ลุยเดี่ยว สำรวจเส้นทางรถไฟสายมรณะ ช่องเขาขาด

[mirage_II]

[mirage_II]

มาเดินทางต่อกันนะครับ

ตอนนี้มาสุดถนนบรมราชชนนีแล้ว ก็เป็นสะพานต่างระดับ ข้ามแล้วเลี้ยวขวาไปลงถนนเพชรเกษมข้างหน้า เพื่อมุ่งไปทาง อ.นครชัยศรี แม้ว่าผมจะสามารถมาทางถนนเพชรเกษม จากแยกบางแค โดยตรงก็ได้ แต่รถค่อนข้างเยอะ และมีแยกไฟแดงมาก แต่ในขณะที่ ถ.บรมราชชนนี จะไม่มีแยกไฟแดงเลย


ขึ้นมาบนสะพานต่างระดับข้ามถนนเพชรเกษมไปอีกฝั่ง ถนนเขาทำเอียงๆ ไว้รับโค้งขวา ขณะรถวิ่งขึ้นมาเร็วๆ นะครับ ปัจจุบันมีการทาสีกันลื่นสีแดงไว้ด้วย


เข้าสู่ถนนเพชรเกษม วิ่งมาเกือบ 4 กิโลเมตร ก็ถึงแยกเข้า อ.นครชัยศรี ที่ปัจจุบันได้มีสะพานต่างระดับข้ามไปอีกเช่นกันครับ


มาอีกนิดเดียว สังเกตุรูปปั้น พระพิฆเนศ ขนาดใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ และรูปปั้นพระพรหม กับอีกองค์ อยู่ด้านหลัง ไม่ใช่ศาสนสถานนะครับ แต่เป็นร้านรับฝากขายรถกับจัดไฟแนนซ์ชื่อ "มงคลเซลส์" คงเป็นความศรัทธา และความเชื่อในเรื่องความมั่งคั่งบริบูรณ์ นะครับ

[mirage_II]

หันไปทางขวามือ ถัดจากร้านมงคลเซลส์ไปแค่ ร้อยกว่าเมตรก็เห็นซุ้มป้ายทางเข้าวัดศรีษะทอง ที่มีรูปปั้น พระราหูอมจันทร์อยู่ หรือว่าการสร้างรูปปั้นเทพ หน้าร้านจะเป็นการแก้เคล็ด ก็อาจเป็นได้นะครับ


เลยมากิโลเมตรกว่าๆ ก็เจอรถติดเข้าให้แล้ว... และดูจะติดหนักด้วย นี่ก็ใกล้เที่ยงวันแล้ว


เริ่มเห็นสาเหตุรถติดข้างหน้าแล้วครับ คือมีการก่อสร้างทางต่างระดับเข้า ถนนสาย 3234 ทางซ้ายมือ ที่เข้าไปยังวัดปรีดาราม ถนนข้างหน้าได้แบ่งเป็นสองฝั่ง อนุญาตให้รถฝั่งขาออกอย่างเราสามารถไปวิ่งฝั่งรถสวนได้อีกเลนด้วยครับ


เลยมาอีกไม่ไกล ก็ใกล้จะถึงทางแยกซ้ายไป อ.บ้านแพ้ว แล้วครับ ส่วนเรามุ่งตรงไป ทาง จ.ราชบุรี ครับ

[mirage_II]

กำลังผ่านแยกต่างระดับเข้า บ้านแพ้ว ที่มีสะพานข้ามแยกอยู่ข้างบน เป็นสะพานฝั่งขาเข้าเท่านั้น ส่วนรถที่ออกจาก บ้านแพ้ว ต้องไปกลับรถที่ต่างระดับหน้าอีกทีครับ


ผ่านแยกต่างระดับเข้าตัวเมืองนครปฐม(ซึ่งต้องชิดซ้ายขึ้นสะพานข้ามถนนเลนกลางอีกที) แต่เราขับตรงไปครับ ผมเคยงง และสับสน ในการไปกาญจนบุรีครั้งแรก คือ วิ่งเข้าไปในตัวเมืองนครปฐม และวนหาทางไป กาญจน์ อย่างลำบาก เพราะ Gps แผนที่บนโน๊ตบุ๊ค สมัยก่อนที่หยาบมากๆ ครับ

ในภาพ ผมเลยแยกต่างระดับเข้าเมืองนครปฐมมา 3 กิโลเมตร เหลือบเห็นเจดีย์บนยอดตึก ที่คล้ายกับ องค์พระปฐมเจดีย์อยู่ข้างบน มีป้ายริมถนนข้างหน้า ระบุว่าเป็นโรงแรม ไมด้า ทราวดี แกรนด์ ซึ่งสร้างมาไม่นานครับ


