชั้นทางตลอดแนวเกาะกลาง

จุดที่ 3 บริเวณใต้สถานีดอนเมืองตลอดแนว จะซ่อมแซมผิวจราจรตามช่องจราจรเฉพาะจุดที่ปูดนูนและเป็นลูกคลื่นให้เรียบตลอดแนว และเปิดผิวจราจร Asphalt ด้านที่ติดกับเกาะกลางฝั่ง สน.ดอนเมือง 1 ช่องจราจร เพื่อทำการปรับชั้นทางตลอดแนวเกาะกลาง

จุดที่ 4 จากสถานีการเคหะถึงหน้าสำนักงานเขตดอนเมือง จะซ่อมแซมผิวจราจรตามช่องจราจรตลอดแนวทั้ง 4 ช่องจราจรขาเข้า-ขาออก โดยจะซ่อมแซมเฉพาะจุดที่ปูดนูนให้เรียบ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44883
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/03/2022 6:45 am    Post subject: Reply with quote

RED Line SRTET
3 มี.ค. 2565 06:46 น.
https://www.facebook.com/REDLineSRTET/posts/128077459766405

ขณะนี้รถไฟฟ้าเกิดเหตุขัดข้องที่ สถานีการเคหะ ฝั่งมุ่งหน้าสถานีรังสิต ทำการขนย้ายผู้โดยสารออกจากขบวนรถไฟเป็นที่เรียบร้อย และนำขบวนถัดไปให้บริการ
ส่งผลให้เกิดความล่าช้าประมาณ 10 นาที
ขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42792
Location: NECTEC

PostPosted: 04/03/2022 1:49 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
4 มีนา ชี้ชะตา “คดีโฮปเวลล์” ศาลฯนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
หน้าแรก การเมือง
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15:44 น.


ลุ้น!4มี.ค.นัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด รับ-ไม่รับรื้อ‘คดีโฮปเวลล์’
วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.32 น.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 4 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้ร้อง ยื่นฟ้องบริษัท โฮปเวลล์ (ประ เทศไทย) จำกัด ผู้ถูกร้อง กรณีกระทรวงคมนาคมอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องขอรื้อฟื้นคดีใหม่ไว้พิจารณา




คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้ยกคำร้องของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. และให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องจึงมีหนังสือลงวันที่ 18ก.ค.62 ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา กระทรวงคมนาคม และ รฟท. จึงยื่นคำร้องอุทธรณ์ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น

ADVERTISEMENT


ต่อมากระทรวงคมนาคมและ รฟท. มีหนังสือลงวันที่ 14 มิ.ย.64 และลงวันที่ 16 มิ.ย.64 ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่และของดการบังคับคดี ศาลปกครองชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2564 กรณีมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545เมื่อวันที่ 27 พ.ย.45 ที่กระทรวงคมนาคมและรฟท.อ้างว่า เป็นการออกระเบียบโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรณีดังกล่าว เป็นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขั้นตอนการออกระเบียบของศาลปกครองดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏอีกว่า ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดในคราวประชุมดังกล่าวมีมติในประเด็นที่จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องระยะเวลาการยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองโดยตรงในคดี อันเป็นเงื่อนไขในการฟ้องคดี การวินิจฉัยว่าคณะอนุญาโตตุลาการรับข้อพิพาทไว้พิจารณาและมีคำวินิจฉัยชี้ขาดนั้น ขัดต่อบทกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ อันเป็นการวินิจฉัยในส่วนของเนื้อหาคดี



ดังนั้น วัตถุแห่งคดีและข้อกฎหมายอันเป็นการก่อตั้งข้อพิพาทแห่งคดีนี้ จึงแตกต่างไปจากคดีตามมติที่ประชุมใหญ่พิพาท อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า การพิจารณาพิพากษาของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวอ้างในคดีระหว่างกระทรวงคมนาคมและรฟท.กับบริษัท โฮปเวลล์ฯ เป็นการกระทำทางตุลาการ อันแสดงให้เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่มีผลผูกพันศาลในคดีนี้ รวมทั้งถือได้ว่าคดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้ว ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย จึงไม่กระทบต่อคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดแล้ว ตามมาตรา 212 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ ประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงการชี้ขาดสถานะทางกฎหมายของมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เท่านั้น จึงไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายที่ศาลปกครองสูงสุดใช้ในการวินิจฉัยตีความในคดีดังกล่าว จึงไม่มีผลผูกพันคดีที่กระทรวงคมนาคมและรฟท.ยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่คดีนี้

