ตลุยป่าตามรอยรถไฟไปเนินมรณะ586-588(ผาคอ-ปางป๋วย)

[mirage_II]

หันหลังกลับมาดูพาหนะคู่ใ่่จและชาวคณะก็ได้ขึ้นรถกันแล้ว ผมเหลือบเห็นแสงไฟจากนีออน จึงคิดได้ว่า ไหนๆ ก็ไม่สามารถแวะไปที่ไหนได้อีกแล้วในวันนี้ เดินกลับไปชมแสงสี ที่สถานีบ้านปินอีกสักหน่อยเป็นไร คงอาจได้บรรยากาศที่เหมือนตอนเช้าก็ได้


ภาพแรกที่เดินกลับมายังชานชาลาสถานีอีกครั้ง มองไปทางขวา คือทิศใต้ จะเห็นผู้โดยสารกลุ่มเดิมยังคงนั่งรอรถไฟกันอยู่ ผมค้นดูเวลาขบวนรถที่จะมา เร็วที่สุดก็ ขบวนด่วนพิเศษหมายเลข 14 จากเชียงใหม่ ไป กรุงเทพฯ เวลามาถึงที่นี่ก็ตั้ง 20:12 น. ผมเห็นพวกเขาตั้งแต่เริ่มเข้าไปถ่ายรูปตอน 6 โมงเย็นตรง ตอนนั้นก็ 6:41 น. เขามาล่วงหน้ากันตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าๆ เลยหรือนี่


มองไปทางซ้าย ก็เป็นด้านหน้าอาคารสถานี ที่จะเห็นป้ายชื่อแบบแสงส่องสว่างออกมา อันเป็นที่คุ้นตาเวลานั่งรถไฟผ่าน (ซึ่งมักเป็นตอนกลางคืน)


เดินเลยมามองป้ายชื่อแบบแสง อีกด้านครับ


ร่ำลาสถานีบ้านปินกันด้วยภาพนี้นะครับ คือชานชาชาลาด้านเหนือ ยามที่พื้นกระเบื้องสะท้อนแสงจากนีออน ช่างดูเนียนน่านอนจริงๆครับ (แต่ต้องถูพื้นให้สะอาดก่อนนะครับ) ว่าแต่บรรยากาศ พลบค่ำนี้ ก็ดูคล้ายกับตอนเช้ามืดเหมือนกัน จะต่างก็ไม่มีสายหมอก ลางๆ ให้เห็นเท่านั้น

[mirage_II]

เสร็จภาระกิจที่สถานีรถไฟบ้านปินก็รีบกลับไปบ้านพักที่ลำปางทันที โดยไม่ได้เก็บภาพอะไรอีก ตามเส้นสีฟ้า ในแผนที่ข้างล่าง ที่ขยายให้เห็นบริเวณ ต.บ้านปิน และ อ.ลองใกล้ๆ ว่าไ่ม่ได้ห่างกันมาก

คือจากแยกเข้าเมืองลอง ไปถึงแยกปากทางเข้าสถานีรถไฟก็ประมาณ 3 กิโลเมตร และเข้าไปถึงตัวสถานีก็กิโลเมตรกว่าๆ ครับ ดังนั้น สถานีบ้านปินแท้จริงก็คือ ช่องทางที่ คนอำเภอลองได้ติดต่อโลกภายนอกนั่นเอง แม้ว่าจะมีถนนสาย 11 ซึ่งก็ต้องมีระยะทางอีก 16 กิโลเมตรตามถนนสาย 1023 หรือถ้าวิ่งกับเส้นทางสายเก่าเลียบแม่น้ำยมก็ประมาณ 10 กิโลเมตรแบบคดเคี้ยวนะครับ


ประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงที่พักแล้วละครับ เฮ้อ..เหนื่อย เมื่อยกันมาทั้งวัน


