ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Mongwin]

พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง รับน้องรถไฟ ประหยัดพลังงาน
สำนักข่าวไทย TNA News 1 มิ.ย. 2556 10:25

กทม. 1 มิ.ย. - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดกิจกรรมรับน้องประหยัดพลังงาน

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดประเพณี "รับน้องรถไฟ 2556" ซึ่งเป็นประเพณีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีนี้เน้นทำสถิติการรับน้องที่ใช้พลังงานน้อยที่สุด ภายใต้แนวคิด Train Pool Day ให้รุ่นน้องเฟรชชี่กว่า 800 คน นั่งรถไฟจากหัวลำโพงแทนการขับรถยนต์ไปที่สถาบันฯ ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมรับน้องกลางแจ้งแทนการจัดในห้องแอร์เพื่อประหยัดไฟ การใช้ขวดน้ำขวดเดียวเพื่อลดปริมาณขยะ

นายสายชล ศรีเอม นายกองค์การนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จะสามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันกว่า 7,000 ลิตร ลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกกว่า 3,000 ขวด และลดการใช้ไฟฟ้ากว่า 200,000 วัตต์. - สำนักข่าวไทย

[Mongwin]

สถานีรถไฟหัวหิน เร่งปรับปรุงอาคารสถานี และการให้บริการ รองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ 3 มิถุนายน 2556

สถานีรถไฟหัวหิน เร่งปรับปรุงอาคารสถานี และการให้บริการ รองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว

นายประสงค์ โกมุข นายสถานีรถไฟหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า สถานีรถไฟหัวหิน กำลังเร่งปรับปรุงอาคารสถานีรถไฟหัวหินและการให้บริการไปสู่มาตรฐานสากล โดยหลังจากที่มีการทาสีอาคารใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนโคมไฟเป็นรูปหงส์เพื่อให้เข้ากับสถาปัตยกรรมของตัวอาคารสถานีแล้ว จะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านหลังอาคารของสถานี ในวงเวียน ด้านหน้าพลับพลา และจะทาสีโบกี้ห้องสมุดรถไฟใหม่ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ และความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอำเภอหัวหิน ซึ่งในปัจจุบัน วันธรรมดามีจำนวนประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้บริการสถานีรถไฟหัวหิน ประมาณวันละ 600 คน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีประชาชนใช้บริการประมาณวันละ 1,000 คน

นอกจากนี้ สถานีรถไฟหัวหิน เตรียมปรับปรุงการบริการไปสู่มาตรฐานสากลด้วยการจัดเจ้าหน้าที่คอยให้บริการประชาชนอย่างเพียงพอทั้งด้านความปลอดภัย และความสะอาดของห้องน้ำ ที่พักสำหรับรอโดยสารรถไฟ มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อให้ผู้ใช้บริการเกิดความพึงพอใจสูงสุดรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวในอนาคต

[Mongwin]

หารือเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางรถไฟเมืองแฝดเชียงใหม่-ลำพูน
สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่ 5 มิถุนายน 2556 / 16:15:56

องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้จัดการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรรัฐ ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูน เกี่ยวกับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองแฝด เชียงใหม่-ลำพูน เพื่อเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ทางรถไฟเป็นความร่วมมือกันระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน โดย ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2556 ที่ห้องประชุมบัญชาการยุทธศาสตร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน

จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน นับเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ และมีความสัมพันธ์ต่อกันตั้งแต่ในอดีตไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และการติดต่อการค้าการขาย ในการพัฒนาของทั้งสองจังหวัดนั้น ได้มีแนวคิดในการพัฒนาร่วมกันเรียกว่า โครงการเมืองแฝดเชียงใหม่-ลำพูน ในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน นิยมเดินทางไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว ต่าง ๆ โดยทางรถยนต์ ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถบัสเป็นหลัก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าควรจะได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟ ทั้งนี้เนื่องจากเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนนั้นมีความสำคัญและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี เริ่มดำเนินการก่อสร้างในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุโมงค์ขุนตาล ซึ่งมีความยาว 1.352.15 เมตร นับเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และใช้ระยะเวลาการขุดเจาะก่อสร้าง 11 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2450-2461 จึงแล้วเสร็จนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เส้นทางรถไฟสายนี้เป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจและการค้าสำคัญที่สร้างความเจริญให้แก่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนในสมัยนั้น

