Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311304
ทั่วไป:13278606
ทั้งหมด:13589910
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 474, 475, 476, 477  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44710
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/04/2024 12:14 pm    Post subject: Reply with quote

'สุรพงษ์' เดินหน้าสรรหา 2 ผู้ว่าคนใหม่ คุมการรถไฟฯ - รฟม.
กรุงเทพธุรกิจ 17 เม.ย. 2024 เวลา 11:28 น.

“สุรพงษ์” เดินหน้าสรรหา 2 ผู้ว่าคุมระบบราง เตรียมเสนอ ครม.เดือนหน้า รื้อบอร์ด รฟม. ก่อนเริ่มขั้นตอนประกาศสรรหาผู้ว่า ขณะที่การรถไฟฯ ปิดประตูเจรจาต่ออายุ “นิรุฒ มณีพันธ์” เปิดสรรหาคนใหม่ พร้อมเร่งงานค้างท่อประมูลรถไฟทางคู่เฟส 2

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีผู้บริหาร 2 หน่วยงานระบบรางที่ตนกำกับดูแลเกษียณอายุ และครบวาระบริหาร โดยระบุว่า ปัจจุบันส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีการแต่งตั้งระดับรองผู้ว่าขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการที่มีอำนาจเต็มในการบริหารงานอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่กระทบต่อการบริหารงานในองค์กร และยังสามารถลงนามสัญญาจ้างได้

อย่างไรก็ดี ตนในฐานะรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลหน่วยงาน อยู่ระหว่างพิจารณาเตรียมปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ชุดใหม่ เพราะพบว่ามีบางตำแหน่งที่ครบวาระ หรือเกษียณอายุ และยังมีกรรมการมาจากผู้ทรงคุณวุฒิบางส่วนที่สามารถพิจารณาปรับเปลี่ยนได้ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนบอร์ดครั้งนี้จะเป็นการคัดสรรผู้ที่เหมาะสมมาทำงาน เพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปตามเป้าหมาย

เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถคัดสรรบุคคลที่เหมาะสมมารับตำแหน่งบอร์ด รฟม. พร้อมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติได้ในเดือน พ.ค. 2567 โดยภายหลังปรับบอร์ด รฟม.ใหม่แล้ว ภารกิจแรกก็จะเริ่มต้นแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่า รฟม.คนใหม่โดยเร็ว ซึ่งปกติจะใช้เวลาในกระบวนการสรรหาราว 3 – 4 เดือน ดังนั้นคาดว่าจะได้ตัวผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งผู้ว่า รฟม.ภายใน ส.ค. - ก.ย.นี้

สำหรับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งเป็นอีกหน่วยงานที่ตนกำกับดูแล โดยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.คนปัจจุบัน กำลังจะครบวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในวันที่ 23 เม.ย. 2567 ทราบว่าปัจจุบันบอร์ด ร.ฟ.ท.ได้เริ่มขั้นตอนแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าใหม่แล้ว ดังนั้นเมื่อเริ่มขั้นตอนนี้แล้วก็น่าจะเลยขั้นตอนการเจรจาต่อวาระกับผู้ว่าฯ คนเดิม แต่ผู้ว่าฯ คนเดิมก็ยังสามารถสมัครตามกระบวนการสรรหาใหม่ได้

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า การสรรหาผู้ว่า ร.ฟ.ท.คนใหม่ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีโครงการค้างอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการเสนอขออนุมัติลงทุนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เส้นทางสายใต้ที่รัฐบาลต้องการเร่งรัด เพื่อเป็นโครงข่ายระบบรางเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการเดินทางและการขนส่ง

โดยทราบว่าวันที่ 18 เม.ย.นี้ จะมีการเสนอบอร์ด ร.ฟ.ท.เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 2.42 หมื่นล้านบาท และช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 5.73 หมื่นล้านบาท เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการเสนอบอร์ด ขออนุมัติช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 6.66 พันล้านบาท ผ่านการพิจารณาไปแล้ว ดังนั้นต้องเร่งดำเนินการก่อสร้างให้ครอบคลุมทั้งเส้นทาง


17 เม.ย. จัด 2 ขบวนรถเสริม-เพิ่มตู้รถไฟ รองรับผู้โดยสาร 6 วันสงกรานต์ 6.5 ล้านคน
เดลินิวส์ 17 เมษายน 2567 14:03 น.

“กรมราง” ประสาน รฟท. จัดขบวนรถเสริมพิเศษ 2 ขบวน ช่วยโดยสาร 17 เม.ย. 66 พร้อมเพิ่มตู้ รองรับประชาชนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ขณะเดียวได้ประสานให้ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า เพิ่มความถี่เดินรถในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า-เย็น เปิดตัวเลขสะสมเดินทางผ่านระบบราง 6 วันสงกรานต์ 6.55 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21.22%

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า วันที่ 17 เม.ย. 67 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ปี 67 และเป็นวันทำงานราชการตามปกติ ยังคงมีประชาชนบางส่วนเดินทางกลับจากภูมิลำเนาในภูมิภาคต่าง ๆ สู่กรุงเทพฯ ซึ่ง ขร. ได้ประสานไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดขบวนรถเสริมพิเศษช่วยการโดยสารในวันที่ 17 เม.ย. 67 จำนวน 2 ขบวนในเส้นทางอุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ และอุดรธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ รวมทั้งเพิ่มตู้โดยสาร เพื่อให้เพียงพอ และรองรับต่อการเดินทางกลับของประชาชน

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้กำชับผู้ให้บริการรถไฟฟ้า เพิ่มความถี่ของขบวนรถไฟฟ้าในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็น พร้อมทั้งตรวจสอบความสมบูรณ์พร้อมใช้งานต่อกล้อง CCTV ทั้งในพื้นที่สถานี และในขบวนรถไฟฟ้า และเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุดต่างๆ ภายในสถานี และเพิ่มความถี่ในการตรวจตรา เพื่ออำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า สำหรับการใช้บริการระบบรางเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของวันหยุดต่อเนื่องช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีประชาชนใช้บริการระบบรางรวม 793,018 คน-เที่ยว น้อยกว่าประมาณการ 93, 508 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการ 10.55% (ประมาณการ 886,526 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. 82,530 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และรถไฟชานเมือง (รวมสายสีแดง) 710,488 คน-เที่ยว (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลเชื่อมต่อสายสีแดงฟรี 6 คน) มีรายละเอียด ดังนี้ รถไฟระหว่างเมือง ให้บริการรวม 211 ขบวน (รวมขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารเที่ยวล่อง (เข้ากรุงเทพฯ) 4 ขบวน 2,877 คน-เที่ยว) มีผู้ใช้บริการรวม 82,530 คน-เที่ยว มากกว่าสงกรานต์ปี 66 จำนวน 15,566 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 23.25% (16 เม.ย. 66 จำนวน 66,964 คน-เที่ยว) แต่น้อยกว่าประมาณการ 14,010 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการ 14.51% (ประมาณการ 96,540 คน-เที่ยว)

