View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 02/04/2013 8:18 am Post subject: |
|
|
ถ้าแกปัญหาทางตัด ทางลักผ่าน และขบวนรถเสียเวลาได้
แค่ 120 กม./ชม.ก็หวานคอแร้งแล้วครับ |
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 02/04/2013 4:18 pm Post subject: |
|
|
alderwood wrote: | เปลี่ยนแค่แคร่ ความเร็วจะเพิ่มขึ้น? อันนี้ไม่รู้ครับ เทียบกับบทค. Justmag เปลี่ยนจากแคร่ Justmag เป็น Ride Control ที่ใหญ่ขึ้น (จำรุ่นไม่ได้) แต่ความเร็ว ก็ยัง 55 เท่าเดิม... |
ก็จริงๆ น่าจะวิ่งได้เร็วมากขึ้น
แต่สภาพราง
และ ท่อลมเบรกแบบลมอัดยังมีท่อเดียวอยู่
ไม่เหมือนมาเลย์ หรือญี่ปุ่น ที่ต่อท่อลมเบรกระบบลมอัดต่อจากรถจักร จะเป็นสองท่อ
เพิ่มความแข็งแกร่งของหินโรยทาง กับ ราง
และแก้ปัญหาจุดตัด กั้นรั้ว ทางลักผ่าน
นี่แหละ อุปสรรคความเร็วอยุ่ที่ตรงนี้ครับ |
|
Back to top |
|
|
nutsiwat
2nd Class Pass
Joined: 03/03/2011 Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร
|
Posted: 02/04/2013 7:09 pm Post subject: |
|
|
สำหรับผม แค่รถไฟในประเทศของเราวิ่งได้ถึง 120 กม.ต่อชั่่วโมง ก็พอแล้วครับ ขอแค่ให้เรามีรางที่มีศักยภาพพอที่จะรับความเร็วได้ถึงขนาดนี้ เช่น มีรางขนาด 100 - 110 ปอนด์ต่อหลา แบบเชื่อมกันสนิทตลอดรอยต่อ และหมอนรองรางรถไฟก็เปลี่ยนเป็นแบบโมโนบล็อคทั่วทุกเส้นทาง ก็น่าจะทำให้ขบวนรถวิ่งได้ดีพอสมควรแล้วครับ _________________
--------------------------
สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
|
|
Back to top |
|
|
alderwood
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/04/2006 Posts: 6593
Location: กรุงเทพ-ราชสีมา
|
Posted: 02/04/2013 8:59 pm Post subject: |
|
|
JackSkyline wrote: |
ก็จริงๆ น่าจะวิ่งได้เร็วมากขึ้น
แต่สภาพราง
และ ท่อลมเบรกแบบลมอัดยังมีท่อเดียวอยู่
ไม่เหมือนมาเลย์ หรือญี่ปุ่น ที่ต่อท่อลมเบรกระบบลมอัดต่อจากรถจักร จะเป็นสองท่อ
เพิ่มความแข็งแกร่งของหินโรยทาง กับ ราง
และแก้ปัญหาจุดตัด กั้นรั้ว ทางลักผ่าน
นี่แหละ อุปสรรคความเร็วอยุ่ที่ตรงนี้ครับ |
เอ...แต่ไหนถามแค่เรื่องเปลี่ยนแคร่ไงครับ ผมเลยสงสัยว่า บทค.justmag บางคันเปลี่ยนแคร่แล้วก็ยังวิ่งเท่าเดิม บทค.ลมอัดรุ่นอื่นที่แคร่ตระกูลเดียวกัน ยังวิ่งได้ 70 สงสัยจริงๆ ท่อลมก็อยู่ฝั่งเดียวเหมือนกัน _________________ รักรถไฟมั่นใจโคปเตอร์ || Railway Racing Team || Korat Spotter
|
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 02/04/2013 9:31 pm Post subject: |
|
|
alderwood wrote: | เอ...แต่ไหนถามแค่เรื่องเปลี่ยนแคร่ไงครับ ผมเลยสงสัยว่า บทค.justmag บางคันเปลี่ยนแคร่แล้วก็ยังวิ่งเท่าเดิม บทค.ลมอัดรุ่นอื่นที่แคร่ตระกูลเดียวกัน ยังวิ่งได้ 70 สงสัยจริงๆ ท่อลมก็อยู่ฝั่งเดียวเหมือนกัน |
ผมหมายถึง บางครั้ง เขาจำกัดไว้ อย่าง ตู้โดยสาร 90 จริงๆ วิ่งได้เป็น 100 แต่ ตู้ 100 จริงๆ วิ่งได้เกิน 120 นิดๆ
