บันทึกจาก Black express

Wisarut · Posted: 16/10/2015 9:40 am Post subject:

^^^
โพสต์ซ้ำหนะ แต่ รถไฟข้ามคลองนี่ มันภาพรถจักร Dubb นี่ครับ เท่าที่จำได้ แต่ นตท. นี่แหละ รถจักรที่เอาจากบางบัวทอง และ สายท่าเรือ ตอนเลิกกิจการ โดยขายให้บริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย เจ้าของโรงงานน้ำตาลวังกระพี้ รัฐพาณิชย์ในกระทรวงอุตสาหกรรม และ ได้เป็นข่าวอื้อฉาวในปี 2486 ด้วย ครับ

black_express · Posted: 16/10/2015 9:50 am Post subject:

ประวัติความเป็นมาของทางรถไฟสายนี้

ปี พ.ศ.2451 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อตั้งบริษัทรถไฟสายบางบัวทอง จำกัดสินใช้ โดยสร้างทางรถไฟสายบางบัวทองลงทุนด้วยเงินยืม

ปี พ.ศ.2458 เริ่มเดินรถไฟสายบางบัวทอง ใช้รถจักรไอน้ำรางกว้างขนาด 75 เซนติเมตร เป็นรถจักรไอน้ำขนาดเล็ก

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2465 ได้ทำสัญญากับกรมรถไฟหลวงเพื่อขยายเส้นทางรถไฟ (หลักฐานสัญญาเก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ)

ปี พ.ศ.2468 จดทะเบียนตั้งบริษัทรถไฟสายบางบัวทอง จำกัดสินใช้

ปี พ.ศ.2469 เริ่มการขยายเส้นทางไปวัดระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

black_express · Posted: 16/10/2015 10:03 am Post subject:

ปี พ.ศ.2470 ต่อมาปรับปรุงจากรถกำลังไอน้ำ พลังงานฟืน มาเป็นรถราง 4 ล้อ เครื่องเบนซิน โดยใช้น้ำมันตราหอยจากบริษัทอีสต์เอเชียติก ปิโตรเลียม จำกัด ซึ่งปัจจุบันคือน้ำมันเชลล์จากบริษัทเชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แต่ต่อมาซื้อน้ำมันจากโซโกนี่ (เปลี่ยนชื่อเป็นสแตนดาร์ดแวคัมออยล์ เมื่อปี พ.ศ. 2477) ซึ่งปัจจุบันคือบริษัทเอสโซสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2473 แก้ไขสัญญาเดินรถไฟบางบัวทองกับกรมรถไฟหลวงเพื่อถอนรางที่อยู่วัดเฉลิมพระเกียรติ ต.บางศรีเมือง (ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดนนทบุรีเดิมที่ตลาดขวัญ) ให้เดินรถไฟตรงไปที่ท่าน้ำบางศรีเมือง ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดนนทบุรีแห่งใหม่ที่บางขวาง พร้อมยืดระยะรถไฟจากบางบัวทองไปที่วัดระแหง (หลักฐานสัญญาเก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเช่นกัน)

ปี พ.ศ.2477 ปรับปรุงรถราง 4 ล้อให้มาใช้น้ำมันดีเซลแทนเพื่อลดค่าใช้จ่าย

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2480 เกิดอุบัติเหตุรถราง 4 ล้อรถไฟบางบัวทองชนกัน คนขับช้ำในเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกลาง (ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อความนะครับ)

black_express · Posted: 16/10/2015 10:12 am Post subject:

ปี พ.ศ.2483 เมื่อบริษัทอีสต์เอเชียติก ปิโตรเลียม จำกัด และสแตนดาร์ดแวคัมออยล์เลิกการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย บริษัทรถไฟสายบางบัวทอง จำกัดสินใช้ ต้องซื้อน้ำมันดีเซลจากกรมเชื้อเพลิง กระทรวงกลาโหม (น้ำมันสามทหาร) แทน

วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2485 ประกาศเลิกกิจการรถไฟบางบัวทอง แล้วดำเนินการถอนรางและรถจักรไปขายบริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย จำกัด เจ้าของโรงงานน้ำตาลวังกะพี้

เดือน กันยายน พ.ศ.2485 เริ่มการถอนรางและไม้หมอนไปกองรวมกันที่สถานีรถไฟบางบำหรุ

วันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2486 เลิกกิจการรถไฟบางบัวทองอย่างเป็นทางการ

.............................................