แบ่งเป็น ผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 37,960 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 44,570 คน-เที่ยว มีผู้โดยสารขาออก 34,472 คน-เที่ยว และขาเข้า 48,058 คน-เที่ยว โดยสายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุด 28,629 คน-เที่ยว (ขาออก 13,259 คน-เที่ยว ขาเข้า 15,370 คน-เที่ยว) รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้ใช้บริการ 23,683 คน-เที่ยว (ขาออก 8,725 คน-เที่ยว ขาเข้า 14,958 คน-เที่ยว) สายเหนือ 15,904 คน-เที่ยว (ขาออก 6,290 คน-เที่ยว ขาเข้า 9,614 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 8,617 คน-เที่ยว (ขาออก 3,322 คน-เที่ยว ขาเข้า 5,295 คน-เที่ยว) และสายแม่กลองและมหาชัย 5,697 คน-เที่ยว (ขาออก 2,876 คน-เที่ยว ขาเข้า 2,821 คน-เที่ยว)

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ส่วนระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวม 2,359 เที่ยว มีผู้ใช้บริการรวม 710,488 คน-เที่ยว เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับวันเดียวกันของปีที่ผ่านมา 106,770 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 17.69% (วันที่ 16 เม.ย. 66 ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า 603,718 คน-เที่ยว) แต่น้อยกว่าประมาณการ 79,498 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการ 10.06% (ประมาณการ 789,986 คน-เที่ยว) ประกอบด้วย รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ให้บริการ 174 เที่ยว มีผู้ใช้บริการ 42,037 คน-เที่ยว (เพิ่มขึ้นจาก 16 เม.ย. 66 จำนวน 5,760 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 15.88%), รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 308 เที่ยว มีผู้ใช้บริการ 18,267 คน-เที่ยว (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดง 6 คน-เที่ยว) (เพิ่มขึ้นจาก 16 เม.ย. 66 จำนวน 6,818 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 59.55%)

รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ให้บริการ 218 เที่ยว มีผู้ใช้บริการ 27,806 คน-เที่ยว (เพิ่มขึ้นจาก 16 เม.ย. 66 จำนวน 11,284 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 68.30%), รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) ให้บริการ 250 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 189,893 คน-เที่ยว (เพิ่มขึ้นจาก 16 เม.ย. 66 จำนวน 31,987 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 20.26%), รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) ให้บริการ 760 เที่ยว มีผู้ใช้บริการ 379,749 คน-เที่ยว (เพิ่มขึ้นจาก 16 เม.ย. 66 จำนวน 4,515 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 1.20%), รถไฟฟ้า สายสีทอง ให้บริการ 217 เที่ยว มีผู้ใช้บริการ 9,661 คน- เที่ยว (เพิ่มขึ้นจาก 16 เม.ย. 66 จำนวน 3,331 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 52.62%), รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ให้บริการ 216 เที่ยว มีผู้ใช้บริการ 17,863 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ให้บริการ 216 เที่ยว มีผู้ใช้บริการ 25,212 คน-เที่ยว ทั้งนี้ ด้านความปลอดภัยในการให้บริการระบบขนส่งทางราง มีอุบัติเหตุทางรถไฟ 2 ครั้ง ส่วนรถไฟฟ้า ไม่มีเหตุขัดข้อง

นายพิเชฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับยอดสะสม 6 วันที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการระบบรางรวม 6,556,681 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 6 วันเดียวกันของปีที่ผ่านมา 1,147,786 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 21.22% (11-16 เม.ย. 66 จำนวน 5,408,895 คน-เที่ยว) และมากกว่าประมาณการ 58,602 คน-เที่ยว หรือสูงกว่าประมาณการ 0.9% (ประมาณการ 6,498,079 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมือง 485,323 คน-เที่ยว (สะสม 6 วันเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา 72,668 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 17.61%) และรถไฟฟ้า 6,071,358 คน-เที่ยว (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลเชื่อมต่อสายสีแดงฟรี 61 คน) (สะสม 6 วันเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1,075,118 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 21.52%)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42772
Location: NECTEC

PostPosted: 17/04/2024 4:03 pm    Post subject: Reply with quote

Experts have backed rail to transport agricultural products over long distances following a successful trial, which saw a 13-fold lowering of carbon emissions when compared to air freight. It was also cheaper. The trial was conducted by Thailand Science Research and Innovation (TSRI), which used high-efficiency mobile refrigerated container trains to transport the Royal Project’s fresh merchandise from the north to the south of Thailand.

Trains emit 0.06kg of carbon dioxide per tonne of products, while airplanes emit 0.7–0.8kg and road logistics emit 0.36kg,
Furthermore, the products delivered in the trial remained fresh and undamaged despite the three-day journey across the country.The cost was also cheaper, down from 14 baht/kg by road to four baht/kg by train

https://bangkokone.news/rail-considered-as-the-future-of-logistics-in-thailand/
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=406965025423098&id=100083288111333&rdid=0oSSESsgRl8GdZcq
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42772
Location: NECTEC

PostPosted: 18/04/2024 2:49 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
'สุรพงษ์' เดินหน้าสรรหา 2 ผู้ว่าคนใหม่ คุมการรถไฟฯ - รฟม.
กรุงเทพธุรกิจ 17 เม.ย. 2024 เวลา 11:28 น.

เปิดใจ 8 วันก่อนลา ‘นิรุฒ มณีพันธ์’ ผู้ว่ารถไฟ 4 ปีซ่อม หวังอีก 4 ปีสร้าง?
เขียนโดยisranewsHITS734
เขียนวันจันทร์ ที่ 15 เมษายน 2567 เวลา 10:00 น.

