View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/03/2013 7:46 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณครับ ย้อนกลับไปแก้แล้วครับ
ดูอาคารสถานีแปดริ้วยุคแรก มีป้ายปูนปั้น เป็นชื่อสถานี ฝังอยู่บนตัวอาคารเลยครับ (สี่เหลี่ยมผืนผ้า ระหว่างช่องหน้าต่างสองบาน)
http://www.tbmccs.go.th/images/Education/old55/029.jpg
แต่อาคารสถานีพิจิตรในปัจจุบัน ไม่มีป้ายลักษณะนี้ อาจไม่มีตั้งแต่แรก หรืออาจจะหลุดหายไปตามกาลเวลาก็ได้นะครับ |
|
Back to top |
|
|
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
Joined: 29/03/2006 Posts: 3293
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง
|
Posted: 27/03/2013 10:56 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: |
พยานหลักฐานที่ต้องการเพิ่มเติมครับ
2. ภาพถ่ายที่พักผู้โดยสาร ที่หยุดรถแปดริ้ว ณ กม. 62.87 สร้างราวปี 2524 (แก้เป็น 2522)
|
ผมคิดว่าช่วงที่ผมนั่งรถไฟเข้าไปในทางเส้นนี้ช่วงระหว่างปี 2530 - 2534 ผมไม่เคยเห็นศาลาที่พักผู้โดยสารที่แปดริ้วนะครับ
เห็นมีแต่พื้นชานชาลาโล่งๆนี่แหละ
Mongwin wrote: | ดูอาคารสถานีแปดริ้วยุคแรก มีป้ายปูนปั้นเป็นชื่อสถานี ฝังอยู่บนตัวอาคารเลยครับ (สี่เหลี่ยมผืนผ้า ระหว่างช่องหน้าต่างสองบาน)
แต่อาคารสถานีพิจิตรในปัจจุบัน ไม่มีป้ายลักษณะนี้ อาจไม่มีตั้งแต่แรก หรืออาจจะหลุดหายไปตามกาลเวลาก็ได้นะครับ |
ผมคิดว่าที่พิจิตรอาจจะไม่ได้ทำป้ายชื่อฝังกับตัวอาคารก็ได้นะครับ เพราะสังเกตว่าแม้อาคารสถานีทั้งสองจะใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมเดียวกัน
แต่รายละเอียดของอาคารก็ไม่ได้เหมือนกันทุกประการ ที่มองเห็นชัดเจนก็เช่นช่องหน้าต่างด้านข้างอาคาร ก็ดูเหมือนว่าจะมีระยะห่างไม่เท่ากัน |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 28/03/2013 3:13 pm Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 28/03/2013 5:56 pm Post subject: |
|
|
Nakhonlampang wrote: |
ผมคิดว่าช่วงที่ผมนั่งรถไฟเข้าไปในทางเส้นนี้ช่วงระหว่างปี 2530 - 2534 ผมไม่เคยเห็นศาลาที่พักผู้โดยสารที่แปดริ้วนะครับ
เห็นมีแต่พื้นชานชาลาโล่งๆนี่แหละ
----
ผมคิดว่าที่พิจิตรอาจจะไม่ได้ทำป้ายชื่อฝังกับตัวอาคารก็ได้นะครับ เพราะสังเกตว่าแม้อาคารสถานีทั้งสองจะใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมเดียวกัน
แต่รายละเอียดของอาคารก็ไม่ได้เหมือนกันทุกประการ ที่มองเห็นชัดเจนก็เช่นช่องหน้าต่างด้านข้างอาคาร ก็ดูเหมือนว่าจะมีระยะห่างไม่เท่ากัน |
ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าไม่เคยมีอาคารที่พักผู้โดยสารของที่หยุดรถแปดริ้ว ณ กม. 62.87 นะครับ
การเทพื้นลักษณะนี้ คงไว้ป้องกันวัชพืชขึ้น ดูแลรักษาง่ายไม่ต้องเสียงบประมาณตัดป่ามาก ปล่อยตามยถากรรมได้เลย
เหมาะสำหรับไว้ใช้ขนส่งสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ มากกว่านะครับ
เห็นอาคารสถานีที่มีป้ายชื่อสถานีฝังติดไว้กับตัวอาคารแล้วนึกถึงสถานีรถไฟของกัมพูชาครับ
ปอยเปต http://i284.photobucket.com/albums/ll8/Mongwin/aranyaprathet04_zps4086c75d.jpg
โพธิสัตว์ http://i284.photobucket.com/albums/ll8/Mongwin/pursat5.jpg
โปเชนตง http://mediastore.magnumphotos.com/CoreXDoc/MAG/Media/TR2/6/2/6/b/PAR392804.jpg
ขอบคุณพี่ตึ๋งครับ ที่นำภาพที่หยุดรถแปดริ้ว ณ กม. 62.87 ยุคปี 2549 มาให้ชมกัน
ชัดเจนว่าป้ายสถานีเป็นคนละป้ายกับของอดีตสถานีแปดริ้ว ณ ริมน้ำครับ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 28/03/2013 6:23 pm Post subject: |
|
|
ขออนุญาตนำข้อมูลจากอาจารย์ตุ้ยมาลงประกอบไว้ที่นี่ด้วยครับ เป็นตารางเดินรถในปี ๒๕๒๓ ซึ่งจะช่วยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของ"แปดริ้ว"ได้ชัดเจนขึ้นครับ
ที่มา: เล่าเรื่องจากกำหนดเวลาเดินรถในอดีต ภาค ๑
tuie wrote: |
มองเห็นขบวนรถแปลกๆแตกต่างไปจากปัจจุบันบ้างไหมครับ ขบวนรถที่ว่าแปลกก็เพราะปัจจุบันไม่มีขบวนรถสายตะวันออกเดินสุดปลายทางถึงที่นี่แล้วก็คือ ขบวนรถดีเซลรางที่ ๑๕๑-๑๕๖ กรุงเทพ-แปดริ้ว และขบวนรถธรรมดาที่ ๒๐๑/๒๐๒ กรุงเทพ-แปดริ้ว สมัยปี ๒๕๒๓ ยังไม่มีการก่อสร้างทางรถไฟสายฉะเชิงเทรา-สัตหีบ แต่มีทางรถไฟจากสถานีฉะเชิงเทรา(ชุมทางฉะเชิงเทราในปัจจุบัน)ตรงไปทางทิศตะวันออกถึงสถานีแปดริ้วอยู่ก่อนนานมากแล้ว ผมยังเคยพบในเอกสารยุคเก่าๆเรียกทางรถไฟสายตะวันออกว่า ทางรถไฟสายแปดริ้ว ด้วยนะครับ สถานีแปดริ้วอยู่ในเขตตัวเมืองมากกว่าสถานีฉะเชิงเทราเสียอีก ขบวนรถต่างๆที่มีต้นทาง/ปลายทางที่แปดริ้วใช้เวลาเดินทางจากสถานีฉะเชิงเทราไปถึงสุดปลายทางแปดริ้วตามที่ระบุไว้ในกำหนดเวลาเดินรถประมาณ ๔-๕ นาที
เห็นชื่อแปดริ้วแล้วผมยังนึกเสียดายนะครับว่า คนสมัยก่อนนิยมเรียกเมืองฉะเชิงเทราว่าแปดริ้วมานานมากแล้ว ถึงคนรุ่นคุณพ่อคุณแม่ของผมแม้ไม่ใช่คนที่นั่นก็ยังนิยมเรียกว่าแปดริ้วเลยนะครับ จะไปไหว้หลวงพ่อโสธร ก็พูดกันในครอบครัวว่านั่งรถไฟไปแปดริ้วกัน จะไม่พูดว่านั่งรถไฟไปฉะเชิงเทรากันหรอกครับ ดูยืดยาวไม่คุ้นปากอย่างไรไม่รู้ แต่พอยุคหลังๆมานี้คำว่าแปดริ้วดูจะเลือนหายไปพร้อมๆกับการลดฐานะสถานีแปดริ้วเหลือเป็นเพียงที่หยุดรถแปดริ้วกระมังเลยไม่ค่อยเห็นคนรุ่นใหม่เรียกฉะเชิงเทราว่าแปดริ้วกันเท่าใดแล้ว ไม่เหมือนคำว่า โคราช นะครับ ดูๆจะนิยมเรียกมากกว่าคำว่า นครราชสีมา อยู่ไม่เสื่อมคลาย 8)