สำหรับประเด็นที่กระทรวงคมนาคมและรฟท.มีคำขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 เป็นพยานหลักฐานใหม่ อันมีผลทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ และยังเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ทำให้เห็นว่าศาลปกครองสูงสุดรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด อันเป็นเหตุที่ศาลปกครองต้องพิจารณาคดีนี้ใหม่นั้น ศาลฯเห็นว่า เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีขึ้นภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด การที่ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยเป็นการใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดีของศาล และเป็นการตีความกฎหมายของศาล มิใช่เป็นการนำข้อเท็จจริงที่ได้จากคำอุทธรณ์ของผู้คัดค้านมาปรับกับข้อกฎหมายแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าศาลปกครองฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นที่ยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ



ส่วนกรณีที่กระทรวงคมนาคมและรฟท.อ้างว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดหยิบยกเอามติที่ประชุมใหญ่ซึ่งไม่มีสถานะเป็นกฎหมายมาวินิจฉัยอ้างอิงพิจารณาทำคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า มิได้มีข้อบกพร่องในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ข้ออ้างของผู้ร้องทั้งสองจึงเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดีของศาล และการตีความกฎหมายของศาล ไม่ถือเป็นข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนการพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรมแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังปรากฏอีกว่า ทั้งคณะอนุญาโตตุลาการแลศาลปกครองชั้นต้นต่างก็มิได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องวันรู้เหตุแห่งการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ โดยนำแนวทางตามมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 ที่พิพาทมาใช้จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งอีกว่า คณะอนุญาโตตุลาการและศาลไม่ผูกพันและไม่จำต้องนำมติที่ประชุมใหญ่ที่พิพาทดังกล่าวมาใช้โดยเคร่งครัดในฐานะระเบียบหรือข้อกฎหมายดังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพียงการใช้ดุลพินิจในการตีความกฎหมาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คำขอพิจารณาคดีใหม่ของผู้ร้องทั้งสองจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) (3) และ (4) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 จึงมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา



กระทรวงคมนาคมและรฟท.ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้องสำหรับการนับระยะเวลาหรืออายุความการฟ้องคดีต่อศาลปกครองสำหรับประเด็นการยื่นข้อเรียกร้องของผู้คัดค้านต่ออนุญาโตตุลาการในคดีนี้ ตามมาตรา 51 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คือ ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้คัดค้านรู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี คือ ตั้งแต่วันที่ 30ม.ค. 2541ซึ่งเป็นวันที่หนังสือบอกเลิกสัญญาของผู้ร้องทั้งสองไปถึงผู้คัดค้าน มิใช่นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2544 อันเป็นวันที่ศาลปกครองเปิดทำการ ซึ่งกระทรวงคมนาคมและรฟท.เห็นว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กล่าวอ้างเข้าหลักเกณฑ์และองค์ประกอบการพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 75 (4) พ.ร.บ.บัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44883
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/03/2022 2:56 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ลุ้น!4มี.ค.นัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด รับ-ไม่รับรื้อ‘คดีโฮปเวลล์’
วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.32 น.

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งรับคำขอพิจารณาใหม่"คดีโฮปเวลล์"
บ้านเมือง วันศุกร์ ที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2565, 14.45 น.

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2565 ศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีคำร้องที่ 394 - 396/2564 ระหว่าง กระทรวงคมนาคม ผู้ร้องที่ 1 และ การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ร้องที่ 2 กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้าน อันเป็นคดีที่กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย อุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ไว้พิจารณา โดยอ้างว่าการนับระยะเวลาหรืออายุความในการยื่นข้อเรียกร้องของบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่ออนุญาโตตุลาการในคดีนี้ ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี คือ ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2541 ซึ่งเป็นวันที่หนังสือบอกเลิกสัญญาของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ไปถึงบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด มิใช่นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2544 อันเป็นวันที่ศาลปกครองเปิดทำการ

ซึ่งกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย เห็นว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กล่าวอ้างเข้าหลักเกณฑ์และองค์ประกอบการพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 75 (1) (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

กรณีในคดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง ที่ อ. 221- 223/2562ให้ยกคำร้องของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการและบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าตอบแทนตามสัญญาสัมปทาน จำนวน 2,850,000,000บาท คืนหนังสือค้ำประกัน และค่าธรรมเนียมการออกหนังสือค้ำประกัน จำนวน 38,749,800 บาท กับเงินที่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ใช้ในการก่อสร้างโครงการ จำนวน 9,000,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า แม้ว่าที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเคยมีมติในคราวประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545ว่า "ในกรณีที่เหตุแห่งการฟ้องคดีเกิดขึ้นก่อนศาลปกครองเปิดทำการ แต่ผู้ฟ้องคดีมิได้นำคดีไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาในขณะนั้น ต่อมา หลังจากที่ศาลปกครองเปิดทำการ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2544 แล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง โดยขณะที่ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง อายุความฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมยังไม่ครบกำหนด แต่การนำคดีดังกล่าวมาฟ้องต่อศาลปกครองนั้น จะเป็นการฟ้องคดีปกครองเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการฟ้องคดี ตามมาตรา 49 มาตรา 50 หรือมาตรา51แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แล้วแต่กรณี ในกรณีเช่นนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้เริ่มนับระยะเวลาการฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2544 ซึ่งเป็นวันที่ศาลปกครองเปิดทำการเป็นต้นไป" ก็ตาม

