ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

Wisarut · Posted: 02/11/2015 9:33 am Post subject:

TODกับสถานีกลางรถไฟ:ยุคก้าวหน้า
By ฐานเศรษฐกิจ - 1 พฤศจิกายน 2558
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,101 วันที่ 1 – 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ระบบคมนาคมในเมืองใหญ่ของไทยกำลังปรับตัวเปลี่ยนจากระบบ “รถยนต์มาเป็นระบบราง” นั่นก็คือแนวคิดของ TOD (Transit Oriented Development) ของเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมทั้งอเมริกาเจ้าพ่อรถยนต์ของโลกด้วยที่ต้องมาพึ่งระบบราง เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน

การรถไฟแห่งประเทศไทยในยุคนี้ก็กำลังรีบปรับตัวตามนโยบายของรัฐบาลที่จะมุ่งเน้นการสร้างระบบโลจิสติกส์ทั้งระบบ ถนน น้ำ อากาศ ให้เป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รองรับการเปิดตัวสู่นานาชาติ เช่น AEC เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร รถไฟจึงเปิดตัวโครงการ “TOD ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯของประเทศไทย” และของ AEC นั่นก็คือ “สถานีกลางบางซื่อ”(Bangsure Grand Station) ที่รวมระบบขนส่งทางรางของประเทศมารวมที่เดียวกัน บนที่ดินกว่า 2,000 ไร่ รถไฟและขนส่งมวลชน รถไฟหัวจรวด รถไฟชานเมือง จะมารวมเป็น Center อยู่ที่นี่ Masterplan กำลังจะเสร็จ

สถานีกลางบางซื่อคาดว่าจะมีผู้ผ่านทางปีละ 2 ล้านคนใน 20 ปีข้างหน้า(น้องๆโตเกียว 3 ล้านคนต่อวัน) รอบๆสถานีจะมีการพัฒนาเชิงสิ่งแวดล้อมและเชิงพาณิชย์ สวนใหญ่สุดในกทม. 500 ไร่ ตลาดนัดระดับโลก จตุจักร ศูนย์พลังงานปตท. ช็อปปิ้งที่ใหญ่สุด ด้านเหนือ CP และรถไฟจะร่วมมือกับเอกชนมาลงทุนในพื้นที่โดยรอบ โดยแบ่งเป็นอีก 5 โซน ให้ได้พร้อมสถานีกลางบางซื่อซึ่งจะสร้างเสร็จอีก 2 ปีครึ่ง

ในขณะเดียวกันก็จะใช้แนวคิดนี้พัฒนาสถานีใหญ่ ๆในประเทศ ซึ่งประเมินไว้ว่าจะมีอีก 13 สถานีในเมืองไทย และการรถไฟฯยุคก้าวหน้าก็เลือกสถานีตัวอย่างมาปรับปรุงพัฒนาร่วมกับเอกชนอีก 4 สถานีคือ สถานีเชียงใหม่ (150 ไร่) สถานีขอนแก่น (200 ไร่) สถานีพัทยา (ยังไม่มีพื้นที่ชัดเจน) และสถานีหัวหิน(600 ไร่) รวมสนามกอล์ฟแห่งแรกของประเทศไทย ส่วนอีก 9 สถานี เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี สถานีแก่งคอย สระบุรี คงจะจัดเป็นขั้นตอนต่อไป

ขณะนี้การรถไฟฯยุคก้าวหน้าได้ดำเนินการทางรุก โดยเปิดตัวสู่ท้องถิ่น และภาคเอกชน โดยได้ไปจัดการนำเสนอเรียกว่า Market Sounding สำรวจผลตอบรับจากทั้ง 5 แห่ง มีบางซื่อและต่างจังหวัดอีก 4 แห่ง ผลคือ สถานีกลางนอกกรุงเทพฯทั้ง 4 แห่งที่ท้องถิ่นและนักลงทุนที่อยากจะเข้ามาร่วมทำ PPP กับรถไฟ ขอนแก่น ดูจะพร้อมอันดับแรก ท้องถิ่นทั้งรัฐและเอกชนเข้มแข็งมาก จับมือกันทั้งบรรษัทจะนำเสนอการปรับปรุง Masterplan รองรับรถไฟสมัยใหม่ รถไฟเร็วหัวจรวด และพัฒนาพื้นที่รองรับสถานีไฟพร้อมๆกันซึ่งปัจจุบันมีที่โล่งว่าง 90 ไร่ใช้เป็นสนามกอล์ฟ 9 หลุมอยู่คงจะปรับเปลี่ยนไปเป็นที่โล่งว่างกลางใจเมือง

