View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 26/02/2015 4:48 pm Post subject: |
|
|
พอเข้าเขตเทศบาลพยุหะคีรี ก็สังเกตเห็นบ้านสีสวยสดุดตา อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลพยุหคีรีพอดี พออ่านตัวอักษรได้ว่า "ละมุน" คงเป็นร้านอาหารกระมังครับ บ้านหลังนี้เพิ่งมีการทาสีไม่นาน เพราะดูในกูเกิ้ลสตรีท ที่ไปถ่ายปี พ.ศ.2555 ยังเป็นสีขาว ลานข้างบ้านก็ยังเป็นป่ารกอยู่เลยครับ
ถ้ดมาไม่ไกลก็เจอเข้ากับมหกรรมเสาไฟฟ้าแรงสูง มากมาย มาเฉียดกับถนนเส้นนี้ไปเป็นระยะทางไกลพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ข้ามถนนไปอีกฝั่งเลย
ตอนนี้เจอป้ายบอกทางแยกข้างหน้า เป็นสี่แยกนะครับ ถนนที่ตัดขวางคือหมายเลข 3008 ทางขวาเข้า ตัวอำเภอพยุหะคีรีใกล้ๆ แต่ทางซ้ายไปสิ้นสุดที่ ตำบลเนินมะกอก ตรงสถานีรถไฟพอดีเลย ในระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรครึ่งเองครับ แสดงให้เห็นว่าทางรถไฟยังไ่ม่ห่างไปจากเรา และเมื่อดูแผนที่ต้องประหลาดใจที่ตรงนี้เป็นจุดที่ทางรถไฟอยู่ใกล้ทางรถยนต์ที่สุด แล้วก็ค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ จนถึงชุมทางบ้านภาชี แล้วแยกมาลอดใต้ถนนแถวๆ จ.พระนครศรีอยุธยา ครับ
สังเกตุเห็นบ้านหลังคาจั่วสีแดงขนาดยักษ์ ทางซ้ายมือ เป็นบ้านใครหนอ ทำไมถึงใหญ่ขนาดนี้
เมื่อผ่านเข้าไปใกล้ๆ จึงทราบว่าเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 26/02/2015 5:26 pm Post subject: |
|
|
มาอีกหน่อย ก็เจอป้ายต้อนรับของจังหวัดอุทัยธานี ทำให้คิดไปว่าเราได้เข้าเขต จ.อุทัยธานีแล้ว แต่ไม่ใช่นะครับ เรายังอยู่ในเขต จ.นครสวรรค์อยู่ และที่แปลกไปกว่านั้นคือ รอยต่อจังหวัดที่อยู่ห่างไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตรนั้นเป็นของจังหวัดชัยนาท นั่นเป็นเพราะข้างหน้าจะมีทางแยกไป จ.อุทัยธานีทางขวามือนั่นเองครับ ยังเหลือระยะทางอีก 2 กิโลเมตรจึงจะถึงแยกนั้น และก็ต้องวิ่งไปอีก 5 กิโลเมตรจึงจะเข้าเขต จ.อุทัยธานี นี่เล่นปักป้ายประกาศล่วงหน้ากันข้ามแดนเลยนะครับ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดนั่นเอง ก็คล้ายกับ การปักป้ายบอกว่าอีก กิโลเมตรจะถึงปั๊มน้ำมันที่ีห้องน้ำสะอาด นั่นแหละครับ
ถึงทางแยกไป จ.อุทัยธานีแล้ว ตอนแรกเห็นป้ายก่อนหน้านี้บอกให้ชิดซ้าย ก็อาจรู้สึกงงๆ ว่า จ.อุทัยธานีนี้อยู่ทางขวามือ หรือทางทิศตะวันตกของถนนสายนี้นี่นา ทำไมให้ชิดซ้าย มาถึงตรงนี้ก็บางอ้อ..ว่าเป็นทางต่างระดับ ขึ้นสะพานข้ามข้างบนดังภาพนั่นเองครับ