มีข้อน่าสังเกตว่าสมัยปี ๒๕๒๓ มีทางแยกไปอรัญประเทศอยู่แล้ว แต่ในยุคนั้นผมไม่เห็นเรียกสถานีฉะเชิงเทราว่า ชุมทางฉะเชิงเทรา นะครับ ป้ายประเพณีก็เห็นเขียนแค่ ฉะเชิงเทรา เท่านั้น หรือจะมีเหตุผลว่าทางแยกไปแปดริ้วเป็นทางแยกที่ไม่สำคัญก็ไม่ทราบ เลยไม่เรียกชื่อสถานีให้เต็มยศว่าชุมทางฉะเชิงเทรา แบบทางแยกที่มักกะสันไปแม่น้ำยังไม่เรียกสถานีมักกะสันว่าชุมทางมักกะสันเลยนี่ครับ เวลาเดินทางไปทางอรัญประเทศพอขบวนรถออกจากสถานีฉะเชิงเทราก็จะผ่านประแจออกไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวโค้ง ส่วนแนวทางตรงกับทางหลักที่แล่นมาแต่เดิมจะมุ่งสู่สถานีแปดริ้วและสุดทางแค่นั้น ต่างจากปัจจุบันที่มีทางต่อจากแปดริ้วยกระดับข้ามแม่น้ำบางปะกงไปทางสถานีดอนสีนนท์ พานทอง....ในเส้นทางสายสัตหีบซึ่งต่อมามีการสร้างทางแยกเพิ่มเติมไปแหลมฉบัง และทางแยกไปสุดสถานีบ้านฉาง จังหวัดระยองอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ขบวนรถสายตะวันออกยุค ๒๕๒๓ ที่น่าทึ่งตามความเห็นของผมก็คือ ขบวนรถรวมที่ ๒๕๑ กรุงเทพ-อรัญประเทศ ซึ่งพอถึงอรัญประเทศแล้วทำขบวนกลับตอนค่ำเป็นขบวนรถรวมที่ ๒๕๒ อรัญประเทศ-กบินทร์บุรี จอดค้างคืนที่กบินทร์บุรีพอ ๐๕.๓๐ น. ก็ทำขบวนกลับกรุงเทพเป็นขบวนรถรวมที่ ๒๕๔ ขบวนรถรวมทั้งสามขบวนนี้มีรถนั่งชั้นสองด้วยครับ ปกติขบวนรถรวมเท่าที่ผมเห็นในเส้นทางสายอื่นๆจะไม่มีรถนั่งชั้นสองพ่วงอยู่เลย รถ บชส. ที่พ่วงก็เป็นรุ่นเก้าอี้ไม้เสมอไม่เคยเห็นนำรุ่นเก้าอี้เป็นเบาะมาพ่วงในขบวนรถรวมเลยครับ พอเห็นขบวนรถรวมที่ ๒๕๑/๒๕๒/๒๕๔ มีชั้นสองให้บริการเลยออกจะทึ่ง
ในบรรดาขบวนรถสายตะวันออกยุคดังกล่าว ผมมีความคุ้นเคยกับขบวนรถดีเซลรางที่ ๑๐๙ กรุงเทพ-อรัญประเทศ มากที่สุด ไม่ใช่เพราะได้นั่งบ่อยหรอกครับ แต่เนื่องจากขบวนดังกล่าวจอดเทียบชานชาลาที่ ๖ สถานีกรุงเทพ ติดกับขบวนรถนำเที่ยวน้ำตก/ชายทะเลหัวหินซึ่งผมได้ไปเที่ยวกับครอบครัวเป็นประจำ ที่จอดเทียบชานชาลาที่ ๕ ผมเลยได้ดูขบวน ๑๐๙ ซึ่งตอนนั้นใช้รถดีเซลราง RHN ทำขบวน เสียงเร่งเครื่อง(เสียงเดิมๆ)ควันโขมงฟุ้งในหลังคาสถานีนี่ได้อารมณ์มากจนชักอยากจะนั่งไปเที่ยวสายอรัญประเทศบ้าง แต่ตอนนั้นสถานการณ์ชายแดนด้านอรัญประเทศ ตาพระยา ยังไม่สงบทางบ้านผมเลยไม่กล้าพาไปนั่งรถไฟเล่นจนสุดปลายทางที่อรัญประเทศ คงพาไปแค่ปราจีนบุรีก่อน เวลาผ่านไปอีกจนประมาณปี ๒๕๒๗ ผมถึงได้นั่งรถไฟไปถึงอรัญประเทศเป็นครั้งแรก แต่ตอนนั้น RHN ที่รักของผมก็ไม่ได้ทำขบวน ๑๐๙ แล้ว เพราะ THN ซึ่งยังอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยมมารับหน้าที่แทน จำได้ว่าตื่นเต้นไปอีกแบบครับ |