แต่ถ้าเปลี่ยนแคร่แล้วยังไม่เร็วขึ้น อาจจะเป็นเพราะ ต้องใช้ความเร็วที่ปลอดภัยต่อการเบรกครับ
เพราะรถไฟไทย ใช้เบรกลมอัดท่อเดียว อีกข้างหนึ่งเป็นลมดูด น่ะครับ
ถ้าเปลี่ยนแคร่แล้ว แแต่อุปกรณ์อื่นๆ ยังไม่ปรับ ก็ไม่ได้ทำให้เร็วขึ้น
เหมือนกับ เปลี่ยน CPU คอมพิวเตอร์ แต่ไม่เปลี่ยนแรม ไม่เปลี่ยนการ์ดจอ ก็ช้าเหมือนเดิมครับ
ในมาเลเซีย และญีปุ่น รถที่ใช้รถจักรทำขบวนจะมีท่อลมเบรก แบบลมอัดทั้สองข้าง เป็นสองท่อ
ของเราใช้ท่อเดียว เพราะอีกช้างเป็นท่อลมดูด ทำให้ลมอัดน้อย ในต่างประเทศใช้หม้อลมอัดมากกกว่าเราเยอะ
ถ้ามีท่อลมอัดสองฝั่ง หม้อลมเบรกเพิ่มจากสองลูกเป็นสีลูก ก็สามารถวิ่งเร็วได้แล้วครับ
เสริมความแข็งแกร่งของราง คันทาง สะพาน ทางคู่ ทุกอย่างไปได้สวยแน่นอนครับ |
|
Back to top |
|
|
namrat7
3rd Class Pass
Joined: 02/05/2012 Posts: 50
Location: สถานีรถไฟ หนองตะไก้
|
Posted: 08/04/2013 1:46 pm Post subject: |
|
|
ถ้าทาง รถไฟ มี ทางยกระดับ หรือ อุโมงค์ ผ่่าน ทางตัด ทุกที ผมว่า ก็ลด เวลา การเดินทางไป เยอะ เลยที เดียว _________________
|
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 08/04/2013 9:13 pm Post subject: |
|
|
สำหรับผมเห็นว่า ตู้โดยสารรถไฟที่ใช้ในปัจจุบัน มันรองรับความเร็วได้ไม่เกิน 90 เพราะตัวถังเป็นเหล็กกล้า น้ำหนักโบกี้โดยสารแต่ละรุ่น ก็หนักมากๆ ยิ่งพ่วง 8 คันขึ้นไป ก็ทำให้ออกตัวช้า ระยะเบรกยาว ทำให้รถเสียเวลามากๆ
และ สังเกตเห็นว่า รถนอนแดวูที่พ่วงมากับรถด่วนพิเศษ มีตัวถังเป็นอะลูมิเนียม และมีแคร่ล้อรองรับความเร็วได้ถึง 120 กว่าๆ แต่ติดจำกัดไว้ที่ 100 km/h
ที่ตู้โดยสารมักกะสัน รุ่นไทยๆ วิ่งได้ไม่เกิน 90 km/h
ก็เพิ่มเบรกอย่างที่ว่าไป
และมันใช่หรือไม่ครับ ที่ว่า ตัวถังและโครงของโบก้รถไฟไทย หนักเกินไป
แล้วตู้นอนอลูมิเนียมอย่างแดวู เบากว่า
ถ้าไม่ใช่
ก็ขอให้ทยอยเปลี่ยนแคร่เป็นของรุ่นรถนอนแดวู
และ อยากให้ตั้งสายการผลิตตู้รถไฟโดยสาร
โดยใช้วัสดุ ตัวถัง ทั้งคันรถ เป็นวัสดุเดียวกับรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดิน
เพราะน้ำหนักเบา ทำให้รถจักรรุ่นใหม่ๆ ที่จะนำเข้ามา ออกตัวได้เร็ว เพราะตัวรถโดยสาร ที่พ่วง 16-18 ก็จะออกตัวเร็วขึ้นเพราะน้ำหนักตู้โดยสารเบาลง ทำจากอลูมิเนียม
และ วัสดุโครงสร้างเดียวกับรถไฟฟ้า
เมื่อตู้โดยสารน้ำหนักเบาพอ อาจจะทำให้ลดความเค้นลงไปที่รางได้เยอะ และระบบเบรก เบรกง่าย
ปีนเขาชันๆ ง่าย ถ้าใช้วัสดุโครงสร้างโบกี้แบบเดียวกับรถไฟฟ้า หรือ แบบอลูมิเนียมแบบรถนอนแดวู แต่วิ่งจริงขอ 80-100 รองรับสูงสุดได้ 120
แต่เพิ่มท่อลมอัดเบรกสองท่อ ให้เบรกได้ระบะสั้นขึ้น
ก็อย่างน้องคนหนึ่งบอกผมมา ทุกแคร่ทำความเร็วได้เกิน 100 แต่เราใช้ท่อลมอัดท่อเดียว
ถ้าปรับเป็นสองท่อ ระยะเบรกสั้นเข้า และสร้างโบกี้จากอลูมิเนียมแบบที่วิศรุตบอก
ขบวนที่ใช้รถจักรทำขบวนก็คงได้เกิน 90 และ สูงสุด 110 |
|
Back to top |
|
|
|