“ผมเคยพูดกับผู้ใหญ่บางท่านว่า ผมไปทำงานอย่างอื่น ผมได้ผลตอบแทนดีกว่าทำที่นี่เยอะ เพราะที่นี่ทำงานหนักมาก ปัญหามันมีทุกมิติ เหมือนเล่นกายกรรมต้องระวังทุกอย่าง บาลานซ์ไม่ให้มีอะไรตกหล่น ผมมีเป้าหมายในชีวิตของผมที่จะมานั่งที่นี่ ผมไม่อยากเสียเวลาชีวิตมาหายใจทิ้งที่นี่” นายนิรุฒกล่าว

ปี 2567 เป็นปีที่กระทรวงคมนาคมจะเกิดการปรับกระบวนทัพใหม่ครั้งใหญ่อีกครั้ง เพราะปีนี้ จะเป็นปีที่ผู้บริหารระดับสูงอย่างน้อย 4 หน่วยงานถึงคราวเปลี่ยนแปลง

เริ่มต้นกับ ‘การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)’ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ‘ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ’ ลูกหม้อขององค์กรที่รั้งตำแหน่งผู้ว่าการมาตั้งแต่ปี 2561 และได้รับการต่ออายุ 1 ครั้งเมื่อปี 2565 ถึงคราวลุกจากตำแหน่งแล้ว เนื่องจากอายุครบ 60 ปี ตามสัญญาจ้าง ซึ่งตอนนี้ รฟม.ได้ให้ ‘วิทยา พันธุ์มงคล’ รองผู้ว่าการ รฟม.(ปฏิบัติการ) ที่มีอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ รักษาการผู้ว่าการ รฟม.ตาม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 2535 ไปจนกว่าจะมีผู้ว่าคนใหม่

ถัดมาในช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. 2567 2 หน่วยงานด้านถนนที่กุมเม็ดเงินงบประมาณมหาศาลและโปรเจ็กต์ระดับเรือธง ‘กรมทางหลวง (ทล.)’ และ ‘การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)’ ก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนผู้บริหารใหม่เช่นกัน ‘สราวุธ ทรงศิวิไล’ อธิบดีทล.คนปัจจุบันอายุครบ 60 ปีในปีนี้ จึงต้องมีการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่ ส่วน กทพ. ‘สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข’ ผู้ว่าการคนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในเดือน ส.ค. 2567 นี้

ยังไม่นับ ‘อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.)’ ที่มี ‘จิรุตม์ วิศาลจิตร’ นั่งค้ำบัลลังก์อยู่ หลังที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2566 ต่ออายุให้เป็นอธิบดีต่ออีก 1 ปี หลังนั่งครบ 4 ปีแล้ว โดยนายจิรุตม์จะมีวาระเกษียณอายุราชการในปี 2568 ดังนั้น จึงน่าจับตามองว่าในปีนี้ จะยังได้นั่งเก้าอี้อธิบดี ขบ.ต่อไปหรือไม่?

4 ผู้บริหารหน่วยงานในกระทรวงคมนาคม ที่ครบวาระในปี 2567
(จากซ้ายถึงขวา) สราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เกษียณอายุราชการ ก.ย. 67, ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่ารฟม.ครบวาระดำรงตำแหน่งเมื่อ 20 มี.ค. 67, สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่ากทพ.ครบวาระดำรงตำแหน่งเดือน ส.ค. 67 และจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดรกรมการขนส่งทางบก ได้รับต่ออายุในตำแหน่งออธิบดีมาแล้ว 1 ครั้ง หลังดำรงตำแหน่งครบ 4 ปีเมื่อปี 66 ที่ผ่านมา

และอีก 1 หน่วยงานที่ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงคือ องค์กรม้าเหล็ก ‘รฟท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย’ ที่มี ‘นิรุฒ มณีพันธ์’ นั่งเป็นผู้ว่าการ โดยจะครบวาระตามสัญญาจ้างในวันที่ 23 เม.ย. 2567 นี้

แม้จะเป็นหน่วยงานที่มีแต่ปัญหา มีหนี้สินพะรุงพะรังเหยียบแสนล้านบาท แต่ตัวโครงการลงทุนที่รออนุมัติก็ระดับพันล้าน หมื่นล้านบาทแทบทุกโครงการ ทำให้การผลัดเปลี่ยนผู้บริหารแต่ละครั้ง กลายเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง

เมื่อเร็วๆนี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีโอกาสติดตามนายนิรุฒไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.ลำปาง จึงได้โอกาสสนทนาถึงเวลาที่เหลืออีกเพียง 10 กว่าวัน สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ สิ่งที่ทำแล้ว สิ่งที่ภูมิใจ งานยาก มรสุมโควิด และอื่นๆ รวมถึงโอกาสที่จะกลับมานั่งเก้าอี้กุมบังเหียนองค์กรม้าเหล็กแห่งนี้

...ยังเป็นไปได้หรือไม่?


@ไม่ให้การเมืองแทรกการบริหาร
ผู้ว่ารถไฟคนปัจจุบันเริ่มต้นว่า ในการมานั่งบริหาร รฟท. จะให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งคนก่อน โดยจะใช้ระบบคุณธรรมเข้ามาช่วยจัดการ พอพูดแบบนี้ มีแต่คนไม่เชื่อว่า รฟท.สามารถเอาระบบคุณธรรมมาใช้ได้จริงๆเหรอ? แต่ในยุคนี้ขอบอกตรงๆว่า ทำได้ แม้ว่าในช่วงแรกๆของการทำงานจะอยู่ภายใต้การบริหารของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยก็ตาม แต่ได้ยืนยันกับทางรัฐมนตรีศักดิ์สยามไปว่า รฟท.ในยุคนี้จะทำงานแบบนี้ จะมีระบบแต่งตั้งคนกันแบบนี้ พูดตรงๆคือ จะพยายามไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงความเป็นมืออาชีพของ รฟท.

“เวลามีการสรรหาคน จะตรวจเช็กกัน 360 องศาเลย เช็กรายบุคคลด้วย เช่น คนนี้จากระดับ 5 ขึ้งระดับ 6 ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งสูงเลย แต่เราเช็ก แล้วพอเราใส่ระบบนี้เข้าไปมันก็ถูกฝังลงไป และพิสูจน์ว่าทำได้ มันต้องกล้าทำ เพราะเรารู้ว่าแรงบีบมันเยอะ และมีกลอุบายกันเยอะ รวมถึงรถไฟเป็นองค์กรที่มีไซโล หมายถึง แต่ละแผนก แต่ละด้านมีรั้วของแต่ละแผนก พอละลายตรงนี้ลงเอามาคุยกันในห้องทำงานของผม เรื่องที่ค้างๆมา 2 ปี คุยกัน 5 นาที ก็เซ็นออกได้เลย” นายนิรุฒระบุ

@มีใบสั่งการเมือง แต่ไม่ให้ยุ่งมาก
ต่อมา ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งใกล้ครบวาระมีใบสั่งการเมืองในบางประเด็นบ้างหรือไม่ ผู้ว่ารฟท.ตอบว่า มีบ้าง แต่ก็พูดคุยกับคนที่มาบอกว่า การเมืองต้องหลีกทางสัก 70% ให้มันสร้างระบบคุณธรรมในองค์กรให้ได้ ส่วนอีก 30% ถือว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกัน และไม่ได้อยู่ในกระบวนการสำคัญๆขององค์กร ซึ่งเคยพูดออกไปด้วยซ้ำว่า “ถ้าไม่สนใจสิ่งที่ได้บอกกล่าวกันมา ก็พร้อมที่จะลาออกให้”