ดังนั้นจึงได้ร่วมกันจัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟ ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองแฝด เชียงใหม่-ลำพูน ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่เส้นทางรถไฟเป็นความร่วมกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เพื่อเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูนเพิ่มมากขึ้น และเพื่อส่งเสริมรายได้จากการท่องเที่ยวให้แก่ประชาชนทั้งสองจังหวัด ซึ่งคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศท่องเที่ยวทางรถไฟสายประวัติศาสตร์เชียงใหม่-ลำพูน ไม่น้อยกว่า 20,000 คน ต่อปี และมีนักเรียน นักศึกษา เยาวชนและผู้สูงอายุได้ท่องเที่ยวทัศนศึกษาไม่น้อยกว่า 20,000 คน ต่อปี

ซึ่งต่อจากนี้ไปทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และองค์การรบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จะได้ร่วมกันสำรวจศึกษาเส้นทางและสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพน่าสนใจในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟจากจังหวัดเชียงใหม่มายังจังหวัดลำพูน และจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวทางรถไฟ จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์โครงการให้แก่สื่อมวลชนทั้งในจังหวัดและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประสานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัทนำเที่ยว และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้าร่วมสนับสนุนโครงการต่อไป

[Mongwin]

เปิดตำนาน “Train Pool Day” รับน้องรถไฟ แบบฉบับชาวลาดกระบัง
โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2556 17:40 น.

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในชื่อ “พระจอมเกล้าลาดกระบัง” นั้นเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่คู่สังคมไทยมากว่า 50 ปี นอกจากจะมีบทบาทในการผลิตนักศึกษาหัวกะทิ เพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วยังมีพันธกิจหนึ่งคือการบ่มเพาะสร้างบุคลากรที่เปี่ยมไปด้วยจิตสำนึกในการตอบแทนสังคมและพัฒนาประเทศไทย

สำหรับการสร้างจิตสำนึกนั้น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง ปลูกฝังตั้งแต่กิจกรรมการรับน้องซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการเป็นนักศึกษา ซึ่งประเพณีการรับน้องของ “พระจอมเกล้าลาดกระบัง” ที่เป็นตำนานมากว่า 25 ปี นั่นคือ “ประเพณีรับน้องรถไฟ”โดยในปีการศึกษา 2556 นี้ “นักศึกษาใหม่” หรือ “เฟรชชี่” ทุกคนกว่า 3,000 คนจะได้ร่วมกิจกรรม“ประเพณีรับน้องรถไฟ” ที่มีความแตกต่างไปกว่าเดิมนั่นคือ “รับน้องรถไฟประหยัดพลังงาน”พร้อมทำสถิติ การรับน้องที่ใช้พลังงานน้อยที่สุดในประเทศไทย กิจกรรมรับน้องประหยัดพลังงาน สุดเก๋ไก๋ ครั้งแรกของโลก กับแนวคิดกับ “Train Pool Day”ที่สามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่า 7,000 ลิตรพร้อมกิมมิคสุดเท่ “บูมรถไฟ ใส่ใจพลังงาน”
โดยกิจกรรม“ประเพณีรับน้องรถไฟ” ในปี 2556 ภายใต้แนวคิด “ประหยัดพลังงาน” นั้น

