View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 04/02/2020 4:33 pm Post subject: |
|
|
กรมราง เร่งแก้ PM2.5 เผย รฟท.เตรียมขยายใช้น้ำมัน ดีเซล B10 , B20
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: อังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา. 13:37
กรมราง เดินหน้า แก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 จากระบบราง เผย รฟท.เตรียมขยายการทดลองใช้น้ำมันดีเซล B10 , B20 ในปีนี้ พร้อมเร่งสรุปติดเครื่องฟิวเตอร์ กรองฝุ่นเพิ่ม กำชับมาตรการคัดกรองผู้โดยสารข้ามแดน ที่ สถานีปาดังเบซาร์และสถานีหนองคาย
วันนี้ ( 4 ก.พ.) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับนายประเสริฐ ผิวพรรณ รองวิศวกรใหญ่ด้านโรงงาน พร้อมวิศวกรอำนวยการศูนย์ซ่อมรถจักร ศูนย์แผนงานและพัสดุ ศูนย์ซ่อมรถดีเซลรางและรถปรับอากาศ ศูนย์แผนงานและการผลิต และศูนย์วิศวกรรมเครื่องกล ฝ่ายการช่างกล รฟท. ที่ โรงงานมักกะสัน
ทั้งนี้ รฟท. ได้แจ้งว่า มีโครงการสนับสนุนการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซล (B20) ซึ่ง ได้ทดลองและเริ่มใช้ในเส้นทางสายบ้านแหลม-แม่กลอง และน้ำมันดีเซล B10 ในเส้นทางวงเวียนใหญ่-มหาชัยแล้ว โดยปีงบประมาณ 2563 จะทดลองใช้กับรถดีเซลรางรถปรับอากาศและรถจักรต่างๆ ในเส้นทางอื่นๆ
นอกจากนี้ รถประเภทต่างๆที่จะจัดซื้อใหม่จะรองรับ B 20 ด้วย ควบคู่กับรฟท. มีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานติดตั้งระบบไฟฟ้ารวมทั้งการเดินรถไฟด้วยระบบไฟฟ้า
สำหรับการพิจารณาติดตั้ง Diesel Particulate Filter (DPF) เพื่อกรองปริมาณฝุ่นที่ออกมาจากท่อไอเสียได้มาติดตั้งกับรถจักร รฟท. ได้มีการประชุมหารือกับบริษัทเครื่องยนต์รถจักรเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา โดยบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์รับไปพิจารณาผลกระทบ ข้อจำกัดเรื่องเขตโครงสร้างเนื่องจากเครื่อง DPF มีขนาดใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ และความเป็นไปได้ในการติดตั้ง DPF ก่อนประชุมหารือกับ รฟท. อีกครั้งภายในเดือนมี.ค. 2563
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า ได้แนะนำ ให้รฟท. เร่งดำเนินการจัดหาเครื่องตรวจวัดควันดำ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเครื่องวัดควันดำ เพื่อใช้ตรวจวัดก่อนนำรถจักรและรถดีเซลรางมาให้บริการต่อไป พร้อมกับ เพิ่มเข้มข้นการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อนให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึง ประสานทาง ปตท.และผู้ผลิตเครื่องยนต์รถจักร ในการสนับสนุนการทดลองใช้น้ำมันเชื้อเพลิง B20
นอกจากนี้ให้จัดทำแผนปฏิบัติการ(action plan)สำหรับการทดลองใช้น้ำมันดีเซลB20 และ แผนการติดตั้งถังเชื้อเพลิงทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดย
นอกจากนี้ นายสรพงศ์ ได้ลงพื้นที่ ติดตามการดำเนินงาน รฟท. ตามแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในระบบขนส่งทางราง ที่สถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง) ซึ่งได้มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสที่ห้องโถงสถานีกรุงเทพ และบนขบวนรถไฟ ทำความสะอาดและฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณเบาะที่นั่ง ราวจับจุดสัมผัสร่วม อ่างล้างหน้า ห้องสุขา และตั้งเจลล้างมือแอลกอฮอล์ที่หน้าเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสาร โดย โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากรตั้งโต๊ะบริการตรวจสุขภาพและวัดไข้แก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการที่สถานีกรุงเทพ
โดย ได้กำชับมาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารระหว่างประเทศที่สถานีปาดังเบซาร์และสถานีหนองคายด้วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่มาใช้บริการรถไฟ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44319
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 08/02/2020 3:33 pm Post subject: |
|
|
โอนแผนสร้างรถไฟฟ้า-ไฮสปีดไปกรมราง
ฐานเศรษฐกิจ 08 Feb 2020
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพิจารณาโอนทรัพย์สินฯ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปเป็นของกรมการขนส่งทางราง
ทั้งนี้การพิจารณาการตัดโอนภารกิจ สนข. ไป ขร. โดยมีโครงการศึกษาที่ดำเนินการแล้วเสร็จ อาทิ การศึกษาแปลงแผนแม่บทการขนส่งมวลชนระบบรางในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่องไปสู่การปฏิบัติ การศึกษาแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาระบบรางและรถไฟความเร็วสูง การศึกษาเพื่อการบริหารจัดการโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางและการจัดการระหว่างการก่อสร้าง