“ผมเคยพูดกับผู้ใหญ่บางท่านว่า ผมไปทำงานอย่างอื่น ผมได้ผลตอบแทนดีกว่าทำที่นี่เยอะ เพราะที่นี่ทำงานหนักมาก ปัญหามันมีทุกมิติ เหมือนเล่นกายกรรมต้องระวังทุกอย่าง บาลานซ์ไม่ให้มีอะไรตกหล่น ผมมีเป้าหมายในชีวิตของผมที่จะมานั่งที่นี่ ผมไม่อยากเสียเวลาชีวิตมาหายใจทิ้งที่นี่” นายนิรุฒกล่าว

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้ว่าคนนอก ต่อสู้กับแรงเสียดทานในองค์การรฟท.อย่างไรบ้าง นายนิรุฒกล่าวว่า มีแรงเสียดทานน้อยมาก พอเข้ามาก็ถูกพนักงานลองของว่า เมื่อเข้ามาแล้วจะทำงานอย่างไร ก็แค่แสดงตัวตนออกไปว่า เราทำงานอย่างไร และในกลุ่มคนที่ไม่แฮปปี้กับการมาของตนมี 2 แบบ แบบที่ 1 คือ ยังไม่สนิทคุ้นเคย และ 2. ประโยชน์บางอย่างที่เคยได้ จะหายไป ซึ่งกับคนประเภทที่ 2 ก็ต้องบริหารจัดการกันไป เพราะพนักงานที่นี่รู้แล้วว่า ผู้ว่าคนนอก (ชี้มาที่ตัวเอง) เป็นนักกฎหมายมาก่อน คนก็กลัวกัน


บทสนทนาไหลสู่การสอบถามถึงบริการใหม่ๆที่เกิดขึ้นในยุคนี้ นายนิรุฒระบุว่า ขอพูดถึงข้อบกพร่องก่อน สิ่งที่ยังทำไม่ได้คือ การเพิ่มจำนวนรถ อันนี้คือข้อบกพร่องที่สุดที่ทำไม่ได้ เพราะ 1.คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ 2. รฟท.ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยเหนือเลย สิ่งที่ทำได้คือ การบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุดทั้งสถานีหัวลำโพงและกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยปีทีผ่านมา สถานีหัวลำโพง ได้กลายเป็นสถานที่จัดงานอีเว้นท์ต่างๆทั้งคอนเสิร์ต แฟชั่นโชว์ และงานแสดงต่างๆ ซึ่งทำรายได้เข้าองค์กรมากมาย โดยอนาคตหัวลำโพงอาจจะปรับปรุงเป็นสถานที่จัดอีเว้นท์และคอนเสิร์ตไปเลยก็ได้ และยังจัดแสดงหัวรถจักรต่างๆในพื้นที่หัวลำโพงด้วย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่คนเข้ามาใช้งาน ถ่ายภาพได้ ถือเป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ๆให้คนได้มาท่องเที่ยวได้ อีกทั้งเป็นการลดภาระของหัวลำโพง

เมื่อถามต่อว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จ และอยากทำต่อ นายนิรุฒกล่าวว่า เยอะแยะ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงก็อยากทำให้เสร็จ แต่สิ่งที่ภูมิใจคือ รถไฟทางคู่สายใหม่สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ถ้าไม่ใช้สกิลของความเป็นนักกฎหมาย เชื่อว่าถ้าเป็นยุคอื่นคงไม่ได้เกิด เพราะช่วงที่ประมูลมีข้อครหาเรื่องราคาเสนอใกล้เคียงกันมาก ก็ถามกลับไปยังผู้ที่ออกมาโจมตี ณ ตอนนั้นว่า แล้วมีอะไรผิด? ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีการฮั้วหรือไม่ แต่ราคากลางมันมีอยู่ แล้วกล้าประกาศกับสังคมหรือไม่ว่า ถ้ามันเกินกว่านี้จะรับผิดชอบ ซึ่งเรามองแล้วว่า ตามกฎหมายไม่มีปัญหาอะไรผิด จึงตัดสินใจให้ลงนามเลย ไม่งั้นโครงการไม่เกิด ถ้าบริหารบนความกลัว หลายเรื่องจะไม่เกิด

@ความในใจถึง ‘ไฮสปีด 3 สนามบิน-VO สายสีแดง- ICD ลาดกระบัง’
หลังจากพูดถึงโครงการที่ภูมิใจไปแล้ว ก็มาถึงโครงการที่เจ้าตัวห่วงบ้างนั่นคือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งนายนิรุฒยืนยันว่า ไม่อยากให้ล้มเลิก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผู้โดยสารอย่างเดียว เพราะถ้าโครงการนี้ล้มลงไป นโยบายเขตระเบียงเศรษฐพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็จะล้มลงไปด้วย ที่ว่าจะสานต่ออีสเทิร์นซีบอร์ด หรืออะไรก็จะไม่เกิด ส่วนจะต้องคิดใหม่ ทำใหม่หรือไม่ คิดว่ามันแก้ไขได้ วันนี้ ต้องทำอย่างไรก็ได้ที่รัฐต้องได้เท่าหรือมากกว่าเดิม และให้เอกชนหายใจได้แข็งแรงขึ้น และมาเสริมสิ่งที่รัฐต้องการตามที่ตกลงกันไว้ จะซื้อเวลาไปบ้างก็ยอมกันได้

งานถัดมาที่ยังแก้ไม่ตกคือ ปัญหาคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (Variation Order : VO) รถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ - รังสิตและบางซื่อ – ตลิ่งชัน ซึ่งยังมีปัญหาการคำนวณค่างาน VO ต่างๆให้ชัดเจนแน่นอนอยู่ และปัญหาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ได้เรียกเอาเงินที่เอกชนค้างไว้คืนมาได้ 6,000 ล้านบาท แต่ทั้งสองโครงการยังมีอีกหลายปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่คงไม่ทันในสมัยตนแล้ว

@ทำใจ ถ้าไม่ได้เป็นต่อ
หลังจากที่ได้คำตอบถึงงานที่ยังอยากทำต่อ ผู้สื่อข่าวจึงยิงคำถามว่า แล้วในช่วงใกล้วาระนี้ เห็นสัญญาณของการจะได้ต่อวาระผู้ว่ารฟท.หรือไม่ นายนิรุฒระบุว่า ไม่ได้ปฏิเสธหากจะมีการพิจารณาต่อวาระ แต่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆจากรัฐมนตรีทั้งสามท่าน (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม, มนพร เจริญศรี และสุรพงษ์ ปิยะโชติ ในฐานะ 2 รมช.คมนาคม) โดยเฉพาะนายสุรพงษ์ จากที่ได้ทำงานกันตลอดเวลาที่ผ่านมาถือว่าเข้าขากับท่านได้ดี

เมื่อถามว่า แต่ในเชิงข่าวตอนนี้เหมือนว่าทางรัฐมนตรีทั้งสามก็มีตัวจริงในใจแล้ว อาจจะทำให้นายนิรุฒไม่ได้เป็นผู้ว่าต่ออีกสมัยหรือไม่ ผู้ว่ารฟท.คนปัจจุบันตอบว่า เมื่อกติกากำหนดให้อยู่ 4 ปี ในฐานะคนที่ยังอยู่ก็ไม่ควรวิ่ง เพื่อให้อยู่ข้ามวาระที่กติกากำหนดไว้ ซึ่งจะทำให้เสียความเป็นมืออาชีพจากวาระที่ผ่านมา

“ตอนผมเข้ามาเคยได้ยินเขาเม้าท์กันว่าเป็น วุฒิชาติ 2 (วุฒิชาติ กัลยาณมิตร อดีตผู้ว่ารฟท.) ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะผมก็มาแบบคนนอกเหมือนท่านวุฒิชาติ ทุกเรื่องต้องพิสูจน์ ซึ่งก็ผ่านมาแล้ว ส่วนหลังจากนี้จะได้เป็นผู้ว่าต่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรี”

บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้ สำหรับผู้ว่ารถไฟที่ชื่อ ‘นิรุฒ มณีพันธ์’...

หลังจากนี้ คงต้องลุ้นกันว่า ใครจะเข้ามาคุมองค์กรม้าเหล็กแห่งนี้ เพราะกระแสข่าวตอนนี้ออกมาในทางที่ ‘ไม่เอาคนเก่า’

ส่วนจะเป็นใครมา คงต้องรอคณะกรรมการสรรหาผู้ว่ารฟท. ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เป็นประธาน คัดสรรกันต่อไป

เพราะภารกิจของ รฟท. ยังมีอีกมากมายที่ต้องสะสาง โดยเฉพาะการฟื้นฟูกิจการที่ยังค้างเติ่งมาตั้งแต่สมัย คสช. ไม่รู้ว่าผู้ว่าคนใหม่ที่เข้ามา จะสะสางภารกิจนี้ได้หรือไม่ต้องติดตาม
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42772
Location: NECTEC

PostPosted: 18/04/2024 6:42 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ด รฟท.ไฟเขียวแต่งตั้ง “จเร รุ่งฐานีย” นั่งรักษาการ ผู้ว่าฯ
ฐานเศรษฐกิจ
วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 16:56 น.

บอร์ดรฟท.แต่งตั้ง”จเร รุ่งฐานีย”นั่งรักษาการผู้ว่าฯรฟท.หลัง”นิรุฒ มณีพันธ์”ครบวาระตั้งแต่ 24 เม.ย.67
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 17:05 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 17:05 น.


บอร์ดรฟท. แต่งตั้ง “จเร รุ่งฐานีย”นั่งรักษาการผู้ว่าฯรฟท.หลัง”นิรุฒ มณีพันธ์”ครบวาระ ตั้งแต่ 24 เม.ย.นี้เป็นต้นไป เนื่องจากอาวุโสสูงสุดและเหมาะสมในการผลักดันโครงการเร่งด่วน
บอร์ด รฟท. เคาะแต่งตั้ง “จเร รุ่งฐานีย” นั่งรักษาการ ผู้ว่าการฯ มีผล 24 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป หลัง “นิรุฒ มณีพันธ์” ครบวาระ 4 ปี นั่งผู้ว่ารฟท.คนนอก

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2567 ที่ประชุมคณะกรรมการรฟท. (บอร์ด) มีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน รฟท. เป็นรักษาการผู้ว่ารฟท. เนื่องจากเป็นผู้อาวุโสและมีตำแหน่งเหมาะสม เพราะสามารถผลักดันโครงการเร่งด่วนได้จนกว่าจะมีผู้ว่าการรฟท.คนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป


ทั้งนี้ในปัจจุบันนายนิรุฒ มณีพันธ์ จะครบวาระเป็นผู้ว่าการรฟท.ในวันที่ 23 เม.ย. 2567 ซึ่งถือเป็นผู้ว่ารฟท.คนนอกที่สามารถอยู่ครบวาระ 4 ปี ตามกำหนด

สำหรับการสรรหาผู้ว่ารฟท.คนใหม่นั้น ที่ผ่านมาที่ประชุม (บอร์ด) มีมติแต่งตั้งให้นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการรฟท.คนใหม่ ซึ่งตามกระบวนการคาดว่าจะใช้เวลาในกระบวนการสรรหาผู้ว่าการฯ แล้วเสร็จภายใน 2 - 3 เดือน
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44710
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/04/2024 7:35 pm    Post subject: Reply with quote

7 วัน “สงกรานต์” ผู้โดยสารใช้บริการรถไฟ 5.6 แสนคน เรียบร้อยดี ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง!
18 เมษายน 2567 18:48 น.
นวัตกรรมขนส่ง

รฟท. เปิดสถิติ 7 วันสงกรานต์ เดินทางด้วยรถไฟเรียบร้อยดี ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง จัดรถเสริม 16 ขบวน รถหมุนเวียน 40 คัน เพิ่มตู้ 214 ขบวน ประชาชนใช้บริการ 5.64 แสนคน เฉลี่ยวันละกว่า 8 หมื่นคน สายใต้พีคสุด 1.97 แสนคน เกิดอุบัติเหตุรวม 1 ครั้ง

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถไฟ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. 67 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับการเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง มีผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งสิ้น 564,779 คน โดย รฟท. มีการจัดเพิ่มตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถประจำทั้ง 214 ขบวนต่อวัน และเพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ไป-กลับ รวม 16 ขบวน ตลอดจนจัดเตรียมรถโดยสารสำหรับหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 40 คัน 

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟทั้ง 564,779 คน แบ่งเป็น ขบวนรถเที่ยวไป 273,704 คน ขบวนรถเสริม 4,760 คน และขบวนรถเที่ยวกลับ 281,401 คน ขบวนรถเสริม 4,914 คน เส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางสูงสุดคือ สายใต้ 197,026 คน ถัดมาเป็นสายตะวันออกเฉียงเหนือ 150,475 คน สายเหนือ 103,574 คน สายตะวันออก 65,270 คน สายมหาชัย 40,779 คน และปิดท้ายที่สายแม่กลอง 7,655 คน เฉลี่ยมีผู้โดยสารเดินทาง วันละ 80,683 คน ส่วนภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุของผู้โดยสารที่เดินทางโดยรถไฟ ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1 ครั้ง เป็นอุบัติเหตุผู้โดยสารตกจากขบวนรถ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

นายเอกรัช กล่าวอีกว่า รฟท. ขอขอบคุณประชาชน ผู้ใช้บริการทุกคน ที่ไว้วางใจเลือกใช้บริการรถไฟในการเดินทาง และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ส่งผลการเดินทางตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 67 เป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย ซึ่ง รฟท. มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสุข สร้างรอยยิ้ม ให้กับผู้ใช้บริการต่อไป


รฟท.เผยภาพรวมเดินทางช่วงสงกรานต์ เรียบร้อยดี ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง
ผู้จัดการออนไลน์ 18 เม.ย. 2567 19:22 น.

