ข่าวทางรถไฟสายอุบลราชธานี-ช่องเม็ก

[Mongwin]

ก.คมนาคม เตรียมศึกษาความเหมาะการขยายเส้นทางคมนาคมทางรางไปยังชายแดนลาว
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ 7 ม.ค. 54

กระทรวงคมนาคม เตรียมศึกษาความเหมาะการขยายเส้นทางคมนาคมทางรางไปยังชายแดนลาว เพื่อส่งเสริมการค้าและรองรับการเปิดเสรีอาเซียน
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. กล่าวว่า สนข.มีแผนที่จะเสนอของบประมาณประจำปี 2555 จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบก่อสร้างทางรถไฟจากสถานีอุบลราชธานี ช่วงอำเภอวารินชำราบถึงด่านช่องเม็ก ชายแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร มูลค่าการก่อสร้างประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายเส้นทางรถไฟรองรับการค้าชายแดน และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งขณะนี้ สนข. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อนจัดทำแผนเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางใหม่ที่เพิ่มจากแผนการพัฒนาโครงข่ายเส้นทางรถไฟภายใต้วงเงิน 170,000 ล้านบาท

ปัจจุบันเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ จากกรุงเทพมหานคร จะสิ้นสุดที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ในแต่ละปีปริมาณการค้าระหว่างไทยกับลาวค่อนข้างสูง โดยมูลค่าการส่งออกของไทยผ่านช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,700 ล้านบาทต่อปี กลุ่มสินค้าส่งออกของไทยส่วนใหญ่เป็น น้ำมันดีเซล เหล็กกล้า และส่วนประกอบรถยนต์ ส่วนมูลค่านำเข้าสินค้ามีประมาณ 994 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้า ไม้แปรรูป ผักผลไม้ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น

//-----------------
น่าจะให้ลาวช่วยสร้างต่อไปอีกนิดหน่อย ไปเชื่อมกับดานัง จะได้นั่งรถไฟไปเที่ยวโฮจิมินห์ได้ง่าย ไม่ต้องรอผ่านอรัญประเทศเข้ากัมพูชา ซึ่งบูรณะช้ามากครับกว่าจะเสร็จ

[Wisarut]

^^^
แม้จะเข้ามาทางด่านช่องเม็กแล้ว ก็จะยังไม่เกิดผล จนกว่า จะ ทะลุไปปากเซ และเมื่อพ้นจากปากเซ ก็ต้อง ผ่านเทือกเขา จึงจะเข้าแดนญวนนะครับ

[taweep]

อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ทางแยกตรงสถานีบุ่งหวาย จะดีกว่าหรือไม่ เพราะจากสถานีอุบลราชธานีออกไปจะมีทางลาดลงเนิน แถมยังตัดถนนสายอุบล - วาริน อีก 6 เลน แล้วยังมีห้วย หนองคลองบึง ที่สำคัญด่านสุดท้าย คือแม่น้ำมูล น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี และตอนนี้มีสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน , รีสอร์ท ที่สำคัญที่สุดผมอยากให้สถานีอุบลราชธานีเป็นสถานีปลายทางของสายอีสานใต้ไม่มีการสร้างต่อไปอีกเหมือนสถานีเชียงใหม่ ซึ่งไม่เห็นมีโครงการที่สร้างต่อไปเลยครับ

[Wisarut]

[digimontamer]

จริงๆผมอยากให้แยกจากสุรินทร์ไปเข้าท่าตูม-สุวรรณภูมิ-ยโสธร-เลิงนกทา-มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-เซโน-เซโปน-ลาวบาว-เว้ น่าจะเจ๋งกว่านะครับ เพราะเป็นจุดที่ใกล้ชายแดนเวียดนามาก และเทือกเขาไม่สูงชันมากนัก

แถมมูลค่าทางการค้าของ มุกดาหาร-สะหวันนะเขต ก็มีจำนวนสูงกว่า ช่องเม็ก-ปากเซ มากทีเดียว

[Mongwin]

เส้นทางขนส่งสินค้าใหม่อุบลราชธานี-ช่องเม็ก-ลาวใต้
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1174 ประจำวันที่ 5-2-2011 ถึง 8-2-2011

ประเทศไทยเป็นหัวหอกหลักในการพัฒนา “ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน หรือ AEC” ซึ่งจะมีผลใช้ในปี 2558 ชาติสมาชิกจะมีรวมกันเป็นหนึ่งเสมือนเป็นชาติเดียว การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนความสำเร็จทางกายภาพของการรวมเป็น AEC ซึ่งจะสนับสนุนนโยบาย การค้าของไทยที่เร่งสร้างความสำคัญต่อการขยายตลาดการค้าภายใน AEC โดยมีการเติบโตรวดเร็วมากจนปัจจุบัน มีส่วนการค้ากับประเทศไทยสูงเป็นอันดับแรก

การค้าชายแดนระหว่างไทยและสปป.ลาว มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ด้วยการลงทุนของต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนชาวไทยเป็นผู้ลงทุนลำดับที่สองรองจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบกับชาวลาวนิยมชมชอบการบริโภคสินค้าจากประเทศไทย จึงเป็นผลให้เกิดการค้าระหว่างกันเป็นมูลค่าสูงถึง 7.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2553 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงร้อยละ 43 อันถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเนื่องจาก สปป.ลาว มีประชากรเพียง 6 ล้านคน และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว เพียง 27,000 บาท/ปี

ภาครัฐให้ความสำคัญในส่วนของการพัฒนาระบบการขนส่งทางราง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและ มีบทบาทสำคัญในการลดต้นทุนการพลังงาน ต้นทุนทางลอจิสติกส์ และเป็น การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะเป็นการรองรับการเปิดเสรีการค้าในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ จากศักยภาพของการขนส่งสินค้าทางรถไฟในปัจจุบันมีปริมาณการขนส่งสินค้าเพียงร้อยละ 2 ของการขนส่งสินค้าทั้งหมด ภาครัฐได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนากิจการรถไฟ และได้มีจัดเตรียมแผนแม่บทพัฒนาระบบ ราง ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างระบบรถไฟทางคู่ การพัฒนาเส้นทางสายใหม่ โดยคาดการณ์ ว่าสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรถไฟมีแผน การพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟทางคู่ จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 ในปี 2557 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8 ในปี 2567

ทั้งนี้ จากการที่ภาครัฐมีนโยบายที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศไทย-ลาว-จีน จะเป็นผลให้มีปริมาณสินค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรวมปริมาณการค้าระหว่างไทย-ลาว สินค้าผ่านแดนลาว และสินค้าจากจีนตอนใต้จะเป็นผลให้มีปริมาณสินค้าในอนาคต ดังตารางที่ 1

ส่วนตารางที่ 2 แสดงให้ทราบได้ว่ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว สูงที่สุดที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อนครหลวงเวียงจันทน์ และ มีอัตราการเติมโตสูงสุดที่จ.อำนาจเจริญ เชียงราย และอุบลราชธานี ตามลำดับ โดยจ.เชียงรายได้รับอานิสงส์จากขยาย ตัวทางการค้ากับ สป.จีน และ สหภาพ เมียนม่าร์ ส่วนจังหวัดอุบลราชานีเป็นตลาดสินค้าใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นจากขยายตัวทางเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐาน ตลอดจนการลงทุนเหมืองสินแร่ของต่างชาติในแขวงจำปาสัก ดังนั้น การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมบริเวณดังกล่าวเพื่อขนส่งสินค้าผ่านแดน เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรหนัก เชื้อเพลิง และสินแร่ ด้วยการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟจากเดิมที่สิ้นสุดบริเวณจังหวัดอุบลราชธานีไปยังชายแดนที่ด่านศุลกากรช่องเม็ก จึงมีความน่าสนใจสูง ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการค้าชายแดนไทย-ลาวใต้ และพัฒนาเส้นทางการค้าของ AEC ไปในคราวเดียวกันด้วย

[Mongwin]

เล็งสายใหม่วารินชำราบ-ด่านช่องเม็ก สนข. ขายฝันผุดรถไฟทางคู่
Transport Journal Friday, 28 January 2011 14:41

สนข.ตรียมแผนศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่จากสถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ-ด่านช่องเม็ก ระยะทาง 80 กิโลเมตร หวังเพิ่มช่องทางการเดินทางของประชาชน และการขนส่งสินค้าชายแดน ระบุ หากได้ดำเนินการก่อสร้างจริงคาดใช้งบประมาณเฉียดหมื่นล้านบาทนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยกับ "TRANSPORT" ว่า ในปี 2554 นี้ สนข. เตรียมแผนที่จะศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จากสถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ-ด่านช่องเม็ก ระยะทาง 80 กิโลเมตร โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นประมาณ 18 เดือน ซึ่งจะใช้งบประมาณ 85 ล้านบาท และหากได้ดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะใช้งบประมาณ 9,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ สาเหตุที่ สนข. ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นโครงการดังกล่าวนั้น เพื่อการอำนวยความสะดวกและเพิ่มช่องทางในการเดินทางของประชาชนมากขึ้น จากปกติโครงข่ายทางรถไฟในประเทศไทยมีเพียง 47 จังหวัดเท่านั้น ซึ่งตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะมีการขยายโครงข่ายทางรถไฟเพิ่มมากขึ้นเป็น 63 จังหวัด ภายในอีก 5 ปีข้างหน้านี้

"การพัฒนากิจการรถไฟที่กระทรวงคมนาคม มีความต้องการขยายโครงข่ายทางรถไฟให้มากขึ้นจากที่มีอยู่เดิม ซึ่งเส้นทางนี้ก็เป็นอีกเส้นหนึ่งที่ปีนี้ สนข. วางแผนที่จะขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 เพื่อที่จะศึกษาความเหมาะสม และศึกษาผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมทั้งออกแบบเบื้องต้นระบบรถไฟรางคู่ จากอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี-ด่านช่องเม็ก"

อย่างไรก็ตาม เส้นทางในการก่อสร้างโครงการดังกล่าวอาจจะเป็นเส้นทางรกร้างว่างเปล่า หรืออาจจะต้องมีการเวนคืนบ้าง เพราะฉะนั้น การศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และจะต้องผ่านเส้นทางที่มีประโยชน์มากที่สุดทั้งทางด้านการขนส่งสินค้าชายแดนและการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง

อนึ่ง ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคม มีการเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของวงเงิน 176,808 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ระยะทางรวม 767 กิโลเมตร มูลค่า 66,000 ล้านบาท โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปรับแผนการประกวดราคาโดยแบ่งย่อยสัญญาก่อสร้างออกเป็นสัญญาละ 30-40 กิโลเมตร และแยกการประมูลก่อสร้างงานคันทาง และงานวางรางระบบอาณัติ สัญญาณออกจากกัน จากเดิมที่ใช้ผู้รับเหมารายเดียวกัน เพื่อให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปี (2554-2556) จากแผนเดิมที่กำหนดระยะเวลาดำเนินการโครงการไว้ 4 ปี (2554-2557)

โดยโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ประกอบด้วย
1. สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 7,860 ล้านบาท
2. สายมาบกะเบา-นครราชสีมา ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 11,640 ล้านบาท
3. สายนครราชสีมา-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 13,010 ล้านบาท
4. สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 16,600 ล้านบาท และ
5. สายประจวบ คีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 17,000 ล้านบาท

[Mongwin]

เส้นทางขนส่งสินค้าใหม่ อุบลราชธานี-ช่องเม็ก-ลาวใต้ (จบ)
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1176 ประจำวันที่ 12-2-2011 ถึง 15-2-2011

แนวสายทางรถไฟอุบลราชธานี-ช่องเม็กจุดเริ่มต้นของเส้นทางอยู่ก่อนสถานีอุบลราชธานี โดยอยู่ทางด้านใต้ของอำเภอวารินชำราบ ตัดผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 แนวเส้นทางจะขนานไปกับแม่น้ำมูล อ้อมอ่างเก็บน้ำไปสู่ช่องเม็ก ซึ่งเป็นด่านชายแดน ระหว่างประเทศไทยกับสปป.ลาว มีระยะทางรวม 80 กม. ตลอดแนวเส้นทางจะผ่านพื้นที่ราบลุ่มทางการเกษตร ในเบื้องต้นได้กำหนดสถานีไว้ 5 สถานี คือ
สว่างวีระวงศ์
พิบูลมังสาหาร
สิรินธร และ
ช่องเม็ก

ข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมแม้เส้นทางรถไฟสายอุบลราชธานี-ช่องเม็ก จะไม่ผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 หรือพื้นที่ป่าไม้แต่อย่างใด แต่แนวเส้นทางต้องผ่านย่านชุมชนรวม 19 แห่ง ดังนั้น การก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ต้องผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในประเด็นผลกระทบต่อชุมชน การป้องกันน้ำท่วมและการระบายน้ำ มลภาวะทางอากาศ เสียง ความสั่นสะเทือนทั้งในระยะก่อสร้างและดำเนินการ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 ตั้งแต่เริ่มดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมมูลค่าโครงการค่าก่อสร้างระบบรถไฟทางคู่ช่วงอุบลราชธานี-ช่องเม็ก ระยะทาง 80 กม. ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยจะต้องมีการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียดโครงการ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทผลประโยชน์โครงการสำหรับการคาดการณ์ปริมาณสินค้าที่จะมาใช้การขนส่งทางรถไฟเส้นทางใหม่สายนี้โดยใช้สมมติฐานเช่นเดียวกับการคาดการณ์ปริมาณสินค้าในการพัฒนาทางคู่ โดยกำหนดให้การพัฒนาระบบรถไฟเส้นทางสายใหม่นี้