“เฟรชชี่” ทุกคนได้รับการนัดหมายเวลา 7นาฬิกาตรง ณ ชานชาลาสถานีรถไฟหัวลำโพง พร้อมรุ่นพี่ที่ตีกลองรัวสนั่น กับเสียงเชียร์ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง เสียงปรบมือ โห่ร้องดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องที่คอยต้อนรับน้องเฟรชชี่รั้วแคแสด พลอยทำให้ผู้คนแถวนั้นอดอมยิ้มและนึกยินดีกับความสำเร็จก้าวแรกของเด็กๆไปเสียไม่ได้ ณ ชานชาลาแห่งนี้ นอกจากการเชียร์เพื่อสร้างสามัคคี และเพื่อสร้างความรู้จักให้ปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ รุ่นพี่ทุกคนยังบูมเพื่อปลูกฝังการสร้างแนวคิดการรักประเทศไทย และความรู้เรื่องการประหยัดพลังงาน

ตลอดจนเล่าถึงบรรยากาศภายในสถาบัน ที่แวดล้อมไปด้วยความเป็นธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างรวมถึงเทคโนโลยีจำนวนมากที่ล้วนหล่อหลอมให้เด็ก “พระจอมเกล้าลาดกระบัง” มีแรงบันดาลใจในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อตอบแทนสังคมและพัฒนาประเทศไทยในด้านต่างๆ โดยในปีนี้ก่อนที่ “เฟรชชี่” จะออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงสู่สถานีปลายทางพระจอมเกล้าลาดกระบังผ่านกิจกรรม Train pool day นั้น เหล่า “เฟรชชี่” และรุ่นพี่ทุกคน ร่วมกันทำกิจกรรม “บูมรถไฟ”โดยใช้ข้อความว่า “รถไฟไทย ลดใช้พลังงาน”เพื่อให้รถไฟเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศไทย และการบูมเป็นสัญลักษณ์ในการการร่วมมือร่วมใจผสานกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ปณิทานเดียวกัน

บนขบวนรถไฟสายตะวันออกที่กำลังมุ่งหน้าสู่ลาดกระบัง ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องร่วมสถาบันกว่า 800 ชีวิต จะได้พบปะและพูดคุยกันเป็นครั้งแรกการเอ่ยขานชื่อเสียงเรียงนามสร้างความคุ้นเคยได้เกิดขึ้นเป็นระยะตลอดเวลากว่า 45 นาที ที่การเดินทางนั้นถูกปกคลุมไปด้วยความสุข เคล้าผ่านเสียงเพลง เสียงเชียร์ โดยระหว่างเส้นทาง หัวลำโพงสู่ลาดกระบัง ใช้เส้นทางรถไฟสายตะวันออก รุ่นพี่และคณาจารย์ยังอธิบายระหว่างทางสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยที่มีความเจริญสูงสุดผ่านระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟลอยฟ้า หรือแม้แต่รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ยังมีความเหลื่อมล้ำของสังคมผ่านชุมชนระหว่างทาง รวมถึงระบบรถไฟที่เรากำลังใช้เดินทางที่มีมานานกว่า 100ปี เพื่อปลุกไฟใน “เฟรชชี่” เพื่อให้นำความรู้ที่ตนเองจะได้ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ พระจอมเกล้าลาดกระบัง มาพัฒนาประเทศให้เกิดความเท่าเทียม ทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี เท่าที่คนไทย คนหนึ่งจะทำได้

เมื่อเข็มนาฬิกาเดินใกล้เวลา 8:00 นาฬิกาเข้ามาทุกที ขบวนรถไฟค่อยๆผ่อนความเร็ว พร้อมนับถอยหลังหยุดเทียบท่าเข้าจอด ณ ชานชาลาสถานีพระจอมเกล้า สถานีรถไฟที่ตั้งอยู่กลางสถาบันและมีชานชาลาเทียบท่าเป็นอาคารเรียน เหล่าเฟรชชี่น้องใหม่พร้อมใจกันก้าวลง เสียงเพลงเชียร์ประจำสถาบันค่อยๆดังขึ้นๆผ่านการร้องประสานเสียงและรอยยิ้มของเหล่ารุ่นพี่ที่มารอต้อนรับน้องๆเฟรชชี่ ณ ชานชาลา กับการเข้าสู่งานก้าวแรก 2556 หรือ Welcome me…อาเซียนFirst Step to KMITL 2013

