RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311328
ทั่วไป:13290290
ทั้งหมด:13601618
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 34, 35, 36 ... 149, 150, 151  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
mone
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 04/02/2009
Posts: 76

PostPosted: 14/04/2015 9:51 am    Post subject: Reply with quote

“สิทธิทางเท้า” กับ “รั้วกั้นอัปยศ”
ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นของ “สถานีรถไฟฟ้าหลักหก”

โมน สวัสดิ์ศรี

จะเรียกว่าเป็น “ความสำเร็จ” ก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก สำหรับโครงการรถไฟฟ้าหลากสีที่กำลังก่อสร้างอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
รวมถึงโครงการ “รถไฟฟ้าสายสีแดง” ในสังกัดการรถไฟแห่งประเทศไทย
โดยเฉพาะในส่วนของสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต ซึ่งกำลังจะมีโอกาสเปิดเดินรถเต็มรูปแบบ หลังจากสถานีรถไฟฟ้า 2 แห่งที่เคยถูกกำหนดให้เป็น “สถานีในอนาคต” ได้แก่ “สถานีวัดเสมียนนารี” และ “สถานีหลักหก” ถูกเร่งรัดให้เปิดใช้ได้พร้อมกับทุกสถานี หลังจากกระทรวงคมนาคมสั่งปรับแก้ระบบการเดินรถจาก 3 ทางเป็น 4 ทางเพื่อแยกระบบรถไฟธรรมดาออกจากระบบรถไฟฟ้า อีกทั้งยังพ่วงของแถมด้วยการปรับแบบเพื่อรองรับ “รถไฟขนาดรางมาตรฐาน” สำหรับรถไฟความเร็วปานกลางในอนาคต
แต่ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดจะเป็นผู้ปรับแบบหรือกำหนดรายละเอียด หลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับมองเห็นเค้าลางแห่งความล้มเหลวที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะที่ “สถานีรถไฟฟ้าหลักหก”

ถ้าจะพิเคราะห์โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มทั้งเส้นทาง ย่อมพบว่าทั้งหมดเป็นรถไฟฟ้าขนาดราง 1 เมตร ก่อสร้างอยู่ด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟเดิม โดยตั้งแต่สถานีกลางบางซื่อจนถึงสถานีดอนเมืองจะเป็นทางรถไฟฟ้ายกระดับ
แต่หลังจากสถานีดอนเมืองจนถึงปลายทางสถานีรังสิต ผู้ออกแบบได้ย้ายแนวรางรถไฟฟ้าไปด้านฝั่งตะวันออก ก่อนจะลดระดับลงจนกลายเป็นรถไฟฟ้าระดับดิน คู่ขนานกับทางรถไฟเดิมไปจนจรดสถานีรังสิต
เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ “สถานีหลักหก” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสถานีดอนเมืองกับสถานีรังสิตจะกลายเป็น “สถานีระดับดิน” ไปโดยปริยาย
รูปแบบดังกล่าวมิใช่เรื่องประหลาด เพราะ “สถานีบางบำหรุ” และ “สถานีตลิ่งชัน” ในสังกัดรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ก็เป็นสถานีระดับดินเหมือนกัน เพียงแต่หลักหกเป็นสถานีที่มีขนาดเล็กกว่ากันมาก
แต่ปัญหาของสถานีหลักหกไม่ใช่เรื่องขนาดหรือที่ตั้ง ทว่าเกิดจากการ “กั้นรั้ว” อันเนื่องมาจากถูกกำหนดให้ “วิ่งบนดิน”

ในความเป็นจริงแล้ว การกั้นรั้วสองข้างทางรถไฟฟ้าระดับดินเป็นเรื่องที่ดี เพราะความถี่ของการเดินรถไม่เหมาะสมที่จะมีคนเดินข้ามผ่านหรือมีทางลักผ่านบนทางรถไฟฟ้า อีกทั้งป้องกันผู้บุกรุกที่อาจถือโอกาสปลูกโรงเรือนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นการเว้นพื้นที่ก่อสร้างตอหม้อสำหรับทางรถไฟขนาดรางมาตรฐานในอนาคต
หากแต่ “ปัญหา” ที่เกิดจากการกั้นรั้วจริงๆ ก็คือ “การออกแบบ” ที่กำหนดให้สร้างแนวรั้วชิดเขตรถไฟโดยเฉพาะด้านทิศตะวันออก
ทำให้หลายชุมชนไม่สามารถใช้เป็น “ทางออก” ไปสู่โลกภายนอกได้
เชื่อหรือไม่ว่า ปัญหาดังกล่าวลากยาวมาตั้งแต่บริเวณสะพานเกษมอุดมพันธุ์ใกล้หมู้บ้านแกรนด์ คาแนล เรื่อยมาจนถึงสถานีหลักหก กระทั่งถึงใจกลางของปัญหาก็คือด้านเหนือฝั่งตะวันออกของสถานีรถไฟฟ้าหลักหก (บริเวณหลังหมู่บ้านปรีชา) ถือเป็นจุดที่ชาวบ้านเดือดร้อนที่สุด
เนื่องจาก “รั้วกั้น” ส่งผลให้ที่ดินริมทางรถไฟฟ้าแถบแถวนั้น แทนที่จะได้รับการพัฒนาในฐานะที่อยู่ “ใกล้เขตสถานี” กลับกลายสภาพเป็น “ที่ตาบอด” ไปในบัดดล
แม้กระทั่งผู้คนที่อาศัยในบริเวณดังกล่าวที่ต้องการ “เดินเท้า” ไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากติดรั้วกั้น
ยิ่งชาวบ้านที่มียานพาหนะส่วนบุคคล หลายคนกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อทราบข่าวว่าจะมีการกั้นรั้ว

ซ้ำถัดจากด้านเหนือของสถานีหลักหกไปเพียง 500 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ชุมชนหน้าวัดรังสิต” การรถไฟฯ ก็ไม่มีการนโยบายที่จะสร้าง “สะพานลอยข้ามทางรถไฟฟ้า” แต่อย่างใดทั้งๆ ที่เป็นชุมชนเก่าแก่นับร้อยปี อายุอานามของชุมชนแห่งนี้มีมาก่อนที่ “วัดทะเลสาป” จะเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดรังสิต” มีมาก่อนที่ “จังหวัดธัญญบุรี” จะแปรสภาพเป็น “จังหวัดปทุมธานี” ด้วยซ้ำ
ไม่ต้องย้อนกลับไปเป็นร้อยปีก็ได้ เอาแค่ในปัจจุบันนี้ก็จะพบว่า ในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นเป็นที่ตั้งของ “ป้ายหยุดรถไฟคลองรังสิต” โดยทุกวันนี้ก็ยังมีขบวนรถไฟชานเมืองจอดให้บริการมากกว่าป้ายหยุดรถหลักหกซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานีรถไฟฟ้าหลักหก
แต่เมื่อนโยบายการก่อสร้างรถไฟฟ้าแสดงเจตจำนงค์ที่จะยุติบทบาทของป้ายหยุดรถไฟคลองรังสิตลงอย่างถาวร ผู้โดยสารด้านฝั่งตะวันออกที่ใช้บริการป้ายหยุดรถไฟคลองรังสิตซึ่งเคยฝากความหวังไว้ว่าคงจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟ้าที่หลักหกแทน กลับไม่สามารถไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีหลักหกได้
สาเหตุที่ทางเข้า-ออกถูกปิดตายจนกลายเป็นที่ตาบอด สาเหตุที่ชุมชนถูกแบ่งแยกออกจากกันราวกับเมืองอกแตก สาเหตุที่ทำให้ผู้โดยสารรถไฟเดิมไม่อาจเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้า
ทั้งหมดก็เพราะ “รั้วกั้น” นั่นเอง