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถไฟ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับการเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง

ทั้งนี้ มีผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟทั้งสิ้น 564,779 คน โดย รฟท. มีการจัดเพิ่มตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถประจำทั้ง 214 ขบวนต่อวัน และเพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ไป-กลับ รวม 16 ขบวน ตลอดจนจัดเตรียมรถโดยสารสำหรับหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 40 คัน

ส่วนภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุของผู้โดยสารที่เดินทางโดยรถไฟ ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น มีอุบัติเหตุ 1 ครั้ง เป็นอุบัติเหตุผู้โดยสารตกจากขบวนรถ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

SRT Reports Smooth Travel During Songkran with No Passenger Stranding

The State Railway of Thailand (SRT) reports a successful Songkran travel period with adequate capacity to accommodate all passengers returning home or traveling for the festival. Between April 11th and 17th, 2024, a total of 564,779 people utilized SRT services.

To meet the demand, the SRT deployed all available passenger cars in its 214 regular daily trains. Additionally, 16 special trains were added on northern and northeastern routes. The SRT also provided 40 supplementary carriages for increased flexibility.

The SRT is pleased to report only one minor incident involving a passenger falling from a train, resulting in a slight injury.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42772
Location: NECTEC

PostPosted: 19/04/2024 11:53 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
7 วัน “สงกรานต์” ผู้โดยสารใช้บริการรถไฟ 5.6 แสนคน เรียบร้อยดี ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง!
วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 18:48 น.
นวัตกรรมขนส่ง


รฟท.เปิดยอดผู้โดยสาร ช่วงสงกรานต์ 67 รวม 7 วัน กว่า 5.64 แสนคน วิ่ง214 ขบวน/วันพ่วงตู้ เต็มหน่วยลากจูง
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 09:54 น.
ปรับปรุง: วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 09:54 น.



รฟท.เปิดยอดผู้โดยสาร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เม.ย. รวม 7 วัน กว่า 5.64 แสนคน พ่วงตู้โดยสารเต็มหน่วยลากจูงทั้ง 214 ขบวนต่อวันและเสริมขบวนพิเศษบริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงภาพรวมการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถไฟ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับการเดินทางได้อย่างเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง มีผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งสิ้น 564,779 คน





ตามที่การรถไฟฯ ได้จัดมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ตามนโยบายของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำให้ภาพรวมการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวของประชาชนในปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการจัดเพิ่มตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถประจำทั้ง 214 ขบวนต่อวัน และเพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ไป-กลับ รวม 16 ขบวน ตลอดจน ได้จัดเตรียมรถโดยสารสำหรับหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 40 คัน



สำหรับผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งสิ้น 564,779 คน แบ่งเป็นขบวนรถเที่ยวไป 273,704 คน ขบวนรถเสริม 4,760 คน และขบวนรถเที่ยวกลับ 281,401 คน ขบวนรถเสริม 4,914 คน ขณะที่เส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางสูงสุด คือ สายใต้ 197,026 คน ถัดมาเป็นสายตะวันออกเฉียงเหนือ 150,475 คน สายเหนือ 103,574 คน สายตะวันออก 65,270 คน สายมหาชัย 40,779 คน และปิดท้ายที่สายแม่กลอง 7,655 คน เฉลี่ยมีผู้โดยสารเดินทาง วันละ 80,683 คน ส่วนภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุของผู้โดยสารที่เดินทางโดยรถไฟ ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1 ครั้ง เป็นอุบัติเหตุผู้โดยสารตกจากขบวนรถ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44710
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/04/2024 8:19 pm    Post subject: Reply with quote

"สุรพงษ์” สั่งลุยปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ "ที่หยุดรถถ้ำกระแซ” ดึงดูดนักท่องเที่ยว | เดลินิวส์
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Friday, April 19, 2024 19:45

“สุรพงษ์” สั่ง รฟท. ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบที่หยุดรถ “ถ้ำกระแซ” ต้องสะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย มอบ ทล. จัดที่จอดรถใกล้สถานีน้ำตก รองรับนักท่องเที่ยว เชื่อมการเดินทางให้สะดวกรวดเร็ว ขณะเดียวกันให้ รฟท. นำระบบไฟที่เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดึงเสน่ห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ให้สมกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์กของ “กาญจนบุรี"

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ ติดตามการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ที่บริเวณจุดหยุดรถถ้ำกระแซ เส้นทางท่องเที่ยวสถานีน้ำตก – ช่องเขาขาด ระยะทาง 17 กิโลเมตร(กม.) และบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว โดยได้ให้ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบที่หยุดรถถ้ำกระแซ อาทิ ลานจอดรถ จุดพักคอย ทางเดินจุดชมวิว ความสะอาด ให้เรียบร้อย และระบบไฟฟ้าแสงสว่างที่พร้อมใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ต้องไม่กระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งถ้ำกระแซ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ให้ปรับปรุงการบริหารจัดการร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ ร้านค้าต้องได้มาตรฐานเพื่อสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวได้ให้กรมทางหลวง(ทล.) พิจารณาความเหมาะสมการจัดที่จอดรถ หรือจุดอำนวยความสะดวกใกล้สถานีน้ำตก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ส่วนการพัฒนาพื้นที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแควในความดูแลของ รฟท. ให้นำระบบไฟฟ้าส่องสว่างที่เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ โดยคำนึงถึงความเหมาะสม และความสวยงาม สามารถดึงเสน่ห์ของตัวสะพานข้ามแม่น้ำแควออกมาได้อย่างตระการตา สมกับความเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของ จ.กาญจนบุรี

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ยังได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดทุกด้าน โดยกำชับการจัดงานสะพานข้ามแม่น้ำแคว และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในพื้นที่ ต้องพัฒนาให้มีความเป็นสากล ยกระดับไปสู่การท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยการนำศักยภาพ และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละพื้นที่มาพัฒนาต่อยอด สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยสั่งการทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการ ตลอดจนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงให้รองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมดการเดินทางเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ รองรับการเดินทางให้เพียงพอ รวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย และไร้ปัญหาการจราจร

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงคมนาคมมั่นใจว่าประชาชนจะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น เป็นการยกระดับการให้บริการของรถไฟไทย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับการเดินทางด้วยระบบรางในอนาคต และสนับสนุนการท่องเที่ยว ช่วยให้การเดินทางเป็นเรื่องง่าย ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ มุ่งหวังกระตุ้นเมืองรองสู่การท่องเที่ยวเมืองหลัก ด้วยการนำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่พลักดันให้เกิดความดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้น.