นายสายชล ศรีเอม นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นายกองค์การนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังกล่าวว่าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเป็นสถาบันการศึกษาที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านสถานที่และวิธีการเดินทางที่ไม่เหมือนสถาบันการศึกษาอื่น โดยนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะเดินทางมาเรียนด้วยรถไฟ ทำให้ประเพณีรับน้องรถไฟ ได้ถือกำเนิดขึ้น และเป็นระยะเวลากว่า 25 ปีแล้ว ที่ประเพณีนี้ได้ทำหน้าที่เป็นเส้นทางสานสัมพันธ์และหลอมรวมให้เหล่านักศึกษาของสถาบันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้ครอบครัวใหม่ที่ทุกคนจะกลายเป็นลูกพระจอม

"ในปีนี้เราได้จัดกิจกรรมการรับน้องรถไฟ ในรูปแบบของการรับน้องประหยัดพลังงานและเพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนประเทศไทยอย่างชัดเจน จึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรม “บูมรถไฟ ใส่ใจพลังงาน” โดยรูปแบบงานในครั้งนี้จะเป็นการรับน้องที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดในประเทศไทย เริ่มต้นด้วย Train pool day ที่สามารถประหยัดพลังงานน้ำมันได้มากถึง 7,000 ลิตร และการลดใช้พลังงานไฟฟ้าที่จากเดิมได้มีการจัดงานในหอประชุมใหญ่ ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นลานกิจกรรมกลางแจ้งแทน ซึ่งสามารถประหยัดการใช้ไฟได้มากถึง 200,000 วัตต์ หรือแม้แต่การลดปริมาณขยะอย่างขวดน้ำพลาสติกที่จะแจกให้น้องๆเพียงขวดเดียวเท่านั้นและใช้วิธีการเติมน้ำดื่มจากถังน้ำแทนการเปิดขวดใหม่ โดยสามารถลดปริมาณขยะจากขวดน้ำพลาสติกได้มากถึง 3,000 ขวด

นอกจากนี้ประเพณีรับน้องรถไฟ ใส่ใจพลังงานจะมาพร้อมกับกิจกรรมงานก้าวแรก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่องค์การนักศึกษา สจล. จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อต้อนรับน้องใหม่หลังจากที่ลงจากขบวนรถไฟประหยัดพลังงาน “จากหัวลำโพง...สู่สถานีพระจอมเกล้า”

สำหรับงานก้าวแรก 255 6องค์การนักศึกษาสจล. ได้จัดรูปแบบงานให้สอดคล้องกับนโยบายการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและการประหยัดพลังงาน ซึ่งภายในงานจะประกอบไปด้วย ฐานต่างๆจำนวน 8 ฐาน โดยแต่ละฐานจะเริ่มจากการชมการแสดงที่นำเสนอวัฒนธรรม สังคม และวิถีการดำเนินชีวิตของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่น้องๆ รวมไปถึงประวัติความเป็นมาของแต่ละคณะในสถาบันและเกมส์การปลูกฝังจิตสำนึกในการประหยัดพลังงาน พร้อมกับกิจกรรมการต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างเป็นทางการคือ พิธีบายศรีสู่ขวัญแห่งพระจอมเกล้าลาดกระบังโดยจะมีการผูกข้อมือเรียกขวัญกำลังใจเพื่อเป็นสิริมงคลแก่รุ่นน้อง รวมถึงกิจกรรมปิดท้ายงานอย่างคอนเสิร์ตสุดพิเศษจากศิลปินชื่อดังที่พี่ๆตั้งใจมอบให้น้องใหม่ทุกคน เพื่อสร้างรอยยิ้มแห่งความประทับใจ กับก้าวแรกของการเข้าสู่รั้วสถาบันอุดมศึกษา โดยในแต่ละปีจะมีนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 3,000คน" นายสายชลกล่าวสรุป