ประกอบไปด้วย ระบบรถไฟทางคู่ตลอดเส้นทางและมีระบบการเดินรถทีมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการพัฒนาระบบการขนถ่ายสินค้า ที่เหมาะสม กล่าวคือ จะต้องมีสถานีขนถ่ายสินค้าและอุปกรณ์ในการขนถ่าย รวมไปถึงพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการซึ่งจะสามารถดึงดูดให้มีการขนส่ง สินค้าด้วยระบบรางเฉลี่ยถึงร้อยละ 30 ของปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมด ดังนั้นเมื่อรวมถึงมูลค่าการประหยัดพลังงานของการเปลี่ยนรูปแบบการเดิน ทางด้วยถนนเป็นระบบราง และลดผลกระทบจากมลภาวะแล้วจะมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 11 และ เมื่อพิจารณาถึงการลดความสูญเสียจาก อุบัติเหตุทางถนน ซึ่งมีมูลค่าความสูญเสียถึง 2.5 แสนล้านบาท/ปี หรือร้อยละ 3 ของ GDP และการอำนวยความ สะดวกเส้นทางการค้าใหม่ ไปยังลาวใต้ จะเป็นผลให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญด้วย

[Wisarut]

เท่าที่ดูแผนที่เส้่นทาง ของสนข. (มีในประชาชาติธุรกิจฉบับล่าสุด) กำหนดให้ แยกจากสถานี บุ่งหวาย (10 กิโลเมตรจาก วารินทร์) ไปเจอกับ ทางหลวงหมายเลขที่ 24 แล้วให้ตั้งเป็นสถานีอุบลราชธานีแห่งใหม่แม้จะค้านสายตาคนอุบลอย่างแรง เพราะ คนอุบลหวังใจว่า สถานีอุบลแห่งใหม่ จะต้องอยู่ในเขตเทศบาล ยิ่งในเขตเทศบาลอุบลราชธานีเลยก็ยิ่งดี แต่ ถ้าทำเช่นนั้งคงได้ทำสะพาน ข้ามแม่น้ำมูลสองหน ซึ่งไม่มีใครเขาทำกัน

จากนั้นจึงไปทาง อำเภอ สว่างวีระวงศ์ เพื่อตั้งสถานี สว่างวีระวงศ์, ตัดกับทางหลวง 217 แล้วตั้งสถานี พิบูลมังสาหาร ก่อน เลียบอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนสิรินธร ไปที่ นิคมลำโดมน้อยก่้อนตั้งสถานี สิรินธร ตามชื่ออำเภอ และ ไปสุดทางที่สถานีช่องเม็ก ที่ จะมีย่านสถานีใหญ่และ ด่าน ศุลกากร พร้อม ตม.ทางไม่ตัดผ่านลุ่มน้ำชั้น 1 แต่ มีเวนคืนชุมชนอย่างน้อยก็ 19 ชุมชน


นี่ครับภาพประกอบ
https://upic.me/i/d7/soph1.jpg

[Mongwin]

ขยายรถไฟอีสาน "อุบลฯ-ช่องเม็ก" เส้นทางท่องเที่ยว-ขนส่งประชิดชายแดนลาว
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4290 หน้า 10

เก็บตกจากทริปสำรวจเส้นทางคมนาคมระหว่าง "อุบลราชธานี-เมืองปากเซ" แขวงจำปาสัก ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของ "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" เมื่อเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ สนข.มีไอเดียต่อยอดจะต่อขยายเส้นทางรถไฟสายอีสานจาก "อุบลราชธานี-ด่านช่องเม็ก" ล่าสุดเริ่มมีความชัดเจนว่า กระทรวงคมนาคมจะจัดสรรงบประมาณให้สำหรับศึกษาเพิ่มโครงข่ายทางรถไฟสายอีสานออกไปอีก

ขอ 85 ล.ออกแบบทางรถไฟเพิ่ม

"สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์" ผู้อำนวยการ สนข. เปิดประเด็นว่าเส้นทางรถไฟสายนี้สุดปลายทางที่สถานีวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ยังขาดอีกประมาณ 80 กิโลเมตร จะเชื่อมกับด่านช่องเม็ก ติดชายแดน สปป.ลาว ซึ่งปัจจุบันมีการค้าชายแดนอยู่แล้ว มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 5,738 ล้านบาท/ปี ส่วนมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 994 ล้านบาท/ปี