Suraphong Orders Landscape Improvements at Tham Krasae Train Stop to Boost Tourism

Source - Daily News website
Friday, April 19, 2024 7:45 PM

Kanchanaburi, Thailand – Deputy Minister of Transport, Suraphong Piyachote, has ordered the State Railway of Thailand (SRT) to improve the landscape surrounding the Tham Krasae train stop. The goal is to make the area cleaner, more organized, and safer in order to attract tourists. Piyachote also instructed the SRT to explore better parking options near the Nam Tok Station to enhance convenience for travelers.

During a visit to Kanchanaburi Province, Piyachote assessed the SRT's rail transportation system to boost tourism potential in the region. Enhancements at the Tham Krasae train stop will include improvements to the parking lot, waiting area, walkway, viewpoint, and the electrical lighting system.

Piyachote emphasized that the changes should not negatively impact nearby residents. Krasae Cave is already considered a popular tourist destination.

The Deputy Minister also called for more efficient store management at tourist sites to increase revenue. He directed the Department of Highways to consider improved parking arrangements near the Nam Tok Station to better accommodate visitors.

To enhance the historic Bridge over the River Kwai, Piyachote suggested a modern lighting system to highlight its beauty and solidify its status as a landmark of Kanchanaburi Province.

Piyachote also discussed the promotion of both the Bridge over the River Kwai event and nature tourism in the region with relevant agencies, emphasizing the need to develop these attractions to international, world-class standards. This development is intended to increase foreign tourism and stimulate the local economy.

The Deputy Minister stressed the importance of integrating all relevant agencies to improve the highway networks in support of a thriving tourism industry. The goal is to link all modes of public transportation, enhancing efficiency, convenience, and safety for all travelers.

The Ministry of Transport aims to improve both the quality of rail travel services in Thailand and the tourism experience. These improvements align with the government's policy to stimulate the domestic tourism market and promote secondary cities as destinations.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44710
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/04/2024 7:31 am    Post subject: Reply with quote

ส่อง'ภาระการคลัง' ตาม ‘มาตรา 28’ 1 ล้านล้าน รัฐใช้หน่วยงานไหนแบกหนี้มากสุด?
กรุงเทพธุรกิจ By นครินทร์ ศรีเลิศ20 เม.ย. 2024 เวลา 6:16 น.

เปิดภาระทางการคลังตามมาตรา 28 คงค้างที่รัฐต้องชำระทั้งหมด 1 ล้านล้าน ยังไม่รวมดิจิทัลวอลเล็ต กระจายอยู่ตามรัฐวิสาหกิจและธนาคารเฉพาะกิจการของรัฐ 9 หน่วยงานแบกหนี้รัฐ สำนักงบประมาณรัฐสภาคาดภาระจ่ายของภาครัฐตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 - 2570 อยู่ที่ 9.5 แสนล้าน - 1.2 ล้านล้าน

ข้อจำกัดของงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศไทย ที่มีงบประจำมากถึงประมาณ 70 – 72% ของสัดส่วนรายจ่ายงบประมาณประจำปี นอกจากจะทำให้ประเทศไทยต้องมีการตั้งงบประมาณขาดดุลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตั้งงบลงทุนได้ตามกฎหมาย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังที่ไม่ต่ำกว่า 20% ของสัดส่วนงบประมาณประจำปี ยังทำให้รัฐบาลต้องใช้ “เงินนอกงบประมาณ” ในการดำเนินโครงการสำคัญของรัฐบาล รวมทั้งโครงการที่หาเสียงไว้

ช่องทางของการใช้เงินนอกงบประมาณของรัฐบาลปรากฏให้เห็นเป็นประจำผ่านการหยิบยืมรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารเฉพาะกิจของรัฐให้ออกเงินในโครงการต่างๆไปก่อน แล้วรัฐบาลตั้งงบประมาณพร้อมดอกเบี้ยใช้ภายหลัง โดยวิธีการนี้เรียกว่านโยบายกึ่งการคลัง โดยรัฐบาลมอบหมายหน่วยงานของรัฐให้ดำเนินการตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ซึ่งมีการใช้กันมาต่อเนื่องทุกรัฐบาลตั้งแต่หลังวิกฤติปี2540 จนปัจจุบันรัฐบาลมียอดคงค้างภาระที่รัฐต้องรับชดเชยตามมาตรา 28 รวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยยังไม่รวมโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาท ที่รัฐบาลจะขอใช้สภาพคล่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) วงเงิน 172,300 ล้านบาท มาจ่ายให้กับเกษตรกรประมาณ 17 ล้านคน

รายงานการวิเคราะห์สถานะภาระทางการคลังตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ของสำนักงบประมาณของรัฐสภา ที่จัดทำขึ้นล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย.2566 ที่ผ่านมาได้ระบุถึง ประมาณการภาระทางการคลังตามมาตรา 28 ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 5 ปี ข้างหน้า (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 –2570) พบว่า ยอดคงค้างรวมทั้งหมดของภาระที่รัฐต้องรับชดเชย ค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินกิจกรรม มาตรการหรือโครงการตามที่กำหนดไว้ ในมาตรา 28 มีกรอบวงเงินอยู่ระหว่าง 955,500 - 1,288,700 ล้านบาท โดยมีภาระคงค้างตามมาตรา 28 ณ เดือน ก.ย.2566 อยู่ที่ 1,060,940 ล้านบาท

โดยมาตรการ และโครงการ ช่วยเหลือเกษตรกรมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดภาระทางการคลังเป็นจำนวนสูงขึ้นทุกปี ซึ่งมีผล ต่อกรอบวงเงินที่รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐตามนัยมาตรา 28 และก่อให้เกิดภาระงบประมาณคงค้างเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้การส่งต่อภาระการคลังตามมาตรา 28 ท้ายที่สุดแล้วจะกลายเป็นเงินชดเชยค่าใช้จ่ายหรือ ความเสียหายที่รัฐจะต้องจัดสรรให้แก่หน่วยงานของรัฐนั้นๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ บัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ การเพิ่มทุน และการให้เงินอุดหนุนการบริการ สาธารณะของรัฐวิสาหกิจ

9 หน่วยงานรัฐแบกหนี้ตามมาตรา 28
โดยยอดคงค้างภาระที่รัฐต้องรับชดเชยตามมาตรา 28 จำแนกตามหน่วยงานต่างๆ ดังนี้

1.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ยอดคงค้างที่รัฐบาลต้องรับชดเชย 885,327 ล้านบาท คิดเป็น 83.4% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

2.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม 97,830 ล้านบาท คิดเป็น 9.22% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 6,176 ล้านบาท คิดเป็น 0.58% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