อันที่จริงแล้ว ปัญหาในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบสองหน่วยงาน ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (เทศบาลนครรังสิต)
เนื่องจากต้องยอมรับว่า ถึงแม้จุดกำเนิดของปัญหาจะมาจาก “รั้วกั้น” ของการรถไฟฯ
แต่อีกส่วนหนึ่งย่อมเกิดจากผังเมือง ผังถนน และการบริหารจัดการที่ดินที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นละเลยมาเป็นเวลานาน อาจเพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกมองว่าไม่สามารถพัฒนาให้เกิดศักยภาพทั้งๆ ที่เป็นชุมชนติดแนวรถไฟฟ้า ทั้งๆ ที่ตรอกซอยในบริเวณดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยซ้ำ ซึ่งเทศบาลนครรังสิตต้องเข้ามาจัดรูปที่ดินใหม่เพื่อให้ชาวชุมชนเข้าถึงถนนหนทางได้อย่างทั่วถึง
กระนั้นก็ตาม การรถไฟแห่งประเทศไทยก็หนีความรับผิดชอบไม่พ้น เนื่องจากทางสัญจรสำหรับเดินเท้าไปขึ้นรถไฟฟ้าถือเป็น “สิทธิขั้นพื้นฐาน” ที่คนไทยทุกคนควรเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน
การออกแบบให้ฝั่งตะวันตกของทางรถไฟฟ้ามีถนนเลียบทางรถไฟ มีฟุตปาธ มีไฟทางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ตรงข้ามกับอีกด้านที่กำหนดให้กั้นรั้วปิดตาย มิให้เข้า-ออกแม้แต่ชาวชุมชนที่ประสงค์จะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า
“หลักหก” จะเป็นสถานีที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

ต่อให้อ้างว่า การก่อสร้างทางรถไฟฟ้าและโครงการทางรถไฟขนาดรางมาตรฐานในอนาคต กินพื้นที่จนไม่อาจสร้างทางเท้าควบคู่ไปด้วยกันได้ก็คงจะ “ฟังไม่ขึ้น” เพราะการสัญจรสำหรับ “ทางเท้า” ไม่ได้ใช้พื้นที่ถึงขนาดจะทำให้ไม่สามารถทำทางเดินสั้นๆ เลาะเลียบรั้วกั้นไปยังสถานีได้
ในทางตรงข้าม หากปล่อยให้ปัญหานี้ยังดำรงอยู่ ไม่เพียงจะทำให้จุดประสงค์ของการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าขาดความสมบูรณ์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย
การขาดความใส่ใจแก่ผังเมืองโดยรวม จึงเป็นปัญหาร้ายแรงพอๆ กับความเข้าใจผิดที่ว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” หมายถึงรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง หรือถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ทั้งๆ ที่ความหมายที่แท้จริงของคำว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” ก็คือทางเท้า ทางเดิน และสิ่งอำนวยความสะดวกในระดับพื้นฐานที่พลเมืองไทยทุกคนควรได้รับ มิใช่หมายถึงการก่อสร้างระบบคมนาคมขนาดใหญ่เพื่อผลกำไรของกลุ่มคนไม่กี่คน กลุ่มทุนไม่กี่กลุ่มเพียงเท่านั้น
ปัญหารั้วกั้นด้านทิศตะวันออกบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหลักหก จึงเป็น “ตัวอย่าง” ของความผิดพลาดจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่
จนอดคิดไม่ได้ว่าหากภาครัฐดำเนินการเว้นพื้นที่ไว้สำหรับก่อสร้างทางรถไฟขนาดรางมาตรฐานไปทั่วประเทศ จะเกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันมากมายขนาดไหน และการพัฒนาระบบรางกับสิทธิขั้นพื้นฐานจะดำเนินการควบคู่กันได้หรือไม่
นับเป็นประเด็นปัญหาที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

***พิมพ์ครั้งแรก มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10-16 เมษายน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 1808-ต้อนรับวันสงกรานต์ หน้าปก "จันทระปะ โอชะ") หน้า 85
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44877
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/04/2015 3:51 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.เริ่มทุบสะพานเกษมอุดมพันธ์รองรับรถไฟสายสีแดง 25 เม.ย.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 เมษายน 2558 14:55 น.

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม จะดำเนินการทุบสะพานเกษมอุดมพันธ์ ซึ่งเป็นสะพานข้ามทางรถไฟเชื่อมชุมชนเปรมประชากร ไปยังถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณซอยวิภาวดี 33 เพื่อรองรับรถไฟฟ้า สายสีแดง ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 25 เมษายนนี้ เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ทาง รฟท.ต้องขออภัยในความไม่สะดวกกับประชาชนที่สัญจรไป-มาบนถนนสายดังกล่าวด้วย โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลและรับเรื่องร้องเรียนของโครงการ สำนักงานโครงการ โทร 02-159-8440-43 หรือ www.bangsue-rangsitredline.com
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44877
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/05/2015 11:52 am    Post subject: Reply with quote

โกลาหล! เครนล้มทับรถ เจ็บ 1 ขวางรางรถไฟที่ดอนเมือง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 พ.ค. 2558 10:18

Click on the image for full size

เครนก่อสร้างอิตัล-ไทย ล้มทับรถ 2 คันหน้าสถานีรถไฟดอนเมือง คนขับบาดเจ็บ 1 ราย เกิดโกลาหลเมื่อตัวเครนขวางรางรถไฟทั้งขาเข้าและขาออก ไม่สามารถเดินรถได้ ต้องระดมกู้ออกอย่างเร่งด่วน...

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 4 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุเครนก่อสร้างบริเวณถนนกำแพงเพชร โลคัลโรด ข้างสถานีรถไฟดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. ล้มลงมา ตัวเครนฟาดลงบนถนน และทับรถ 2 คัน โดยคันหนึ่งมีคนติดอยู่ในรถด้วย

Click on the image for full size

จากการตรวจสอบในเวลาต่อมา พบว่ารถที่คันเสียหาย เป็นรถกระบะมิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน 2 กถ 7949 กรุงเทพฯ ถูกเครนฟาดเข้าตรงห้องโดยสารพอดี และรถเก๋งโตโยต้า วีออส ทะเบียน ชฟ 2455 กรุงเทพฯ ภายในรถกระบะมีผู้บาดเจ็บเป็นผู้ชาย 1 ราย มีอาการที่สันหลังและใบหน้า เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือนำตัวออกจากรถมาปฐมพยาบาล ก่อนนำส่ง รพ.ภูมิพล ส่วนคนในรถเก๋งไม่ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเครนล้มฟาดบริเวณห้องเครื่องยนต์ด้านหน้า

Click on the image for full size

นอกจากนี้ ขาเครนที่มีความยาว ยังล้มพาดขวางรางรถไฟบริเวณสถานีดอนเมือง ทั้งเข้าและขาออก ทำให้ไม่สามารถเดินรถได้ รถไฟที่จะเข้า และออกจากกรุงเทพฯ ต้องจอดรอที่สถานีใกล้เคียง โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัท อิตาเลียน-ไทย เจ้าของเครน กำลังระดมคนงานเข้ามายกเครน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะสามารถเปิดการเดินรถได้

ส่วนเครนที่เกิดอุบัติเหตุ สภาพฐานด้านหน้ากดจมลงในดิน ส่วนฐานเครนด้านหลังลอยขึ้น ลักษณะเป็นการล้มคว่ำลงมา ซึ่งรายละเอียดจะรายงานให้ทราบต่อไป

ล่าสุด มีรายงานจากการรถไฟฯ ว่า เหตุครั้งนี้ ทำให้ขบวนรถโดยสาร ขบวนที่ 9 (กรุงเทพ - เชียงใหม่) รอเปิดทางอยู่ที่สถานีบางเขน ขบวน 75 (กรุงเทพ - อุดรธานี) รออยู่ที่สถานีหลักสี่ ขบวน 201 (กรุงเทพ - พิษณุโลก) รอที่บางซื่อ และขบวน 208 (กรุงเทพ - นครสวรรค์) รอที่ดอนเมือง ซึ่งการรถไฟฯ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย รายละเอียดสอบถามได้ที่ สายด่วน 1690

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42789
Location: NECTEC

PostPosted: 06/05/2015 1:40 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
โกลาหล! เครนล้มทับรถ เจ็บ 1 ขวางรางรถไฟที่ดอนเมือง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 พ.ค. 2558 10:18


เวอร์ชัน ASTV:


ระทึก! เครนก่อสร้างล้มทับเก๋งใกล้สถานีรถไฟดอนเมือง พัง 2 คัน บาดเจ็บ 1
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 พฤษภาคม 2558 10:43 น. (แก้ไขล่าสุด 4 พฤษภาคม 2558 12:30 น.)



เกิดเหตุรถเครนขนาดใหญ่ 15 เมตร ล้มทับรถยนต์ในลานจอดรถสถานีรถไฟดอนเมือง เสียหายหนัก 2 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน จนท. นำตัวส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้าน ร.ฟ.ท. เผยจะสามารถเคลื่อนย้ายเครนและเปิดการจราจรได้ในเวลา 11.00 น.

วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 8.40 น. เกิดเหตุเครนขนาดใหญ่ ล้มทับรถยนต์ส่วนบุคคล บริเวณลานจอดรถของสถานีรถไฟดอนเมือง ถนนกำแพงเพชร 6 แขวง - เขตดอนเมือง โดยที่เกิดเหตุมีรถเครนขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15 เมตร ซึ่งกำลังก่อสร้างบริเวณโลคัลโร้ด เกิดล้มทับรถยนต์เก๋ง รถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีบรอนซ์เทา 2กถ 7949 กทม. กรุงเทพมหานคร โดยเครนได้ล้มมาทับบริเวณหลังคารถ ส่งผลให้ผู้ขับขี่ คือ นายฐาณุพงศ์ ภู่เจริญธัญวัฒน์ อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณแผ่นหลัง เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ เครนยังได้ทับ รถยนต์เก๋ง โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง เลขทะเบียน ชพ 2455 กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายอีกคันด้วย ซึ่งจากเหตุดังกล่าวส่งผลให้การจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตติดขัดอย่างหนัก

ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า ขณะนี้รถไฟไม่สามารถวิ่งผ่านได้เนื่องจากเครนล้มทับรางรถไฟ และจะสามารถเคลื่อนย้ายเครนและทำการเปิดใช้การจราจรได้ปกติ คาดสามารถเปิดทางได้เวลา 11.00 น. โดยมีรถไฟ 3 ขบวนต้องจอดรอเปิดทางในสถานี้ต่างๆ ดังนี้ ขบวน 75 กรุงเทพ - อุดรธานี จอดรออยู่ในสถานี้หลักสี่, ขบวน 9 กรุงเทพ - เชียงใหม่ จอดรอที่สถานีบางเขน และ ขบวน นครสวรรค์ - กรุงเทพ จอดรออยู่ที่สถานีดอนเมือง สำหรับขบวนสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือขบวนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ออกจากต้นทางกรุงเทพ ได้กักไว้ที่สถานีกรุงเทพไว้ก่อนจนกว่าจะแก้ไขสถานการณ์แล้วเสร็จ สามารถติดต่อสอบทางได้ทางเบอร์ 1690
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=MiGyxgh9qpE
//----------------------------------------

จนท.เคลียร์เครนที่ล้มขวางทางรถไฟแล้ว เปิดเดินรถไฟได้ปกติ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 พฤษภาคม 2558 10:51 น.

จากกรณีที่เกิดเหตุเครนล้มขวางทางรถไฟช่วงสถานีหลักสี่-ดอนเมือง ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่บริษัท อิตาเลียนไทย ยกเครนล้มขวางรางรถไฟที่สถานีดอนเมืองแล้วเสร็จ และสามารถเปิดเดินรถไฟได้ตามปกติแล้ว
//------------------------
เคลียร์แล้ว! เครนล้มทับเก๋งเละ ขวางทางรถไฟย่านดอนเมือง เจ็บ 1 ราย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 พฤษภาคม 2558 12:21 น. (แก้ไขล่าสุด 4 พฤษภาคม 2558 12:44 น.)

เมื่อเวลาประมาณ 08.40 น.เกิดเหตุเครนของบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ล้มขวางทางรถไฟ ระหว่างสถานีหลักสี่-ดอนเมือง เหตุดังกล่าวทำให้ขบวน 9 (กรุงเทพ-เชียงใหม่) รอเปิดทางอยู่ที่บางเขน ขบวน75 (กรุงทเพฯ – อุดรธานี) รออยู่ที่หลักสี่ ขบวน 201 (กรุงเทพฯ-พิษณุโลก) รอที่สถานีบางซื่อ และขบวน 208 (กรุงเทพฯ -นครสวรรค์) รอที่ดอนเมือง

โดยที่เกิดเหตุเป็นบริเวณลานจอดรถยนต์ของสถานีรถไฟดอนเมือง มีรถเครนขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15 เมตร ซึ่งกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเกิดล้มทับรถยนต์เก๋ง มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีน้ำตาล ทะเบียน 2 กถ 7949 กรุงเทพมหานคร โดยเครนได้ล้มมาทับบริเวณหลังคารถ ส่งผลให้ผู้ขับขี่ คือนายฐานุพงศ์ เจริญธัญวัฒน์ อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณแผ่นหลัง เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

นอกจากนั้นเครนยังได้ทับ รถยนต์เก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง เลขทะเบียน ชพ 2455 กรุงเทพ ได้รับความเสียหายอีกคันด้วย ซึ่งจากเหตุดังกล่าวส่งผลให้การจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตติดขัดอย่างหนัก

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่บริษัท อิตาเลียนไทย ยกเครนล้มขวางรางรถไฟที่สถานีดอนเมืองแล้วเสร็จ และสามารถเปิดเดินรถไฟได้ตามปกติแล้ว

//----------------

รถเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ล้มทับเก๋งปาเจโร่ คนขับเจ็บ 1 ราย


โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
4 พฤษภาคม 2558 12:54 น. (แก้ไขล่าสุด 4 พฤษภาคม 2558 14:06 น.)