ถัดจากแยกต่างระดับไป จ.อุทัยธานีมาประมาณ 4 กิโลเมตรก็เจอป้ายบอกทางไป จ.ชัยนาท หรือเข้า ตัวเมืองชัยนาท เพราะถึงอย่างไรเราก็วิ่งผ่านเขตแดนจังหวัดชัยนาทอยู่ดี (และเป็นระยะทางไม่ใช่น้อยๆ ด้วยครับ) ก่อนจะข้ามไป จ.สิงห์บุรีครับ คราวนี้ให้ชิดขวา สอดคล้องกับ ตำแหน่ง ตัวเมืองชัยนาทที่อยู่ทางขวามือของเรา
ถึงแล้วครับ ทางแยกขวาไป ตัวเืมืองชัยนาท นับว่าเป็นแปลกที่เป็นแยกใหญ่ที่สำคัญ ถึงการแยกเดินทางเข้ากรุงเทพฯไปผ่าน จ.สุพรรณบุรี แต่กลับไม่เป็นทางต่างระดับ แถมเป็นทางแยกตัววายที่อันตรายด้วย หรือทางกรมทางหลวงต้องการจะควบคุมรถเข้าเมือง เลยไม่สร้างทางต่างระดับให้นะครับ แยกนี้มีชื่อว่า "หลวงพ่อโอ" นับว่าแปลกดีที่ตั้งชื่อพระเป็นสี่แยก เลยลองเข้าไปค้นข้อมูลดูในเน็ตพบว่า ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่ีมีชื่อเสียงของ จ.ชัยนาท ของวัดบ้านหางน้ำหนองแขม อ.มโนรมย์ สิ่งที่นึกไม่ถึงคือท่านเป็นพระตาบอดเกือบสนิทเพราะท่านเป็นโรคฝีดาษตอนวัยเด็ก แต่ก็พอเรียนหนังสือได้ ท่านเรียนเก่งมาก มีวิชาอาคมเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านมากมาย (และท่านก็เป็นนักพัฒนาวัดหางน้ำหนองแขมด้วย) จึงมีพระเครื่องรูปท่าน เป็นที่นิยมของชาวชัยนาท ครับ ออกนอกเรื่องไปหน่อย แต่ก็ได้สาระดี จากภาพ ถัดจากแยกไปจะเห็นป้ายบอกเขตจังหวัดอีกแล้ว ซึ่งเมื่อขยายดูพบว่าเป็นของจังหวัดชัยนาท อาจเป็นงง เพราะทางเข้าตัวจังหวัดอยู่ทางขวา แต่ทำไมทำป้ายไปข้างหน้า นั่นเป็นเพราะเขตจังหวัดชัยนาทล้ำข้ามถนนไปทางซ้ายนั่นเองครับ
เลี้ยวขวาเข้ามาเล็กน้อย ก็เจอป้ายบอกระยะทางไปตัวเมืองชัยนาท อีก 25 กิโลเมตรครับ นับเป็นจังหวัดที่ยังไม่มีถนนเลี่ยงเมือง เราต้องวิ่งผ่านตัวจังหวัดเข้าไปก่อนจะเลี้ยวซ้ายล่องไป จ.สุพรรณบุรีต่อ แต่ก็เ็ป็นเมืองที่การจราจรไม่คับคั่ง ติดไฟแดงไ่ม่นานก็ออกนอกเมืองได้แล้ว
Last edited by mirage_II on 19/03/2015 1:23 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 26/02/2015 6:56 pm Post subject: |
|
|