เลยทางแยกเข้าเมืองนครปฐม ด้านทิศตะวันตกที่ตรงมาจาก พระราชวังสนามจันทร์ ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ผ่านสะพานลอยคนข้ามที่ประดับไว้สวยงาม เหมือนกับหน้าวัดหทัยนเรศวร์ (ลองกลับไปดู จะพบว่าเหมือนกันเปี๊ยบเลย เพียงแต่สะพานหน้าวัดหทัยฯ จะยาวกว่าเล็กน้อยครับ) แต่สังเกตุเห็นป้ายข้างล่างที่เกาะกลาง บอกว่าเป็น "ประตูเมืองทราวดี" ด้วยครับ


เลยสะพานข้ามคลองหนองดินแดงมา 1 กิโลเมตร ก็เห็นปั้มน้ำมัน 3 แห่ง ตั้งอยู่ติดๆ กัน ผมเลือกเข้า ปั้มแรก เพราะเป็นปั๊มแกส คงไม่ค่อยมีรถจอดมากนัก ก็อยากเข้าห้องน้ำทำธุระสักหน่อยครับ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาเกือบ 2 ชั่วโมงยังไม่ได้แวะที่ไหนเลย

[mirage_II]

เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้านเซเว่น สังเกตุมีกลุ่มม้านั่งไม้แบบเอนหลังเอียงๆ วางอยู่ ผมนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จำได้ว่าถ่ายภาพไว้ด้วยครับ


เข้าห้องน้ำ ออกมาเจอกระจกที่อ่างล้างหน้า แม้จะมีคราบน้ำเป็นริ้วลงมามากมาย แต่ก็ขอถ่ายเซลฟี่ไว้สักภาพ พยายามดูให้เป็นศิลป์ หน่อยนะครับ อิอิ


ออกจากปั้ม มาได้ประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึง สามแยกต่างระดับไป อ.บ้านโป่ง จ.กาญจนบุรี คราวนี้เราต้องชิดซ้ายเพื่อขึ้นสะพานละครับ


ตอนนี้อยู่บนสะพานต่างระดับ ข้ามถนนไปฝั่งขวา เพื่อตรงไป จ.กาญจนบุรี ผ่าน อ.บ้านโป่ง ตามถนนสาย323 ครับ ว่ิวนี้ดูเสียวๆนิดนึง เพราะราวสะพานเป็นแบบโปร่ง ต่างกับทั่วๆ ไปที่มักจะเป็นแบบปูนทึบ

[mirage_II]

วิ่งต่อมาอีกพักนึง (7.5 กิโลเมตร) ก็ถึงทางต่างระดับอีกแห่ง ซึ่งข้ามทางรถไฟ (หลายคนอาจไม่ทราบ แต่อาจนึกงงๆ ว่าทำไมต้องข้ามสะพานเพื่อเข้าตัวอำเภอบ้านโป่ง


ขึ้นมาบนสะพานต่างระดับข้ามทางรถไฟสายใต้ ช่วง สถานีหนองปลาดุก กับ สถานีบ้านโป่ง ซึ่งถ้าคนที่ชื่นชอบรถไฟ ก็จะทราบว่า ทางรถไฟช่วงนี้ มีทางแยกอยู่ใกล้ๆ กันถึง 2 ทางแยก (ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ) โดยเป็นแยกขวาทั้งคู่ด้วย โดยแยกแรก จะอยู่ทางขวาในภาพ แยกขึ้นเหนือไป จ.สุพรรรณบุรี และแยกที่สองอยู่ทางซ้ายของภาพ แยกไป จ.กาญจนบุรี ครับ

และจากภาพ บนสะพานนี้จะมีทางแยกซ้ายไปเข้าตัวอำเภอบ้านโป่งด้วย สะพานนี้ทำให้คนหลงทิศได้ เพราะตอนแรกจะเป็นทางโค้งขวา พอเลยโค้งก็กลายเป็นแยกซ้าย แต่ถ้าดูจากแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมก็จะทราบว่า สะพานไม่ได้โค้งมากนัก แนวถนนที่ไป จ.กาญจน์ ก็เกือบจะตรงขึ้นเหนือ โดยมี แยกซ้ายไป ตัวอำเภอบ้านโป่งทางทิศตะวันตก เท่านั้นครับ


ลงสะพานต่างระดับบ้านโป่งมาก็โค้งซ้าย แล้วเจอจุดตัดทางรถไฟเส้นที่แยกที่สอง(นับจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก) เพื่อตรงไป จ.กาญจนบุรี ซึ่งถนนที่เราจะไปนี้ก็วิ่งเลียบ โฉบเฉี่ยวกับทางรถไฟสายนี้ ต้องเจอจุดตัดกันอีก 3 จุดข้างหน้าด้วยครับ


