ไปสัมผัสความสูงสุดเสียวของสะพานข้ามเหวขุนตานกัน

[mirage_II]

จะว่าไปแล้ว รถม้าคันนี้ดูหรูอลังการกว่าคันอื่นๆ เบาะหน้า(นั่งหันหลัง)ดูใหญ่พอๆ กับเบาะหลัง ทำให้ผู้ใหญ่ไปนั่งได้ด้วย แถมลวดลายไม้แกะสลักด้านข้างงามมาก ดูจะเป็นรถม้าที่เคยใช้บริการนักท่องเที่ยวของโรงแรมหรูๆ มาก่อน และรถคันนี้ก็ไม่ได้ร่วมคิวรถม้าอื่นๆ เป็นอิสระ ถ้าจะมานั่งก็มาหาแถวๆ นี้ (ถนนบุญวาทย์)


แต่ในที่สุด ทุกๆคนก็อยากไป ผมเองก็รู้สึกอยากได้ภาพและบันทึกความรู้สึกขนาดนั่งรถม้าชมเมืองด้วย ก็เลยรอรถอีกคันมารับ พักหนึ่งก็มาแล้ว เป็นแบบทั่วไป เนื่องจากวันนั้นไม่มีแดดและฝน ลูกผมเลยขอให้พับหลังคาลงไป จะได้ชมเมืองได้เต็มอิ่มแบบไม่มีอะไรบดบัง


ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ นับเป็นความบังเอิญอีกเช่นกันที่ ที่นั่งขับรถม้านั้นจะเบี่ยงไปทางซ้าย (เหมือนรถพวงมาลัยซ้าย) ผมเลยถ่ายภาพด้านหน้าได้ถนัด

[mirage_II]

ต้องยอมรับว่าการนั่งรถม้าชมเมืองนี่ ได้อรรถรสที่ประทับใจอย่างคาดไม่ถึง เหมือนได้ย้อนยุคไปในสมัย 100 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่รถไฟเริ่มมีในแบบรถจักรไอน้ำ อย่างในภาพยนต์เรื่อง "Back to the Future ภาค 3" โน้น ถ้าเพื่อนๆได้ลองมานั่งดูสักครั้งจะทราบเองครับ (ตอนแรกผมก็ไม่อยากนั่ง เพราะคิดว่าน่าเืบื่อ นั่งรถยนต์ดีกว่า มีแอร์เย็นๆด้วย)


พอดีรถคันหน้าเอาหลังคาลงมา เพราะมีเจ้าตัวเล็กอยู่ กลัวว่าฝนจะตกลงมาฉับพลัน แต่ก็มีช่องด้านหลังให้เห็น เลยใช้กล้องซูมดูขณะนั่งรถ แฟนผมสังเกตุเห็นว่าผมกำลังเล็งกล้องมาทางนี้เลยหันมาเล่นกล้อง แต่เจ้าตัวเล็กกำลังสนใจอะไรที่พื้นอยู่ ?


ถ่ายคนอื่นมามาก ไม่ลืมถ่ายตัวเองบ้าง "สบายๆกับรถม้าลำปาง" แต่ดูขนาดตัวผมกับลูกก็เต็มกรอบภาพแล้ว..ฮา

[mirage_II]

ผมได้ถ่ายคลิ๊ปวิดีโอมาด้วย เป็นการถ่ายหลายครั้งในช่วงเวลาสั้นๆแล้วนำมาต่อกัน

ระหว่างนั่งจะได้ยินเสียงกีบม้ากระทบพื้นเป็นจังหวะ คล้ายเสียงล้อรถไฟกระทบรอยต่อราง และรู้สึกชอบเสียงกระดิ่งรถม้า ดูเป็นเอกลักษณ์ดี (ไม่ทราบว่าเป็นเสียงของรถคันไหน และคงเป็นเฉพาะของเขา เพราะดูเป็นเสียงอีเลคทรอนิคส์) ลองตัดคลิ๊ปมาเฉพาะสียงกระดิ่งดู ผมรู้สึกชอบมาก ฟังแล้วไม่เครียดเหมือนเสียงแตรรถยนต์

[mirage_II]

สำหรับเส้นทางนั่งรถม้าชมเมืองครั้งนี้ ผมพยายามบันทึกเส้นทางลงใน GPS Pocket PC ของผม เพื่อจะได้ย้อนกลับมาค้นหาดูชื่อ ตำแหน่งสถานที่ต่างๆ ที่ผ่านไปได้ ตามที่แสดงข้างล่างนี้ครับ

เสียดายที่เส้นทางชมเมืองนี้ไม่ผ่านสะพานรัษฎาภิเศก แต่ก็ยังดีที่ผ่านสะพานแขวนคนเดินข้าม ตามรูปข้างล่างครับ

กำลังผ่าน สะพานที่คิดถึง และอยากทราบว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งครั้งนี้ผมไม่ได้แวะมาเดินเก็บภาพอีกครั้ง


พอเข้ามาใกล้ ก็เห็นป้าย "ท่าน้ำสิงห์ชัย" อยู่ตรงเชิงสะพานด้วย

[mirage_II]

ถัดมาอีกเล็กน้อย ทางซ้ายมือผ่านวัดสิงห์ชัย ชื่อเหมือนท่าน้ำที่ผ่านมา


แล้วทางก็โค้งซ้าย เฉียดวงเวียนไก่เผือก (ผมถ่ายอีกภาพชัดๆ ให้เห็นในภาพเล็ก) ไก่เผือกนี้ถือเป็นสัญญลักษณ์เมืองลำปางเลย เพราะมีตำนานเรียกขานเมืองนี้ว่า "กุกกุฎนคร" อันแปลว่า เมืองไก่


