RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311296
ทั่วไป:13274347
ทั้งหมด:13585643
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 470, 471, 472 ... 474, 475, 476  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/02/2024 5:52 am    Post subject: Reply with quote

ผ่าแผนฟื้นฟูการรถไฟฯ "รื้อแล้ว...รื้ออีก"
Source - ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
Thursday, February 29, 2024 05:34

ปันฝันพ้นบ่วงขาดทุน-ล้างหนี้สะสม 3 แสนล้าน

สร้างทางคู่-เพิ่มรถดัน EBITDA เป็นบวกปี 71

วันที่ 26 มีนาคม 2567 นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะสถาปนาครบรอบ 127 ปี แล้วซึ่งการรถไฟฯ ขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2517 นานถึง 50 ปี แล้ว แม้ปัจจุบัน รฟท. จะมีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาบริการในหลายเรื่อง โดยเฉพาะมีการเปิดใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่มีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งให้บริการเต็มรูปแบบ รองรับรถไฟทางไกล รถไฟฟาชานเมืองสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง และเชื่อมต่อกับรถไฟฟาในเมืองและรถบขส. ขสมก. อย่างไร้รอยต่อ แต่ทว่า... รถไฟก็ยังไม่หลุดพ้นปัญหาขาดทุนและมีหนี้สินสะสมรวม 3.1 แสนล้านบาท เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนที่สูง แต่เก็บค่าโดยสารได้ต่ำกว่าต้นทุน เพราะเป็นระบบขนส่งหลัก สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ผ่านมามีความพยายามจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการการรถไฟฯ เพื่อแก้ปัญหาขาดทุนให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการ(ฉบับปรับปรุง) ตั้งเป้าหมายว่าผลดำเนินงาน ก่อนหักภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) จะเป็นบวก ปี 2571 โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องดำเนินกลยุทธ์และพัฒนาโครงการต่างๆ ได้ตามเป้าหมายไม่ล่าช้า

โดยแผนวิสาหกิจการรถแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 (ฉบับทบทวน) นั้นได้จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี 2567 เพื่อวางแนวทางด้านการบริหารองค์กรให้ เกิดความชัดเจน และเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาผลประกอบการขาดทุนอย่างเร่งด่วน ในรอบปี 2567

มียุทธศาสตร์และกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการ แพลตฟอร์มการเชื่อมต่อ และการขนส่งที่ตอบสนองความต้องการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ที่เปลี่ยนบทบาทจาก "Rail operator" เป็น "Platform provider" และปรับบริการจาก "Transport" สู่ "Connectivity" เพื่อขยายรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้ สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายหลักของการฟื้นฟูที่มุ่งให้ EBITDA มีทิศทางที่ดีขึ้นจนกระทบมากกว่า 0 และมีความสามารถในการชำระหนี้ ลดผลขาดทุนสะสม

ปี 67 ขอกู้ 1.8 หมื่นล้านบาท โป๊ะขาดทุนเสริมสภาพคล่อง

ก่อนหน้านี้ รฟท.ได้ประมาณการกระแสเงินสด ปีงบประมาณ 2567 ว่า จะมีรายรับรวมจำนวน 10,661.094 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้การโดยสารจำนวน 2,957.46 ล้านบาท รายได้การสินค้า จำนวน 2,467.46 ล้านบาท รายได้จากการเดินรถไฟฟาสายสีแดง จำนวน 327 ล้านบาท (รายได้โดยสาร 217 ล้านบาท รายได้เชิงพาณิชย์ 110 ล้านบาท) รายได้จากการบริหารทรัพย์สิน จำนวน 3,736.806 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมการดำเนินงาน ICD ที่ลาดกระบังจำนวน 499.812 ล้านบาท รายได้จากการดำเนินงานอื่น จำนวน 503.526 ล้านบาท

ประมาณการค่าใช้จ่ายรวม 24,195.301 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายบำรุงทางอาณัติสัญญาณ และสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 3,514.988 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรถไฟฟาสายสีแดง จำนวน 1,111.285 ล้านบาทค่าใช้จ่ายบำรุงรักษารถจักร และล้อเลื่อน จำนวน 3,824.142 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการเดินรถขนส่ง จำนวน 9,342.678 ล้านบาทค่าใช้จ่ายในการบริหาร จำนวน 1,005.064 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายบำเหน็จบำนาญ จำนวน 5,397.144 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายเงินกู้ จำนวน 5,436.331 ล้านบาท

"งบประมาณ 2567 รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ราว 18,000 ล้านบาท ทำให้มีปัญหาขาดกระแสเงินสด ซึ่งต้องเสนอ ครม.ขอกู้เงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องทุกปีจนปัจจุบันยอดหนี้สะสมพุ่งสูงปรี๊ด"
เปิดกลยุทธ์ "ชูจุดแข็งรุกเพิ่มส่วนแบ่งตลาด& เร่งแก้จุดอ่อน"

แม้การขนส่งทางรถไฟจะมีต้นทุนที่ต่ำ แต่กลับมีสัดส่วนการเดินทางน้อยมากเนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ โดยข้อมูลปี 2563 ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ระบุว่า มีการเดินทางด้วยรถไฟเพียง 1% หรือ 26 ล้านเที่ยวเท่านั้น เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะภายในประเทศทั้งหมด ที่มีประมาณ 2,519 ล้านเที่ยว โดยทางบก (รถเมล์ รถทัวร์ รถตู้) มีสัดส่วน 82% รองลงมาเป็นรถไฟฟา 14.6% ทางเครื่องบิน 1.7% ส่วนทางน้ำมี 0.7%

ด้านการขนส่งสินค้า ทางรถไฟมีเพียง 2% หรือประมาณ 11.77 ล้านตัน จากปริมาณขนส่งภายในประเทศทั้งหมดที่มีกว่า 795 ล้านตัน ซึ่งใช้ขนส่งทางถนนมากถึง 87% ทางน้ำ 11% ส่วนทางอากาศ 0.003%

ขณะที่ รถไฟมีจุดแข็ง ที่ได้เปรียบการขนส่งด้านอื่น ได้แก่

1. มีเส้นทางรถไฟให้บริการจำนวน 4,044 กิโลเมตร (กม.) ครอบคลุมถึง 47 จังหวัด โดยมีสถานีรถไฟ 441 สถานี

2. สามารถขนส่งได้ครั้งละจำนวนมาก เฉลี่ย 110 ตัน/ขบวน โดยมีต้นทุน 0.71 บาทต่อตัน-กิโลเมตร เทียบกับต้นทุนทางถนน 1.38 บาทต่อตัน-กิโลเมตร