ประเพณีรับน้องรถไฟที่องค์การนักศึกษา สจล. ได้จัดขึ้นในปีนี้ นอกจากจะสะท้อนถึงประเพณีที่มีการสืบทอดต่อกันมาแล้ว การแสดงเจตนารมณ์ในการร่วมมือกันประหยัดพลังงานก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหล่านักศึกษาได้แสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์และความเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีรับน้องที่ประหยัดพลังงานได้มากที่สุดในประเทศไทย โดยการเชิญชวนน้องๆเดินทางไปยังสถาบันฯด้วยรถไฟ ที่ช่วยประหยัดพลังงานน้ำมันได้มากถึง 7,000 ลิตร การเปลี่ยนสถานที่ทำกิจกรรมที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 200,000 วัตต์ และการปลูกฝังจิตสำนึกในการร่วมมือกันประหยัดพลังงานให้เห็นถึงคุณค่าของพลังงานซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้เป็นการต่อยอดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวของนักศึกษาสถาบันฯเองอาทิเช่น อาคารประหยัดพลังงาน(Net Zero Energy Building)ที่ด้านหน้าอาคารและหลังคาติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้งานภายในอาคาร ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้ 50% และนวัตกรรมประหยัดพลังงานต่างๆ อย่างเช่น ระบบสมาร์ทกริด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารมาบริหารจัดการควบคุมการผลิต ส่ง และจ่ายพลังงานไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นที่มาของการแสดงจุดยืนให้สังคมภายนอกได้เห็นถึงความเป็นสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

[Wisarut]

ประชุมร่วมระหว่าง รฟท. + KTMB ครั้งที่ 33 ที่พัทยา เมื่อ 24-28 กันยายน 2555

[Wisarut]

รมว.คมนาคม บี้ ร.ฟ.ท.-รฟม.เร่งปรับโครงสร้าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
12 มิถุนายน 2556 18:03 น.

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ควรจะมีการนำเดินการโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จ ทั้งเรื่องที่ดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน เรื่องที่ยังค้างอยู่ รวมถึงการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับกับโครงการ 2 ล้านล้านบาท ควรจะมีการดำเนินการเตรียมปรับว่าจะมีการปรับโครงสร้างอย่างไร ใครอยู่หน่วยไหน รวมถึงการจัดตั้งบริษัทลูกที่จะมาบริหารงาน ทั้งหมดควรจะเริ่มดำเนินการให้ชัดเจน
ขณะเดียวกัน นายชัชชาติ กล่าวว่า ด้านการรถไฟฟ้าขนส่งมลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็ควรจะเร่งรัดในการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 6 สาย ซึ่งยังมีความล่าช้าอยู่ โดยแต่ละสายต้องคิดว่าจะมีการเดินรถอย่างไร ทั้งนี้ จะพยายามเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ แต่เนื่องจากบางอย่างไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของกระทรวงคมนาคม เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค ที่ต้องสร้างร่วมกับกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ได้เชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร เข้าหารือถึงแนวทางต่างๆ แล้ว

[Wisarut]

พท.อ้อนคนดอนเมืองโค้งสุดท้าย รื้อรางรถไฟแก้รถติด ตั้ง รพ. เพิ่มผู้โดยสารสนามบิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
12มิถุนายน 2556 16:32 น.

พท.ตั้งโต๊ะแถลงความพร้อมรับศึกชิง ส.ส.ดอนเมือง “จารุพงศ์” ปลุกคนในพรรคลงพื้นที่ช่วย 14 มิ.ย.ปราศรัยใหญ่ นายกฯ นำทีม พร้อมตั้งทีมป้องโกง “อนุดิษฐ์” วาดฝันแก้ปัญหาจราจร รื้อทางรถไฟเลียบวิภาวดียกสาย ชี้เป็นเหตุรถติด พร้อมสร้างทางเชื่อมถนนสายอื่น ผุดไอเดีย รพ.ราชวิถี 2 ในดอนเมือง โวประสานกองทุนพัฒนาชุมชนได้ดี ดันสนามบินดอนเมืองรับผู้โดยสารให้ถึง 35 ล้านคนต่อปี รับ AEC

วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ส.ส.เขตดอนเมือง กทม. นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยร่วมกันแถลงความพร้อมการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตดอนเมืองที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งจริงวันที่ 16 มิ.ย.นี้

นายจารุพงศ์กล่าวว่า ในช่วงสุดท้ายของการเลือกตั้งต้องขอความร่วมมือรัฐมนตรี ส.ส., ส.ก. และ ส.ข.ของพรรคเพื่อไทยให้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด โดยวันที่ 14 มิ.ย.นี้จะมีการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะขึ้นเวทีนำปราศรัยหาเสียง นอกจากนี้ทางพรรคได้จัดทีมงานป้องกันการโกงเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นด้วย

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ทางพรรคจะลงพื้นที่หาเสียงให้ประชาชนทราบว่าการเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยจะสามารถดำเนินโครงการโดยอาศัยการประสานงานเชื่อมต่อการแก้ไขปัญหากับรัฐบาลได้อย่างครบวงจร โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนที่เป็นปัญหาของชาวดอนเมือง โดยจะเดินหน้าแผนงานยกทางรถไฟทั้งเส้นที่คู่ขนานเเละขวางทางออกสู่ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อให้ยานพาหนะสามารถโดยสารใต้ทางที่ยกระดับได้ ตลอดจนการสร้างทางข้ามเพื่อเชื่อมต่อกับถนนหลักไม่ว่าจะเป็นจุดตัดที่ถนนสรงประภาไปจนถึงตลาดใหม่หน้าดอนเมือง เพื่อเปิดทางออกสู่ถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งนี้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาจราจร เพราะทางรถไฟเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้การจราจรติดขัด

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวต่อว่า ทางพรรคยังผลักดันให้เกิดสถานพยาบาลแห่งใหม่ เป็นโรงพยาบาลราชวิถีแห่งที่ 2 ในเขตดอนเมือง เพราะพื้นที่ดอนเมืองถือเป็นเขตที่จำเป็นต้องมีโรงพยาบาลที่ทันสมัย เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และมีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยอย่างเพียงพอ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับกองทุนพัฒนาเมือง หรือโครงการร้อยมือสร้างเมือง ที่ให้ประชาชนคิดโครงการเสนอของบประมาณจากรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาชุมชนเมืองและหมู่บ้าน ซึ่งผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยจะสามารถประสานงานเรื่องนี้กับรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ทางพรรคยังเห็นว่าสนามบินดอนเมืองเป็นประตูสำคัญของอาเซียน จึงมีแผนเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสาร จากเดิมที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 10 ล้านคน จะเพิ่มเป็น 17 ล้านคนในปี 2556 ในปี 2557 เพิ่มเป็น 23 ล้านคน และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคน โดยพรรคต้องการให้ประชาชนเชื่อมั่นในพรรคว่าสามารถทำงานเพื่อคนดอนเมืองได้อย่างมืออาชีพ เพราะมีทีมงานครบทีมอยู่แล้ว

//-------------------

[Wisarut]

ดันบียูเดินรถไฟหารายได้ ร.ฟ.ท.เร่งเครื่องรองรับอนาคตใหม่สู่บริษัทจำกัด
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2013 เวลา 13:21 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,8543 วันที่ 20 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ประภัสร์" รุกแผนสร้างรายได้ ยกเครื่องบียูเดินรถอันดับแรก ดึงแอร์พอร์ตลิงค์เข้าเสริม ก่อนดันเป็นบริษัทจำกัด รองรับบริการเดินรถของรถไฟในอนาคต อีกด้านติวเข้มงานบริหารทรัพย์สินก่อนปรับเป็นคิวต่อไป พร้อมเปิดทางมืออาชีพนั่งแท่นบริหารจัดการ นักวิชาการชื่อดังแนะแยกหน่วยบริหารแต่ละแปลงใหญ่ให้เกิดการแข่งขันและร.ฟ.ท.ต้องเร่งปรับตัว ชี้ระดับบอร์ดต้องจับเข่าหารือแนวทางความชัดเจนด้านประโยชน์ของการเป็นหน่วยธุรกิจหรือบริษัทจำกัด