รองลงมาคือพัทยา เช่นเดียวกันท่านนายกเมืองพัทยาและท้องถิ่นเข้มแข็งมาก อยากจะมาร่วมมือกับการรถไฟฯช่วยหาที่ตั้งที่เหมาะสมจะเป็น TOD ของพัทยา เอารถไฟความเร็วสูงมาลงต่อเชื่อมกับโมโนเรล ที่ท้องถิ่นกำลังจะลงทุนร่วมกับต่างประเทศ ถ้าทำสำเร็จ TOD พัทยาจะเป็นฮับแห่งการท่องเที่ยวที่ใหญ่สุดของชาวไทย

ส่วนที่หัวหินน่าจะเป็นอันดับรองลงมาเพราะหัวหินทางรัฐบาลต้องการนำรถไฟความเร็วสูงมาต่อเชื่อมกับท่องเที่ยว ในเมืองที่มีประวัติศาสตร์ เป็นเมืองที่พักผ่อนของเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์ สถานีที่เป็นแลนด์มาร์กทางด้านสถาปัตยกรรมและรถไฟก็พอจะมีพื้นที่เพิ่มเติมในด้านของสนามกอล์ฟที่น่าจะปรับปรุงใหม่ให้เป็น Royal Champianship Heritage Course ควบคู่กับการพัฒนา TOD ใหม่หัวหินให้เป็นอีกฮับเช่นพัทยาใต้

สถานีกลางเชียงใหม่ เป็นอีกอันดับที่อาจจะต้องกลับไปคิดวางกลยุทธ์ใหม่ เพราะเดิมคิดกันว่า สถานีกลางเชียงใหม่จะรองรับรถไฟความเร็วสูงเป็นสถานีปลายทาง แต่ในด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ทางด้านมหาดไทย กรมโยธา ด้านสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) และด้านคมนาคมคงต้องการให้สถานีเชียงใหม่ต่อเชื่อมกับสถานีเชียงราย(เชียงรายรถไฟยังไปไม่ถึง) เพื่อจะดึงจีนเข้าสู่เชียงราย เชียงใหม่ และเชื่อมภูมิภาค

รถไฟยุคก้าวหน้าคงยังไม่จบ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมก็เคยเป็นประธานการรถไฟฯมาก่อน รัฐบาลทุกชุดก็หวังจะกระตุ้นให้รถไฟเติบโตเช่นประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ญี่ปุ่น(เริ่มสร้างรถไฟพร้อมกันในอดีต) รัฐบาลทุกยุคก็ต้องการให้การรถไฟเป็นแม่แบบการพัฒนาบ้างในประเทศ

Mongwin · Posted: 28/11/2015 1:02 pm Post subject:

ไฟไหม้อาคารเก็บเอกสารบัญชีร.ฟ.ท.ใกล้สวนรถไฟ คาดไฟลัดวงจร
มติชนออนไลน์ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:55:20 น.

วันที่28พ.ย. เวลา 04.45น. เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารภายในสวนรถไฟประตู 1 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงและเขตจตุจักร ใกล้กับที่จอดรถสวนรถไฟ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งได้ฉีดน้ำสกัดอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางความตระหนกตกใจของประชาชนที่มาวิ่งออกกำลังกายอยู่บริเวณใกล้เคียง โดยใช้เวลา 15 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่เอกสารและเฟอร์นิเจอร์ภายในได้รับความเสียหายจำนวนมาก

จากการสอบถามเบื้องต้น ทรายว่าอาคารที่เกิดเหตุเป็นอาคารกองจัดการธุรกิจพิเศษ ฝ่ายบริหารทรัพย์สินการรถไฟแห่งประเทศ ไว้สำหรับเก็บเอกสารบัญชีของการรถไฟแห่งประเทศไทย

Wisarut · Posted: 29/11/2015 1:12 am Post subject:

Wisarut · Posted: 03/12/2015 12:22 am Post subject:

ร.ฟ.ท.เปลี่ยนหมอน-เหล็กรางรถไฟรับหัวรถจักรใหม่

โดย MGR Online

2 ธันวาคม 2558 21:25 น. (แก้ไขล่าสุด 2 ธันวาคม 2558 23:17 น.)

ศูนย์ข่าวศรีราชา - การรถไฟแห่งประเทศไทยลุยปรับปรุงหมอนรางรถไฟและเปลี่ยนรางรถไฟสถานีพัทยาใหม่จาก 80 ปอนด์เป็น 100 ปอนด์ เพิ่มความสามารถในการรองรับน้ำหนักพร้อมรับหัวรถจักรใหม่ที่จะมาถึงเร็วๆ นี้

วันนี้ (2 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางรถไฟเพื่อความปลอดภัยระหว่างสถานีชุมทางศรีราชา-ชุมทางเขาชีจรรย์-สัตหีบ ภายหลังจากประชาชนเกิดความสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดการทำงาน พบว่าเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้กระจายกำลังกันปฏิบัติงานตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้

เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเผยว่า ด้วยหัวรถจักรใหม่กำลังจะเดินทางมาถึงท่าเทียบเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาระบบรางรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยจะดำเนินการในทุกเส้นทางระบบรางทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการปรับปรุงเหล็กรางรถไฟ เปลี่ยนหมอนรถไฟ ลงหินปิดหน้าดินเพื่อความหนาแน่นของมวลดินใต้รางรถไฟ รวมระยะทางทั้งสิ้น 10 กิโลเมตร

ในส่วนของเหล็กรางรถไฟนั้นได้มีการเปลี่ยนเหล็กรางจากเดิมขนาด 80 ปอนด์เป็น 100 ปอนด์ เพื่อให้ความสามารถในการรับน้ำหนักของหัวจักรใหม่และขบวนโบกี้ขนถ่ายสินค้าทำงานได้มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากอุณหภูมิกลางของเหล็กรางรถไฟจะอยู่ที่ 38-41 องศาเซลเซียส หากมีการบรรทุกน้ำหนักเกินปริมาณรองรับอาจทำให้เกิดความชำรุดในช่วงรอยต่อของเหล็กรางรถไฟได้ จึงลงพื้นที่ปรับปรุงดังกล่าวเพื่อคลายความเครียดของเหล็กรางรถไฟในการเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่มีการถมดินและเกลี่ยหน้าดินในช่วงเส้นทางสถานีพัทยาถึงสถานีห้วยใหญ่นั้น เป็นการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการปรับภูมิทัศน์ความสวยงามของสถานีรถไฟ รวมถึงเป็นการป้องกันหน้าดินสไลด์เพื่อความปลอดภัยของเส้นทางการเดินทาง ซึ่งเป็นคนละส่วนงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยแต่ทำควบคู่กันไปเพื่อให้แล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้พร้อมกันต่อไป

Mongwin · Posted: 03/12/2015 10:48 am Post subject:

เลิกล้มคิดสร้างทางลอดจุดตัดรถไฟ
เดลินิวส์ 3 ธ.ค. 58 วันพฤหัสที่ 3 ธันวาคม 2558 เวลา 10:23 น.

โครงการสร้างทางลอดใต้จุดตัดรถไฟส่อล้ม เหตุติดปัญหาท่อส่งน้ำมันใต้ดิน ขุดเจาะพื้นผิวทำได้ยาก

เมื่อวันที่ 2ธ.ค.นายภัทรุตม์ทรรทรานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.)เปิดเผยว่าจากที่กทม.จะดำเนินโครงการสร้างอุโมงค์ทางลอดใต้ทางรถไฟเพื่อแก้ปัญหาการจาจรติดขัดหยุดชะงักบริเวณทางรถไฟหลายๆเส้นทางนั้นเบื้องต้น กทม.ได้ทำการศึกษาโครงการใน7 แห่งได้แก่
1.โครงการก่อสร้างทางลอดถนนศรีนครินทร์-ถนนพัฒนาการ-ทางรถไฟสายตะวันออก
2.โครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดถนนรามคำแหง-ทางรถไฟสายตะวันออก
3.โครงการก่อสร้างทางลอดถนนราชปรารภ-ทางรถไฟสายตะวันออก
4.โครงการก่อสร้างทางลอดถนนเพชรบุรี-ทางรถไฟสายเชื้อเพลิง
5.โครงการก่อสร้างทางลอดถนนบางขุนเทียน-ทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย
6.โครงการก่อสร้างทางลอดถนนเทศบาลสงเคราะห์(วัดเสมียนนารี)-ทางรถไฟสายเหนือและ
7.โครงการก่อสร้างอุโมงค์หรือสะพานข้ามทางรถไฟบริเวณยมราชเพื่อเชื่อมทางด่วนขั้นที่ 2

ซึ่งจากการหารือกับ การรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาด้านพื้นที่การก่อสร้างในจุดตัดต่างๆและทำการศึกษาแนวพื้นที่ใต้ดินโดยละเอียดแล้วพบว่าโครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดใต้แนวทางรถไฟทั้ง 7พื้นที่นั้น ก่อสร้างเป็นไปได้อยากไม่สามารถดำเนินการได้โดยอุปสรรคในการก่อสร้างที่สำคัญคือด้านสาธารณูปโภคใต้พื้นดินเช่น ท่อไฟฟ้า ท่อส่งน้ำมันซึ่งท่อส่งน้ำมันส่วนใหญ่จะวางใต้พื้นที่ดินในแนวทางรถไฟการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดจึงไม่สามารถขุดเจาะลงใต้ดินได้อาจส่งผลกระทบต่อท่อส่งน้ำมันบริเวณต่างๆอย่างมาก

นายภัทรุตม์กล่าวต่อว่า แนวทางในการแก้ปัญหาจราจรสร้างระบบการดินทางอย่างสะดวกด้วยการสร้างอุโมงค์ทางลอดใต้จุดตัดทางรถไฟกทม.อาจต้องยกเลิกโครงการดังกล่าวอย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาการจราจรและเพิ่มความสะดวกในการเดินทางของประชาชนถือเป็นหนึ่งในภารกิจของกทม.โดยกทม.จะเร่งทำการศึกษาแนวทางแก้การจราจรติดขัดบริเวณจุดตัดทางรถไฟด้วยวิธีอื่นๆโดยอาจต้องวางแผนจัดการจราจรรูปแบบใหม่โดยวางแนวทางร่วมกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)และก่อสร้างสะพานข้ามแยกหรืออุโมงค์ทางลอดในจุดที่มีปัญหาการจราจรเชื่อมต่อกันในพื้นที่อื่นๆแทนซึ่งจะต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง

Wisarut · Posted: 07/12/2015 3:11 am Post subject:

ร.ฟ.ท.เตรียมเพิ่มขบวนรถพร้อมให้บริการช่วงวันหยุดปีใหม่

โดย MGR Online

5 ธันวาคม 2558 17:10 น.

นายทนงศักดิ์ พงศ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม - 3 มกราคม 2559 ซึ่งจะเป็นช่วงการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ทาง ร.ฟ.ท.ได้เตรียมความพร้อมให้บริการประชาชน โดยจัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟฟรีไว้ 30 ขบวน ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับในทุกเส้นทาง และจัดเพิ่มตู้โดยสารในขบวนรถชั้นดีทุกเส้นทาง ทั้งนี้ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในหลายประเทศ โดย ร.ฟ.ท.ได้ขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะในเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถานีที่มีผู้ใช้บริการมาก รวมถึงจะมีการสุ่มตรวจขบวนรถไฟเพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุร้าย ส่วนจำนวนผู้โดยสารที่จะใช้บริการรถไฟ เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 110,000 คนต่อวัน จากปกติอยู่ที่ประมาณ 80,000-90,000 คนต่อวัน

//--------------------

ร.ฟ.ท.จัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟฟรี 30 ขบวนช่วงเทศกาลปีใหม่

โดย MGR Online

5 ธันวาคม 2558 12:29 น.

นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "5 ธันวา ร้อยดวงราษฎร์ล้านดวงใจ รถไฟไทยใต้พระบารมี"ว่า ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคมถึง 3 มกราคม 2559 เป็นช่วงการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ทาง ร.ฟ.ท. ได้เตรียมความพร้อมให้บริการประชาชน ด้วยการจัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟฟรีไว้ 30 ขบวน ทั้งขาไปและขากลับในทุกเส้นทาง และจัดเพิ่มตู้โดยสารในขบวนรถชั้นดีทุกเส้นทาง รวมทั้งได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในหลายประเทศโดย ร.ฟ.ท. ได้ขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถานีที่มีผู้ใช้บริการมาก รวมถึงจะมีการสุ่มตรวจขบวนรถไฟเพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุร้าย ส่วนจำนวนผู้โดยสารที่จะใช้บริการรถไฟ เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 110,000 คนต่อวัน จากปกติอยู่ที่ประมาณ 80,000 - 90,000 คนต่อวัน

Mongwin · Posted: 07/12/2015 8:52 pm Post subject:

มาร์เก็ตซาวดิ้งสถานีกลางบางซื่อ เอกชนจี้เร่งพัฒนารอทีโออาร์ลุ้นสร้างปี 61
โดย ฐานเศรษฐกิจ - 7 ธันวาคม 2558

Click on the image for full size

โฉมใหม่สถานีกลางบางซื่อ

ปิดฉากไปเรียบร้อยแล้ว ต่อกรณีการศึกษาความเหมาะสมด้านธุรกิจ การลงทุนและเปิดรับฟังความเห็นนักลงทุนต่อแนวคิดโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) หลังจากนี้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาก็จะรวบรวมความเห็นก่อนส่งมอบผลการรับฟังความเห็นทั้งหมด เสนอต่อนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่ารฟท. เพื่อนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟท. กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)และคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ต่อไป

บิ๊กคมนาคมจี้ทีโออาร์เสร็จใน3 เดือน

ส่วนแผนการขับเคลื่อนหลังจากปิดรับฟังความเห็นนักลงทุนแล้วนั้น นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้รฟท. เร่งจัดทำเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนี้ หลังจากนั้นจะเร่งนำเสนอขั้นตอนอื่นๆควบคู่กันไป เพื่อให้ทันต่อการเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อที่กำหนดเปิดบริการในปี 2562

แนวคิดของการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็น “ASEAIN Linkage and Business Hub : ศูนย์กลางธุรกิจและการเดินทางเชื่อมโยงในระดับอาเซียน” ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 แปลง รวม 218 ไร่ ซึ่งนายออมสิน ต้องการให้รฟท. เร่งดำเนินการโดยพื้นที่แปลง A พื้นที่ 35 ไร่จะมีความพร้อมมากที่สุด

รองลงมาได้แก่แปลง B พื้นที่ 78 ไร่และแปลง D พื้นที่ 87.5 ไร่ส่วนแปลง C พื้นที่ 105 ไร่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพในปัจจุบันที่อยู่ระหว่างการจัดหาที่ดิน เพื่อก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพแห่งใหม่และมีกำหนดย้ายออกจากพื้นที่ปัจจุบันในปี 2560 ก็จะเลื่อนการพัฒนาออกไปเป็นระยะที่ 2 เช่นเดียวกับแปลงกม.11 ย่านพหลโยธินที่อยู่ไม่ไกลจากแปลง C มากนัก ซึ่งหากจะพัฒนาพื้นที่จะต้องย้ายพนักงานรฟท. หลายร้อยครอบครัว ซึ่งคงต้องใช้เวลานานอีกหลายปีค่อยพัฒนาในระยะต่อไป

ทั้งนี้จากผลการศึกษาพื้นที่แปลง A ที่อยู่ใกล้สถานีกลางบางซื่อประมาณ 100 เมตร เหมาะสำหรับการพัฒนาโรงแรม รองรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและที่จอดรถ ส่วนแปลง B ที่ติดกับถนนกำแพงเพชรนั้นอยู่ในระยะเดินเท้าจากสถานีกลางบางซื่อ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีกำแพงเพชร ซึ่งด้านล่างเป็นพื้นที่พ่วงรางรองรับการจอดรถไฟนั้น พื้นที่ด้านบนจึงเหมาะสำหรับพัฒนาเป็นแหล่งค้าปลีก – ค้าส่ง Trading ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมรองรับในกลุ่มอาเซียน ส่วนแปลง C ตั้งอยู่บนพื้นที่ของสถานีขนส่งหมอชิต 2 ในปัจจุบัน เหมาะสำหรับการพัฒนาเป็นเมืองใหม่ มีแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งทำงาน แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ เช่นเดียวกับแปลง D ที่แม้จะมีพื้นที่ 87.5 ไร่นอกเหนือจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิตกับสถานีกลางบางซื่อแล้วยังสามารถพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้านบนได้อีกด้วย

ทั้งนี้การเปิดรับฟังความเห็นภาคเอกชนครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2558 และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา มีความเห็นว่าการดำเนินโครงการควรต้องเร่งพัฒนาโดยเร็ว เพื่อให้ทันต่อการเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อในปี 2562 และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการเดินรถหรือการก่อสร้างโครงการต่างๆได้ ซึ่ง รฟท. ต้องนำความเห็นต่างๆไปปรับปรุง และนำไปกำหนดไว้ในทีโออาร์ให้สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการดังกล่าวนี้ต่อไป

ปี 60 เปิดเชิญชวนร่วมลงทุน

ด้าน รฟท. นั้น นายปาณฑพ มาลากุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รฟท. ยังได้ชี้ให้เห็นถึงมูลค่าโครงการที่มีการประเมินไว้ว่าส่วนของโซน A มีประมาณ 9,363 ล้านบาท โซน B ประมาณ 2.47 หมื่นล้านบาทและโซน C ประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของ รฟท. แล้ว ยังช่วยยกระดับการบริการระบบรางทั้งเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางจากรถยนต์มาสู่ระบบรางในอนาคต ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นผู้นำของอาเซียนได้เป็นอย่างดี

ส่วนความพร้อมของ รฟท. นั้น หลังจากนี้ก็จะเร่งพิจารณารายละเอียดของโครงการจากการระดมความเห็นเพื่อนำไปประกอบการร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)ต่อไป คาดว่าในปี 2559 จะสามารถนำเสนอโครงการเข้าสู่กระบวนการของ พ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน(PPP:Public Private Partnership) เพื่อขออนุมัติ และในปี 2560 จะสามารถประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน สรรหานักลงทุนเพิ่มและเริ่มพัฒนาโครงการด้านการก่อสร้างได้ในปี 2561

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,111 วันที่ 6 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Mongwin · Posted: 08/12/2015 11:54 am Post subject:

ชายเมาสุราขับรถขึ้นไปบนทางรถไฟ
ครอบครัวข่าว 3 วันที่ 07 ธันวาคม 2558 เวลา 12:18:16 น.