เสียดายที่กำหนดเวลาเดินรถต่อจากฉะเชิงเทราไปยังแปดริ้ว ขาดหายไป
ไม่ทราบอาจารย์ตุ้ยพอจะมีส่วนต่อจากฉะเชิงเทราไหมครับ จะได้ทราบกำหนดเวลาเดินรถจากฉะเชิงเทราไปยังแปดริ้วครับ ว่าใช้เวลากี่นาที |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
Joined: 29/03/2006 Posts: 3293
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง
|
Posted: 28/03/2013 9:57 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: |
2. ภาพถ่ายที่พักผู้โดยสาร ที่หยุดรถแปดริ้ว ณ กม. 62.87 สร้างราวปี 2524 (แก้เป็น 2522)
|
Wisarut wrote: | การก่อสร้างทางทางสายสัตหีบเริ่มแต่ปี 2522 แล้วครับ พลเอกเกรียงศักดิ์ ท่านมาทำพิธี เริ่มการก่อสร้างด้วยนะครับ (รายงานประจำปี 2522) |
tuie wrote: | ขบวนรถที่ว่าแปลกก็เพราะปัจจุบันไม่มีขบวนรถสายตะวันออกเดินสุดปลายทางถึงที่นี่แล้วก็คือ ขบวนรถดีเซลรางที่ ๑๕๑-๑๕๖ กรุงเทพ-แปดริ้ว และขบวนรถธรรมดาที่ ๒๐๑/๒๐๒ กรุงเทพ-แปดริ้ว สมัยปี ๒๕๒๓ ยังไม่มีการก่อสร้างทางรถไฟสายฉะเชิงเทรา-สัตหีบ แต่มีทางรถไฟจากสถานีฉะเชิงเทรา(ชุมทางฉะเชิงเทราในปัจจุบัน)ตรงไปทางทิศตะวันออกถึงสถานีแปดริ้วอยู่ก่อนนานมากแล้ว ผมยังเคยพบในเอกสารยุคเก่าๆเรียกทางรถไฟสายตะวันออกว่า “ทางรถไฟสายแปดริ้ว” ด้วยนะครับ สถานีแปดริ้วอยู่ในเขตตัวเมืองมากกว่าสถานีฉะเชิงเทราเสียอีก ขบวนรถต่างๆที่มีต้นทาง/ปลายทางที่แปดริ้วใช้เวลาเดินทางจากสถานีฉะเชิงเทราไปถึงสุดปลายทางแปดริ้วตามที่ระบุไว้ในกำหนดเวลาเดินรถประมาณ ๔-๕ นาที |
ผมคิดว่าแม้การก่อสร้างทางสายสัตหีบจะเริ่มในปี 2522 ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่หยุดรถแปดริ้วจะถูกสร้างขึ้นในปี 2522 นะครับ ช่วงแรกของการก่อสร้างน่าจะเป็นการดำเนินการในส่วนอื่นๆที่ยังไม่กระทบกับเส้นทางช่วงนี้ก่อน
จะเห็นได้ว่าในปี 2523 เอง ก็ยังมีการเดินขบวนรถที่มีต้นทาง/ปลายทางที่แปดริ้ว ซึ่งน่าจะเป็นที่สถานีแปดริ้วมากกว่าจะเป็นที่หยุดรถปัจจุบัน
จุดเปลี่ยนน่าจะอยู่ตรงช่วงเวลาที่จะต้องมีการเชื่อมทางเข้ากับทางสายใหม่ และยกเลิกทางสายเดิมที่เข้าไปสถานีแปดริ้ว (คล้ายกรณียกเลิกสถานีตลาดหนองคายเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปเชื่อมสะพานมิตรภาพแทน) ซึ่งก็ควรจะเกิดขึ้นหลังจากมีการยกเลิกการเดินรถเข้าไปที่สถานีแปดริ้ว แล้วร่นปลายทางมาอยู่ที่สถานีฉะเชิงเทราเสียก่อน ตรงนี้ต้องไปดูว่ามีการยกเลิกขบวนรถ กรุงเทพ-แปดริ้ว เมื่อใด หลังจากนั้นถึงน่าจะเริ่มแก้ไขแนวเส้นทาง รวมทั้งปรับปรุงทางเดิมจากสถานีฉะเชิงเทราไปที่เชิงสะพานด้วย