ต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาคดีนี้ โดยวินิจฉัยว่า บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด รู้ว่ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2541อันเป็นวันที่ได้รับหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาจากกระทรวงคมนาคม เมื่อสัญญาระหว่างคู่พิพาทไม่ได้กำหนดเรื่องระยะเวลาการเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการไว้โดยเฉพาะ การเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ จึงกระทำได้ภายในอายุความการฟ้องคดีต่อศาล เมื่อข้อพิพาทได้เกิดขึ้นก่อนที่ศาลปกครองเปิดทำการ การนับอายุความการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มีนาคม 2544 เมื่อบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 อันเป็นการยื่นภายในกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญา ข้อพิพาทนี้จึงเป็นข้อพิพาทที่เสนอต่อคณะอนุญาโตตุลาการภายในระยะเวลาโดยชอบแล้ว

จากคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว เห็นได้ว่า เป็นกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาโดยอาศัยข้อกฎหมายกรณีการเริ่มนับระยะเวลาการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ โดยไม่ได้เริ่มนับระยะเวลาการฟ้องคดีตั้งแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แต่เริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการเมื่อวันที่ 9มีนาคม 2544 แม้ว่าคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวจะไม่ได้ระบุถึงมติที่ประชุมใหญ่ฯ ดังกล่าวโดยตรง แต่ก็เริ่มนับระยะเวลาการฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการตามที่กำหนดในมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545

ต่อมาผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยว่า มติของที่ประชุมใหญ่ฯ ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ฯ เกี่ยวกับการเริ่มนับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองดังกล่าว ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และโดยที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา 211 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ดังนั้น การที่ศาลปกครองสูงสุดในคดีดังกล่าวมีคำพิพากษา โดยเริ่มนับระยะเวลาการฟ้องคดีตามแนวทางที่กำหนดโดยมติที่ประชุมใหญ่ฯ แล้วต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามติที่ประชุมใหญ่ฯ ดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงเป็นกรณีที่ข้อกฎหมายที่ศาลปกครองสูงสุดใช้ในการทำคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงชอบที่จะขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ได้ ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

แม้ว่ามาตรา 212 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จะบัญญัติไว้ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ใช้ได้ในคดีทั้งปวง แต่ไม่กระทบต่อคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดแล้ว เว้นแต่ในคดีอาญา ให้ถือว่าผู้ซึ่งเคยถูกศาลพิพากษาว่ากระทำความผิดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยมาตรา 5 นั้น เป็นผู้ไม่เคยกระทำความผิดดังกล่าว หรือถ้าผู้นั้นยังรับโทษอยู่ก็ให้ปล่อยตัวไป แต่ทั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะเรียกร้องค่าชดเชยหรือค่าเสียหายใดๆ ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญข้างต้น คงมีความหมายแต่เพียงว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า บทบัญญัติใดของกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ไม่มีผลทำให้คำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุดแล้วซึ่งทำขึ้นโดยอาศัยบทบัญญัติของกฎหมายนั้น เป็นคำพิพากษาที่ใช้บังคับมิได้หรือต้องสิ้นผลบังคับผูกพันลงเท่านั้น

ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2564 ลงวันที่ 17มีนาคม 2564 ที่วินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีผลทำให้คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 410 - 412/2557 หมายเลขแดงที่ อ. 221 - 223/2562ซึ่งทำขึ้นโดยอาศัยมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ใช้บังคับมิได้หรือต้องสิ้นผลบังคับผูกพันลง บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญข้างต้น มิได้มีผลเป็นการห้ามมิให้คู่กรณีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในคดีตามคำพิพากษาศาลปกครองคดีหมายเลขดำที่ อ. 410 - 412/2557หมายเลขแดงที่ อ.221- 223/2562 นำผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2564 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2564 มาใช้เป็นข้ออ้างในการขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีนี้ใหม่ ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542แต่อย่างใด

ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ไว้พิจารณา
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 124, 125, 126 ... 149, 150, 151  Next
Page 125 of 151

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©