หนุ่มวัย 26 ปี ขับรถยนต์ขึ้นไปบนรางรถไฟ ช่วงระหว่างสถานีรถไฟย่อยอโศก กับสถานีรถไฟมักกะสัน แล้วขับต่อไปยาวกว่า 200 เมตร อ้างเส้นทางมืดทำให้เลี้ยวผิด ตรวจวัดแอลกอฮอล์สูงกว่ากฎหมายกำหนด

เจ้าหน้าที่ต้องนำรถยกมาเคลื่อนย้ายแท่งปูน เพื่อเปิดทางให้รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งจอดติดอยู่บนทางรถไฟขาเข้า ช่วงระหว่างสถานีรถไฟย่อยอโศก กับ สถานีรถไฟมักกะสัน ในพื้นที่ห้วยขวาง หลังผู้ขับขี่ขับขึ้นไปบนรางรถไฟ และ ขับต่อไปไกลกว่า 200 เมตร

จากการสอบสวนผู้ขับขี่อายุ 26 ปี ที่อยู่ในสภาพคล้ายคนเมาสุรา ให้การว่าเมื่อช่วงเช้ามืดขณะขับมาตามเส้นทางถนนกำแพงเพชร 7 เพื่อมุ่งหน้าพระรามเก้า แต่ถนนมืดทำให้เลี้ยวรถผิดเส้นทางขึ้นไปบนรางรถไฟ จนรถไปจอดค้างอยู่ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันยกรถลงมาจากรางรถไฟเพื่อหลบขบวนรถไฟที่กำลังวิ่งผ่านมาไว้ข้างทาง เพื่อความปลอดภัย ก่อนประสานรถยกมายกดังกล่าว

ส่วนสภาพรถช่วงล่างได้รับความเสียหายทั้งคัน ตำรวจ สน.มักกะสัน ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบว่าสูงถึง 85 มิลลิกรัมมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงได้ดำเนินคดีฐานขับรถขณะเมาสุรา

Nakhonlampang · Posted: 08/12/2015 7:54 pm Post subject:

Wisarut · Posted: 21/12/2015 10:18 am Post subject:

ร.ฟ.ท.เตรียมเปิดขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์พรุ่งนี้

โดย MGR Online

20 ธันวาคม 2558 10:10 น. (แก้ไขล่าสุด 20 ธันวาคม 2558 17:13 น.)

นายสมาน รักษาวงศ์ สารวัตรงานเดินรถ แขวงหาดใหญ่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.เตรียมเปิดขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รองรับการเปิดสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ฝั่งไทยและเชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูงมาเลเซีย-สิงคโปร์ ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) โดยรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศที่สำคัญระดับอาเซียนที่สามารถเชื่อมโยงเส้นทางสู่มาเลเซีย ซึ่งมีขบวนรถด่วนพิเศษกรุงเทพ-บัธเตอร์เวิร์ธ ที่นักเดินทางรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หลังจากที่มาเลเซียเปิดเดินรถไฟฟ้ารางคู่มาถึงสถานีปาดังเบซาร์ ทำให้การเดินทางจากปาดังเบซาร์สู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย และเชื่อมโยงไปยังรัฐยะโฮร์บารู เพื่อเชื่อมต่อรถไฟไปสิงคโปร์ได้สะดวกยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับ KTMB (การรถไฟมาเลเซีย) จะเปิดเดินรถดีเซลรางปรับอากาศ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2558 พร้อมกับเปิดสถานีปาดังเบซาร์ 2 (ฝั่งไทย) เพิ่มอีก 1 สถานีในเส้นทางนี้ ในระยะแรก 4 ขบวนต่อวัน คิดอัตราค่าโดยสาร 80 บาท ตลอดสาย หยุดรับส่งผู้โดยสาร ณ สถานีต่างๆ ดังนี้ สถานีชุมทางหาดใหญ่-สถานีคลองแงะ-สถานีปาดังเบซาร์ฝั่งไทย (สร้างใหม่)-สถานีปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย (ผ่าน ตม.จุดนี้) ส่งผลให้ผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยว เชื่อมต่อขบวนรถไฟฟ้าด่วน ETS ที่สถานีปาดังเบซาร์ เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองบัตเตอร์เวิร์ธ (รัฐปีนัง), เมืองอิโปห์ (รัฐเปรัก) และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้อย่างสะดวก จะมีพิธีเปิดโดยผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้

ตอนนี้คนรถไฟ ของ ฝั่ง KTMB ถ่ายรูปรถแดวู ที่เข้ามาที่ ปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลย์ แล้ว
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=497114663800153&set=a.339493596228928.1073741828.100005048715514&type=3&theater