อุบัติเหตุเครนก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ - รังสิต ล้มทับรถเก๋งปาเจโร่ และ โตโยต้าวีออส ทำให้คนขับบาดเจ็บ 1 ราย แต่โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต

เมื่อเวลา 08.45 น. วันนี้ (4 พ.ค.) ร.ต.ท.อนันต์ เหมือนเพชร พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุเครนก่อสร้างล้มทับรถยนต์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณสถานที่ก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ - รังสิต ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ที่เกิดเหตุติดกับสถานีรถไฟดอนเมือง พบรถเครนของบริษัท อิตาเลียนไทย ล้มพลิกตะแคง แขนของเครนล้มคร่อมทางรถไฟไปทับรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สปอร์ต สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน 2กถ-7949 กทม. ซึ่งจอดอยู่ริมกำแพงรั้วเหล็กข้างถนนวิภาวดีรังสิต ถูกแขนของเครนทับบริเวณหลังคาตรงคนขับ จนหลังคายุบลงไปถึงเบาะนั่งขับ

ภายในรถยนต์พบผู้ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก และเจ็บบริเวณแผ่นหลัง ทราบชื่อ คือ นายฐาณุพงศ์ ภู่เจริญธัญวัฒน์ อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องตน ก่อนนำส่งโรงพยาบาลวิภาราม ปากเกร็ด เพื่อรักษาตัว ใกล้กันพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ชพ-2455 กทม. ถูกปลายของแขนเครนล้มทับบริเวณกระโปรงหน้ารถเก๋งของ น.ส.ศิริกาญจนา นันทสูรณ์ อายุ 35 ปี แต่โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้นำรถเครนอีกคันมายกรถเครนคันเกิดเหตุขึ้น เพื่อเปิดเส้นทางรถไฟให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

จากการสอบถาม นายต้นตระการ วงษ์ภักดี อายุ 34 ปี ลูกจ้างชั่วคราวของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งประจำอยู่สถานีรถไฟดอนเมือง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนนั่งอยู่ภายในห้องพักของเจ้าหน้าที่ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้น 2 ครั้ง จึงรีบวิ่งออกมาดูก็พบว่าเครนล้มและแขนของเครนทับรถเก๋งอยู่ จากนั้นตนก็เห็นคนขับรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ ใช้เท้าถีบประตูให้แง้มออกมาและเขย่าขาไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือ จึงรีบไปตามคนงานที่ก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าให้มาช่วยกันงัดประตูออก พบว่า คนเจ็บนอนหงายอยู่บนเบาะถูกหลังคารถกดทับบริเวณใบหน้าและศีรษะ จากการสอบถามทราบว่า ผู้บาดเจ็บได้นำรถมาจอดเพื่อรอรับญาติ แล้วปรับเบาะนอนรออยู่บริเวณนั้น

สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ห้ามจอดเพราะอยู่ในเขตก่อสร้าง แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืนนำเข้ามาจอด บางคนมาจอดรอรับญาติบ้าง หรือบางคนนำมาจอดทิ้งไว้แล้วไปทำงาน ที่ผ่านมา ก็ได้นำกรวยมาวางกั้น แต่ก็ยังมีคนนำรถมาจอดกันอีกกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนงานของบริษัท อิตาเลียนไทย ได้นำรถเครนมาตั้งขายัน เพื่อค้ำรถแล้วยื่นแขนของเครนออกไปยกแผ่นฟอร์มเวิร์ก เพื่อนำไปใช้งานสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ - รังสิต ระหว่างขาค้ำยันของเครนเกิดยุบลงไปในดิน จนแขนของเครนล้มทับไปฟาดรถยนต์ที่จอดอยู่ดังกล่าว ส่วนคนขับรถเครนอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำก่อนดำเนินการต่อไป

//-----------------------

ผอ.วิจัยสังคม จุฬาฯ จ่อแปรญัตติ รธน.เพิ่มให้รัฐชดเชยค่าเสียหายจากบริการสาธารณะ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 พฤษภาคม 2558 15:03 น. (แก้ไขล่าสุด 4 พฤษภาคม 2558 17:53 น.)



รองประธาน กมธ.ปฏิรูประบบคุ้มครองผู้บริโภค และ สธ. ชี้ รัฐต้องชดเชยผู้เสียหายเหตุเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าทับที่ดอนเมือง ไม่ต้องรอฟ้องร้อง แล้วค่อยตามไปเก็บจากผู้ก่อเหตุแทน ระบุรัฐธรรมนูญใหม่ ม.295 (5) เขียนชัดให้มีกองทุนเพื่อชดเชยเบื้องต้นแก่ผู้บริโภค แต่เตรียมแปรญัตติใน ม.59 ให้รวมชดเชยความเสียหายจากบริการสาธารณะ และบริการต้องปลอดภัยด้วย

วันนี้ (4 พ.ค.) นายวิทยา กุลสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ รองประธานคณะกรรมาธิการด้านการปฏิรูประบบคุ้มครองผู้บริโภค และ รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปด้านสาธารณสุข ให้ความเห็นกรณีเครนล้มทับรถยนต์ที่ทางรถไฟตรงดอนเมือง ระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ว่า ผู้เสียหายจากกรณีนี้ต้องได้รับความช่วยเหลือและการชดเชยจากรัฐโดยทันที เนื่องจากเป็นการก่อสร้างที่ทำโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐ ต้องไม่รอให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือชดเชยตามมา เพราะแค่นี้ก็เป็นทุกข์จากความเสียหายมากแล้ว ในกฎหมายหลักประกันสุขภาพ มีการชดเชยความเสียหายจากบริการการแพทย์ในทันทีไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด ถือเป็นกลไกตัวอย่างที่ดี เพราะจะบรรเทาทุกข์เบื้องต้นได้ ควรดำเนินการให้มีกลไกรองรับแบบเดียวกันในทุกบริการสาธารณะ ทำให้ลดความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายได้ กรณีเครนมาทับรถยนต์นี้ เมื่อรัฐให้มีการช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายแล้ว อาจจะตามไปเรียกเก็บจากผู้ก่อความเสียหายต่อไป หากรัฐธรรมนูญระบุให้มีกองทุนชดเชยความเสียหายก็จะดี และตอบสนองปัญหาที่ผู้เสียหายได้รับรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอให้ไปฟ้องร้องเป็นทุกข์เพิ่มซ้ำ

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญใหม่ ระบุให้ประชาชนต้องได้รับความคุ้มครองโดยให้มีกองทุนชดเชยความเสียหายตามมาตรา 295 (5) ระบุ ให้หลักประกันด้านความปลอดภัยของสินค้าและบริการ....... และต้องจัดให้มีกองทุนเพื่อชดเชย หรือเยียวยาความเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากสินค้า หรือบริการที่ไม่ปลอดภัย และ ในมาตรา 59 ในฐานะ สปช. ตนจะได้ขอแปรญัตติเพิ่ม เพื่อให้ผู้เสียหายจากบริการสาธารณะได้รับสิทธิในการคุ้มครองความปลอดภัยจากบริการสาธารณะ ทั้งนี้ ตามร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 59 ระบุว่า พลเมืองย่อมมีสิทธิเข้าถึงและได้รับบริการสาธารณะของรัฐที่จัดให้อย่างต่อเนื่อง (มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย) ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน โดยต้องปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ (ผู้เสียหาย จากบริการสาธารณะของรัฐ ต้องได้รับการคุ้มครองและได้รับการชดเชยความเสียหายที่เป็นธรรมไว้ด้วย) แต่ขาดเรื่องความปลอดภัยและการชดเชย ตนจะขอแปรญัตติเพิ่มข้อความในวงเล็บ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42789
Location: NECTEC

PostPosted: 22/05/2015 10:34 pm    Post subject: Reply with quote

สผ.ไฟเขียว EIA สายสีแดงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ ร.ฟ.ท.ชงบอร์ดขอออกแบบต่อขยายถึง จ.อยุธยา


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
19 มีนาคม 2558 17:39 น. (แก้ไขล่าสุด 20 มีนาคม 2558 09:11 น.)