เส้นทางนี้นอกจากเรียบแล้วยังโล่ง ไม่ค่อยมีรถวิ่ง แม้ว่าเป็นช่วงใกล้หมดเทศกาล ที่รถนักท่องเที่ยวออกต่างจังหวัดก็ัมักจะกลับกันวันนี้ เพราะรถส่วนใหญ่ก็วิ่งต่อไปตามถนนพหลโยธิน เืพื่อตรงไปทางจ.สิงห์บุรี เข้ากรุงเทพฯ กันทั้งนั้น ระหว่างทางให้สังเกตุคันดินทางขวามือ ซึ่งคาดว่าจะสร้างตอนน้ำท่วมใหญ่ปี พ.ศ.2554 เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำเ้จ้าพระยาท่วมข้ามถนนมายังฝั่งนี้ ซึ่งผมลองไล่ดูในแผนที่ดาวเทียมกูเกิ้ล พบว่า เริ่มคันดินตั้งแต่ก่อนถึงแยกขวาเมื่อครู่ ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตอนแรกเป็นถนนลาดยางมะตอยอย่างดีด้วยซ้ำ แต่ก็แปรสภาพกลายเป็นถนนลูกรัง จะเว้นก็ตรงจุดที่มีถนน และคลองส่งน้ำมโนรมย์เท่านั้น
โอวว.. อยู่ๆ ก็เจอนกยักษ์ กำลังเกาะตอไม้อยู่กลางถนน ทำท่าจะจิกรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาแล้ว... แต่ไม่ใช่ครับ เป็นรูปปั้นนก แต่ปั้นได้เหมือนจริงมาก ถ้าหากสีไม่สดตอนกลางคืนมีผวาเหมือนกันนะครับ ตั้งอยู่ใกล้สี่แยกเลี้ยวขวาเข้า อ.มโนรมย์ครับ (ซึ่งต้องใช้แพข้ามไปยังฝั่ง จ.อุทัยธานี เพื่อจะไปวัดท่าซุงได้) ส่วนเลี้ยวซ้ายก็จะเป็นถนนสาย 3212 ยาวมาถึงถนนสาย 32 ที่เราเลี้ยวมานั่นเอง (นครสวรรค์-สิงห์บุรี)
เลยสี่แยกมาก็เจอนกยักษ์อีกตัวที่เกาะกลางถนนครับ ตัวนี้คุ้นตาหน่อยครับ คือนกกระตั้ว ตัวจริงก็มีขนาดใหญ่เหมือนกันครับ ส่วนนกตัวแรกที่เห็นก็คือ นกกระเต็นอกขาวครับ (ที่ทราบเพราะีมีป้ายบอกที่ตอไม้ที่นกเกาะ โดยดูจากกูเกิ้ลสตรีท เพราะตอนที่ผมไปป้ายหลุดหายหมดแล้ว) อ้อ..และแยกนี้ก็มีชื่อว่า "คุ้งสำเภา" เพราะมีตำบลคุ้งสำเภาอยู่ใกล้ๆ นี้นั่นเองครับ
ล่องมาอีกประมาณ 4 กิโลเมตรกว่าๆ ก็ติดไฟแดงอีก..เป็นแยก ดักคะนน ชื่อประหลาดอ่านยากจริงๆ แต่เมื่อดูในแผนที่กูเกิ้ลก็พบว่า มาจากชื่อ ตำบาลดักคะนนนั่นเอง และก่อนถึงแยกนี้ประมาณ 200 เมตร คันกั้นน้ำทางขวามือก็สิ้นสุดลงตรงนี้ โดยเบนออกไปตามแนวคูน้ำ แล้วก็สิ้นสุดตรงจุดตัดกับถนนที่แยกไป ต.ดักคะนนทางขวามือนั่นแหละครับ ซึ่งก็ไขข้อข้องใจสำหรับคนขี้สงสัยว่า คันดินกันน้ำท่วมนี้มันเริ่มจากไหนไปถึงไหน เพราะเวลาขับรถผ่านมันยาวว..จนไม่ทันมองว่าหายไปตอนไหนครับ สู้ดูเอาจากภาพถ่ายดาวเทียมกูเกิ้ล ไม่ได้สะดวกกว่ากันเยอะ
มาเรื่อยๆ อีกเกือบ 10 กิโลเมตรก็เข้าตัวเมืองชัยนาทติดไฟแดงสี่แยกใหญ่ ที่มีชื่อว่า "แขวงการทาง" เหลือบเห็นนกเงือก(ผมชอบเรียกว่า นกกระฮัง เพราะจำง่ายดี กับ ตัวอักษร ฮ..นกฮูก ที่มีขมวดอยู่ข้างบน เหมือนโหนกด้านหน้าดูน่ารำคาญและหนัก)เกาะอยู่บนโคมไฟ 2 ตัว เื่มื่อลองขยายภาพดูก็พบว่าเป็นรูปปั้นครับ และจุดนี้ก็ถือเป็นภาพสุดท้ายที่ยังมีความสว่าง(ตอนนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นครึ่ง) เพราะจากนั้นก็เข้าสู่ความมืดมิดไปจนถึงบ้านเลยครับ