ข้อมูลจากเว็บไซด์ wikithai.com และ facebook 77 ปี เทศบาลเมืองบางบัวทอง

black_express · Posted: 16/10/2015 10:20 am Post subject:

Wisarut

Mongwin · Posted: 16/10/2015 10:41 am Post subject:

ช่วงนี้ รู้สึกว่าเวลาโพสต์กระทู้ในรถไฟไทยดอทคอม จะค้างอยู่นานกว่าจะโพสต์สำเร็จครับ (เป็นบางช่วงเวลา) และถ้ากดโพสต์ซ้ำก็จะกลายเป็น 2 รีพลายไปเลย เดี๋ยวรอสักระยะหนึ่งคงจะเข้าที่เข้าทางกระมังครับ Wink

black_express · Posted: 16/10/2015 10:44 am Post subject:

ผมก็ว่างั้น หรือว่าระบบยังไม่เข้าที่เข้าทางก็ได้ Laughing

ขอบคุณ อ.เอก มากครับ

black_express · Posted: 17/10/2015 9:35 pm Post subject:

ครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ.2470 กรมรถไฟหลวงได้สั่งซื้อโบกี้กลไฟ (บกฟ.) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำจากบริษัท messsrs,The baldwin locomotive works USA.มาใช้งานบนเส้นทางสายชานเมือง ได้บว่ามีปัญหาหลายอย่าง จึงหยุดใฃ้งาน

ต่อมาพอรู้วิธีแก้โดยไม่ต้องส่งโรงงานมักกะสันอีก จึงนำไปใช้บนเส้นทางสายกันตัง จนหมดอายุประจำการ

นั่นคือจุดเริ่มต้นตำนานของรถดีเซลราง ซึ่งกรมรถไฟได้สั่งซื้อจากบริษัท frichs ประเทศเดนมาร์กอีก 2 คัน (หมายเลข 21-22) ใช้เครื่องยนต์ดีเซลซึ่งคล่องตัวกว่าในเวลาต่อมา โดยใช้ชื่อว่า "รถยนต์ราง"

(ขอขอบคุณ Wisarut ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม และคุณ Pe'eak Payakka ที่เอื้อเฟื้อภาพครับ)

black_express · Posted: 20/10/2015 1:43 pm Post subject:

จากจดหมายถึงพี่โมฬีมาศฉบับนั้น ผมยังได้กลาวถึงโบกี้นอนเอก (บนอ.) ว่า มีลักษณะคลาสสิก ถูกใจผมเป็นการส่วนตัว

ไม่ทราบว่าพี่โมฬีมาศจะเห็นตรงกันกับผมหรือเปล่า ? แต่ที่แน่ๆ ภาพโบกี้นอนเอก (บนอ.) คันนั้น ปรากฎพ่วงอยู่กับรถจักรการัตต์ในแสตมป์ครบรอบ 100 ปีการรถไฟแห่งประเทศไทย

Razz

หันไปพูดเกี่ยวกับสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือสถานีหัวลำโพง ที่ใหญ่โตโอ่อ่ามากในสมัยน้นนะครับ ทั้งๆ ที่สถานีชื่อดังกล่าวเป้นสถานีของบริษัทรถไฟสายปากน้ำ และถูกรื้อถอนไปแล้ว

เป็นที่ทาบกันอยู่ว่ากรมรถไฟหลวงได้พิจารณาจัดสร้างอาคารสถานีแห่งนี้ขึ้นใหม่เนื่องจากสถานที่แห่งเดิมตรงอนุสรณ์สถานจุดเริ่มต้นทางรถไฟสายเหนือคับแคบ ไม่สะดวกต่อการใช้งาน โดยสถานีนี้เริ่มสร้างในสมัย รัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ.2453 สร้างเสร็จและเริ่มใช้งาน วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2459 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 สถานีรถไฟหัวลำโพง เดิมเป็นสถานีที่ให้บริการทั้งด้านการขนส่งสินค้า และขนส่งมวลชน

