ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Wisarut]

^^^
ซ้ำแล้วครับ - เอาที่ไม่ซ้ำมาลงดีกว่าครับ:

คุณหญิงกัลยาฝากนักโลหะพัฒนา "รางรถไฟ" สนองขนส่งแบบราง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ตุลาคม 2552 22:12 น.

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช มอบรางวัลนักโลหะวิทยาดีเด่น ประจำปี 2552 ให้ รศ.ดร.เสถียร นิลธวัช และ คุณหญิงกัลยาฝากการบ้านนักโลหะวิทยาพัฒนารางรถไฟ-ตู้รถไฟ สนองนโยบายขนส่งแบบรางอีก 15 ปีข้างหน้า พร้อมเผยกำลังขออนุมัติตั้ง "สถาบันเทคโนโลยีขนส่งแบบราง"

//------------------------------------------------------------------------

ด้วยความเคารพครับ คุณหญิงกัลยา,

แม้เราจะคิดสูตรผสมเหล็ก ที่ใช้รีดทำรางได้แล้ว แต่ ถ้า ไม่สามารถ Mass product โดยการตั้งโรงถลุงเหล็ก ที่ คนรถไฟต้องการอย่างเอกอุ เพื่อให้มีวุัตถุดิบประกอบตัวรถไฟได้ แต่ ชาวบ้านพากันเกลียดชังแล้ว เห็นจะเปล่าประโยชน์

[Wisarut]

ถึงเวลายกเครื่อง รถไฟไทย รื้อโครงสร้าง "คน-กฎหมาย-ทรัพย์สิน"
ประชาชาติธุรกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 4152 วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การ ออกมาประท้วงของสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ โดยแต่ละครั้งสร้างความเสียหายให้กับ ร.ฟ.ท.ไม่น้อยจากการประเมินความเสียหายจากการ สูญเสียรายได้ค่าโดยสารและขนส่งสินค้า ครั้งแรก 98 ล้านบาท ครั้งที่ 2 เสียหาย 18 ล้านบาท และล่าสุด 16-21 ตุลาคม 2552 เสียหาย 25 ล้านบาท

ดังนั้นกระทรวงคมนาคมแก้ปัญหาระยะสั้นโดย

1. สั่งให้อธิบดี ทุกกรมในกระทรวงคมนาคมนำรถโดยสาร ขนคนที่ตกค้างตามสถานีต่าง ๆ ไปส่งยังจุดหมายปลายทาง และ
2. แก้ไขข้อบังคับและระเบียบการเดินรถ 2549 ใหม่ คือ
2.1.จะทยอยรับ พนักงานที่จบจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ และปัจจุบันทำงานเป็นลูกจ้างประจำของ ร.ฟ.ท. 121 คน เข้าทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยช่างประจำหัวรถจักร ใช้เวลาคัดเลือก 7-10 วัน เพราะจะต้องรอเสนอ ครม.
2.2 ขอยกเว้นมติ ครม.เมื่อ 28 กรกฎาคม 2541 ให้ ร.ฟ.ท.รับพนักงานเพิ่มได้ร้อยละ 5 ของพนักงานเกษียณอายุในปีนั้น ๆ โดยจะเสนอ ครม.พิจารณาครั้งหน้า

2.3 เลื่อน พนักงานช่างเครื่อง 60 คนที่มีประสบการณ์ 7 ปีขึ้นเป็นพนักงานขับรถ และรับพนักงานที่เกษียณอายุเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งรวมกลุ่มกัน 28 คน ขอทำหน้าที่ขับรถโดยไม่คิดค่าจ้าง ดัดหลังพนักงานที่หยุดงานประท้วง