ผ่านทางรถไฟมานิดเดียวก็เจอสี่แยกอีกแห่งที่สำคัญ เพราะถ้าเผลอวิ่งตรงไปก็จะไม่ถึง กาญจนบุรีแน่นอนครับ

ใช่ครับเราต้องเลี้ยวขวาเพื่อไปตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ถ้าหากขับตรงไป ก็จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง แล้วไปเจอถนนอีกสายที่วิ่งเลียบแม่น้ำแม่กลอง สามารถเลือกไป จ.ราชบุรี หรือ จ.กาญจนบุรีได้อีกทาง แต่คดเคี้ยวมาก

[TONE8717]

เดินเล่นในถ้ำมายี่สิบปีผมยังไม่เคยเดินถึงเลยครับ แรงหมด

[mirage_II]

ตอนนี้มาถึงแยกเลี้ยวขวาไป จ.กาญจนบุรีแล้ว เห็นป้ายสาวสวยท่านหนึ่งตั้งอยู่ทางซ้าย แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นถึง อดีต สส. แถมมีชื่อที่อ่านค่อนข้างยาก "ชะวรลัทธิ์" (อ่านว่า ชะ-วอ-ละ-ลัด) ส่วนแยกนี้มีชื่อว่า "แสงชูโต" ตรงกับถนนที่เราจะเลี้ยวขวา มุ่งไปยัง จ.กาญจนบุรีด้วยครับ


เลี้ยวขวามาปุ๊บ ก็ถือว่าเข้าสู่ ถนนแสงชูโต ทันที แม้ว่า ถนนหมายเลข 323 จะยาวมาจากแยกต่างระดับตรงถนนเพชรเกษมแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีรหัสสากลว่า AH123 ด้วยครับ


ขับมาได้หน่อยนึง ก่อนถึงจุดกลับรถอันแรก ก็เจอฝูงกวางทางขวามือ บนเกาะกลางถนน ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นแค่รูปปั้นเท่านั้น แต่ปั้นได้เหมือนมากนะครับ


มาอีกไม่ไกล ก็เจอโค้งซ้าย ฝั่งตรงข้ามเป็น เทศบาลเมืองท่าผา สังเกตุเห็นรูปปั้นฝูงแพะ ตรงเกาะกลางถนน ไม่รู้ว่า ตำบลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับ สัตว์ประเภทนี้นะครับ แต่ในภาพนี้สังเกตุเห็นแผ่นป้ายอะไรแปลกๆ ขยายดูจึงทราบว่าเป็นป้ายบอกระยะทาง อีก 50 เมตรจะถึง ร้านกาแฟ Rain Tree ซึ่งอยู่ฝั่งโค้งใน ถ้าไม่มีป้ายบอกล่วงหน้า รับรองเลยแน่นอนครับ

[mirage_II]

มาอีกไม่ไกลก็ถึงเข้าเขตรอยต่อจังหวัดกาญจนบุรี มีป้ายต้อนรับและภาพแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ 3 แห่ง พบว่า ภาพกลางนั้นเป็นเป้าหมายของทริปนี้ ที่จะเราจะไปกัน คือ อุทยานแห่งชาติ ถ้ำธารลอด ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น อุทยานแห่งชาติรัตนโกสินทร์แล้ว แต่เราจะไปค้างที่ตัวเมืองกาญจน์สักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปกัน เพราะวันนี้เรามีภาระกิจที่พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ที่รอคอยมานานครับ


ก่อนจะไปกันต่อ ขอสรุปการเดินทางจากแยกต่างระดับ ที่ถ.บรมราชชนนี รวมกับ ถ.เพชรเกษม ที่มาจากบางแค ถึงเข้าเขตจ.กาญจนบุรี ครับ ระยะทางช่วงนี้ก็ยาวเกือบร้อยกิโลเมตรเลย แต่ดูจากแผนที่จะเห็นว่าเป็นถนนที่ทอดตัวในแนวทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ก่อนจะไปแยกหักลงไป จ.ราชบุรี ที่ อ.บ้านโป่ง ทำให้ จ.นครปฐม นั้นกลายเป็น จังหวัดทางผ่านไปเลย (ในสมัยก่อนผมคิดว่า จ.นครปฐม เป็นจุดหักเลี้ยวลงใต้) ผมขอแสดงจุดที่ สำคัญๆ หรือสดุดตาไว้ให้เห็นด้วยครับ