3. สามารถขนส่งพัสดุหีบห่อ (Parcel) ภายใน 24 ชม. คือ มีขบวนรถที่เดินทางเช้าพัสดุจะถึงเย็นหรือค่ำ หากส่งขบวนรถ ตอนเย็นพัสดุจะถึงเช้าวันรุ่งขึ้น โดยไม่จำกัดน้ำหนัก ด้วยค่าขนส่งกรณีน้ำหนัก 20-30 กก.ราคา 190-195 บาท และมีความปลอดภัยที่สูงกว่าระบบการขนส่งภาคพื้นดินรูปแบบอื่น

4. มีทรัพย์สินที่ดินจำนวนมาก และมีศักยภาพ สามารถพัฒนาประโยชน์ต่อได้ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ 38,469 ไร่

แต่ก็มีจุดอ่อนมากมาย.ที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ ได้แก่

1. พนักงาน ด้านการตลาดและด้านการโดยสาร มีจำนวนน้อย 2.รถจักรและล้อเลื่อนมีอายุการใช้งานสูงเฉลี่ย 37 ปี มีค่าซ่อมบำรุงสูง กระทบต่อผลการดำเนินงานและเพิ่มภาระหนี้สิน 3. สถานีรถไฟขาดการเชื่อมต่อกับการคมนาคมรูปแบบอื่นแบบครบวงจร (Multimodal Transportation) 4. การให้บริการขนส่งสินค้า มีน้อยเพียง 3 ประเภทคือคอนเทนเนอร์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ประกอบด้วย ก๊าซ แอลพีจี, น้ำมันดิบ, และน้ำมันทั่วไป) และซีเมนต์ (ประกอบด้วยซีเมนต์ถุงและซีเมนต์ผง) 5.จำนวนพนักงานลดลงปีละ 3.5% ไม่สามารถจัดสรรได้ตามกรอบและความต้องการจริง ทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนคนทำงานถึงขั้นวิกฤติ 6. การจัดหารถจักร ล้อเลื่อน แคร่สินค้า ล่าช้า ไม่ทันกับความต้องการของตลาด

ปัจจุบันเส้นทางรถไฟกว่า 4,000 กม.ทั่วประเทศยังเป็นระบบทางเดี่ยวกว่า 80% เป็นทางคู่ไม่ถึง 20% จึงมีปัญหาการเดินรถไม่มีประสิทธิภาพ ขบวนล่าช้า ไม่ตรงเวลา ต้องเสียเวลาในการรอหลีก อีกทั้งยังมีปัญหาความปลอดภัยในการเดินรถบริเวณจุดตัดถนน

ดังนั้น หากการพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง กว่า 700 กม.แล้วเสร็จครบถ้วนสมบูรณ์ คาดหมายว่าจะเป็นการเพิ่มความจุของทางรองรับขบวนรถได้มากขึ้น และจะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าทางรางของประเทศ ขบวนรถสามารถเพิ่มความเร็ว ลดเวลาในการเดินทางลงเฉลี่ยอย่างน้อย 1 ชม.จากปัจจุบัน

ตามแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะมีรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง,ทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2568-2572 เส้นทางรถไฟทางคู่เพิ่มขึ้นอีก 3,200 กม. เพิ่มความจุของขบวนรถไฟได้เกือบ 2 เท่า สามารถทำความเร็วในการขนส่งสินค้าได้จากเดิม 29 กม./ชม. เป็น60 กม./ชม. และทำความเร็วในการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มจากเดิม 50 กม./ชม. เป็น 100-120 กม./ชม.

เร่งสร้าง "ทางคู่เฟส 2 และสายใหม่ และจัดหารถจักรล้อเลื่อน"

โดยแผนปฏิบัติการ ประจำปี 2567 มีงานสำคัญที่ต้องผลักดันให้สำเร็จ คือก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 ให้เสร็จตามกำหนด จำนวน 14 โครงการได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 7 โครงการ 1. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ (สัญญา 1) 2. ช่วงมาบกะเบา- ชุมทางถนนจิระ (สัญญา 2) 3. ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญา 1 (บ้านกลับ-โคกกระเทียม) 4. ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพสัญญา 2 (ท่าแค-ปากน้ำโพ) 5. งานระบบอาณัติสัญญาณสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ 6. งานระบบอาณัติสัญญาณสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา- ชุมทางถนนจิระ 7. งานระบบอาณัติสัญญาณสายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร

รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการได้แก่ 1.ช่วงขอนแก่น -หนองคาย 2.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 3. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 4. ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 5. ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา 6. ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 7. ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่

และโครงการก่อสร้างทางสายใหม่ (2 โครงการ) โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ 1. สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 2. สายบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม

ขณะที่เร่งนำเสนอรถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย 4 โครงการ ได้แก่ ช่วงรังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต , ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา, ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช, ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และ บางซื่อหัวลำโพง (Missing Link) เพื่อเติมโครงข่ายสายสีแดงให้สมบูรณ์

ลุยจัดหารถโดยสาร 1,213 คัน /รถสินค้า 946 คัน / หัวรถจักร 50 คัน

ส่วนโครงการจัดหารถจักร/ล้อเลื่อน ประกอบด้วยแผนการจัดหา ทดแทนของเก่า 6 โครงการ ได้แก่ 1. จัดหารถดีเซลราง จำนวน 216 คันพร้อมอะไหล่ 2. จัดหารถโดยสาร ทดแทนรถด่วนและด่วนพิเศษ 3. จัดหารถสับเปลี่ยน (ภายในย่านสายสีแดง) จำนวน 20 คัน พร้อมอะไหล่ 4. ซ่อมปรุงปรุงรถจักรดีเซลไฟฟา GEA จำนวน 36 คัน 5. ซ่อมปรับปรุงรถจักรดีเซลไฟฟา HID จำนวน 21 คัน 6. จัดหารถจักร 20 คัน

โครงการจัดหารถจักรและล้อเลื่อนเพื่อรองรับทางคู่และทางสายใหม่ 5 โครงการ ได้แก่ 1. จัดหารถดีเซลราง (Hybrid DEMU)จำนวน 184 คัน (เพิ่มการขนส่งเชิงพาณิชย์รองรับทางคู่ระยะที่ 1) 2. จัดหารถดีเซลราง สำหรับบริการเชิงสังคม จำนวน 332 คัน (รองรับทางคู่ระยะที่ 1 ) 3. จัดหารถดีเซลราง สำหรับบริการเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม จำนวน 84 คัน (รองรับทางสายใหม่เด่นชัย-เชียงของ และ บ้านไผ่-นครพนม) 4. จัดหารถดีเซลราง (Hybrid DEMU) จำนวน 104 คัน (เพิ่มการขนส่งเชิงพาณิชย์รองรับทางคู่ระยะที่ 2) 5. จัดหารถโดยสารสำหรับเส้นทางสายใหม่ จำนวน 182 คัน (เด่นชัย-เชียงของและบ้านไผ่-นครพนม) และรองรับการเปิดขบวนเพิ่ม (สายใต้) จำนวน 91 คันรวมจัดหาจำนวน 273 คันพร้อมอะไหล่