ผ่านวงเวียนไก่เผือกมาแล้ว ทางขวามือสังเกตุเห็นเจดีย์สวยๆ ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไ้ม้


เมื่อรถม้าผ่านเข้าไปใกล้ ผมก็รีบเก็บป้ายชื่อวัด "วัดบ้านดง" ไว้ก่อน เผื่ออยากจะกลับมาเที่ยวอีกครั้ง

[mirage_II]

ฝั่งตรงข้ามวัดบ้านดง มองเห็นปีกอะไรตั้งอยู่ 2 ข้าง...โอ เป็นสวนสาธารณะเขลางค์นคร มีสัญญลักษณ์ไก่อยู่ด้วย อ้อ..สังเกตุเห็นป้ายตรงประตูทางเข้าระบุว่า "ระกาทวาร" เข้าใจคิด ฟังแล้วรู้สึกเสียวๆก้นอย่างไรชอบกล


สุดแนวรั้วสวนสาธารณะ รถม้าเราก็เลี้ยวซ้ายเลียบด้านข้างรั้วมาจนถึงถนน ท่าคราวน้อย ผมสดุดตาป้ายข้างบนตลาด "โรงภาพยนต์ ฟ้าลานนา" โอ..ที่นี่ยังมีโรงภาพยนต์อยู่หรือ แต่พอมาค้นดูในเน็ตพบว่าปิดตัวไปแล้ว น่าเสียดาย ที่โรงภาพยนต์ในปัจจุบันนับจะหายาก ถ้ามีอยู่ก็ถือได้ว่าเป็นโบราณสถานอย่างหนึ่งเหมือนกัน


้เลยมานิดนึงก็ถืงวงเวียนหอนาฬิกา ที่เป็น 5 แยก พอจะถือว่าเ็ป็นใจกลางเมืองลำปางได้เลย เพราะขับรถวนไปๆมาๆ ก็จะมาผ่านวงเวียนแห่งนี้บ่อยๆ

[mirage_II]

พอรถม้าเข้ามาใกล้วงเวียน ขอสักภาพแบบชัดๆเต็มๆสักภาพ ปกติจะถ่ายยาก เพราะมักมีรถวิ่งผ่านตลอด


ก่อนเลยออกจากวงเวียน ผมสังเกตุเห็นโขลงช้างอยู่ริมถนนด้านโน้น (ถนนมิตรเกษม ในขณะที่รถม้าเราวิ่งไปถนนบุญวาทย์) กลับมาดูในเน็ต พบว่าเป็น "สวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา" รูปปั้นช้างเหล่านี้ตั้งอยู่หลังป้ายชื่อสวนสาธารณะ และคาดว่าคงจะเพิ่งสร้าง เพราะดูภาพ StreetView ในกูเกิ้ลที่ไปถ่ายภาพเืมื่อกลางปีที่แล้ว ยังไม่มีรูปปั้นโขลงช้างนี้เลย

[mirage_II]

แล้วรถก็วิ่งวนกลับมายังถนนบุญวาทย์ ตรงไปหน้าโรงแรมที่พัก อันเป็นจุดที่ขึ้นตอนแรก รวมระยะเวลาเดินทาง 22 นาที ตอนนั้นเวลาก็ตก 10 โมงเช้าครึ่ง เดี๋ยวผมต้องกลับไปห้องเพื่อทำธุระส่วนตัวก่อนออกเดินทางไปอุโมงค์ขุนตานกัน โอ..กว่าจะถึงคงเลยเที่ยงแล้ว กลัวค่ำก่อนที่เสร็จภาระกิจจังเลย..


ตอนนี้ใกล้ถึงหน้าโรงแรมที่พักแล้ว กำลังผ่านหน้าโรงแรมเอเชียที่ำกำลังปรับปรุงอยู่ ดูคลาสสิคมาก


ก่อนลากลับจากรถม้า ผมยังสงสัยอยู่ว่าปืนลูกซองยาวๆ เขาเก็บไว้ได้อย่างไรในรถม้า อ๋อ...ฝั่งนี้มีที่เหน็บ เข้าใจออกแบบดีจัง สามารถหยิบใช้ได้ขณะขี่ด้วย (นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยวละ คงไม่สามารถนำปืนมาในที่สาธารณะได้ คงจะเป็นปืนปลอมนะครับ)

[black_express]

ติดตามมาตั้งแต่แรก รู้สึกว่าอบอุ่นมากครับ ไปไหนไปยกครัวกันเลย

ขอบคุณครับ ที่พาผมไปเยี่ยมชมบรรยากาศอันคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องหลักกิโลเมตรยักษ์นั้น เจ้าถิ่นเคยเล่าให้ผมฟังว่า เป็นแนวดำริของอดีตผู้ว่าฯ ลำปาง (นายดิเรก ก้อนกลีบ) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว ท่านมีรสนิยมชอบก่อสร้างอะไรที่ใหญ่ๆ โตๆ ไว้เป็นที่ระลึก เลยมีหลักกิโลห้าเชียงไว้ต้อนรับผู้มาเยือนดังที่เห็น

สำหรับรถม้าลำปางนั้น เป็นเอกลักษณ์ของเมืองลำปางโดยเฉพาะครับ เกือบจะสาบสูญไปตามกาลเวลาแล้ว พอดีทางสมาคมจัดให้มีรถม้ารับนักท่องเที่ยวชมเมือง เลยยืนยาวมาจนทุกวันนี้

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=owl&month=08-2010&date=29&group=1&gblog=2

มาเที่ยวลำปาง อย่าลืมอุดหนุนนั่งรถม้าชมเมืองลำปางกันนะครับ เพราะมาจากฝีมือช่างชาวลำปางล้วนๆ เสียงกริ่งก็ไม่เหมือนใครด้วย

[Nakhonlampang]