Last edited by mirage_II on 19/03/2015 4:29 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 26/02/2015 9:14 pm Post subject: |
|
|
ติดตามกระทู้ของคุณ mirage_II เรื่อยๆ เส้นทางช่วงนี้จะคุ้นเคยมากครับ เพราะใช้ขึ้นล่องระหว่างอุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ บ่อยๆ แถมยังแว่บเข้าทางหลวงสาย 333 เข้าเมืองอุทัยธานี เพื่อไปเยี่ยมอาผมซึ่งอยู่กับลูกเขยที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน อีกด้วย
สำหรับแนวคันดินยกสูงข้างถนนพหลโยธินนั้น ทางกรมชลประทานได้ก่อสร้างกันน้ำไหลท่วมที่นา บ้านเรือนพี่น้องชาวบ้าน พร้อมๆ กับคราวก่อสร้างเขื่อนเจ้าพระยานั่นแหละครับ ตอนแรกที่เห็น ผมยังสงสัยตะหงิดๆ ว่า คันดินสูงๆ นั้นคืออะไร
ที่แยกหลวงพ่อโอ ก็สุดเขต จ.นครสวรรค์ ต่อแดนกับ จ.ชัยนาท แล้วล่ะครับ บางทีถ้ารถราบนถนนสายเอเซียมีมากๆ เข้า ผมจะหลบเข้าถนนพหลโยธิน ผ่าน แยกแขวงการทาง ข้ามสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนที่จะแยกซ้ายเข้าสู่ถนนสายในที่ไปยังเขื่อนเจ้าพระยา จ.สิงห์บุรี อ่างทอง ก่อนที่จะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่ อ.ป่าโมก มาบรรจบสี่แยกทุ่งมะขามหย่อง เลี้ยวขวาลงมาขึ้นทางด่วนที่ อ.บางไทร เข้ากรุงเทพฯ ต่อไป
แยกดักคะนน มีทางแยกขวาไปยังวัดเขาธรรมามูล ข้ามสะพานกรมโยธาธิการ หรือท่าลงโป๊ะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังวัดปากคลองมะขามเฒ่า ต่อไปยัง อ.วัดสิงห์ ตัดถนนสายสุพรรณบุรี และเขื่อนเจ้าพระยาครับ พี่สมชายเคยพาไปเที่ยวถนนสายนี้มาแล้ว |
|
Back to top |
|
|
ksomchai
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2009 Posts: 6384
Location: เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ ป่าชุ่มน้ำผืนใหญ่ แหล่งวางไข่ปลาทู
|
Posted: 26/02/2015 9:25 pm Post subject: |
|
|
ผมขับรถขึ้นเหนือ จากภาคใต้ ผ่านนครปฐม เข้าสุพรรณบุรี ผ่านชัยนาท เข้าสู่ นครสวรรค์ ผ่านถนนสายนี้เห็นคันนี้
สงสัยอยู่เหมือนกันครับว่าเขาขุดดินมาไว้ทำไม พึ่งถึงบางอ้อวันนี้เอง _________________
|
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 27/02/2015 9:30 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณพี่ตึ๋งที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ ว่าคันดินที่สร้างนั้น สร้างพร้อมกับเขื่อนเจ้าพระยามานานตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 คือเป็นตัวเลขท้าย 2 ตัวของปีพุทธศักราชนั่นเอง ผมนึกว่าสร้างตอนปี พ.ศ.2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ซะอีก แต่เหตุผลการสร้างคันดินดูจะไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนเจ้าพระยา เพราะสร้างอยู่เหนือเื่ขื่อนซะไกล(ลองวัดคร่าวๆจากแผนที่ตามระยะทางแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ปาเข้าไปเกือบ 20 กิโลเมตรเลย) แต่ก็ไม่แน่ ว่าถ้าหากเขื่ือนกักน้ำไว้เยอะๆ อาจมีล้นตลิ่งด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำ เลยสร้างคันดินเสริมไว้ก็เป็นได้
สำหรับเส้นทางลัดหลบรถติดสายเอเชีย โดยย้ายไปวิ่งฝั่งทิศตะวันตกของแม่น้ำเ้จ้าพระยาแทน ตั้งแต่ ชัยนาท นี้ก็เป็นความคิดที่ดี แต่เส้นทางนี้คดเคี้ยว ยาวไกล ทำความเร็วไม่ได้ ผมเคยขับจาก ร้านกุ้งเผาวัดตาชู ตามที่พี่ตึ๋งบอก โอ้โฮ..นานมากๆ เพราะดันวิ่งกลางคืน ทำความเร็วได้เฉลี่ยแค่ 50 กม./ชม. เอง เดี่๋ยวก็เจอรถใหญ่ ต้องหาจังหวะแซงอีก แ่ต่ผมเองก็เคยหลบรถติดกับเส้นทางนี้มาครั้ง เื่มื่อนานมาแล้ว โดยผ่านเข้าทาง เมืองสิงห์บุรี ตอนมาจากบ้านต่างจังหวัดในช่วงเทศกาล(ตอนนั้นยังไ่ม่ได้ขายบ้านที่เพชรบูรณ์) ต่อมาก็มีอีกครั้ง โดยมาเลี้ยวไปใช้เส้นทางปรับปรุงใหม่ จ.สุพรรณบุรี-บางบัวทอง โดยผ่าน อ.ป่าโมก ก็ยังรู้ึสึกประทับใจมาจนทุกวันนี้กับถนนใหญ่ สาย 340 ด้านข้าง จ.สุพรรณบุรี ที่มีเกาะกลางถนนสวยๆ และรถแทบไม่มี ต่างจากสายเอเชียที่แน่นมากๆครับ
สำหรับสะพานกรมโยธาธิการ ใกล้วัดธรรมามูลวรวิหาร นั้นนับเป็นสะพานแรกสุด ที่มี หลังจากสะพานแถวสวนสาธารณะ เมืองอุทัยธานีโน้น ทีแรกผมยังคิดว่าปัจจุบันมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแถว อ.มโนรมย์ ให้คนข้ามไปวัดท่าซุงได้โดยไม่ต้องลงโป๊ะแล้วนะนี่ แต่ก็ยังดี ถ้าหากไม่มีสะพานกรมโยธาธิการนี้ คนที่มาจากวัดท่าซุง จะกลับกรุงเทพฯ ถ้าไม่อยากลงโป๊ะ คงต้องวิ่งลัดเลาะเลียบแม่น้ำเจ้าพระยามาจนถึง จ.ชัยนาท เพื่อข้ามกลับมาสายเอเีชีย หรือไม่ก็วิ่งผ่าน จ.สุพรรณบุรีลงกรุงเทพฯ เลยนะครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 27/02/2015 6:11 pm Post subject: |
|
|
ออกจากแยก แขวงการทาง กลางเมืองชัยนาทก็เปลี่ยนถนนเป็นหมายเลข 340 (ที่วิ่งยาวไปถึงสี่แยกบางบัวทองเลย) มาประมาณ 3 กิโลเมตรก็ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งถนนต่อจากนี้ ทางฝั่งตรงข้ามอันเป็นขาขึ้น(ทิศตะวันตก)จะมีคลองคู่ขนานตลอด แต่เดิมเป็นถนน 2 เลนรถวิ่งสวนทางกัน เงียบและมืดมาก ยิ่งตอนที่เขาปรับปรุงทางละก็ ขับๆ ไปกลัวจะตกคลองอยู่เหมือนกัน มีระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตรถึง อ.สรรคบุรีแล้วจากนั้นแล้วก็เลี้ยวขวาข้ามคลองทางขวามือ มายัง จ.สุพรรณบุรี (ถ้าหากวิ่งตรงไปอีก ถนนจะกลับเป็น 2 เลนสวน และเปลี่ยนเป็นสาย 3251 วิ่งเลียบคลองเดิม ลัดเลาะยาวไปทางเมืองสิงห์บุรีโน้น)
อ้อ...ข้อควรระวัง ถนนช่วงระหว่าง ตัวเมืองชัยนาทกับ อ.สรรคบุรีนี้ เนื่องจากฝั่งขาขึ้นเหนือ ติดคลองจึงไม่มีปั๊มน้ำมันตลอดแนว จึงต้องทำใจไว้ล่วงหน้านะครับ ไ่ม่งั้นคงต้องไปกลับรถ เพราะมีปั๊มอยู่ทางขาล่องเท่านั้น และน้อยมากด้วยครับ
ภาพซ้าย : ตอนนี้ได้เลี้ยวขวาตรง อ.สรรคบุรี แล้ว ไ่ม่นานก็เจอป้ายบอกระยะทาง จ.สุพรรณบุรีอีก 77 กิโลเมตรเองครับ เวลาตอนนั้นก็ประมาณ 1 ทุ่มแล้ว
ภาพขวา : กำลังผ่านทางเข้า "บึงฉวาก" แล้วครับ มีป้ายแสงแนวตั้งให้ดูเป็นที่สังเกตุ การเข้าบึงฉวากจากขาล่องต้องไปกลับรถในระยะทางประมาณ 700 เมตรและเข้าไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรเศษก็ถึงครับ หรืออีก 55 กิโลเมตรถึง จ.สุพรรณบุรี รวมระยะทางกว่าจะถึงกรุงเทพฯ ก็ 163 กิโลเมตร เวลาก็ทุ่มครึ่งแล้วสบายๆ เพราะมีรถวิ่งน้อยมากครับ
ถึง จ.สุพรรณบุรีแล้ว ก็แวะปั๊มปล่อยของสักหน่อยครับ เป็นปั๊มเชลส์ที่อยู่ตรงข้ามกับปั๊มปตท.ขนาดใหญ่ (ฝั่งขาขึ้น) ที่มีต้นโพธิ์ล้อมด้วยอ่างปลา อันเป็นจุดสังเกตุ ก่อนเข้าถนนอ้อมเมืองสุพรรณด้านใต้นะครับ ในภาพคุณพ่อตาเพิ่งออกจากห้องน้ำ ต้องค่อยๆ เดินเพราะนั่งรถนานไปหน่อยครับ
ตรงหน้าห้องน้ำ เหลือบเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ สถานที่ท่องเที่ยวใน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีครบทุกอำเภอ เลยถ่ายมาให้ดูว่า ท่านเคยไปกี่แห่งมาแล้วครับ (เวลาตอนนั้นก็ 2 ทุ่มครึ่งพอดี)
เสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อครับ กับเส้นทางช่่วงสุพรรณบุรี-บางบัวทอง เจ้าลูกผมก็แอบถ่ายผมขณะขับรถเพลินไปด้้วย จอสว่างๆ เล็กๆ ทางซ้ายมือนั้นก็คือ GPS Pocket PC ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ในทริปไปภูเก็ตกับรถมิตซู มิราชคันเดิมโน่นละครับ ยังใช้งานได้ดีก็เลยยังเป็นเพื่อนคู่ใจยามขับรถคนเดียวได้เสมอมาครับ