“คมนาคม” เผย สผ.เห็นชอบ EIA รถไฟสายสีแดง (รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์) วงเงิน 6 พันล้าน พร้อมรถไฟฟ้าสีชมพูและสีส้ม เตรียมชงคมนาคมอนุมัติเปิดประมูล ด้าน ร.ฟ.ท.เตรียมชงบอร์ดของบศึกษาออกแบบสีแดงไปถึงอยุธยา ส่วนทางคู่ 5 สายเร่งประมูลในปีนี้ นำร่องจิระ-ขอนแก่น 2.6 หมื่นล้านสายแรกหลัง สศช.ไฟเขียว ส่วนสายแก่งคอย-คลองสิบเก้า 1.1 หมื่นล้านยังติดปม สตง.ติงราคากลาง จ่อต้องเปิดประมูลใหม่

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วันนี้ (19 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) เมื่อวันที่ 18 มีนาคม มีมติเห็นชอบผลศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ระยะทาง 10.3 กม. วงเงิน 6,018 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ ร.ฟ.ท.จะทบทวนรายละเอียดเพื่อเสนอกระทรวงคมนาคมและเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอนต่อไป พร้อมกันนี้ทาง ร.ฟ.ท.จะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.เพื่อขออนุมัติงบประมาณปี 2558 ในการศึกษาและออกแบบส่วนต่อขยายจาก ม.ธรรมศาสตร์รังสิตไปถึง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้เป็นเส้นทางที่ขนส่งผู้โดยสารเข้าออกเมืองได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ สผ.ยังเห็นชอบผลการศึกษา EIA โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 56,691 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) ที่มีการปรับแบบช่วงอุโมงค์แยกบางพลัด

ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่นั้น ล่าสุดคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้อนุมัติรถไฟทางคู่เส้นทางชุมทางจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร วงเงิน 26,007 ล้านบาทแล้ว หลังจากนี้เตรียมเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และ ครม.ตามขั้นตอน คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่ง ร.ฟ.ท.จะต้องเตรียมจัดทำร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) และราคากลางควบคู่ไปด้วยเพื่อเตรียมพร้อมเปิดประกวดราคาหลัง ครม.เห็นชอบ ส่วนรถไฟทางคู่เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 17,293 ล้านบาท เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,038 ล้านบาท เส้นทางมาบกะเบา-โคราช ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,855 ล้านบาท เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,842 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนขออนุมัติ EIA โดยทั้งหมดมีเป้าหมายเปิดประกวดราคาภายในปีนี้

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) 2 เส้นทางที่รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าจะลงทุน คือ กรุงเทพฯ-พัทยา ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ ร.ฟ.ท. และเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) นั้น ได้ทำการศึกษาเบื้องต้นแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และการออกแบบรวมถึงศึกษาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ซึ่งทั้ง ร.ฟ.ท.และ สนข.จะสรุปข้อมูลเบื้องต้นรายงานกระทรวงคมนาคมภายใน 2 สัปดาห์

ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า (Diesel Electric Locomotive) น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา จำนวน 50 คันพร้อมเครื่องอะไหล่ วงเงิน 6,151 ล้านบาทนั้น ร.ฟ.ท.กำลังเร่งสรุปการประกวดราคาเพื่อนำราคามาใช้เป็นเกณฑ์กำหนดทีโออาร์และจำนวนในการจัดซื้อหัวรถจักรล็อตใหม่เป็นการซื้อแทนแผนเดิมที่เป็นการจ้างซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม (Refurbish) จำนวน 56 คัน วงเงิน 3,360 ล้านบาท

10 เม.ย. “ประจิน” เตรียมสรุปแผนตั้งกรมราง

นางสร้อยทิพย์กล่าวถึงการจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางว่า ในวันที่ 10 เมษายนนี้คณะกรรมการชุดที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เป็นประธานจะประชุมเพื่อสรุปขั้นตอนและรายละเอียดทั้งร่างปรับปรุง พ.ร.บ.กระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และ ครม.ต่อไป หลักการจะตั้งกรมรางให้แล้วเสร็จและเริ่มทำงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 โดยหน้าที่หลักคือ กำกับดูแล (Regulator) ร.ฟ.ท.รับผิดชอบการเดินรถและซ่อมบำรุง ส่วนการก่อสร้างนั้นจะต้องแบ่งเป็นเฟส เพราะในช่วงเปลี่ยนผ่าน ร.ฟ.ท.จะต้องก่อสร้างต่อไปก่อน โดยมีบทเฉพาะกาลรองรับ แต่อนาคตหาก ร.ฟ.ท.มีขีดความสามารถอาจจะรับผิดชอบงานก่อสร้างต่อไปก็ได้

สตง.ติงราคากลางทางคู่แก่งคอย-คลองสิบเก้า อาจต้องเปิดประมูลใหม่

ด้านนายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าฯ (โครงสร้างพื้นฐาน 1) ร.ฟ.ท. กล่าวว่า รถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง วงเงิน 11,348.35 ล้านบาทนั้น ล่าสุดสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ส่งหนังสือตอบ ร.ฟ.ท. โดยให้ชี้แจงถึงตัวเลขค่าก่อสร้าง 4 รายการ เนื่องจากมีการคำนวณราคาไม่ตรงกัน ซึ่งนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.จะหารือกับ สตง.เพื่อหาข้อสรุป เนื่องจากเมื่อมีการปรับปรุงราคากลางใหม่ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลง ร.ฟ.ท.จะสามารถเดินหน้าเคาะราคาอี-ออกชันแล้ว โดยมีผู้รับเหมาที่มีสิทธิ์เสนอราคา 6 รายได้ หรือจะต้องมีการเปิดขายซองประมูลใหม่เพราะมีการเปลี่ยนแปลงราคากลาง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42789
Location: NECTEC

PostPosted: 25/05/2015 11:05 am    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.หั่นราคากลางงานระบบสายสีแดงเหลือ 3.05 หมื่นล. เร่งต่อรองเอกชน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 พฤษภาคม 2558 10:38 น.



ร.ฟ.ท.ปรับราคากลาง สายสีแดงสัญญา 3 เหลือ 3.05 หมื่นล. ตามมติครม.”ออมสิน”สั่ง”ผู้ว่าฯร.ฟ.ท.”เรียก”กลุ่มมิตซูบิชิ”เจรจาต่อรอง หลังผลเจรจาล่าสุดเอกชนลดมาอยู่ที่เกือบ 3.3 หมื่นล. ขณะที่ เตรียมประกาศTOR ประมูลทางคู่ฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า – แก่งคอย ต้นมิ.ย.นี้

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประกวดราคาโครงการรถไฟสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน) ว่า ล่าสุดบอร์ดได้มีมติเห็นชอบราคากลางที่ปรับปรุงใหม่เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยราคากลางใหม่อยู่ที่ 30,500ล้านบาท ลดลงจากราคากลางเดิม 27,926 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้เร่งรัดให้นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการฯร.ฟ.ท.เร่งกระบวนการเจรจาต่อรองกับกลุ่มกิจการร่วมค้า MHSC Consortium (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เจรจาต่อรองราคาลงมาต่ำกว่า 3.3 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยให้พยายามเจรจาปรับลดราคาลงมาให้ต่ำที่สุด เท่าที่จะทำได้ ซึ่งหากราคาสุดท้ายยังสูงกว่าราคากลางที่ปรับใหม่ จะต้องมีเหตุผลที่ยอมรับได้ เนื่องจากจะต้องเสนอขอปรับไปที่กระทรวงคมนาคมและครม.อีกครั้ง เพื่อขอปรับเพิ่มวงเงินโครงการ

“การปรับราคากลางใหม่เป็นไปตามตามมติครม.ที่ระบุว่า โครงการใดที่เปิดข้อเสนอราคาก่อนวันที่ 16 ธันวาคม 2557 และยังไม่ได้ลงนามในสัญญา จะต้องปรับปรุงราคากลางใหม่ให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ปรับลดลง โดยก่อนหน้านี้ รถไฟสีแดงสัญญา 3 ติดปัญหาหลายเรื่อง ยังมามีประเด็นปรับราคากลางใหม่อีก ยิ่งทำให้ล่าช้า ผมจะติดตามเรื่องนี้ในการประชุมบอร์ดรถไฟวันที่ 2 มิ.ย.นี้
ว่าหลังจากบอร์ดเห็นชอบราคากลางใหม่ไปแล้ว รถไฟได้ดำเนินการงานไปถึงไหน เรียกเอกชนมาเจรจาแล้วเป็นอย่างไร”นายออมสินกล่าว

สำหรับ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย และช่วงบุใหญ่ - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง วงเงิน 11,348.35 ล้านบาท ซึ่งได้มีการปรับราคากลางใหม่ หลังจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ร.ฟ.ท.คำนวนราคากลางผิดไป 4 รายการนั้น นายออมสินกล่าวว่า คาดว่าจะประกาศ ร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR)ได้ในต้นเดือนมิ.ย.นี้ซึ่งเรื่องนี้ได้ให้ผู้บริหารร.ฟ.ท.เร่งรัดการประกวดราคาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

โดยผู้รับเหมาที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและเตรียมเสนอแข่งราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อคชั่น) มี 6 ราย ประกอบ ด้วย 1.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD 2. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ร่วมกับบริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด 3.บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC 4.บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ 5.บริษัท ทิพากร จำกัด
ร่วมกับ บริษัท ไชน่าฮาร์เบอร์ จากประเทศจีน และ 6.บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42789
Location: NECTEC

PostPosted: 02/06/2015 9:26 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.ศึกษาต่อขยายรถไฟสายสีแดงเชื่อมอยุธยา
Money Channel
2 มิถุนายน 58 เวลา 08.30 น.

รฟท. ศึกษาก่อสร้างรถไฟสายสีแดงเชื่อมกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หวังเชื่อมโยงการเดินทาง

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. บอกว่า รฟท.อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต-บ้านภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 28 กิโลเมตร วงเงินลงทุนเบื้องต้น 43,000 ล้านบาท และรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระยะทาง 10 กิโลเมตร วงเงิน 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะเชื่อมโยงการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปถึงพระนครศรีอยุธยา

นอกจากนี้ รฟท. ยังมีแผนลงทุนรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง-หัวหมาก เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้สะดวกและครอบคลุมมากขึ้น

สำหรับการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ของ รฟท.เพื่อการพาณิชย์นั้น นายวุฒิชาติ บอกว่า รฟท. อยู่ระหว่างการเจรจากับกรมธนารักษ์ เพื่อนำที่ดินมักกะสันพื้นที่ 497 ไร่ มาพัฒนาแลกกับหนี้สินของ รฟท.ที่มีมูลค่าหนี้สูงถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นที่ดินมีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท

//-----------------

ขีดเส้น”มิตซูบิชิ”ลดราคาระบบรถสีแดง ร.ฟ.ท.ยันต่อรองครั้งสุดท้าย 5มิ.ย.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
2 มิถุนายน 2558 11:38 น.



ร.ฟ.ท.ต่อรองกลุ่ม กิจการร่วมค้า MHSC หรือกลุ่มมิตซูบิชิครั้งสุดท้าย ขีดเส้น 5 มิ.ย.ตอบกลับราคาที่จะปรับลดลงจากราคาล่าสุดที่ 3.298 หมื่นล. ก่อนสรุปผลประมูลในสัปดาห์หน้า ขณะที่”ประจิน”เปิดช่อง พบกันครึ่งทาง หลังร.ฟ.ท.ปรับราคากลางใหม่อยู่ที่ 3.05 หมื่นล. เพื่อเร่งสรุปเสนอครม.พิจารณา

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรประกวดราคาโครงการรถไฟสายสีแดงวงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน) ว่า หลังจากร.ฟ.ท.ได้มีการปรับราคาประเมินหรือราคากลางใหม่เป็น 30,500 ล้านบาทแล้ว และเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคารถไฟสายสีแดง สัญญา 3 ได้แจ้งไปไยังกลุ่ม กิจการร่วมค้า MHSC Consortium (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) เพื่อให้ตอบยืนยันราคาที่ต้องการปรับลดมาภายในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ โดยระบุว่าจะเป็นการต่อรองครั้งสุดท้าย จากนั้น คณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคาฯ จะประชุมในวันที่ 9 มิ.ย. เพื่อสรุปผลการประกวดราคา และนำเสนอต่อคณะกรรมการ(บอร์ด) ร.ฟ.ท.ตามขั้นตอนต่อไป

โดยการเจรจาต่อรองเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามเงื่อนไข และระเบียบขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งเป็นเจ้าของแหล่งเงินกู้ โดยล่าสุดกลุ่ม กิจการร่วมค้าMHSC ปรับลดราคาลงมาอยู่ที่ 32,980 ล้านบาท โดยได้รายงานความคืบหน้า ต่อที่ประชุมบอร์ดร.ฟ.ท.รับทราบแล้ว อยางไรก็ตาม จะต้องรอดูราคาที่ทางกลุ่ม กิจการร่วมค้า MHSC จะเสนอมาอีกครั้งว่าจะสามารปรับลดลงได้อีกเท่าไร และเป็นราคาที่มีเหตุผลยอมรับได้หรือไม่ หากเปรียบเทียบกับราคาประเมินที่ปรับใหม่

ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องมีการปรับราคาประเมินใหม่ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากราคาประเมินเดิมที่ 27,926 ล้านบาทนั้นเป็นราคาที่อยู่บนพื้นฐานของปัจจัยต้นทุน ช่วงเดือน ธ.ค. 2553 หรือราคาก่อนเปิดซองประกวดราคา 28 วัน โดยกำหนดเปิดซองกันในเดือนม.ค. 2554 แต่ในความเป็นจริงเกิดความล่าช้าและปิดซองประกวดราคาเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2557 หรืออีกกว่า 3 ปีต่อมา โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าMHSC เสนอราคาที่ประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท

ขณะที่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่อง สายสีแดง สัญญา 3 แล้ว ซึ่งทางร.ฟ.ท.ได้ปรับกรอบราคาใหม่ อยู่ที่ 30,500 ล้านบาท แล้ว ในขณะที่ทางเอกชนได้มีการปรับลดราคาลงมาแต่ยังสูงกว่ากรอบราคาดังนั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและเจรจาว่าสามารถพบกันครึ่งทางได้หรือไม่

ในขณะที่รมว.คมนาคม ได้ใช้โอกาสในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อลงนามในบันทึกความร่วมมือ(MOC) ด้านระบบราง กับนายอะคิฮิโระ โอตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) หารือถึงโครงการรถไฟสายสีแดงสัญญา 3 ซึ่งทางญี่ปุ่นยืนยันพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการพิจารณปรับลดราคาลงในกรอบ และคาดว่าจะสามารถได้ข้อยุติภายใน 2 สัปดาห์นี้เพื่อนำเสนอครม.ต่อไป

อย่างไรก็ตาม รถไฟสายสีแดง นำเสนอครม.ตั้งแต่ปี 2550 โดยมีกรอบวงเงินทั้งโครงการรวม 5.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง สัญญาที่ 2 งานโครงสร้างโยธาและสถานี และสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลรวมรถไฟฟ้า ต่อมาในปี 2552 ได้มีการเสนอสัญญา 3 เสนอกรอบวงเงินที่ 2.58 หมื่นล้านบาท โดยครม.มีมติให้กระทรวงคมนาคมหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาปรับราคาประเมินเพิ่มได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และให้นำเสนอครม.อีกครั้ง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42789
Location: NECTEC

PostPosted: 06/06/2015 1:59 am    Post subject: Reply with quote

ปิดถาวรถนนกำแพงเพชร6หลังหมอชิตเริ่ม1ก.ค.

เดลินิวส์
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2558 เวลา 9:42 น.

ปิดถาวรถนนกำแพงเพชร6หลังหมอชิตเริ่ม 1 ก.ค. 58

ปิดถนนกำแพงเพชร 6ถาวร ตั้งแต่ใต้ทางด่วน-ลานจอดรถทัวร์ถาวรพร้อมตัดถนนทะลุกำแพงเพชร6 และกำแพงเพชร 2 ให้ประชาชนผ่านแทน

เมื่อวันที่ 4มิ.ย.2558 ที่กองบังคับการตำรวจจราจรบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด(มหาชน)ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิตประชุมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)กองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.)สน.บางซื่อเพื่อหารือในการปิดถนนและจัดการจราจรเพื่อรองรับโครงการงานวางรางของรถไฟสายสีแดงพล.ต.ต.อดุลย์ณรงค์ศักดิ์รองผู้บััญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)ดุแลงานจราจรกล่าวภายหลังการประชุม ว่าในที่ประชุมทางบริษัทผู้รับเหมาได้เสนอแผนการจัดการจราจรจากที่จำเป็นต้องปิดการจราจรถาวรระยะทางประมาณ600 เมตรเพื่อวางรางรถไฟตั้งแต่วันที่1 ก.ค.2558 เป็นต้นไป

โดยปิดถนนกำแพงเพชร6บริเวณใต้ทางด่วนจนถึงบริเวณที่จอดรถทัวร์ของบริษัท เชิดชัยทัวร์ตรงข้ามกับปั้มแก๊สห้ามรถผ่านตลอดเวลาแบบถาวรซึ่งผู้รับเหมาจะมีการเปิดเส้นทางโดยปรับปรุงบริเวณด้านข้างที่จอดรถทัวร์เพื่อตัดทะลุระหว่างถนนกำแพงเพชร6และกำแพงเพชร 2โดยหากประชาชนที่มาจากตลาดอตก.จตุจักรมุ่งหน้าวัดเสมียนนารีจะสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าทางตัดใหม่เพื่อใช้ถนนกำแพงเพชร6 ได้เลยด้านประชาชนที่ใช้ถนนกำแพงเพชร6ที่มาจากวัดเสมียนนารีมุ่งหน้าหมอชิตอตก.จตุจักรสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าทางตัดใหม่และไปกลับรถบริเวณใต้สะพานรัชวิภาเพื่อเข้าถนนกำแพงเพชร2 ได้ พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่านอกจากนี้ทางบช.น.ได้ให้ผู้รับเหมาปรับปรุงไหล่ทางถนนกำแพงเพชร6เพื่อเพิ่มผิวจราจรเนื่องจากว่าจะต้องมีการวางรางเพิ่มเติมเป็นทั้งหมด6 รางซึ่งผู้รับเหมาจำเป็นจะต้องขยับแแท่นแบริเออร์ซึ่งจะทำให้ถนนกำแพงเพชร6 แคบลงดังนั้นเพื่อให้รถสามารถสวนทางกันได้อย่างปอลดภัยจึงจำเป็นต้องขยายไหล่ทางเพิ่มเติมอย่างไรก็ตามผู้รับเหมาจะเริ่มดำเนินการปรับกายภาพถนนให้สอดคล้องกับวิศวกรรมจราจรเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุปรับปรุงเส้นทางให้พร้อมใช้งานก่อนจะมีการปิดการจราจรรวมทั้งจะต้องมีการติดป้ายประชาชนสัมพันธ์เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนผู้ใช้ทางทราบล่วงหน้าทั้งนี้ในส่วนของผลกระทบที่การจราจรช่วงเทศกาลนั้นการปิดถนนกำแพงเพชร6จะไมกระทบเนื่องจากช่วงเทศกาลเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการปรับการจราจรโดยให้รถเดินทางเดียวเพื่อระบายรถออกอยู่แล้วอย่างไรก็ตามในจุดดังกล่าววันปกติพบว่ามีการปิดมีรถเฉลี่ยนผ่านประมาณ100คันต่อชัั่วโมงเท่านั้นซึ่งจะไม่ส่งผลกับจราจรในภาพรวม.“
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42789
Location: NECTEC

PostPosted: 09/06/2015 6:01 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.ไฟเขียว คลัง กู้ 1 หมื่นล้าน สร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง
โดย ไทยรัฐออนไลน์
9 มิถุนายน 2558 เวลา 17:40 น.


รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบ คลังกู้เงิน ไจก้า 1 หมื่นล้าน เพื่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ร่วมงานกับ กทม. แก้น้ำท่วม-จราจรติดขัด เตือน นศ.ที่เคลื่อนไหวการเมือง ยังไม่เชื่อฟัง ดำเนินการตามกฎหมาย

วันที่ 9 มิ.ย. 58 พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการมอบหมายงานให้กับกระทรวง ทบวง กรม ไปถอดงานแต่ละกระทรวง ตั้งแต่ต้นรัฐบาลว่าแต่ละกระทรวงจะต้องมีงานอะไรบ้าง และขณะนี้อยู่ในช่วงโรดแม็ปที่ 2 แต่ละหน่วยทบทวนว่าดำเนินการถึงขั้นไหน และอะไรที่ไม่สามารถทำสำเร็จได้ทันภายในกันยายนปี 2559

ส่วนกรณีน้ำท่วมจากกรณีที่มีฝนตกหนัก ทำให้การจราจรติดขัด น้ำท่วมหลายพื้นที่ เป็นเรื่องที่ กทม.ดำเนินการไป นายกฯ บอกมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่ดำเนินการว่ามีข้อจำกัดอะไร ที่ คสช.ดำเนินการได้ คือ มอบหมายให้ความมั่นคงมอบหมายให้กับเหล่าทัพในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแก้น้ำท่วม การจราจรติดขัด พื้นที่ตรงไหนใช้รถรับส่ง รวบรวมรถยานพาหนะ เหมือนตอนปี 54 ที่ผ่านมา เป็นการเตรียมการไว้ก่อน เพื่อช่วยพี่น้องประชาชนได้ทันที ทำงานร่วมกับ กทม.

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าจ้างค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากมีคณะกรรมการกำหนดอัตราค่าจ้างอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาดูว่าจะกลับไปใช้การพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างแบบเดิมดีหรือไม่ คือ อัตราค่าจ้างให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ แทนที่กำหนดเป็นอัตราเดียวกันทั้งประเทศ เพราะกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการค่าจ้าง ผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง ฝ่ายรัฐ ฝ่ายการเมืองไม่เข้าไปก้าวก่าย

โดยขณะนี้ยืนยันว่ายังอยู่ระหว่างให้คณะกรรมการจังหวัดไปศึกษายังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน ไม่อยากให้วิตกกังวล เป็นหน้าที่โดยตรงของคณะกรรมการค่าจ้าง โดยนายกฯ สั่งการให้พิจารณารอบคอบ เพราะหากต่ำเกินไปจะไม่มีหลักประกันของผู้ใช้แรงงาน หากสูงเกินไปก็กระทบกับต้นทุนของเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้แรงงานต่างด้าวเข้าไทยมากขึ้น

ส่วนการแก้ไขปัญหายางพารา พบว่ามีการบุกรุกปัญหาที่ดินของรัฐ พื้นที่ป่าทั้งหลายที่เป็นป่าอนุรักษ์ เช่น การทำรีสอร์ต การทำสนามแข่ง รัฐบาลต้องดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีบุกรุกเพื่อการปลูกยาง โดยในส่วนดังกล่าวมีประชาชาที่ไม่มีที่ดินทำกินนั้นเข้าไปบุกรุกด้วย ซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไข แต่ยังไม่ใช่การเร่งด่วน รอให้คณะกรรมการจัดหาที่ดินทำกินให้พี่น้องประชาชนก่อน แล้วจะดำเนินการขอพื้นที่คืน การบุกรุกของนายทุนมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน มีการออกประกาศแจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบ

นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติอนุมัติลดอัตราค่าธรรมเนียมห้องพักของธุรกิจโรงแรมให้กับกระทรวงมหาดไทย เหลือในอัตรา 40 บาท จาก 80 บาท เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการ ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ได้มีการขอให้หน่วยงานราชการจัดสัมมนาโดยเลือกการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก และสนับสนุนโรงแรมตามกฎหมาย เป็นต้น

ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอเรื่องการกู้เงินจากไจก้า เพื่อดำเนินการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 วงเงินกู้ 10,000 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 20 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.4% ค่าดำเนินการ 0.2% ของเงินกู้ทั้งหมด ปลอดหนี้เป็นระยะเวลา 6 ปี ซึ่งหลังจากนั้นจะส่งต่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท.กู้ต่อจากกระทรวงการคลังต่อไป

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=DI0ODtFMmfw
//---------------

ครม.ไฟเขียว"คลัง"กู้"ญี่ปุ่น"แสนล้าน สร้างรถไฟชานเมือง
มติชน
วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 18:12:07 น.




พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(ไจก้า) สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 วงเงิน 38,203 ล้านเยนหรือประมาณ 10,000ล้านบาท โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)กู้ยืมเงินดังกล่าวต่อจากกระทรวงการคลังต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่ รฟท.เพื่อชำระหนี้คืนแก่ไจก้าโดยตรงทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวได้รับการบรรจุเป็นโครงการหลักในแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล หมวดกู้ต่างประเทศเพื่อให้กู้ต่อ ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2558 แล้ว

สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างรถไฟชานเมืองช่วงบางซื่อ-รังสิต และให้สถานีบางซื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเพื่อการเดินรถไฟทางไกลสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางด้านการเดินทางจากภาคใต้และภาคตะวันออกในอนาคต โดยจะเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟชานเมืองช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน รวมทั้งลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังและไจก้าได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ระยะที่ 1ไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2552 วงเงินกู้ 63,038 ล้านเยน หรือ 22,783 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.40%ต่อปี อายุเงินกู้ 25 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 7 ปี ซึ่ง เมื่อถึงเดือนเมษายน 2558 มีการเบิกจ่ายแล้ว 59,388 ล้านเยน เหลืออีก 3,630 ล้านเยน จะสามารถรองรับการเบิกจ่ายได้ถึงเดือนพฤษภาคม 2558 จึงจำเป็นต้องทำสัญญากู้เงินในระยะที่ 2


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2557 นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในหนังสือถึงเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อทาบทามขอใช้เงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการด้วยเงื่อนไขกู้แบบโครงการเฉพาะหรือ Preferential Terms สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ระยะที่ 2 และเมื่อวันที่ 10เมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศการให้กู้เงินอย่างเป็นทางการแก่ประเทศไทย


สำหรับเงื่อนไขการกู้เงินระยะที่ 2 เป็นแบบ Preferential Terms ประกอบด้วย อายุเงินกู้ 20 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 6 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.40% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยสำหรับการจ้างที่ปรึกษา 0.03%ต่อปี Front-End Fee หรือค่าดำเนินการของไจก้า 0.20% ของเงินกู้ ชำระครั้งเดียวภายใน 60 วัน หลังจากสัญญาเงินกู้มีผลบังคับใช้ ระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ 3 ปี


ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมด้วยว่า ขอให้กระทรวงคมนาคมชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงว่า จะเสร็จเมื่อไร และต้องกู้เงินอีกกี่ครั้ง และทำให้ความเข้าใจกับประชาชนต่างจังหวัดเข้าใจด้วยว่าที่รัฐบาลต้องกู้เงินหลานล้านบาท ว่า เพราะความจำเป็นเรื่องการขนส่งพื้นที่ชุมชนเมือง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ลงทุนจะอาจมีปัญหาจราจรคับคั่งตามมา ดังนั้นการลงทุนจึงเป็นการวางรากฐานที่เหมาะสมและจะมีผลตอบแทนตามมา


ขณะเดียวกันครม.ยังได้รับทราบ ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 4 ตามที่กระทรวงคมนาคมรายงาน โดยม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นประกอบในรายงานว่า เงินที่จะนำมาใช้ในโครงการรถไฟไทย-จีน ในส่วนของการสนับสนุนเงินลงทุนโดยกระทรวงการคลัง และการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการนำเข้าและการส่งออกของสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ควรเป็นการลงทุนเฉพาะรางและงานโยธาเท่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการลงทุนที่นายกรัฐมนตรีได้เลือกไว้แล้ว


Last edited by Wisarut on 12/06/2015 11:01 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44877
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 12/06/2015 2:35 pm    Post subject: Reply with quote

การกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 RYT9 ข่าวเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง -- ศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 14:28:52 น.

ในวันนี้ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ Mr. Shiro Sadoshima เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้สำหรับโครงการดังกล่าวกับ Mr. Shuichi Ikeda หัวหน้าผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ณ กระทรวงการคลัง ดังมีรายละเอียด ดังนี้

ภายใต้ความร่วมมือทางการเงินครั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นตกลงให้กระทรวงการคลังกู้เงินโดยผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) วงเงิน 38,203 ล้านเยน หรือเทียบเท่าประมาณ 10,697 ล้านบาท สำหรับการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อดำเนินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต โดยเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนแบบ Preferential Terms มีอัตราดอกเบี้ยสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการในอัตราร้อยละ 0.40 ต่อปี และสำหรับส่วนค่าจ้างที่ปรึกษา อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี และมีค่าธรรมเนียมเงินกู้ (Front-End Fee) ร้อยละ 0.20 ของวงเงินกู้ กำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ 20 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้เงินต้น 6 ปี ส่วนเงื่อนไขในการจัดซื้อสินค้าและบริการเปิดโอกาสให้กระทำโดยเสรี โดยสามารถจัดซื้อสินค้าและบริการได้จากทุกประเทศ โดยวิธีประกวดราคานานาชาติ

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2511 จนถึงปัจจุบันมีวงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 2,202,608 ล้านเยน โดยความช่วยเหลือทางการเงินส่วนใหญ่จะมุ่งให้แก่โครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาเมือง และพัฒนาชนบท รวมทั้งโครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรมนุษย์
สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5509

--กระทรวงการคลัง--
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 34, 35, 36 ... 149, 150, 151  Next
Page 35 of 151

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©