ส่วน การแก้ปัญหาระยะยาว "โสภณ" บอกว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมแผนการดำเนินการของ ร.ฟ.ท.แต่ละด้าน โดยตั้งคณะกรรมการ 4 ชุด คือ
1.ศึกษาระเบียบ ข้อกฎหมาย ที่เป็นปัญหาอุปสรรค
2.การพัฒนาบุคลากรและสิทธิประโยชน์
3.การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งหัวรถจักร ราง และ
4.การบริหารทรัพย์สิน จะเสนอ ครม.อนุมัติเดือนพฤศจิกายนนี้

ขณะนี้ คาด ว่าจะใช้เงิน 2.7 หมื่นล้านบาทไม่รวมระบบอาณัติสัญญาณ เครื่องกั้น ระบบสื่อสาร ที่อยู่ระหว่างการประเมินค่าใช้จ่าย ส่วนด้านพัฒนาบุคลากรเบื้องต้นพบว่าพนักงานด้านปฏิบัติการยังขาดอยู่ 1,100 คน จากปัจจุบันมี 6,000-7,000 คน

นอกจากนี้ นาย ยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ในด้านการจัดซื้อหัวรถจักรขณะนี้กำลังเร่งเปิดประมูลส่วนที่ ครม.เคยอนุมัติ คือ

1. จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ 7 คัน (20 ตัน/เพลา) วงเงิน 1,155 ล้านบาท อยู่ประกาศรับฟังความคิดเห็นร่าง ทีโออาร์วันที่ 14-22 ตุลาคมที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ ระหว่างดำเนินการประกวดราคารวมมูลค่ากว่า 26,109 ล้านบาท อาทิ
2. โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า พร้อมอะไหล่ 13 คัน 1,950 ล้านบาท
3. โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า 308 คัน 770 ล้านบาท ที่กำลังจะเปิดประมูล (ไม่แน่ใจว่าจะแทน รถบทต. CSR ที่ได้จาก Siam Bogie หรือไม่)
4.โครงการจัดหา รถจักรดีเซลไฟฟ้า อัสสตรอม 7 คัน (15 ตัน/เพลา) 833.4 ล้านบาท
5. โครงการจัดหารถโบกี้ปั้นจั่นกลขนาดยกน้ำหนักได้ไม่ต่ำกว่า 60 ตัน 2 คัน (แสดงว่า ต้องการ รถปั้นจั่นอื่นที่ไม่ใช่รถจีนแดง)
ฯลฯ และอีกโครงการเตรียมเสนอขออนุมัติจาก ครม.

[Wisarut]

ผลดำเนินการ รฟท.ปี 51 ขาดทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 ตุลาคม 2552 13:29 น.


การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2551 พบว่าเป็นปีที่ประสบกับภาวะขาดทุนสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีตัวเลขขาดทุนสุทธิ อยู่ที่ 10,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ขาดทุนสุทธิ อยู่ที่ 7,864 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาดทุนสะสมของ รฟท. ปัจจุบันอยู่ที่ 47,600 ล้านบาท

ทั้งนี้ รฟท.มีรายได้รวมทั้งหมดในปี 2551 อยู่ที่ 8,650 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการเก็บค่าโดยสาร เฉลี่ยปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2551 รฟท.สามารถจัดเก็บรายได้จากค่าโดยสารได้อยู่ที่ประมาณ 4,198 ล้านบาท รายได้จากการขนส่งสินค้า 2,392 ล้านบาท รวมถึงรายได้จากการบริหารทรัพย์สินอื่นๆ คือที่ดิน ประมาณ 2,060 ล้านบาท
ขณะที่ค่าใช้จ่ายโดยรวม มีทั้งสิ้น 11,649 ล้านบาท ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคคล โดยแบ่งเป็นเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงพนักงาน จำนวน 5,546 ล้านบาท จ่ายให้กับพนักงาน รฟท. ทั้งหมด 12,420 คน ส่วนค่าวัสดุอื่นๆ และค่าซ่อมบำรุง อยู่ที่ 2,898 ล้านบาท ค่าเชื้อเพลิง 3,205 ล้านบาท นอกจากนี้มีรายจ่ายบำเหน็จบำนาญ จำนวน 25,749 คน เป็นเงินอีก 2,777 ล้านบาทต่อปี โดยคิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 156,000 ล้านบาท
การบริหารการเดินรถไฟ พบว่าปัจจุบันมีขบวนรถไฟที่ให้บริการทั่วประเทศ จำนวน 256 ขบวนต่อวัน แบ่งเป็นรถขนส่งสินค้า วันละ 84 ขบวน ขณะที่หัวรถจักรที่ใช้งานได้จริง 137 คัน ความต้องการใช้จริงๆ แล้วควรมีถึง 209 คันต่อวัน ปัจจุบัน รฟท.จำเป็นจะต้องสลับหัวรถจักรหมุนเวียนทำขบวนให้เพียงพอต่อความต้องการ
หากดูตัวเลขผู้โดยสารที่ใช้บริการของ รฟท.ทั้งหมด ในปีที่ผ่านมาพบว่า