ส่วนการสร้างที่หยุดรถแปดริ้วน่าจะเป็นการดำเนินการในลำดับท้ายๆ ก่อนการเปิดใช้งานเส้นทางจากฉะเชิงเทราอีกครั้งนะครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 28/03/2013 10:31 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | เสียดายที่กำหนดเวลาเดินรถต่อจากฉะเชิงเทราไปยังแปดริ้ว ขาดหายไป ไม่ทราบอาจารย์ตุ้ยพอจะมีส่วนต่อจากฉะเชิงเทราไหมครับ จะได้ทราบกำหนดเวลาเดินรถจากฉะเชิงเทราไปยังแปดริ้วครับ ว่าใช้เวลากี่นาที |
เดี๋ยวผมไปรื้อค้นกรุอีกทีครับอาจารย์ คาดว่ากำหนดเวลาเดินรถในภาพข้างต้นน่าจะยังมีส่วนต่อจากฉะเชิงเทรา แล้วผมจะนำภาพมาลงประกอบเพิ่มเติมให้ครับ _________________ นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/
|
|
Back to top |
|
|
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
Joined: 29/03/2006 Posts: 3293
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง
|
Posted: 28/03/2013 10:35 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | ได้มาแล้วครับ หลักฐานสำคัญอีก 1 ชิ้น เกี่ยวกับสถานีแปดริ้ว
เป็นภาพถ่ายทางอากาศ ถ่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2516 ครับ
|
ผมคงไม่วิเคราะห์อะไรเกี่ยวกับที่หยุดรถแปดริ้วนะครับ เพราะไม่มีข้อสงสัยอะไร
น่าสนใจก็ตรงตำแหน่งอาคารสถานีแปดริ้วที่กลับมาเปิดใหม่ที่ไม่ใช้ตำแหน่งอาคารเดิมนี่แหละครับ
เรื่องแรก
ย้อนกลับไปที่ reply ก่อนหน้านี้ที่มีการวิเคราะห์กันว่าคงจะมีการยกเลิกการเดินรถเข้าไปที่สถานีแปดริ้วที่ กม.63.4 เมื่อมีการเปิดเส้นทางไปกบินทร์บุรีเมื่อปี 2467 โดยให้มาใช้สถานีฉะเชิงเทราแทนแต่ภายหลังก็ได้มีการเปิดสถานีแปดริ้วอีกครั้งในปี 2504 นั้น
ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเริ่มมีการแข่งขันกับรถยนต์โดยสารหรือไม่
เพราะที่ตัวเมืองฉะเชิงเทรานี้ดูเหมือนว่าความเจริญยังคงเกาะตัวอยู่บริเวณริมแม่น้ำบางปะกงอย่างเหนียวแน่น ไม่ไหลตามมาที่สถานีฉะเชิงเทราที่ กม.61 เท่าใดนัก ทำให้ที่ตั้งของสถานีดูเหมือนจะอยู่ไกลไปหน่อย เมื่อเริ่มมีรถยนต์โดยสารเข้ามาให้บริการ อีกทั้งยังรับส่งผู้โดยสารถึงในตลาดที่อยู่กลางย่านชุมชน จึงทำให้รถไฟต้องกลับเข้ามาให้บริการผู้โดยสารถึงสถานีแปดริ้วอีกครั้งเพื่อรักษาผู้โดยสารเอาไว้..(หรือเปล่า)
จินตนาการล้วนๆครับ แต่ตอนเด็กๆ ปี 252x กว่าๆ เวลานั่งรถ บขส.ไปฉะเชิงเทราก็ยังทันขี้นลงรถที่ตลาดอยู่ครับ
เรื่องที่สอง
ประเด็นเกี่ยวกับตำแหน่งอาคารสถานีที่ไม่ได้ใช้อาคารเดิม และตำแหน่งที่ตั้งเดิมครับ
ตรงนี้ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับบทบาทของรถยนต์ที่มีสูงขึ้น
จะเห็นว่าตำแน่งของอาคารหลังแรกที่อยู่สุดปลายรางใกล้กับคลอง เป็นเพราะการเดินทางเชื่อมต่อ รวมทั้งการขนส่งสินค้าในช่วงเวลาระยะแรกนั้น เรือมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเชื่อมต่อ การคมนาคมทางบกคงมีแค่ระยะสั้นๆภายในตัวเมืองเท่านั้น
แต่เมื่อกลับมาใช้งานสถานีแปดริ้วใหม่อีกครั้ง ด้วยบทบาทของเรือที่ลดความสำคัญลง ในขณะที่บทบาทของรถยนต์กลับสูงขึ้น ทำให้บริเวณตำแหน่งหลังอาคารสถานีเดิมคับแคบเกินไปสำหรับการเชื่อมต่อการเดินทางด้วยรถยนต์ จึงจำเป็นต้องย้ายตัวสถานีย้ายมายังตำแหน่งใหม่ที่ยังมีพื้นที่หลังสถานีมากกว่า และสามารถกระจายการเดินทางโดยถนนได้ดีกว่าครับ
สรุปรวมทั้งสองเรื่องในความคิดของผมก็คือ รถยนต์เป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันและกำหนดการเปลี่ยนแปลงครับ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 28/03/2013 10:40 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณอาจารย์ตุ้ยครับ
รอชมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครับ
----
ในหนังสือ The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia โดยคุณ B.R.Whyte กล่าวว่า ทางรถไฟสายชุมทางฉะเชิงเทรา-พัทยา เปิดเดินรถครั้งแรกวันที่ 28 ก.ย. 2527 ครับ
สถานีแปดริ้วที่เปิดเมื่อปี 2504 (กม. 63 กว่า) ถูกลดฐานะเป็นที่หยุดรถก่อนยุบเลิกถาวรหรือไม่ ผมยังค้นไม่พบครับ
อ้อ ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้กล่าวด้วยว่า ยุบสถานีแปดริ้วเป็นที่หยุดรถก่อน แล้วยุบเลิกถาวรในปี 2525 แต่ผมไม่ทราบว่านำข้อมูลมาจากเอกสารชั้นต้นฉบับใด
----
ส่วนกรณีของที่หยุดรถแปดริ้วเปิดใหม่ (กม.62 กว่า) นั้น ผมเห็นด้วยและเชื่อตามข้อสันนิษฐานของพี่หนุ่มครับ ซึ่งคงต้องหาเอกสารชั้นต้นมายืนยันกันต่อไป
----
Nakhonlampang wrote: |
เรื่องแรก
ย้อนกลับไปที่ reply ก่อนหน้านี้ที่มีการวิเคราะห์กันว่าคงจะมีการยกเลิกการเดินรถเข้าไปที่สถานีแปดริ้วที่ กม.63.4 เมื่อมีการเปิดเส้นทางไปกบินทร์บุรีเมื่อปี 2467 โดยให้มาใช้สถานีฉะเชิงเทราแทนแต่ภายหลังก็ได้มีการเปิดสถานีแปดริ้วอีกครั้งในปี 2504 นั้น |
อาจจะไม่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ของพี่หนุ่มโดยตรง แต่ผมพบหลักฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานีแปดริ้วริมน้ำ (คล้ายสถานีพิจิตร) กับสถานีฉะเชิงเทรา บางประการครับ
จากหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพฉบับนี้
|
|
Back to top |
|
|
|