Last edited by mirage_II on 19/03/2015 4:35 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 27/02/2015 8:25 pm Post subject: |
|
|
ก่อนจะจบทริปนี้ ผมขอแสดงตำแหน่งสถานที่ต่างๆ ที่กล่าวถึงในแผนที่ ข้างล่างนี้ไว้อ้างอิงนะครับ
โดยแทนเส้นการเดินทางด้วยสีเขียว และทางรถไฟด้วยเส้นสีดำเข้ม (ต้องมีทางรถไฟด้วย เพราะเราเป็นเ็ว็บคนรักรถไฟครับ ว่าวิ่งรถบนถนนห่างทางรถไฟแค่ไหนใจก็ยังคิดถึงทางรถไฟนะครับ ) ซึ่งจะเห็นว่าทางรถไฟนั้นจะเบนไปทางทิศตะวันออก เล็กน้อยแล้วก็เบนกลับไปทิศตะวันตก จนถึง นครสวรรค์ แล้วก็เบนกลับไปทิศตะวันออกอีกทีครับ แต่ที่ดูตลกก็คือ ถนนหมายเลข 1 นี่ ที่ตัดอ้อมมาก จาก จ.นครสวรรค์ เบนไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ พอถึง จ.ชัยนาทก็ วกกลับขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถึง อ.ตากฟ้า แล้วถึง ล่องลงมา จ.ลพบุรี และเบนกลับมา จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนตรงเข้ากรุงเทพฯ ก็คงเป็นเพราะสมัยก่อน ถนนนั้นมีไว้แค่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด ไ่ม่ได้คิดถึงการวิ่งลัดตรงขึ้นไปจังหวัดภาคเหนือเลย เพราะต้องนึกถึงความคุ้มทุน กับปัญหาเรื่องสะพาน ที่ต้องใ้ช้งบและเทคโนโลยีที่เราไม่มี และที่สำคัญ เรามีทางรถไฟที่อำนวยความสะดวกมากกว่าอยู่แล้ว เพราะคนสมัยก่อนไม่ค่อยมีรถยนต์ส่วนตัวกันสักเท่าใด แถมการเดินทางด้วยเรือก็ยังพอทำได้ (ยิ่งตอนที่ยังไม่มีการสร้างเขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท เรือสามารถแล่นตรงจากกรุงเทพฯ ถึง นครสวรรค์ได้เลย แถมยังไปได้ไกลกว่านั้น ถ้าหากพอมีน้ำ คืออาจถึงเชียงใหม่ หรือ ลำปาง ดังที่มีการล่องไม้ซุงจากป่าในภาคเหนือเป็นต้น
และในที่สุดก็ถึงบ้านคุณพ่อแม่แฟน แถววัดม่วงโดยสวัสดิภาพครับ เมื่อเวลา 4 ทุ่มเศษ นับเป็นการกลับถึงบ้านจากการท่องเที่ยวระยะไกลที่เร็วที่สุด เพราะปกติต้องมีตี 1 ขึ้นไปครับ
ขอขอบคุณที่ติดตามกระทู้ที่เยิ่นเย้อ...ยืิดยาวจนจบครับ คอยติดตามชมกระทู้ต่อไปในโอกาสหน้านะครับ
Last edited by mirage_II on 19/03/2015 4:55 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44792
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 01/03/2015 10:07 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณพี่ mirage_II มากครับที่นำภาพถ่าย ข้อมูล ความรู้และประสบการณ์การเดินทางมาลงให้ชมกันที่รถไฟไทยดอทคอมครับ
ด้วยขนาดภาพที่จำกัดไว้ที่ความกว้าง 640 pixel อาจจะทำให้การนำเสนอไม่คล่องตัวเหมือนกับเว็บอื่น ๆ อีกหลายเว็บ แต่ก็ทำให้กระทู้อ่านง่าย ไม่โหลดนาน เป็นระเบียบเรียบร้อยดีครับ ชอบเทคนิคการนำเสนอของพี่ mirage_II ครับ
รอติดตามชมกระทู้การเดินทางอีกครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/03/2015 1:36 am Post subject: |
|
|
รู้สึกขอบคุณเช่นกันครับ คุณหม่องวิน การแวะเข้ามาทักทายเป็นระยะก็ทำให้กระทู้ไม่เหงา ผู้จัดทำก็รู้สึกอบอุ่น มีกำลังใจว่ามีผู้ติดตามอยู่บ้าง (โชคดีที่เว็บนี้มี ตัวเลข views ไว้ให้ทราบด้วย ต่างกับเว็บอื่นๆ เช่นพันทิป ที่เราจะไม่รู้เลยว่ามีใครมาดูกระทู้เราบ้างหรือไม่ ถ้าหากไม่มีคนเข้ามาทักทาย หรือให้กิฟท์ แต่ถึงอย่างไรการทักทายหรือเพิ่มเติมข้อมูล ตลอดจนสอบถามบ้างก็จะทำให้รู้สึกว่ากระทู้มีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง)
ถึงแม้ว่ากระทู้นี้จะจบลงไปแล้ว แต่ผมยังต้องเข้ามาแก้ไขลิงค์ภาพ ที่เดิมฝากไว้กับเว็บ brinkster.com แล้วอยู่ๆ ก็หายไปทั้งหมด ไม่สามารถล๊อคอินเข้าไปได้ ทั้งๆ ที่เป็น เซิร์ฟเวอร์เช่าเสียเงินคราวละ 3 ปี ตอนนี้ก็แก้ไขลิงค์เข้ามาเยอะแล้วครับ ผมแบ่งเวลาทำวันละ 1 หน้า คงใช้เวลาสักกลางเดือนจึงจะครบ (เพราะของเก่าที่ฝากไว้ แค่ ก่อนถึง สถานีรถไฟบ้านปิน นะครับ) และยังมีอีกกระทู้ที่ต้องแก้ไข คือ ทริปคีรีรัฐนิคม ทั้งกระทู้ รวม 50 หน้าพอดี คงเลยสงกรานต์ไปแล้วจึงจะแก้ไขเสร็จนะครับ
ช่วงนี้อาจพักกระทู้สักหน่อย เพราะมีของเก่า ดองไว้ตั้งแต่ปี 2556 โน้น เป็นทริปไปภูทอกซึ่งไม่เกี่ยวกับรถไฟ เลยจะเอาไปลงเว็บพันทิป ที่ผมร้างลา ไม่ได้ตั้งกระทู้มาตั้งแต่ต้นปี 2557 แล้วครับ แต่ก็จะคัดเลือกลงในเฟสบุ๊คด้วยอีกทาง เพื่อช่วยสำเนากันสูญหาย ครับ
แต่ถึงอย่างไร กระทู้ต่อไปที่จะลงในเว็บนี้ คือ สำรวจทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย ช่วง วงเวียนใหญ่-วัดสิงห์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากพี่ตึ๋ง ที่เคยไปสำรวจมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 โน้น และด้วยความรู้สึกที่กลัวว่าอีกหน่อย อาจถูกเปลี่ยนให้เป็นรถไฟฟ้า หรือมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาจน สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ครับ (ผมได้แอบวางช็อตเด็ด อุโมงค์ต้นไม้ลงในเฟสบุ๊คมาแล้วเล็กน้อยด้วยครับ เพราะไม่รู้ว่าจะได้ลงกระทู้เต็มๆ เมื่อใดครับ) |
|
Back to top |
|
|
|