นับว่าดีไปอย่างที่เราได้พักที่เดิม คือไม่ต้องเหนื่อยกับการขนสัมภาระขึ้นห้องอีก ยิ่งกรณีไม่ได้จองไว้ ต้องวนรถหา กว่าจะเจอห้องว่างอีก แต่ก็ถูกบังคับว่าต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งครับ

[mirage_II]

เช้าขึ้นมา บรรยากาศสดใส หลังทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จ ชาวคณะก็พากันหายไปรวมกันอยู่บ้านอีกหลังตามเคย ผมก็ออกมาเฉลียงหลังบ้าน เจ้าเค๊กก็โผล่มา ขอสักภาพแบบหน้าซึ้งๆ


แป๊บเดียว คุณยายกบก็ออกมาเฉลียงหลังบ้านอีกหลัง ผมเลยได้ภาพบุคคล ขณะที่ยืนอยู่เฉลียงหลังบ้านโน้น


ท่านผตก.บ้าน กับลูกผมก็ตามออกมาเข้าฉากนี้อีกภาพครับ


ไหนๆ ก็ถ่ายด้านหลังบ้านแล้ว ผมเลยเดินออกไปอ้อมคูน้ำด้านหลังมาถ่ายภาพ ชาวคณะทั้งหมดแบบรวมหมู่กันทีเดียวเลย (ภาพระยะใกล้ ขอลงในเฟสบุ๊ค นะครับ)

[mirage_II]

ระหว่างที่ถ่ายภาพหมู่ ด้านหลังบ้านที่พัก ตรงแถวๆ ที่ผมยืนอยู่ ก็ได้พบกับกองอะไรบางอย่าง ดูคล้ายภูเขาไฟขนาดจิ๋ว ถ้าให้คาดเดาก็น่าจะเป็นกับดักแมลง ที่ แมลงชนิดหนึ่งได้ทำไว้ ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่คงไม่ใช่กองมูลสัตว์นะครับ (ดูอีกทีก็เหมือน ก้นครกหินที่คว่ำอยู่ ครับ)


เดินไปดูธารน้ำข้างถนนหลังรีสอร์ท ดูสวยดี ตรงแนวหินกันดินถล่มที่ตัดกับผิวน้ำสีเข้ม นี่แหละครับ


ได้เวลาร่ำลากับรีสอร์ทริมคูน้ำอันหรูสักหน่อย ผ่านป้ายชื่อที่ทำเป็นสวนหย่อม เลยถ่ายสักหน่อย เสียดายไม่ได้ลงไปถ่ายภาพเพราะ ไม่มีเวลาครับ


มากางแผนที่เดินทางกันต่อครับ เป็นแผนการเดินทางในวันนี้ ซึ่งรวมทั้งช่วงที่ 4 อันเป็นช่วงสุดท้ายถัดจากช่วงที่ 3 นี้ด้วยนะครับ คือสะพานทาชมภู

ซึ่งในวันนี้เราจะเริ่มโปรแกรมโดยการไปไหว้พระที่วัดพระธาตุลำปางหลวงก่อนครับ ความจริงควรจะไหว้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงลำปาง เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย แต่เส้นการเดินทางมันจะไม่ต่อเนื่อง เพราะผมต้องไปเนินมรณะ ซึ่งขนาดออกจากที่พักก็ไปทางแม่เมาะเลย ยังถึงที่หยุดรถผาคอซะเย็น ในตอนแรกยังกะจะไปเดินแ่ก่งหลวงต่อ แต่ขาบอกว่าไม่ไหว เอาไว้คราวหน้าดีกว่า วันนี้หลังออกจากวัดพระธาุตุลำปางหลวง ก็ตรงไปสถานีรถไฟหนองหล่มทันที แล้วไปค้นหาโค้งหนองหล่มที่ชาวคณะพี่ตุ้ยชอบมากัน เสร็จแล้วก็ไปค้นหาบ้านเพื่อนเก่าที่ป่าซางสักหน่อย แล้วก็กลับมาสะพานทาชมภู ก็พลบค่ำพอดี แต่เนื้อหามันเยะเลยขอจบช่วงที่ 3 นี้หลังจากออกจากโค้งหนองหล่มครับ ซึ่งจะแสดงเส้นการเดินทาง จากที่พักไปวัดพระธาตุลำปางหลวง ด้วยสีฟ้า และจากวัดพระธาตุลำปางหลวงไป สถานีหนองหล่มด้วยเส้นสีเขียวเข้ม และต่อจากโค้งหนองหล่มเส้นสีน้ำเงินเข้มไปถึงบ้านเพื่อนเก่าที่ป่าซางแล้วกลับมาสะพานทาชมภูด้วยเส้นสีน้ำตาล และออกจากสะพานทาชมภูล่องกลับบ้านด้วยเส้นสีแดงครับ ซึ่งในทริปนี้ก็มีแถมที่บึงบอระเพ็ดเล็กน้อยด้วยครับ ก็คอยติดตามกันจนจบทริปเลยนะครับ

[mirage_II]

เราออกมาจากที่พักประมาณ 9 โมงเช้า ตามถนนสาย 1036 เพื่อไปยังถนนใหญ่สาย 1 ที่เลี้ยวขวาเข้าเมืองลำปาง เลี้ยวซ้ายไป อ.เถินได้ โดยป้ายสีน้ำเงินข้างหน้านี้ จะบอกสถานที่ท่องเที่ยวว่าเลี้ยวซ้ายไปวัดพระธาตุลำปางหลวง ในขณะที่เลี้ยวขวาก็ไปแม่เมาะ ที่เราไปเมื่อวานนี้ครับ


มาถึงสามแยกตัดถนนสาย 1 แล้วครับ ต้องเลี้ยวซ้ายไปทางตาก เพราะวัดพระธาตุลำปางหลวง อยู่ที่ อ.เกาะคา ครับ


เลี้ยวซ้ายมาประมาณ 600 เมตร ก็เห็นซุ้มประตูและป้ายอันงดงามครับ ทีแรกยังนึกว่าเป็นศูนย์แสดงสินค้า หรือการแสดงแบบไทยซะอีก ค้นดูภาพป้ายชื่อชัดๆ จากกูเกิ้ลสตรีทได้ว่าเป็น "หจก.ลำปางรุ่งเรืองทรานสปอร์ต" มองจากภาพถ่ายดาวเทียมเห็นเรือนไทยอยู่้ข้างในมากมาย หรือเขาทำธุรกิจบริการนักท่องเที่ยวต่างประเทศนะครับ


ประมาณ 3 กิโลเมตรจากสามแยกที่เลี้ยวซ้ายมาก็ถึง ทางเลี้ยวขวาเข้าอ.เกาะคา ความจริงมีทางแยกก่อนหน้านี้เยอะ แต่อยู่คนละฝั่งถนน ซึ่งไม่มีการเว้นเกาะให้เข้า ต้องเข้าตรงนี้ ซึ่งมีไฟจราจรสีเหลืองให้ด้วยครับ นอกจากนี้ ยังมีป้ายสีน้ำเงินแสดงสถานที่ท่องเที่ยวข้างใน ว่ามี วัดพระธาตุจอมปิง และศูนย์ศิลปาชีพแม่ต๋ำ

[mirage_II]

กำลังจะเลี้ยวขวาเข้าไปเกาะคาครับ เหลือบเห็นป้ายประชาสัมพันธ์รูปเจดีย์ ขนาดใหญ่ ผมเลยถ่ายภาพไว้ ทีแรกนึกว่าเป็นของวัดพระธาตุลำปางหลวง จนมาขยายภาพดูภายหลังกลับเป็นของวัดพระธาตุดอยเงิน บ้านสบต๋ำ ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง (เข้าไปค้นข้อมูลเจอ วัดพระธาตุดอยเงินอีกแห่ง ทึ่่ ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ต้องระวังสับสนกันนะครับ)


เลี้ยวขวาข้ามถนนเข้าไปนิดเดียวก็เจอซุ้มต้อนรับ ของ อ.เกาะคา สีแดง สลับเครื่องเงินตอกนูน มีตัวอักษรอยู่บนแผ่นใหญ่สีทองตรงกลาง (ขยายให้ดู) ระบุว่า "ยินดีต้อนรับ สู่อำเภอเกาะคา" ครับ


เข้ามาสักพักก็ผ่านสามแยกทางซ้ายที่เลี้ยวกลับออกไปถนนสาย 1 ที่เข้ามาอีกทางได้ ก็ตรงไป เจอทางโค้งขวา มีตลาดพลุกพล่าน ต้องระวังกันนิดนึงครับ


ตรงมาอีกนิดก็ถึงสะพานข้ามแม่น้ำวัง ซึ่งป้ายบอกชื่อแม่น้ำดูเก่าสกปรกมาก ขนาดไปค้นเอาจากกูเกิ้ลสตรีท ที่สภาพดีกว่านี้ ก็ยังอ่านได้ยาก (ทีแรกผมงง นึกว่าแม่น้ำยมซะอีกครับ)

[mirage_II]

ลงสะพานมาก็เจอสามแยก ถนนตัดขวางด้านหน้า เลี้ยวซ้ายไป อ.เสริมงาม 23 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไป อ.ห้างฉัตร ซึ่งหมายถึงทางลัดที่ไม่เฉียดเมืองลำปาง กรณีมีรถติดมากๆ ซึ่งสังเกตุดีๆ จะเห็นป้ายเตี้ยๆ อยู่ข้างหลังป้ายนี้ระบุว่า ไปวัดพระธาตุลำปางหลวง 3 กิโลเมตร ทำให้รู้สึกไม่ดีว่าป้ายบอกทางไปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำคู่บ้านคู่เมือง ทำไมถึงวางไว้ข้างล่างสุด แถมอยู่ข้างหลังอีก น่าจะมีการแก้ไขตั้งเสาบอกทางใหม่ ให้สูงกว่า 2 ป้ายที่อยู่ข้างหน้าครับ

สิ่งที่ประทับใจคือ ซุ้มประตูปูนปั้นสองช่องติดรั้วข้างหน้าที่เห็นนี้ ไม่ทราบว่าเป็นของหน่วยงาน หรือ สถานที่ใด เพราะไ่ีม่มีป้ายบอกชื่อไว้้ข้างหน้า หากแต่อาคารข้างๆ มีป้ายบอกว่าเป็น "ที่ดินเกาะคา" กับป้าย "รพ. สต. บ้านท่าผา" ซึ่งก็คือ สถานีอนามัยบ้านท่าผานั่นเอง เลยไม่ทราบว่า อาคารตรงหน้าที่เห็น เป็นหลังเ่ก่านั้น เป็นของใครกันแน่ครับ


เลี้ยวขวามาประมาณกิโลเมตรนึง ก็เจอป้ายบอกทางไป เทศบาลตำบลไหล่หิน ดูเผินๆ จะอ่านเป็น ไหหิน ไปได้ เพราะคอยนึกถึง "ทุ่งไหหิน" ที่ประเทศลาว ครับ ส่วนป้ายสีฟ้าถัดไป ผมขยายให้ดู ซึ่งแสดงชื่อสถานที่ท่องเที่ยว โดยอันบนเป็นของวัดพระธาตุลำปางหลวง ทำไมตัวอักษรนิดเดียว อ่านแทบไม่รู้เรื่อง น่าจะทำป้ายให้ยาวกว่านี้นะครับ


ประมาณครึ่งกิโลเมตรก็ใกล้ถึงทางแยกเข้าไปวัดพระธาตุลำปางหลวงแล้วครับ เป็นโค้งขวาที่อ้อมไม่ผ่านหน้าวัด ซึ่งดูจากแผนที่แล้ว แต่เดิมน่าจะเป็นถนนที่วิ่งตรงไปยังหน้าวัดเลยนะครับ แล้วต่อมามีการตัดอ้อม เหมือนวงแหวนเพื่อระบายการจราจรยามถนนเฉียดเมืองลำปางรถติดมากๆ เพื่อให้คนที่จะไปเชียงใหม่ได้รับความสะดวกครับ แต่ตอนนี้ทางไปวัดได้ถููกเปลี่ยนเป็นทางแยกเข้าไปทางซ้ายครับ โดยมีป้ายบอกล่วงหน้าถึง 2 อันเลยครับ


มาถึงทางแยกเข้าวัดแล้วครับ ตามหลักความปลอดภัยเขาจะตัดถนนทางแยกให้มีลักษณะตั้งฉาก แต่การเปลี่ยนถนนตรงให้เป็นถนนรอง เลยทำให้ถนนที่เข้าไปต้องโค้งขวาอีกทีเพื่อให้ตรงกับแนวถนนก่อนหน้าครับ ตรงหัวมุมมีอนุสาวรีย์ พระแม่เจ้าจามเทวี ตั้งอยู่ โดยป้ายข้างหน้านั้น ผมไม่ทันได้อ่านตอนเข้ามา จนมาขยายภาพดูอีกที กลับพบว่าไม่ใช่ชื่ออนุสาวรีย์รูปปั้นข้างใน แต่กลายเป็นชื่อ "เทศบาลตำบลลำปางหลวง ยินดีต้อนรับ" นับว่าแปลกดีเหมือนกันครับ ส่วนป้ายสีน้ำตาลเข้มที่ผมเอามาแสดงในภาพเล็กนั้นเป็นป้ายเดิมที่เคยปักไว้ตำแหน่งลูกศรชี้เมื่อเดือน สิงหาคม พ.ศ.2555 ตามภาพในกูเกิ้ลสตรีทแสดง ไม่งั้นก็จะไม่ทราบเลยว่านี่คือรูปปั้่นของใครครับ


ยังมีแปลกกว่านั้นอีก เมื่อขับรถเข้าไปเล็กน้อยแล้วหันมาดูด้านข้างรูปปั้น พระแม่เ้จ้าจามเทวี ก็จะเห็นว่าท่านหันพระพักต์ไปทางทิศใต้ คือถนนที่เราวิ่งมานั่นเอง แต่ เมื่อไปดูภาพจากกูเกิ้ลสตรีท ท่านกลับหันพระพักต์ไปทางทิศเหนือ คือทางวัดพระธาตุลำปางหลวง เมื่อเข้าไปค้นข้อมูลในเ้น็ตก็พบว่า มีแต่คนบอกว่าท่านหันไปยังวัด ไม่ทราบว่ามีการหันรูปปั้นนี้กลับทิศ เมื่อใด และด้วยเหตุใดนะครับ

ส่วนภาำพเล็กมุมบนซ้ายก็คือรูปขยายของพระองค์ท่านค่อนข้างชัด ได้จากเว็บลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.web-pra.com/Forum/Topic/Show/58639/Page/1

[mirage_II]

ตอนนี้เกือบถึงวัดพระธาตุลำปางหลวง โดยจะถึงโรงเรียนชุมชนวัดพระธาตุลำปางหลวงก่อน สังเกตุเห็นกำแพงประดิษฐ์ ที่เป็นป้ายชื่อโรงเรียนในวงกลมสีม่วง ซึ่งผมขยายให้ดูในภาพเล็กบนซ้ายครับ ส่วนลานจอดรถจะอยู่ทางขวามือ และตัววัดจะอยู่ทางซ้ายมือครับ พอ จะสรุปเป็นเส้นการเดินทางได้ดังแผนที่ข้างล่างนี้ครับ

ซึ่งแทนด้วยเส้นสีฟ้า จากที่พักเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 1 หรือพหลโยธิน ล่องลงมาประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึงทางแยกเข้า อ.เกาะคา ตรงไปข้ามแม่น้ำวัง เลี้ยวขวามาประมาณครึ่งกิโลเมตรก็ถึงทางแยกเข้าวัดตรงอนุสาวรีย์พระแม่เ้จ้าจามเทวี แล้วเข้ามาอีก 400 เมตรก็ถึงวัดครับ


ถัดจากโรงเรียนวัดพระธาตุลำปางหลวงก็ถึงรั้ววัดครับ มีแผ่นป้ายบอกทางไปกรุงเทพฯและเีชียงใหม่ด้วย เพื่อช่วยบอกทางให้คนที่ออกมาจากลานจอดรถทางขวามือ ซึ่งตรงช่องทางออกพอดี ส่วนทางเข้าลานจอดรถก็เลยไปอีกนิดเลี้ยวขวาครับ


ตอนนี้ก็ถึงปากทางเข้าลานจอดรถแล้ว ตรงนี้มีรถม้ามาจอดรอให้บริการนั่งเที่ยว หรือถ่ายภาพ อยู่หลายคัน ดูสวยๆ สภาพดีทั้งนั้นเลยครับ

[mirage_II]

ผ่านแนวร้านค้าเข้ามายังลานจอดรถ ที่กว้างพอสมควร บังเอิญได้ที่จอดหน้าอาคารสุขาหญิง มองไปทางทิศตะวันออก (ซ้ายมือ) เป็นอาคารใหญ่ (ผมเองก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้เดินไปตรงนั้น) ถัดไปเป็นสะพานข้ามลำห้วย ฝั่งโน้นมีการตัดถนนใหญ่ มีเกาะกลางที่ติดโคมไฟสวยงาม ซึ่งผมก็ไม่ได้เดินไปทางนั้นอีก แต่ดูจากแผนที่ดาวเทียม จึงทราบว่าถนนเส้นนี้ตรงไปออกถนนอ้อมวัด ในกรณีที่เราไม่ต้องการเลี้ยวซ้ายเข้ามาตรงอนุสาวรีย์พระแม่เจ้าจามเทวี


ผมเองก็เข้าห้องสุขาบ้าง ซึ่งอยู่ถัดจากอาคารสุขาหญิง ครับ เรียกว่าทำตัวให้เบาก่อนลุย ไ่่ม่ังั้นจะเสียสมาธิในการเก็บภาพ เพราะเดินไปปวดไป ไม่รู้ว่าห้องสุขาอยู่ไหนด้วย


มองไปทางขวา ก็คือถนนหน้าวัดที่เราเข้ามานั่นเอง ตรงนี้จะตรงกับทางออก ส่วนทางเข้าจะอยู่ทางขวาไปทางวิหารหลวง ครับ แดดจ้าพอควร ทั้งๆ ที่เวลาเพิ่ง 9 โมงเช้าครึ่งเองครับ อ้อ..ตรงหน้าเราจะเห็นหลังคาวิหารแดงลายทอง ซึ่งเป็นวิหารใหม่ที่เพิ่งบูรณะอย่างงดงาม เรียกว่าตะลึง กันเลยครับ และผมเชื่อว่าบางคนคงไ่ม่ทราบ และไม่เคยแวะไป เพราะอยู่นอกเขตรั้ววิหารต่างๆของวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งค้นดูในเน็ตพบแผนผังระบุว่าเป็นส่วนของ "วัดพร้าว" (แต่ไม่เห็นมีป้ายบอกชื่อวัดพร้าวนะครับ)

คราวนี้ก็มาถึงวาระซ่อนเร้นของผม หรือสาเหตุที่ต้องมาวัดพระธาตุลำปางหลวงนี้คือ จากรูปข้างล่างนี้ครับ

ที่คุณแม่ของผมท่านเคยมาเที่ยวที่ลำปางแห่งนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าถ่ายไว้ที่วัดไหน คราวก่อนผมมาลำปางเมื่อปีที่แล้ว ในทริปเดินสะพานข้ามเหวขุนตาน ได้สอบถามชาวบ้าน เขาก็ไม่ทราบกันว่า สถานที่นี้อยู่แห่งใด จนมาถามเอาในเว็บพันทิป มีคนบอกว่าอยู่ในวัดนี้แหละ และเพื่อนๆ ผมก็มาช่วยยืนยันอีกที (แหม..ตอนแรกดันลืมถามเขา เพราะคิดว่าเขาไม่รู้ แต่บังเอิญเขาไปเชียงใหม่มาหลายปีก่อนได้แวะไหว้ด้วย) ซึ่งผมเองก็พยายามค้นหาในเว็บเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ก็ไม่พบ เพราะส่วนใหญ่จะแสดงแต่วิหารที่ีมีองค์พระธาตุเจดีย์อยู่ข้างหลังเท่านั้น ทำให้ผมต้องไปค้นหาให้เจอว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งก็ไม่ง่ายเหมือนกันที่จะพบ ครับ ต้องคอยติดตามกันต่อไป นะครับ

[mirage_II]

ต้องไปเดินออกตรงช่องทางรถยนต์เข้า เพราะอยู่ใกล้ทางเข้าวัดมากกว่าครับ ได้เจอหลักกิโลประดิษฐอีก ซึ่งมีไว้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก (เดี๋ยวนี้นิยมทำกันหลายแห่ง ตามสถานที่ท่องเที่ยว) สำหรับหมายเลขบนหลักกิโล ก็น่าจะเป็นระยะทางจากกรุงเทพฯ นะครับ ส่วนอีกด้านของหลักกิโลผมถ่ายมาตอนขับรถเข้า แต่ภาพมัวมาก เป็นคำว่า "ถึงแล้ว ลำปางหนา" ซึ่งคิดว่าเป็นชื่อร้านค้าตรงป้ายนั้นนะครับ


ผมเลยขอเซลฟี่ตัวเองสักภาพ ซึ่งมุมมองนี้จะเห็นถนนหน้าวัดชัดเจนขึ้นครับ


แล้วเดินต่อมายังริมถนน ซึ่งมีลานเหมือนให้คนนัดพบกัน มีตู้เอทีเอ็มอยู่ด้วยครับ นับว่าทันสมัยมาก จะใช้เงินไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปวนหาเอาที่ตัวอำเภอเกาะคา


เจอป้ายประชาสัมพันธ์ ข้อมูลเกี่ยวกับวัดพระธาตุลำปางหลวง พลาดไม่ได้ครับ เป็นของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทรู แต่สีของภาพดูซีดมากแล้ว


ผมเลยขยายเฉพาะข้อความให้อ่านกันได้ ซึ่งมีให้ 2 ภาษาครับ พอสรุปได้ว่า ประวัติความเป็นมาของวัดนี้ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาที่แห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นเรียกว่า "ดอยม่อนน้อย" ทรงได้พยากรณ์ว่าสถานที่แห่งนี้ จะได้ืชื่อว่า "ลัมพกัปปะนคร" ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ลำปาง" และได้พระราชทานเส้นพระเกศาให้ชาวลัวะคนหนึ่ง ซึ่งเขาได้นำใส่ในผอบและฝังดินก่อขึ้นเป็นพระเจดีย์สูง 7 ศอก ซึ่งเทียบได้กับ 3.5 เมตร ซึ่งต่อมาก็ได้บูรณะ ก่อสร้างเพิ่มเติมจนเป็นวัดพระธาตุลำปางหลวงในปัจจุบัน และวัดนี้เคยได้ประดิษฐานพระแก้วมรกต ด้วยครับ