ผู้โดยสารใช้บริการ จำนวน 41.23 ล้านคน โดยเป็น
รถไฟสายเหนือ 9.5 ล้านคน
สายอีสาน 11.65 ล้านคน
สายใต้ 12.04 ล้านคน
สายตะวันออก 5.21 ล้านคน และ
สายแม่กลอง 2.8 ล้านคน

คิดเป็นรายรับจากค่าโดยสารในแต่ละเส้นทาง พบว่า รฟท.มีรายได้จากการจัดเก็บค่าโดยสาร 3,750 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่าโดยสารในเส้นทางสายเหนือ จำนวน 901 ล้านบาท
สายอีสาน 1,107 ล้านบาท
สายใต้ 1,673 ล้านบาท
สายตะวันออก 50 ล้านบาท
สายแม่กลอง 16.8 ล้านบาท

[Wisarut]

สคร.ชี้ฟื้นฟูการรถไฟฯนายกฯต้องดูเอง
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้า อสังหา Real Estate - อสังหาฯ-คมนาคม
ฐานเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2009 เวลา 11:46 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,473 25 ต.ค.- 28 ต.ค. 2552

สคร. ชี้ปัญหาของ ร.ฟ.ท. กลายเป็นเรื่องใหญ่ในระดับนโยบายที่นายกฯต้องลงมาดูแลเอง จับตางบไทยเข้มแข็งร.ฟ.ท. 60,000 ล้านบาท ย้ำตั้งบริษัทลูกไม่ใช่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งบริษัทลูกทั้งสองแห่ง ร.ฟ.ท.ยังเป็นผู้ถือหุ้น 100% เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงาน โดยแยกระบบบริการจัดการในการดูแลการเดินรถ ,การดูแลระบบราง และการดูแลทรัพย์สิน

"สคร. จะประสานกับสำนักบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาแผนพัฒนาโลจิสติกส์ เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรเงินลงทุนจากโครงการไทยเข้มแข็ง วงเงิน 1.8 แสนล้านบาท สำหรับการพัฒนาระบบรางทั้งของ รฟม. และ ร.ฟ.ท. เพื่อให้ระบบโลจิสติกส์ของไทยมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของ ร.ฟ.ท.มีวงเงินจัดสรรให้ 60,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดซื้อหัวรถจักร การปรับปรุงระบบราง จัดซื้อโบกี้โดยสาร รถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนของ รฟม. มีโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่ ที่สำคัญต้องเร่งเดินหน้าโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ เพื่อเปิดให้บริการได้ จึงต้องเร่งตัดสินใจดำเนินการ "

//---------------------------------------------------------------
เรือนชานบ้านเมือง - ร.ฟ.ท.ของปวงชนชาวไทยหรือของใคร
โดย ภัทรพล เวทยสุภรณ์
คอลัมน์ เศรษฐกิจ - การตลาด
คมชัดลึก วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2552