โครงการจัดหาเพื่อขยายการขนส่งสินค้า จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1. จัดหารถจักร จำนวน 30 คัน 2. จัดหารถบรรทุกสินค้า (บทต.) จำนวน 946 คัน

โครงการปรับปรุง/ดัดแปลงรถจักรและล้อเลื่อนเพื่อธุรกิจ ท่องเที่ยว 2 โครงการได้แก่ 1. ปรับปรุงขบวน KIHA 183 และ ปรับปรุง/ดัดแปลงรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 10 คัน HAMANASU และโครงการปรับปรุง/ดัดแปลงรถจำนวน 50 คัน เพื่อขนส่งหีบห่อวัตถุ

โดยมีตัวชี้วัดสำคัญ เรื่องการขนส่งสินค้าเพราะมีมาร์จิ้นสูงกว่าด้านผู้โดยสาร โดยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟ 12.5 ล้านตัน ในปี 67 เป็น 13.9 ล้านตัน (ภายใน ปี 68) และเพิ่มเป็น 16.25 ล้านตัน (ช่วงปี 69-70) และเป็น 30 ล้านตัน (ช่วง ปี 71-80)

สำหรับหารายได้จากที่ดินและอื่นๆ (Non-core business) จะเป็นการบริหารสัญญาเช่า โดยให้บริษัทลูก SRTA เช่าพื้นที่ไปบริหารในส่วนสัญญาที่ครบอายุแล้ว และ จ้างบริษัทลูก SRTA บริหารสัญญาเช่า ในส่วนสัญญาที่ยัวงไม่หมดอายุและพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ และขยายธุรกิจใหม่ๆ ในการให้เช่าพื้นที่โฆษณา บริเวณสถานีศักยภาพ (4 โครงการ)

1. โครงการจัดประโยชน์ปายโฆษณา บรเวณอาคารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

2. โครงการพัฒนาธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณาของสถานีรถไฟกรุงเทพ

3. โครงการจัดประโยชน์ปายโฆษณาบริเวณสถานีรถไฟฟาสายสีแดง 12 สถานี

4. โครงการพัฒนาธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณาของสถานีรถไฟทั้งหมด เพื่อคัดกรองสถานีที่มีศักยภาพ

และให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานี (3 โครงการ)

1. โครงการการพัฒนาธุรกิจใหเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีรถไฟกรุงเทพ

2. โครงการจัดประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์ บริเวณสถานรีถไฟฟาสายสีแดง 12 สถานี

3. โครงการการศึกษาการพัฒนาธุรกิจให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานี

ในปี 2667 ประเมินว่า รฟท.จะมีหนี้สินรวม 310,759.2 ล้านบาท (หนี้ที่รัฐบาลรับภาระ 113,283.9 ล้านบาท หนี้ที่ รฟท.รับภาระ 197,475.3 ล้านบาท) กรณี Worse Case หรือเลวร้ายที่สุด คือ รฟท. ดำเนินกลยุทธ์ได้บางส่วน และพัฒนาโครงการต่างๆ แล้วเสร็จล่าช้ากว่ากำหนด 4 ปี พบว่าผลการดำเนินงาน EBITDA ติดลบ 11,063.2 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 26,225.1 ล้านบาท และในปี 2579 ระดับ EBITDA ยังจะติดลบ 8,090.5 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิในระดับสูงถึง 26,067.3 ล้านบาท

แต่หาก รฟท. สามารถดำเนินกลยุทธ์ และพัฒนาโครงการต่างๆ แล้วเสร็จตามกำหนด เป็นกรณี Best Case หรือดีที่สุดพบว่าปี 2567 ผลการดำเนินงาน EBITDA ติดลบ 6,105.4 ล้านบาท และจะขาดทุนสุทธิ 21,267.3 ล้านบาท และผลดำเนินงานจะดีขึ้นเรื่อยจน ปี 2571 ที่ EBITDA จะกลับมาเป็นบวก 1,087.4 ล้านบาท และยอดขาดทุน สุทธิที่ 16,889.4 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวม 226,944.1 ล้านบาท และปี 2579 จะมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ประมาณ 11,063.8 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิเหลือ 6,913 ล้านบาท

"นิรุฒ" ปันแผนฟื้นฟูใหม่ ทำการตลาดเชิงรุกสร้าง รายได้เพิ่ม

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. กล่าวว่าหลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯรฟท.เมื่อปี 2563 ได้นำแผนฟื้นฟู รฟท.มาแก้ไขปรับปรุงใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป ได้เสนอไปที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) แล้ว มีแผนปฏิบัติที่มีความชัดเจน รวมถึงเรื่องที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายรัฐ เพื่อลดภาระหนี้สินและขาดทุน ซึ่งแผนใหม่จะยังเน้นการเดินรถเป็นหลัก แต่จะทำการตลาดเชิงรุก ทั้งการโดยสาร รถท่องเที่ยว และขนส่งสินค้าซึ่งมีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง เพิ่มสินค้าและบริการใหม่ๆ วิ่งไปหาลูกค้า ไม่ใช่รอให้ลูกค้าเดินมาหา ส่วนที่ดินและทรัพย์สินจะมีการปรับปรุงสัญญาและค่าเช่า ให้เป็นปัจจุบัน

"แผนฟื้นฟูล่าสุด จะยกระดับบริการรถชั้น 3 จากรถร้อนพัดลมเป็นรถปรับอากาศทั้งหมด และมีโครงสร้างค่าโดยสารที่เหมาะสม โดยจะหารือกับรัฐบาลในการอุดหนุนส่วนต่างค่าโดยสาร ให้ผู้มีรายได้น้อย" นายนิรุฒกล่าว
รถไฟขาดทุนมายาวนานถูกมองว่าเป็นองค์กรไดโนเสาร์ บริการไม่พัฒนา ไม่ปรับตัว รถมีสภาพเก่า ชำรุดทรุดโทรม และเป็นจำเลยสังคมมาตลอด แต่หากมองว่ารถไฟเป็นสาธารณูปโภค เป็นบริการขั้นพื้นฐานของประชาชน รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนต้นทุนต่างๆ . ดังนั้น แผนฟื้นฟูจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการแก้ปัญหา แต่การสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างจริงจังต่างหาก ที่จะแก้ขาดทุนให้รถไฟได้ และเมื่อรถไฟเข้มแข็ง จะเป็นระบบหลักในการเดินทางและขนส่งสินค้าของประเทศที่ประหยัดและลดพิษ ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ สร้างความแข็งแรงกับเศรษฐกิจไทย!!!