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าในปีนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม โดยเฉพาะธุรกิจหลัก เช่น หน่วยธุรกิจ(บียู)การเดินรถ ให้มีความเข้มแข็งก่อนที่จะปรับเป็นบริษัทจำกัด พร้อมกันนี้จะปรับบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือแอร์พอร์ตลิงค์ ให้กลับเข้ามาเป็นหน่วยธุรกิจ ทำหน้าที่เดินรถเพื่อรองรับการให้บริการเดินรถของการรถไฟฯในอนาคตที่จะเปลี่ยนจากรถไฟแบบดีเซลเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด เช่นเดียวกับหน่วยธุรกิจการบริหารทรัพย์สินก็จะเร่งเตรียมความพร้อมก่อนที่จะปรับเปลี่ยนให้เป็นบริษัทจำกัดต่อไป
"ต้องการเสริมให้ธุรกิจหลักมีความแข็งแกร่ง ซึ่งธุรกิจเดินรถถือเป็นธุรกิจหลักของการรถไฟฯ ส่วนธุรกิจรองและธุรกิจต่อเนื่องก็จะแตกย่อยเป็นบริษัทลูก โดยเปิดโอกาสให้มืออาชีพเข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการ เช่น บริหารทรัพย์สิน โดยช่วงที่ผ่านมามีผู้บริหารที่เป็นคนของการรถไฟที่อาจกล่าวว่ายังไม่มีความชำนาญด้านอสังหาริมทรัพย์มากพอ ซึ่งจะมีการปรับโครงสร้างโดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในส่วนที่เป็นธุรกิจหลัก เพื่อแยกออกไปต่างหาก แล้วนำมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการ โดยจะนำคนของการรถไฟฯส่วนหนึ่งไปศึกษาและช่วยในช่วงแรกแล้วจึงค่อยๆถอนตัวออกมาภายหลัง"
นายประภัสร์กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าบางประเภทธุรกิจการรถไฟฯ ยังไม่มีความชำนาญมากพอ โดยเฉพาะการลงทุนด้านที่ดินซึ่งหลายฝ่ายมองว่าน่าจะสร้างรายได้ให้มากพอนอกจากจะหารายได้แล้วยังต้องคิดเรื่องการลงทุนว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน หากลงทุนเองน่าจะมีรายได้มากกว่านำที่ดินไปให้เช่าเท่านั้น อีกทั้งยังได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ดังจะเห็นได้จากมีผู้มาเสนอขอเช่าพื้นที่เพื่อนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ หลังจากนั้นก็ปล่อยเซ้งได้กำไรอย่างมาก เมื่ออยู่นานๆก็เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาและให้การรถไฟฯเข้าไปแก้ไขแทน การดำเนินการเองจึงน่าจะเกิดความคล่องตัวมากกว่า
ปัจจุบันโครงสร้างการรถไฟฯประกอบไปด้วยหน่วยธุรกิจเดินรถ หน่วยธุรกิจซ่อมบำรุง หน่วยธุรกิจบริหารทรัพย์สิน และบริษัทรถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จำกัด โดยจะเอาหน่วยธุรกิจไปจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด โดยเฉพาะเดินรถกับซ่อมบำรุงที่แยกกันไม่ได้น่าจะผลักดัน
ส่วนบริหารทรัพย์สินก็มีแผนแยกออกเป็นบริษัทจำกัด พร้อมกับจะดึงแอร์พอร์ตลิงค์กลับเข้ามาเป็นหน่วยธุรกิจต้องการให้เกิดความเข้มแข็งก่อนผลักดันให้ทำหน้าที่บริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าของการรถไฟฯต่อไป