ผมจึงอยากจะฝากให้คนรถไฟทุกคน ได้คิดใหม่ทำใหม่ ต้องตระหนักครับว่ากิจการรถไฟเป็นของคนไทยทั้งประเทศ จะต้องหาวิธีที่จะสนองพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นและเรียกความศรัทธาคืนมาให้แก่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวผมที่ลึกๆ ก็ยังรู้สึกว่ารถไฟยังเป็นพาหนะที่ปลอดภัยที่สุด สะดวกสบายที่สุดและประหยัดที่สุด รวมทั้งมีอนาคตที่สดใสที่สุดครับ

ยิ่งในปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่หนักหนาสาหัส เนื่องจากการที่คนรถไฟบางกลุ่มเข้าไปมีผลประโยชน์ทับซ้อนทางด้านการเมือง คงต้องยอมรับนะครับว่าการเกิดขึ้นและคงอยู่ของรัฐบาลในชุดปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการสนับสนุนของคนรถไฟ และสหภาพแรงงานฯ โดยอาศัยบารมีของ สมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ในปัจจุบันได้พลิกผันตัวเองลงไปเล่นการเมืองในพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ และเปลี่ยนถ่ายภารกิจในการนำสหภาพสู่ สาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพ และยังควบตำแหน่งแกนนำเครือข่ายของพันธมิตรฯ รุ่น 2 อีกตำแหน่งหนึ่ง

จะเห็นได้ว่ามีบทบาทที่คาบเกี่ยวกันทั้งในบริบทแห่งความกลมกลืนและความขัดแย้ง ย่อมสะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างที่ก่อตัวเป็นคลื่นใต้น้ำ ในขณะที่ผิวน้ำยังดูเหมือนสงบนิ่ง

หากคนไทยคิดที่จะพัฒนากิจการรถไฟไทยให้เจริญก้าวหน้าเทียบเท่ากับนานาอารยประเทศ จำเป็นต้องเข้าใจที่ไปที่มา ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง ให้ถ่องแท้เสียก่อน

เอาไว้ต่อกันในสัปดาห์หน้า มาเปิดอกคุยกัน เป็นการ “ติเพื่อก่อ” เพราะสำหรับตัวผมแล้วจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ของรถไฟไทย และใช้บริการของรถไฟไทยมาโดยตลอด ก็อยากเห็นกิจการรถไฟไทยที่น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว มีการพัฒนาในเชิงสร้างสรรค์ขึ้นครับ

[Wisarut]

คมนาคมเตรียมคลอดแผนปรับโครงสร้างลงทุนรถไฟ
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐออนไลน์ 1 พฤศจิกายน 2552, 11:30 น.

สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เตรียมปรับแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนรถไฟ คาดใช้เงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท พร้อมให้หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนเข้าลงทุน

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แบ่งแผนการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ ตั้งแต่ปี 2553-2572 คาดใช้เงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท มีทั้งในส่วนที่รัฐต้องลงทุน และเปิดให้เอกชนลงทุน แม้ต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่จะทยอยใช้ตามแผนงานในแต่ละปีจึงไม่น่ามีปัญหา โดยแผนการดำเนินงานทั้ง 3 ระยะ ประกอบด้วย

1. แผนเร่งด่วนใช้เวลา 3 ปี ลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาทแล้วเสร็จภายในเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี2553-2555 เช่น

1.1 โครงการจัดหาหัวรถจักรใหม่จำนวน 21 คัน มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท นอกเหนือจากที่ ได้รับอนุมัติให้จัดหาแล้วจำนวน 27 คัน เนื่องจากปัจจุบันรฟท.มีหัวรถจักรที่มีอายุการใช้งานเกิน 40 ปีจำนวน 48 คัน (GEK) ดังนั้น จึงจำเป็น ต้องปลดระวาง GEK ออกจากการเดินรถ ด้วยรถจักร ใหม่ 48 คัน