ที่มา: นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 29 ก.พ. 2567


Last edited by Mongwin on 29/02/2024 8:03 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 29/02/2024 6:25 pm    Post subject: Reply with quote

ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป จะมีเจ้าพนักงานตำรวจ จาก ศปรฟ.บช.ก. ขึ้นประจำขบวนรถตามที่กำหนดนี้ ขบวนละ 2 นาย รวม 30 ขบวน (เหนือ 10 ขบวน อีสาน 8 ขบวนและสายใต้ 12 ขบวน) และขบวนอื่นที่รฟท.ร้องขอเป็นครั้งคราว เพื่อดูแลความปลอดภัยบนขบวนรถไฟ
ขบวน 13/14
ขบวน 51/52
ขบวน 109/102
ขบวน 133/134
ขบวน 135/136
ขบวน 139/140
ขบวน 141/142
ขบวน 37/38
ขบวน 83/84
ขบวน 85/86
ขบวน 167/168
https://www.facebook.com/ake.bluechifamily/posts/7324254607621421
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 29/02/2024 7:27 pm    Post subject: Reply with quote

สาวร้องเพจกรรมกรข่าว ถูกเก็บค่าธรรมเนียมยกเลิกตั๋วรถไฟ 558 บาท สูงถึง 70% ของราคาตั๋วที่ซื้อมาในราคา 797 บาท ได้เงินคืนเพียง 239 บาท ถามมันแพงเกินไหม กับค่าธรรมเนียมการคืนตั๋วของการรถไฟแห่งประเทศไทย
#เรื่องเล่าเช้านี้ #ข่าวช่อง3 #กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
https://www.facebook.com/watch?v=386395574113579
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/03/2024 4:28 pm    Post subject: Reply with quote

ตำรวจสอบสวนกลางเปิด"ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนขบวนรถไฟ"แล้วทั่วประเทศ30 ขบวนต่อวัน
Source - เว็บไซต์สยามรัฐ
Monday, March 04, 2024 16:01

วันที่ 4 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนขบวนรถไฟ ตำรวจสอบสวนกลาง "(ศปรฟ.บช.ก.) - "Center of Crime Prevention and Suppression on Railway" (CCPSR) ได้เปิดบริการแล้วทั่วประเทศดูแลความปลอดภัยบนขบวนรถไฟโดยสาร 30 ขบวนต่อวัน

ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รวมถึงการให้ความปลอดภัยกับประชาชนและปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับความผิดทางอาญาทั่วราชอาณาจักร ประกอบกับการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ขอความอนุเคราะห์เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นปฏิบัติหน้าที่ควบคุมดูแลความปลอดภัยบนขบวนรถโดยสาร เพื่อป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัยบนรถโดยสาร จึงได้จัดตั้ง "ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนขบวนรถไฟ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปรฟ.บช.ก.)" เพื่อดำเนินภารกิจเกี่ยวกับการป้องกัน ปราบปราม การกระทำความผิดและอาชญากรรมบนขบวนรถไฟ รวมถึงดูความปลอดภัยของประชาชนบนขบวนรถไฟ โดยเฉพาะขบวนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม รวม 30 ขบวนต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นขบวนรถไฟสายเหนือ (กรุงเทพ-เชียงใหม่) สายตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพ-หนองคาย) และสายใต้ (กรุงเทพ-หาดใหญ่)

นอกจากนี้ยังมีการประสานความร่วมมือด้านข้อมูล ข่าวสาร กับการรถไฟแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์อาชญากรรมที่เกิดขึ้นบนขบวนรถไฟ รวมถึงการติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศนวัตกรรมใหม่มาปรับใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งสามารถแจ้งเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดบนขบวนรถไฟได้ที่เพจ "ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนขบวนรถไฟ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปรฟ.บช.ก.)" https://www.facebook.com/profile.php?id=61555754924070
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 07/03/2024 5:35 pm    Post subject: Reply with quote

“ท่าเรือบกขอนแก่น” ฟังความเห็นครั้งสุดท้ายก่อนสรุปรูปแบบการลงทุนเชิงพาณิชย์
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 12:50 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 12:50 น.

ศูนย์ข่าวขอนแก่น-สถาบันชุณหะวัณ มทร.อีสาน จัดสัมมนาระดมความคิดเห็นต่อผลการศึกษา โครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ขอนแก่น นำความคิดทั้งกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งโลจิสติกส์ หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นรูปแบบการลงทุนในเชิงพาณิชย์

ที่ห้องประชุมมงคลประดู่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดการสัมมนาเสนอผลการศึกษาและรับฟังความเห็นโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ให้เกิดขึ้นในเชิงพาณิชย์ โดยมี ผศ.ดร.บุญญาพร ดวงสา ผู้อำนวยการสถาบันชุณหะวัณ, ผศ.ดร.หริส ประสารฉ่ำ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น,

ดร.อารีรัตน์ เชื้อบุญเกิด โนท คณบดีคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ, นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ตลอดจนผู้นำองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน

นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่าโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น มีแผนพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ระยะเวลาดำเนินโครงการ 210 วัน ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนเมษายน 2567 เพื่อศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) และศึกษาความเป็นไปได้ในรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)

การจัดประชุมสัมมนาเสนอผลการศึกษาครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นให้เกิดขึ้นในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วยการศึกษาความเหมาะสมด้านกายภาพ (Size Selection) ออกแบบเบื้องต้น (Preliminary Design) การศึกษาความเป็นไปใด้ในรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination: IEE) ต่อโครงการ


ด้านผศ.ดร.บุญญาพร ดวงสา ผู้อำนวยการสถาบันชุณหะวัณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่าได้รับจ้างการท่าเรือแห่งประเทศไทยให้เป็นที่ปรึกษาโครงการพัฒนาท่าเรือบก จัดสัมมนาเสนอผลการศึกษาและรับฟังความเห็นโครงการฯ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ความสนใจของกลุ่มนักลงทุน กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่จะมาใช้บริการ กลุ่มผู้ประกอบการด้านการขนส่งทางน้ำ กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงการ นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ มาเป็นข้อมูลประกอบรูปแบบการลงทุนที่ความเหมาะสมของการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น

ขณะที่นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port)จังหวัดขอนแก่น เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญต่อการสนับสนุนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และเศรษฐกิจของประเทศ ในยุคที่การค้าขายข้ามพรมแดนเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)


การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในฐานะผู้บริหารท่าเรือบก ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญการขับเคลื่อนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาท่าเรือบกจะเป็นกลไกที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค ดังนั้นการได้ทราบถึงผลการศึกษาครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการท่าเรือแห่งประเทศไทยและผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปเป็นแนวทางการพัฒนาทำเรือบก (Dry Port) ในจังหวัดขอนแก่น ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/03/2024 6:33 pm    Post subject: Reply with quote

เตรียมยกระดับเมืองกาญจน์ ก้าวสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน
ผู้จัดการออนไลน์ 8 มี.ค. 2567 18:19

กาญจนบุรี - รฟท. ดึงเอกชน ขนส่งสินค้าทางราง ยกระดับบริการ ก้าวสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน ที่ กาญจนบุรี เพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน และการลดปัญหามลพิษทางอากาศ

วันนี้ ( 8 มี.ค. ) นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายยงยุทธ คงสวัสดิ์ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามบริษัทเซี่ยงไฮ้ ไทยรับเบอร์โปรดักส์จำกัด , นายสมพงษ์ มุ่งเจริญวงศ์ ประธานบริษัทธนบุรีโพลีแบ็คจำกัดผู้บริหาร โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาพเอกชนพญาตองซู ประเทศเมียนมา ลงพื้นที่ บริเวณป้ายหยุดรถ สถานีรถไฟวังเย็น อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

เนื่องจากที่ผ่านมาขอใช้สถานที่สถานีท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีเป็นสถานีที่ถ่าย สินค้าตู้คอนเทนเนอร์ทางราง แต่เนื่องจากต่อมาภายหลังได้มีการออกสำรวจพื้นที่จริงหลายๆสถานี ปรากฏว่าสถานีรถไฟบ้านเก่า มีความเหมาะสมสูงสุด ที่จะจัดตั้งเป็นสถานีถ่ายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ระบบขนส่งทางราง ได้เป็นอย่างดีที่สุด

นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การขนส่งสินค้า ทางราง นับเป็นระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ มีต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน และมีความคุ้มค่า ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการ ขนส่งสินค้าทางรางเพื่อขนส่งสินค้าได้คราวละมากๆ การรถไฟแห่งประเทศไทย จึงได้วางนโยบายที่จะดึงภาคเอกชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ เพื่อเป็นการยกระดับการให้บริการ ช่วยสร้างรายได้ และผลักดันให้โลจิสติกส์ไทย ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน เพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ

ที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทยได้สนับสนุนกลุ่มบริษัทพันธมิตรทางการค้าทดลองเปิดเดินขบวนรถขนสินค้า ทางรถไฟ ไปยังศูนย์กระจายสินค้า ผ่านเส้นทางรถไฟในหลายเส้นทาง และขณะนี้ยังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าเกลือ ทุเรียน ยางพารา และ ไม้ปาติเกิลบอร์ด เป็นต้น ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนถ่ายการขนสินค้าจากถนนมาสู่ระบบราง สินค้าคอนเทนเนอร์ การส่งเสริมการประหยัดพลังงาน และการลดปัญหามลพิษทางอากาศ

รวมไปถึงการพัฒนาระบบขนส่งทางราง จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนในพื้นที่โดยตรง ให้สามารถนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น ขนส่งกับทางรถไฟเพื่อเป็นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การเดินทาง และยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถระบบขนส่งของประเทศ ให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับนานาประเทศและก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียนต่อไปทั้งนี้ผู้ประกอบการที่สนใจใช้บริการขนส่งสินค้า ภาคเกษตร หรือภาคอุตสาหกรรมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 11/03/2024 11:34 am    Post subject: Reply with quote

การเมืองยื้อเก้าอี้ ผู้ว่าฯ รฟม.-รฟท.ยังไม่ลงตัว วัดกำลังนายทุนรถไฟฟ้าชิงเค้กระบบรางแสนล้าน
ผู้จัดการออนไลน์ 11 มี.ค. 2567 10:04

เก้าอี้ "ผู้ว่าฯ รฟม.-รฟท" ยังไม่ลงตัว "ภคพงษ์" และ "นิรุฒ" ใกล้ครบวาระ เกมชิงเค้กแสนล้านฝุ่นตลบฝ่ายการเมืองยื้อ วัดกำลังนายทุนรถไฟฟ้า 2 ค่าย คาดตั้งรักษาการฯ ไปก่อน สะพัด "สุริยะ" วางเด็กปั้น ข้ามห้วยจาก ก.อุตฯ ด้าน "สุรพงษ์" อยากดันคนในคุม

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน 2567 นี้จะมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสำคัญ 2 แห่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง คือ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยจะครบวาระในวันที่ 20 มีนาคม 2567 เนื่องจากอายุ 60 ปี ซึ่งนายภคพงศ์ได้รับการสรรหาเป็นผู้ว่าฯ รฟม.เมื่อปี 2561 ดำรงตำแหน่ง 4 ปี และเมื่อเดือนเมษายน 2565 ได้รับการต่อสัญญาจ้างวาระอีก 2 ปี และอีกหน่วยงานคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. จะครบวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในวันที่ 23 เม.ย. 2567

ซึ่งว่ากันตามหลักการควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ คนใหม่ก่อนผู้ว่าฯ คนปัจจุบันจะครบวาระประมาณ 3-6 เดือน เนื่องจากตามกระบวนการสรรหาฯ มีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2550 เพื่อให้ได้ตัวผู้ว่าฯ คนใหม่เข้าทำงานต่อเนื่องได้ทันทีเมื่อคนเก่าครบวาระ แต่ขณะนี้ทั้ง 2 หน่วยงานยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ คนใหม่แต่อย่างใด

ทั้ง รฟม.และ รฟท.ถือเป็นรัฐวิสาหกิจใหญ่ มีหน้าที่ดูแลโครงการรถไฟฟ้าและรถไฟที่มีแผนลงทุนมูลค่านับแสนล้านบาท การเปลี่ยนตัวผู้บริหารในช่วงเวลาที่มีรัฐบาลใหม่จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่าทุกยุคทุกสมัย ใครจะมาเป็นเบอร์ 1 ของรฟม.และ รฟท.จะต้องมีสายสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับฝ่ายการเมือง และถูกส่งเข้ามาทำงานขับเคลื่อนนโยบาย

รายงานข่าวระบุว่า สาเหตุที่ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ ทั้ง 2 หน่วย เนื่องจากฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจยังตกลงเรื่องตัวบุคคลกันไม่ได้ โดยเฉพาะ รฟม.ที่ยังมีประเด็นพิพาทค้างคาอยู่ที่ศาลปกครองของกลุ่มทุนรถไฟฟ้า 2 ค่ายในเรื่องการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ว่ากันว่าเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับเก้าอี้ผู้ว่าฯ รฟม.คนใหม่ ขณะที่การแบ่งหน่วยงานของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ก็ถูกตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่แรกว่าเหตุใดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะรมว.คมนาคม จึงไม่กำกับงานระบบรางเอง แต่กลับมอบให้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม กำกับดูแลหน่วยงานระบบรางทั้งหมด ซึ่งนายสุรพงษ์นั้นเข้ามารับตำแหน่ง รมช.คมนาคม ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นโควตากลุ่มทุนรถไฟฟ้าค่ายหนึ่ง

ทำให้มีการจับตามองว่าเมื่อนายสุรพงษ์ ได้กำกับดูแล รฟม.แล้วน่าจะเร่งปรับเปลี่ยนบอร์ด รฟม.ชุดใหม่เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ รฟม. แต่เพราะผู้มีอำนาจตัวจริงทางฝ่ายการเมืองไม่เห็นด้วย และต้องการให้นายภคพงศ์ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟม.จนครบวาระ อีกทั้งคดีการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มยังอยู่ในการพิจารณาควรรอให้ศาลปกครองสูงสุดตัดสินก่อน

@รฟม.ตั้งรักษาการผู้ว่าฯ ส่วน "นิรุฒ" ยังลุ้นบอร์ด รฟท.ต่อวาระ

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ในส่วนของ รฟม. ภายหลังนายภคพงศ์หมดวาระในวันที่ 20 มีนาคม 2567 นี้ คาดว่าจะมีการแต่งตั้งนายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) รฟม. ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ รฟม.ตาม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

ข้ามไปที่การรถไฟฯ ซึ่งนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. จะครบวาระวันที่ 23 เม.ย. 2567 ต้องรอดูท่าทีของบอร์ด รฟท.ในการประชุมเดือน มี.ค.นี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวของพนักงาน รฟท.ออกมาสนับสนุนให้ต่อวาระนายนิรุฒอีกสมัย โดยมีการยื่นหนังสือต่อนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานบอร์ด รฟท. ซึ่งนายจิรุตม์ระบุว่าบอร์ดรฟท.ยังไม่ได้พิจารณาแนวทางใด ไม่ว่าจะเป็นกรณี รฟท. บอร์ดยังสามารถพิจารณาต่อวาระให้นายนิรุฒให้เป็นผู้ว่าฯ ได้อีกสมัย หรือจะเปิดสรรหาฯ ผู้ว่า แต่หลังวันที่ 23 เม.ย.นี้ หากไม่มีการพิจารณาต่อวาระให้นายนิรุฒก็เท่ากับปิดประตูแนวทางนี้ และคาดว่าจะมีการแต่งตั้งรักษาการผู้ว่าฯ รฟท.เพื่อทำหน้าที่แทนไปก่อน ซึ่งตาม พ.ร.บ.การรถไฟฯ มาตรา 36 ที่ให้บอร์ดรฟท.แต่งตั้งจากเป็นพนักงาน รฟท. ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ รฟท.

@“สุริยะ” ยันทำงานร่วม "สุรพงษ์" รมช.คมนาคม ไม่มีปัญหา

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า กลุ่มทุนรถไฟฟ้าค่ายหนึ่งเข้าทาง รมว.คมนาคม ส่วนรถไฟฟ้าอีกค่ายมี รมช.คมนาคมเป็นตัวแทน ดังนั้น แม้จะเป็นพรรคเดียวกัน แต่ก็ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้นายสุริยะเคยกล่าวยืนยันว่า ในการทำงานพูดคุยกันได้ไม่มีปัญหาอะไร และแม้จะมอบหมายหน่วยงานด้านระบบรางให้ รมช.สุรพงษ์กำกับดูแล แต่ในคำสั่งระบุไว้ชัดเจนว่า เรื่องนโยบาย และการบริหารงานบุคคลเป็นอำนาจของ รมว.คมนาคม ส่วนผู้ว่าฯ รฟม. และผู้ว่าฯ รฟท.นั้นหากครบวาระแล้วการสรรหายังไม่เสร็จก็ต้องแต่งตั้งรักษาการฯ ทำงานแทนไปก่อน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของหน่วยงานอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวระบุว่าล่าสุด อาจจะมีการข้ามห้วยของคนจากหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมที่นายสุริยะเคยเป็น รมต.ในสมัยที่แล้ว มาเป็นผู้ว่าฯรฟท.คนใหม่ ขณะที่นายสุรพงษ์อยากจะผลักดันคนในกระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ย้ายมาคุมรถไฟ ซึ่งหากเจรจากันลงตัว นายสุริยะอาจต้องโยกคนของตัวเองไปเป็นผู้ว่าฯ รฟม. หรืออาจจะสลับกับรัฐวิสาหกิจอื่น เช่น การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่ง นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าฯ กทพ. จะครบวาระ 4 ปีในวันที่ 2 ส.ค. 2567 นี้ก็เป็นไปได้ ขณะที่นายนิรุฒ ผู้ว่าฯรฟท.คนปัจจุบัน ยังมีโอกาสได้ต่อวาระอีกสมัย ทุกอย่างขึ้นกับฝ่ายการเมืองจะเจรจาตกลงกันอย่างไร แต่หากยังตกลงไม่ได้ ทั้ง รฟม.และ รฟท.ก็จะอยู่ในภาวะมีผู้ว่าฯ รักษาการต่อไป

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

@รฟม.คุมสัมปทานรถไฟฟ้าแสนล้าน -เผือกร้อน "สีส้ม"

สำหรับ รฟม.นั้นมีภารกิจในการบริหารสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ-ท่าพระ-บางแค, โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน, โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี, โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง

และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คือรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 1.01 แสนล้านบาท และเตรียมประกวดราคาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุง, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร วงเงิน 1.21 แสนล้านบาท ที่มีประเด็นฟ้องร้อง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าในภูมิภาคและดำเนินตามนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) .

@รถไฟตั้งแท่นลงทุนทางคู่เฟส 2 กว่า 2.7 แสนล้าน

ส่วน รฟท.มีโครงการมูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาทที่เตรียมประมูล ได้แก่โครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,479 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 275,303.78 ล้านบาท รถไฟความเร็วสูงความร่วมมือไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กม. วงเงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท และแผนการจัดหารถจักร ล้อเลื่อน ได้แก่ รถโดยสาร 1,213 คัน รถสินค้า 946 คัน หัวรถจักร 50 คัน เป็นต้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 11/03/2024 2:02 pm    Post subject: Reply with quote

ถกสนั่น! นั่งรถไฟควรเก็บเตียงตอนไหน บางคนบอกพนักงานทำถูก เก็บก่อนถึงปลายทาง ผู้โดยสารจะได้เตรียมตัว
.
กลายเป็นประเด็นในโซเชียล เมื่อผู้โดยสารรายหนึ่งตั้งคำถามว่า ทำไมรถไฟถึงให้ผู้โดยสารเก็บที่นอนก่อนถึงปลายทาง เช่น ปลายทาง กทม. แต่ให้เก็บเตียง เก็บข้าวของตั้งแต่อยู่รังสิต ทำไมไม่ให้รถไฟถึงปลายทางก่อนแล้วค่อยเก็บทีเดียว หรือเป็นเพราะพนักงานรีบกลับบ้าน
.
งานนี้ ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น บางคนบอกว่า ถ้ารอให้ถึง กทม.แล้วค่อยปลุก จะลุก จะเตรียมตัว จะเก็บข้าวของกันทันเหรอ พนักงานเขาทำถูกแล้ว รถไฟเข้ามาเทียบชานชาลา ผู้โดยสารต้องรีบลงให้หมด แล้วรถต้องรีบทำขบวนออก เพื่อให้ชานชาลาว่างสำหรับรถขบวนอื่นจะเข้าตามมาอีก จะมาจอดรอให้ผู้โดยสารค่อยๆ ตื่น ค่อยๆ เก็บของ รถขบวนอื่นที่มาจ่อรอเข้าสถานีไม่ต้องเข้าจอดกันพอดี ทุกอย่างมันเป็นกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันของทุกคน ในการใช้บริการสาธารณะร่วมกัน
.
ขณะที่บางคนบอกว่า เรื่องเก็บเตียง นั่งรถไฟมาตั้งแต่อายุ 18 จน 53 พนักงานจะทยอยเก็บเตียงที่รังสิต เพื่อให้ผู้โดยสารลุกขึ้นมาล้างหน้า แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ ตรวจเช็กข้าวของ เข้าใจและชื่นชมพนักงานทุกคนที่ตั้งใจทำหน้าที่ ไม่ได้มาอวยแต่รักรถไฟไทย แต่ก็มีบางคนที่มองว่า พนักงานคงรีบกลับบ้าน จึงรีบเก็บเตียง พอถึงสถานี จะได้กลับเลย ไม่ต้องมาเก็บอีก
.
ทั้งนี้ พนักงานคนหนึ่ง ได้ชี้แจงว่า ขบวน 24 ที่จะเข้าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พนักงานจะเก็บเตียงออกสถานีรังสิต ประมาณ 25 นาทีก่อนเข้าสถานีปลายทาง เพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมสัมภาระต่างๆ จะได้ไม่หลงลืมบนขบวน และให้ผู้โดยสารทำธุระส่วนตัวด้วย อีกอย่าง พวกพนักงานต้องเช็กผ้าที่ผู้โดยสารใช้ หากเกิดกรณีสูญหาย พนักงานต้องรับผิดชอบผ้านั้นๆ ต้องขออภัยผู้โดยสารด้วยที่พนักงานปฏิบัติ ทำให้ผู้โดยสารเกิดความไม่พอใจ
https://www.facebook.com/HKS2017/posts/766289102152593
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 16/03/2024 1:51 pm    Post subject: Reply with quote

ตร.ทางหลวงสกัดจับแก๊งลักเหล็กรางรถไฟ ยึดของกลาง 261 เส้น
ทีมข่าวอาชญากรรม 16 มี.ค. 2567 13:25

ตำรวจทางหลวงประจวบฯ สกัดจับแก๊งขโมยรางรถไฟ ยึดของกลางเหล็กรางจำนวน 261 เส้น

วันนี้ (16 มี.ค.) พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. จับกุม นายปรีชาฯ ​อายุ 42 ปี ,นายเนติพงษ์ฯ ​อายุ 28 ปี และ นายภานุศักดิ์ฯ ​อายุ 15 ปี พร้อมของกลาง เหล็กรางรถไฟ จำนวน 261 เส้น ได้บริเวณ ทล.4 (ถ.เพชรเกษม) กม.343 ขาล่องใต้ ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ให้ช่วยสกัดจับรถบรรทุกต้องสงสัยก่อเหตุขโมยเหล็กรางรถไฟ จากนั้นได้นำกำลังตั้งด่านตรวจพบรถต้องสงสัยตามที่รับแจ้ง เมื่อตรวจสอบพบ นายปรีชา ผู้ขับขี่ นายเนติพงษ์ และ นายภานุศักดิ์ นั่งโดยสาร จากการตรวจค้นพบเหล็กรางรถไฟซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายรถดังกล่าว

สอบสวนนายปรีชารับว่านายจ้างได้ให้พวกตนขับรถไปบรรทุกเหล็กดังกล่าว ที่บริเวณรางรถไฟหมู่บ้านโคกตาหอมฯ เพื่อนำไปส่งที่อู่แห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.4 ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมด้วยของกลางส่ง สภ.ธงชัย ดำเนินคดี ส่วนนายภานุศักดิ์ซึ่งเป็นเยาวชนได้แยกบันทึกจับกุมไว้แล้ว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/03/2024 10:32 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.จัดพิธีบวงสรวง"ร.5" เปิดงานสวนรถไฟสะพานดำ ชูแลนด์มาร์คใหม่'ลำปาง' ปชช.แห่ร่วมงานคึกคัก
ผู้จัดการออนไลน์ 17 มี.ค. 2567 21:15

การรถไฟฯ จัดพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 พร้อมเปิดเทศกาล"สวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง Festival ครั้งที่ 1" ปชช.กว่า 2,000 คน ร่วมงานคึกคัก จัดบูธสินค้า-อาหารพื้นเมืองสร้างรายได้ท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2567 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พร้อมเปิดเทศกาลสวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง Festival ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้สวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดลำปาง ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมสุขภาพ กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารการรถไฟฯ คณะผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จังหวัดลำปาง พนักงานการรถไฟฯ ประชาชนชาวลำปางและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน ณ สวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง จังหวัดลำปาง

นายนิรุฒกล่าวว่า ภารกิจของรฟท. นอกจากขนส่งผู้โดยสารและสินค้าแล้ว สิ่งที่รถไฟต้องทำควบคู่คือการพัฒนาหรือนำความเจริญให้ชุมชมหรือเมืองที่มีรถไฟไปถึง ซึ่งการซ่อมบูรณะสวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง มีแนวคิด เป็นต้นแบบที่ทำให้เห็นว่า รถไฟอยู่คู่ชุมชนได้อย่างมีความสุขและสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่อีกด้วย โดยตนเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯรฟท.เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2563 เริ่มลงมือทำโครงการนี้เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2563 ปรับปรุงบูรณะพัฒนาจากพื้นที่รกร้าง เสื่อมโทรมไม่ได้ใช้ประโยชน์ สร้างคุณค่า และส่งต่อรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้เกิดความยั่งยืน และนำไปพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป

"การพัฒนาต่างๆ ปะติมากรรมในสวนรถไฟสะพานดำแห่งนี้ รวมทั้งโมเดลรถม้า สัญลักษณ์ของ ลำปางรถไฟ พยายามออกแบบนำวัสดุใช้แล้ว หรือหมดอายุมาใช้ให้มากที่สุด เช่น คันเกียร์ ผ้าเบรก ล้อ เป็นต้น และคาดหวังว่า สวนรถไฟสะพานดำ จะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของ จ.ลำปาง แห่งหนึ่ง ที่ยั่งยืน"นายนิรุฒกล่าว

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟฯ กล่าวว่า เทศกาลสวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง Festival ครั้งที่ 1 นี้ เกิดขึ้นจากแนวคิดของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ที่ต้องการจะส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง จึงมอบให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำการซ่อมบูรณะสวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงาม เป็นสวนสาธารณะของการรถไฟฯ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสะพานดำให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดลำปาง

และตามนโยบาย ที่ให้การรถไฟฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ก่อให้เกิดการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดลำปางมากขึ้น เพื่อช่วยกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งถือเป็นสร้างสาธารณประโยชน์ที่การรถไฟฯ ทำเพื่อประชาชน

สำหรับการซ่อมบูรณะสวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง ในครั้งนี้ยังถือเป็นการอนุรักษ์และเก็บรักษาสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากในอดีต สะพานดำนครลำปาง ถือเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สำคัญของภาคเหนือ พาดผ่านจากสถานีรถไฟนครลำปาง มุ่งสู่สถานีรถไฟบ่อแฮ้ว ส่งผลให้เศรษฐกิจของจังหวัดลำปางดีขึ้น และนับว่าเป็นสะพานรถไฟสายสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรพยายามใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดสะพานรถไฟหลายแห่งเพื่อตัดเส้นทาง ซึ่งสะพานดำข้ามแม่น้ำวังเป็นหนึ่งในเป้าหมาย แต่สุดท้ายแล้วสะพานดำก็รอดพ้นจากการโดนทิ้งระเบิด โดยได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นสะพานดำจึงได้รับการบูรณะให้มีความแข็งแรงเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถไฟอย่างต่อเนื่อง ส่วนการทาสีดำบนโครงเหล็กสะพาน จำนวน 6 ชั้น เพื่อป้องกันสนิมตามมาตรฐานของการรถไฟฯ จึงกลายเป็นชื่อเรียกติดปากของประชาชนว่า “สะพานดำ”

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ได้มีการนำอุปกรณ์จากรถไฟเก่ามาดัดแปลงให้เป็นผลงานศิลปะรูปต่างๆ อาทิ อุโมงค์ขุนตานจำลอง ที่สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของรถไฟที่เก่าแก่ และการออกแบบโคมไฟประติมากรรมที่สร้างจากคันชักและประแจที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว รวมถึงการที่ยังคงร่องรอยของสะเก็ดระเบิดและรอยกระสุนปืนจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้ประชาชนได้มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของการรถไฟฯ ผ่านสถาปัตยกรรมอันสวยงาม ณ สวนรถไฟสะพานดำ นครลำปางแห่งนี้

@ ซุ้มอาหารและสินค้าพื้นเมืองจ.ลำปาง กว่า 80 ร้านค้า กระจายรายได้

ทั้งนี้ ภายในงานเทศกาลสวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง Festival ครั้งที่ 1 นี้ นับเป็นโอกาสพิเศษที่ การรถไฟฯ ได้มีการจัดกิจกรรมมากมายให้ประชาชนได้เข้ามาร่วมสนุก อาทิ การจัดซุ้มอาหารและสินค้าพื้นเมืองจากทั่วจังหวัดลำปาง กว่า 80 ร้านค้า ให้ประชาชนได้อิ่มอร่อยและเพลิดเพลินกับของดีจำนวนมากจากจังหวัดลำปาง การจัดซุ้มกิจกรรม 7 สถานีหรรษา พร้อมลุ้นรับของที่ระลึกจากการรถไฟฯ อีกมากมายกว่า 1,000 รางวัล เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับประชาชนที่เข้าร่วมงาน พร้อมทั้งมีการจัดคอนเสิร์ตจากศิลปินวงพื้นเมืองล้านนา “ครูแอ๊ด เดอะสะล้อ” และนักร้องสาวเหนือเสียงหวาน “ลานนา คัมมินส์” รวมถึงนักร้องเสียงทรงพลัง “สงกรานต์ The Voice Thailand” ที่จะมามอบความสนุกพร้อมกับบรรยากาศสุดชิว ณ สวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง Festival ในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีการเปิดให้ชมหนังกลางแปลง จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องส้มป่อย และเรื่องผู้บ่าวไทบ้าน ซึ่งช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น ให้พื้นที่สวนสาธารณะสะพานดำของการรถไฟฯ เป็นศูนย์กลางวิถีชุมชมของชาวลำปาง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สอดแทรกการเรียนรู้ประวัติ และวิวัฒนาการการก่อสร้างทางรถไฟในเส้นทางสายเหนือต่อไป

การรถไฟฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการบูรณะสวนรถไฟสะพานดำ นครลำปาง ในครั้งนี้ จะสร้างอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดลำปาง ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของจังหวัด สร้างรายได้ให้กับชุมชน ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชน มีการหมุนเวียนกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ช่วยต่อยอดให้เศรษฐกิจชุมชนเกิดความเข้มแข็งอีกทางหนึ่งด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 470, 471, 472 ... 474, 475, 476  Next
Page 471 of 476

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©