ทางด้านศ.ภิชาน รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาเคหการ คณสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ในฐานะอดีตที่ปรึกษาคณะทำงานด้านการพัฒนาทรัพย์สินการรถไฟฯกล่าวถึงแนวทางการปรับปรุงองค์กรร.ฟ.ท.ว่าต้องเร่งปรับตัวโดยเร็ว ซึ่งอาจดูได้จากการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ของฝ่ายบริหารทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยที่พัฒนาการไปแล้ว
ที่สำคัญการรถไฟฯต้องเร่งปรับด้านเอกสาร นอกจากนั้นควรเร่งจัดการเรื่องทรัพย์สินโดยเร็วโดยเฉพาะเรื่องจัดระบบทะเบียนที่ดิน แยกแต่ละพื้นที่ แต่ละภาคไว้ชัดเจน ว่าอยู่ตรงจุดไหน พิกัดใด เลขทะเบียนใด เพราะทราบว่าในหลายทำเลถูกบุกรุกไปไม่น้อย อาทิ จ.สระแก้ว จ.สุรินทร์ที่ยังเป็นคดีฟ้องร้องต่อกัน คาดว่าแปลงใหญ่ๆน่าจะยังอยู่ครบ ซึ่งการแยกบริหารจัดการแต่ละประเภทเป็นแนวคิดที่ดี
โดยเฉพาะที่ดินแปลงใหญ่ควรก่อตั้งบริษัทย่อยเข้าไปบริหารจัดการโดยไม่ต้องเป็นการรวบอำนาจไว้จุดเดียว เช่น แปลงมักกะสัน บางซื่อ สถานีแม่น้ำ อีกทั้งควรแยกเป็นในแต่ละภาคเพื่อความคล่องตัวให้เกิดการแข่งขันด้านการพัฒนา ยิ่งการพัฒนาต่อจากนี้จะเกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.ร่วมทุน การแยกออกเป็นบริษัทจะเกิดความคล่องตัวดีกว่าเป็นหน่วยธุรกิจอย่างแน่นอนโดยเฉพาะจะสอดคล้องกับกฎหมายใหม่ๆด้านการลงทุนของรัฐบาล
ศาสตราภิชาน รศ.มานพกล่าวอีกว่าด้านการพัฒนาบุคลากรหากก่อตั้งเป็นบริษัทจำกัดแล้วก็อาจจ้างมืออาชีพด้านบริหารทรัพย์สินเข้ามาบริหารจัดการในช่วงแรกๆก่อนเพื่อให้บุคลากรของการรถไฟฯมีประสบการณ์ความชำนาญด้านบริหารจัดการเชิงพาณิชย์มากขึ้นก่อนที่จะพร้อมเข้าไปทำหน้าที่บริหารจัดการในแปลงอื่นๆต่อไป ดังนั้นบอร์ดของการรถไฟฯและบอร์ดของแต่ละบียูหรือบริษัทนั้นๆควรต้องจับเข่าหารือกันให้เกิดความชัดเจนในประเด็นผลดีผลเสียและความก้าวหน้าของการบริหารจัดการว่ารูปแบบใดจะเกิดประโยชน์มากที่สุด

[black_express]

เมื่อก่อน มีคนที่คิดจะให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินหลักเพียงสนามบินเดียว แต่ตอนนี้ หันมามองสนามบินดอนเมืองอีกแล้ว

และทางรถไฟช่วงดอนเมือง อยู่ในโครงการรถไฟฟ้ายกระดับสายสีแดงนี่ครับ ลองไปหารือกับ รมต.คมนาคม ซึ่งอยู่พรรคเดียวกัน ดูก่อนให้ข่าวก็ได้

[Wisarut]

เรื่องอื้อฉาว - ศาลเยอรมัน พิพากษาปรับบริษัทรถไฟเยอรมัน (Deutsche Bahn International GMBH) ข้อหา "ติดสินบน" การรถไฟแห่งประเทศไทย [ชะรอยจะเป็นกรณี ติดสินบนเรื่องซ่อมหัวรถจักร Alstom] การติดสินบนเกิดในสมัยทักษิณ เป็นนายกฯ 2544-49 อีก 4 ประเทศที่โดนคือ กรีซ แอลจีเรีย ลิเบีย รวันดา
http://www.enetenglish.gr/?i=news.en.article&id=1178
https://www.facebook.com/NochPH/posts/10200827102534335