จากภาพเป็นการเตรียมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จมาประกอบพระราชพิธีเปิดการใช้งาน

ต่อมาการขยายตัวในด้านการโดยสารและขนส่งสินค้ามีมากขึ้น แต่ด้วยพื้นที่อันจำกัดเพียง 120 ไร่ จึงทำให้ต้องย้ายกิจการขนส่งสินค้าไปอยู่ที่ย่านสินค้าพหลโยธิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 และทำการปรับปรุงสถานีรถไฟหัวลำโพงให้เป็นสถานีรถไฟสำหรับบริการด้านขนส่ง มวลชนเพียงอย่างเดียว เพื่อสามารถรองรับผู้โดยสารจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ

ตัวสถานีแบ่งเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ อาคารมุขหน้า มีลักษณะเหมือนระเบียงยาว และอาคารโถงสถานีเป็นอาคารหลังคาโค้งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก (Classicism) คือ เป็นงานเลียนแบบสถาปัตยกรรมโบราณของกรีก - โรมัน จุดเด่นของสถานีหัวลำโพงอีกอย่างหนึ่งคือ กระจกสีที่ช่องระบายอากาศ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งประดับไว้อย่างผสมผสานกลมกลืนกับตัวอาคาร เช่นเดียวกับนาฬิกาบอกเวลาซึ่งติดตั้งไว้กลางส่วนโค้งของอาคารด้านในและด้าน นอก โดยเป็นนาฬิกาที่สั่งทำขึ้นพิเศษเป็นการเฉพาะ ไม่ระบุชื่อบริษัทผู้ผลิตเหมือนนาฬิกาทั่วๆ ไป

ที่ด้านหน้าสถานีมีสวนหย่อมและน้ำพุสำหรับประชาชน โดยข้าราชการรถไฟได้รวบรวมทุนทรัพย์จัดสร้างอนุสาวรีย์น้อมเกล้าฯ อุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระพุทธเจ้าหลวง อนุสาวรีย์ที่ว่านี้เป็นรูป “ช้างสามเศียร” มีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แกะสลักเป็นภาพนูนสูงประดิษฐานอยู่ด้านบน

ในปัจจุบันสถานีรถไฟหัวลำโพง มีทางเชื่อมต่อที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่ดูกลมกลืนกับรถไฟฟ้ามหานครหรือรถไฟฟ้าใต้ดินบริเวณถนนพระรามที่ 4

black_express · Posted: 20/10/2015 2:33 pm Post subject:

เป็นภาพที่หาดูได้ยากอีกภาพหนึ่งของย่านสถานีกรุงเทพสมัยโน้น ซึ่งเน้นรถพระที่นั่งปรากฎอยู่ในภาพด้วย เนื่องจากยังไม่มีสถานที่เก็บเป็นสัดส่วนเช่นปัจจุบัน เลยปรากฎในย่านรวมกับบรรดารถโดยสารทั่วๆ ไป

คงไม่มีใครไปแตะต้องนอกจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น เพราะอยู่ในสมัยราชาธิปไตย และผู้คนยังมีน้อยอยู่ แค่เห็นก็เป็นบุญตาแล้ว

มองไปทางย่าน ทรส.กรุงเทพ ซึ่งอยู่ติดกับคลองผดุงกรุงเกษมกันบ้าง จากภาพรางสามที่ยังปรากฎบางส่วน แสดงให้เห็นถึงโครงการแก้ขนาดรางของกรมรถไฟหลวงใกล้จะแล้วเสร็จในช่วงปี พ.ศ.2470 ทางด้านขวาบนภาพเป็นโรงรถจักรกรุงเทพ ยังไม่ได้ย้ายมาอยู่กลางย่าน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ชุมทางบางซื่อเช่นปัจจุบันครับ