ในเบื้องต้นทางการจีนยื่นข้อเสนอจะสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 1% ในวงเงิน 400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการจัดหาหัวรถจักรใหม่ โดยเงินกู้ดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าต้องซื้อหัวรถจักรของจีน แต่จะใช้วิธีจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อให้ได้หัวรถจักรที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล

1.2 โครงการเปลี่ยนรางระยะทาง 2,570 กม.ให้เป็นขนาด 100 ปอนด์ จากเดิม 70 ปอนด์ เพื่อรองรับความเร็ว 160 กม.ต่อชม. ที่ได้รับอนุมัติแล้ว จะเร่งทำให้สำเร็จ
1.3 โครงการเปลี่ยนไม้หมอนคอนกรีตทั่วประเทศระยะทาง 1,250 กม.
1.4 โครงการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณไฟสีทั่วประเทศ ระยะทาง 2,100 กม. จำนวน 230 สถานี เพื่อความปลอดภัยในการเดินรถ

2. แผนระยะปานกลาง ใช้เวลา10 ปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 3.4 แสนล้านบาทเพื่อก่อสร้างทางคู่ทั่วประเทศระยะทาง 3,039 กม. ภายในระยะเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2554-2563 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วรถให้อยู่ในระดับ 100 กม.ต่อชม. จากปัจจุบันที่ทำความเร็วได้ประมาณ 40-50 กม.ต่อชม.โดยกระทรวงคมนาคมจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแหล่งเงินลงทุน คาดจะไม่มีปัญหาเพราะเป็นการทยอยลงทุน โดยแต่ละปีจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในส่วนนี้อาจไม่สามารถให้เอกชนลงทุนได้เพราะข้อจำกัดด้านกฏหมาย โดยแบ่งโคงการทำทางคู่ 4 ระยะคือ

2.1 ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง ระยะทางรวม 762 กม. ใช้เงินลงทุน 6.61 หมื่นล้านบาท
2.2 ระยะที่ 2 มี 4 เส้นทาง ระยะทางรวม 549 กม.ใช้เงินลงทุน 6.43 หมื่นล้านบาท
2.3 ระยะที่ 3 มี 5 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,323 กม. ใช้เงินลงทุน 1.62 แสนล้านบาท และ
2.4 ระยะที่ 4 มี 3 เส้นทาง ระยะทางรวม 405 กม.ใช้เงินลงทุน 4.9 หมื่นล้านบาท

3. แผนระยะยาวใช้เวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2572 เป็นการลงทุนสร้างทางรถไฟความเร็วสูงใน 4 เส้นทาง ใช้เงินลงทุนประมาณ 7 แสนล้านบาท

3.1. กรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทาง 745 กม. มูลค่า 1.84 แสนล้านบาท
3.2. กรุงเทพ-หนองคาย ระยะทาง 615 กม. มูลค่า 1.49 แสนล้านบาท
3.3. กรุงเทพ-จันทบุรี ระยะทาง 330 กม. มูลค่า 1.03 แสนล้านบาท และ
3.4. กรุงเทพ-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 985 กม. มูลค่า 2.71 แสนล้านบาท

[pak_nampho]

ไม่เห็นมีข่าวรถไฟแต่งตั้งคณะกรรมการ 4 ชุด 36 คนปรับปรุงโครงสร้าง ช่วง XXXX เอาประชาชนเป็นตัวประกันอาทิตย์ก่อนนะ
_________________
+++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++

....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ...................

[Wisarut]

ครม.ไฟเขียวเงินกู้ 4.7 หมื่นล้าน สร้างรถไฟฟ้า-หัวรถจักรดีเซล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2552 15:50 น.


มีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติกรอบการเจรจากู้เงินต่างประเทศ ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ปีงบประมาณ 2553 โดยกำหนดกรอบวงเงินที่จะขอกู้เงินต่างประเทศ 6 โครงการ เป็นมูลค่า 1,353 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 47,300 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. การกู้เงินแบ่งเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) วงเงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) วงเงิน 19,735 ล้านบาท

2. โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า 7 คัน น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วงเงินกู้ลักษณะ Export Credit จำนวน 1,050 ล้านบาท

3. โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า 308 คัน ของ ร.ฟ.ท.เป็นวงเงินกู้ลักษณะ Export Credit จำนวน 700 ล้านบาท

4. โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า 7 คัน น้ำหนักกดเพลา 15 ตัน ของ ร.ฟ.ท.เป็นวงเงินกู้ลักษณะ Export Credit จำนวน 750 ล้านบาท

5. โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า 13 คัน น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน ของ ร.ฟ.ท.เป็นวงเงินกู้ลักษณะ Export Credit จำนวน 1,950 ล้านบาท และ

6. โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) วงเงินกู้ลักษณะ Export Credit จำนวน 23,200 ล้านบาท

//----------------------------------------------------------------------


ปชช.ชี้ปัญหาใหญ่ รฟท.คือรถจักร-อุปกรณ์เสื่อมโทรม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2552 13:59 น.


สวนดุสิตโพลล์สำรวจความคิดเห็นประชาชนต่ออนาคตของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดย

1. ปัญหารถไฟไทย

ประชาชน ร้อยละ 25.15 เห็นว่าปัญหาสำคัญของการรถไฟฯ มาจากความเสื่อมโทรมของรถจักรและอุปกรณ์
ร้อยละ 15.15 นโยบายพัฒนาไม่ชัดเจน
ร้อยละ 12.73 ผู้บริหารไม่มีประสิทธิภาพ
ร้อยละ 10.91ขาดทุน รวมทั้งมี
ร้อยละ 10.16 การเมืองเข้ามาแทรกแซง
ร้อยละ 8.48 งบประมาณการพัฒนาไม่เพียงพอ
ร้อยละ 4.85 พนักงานขาดความรู้ ความสามารถ

2. สาเหตุการขาดทุนของรถไฟนั้น

ร้อยละ 38.76 เห็นว่า เกิดจากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ร้อยละ 28.23 เกิดการรั่วไหลและเกิดการคอร์รัปชั่น
ร้อยละ 15.79 การบริการไม่ดีพอ ทำให้คนใช้บริการน้อยละ
ร้อยละ 10.53 ราคาน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้น
ร้อยละ 6.69 รวมถึงค่าโดยสารถูกเกินไป

3. แนวทางการปรับปรุงองค์กร

ร้อยละ 23.64 เห็นว่า ควรเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานให้ดีขึ้น
ร้อยละ 20.06 ให้ปรับปรุงการบริการและการเดินรถให้ดีขึ้น และ
ร้อยละ 19.81 เห็นว่า ต้องแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น
ร้อยละ 15.32 เห็นว่า ควรสนับสนุนงบประมาณการพัฒนาการรถไฟแห่งประเทศไทย
ร้อยละ 6.32 ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริการในบางเส้นทางที่เหมาะสม
ร้อยละ 5.4 ให้เร่งก่อสร้างรถไฟรางคู่

//-------------------------------------------------------------------------------

[black_express]

ผมว่าแค่โพล ยังแสดงให้เห็นว่าคนทั่วไปคิดอย่างไรเกี่ยวกับกิจการรถไฟ

อย่าได้คิดเชียวนะว่า รถไฟเป็นของพวกฉัน ใครๆ จะมาแตะต้องไม่ได้

[Wisarut]

[pak_nampho]

4 ชุด 36 คน ...คนนอก 24 รถไฟ 12 ไม่มีรองผู้ว่า ใน 12 คนด้วยมั้ง ติดชึ่ง 2 : 1..
จากนี้คณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างบุคคลากรคงจะจับลูกเขยท้าวสามมล...รองทั้ง 8 เอ้ย 7 "ใส่คนให้ถูกกับงาน"
_________________
+++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++

....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ...................