รวมถึงโครงการที่ผ่านขั้นตอนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว อาทิ โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ นครราชสีมา และสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ - พิษณุโลก-เชียงใหม่ ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง สนข. และ ขร. เพื่อหารือกำหนดหลักเกณฑ์การตัดโอนภารกิจ สนข. ไป ขร. ทั้งหมด โดยกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 10/02/2020 12:09 am Post subject: |
|
|
กรมราง ลงพื้นที่ตรวจแผนป้องกันเชื้อไวรัส
อาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563
วันนี้ (9 ก.พ. 2563) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และติดตามการดำเนินงานสถานีรถไฟ รวมทั้งการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในระบบขนส่งทางราง เส้นทางรถไฟ (สายกรุงเทพ - อุบลราชธานี) โดยมีนายสมาน พุทธรักษา สารวัตรงานเดินรถแขวงนครราชสีมารักษาการแทนหัวหน้ากองจัดการรถเขต 2 นายสงกรานต์ ดิษฐอั๊ง ผู้ช่วยสารวัตรงานเดินรถแขวงอุบลราชธานี นายสถานีรถไฟอุบลราชธานี ตำรวจรถไฟและเจ้าหน้าที่ รฟท. ให้การต้อนรับ
นายสรพงศ์ฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูล เพื่อประเมินสภาพแวดล้อม การบริการ และสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ เพื่อพิจารณาระดับคุณภาพสถานีขนส่งทางราง พร้อมทั้งติดตามการดำเนินงานการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นสำคัญ
นายสรพงศ์ฯ กล่าวต่อว่า สถานีรถไฟอุบลราชธานี เป็นสถานีที่มีการจัดการที่ดีพร้อม ทั้งด้านการเดินรถ การให้บริการ ความสะอาด และการให้ความสำคัญกับการป้องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยมีการจัดตั้งจุดวัดอุณภูมิในร่างกาย เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ แจกหน้ากากอนามัยให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการ และติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์รณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
หลังจากนั้น นายสรพงศ์ ได้ลงพื้นที่สำรวจจุดตัดทางรถไฟกับถนนบริเวณใกล้ สถานีรถไฟอุบลราชธานี ซึ่งผลปรากฎว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยอุปกรณ์ต่างๆ อาทิเช่น ไม้กั้นทาง ไฟสัญญาณเตือน อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีความปลอดภัยกรมการขนส่งทางรางขอขอบคุณเจ้าหน้าที่การรถไฟที่ให้ความใส่ใจในการบริการและรักษาความสะอาดอย่างดียิ่ง และขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมใช้บริการรถไฟ เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อลดปัญหาการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 10/02/2020 8:29 pm Post subject: |
|
|
วันนี้ (10 ก.พ. 2563) เวลา 09.30 น. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และติดตามการดำเนินงาน ณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยการลงพื้นในครั้งนี้ได้มีการหารือกับแขวงทางหลวงบุรีรัมย์ และสารวัตรบำรุงทางลำปลายมาศ การรถไฟแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาคอขวดบริเวณจุดตัดทางรถไฟเทพนคร (ป้อมมาลี) ระหว่างสถานีรถไฟบุรีรัมย์ - สถานีรถไฟห้วยราช กับทางหลวงหมายเลข 219 (บรบือ - บุรีรัมย์) ซึ่งเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ลดเหลือ 2 ช่องจราจรบริเวณจุดตัดฯ ส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัด และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยกรมการขนส่งทางราง จะเร่งดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็วต่อไป
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/612704892839792?__tn__=H-R |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 13/02/2020 7:24 pm Post subject: |
|
|
วันนี้ (13 ก.พ. 2563) เวลา 14.30 น. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการลดผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหินในเขตพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยมีนายปัฐพงษ์ บุญแก้ว วิศวกรโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ นครปฐม- ชุมพร การรถไฟแห่งประเทศไทย นายชนุส ฤกษนันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการฯ และเจ้าหน้าที่บริษัทที่ปรึกษา CSCS โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร เข้าร่วมการประชุมหารือฯ ณ ห้องประชุมมนังคศิลา ชั้น 2 อาคาร ณ ถลาง กรมการขนส่งทางราง
โดยที่ประชุมได้มีการหารือสรุปได้ดังนี้
1. รฟท. และบริษัทที่ปรึกษาได้ได้เข้าร่วมประชุมหารือกับส่วนราชการจังหวัดราชบุรี ณ ศาลากลางจังหวัดราชบุรีหลายครั้ง เพื่อพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งในหลายพื้นที่ได้หารือจนได้ข้อยุติและได้กำหนดแนวทางการลดผลกระทบจากก่อสร้างฯ ร่วมกัน แล้ว และ รฟท. ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในหลายพื้นที่แล้ว อาทิ เช่น การแก้ไขปัญหาทางระบายน้ำ การขยายอุโมงค์ลอดทางรถไฟเพื่อให้รถจักรยานยนต์และรถซาเล้งและคนเดินเท้าสามารถผ่านได้ การเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างเพื่อไม่ให้ทับหรือกีดขวางลำน้ำเดิม การก่อสร้างสะพานลอยสำหรับคนและรถมอเตอร์ไซค์
2. ในส่วนที่ยังไม่ได้ข้อยุติฯ อธิบดีกรมการขนส่งทางรางได้กำชับ รฟท. ให้เร่งดำเนินการประสานงานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อยุติฯ ในการแก้ไขเพื่อลดผลกระทบจากก่อสร้างฯ โดยเร็ว
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางรางจะติดตามความก้าวหน้าและลงพื้นที่เพื่อร่วมหาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อลดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่จ.ราชบุรีต่อไป
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/614846725958942?__tn__=H-R |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 16/02/2020 12:31 am Post subject: |
|
|
กรมรางถกเอกชนลุยแผน Thai First วาง 4 ปีซื้อตู้รถไฟผลิตใน ปท.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 15 กุมภาพันธ์ 2563 11:08
ปรับปรุง: 16 กุมภาพันธ์ 2563 10:02
กรมรางหารือผู้ประกอบการและเอกชนหนุนพัฒนาอุตฯระบบราง ปรับแผน Thai First ระยะเร่งด่วน ปี 63-66 ซื้อขบวนรถไฟได้
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. กรมรางได้ประชุมสำรวจความสนใจของผู้ประกอบการเอกชน (Market Sounding) ต่อแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางฯ โดยมีผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมระบบราง เข้าร่วมการประชุม
ในประเด็นการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางในประเทศ โดยใช้หลักการ Thai First คือ ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
กรมการขนส่งทางรางได้พิจารณาปรับระยะเวลาการดำเนินงานให้เร็วขึ้นเป็นแผนระยะเร่งด่วน 4 ปี (2563-2566) ในการจัดซื้อขบวนรถไฟประเภทที่ไม่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และแผนระยะ 6 ปี (2563-2568) สำหรับการจัดซื้อขบวนรถไฟประเภทที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ทั้งนี้ กรมรางได้เสนอให้บีโอไอพิจารณาปรับเพิ่มพื้นที่การได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการส่งเสริมอุตสาหกรรมระบบราง นอกเหนือจากจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา
ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนระยะเร่งด่วน 4 ปี (พ.ศ. 2563-2566) เพื่อให้อุตสาหกรรมระบบรางเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ส่วนแผนระยะ 6 ปี (พ.ศ. 2563-2568) เสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณา โดยกรมรางจะรวบรวมความเห็นของภาคเอกชนเพื่อเสนอเป็นแนวการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทยต่อกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบต่อไป
รายละเอียดดูที่นี่ก็ได้
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/615546089222339?__tn__=H-R |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 19/02/2020 1:09 pm Post subject: |
|
|
กรมรางฯ ผนึกกำลัง เอกชน รับลูก Thai First ดันใช้ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศ 40% สร้างมูลค่า 7,000 ล้าน ลุยเร่งศึกษาผลิต เครื่องยึดเหนี่ยวรางรถไฟ ใช้เอง ประเดิมใช้ภายในปี 66
19 กุมภาพันธ์ 2563
รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังพัฒนาระบบราง สนองยุทธศาสตร์ Thai First ดันใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศ 40% สร้างมูลค่า 7,000 ล้านภายใน 4 ปี ช่วยหั่นค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง พร้อมลุยวางแผนความต้องการใช้บุคลากรด้านระบบรางในอนาคต ด้าน กรมรางฯ เร่งศึกษาผลิต เครื่องยึดเหนี่ยวรางรถไฟ ใช้เอง ประเดิมใช้ภายในปี 66 ฟาก BTS พร้อมให้ความร่วมมือ เผยใช้ชิ้นส่วนในไทย ช่วยลดต้นทุน 5-10% หนุนไทยฮับการผลิตในภูมิภาค
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการส่งเสริมการพัฒนาระบุบราง ระหว่างกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สวทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 15 หน่วยงานว่า การพัฒนาระบบรางต้องพัฒนาใน 2 ส่วนไปพร้อมกัน ทั้งด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและบุคลากร ซึ่งสถาบันวิจัยต่างๆ ที่ร่วมลงนามในครั้งนี้ จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยกันพัฒนา พร้อมผลักดันระบบรางให้มีศักยภาพ และเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมรางในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น
สำหรับการลงนามในครั้งนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน จะมีการหารือร่วมกันถึงทิศทางในการผลิต ฝึกฝนบุคลากร เพื่อมารองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมระบบรางในอนาคตว่า จะมีความจำเป็นจะต้องผลิตบุคลากรผ่านระบบอุดมศึกษาที่เกี่ยวข้องกับระบบรางในแต่ละปีในจำนวนเท่าใด เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในอุตสาหกรรม ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงมีการลงทุนระบบรางรูปแบบใหม่จำนวนมาก ทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูง
นายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงศ์ อธิบดี ขร.
ด้านนายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดี ขร. กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ จะมีการวางมาตรฐานเพื่อกำหนดชิ้นส่วนของรถไฟ และกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์รถไฟ ภายในประเทศให้ได้ 40% ในปี 2566 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันไทยสามารถผลิตอุปกรณ์ในระบบส่งกำลัง ระบบเบรก และอุปกรณ์ภายในตัวรถได้แล้ว โดยในขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เริ่มมีการสั่งซื้อขบวนรถบรรทุกสินค้าที่ประกอบภายในประเทศ ซึ่งจะมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบราง อาทิ อุตสาหกรรมเหล็กมีการเติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงที่ปัจจุบันมีการใช้งบประมาณกว่า 9,600 ล้านบาทต่อปี และในอนาคตจะเพิ่มเป็นกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งอาจจะช่วยลดราคาค่าโดยสารของผู้ใช้บริการได้อีกด้วย โดยในเบื้องต้น ขร. อยู่ระหว่างการพัฒนา ศึกษา และวิจัย ในการผลิตเครื่องยึดเหนี่ยวรางรถไฟ (Rail Fastener) โดยผู้ประกอบการคนไทย เนื่องจากในปัจจุบันจะเป็นการนำเข้าจากประเทศจีนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะศึกษาและวิจัยแล้วเสร็จภายใน 8 เดือน จากนั้นจะทำการทดสอบทุกสภาวะอากาศระยะเวลา 1 ปี ก่อนที่จะผู้ผลิตภายในประเทศว่าสามารถผลิตได้หรือไม่ และทดลองใช้ต่อไป โดยคาดว่า จะเริ่มใช้ได้ภายในปี 2566
ทั้งนี้ การศึกษาดังกล่าวนั้น เป็นไปตามหลักการ Thai First คือ ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้รับประโยชน์ก่อน ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่จะทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคม รวมถึงการใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากยางพารา ในโครงการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยยกระดับราคายางพารา แก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรด้วย
ขณะที่ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS กล่าวว่า BTS พร้อมให้ความร่วมมือในการใช้วัสดุอุปกรณ์ ที่ผลิตในประเทศ (Local Content) มาใช้ในรถไฟฟ้า BTS โดยในปัจจุบัน บริษัท บอมบาดิเอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอะไหล่ และระบบอาณัติสัญญาณระบบโลก โดย BTS ได้ใช้อุปกรณ์อยู่ ได้มาตั้งโรงงานผลิตระบบเบรค และระบบอาณัติสัญญาณบางส่วนในไทยแล้ว
นอกจากนั้น ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา ที่ BTS ได้เป็นผู้ดำเนินการนั้น ในส่วนของระบบสับหลีกราง ซึ่งโมโนเรลต้องใช้ ทางบริษัท บอมบาดิเอร์ ก็ได้มีการจ้างให้บริษัทในประเทศไทยเป็นผู้ผลิต ซึ่งจากการใช้อุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศในหลายๆ ส่วนของ BTS นั้น ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศกว่า 5-10%
ขณะเดียวกัน BTS ได้มีการเจรจากับ บริษัท ซีเมนส์ จำกัด และบริษัทที่ผลิตขบวนตู้รถไฟฟ้าจากประเทศจีน ให้มาประกอบขบวนรถไฟฟ้าในไทย เนื่องจากในอนาคต BTS มองว่า ประเทศไทยจะมีความต้องการในเรื่องของรถไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจา อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าในอนาคตผู้ผลิตจะต้องเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะปริมาณความต้องการใช้อุปกรณ์ขิ้นส่วน ระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าทั้งระบบมีมหาศาล และต่อไปไทยอาจจะเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเซียอีกด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 19/02/2020 1:10 pm Post subject: |
|
|
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ พันธมิตรระบบราง สร้างสรรค์อุตสาหกรรมระบบรางไทย ระหว่าง กรมการขนส่งทางราง กับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นๆ
19 กุมภาพันธ์ 2563
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและพัฒนา เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการส่งเสริมการพัฒนาระบบราง ระหว่างกรมการขนส่งทางรางกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 15 หน่วยงาน เมื่อวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ณ อาคารสโมสรกระทรวงคมนาคม ถนนราชดำเนินนอก โดยมี นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และ ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายในการสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
ที่ได้ให้ความสำคัญกับการขนส่งระบบรางเป็นอย่างยิ่ง โดยได้มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ รถไฟทางคู่ให้มีโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยได้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว 993 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง 1,483 กิโลเมตรและรถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง 678 กิโลเมตร รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 14 สายทาง ระยะทาง 559 กิโลเมตร ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมืองภูมิภาค๖ จังหวัด รวมถึงรถไฟความเร็วสูง ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการซ่อมแซมและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานเหล่านั้นในอนาคต อีกหลายสิบปี กอปรกับรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ข้อ 5.6 พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ให้บริการภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวเนื่อง นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมการผลิต รถไฟ รางรถไฟ และอุปกรณ์ประกอบสำหรับระบบรางในประเทศ ในพิธีทดลองให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต สะพานใหม่ - คูคต จำนวน 1 สถานี จากสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว ในวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา
ด้วยหลักการ Thai First คือ ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้รับประโยชน์ก่อน ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่จะทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคม รวมถึงการใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากยางพารา ในโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อช่วยยกระดับราคายางพารา แก้ปัญหารายได้ของเกษตรกร เป็นต้น
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ พันธมิตรระบบราง สร้างสรรค์อุตสาหกรรมระบบรางไทย ระหว่าง กรมการขนส่งทางราง กับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยและหน่วยงานอื่นๆ ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่มีความร่วมมือกันระหว่าง 2 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งมอบหมายให้หน่วยงานร่วมกันดำเนินงานทั้งหมด ๑๕ หน่วยงาน ประกอบด้วย
1 สมาคม คืออันประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
3 หน่วยงานระดับกรม ได้แก่ กรมการขนส่งทางราง กรมวิทยาศาสตร์บริการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
2 สถาบันวิจัย ได้แก่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
3 ผู้ใช้งาน ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
6 สถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
โดยทั้งสิบห้าหน่วยงานมีความประสงค์จะทำความตกลงร่วมมือกันด้านวิชาการ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การจัดทำมาตรฐานการทดสอบและทดลอง และการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้เกิดการส่งเสริมการประกอบรถไฟ การผลิตชิ้นส่วน วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานด้านระบบรางในประเทศรวมทั้งผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรม ระบบรางของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ใน 5 ด้าน ได้แก่
1.การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา (Technology Transfer Research & Development)
2.มาตรฐานระบบราง (Railway Standard)
3.อุตสาหกรรมระบบราง (Rail Industry)
4.การทดสอบและการทดลอง (Testing and Laboratory)
5.การพัฒนาทรัพยากรบุคคล (Human Resource Development)
ทั้งนี้ จากนโยบายรัฐบาล และนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้ความสำคัญกับระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบรางดังกล่าว กรมการขนส่งทางราง ได้ขับเคลื่อนโดยสร้างความร่วมมือในการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมระบบรางไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในวันนี้ โดยภายหลังจากนี้ แนวทางดำเนินงานจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ตลอดจนวางกรอบความร่วมมือในการพัฒนาและใช้วัสดุอุปกรณ์ ตั้งแต่งานซ่อม ไปสู่งานสร้าง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถต่อยอด และขอรับความร่วมมือด้านการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนวัสดุระบบราง และผู้วิจัย และสถาบันการศึกษา สามารถรับไปทดลอง ตรวจสอบคุณภาพ นำไปสู่การสร้างสรรค์ ค้นคว้า และวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
*********************************************** |
|
Back to top |
|
|
|