ข้อมูลเสริมด้านอื่น จากสถิติของบริษัท ขนส่ง จำกัด ที่ให้บริการเดินรถระหว่างประเทศเส้นทางอุบลราชธานี-เมืองปากเซ ระยะทาง 138 กิโลเมตร อัตราค่าโดยสาร 200 บาท/เที่ยว ปัจจุบันเริ่มมียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 6,000 คน เป็น 25,000 คน เติบโตปีละ 25% ด้านขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 80%



ดังนั้น หากขยายเส้นทางรถไฟมาเชื่อม จะทำให้การเดินทางและขนส่งสินค้าสะดวกมากขึ้น โดยมีรถโดยสารจากด่านช่องเม็กเข้าไปถึงเมืองปากเซกว่า 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ไม่นาน นักท่องเที่ยวชอบเพราะสามารถเดินทางไปถึงดานัง ดาลัดได้อีกต่างหาก

"ถ้าขยายทางรถไฟเพิ่ม ทำให้การเดินทางจากกรุงเทพฯมาที่นี่ง่ายขึ้น เพราะนั่งรถทอดเดียวถึงด่านได้เลย จะเป็นประโยชน์มากทั้งการค้าและท่องเที่ยว ในปี 2555 นี้ จะของบประมาณ 85 ล้านบาท มาออกแบบรายละเอียด ใช้เวลา 18 เดือน"

ในอนาคต เมื่อได้แบบรายละเอียดเสร็จแล้ว จากนั้นจะให้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ของบประมาณเพื่อมาลงทุนโครงการ โดยจะสร้างเป็นรถไฟทางคู่เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี วงเงินก่อสร้างประมาณ 9,700 ล้านบาท

สำรวจเส้นทาง "อุบลฯ-ช่องเม็ก"

สำหรับแนวเส้นทางรถไฟสายใหม่ "ผอ.สนข." อธิบายว่า จากที่ศึกษาไว้คร่าว ๆ จุดเริ่มต้นเส้นทางจะอยู่ก่อนสถานีอุบลราชธานีประมาณ 10 กิโลเมตร (ดูแผนที่ประกอบ)

จากนั้นแนวเส้นทางจะหันไปทางทิศตะวันออก โดยอยู่ทางด้านใต้ของ อ.วารินชำราบ ตัดผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2178 (วารินชำราบ-อุบลฯ) และหมายเลข 24 (สีคิ้ว-อุบลฯ) โดยแนวเส้นทางจะขนานไปกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 217 (วารินชำราบ-ด่านช่องเม็ก) จนถึงกิโลเมตรที่ 50

ถึงจุดนี้แนวเส้นทางจะตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 217 อยู่ทางใต้ของ อ.พิบูลมังสาหาร และจะขนานไปกับแม่น้ำมูล อ้อมอ่างเก็บน้ำไปสู่ "ช่องเม็ก" ด่านชายแดนระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว รวมระยะทาง 80 กิโลเมตร

ส่วนจุดจอดสถานี เบื้องต้นจะมี 5 สถานี เฉลี่ยอำเภอละ 1 สถานี ประกอบด้วยสถานีอุบลราชธานี สว่างวีระวงศ์ พิบูลมังสาหาร สิรินธร และปลายทางที่สถานีช่องเม็ก

เวนคืน 19 ชุมชน

จากที่เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ จะต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมามีหลายโครงการที่ติดบ่วง และใช้เวลานาน

แต่..."ดูแล้วโครงการนี้ไม่ค่อยน่าห่วง เนื่องจากแนวเส้นทางไม่ผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 หรือพื้นที่ป่าไม้"

เพียงแต่ตัดผ่านย่านชุมชนรวม 19 แห่งตลอดแนวเส้นทาง อีกทั้งไม่มีโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนตั้งอยู่ในรัศมี 500 เมตร ดังนั้นจากแนวเส้นทางรถไฟน่าจะมีปัญหาเพียงเรื่องเดียว คือการเวนคืนที่ดินและชดเชยทรัพย์สินเท่านั้น ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ

สรุปได้ว่า โครงการนี้เป็นทางคู่อีก 1 สายทางที่เพิ่มเติมเข้ามาจากแผนงาน 5 ปีของ ร.ฟ.ท.ที่ขีดไว้ทั่วประเทศ 764 กิโลเมตร