4.ธนาคารออมสิน 57,740 ล้านบาท คิดเป็น 5.44% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

5.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 493 ล้านบาท คิดเป็น 0.05% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

6.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 926 ล้านบาท คิดเป็น 0.09% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

7.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 4,744 ล้านบาท คิดเป็น 0.45% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

8.การรถไฟแห่งประเทศไทย 4,722 ล้านบาท คิดเป็น 0.44% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

และ 9.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ 2,981 ล้านบาท คิดเป็น 0.28% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด

ทั้งนี้ในการบริหารจัดการภาระคงค้างตามมาตรา 28 ของรัฐบาลจะใช้การบริหารให้ระดับหนี้ตามมาตรา 28 ลดลงอยู่ในกรอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินและการคลัง พ.ศ.2561 โดยปัจจุบันเพดานหนี้ตามมาตรา 28 อยู่ที่ 32% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งหมด

ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการชำระหนี้ตามมาตรา 28 โดยในงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้มีการตั้งวงเงินชดเชยเงินคงคลังเพื่อใช้หนี้ในส่วนนี้เป็นรายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลังประมาณ 1.18 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลยังมีพื้นที่ใช้เงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 มาดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามในการจัดทำงบประมาณปี 2568 รัฐบาลไม่ได้มีการตั้งวงเงินเพื่อชดเชยเงินคงคลังไว้ในการจัดทำงบประมาณแต่อย่างใด

ขณะนี้จึงยังไม่มีความชัดเจนในแผนการชำระหนี้คงค้างตามมาตรา 28 ของรัฐบาลเพิ่มเติม เหมือนกับที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสำหรับแผนการชำระหนี้คืนให้กับธกส.สำหรับเงินก้อนใหม่ที่รัฐบาลจะขอให้ ธกส.สำรองจ่ายเงิน 172,300 ล้านบาท มาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลจะเดินหน้าให้ได้ภายในปีนี้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44710
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/04/2024 8:13 am    Post subject: Reply with quote

'สายใต้'แชมป์ใช้รถไฟแต่เสริมรถเหนือ-อีสาน
Source - เดลินิวส์
Sunday, April 21, 2024 07:31

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถไฟช่วงเทศกาลสงกรานต์วันที่ 11-17 เม.ย.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รองรับการเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง มีผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 564,779 คน ได้เพิ่มตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถประจำทั้ง 214 ขบวนต่อวัน เพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษในเส้นทาง สายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ไป-กลับ รวม 16 ขบวน จัดเตรียมรถโดยสารสำหรับหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 40 คัน

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ผู้ใช้บริการ 564,779 คน แบ่งเป็น ขบวนรถเที่ยวไป 273,704 คน ขบวนรถเสริม 4,760 คน และขบวนรถเที่ยวกลับ 281,401 คน ขบวนรถเสริม 4,914 คน เส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางสูงสุดคือ สายใต้ 197,026 คน สายตะวันออกเฉียงเหนือ 150,475 คน สายเหนือ 103,574 คน สายตะวันออก 65,270 คน สายมหาชัย 40,779 คน และปิดท้ายที่สายแม่กลอง 7,655 คน เฉลี่ยมีผู้โดยสารเดินทาง วันละ 80,683 คน.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 เม.ย. 2567 (กรอบบ่าย)

'Southern Line' Champion SRT Adds North-Northeast Trains for Songkran Travel

Mr. Ekarat Sriarayanphong, Head of the Governor's Office at the State Railway of Thailand (SRT), reports smooth train operations during the Songkran festival (April 11-17). The SRT ensured adequate travel capacity for those returning home or vacationing, with no passengers left behind. A total of 564,779 people used the service.

To accommodate demand, regular trains were operated at full capacity across all 214 daily routes. Additionally, 16 extra round-trip trains were added on Northern and Northeastern lines, and 40 carriages were used to supplement service.

Mr. Ekarat further noted a breakdown of passenger numbers: 273,704 outbound (+4,760 on auxiliary trains) and 281,401 returning (+4,914 on auxiliary trains). The busiest routes were the Southern Line (197,026 passengers), followed by Northeastern and Northern Lines (150,475 and 103,574 passengers, respectively). The Eastern Line saw 65,270 passengers, the Mahachai Line 40,779, and the Mae Klong Line 7,655. The average daily ridership during this period was 80,683.

Source: Daily News newspaper, issue dated 22 April 2024 (afternoon edition)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42772
Location: NECTEC

PostPosted: 22/04/2024 12:28 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
'สายใต้'แชมป์ใช้รถไฟแต่เสริมรถเหนือ-อีสาน
Source - เดลินิวส์
วันอาทิตย์ ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 07:31 น.


รฟท.เปิดยอดผู้โดยสาร ช่วงสงกรานต์ 67 รวม 7 วัน กว่า 5.64 แสนคน วิ่ง214 ขบวน/วันพ่วงตู้ เต็มหน่วยลากจูง
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 09:54 น.
ปรับปรุง: วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 09:54 น.



รฟท.เปิดยอดผู้โดยสาร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เม.ย. รวม 7 วัน กว่า 5.64 แสนคน พ่วงตู้โดยสารเต็มหน่วยลากจูงทั้ง 214 ขบวนต่อวันและเสริมขบวนพิเศษบริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงภาพรวมการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถไฟ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับการเดินทางได้อย่างเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง มีผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งสิ้น 564,779 คน



ตามที่การรถไฟฯ ได้จัดมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ตามนโยบายของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำให้ภาพรวมการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวของประชาชนในปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการจัดเพิ่มตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถประจำทั้ง 214 ขบวนต่อวัน และเพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ไป-กลับ รวม 16 ขบวน ตลอดจน ได้จัดเตรียมรถโดยสารสำหรับหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 40 คัน



สำหรับผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งสิ้น 564,779 คน แบ่งเป็นขบวนรถเที่ยวไป 273,704 คน ขบวนรถเสริม 4,760 คน และขบวนรถเที่ยวกลับ 281,401 คน ขบวนรถเสริม 4,914 คน ขณะที่เส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางสูงสุด คือ สายใต้ 197,026 คน ถัดมาเป็นสายตะวันออกเฉียงเหนือ 150,475 คน สายเหนือ 103,574 คน สายตะวันออก 65,270 คน สายมหาชัย 40,779 คน และปิดท้ายที่สายแม่กลอง 7,655 คน เฉลี่ยมีผู้โดยสารเดินทาง วันละ 80,683 คน ส่วนภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุของผู้โดยสารที่เดินทางโดยรถไฟ ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1 ครั้ง เป็นอุบัติเหตุผู้โดยสารตกจากขบวนรถ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 474, 475, 476, 477  Next
Page 475 of 477

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©