เข้าเขตจังหวัดกาญจนบุรีมาได้นิดเดียว ก็เข้าสู่เขตเทศบาลตำบลลูกแก ซึ่งชื่อฟังแล้วขำๆ ที่ตลกเอามาเล่นว่า "ลูกแกไม่ใช่ลูกข้า" (ชื่อ "แก" นี้ก็มี สถานที่อื่นเอามาประกอบเป็นชื่อ เช่น อำเภอนาแก, อำเภอแกดำ เป็นต้นครับ)


เลยเทศบาลตำบล ลูกแกมาเล็กน้อย ก็เจอป้ายต้อนรับ จ.กาญจนบุรีอีกแผ่น ซึ่งมีภาพแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแตกต่างจากเมื่อกี้ คงเป็นเพราะว่า สถานที่ท่องเที่ยวเยอะ เลยต้องมีสัก 2 ป้าย เนื่องจากแสดงภาพได้ ป้ายละ 3 แห่งเท่านั้น ระยะห่างระหว่างป้ายทั้งสองประมาณ 3 กิโลเมตรครึ่ง อ้อ..สถานที่ท่องเที่ยวในแผ่นป้ายนี้ ผมได้เคยไปมาทั้งหมดแล้วครับ

[mirage_II]

มาอีกพักนึง ก็ถึงทางแยกซ้ายเข้า ท่าเรือ เอ๊ย ไม่ใช่ เทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ซึ่งเป็นถนนแสงชูโตสายเก่า ถนนเส้นนี้ยังผ่าน ตัวอำเภอท่าม่วงด้วย ทำให้ถนนทางขวา ที่ตรงไป เมืองกาญจนฯ นั้นก็คือ ถนนเลี่ยงเมือง นั้นเองครับ


วิ่งมาตามถนนแสงชูโตสายใหม่ (ก็ที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละครับ) ไม่นานก็สังเกตุเห็นหลักกิโลสีขาว ขนาดใหญ่ ระบุระยะทางถึง อ.สังขละบุรี และ กรุงย่างกุ้ง ด้วยครับ (ปัจจุบันไม่ใช่เมืองหลวงนะครับ เพราะเปลี่ยนเป็นเมืองนอปิดดอว์ ไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2549) หลักกิโลนี้ มีหมายเลขประจำหลักที่บังเอิญเป็น 99 ด้วย ซึ่งเป็นระยะทางไปกรุงเทพฯ (ที่แตกต่างจากระยะทางไปบ้านผมนะครับ) โดยดูอีกด้านของหลักกิโล (ขอภาพจาก กูเกิ้ลสตรีท)

แต่ที่น่าสนใจคือ ด้านในหลังหลักกิโลนี้ เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่มีห้องน้ำติดแอร์ให้ด้วย จุดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขานึกทำ เพราะมีซอยเลี้ยวซ้ายลัดไปถึง ถนนแสงชูโตสายเก่า ในระยะทางเพียง 5 ร้อยกว่าเมตรเท่านั้น แถมตรงจุดบรรจบกับถนนสายเก่านี้ก็เป็นที่ตั้ง สนง.เทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ด้วยครับ


เลยจากหลักกิโลใหญ่สีขาวมา 1 กิโลเมตรพอดี ก็เป็นสี่แยกไฟแดงอีกแห่ง (อุตส่าห์เป็นถนนเลี่ยงเมืองแล้ว ก็ยังต้องมีไฟสัญญาณจราจรด้วยนะครับ) ที่สามารถลัดเข้าไปยังถนนแสงชูโตเก่าได้อีกทาง แต่ทางนี้จะเข้าไปใกล้สถานีรถไฟท่าเรือน้อยได้มากที่สุด คือประมาณ 600 เมตรเอง แต่สิ่งที่สดุดตาตรงสี่แยกนี้ คือ ถังประปาเก่าทรงกระบอกที่ตั้งอยู่ริมถนน ดูน่าจะไม่ได้ใช้แล้วในปัจจุบัน แต่เหมือนโบราณสถานที่เขาอนุรักษ์ไว้ซะมากกว่านะครับ


ถัดมาอีกนิด ก็ะเจอสี่แยกไฟแดงอีกแล้ว..(ถี่จัง) ตรงนี้มีถนนสำคัญสาย 3081 ตัดจาก ท่าเรือด้านซ้ายมือไปถึง อ.กำแพงแสน โน้นเลยครับ แต่สิ่งที่น่าสนใจตอนนี้ คือ ป้ายบอกระยะทางไปถึง ตัวเมืองกาญจนบุรี อีกแค่ 25 กิโลเมตรเอง แต่อย่าดีใจ เพราะอีกไกลพอดูกว่าจะถึง พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดนะครับ