Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311295
ทั่วไป:13272255
ทั้งหมด:13583550
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รถสินค้า 852 แหลมฉบัง-ICDชนรถทัวร์ที่คลองแขวงกลั่น(11/10/63)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รถสินค้า 852 แหลมฉบัง-ICDชนรถทัวร์ที่คลองแขวงกลั่น(11/10/63)
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> อุบัติเหตุเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 1:15 am    Post subject: Reply with quote

2 พนง.ขับรถไฟพบ ตร.ยันปฏิบัติตามขั้นตอนเดินรถ แต่รถบัสตัดหน้าเบรกไม่ทัน
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 ตุลาคม 2563 - 20:28 น.

2 พนักงานขับรถไฟสายที่ชนกับรถบัสคณะกฐิน เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ยืนยันปฏิบัติตามขั้นตอน และมาตรการการเดินรถไฟ แต่รถบัสตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด เบรกไม่ทัน โดย ตร.ไม่ได้แจ้งข้อหา แต่อาจเรียกสอบเพิ่ม


กรณีเหตุรถไฟบรรทุกสินค้าชนกับรถบัสคณะกฐินคนงานย่านสำโรง บริเวณจุดข้ามทางรถไฟ สถานีคลองแขวงกลั่น ม.7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา จนมีผู้เสียชีวิต 19 ศพ และบาดเจ็บถึง 42 คน


ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (13 ต.ค. 63) จากการเปิดเผยของ ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ มนัสชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า นายวีระวัฒน์ วรวงศ์ พนักงานขับรถไฟคนที่ 1 และ นายวันชนะ ฟักถาวร พนักงานขับรถไฟคนที่ 2 ซึ่งเป็นรถไฟขบวนรถสินค้าที่ 852 แหลมฉบัง-ไอซีดี ลาดกระบัง บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนกว่า 60 ตู้ ขบวนที่ชนเข้ารถบัสผู้แสวงบุญที่จะไปทอดกฐินยังวัดบางปลานัก ได้เข้าพบกับ ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ มนัสชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา แล้ว เพื่อให้ปากคำ

นายวีระวัฒน์ ให้การว่า ได้ขับรถไฟบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้าเป็นปุ๋ยเม็ด มาจากท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อบรรทุกไปส่งที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงสถานีคลองบางพระ จังหวัดฉะเชิงเทรา ทางนายสถานีได้ให้สัญญาณผ่าน เมื่อมาถึงใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุใกล้เคียงกับสถานีคลองแขวงกลั่น ตนทราบว่าเป็นทางลักผ่านก็ได้ชะลอความเร็วแล้ว


เมื่อใกล้ทางผ่านประมาณ 100 เมตร จู่ๆ ก็เห็นรถบัสโดยสารคันดังกล่าวกำลังจะข้ามผ่าน จึงได้เปิดสัญญาณไฟ พร้อมเปิดหวูดเตือนให้ทราบแล้ว แต่รถบัสกลับไม่หยุด ได้วิ่งข้ามมา ก่อนที่ตนเองใช้เบรกฉุกเฉิน เพื่อชะลอรถ แต่รถไฟขบวนนี้ได้บรรทุกสินค้ามามากว่า 60 ตู้ จึงมีน้ำหนักมาก ทำให้ไม่สามารถเบรกได้ทัน ซึ่งอย่างน้อยรถไฟต้องใช้ระยะทางในการเบรกประมาณ 700 เมตร จึงจะปลอดภัย ยืนยันว่าตนเองได้ปฏิบัติตามมาตรการของการเดินรถไฟแล้ว แต่ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน

หลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ มนัสชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ไม่ได้แจ้งข้อหาแต่อย่างใด แต่หากมีข้อมูลสงสัยเพิ่มเติมก็อาจจะเชิญตัว 2 พนักงานขับรถไฟกลับมาสอบสวนอีกครั้ง.

พขร.รถไฟบรรทุกสินค้าชนรถบัสทอดกฐินเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว

วันอังคาร ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 17.56 น.

วันที่ 13 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุรถบัสนำผู้โดยสารไปทอดกฐินถูกรถไฟบรรทุกสินค้าชนจนพลิกคว่ำที่บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น หมู่ 7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 19 ราย บาดเจ็บ 39 ราย สาหัสนอนอยู่ห้องไอซียู 2 รายที่โรงพยาบาลพุทธโสธรว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ นายวัระวัฒน์ วรวงศ์ และนายวันชนะ ฟักถาวร พขร.รถไฟขบวนรถสินค้าได้เข้าพบกับ ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ มนัสชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อให้ปากคำแล้ว



โดยนายวีระวัฒน์ ให้การว่าได้บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้ามาจากท่าเรือแหลมฉบังเพื่อไปส่งที่ลาดกระบัง เมื่อมาถึงสถานีคลองบางพระทางนายสถานีได้ให้สัญญาณผ่านเมื่อมาถึงใกล้บริเวณเกิดเหตุทราบว่าเป็นทางลักผ่านก็ได้ชลอความเร็วเมื่อใกล้ทางผ่านประมาณ 100 เมตรได้เห็นรถบัสโดยสารกำลังจะข้ามจึงได้เปิดสัญญาณไฟ พร้อมเปิดวูดเตือนให้ทราบแล้วแต่รถบัสกับไม่หยุดได้วิ่งข้ามมาจึงได้ใช้เบรกฉุกเฉิน แต่รถที่บรรทุกสินค้ามานั้นต้องใช้ระยะทางเบรกอย่างน้อยประมาณ 700 เมตร จึงจะปลอดภัย

หลังจากสอบปากคำเสร็จพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาแต่อย่างใด ส่วนทางญาติผู้เสียชีวิตได้ทยอยนำพระภิกษุมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตกลับบ้านเกิดตามความเชื่อถือด้วยความโศกเศร้าเสียใจที่ต้องมาเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้

ลูกชายคนขับรถบัส ไหว้ขอโทษแทนพ่อ พ้อ ฝั่งนี้ก็ทรุดเหมือนกัน หลังเจอโซเชียลถล่ม
https://hilight.kapook.com/view/207317
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 2:02 am    Post subject: Reply with quote

“คมนาคม” จ่อใช้งบ 29.5 ล. ลุยศึกษาจุดตัดรถไฟ หลังเกิดเหตุ “รถไฟชนรถบัส”
วันที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 17:41:37
“คมนาคม” ถก รฟท.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้สัญญาณเตือนบริเวณจุดเกิดเหตุ หลังเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถบัส เร่งของบศึกษา-ออกแบบ กปถ. วงเงิน 29.5 ล้านบาท เหตุพบทางลักผ่านอีก 9 จุด ด้านรฟท.เร่งแจ้งความคดีแพ่งเอาผิดเจ้าของรสบัส ลั่นทำทรัพย์สินรฟท.เสียหาย- เป็นรอย 6 ตู้"

เผย 35 จุดตัดรถไฟ! เสี่ยงสูง “ทางลักผ่าน” เกิดเหตุซ้ำซาก-คมนาคมสั่งเร่งแก้ไขด่วน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 17:59



“คมนาคม” ประชุมด่วนแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟ ล้อมคอกเหตุชนรถบัสกฐินที่ฉะเชิงเทรา สั่งซ่อมสัญญาณไฟใน 7 วัน ดึงเงิน กปถ.ติดเครื่องกั้นอัตโนมัติเร่งด่วน เผยมีทางลักผ่าน 35 จุดเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำ ด้านกรมรางขอเงิน กปภ. 29.5 ล้านทำแผนแม่บทแก้ไขทั่วประเทศ

นายพิศักดิ์ จิตวิริยวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง) และโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีอุบัติเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ ที่ 852 ดีเซลเลขที่ 5102 มีต้นทางสถานีแหลมฉบัง และสถานีปลายทางลาดกระบัง (ไอซีดี) ขณะที่ขบวนผ่านสถานีคลองบางพระ ก่อนถึงบริเวณป้ายหยุดรถคลองแขวงกลั่น เป็นทางผ่านที่ยังไม่ได้รับอนุญาต หรือทางลักผ่าน กม. 50+031 ซึ่งการรถไฟฯ ได้ติดตั้งป้ายหยุด และสัญญาณไฟเตือนเพื่อช่วยในด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ โดยช่วงเกิดเหตุมีรถบัสโดยสารไม่ประจำทางขับผ่านจุดตัดบริเวณดังกล่าว แม้ว่าพนักงานขับรถไฟได้ปฏิบัติตามข้อบังคับ โดยการเปิดหวูดเตือนก่อนจะถึงจุดตัดเสมอระดับทาง แต่ด้วยระยะที่กระชั้นชิดทำให้ไม่สามารถหยุดขบวนรถได้ทัน จนทำให้เกิดเหตุเฉี่ยวชนรถบัสโดยสารหมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และได้รับบาดเจ็บ 44 ราย (กลับบ้านแล้ว 31 ราย) ที่เหลือรักษาตัวที่ รพ.พุทธโสธรนั้น

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มีข้อสั่งการด่วนให้ปลัดกระทรวงคมนาคมประชุมร่วมกับรองปลัดฯ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กรมการขนส่งทางบก ผู้ว่าฯ รฟท. ซึ่งได้ข้อสรุปที่ต้องดำเนินการแก้ไขระยะเร่งด่วน จุดที่เกิดเหตุ 2 เรื่อง คือ 1. ให้ รฟท.ปรับปรุงแก้ไขป้ายเตือน สัญญาณไฟกะพริบให้เสร็จและพร้อมใช้งานภายใน 7 วัน

2. ให้ รฟท.เร่งเสนอคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาขอติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ ก่อนเสนอคณะกรรมการร่วมพิจารณาการขออนุญาตและการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนนที่มีรองปลัดคมนาคมเป็นประธานเป็นการเร่งด่วน เพื่ออนุญาตให้ รฟท.ดำเนินการติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติเป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหา โดยขอใช้เงินจาก กปถ.ดำเนินการเร่งด่วนประมาณ 4-5 ล้านบาท เนื่องจาก รฟท.และจังหวัดไม่มีงบประมาณ

ส่วนมาตรการระยะต่อไป ให้ รฟท.ร่วมกับจังหวัดสำรวจตรวจสอบจุดตัดทางรถไฟที่เป็นทางลักผ่านที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนและมีความเสี่ยงสูง พิจารณาแก้ไขให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ตามเกณฑ์ความปลอดภัยในการเดินรถ ซึ่งหากเป็นทางลักผ่านขนาดใหญ่ และมีความจำเป็นต้องเปิดให้สัญจรจะต้องติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ ทางลักผ่านขนาดเล็ก หากไม่จำเป็นมีปริมาณรถน้อย และมีผลต่อความปลอดภัยในการเดินรถไฟ จำเป็นต้องปิด ต้องเร่งดำเนินการ

จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศรวม 2,684 แห่ง แบ่งเป็นจุดตัดต่างระดับ 406 แห่ง จุดตัดเสมอระดับ 2,278 แห่ง ซึ่งเป็นจุดตัดเสมอระดับที่ได้รับอนุญาตจำนวน 1,657 แห่ง (ติดตั้งเครื่องกั้น 1,450 แห่ง ติดไฟกะพริบและป้ายสัญญาณเตือน 207 แห่ง) เป็นจุดตัดเสมอระดับลักผ่าน ไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 621 แห่ง ซึ่งจากสถิติช่วงปี 2558-2562 พบว่ามีการเกิดอุบัติเหตุบ่อย ซ้ำซ้อน จำนวน 35 แห่ง เบื้องต้นเป็นทางลักผ่าน 9 แห่ง โดยบางแห่งเกิดเหตุซ้ำ 2-3 ครั้ง ดังนั้นต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน

“กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟมาตั้งแต่ปี 2557 โดยจะใช้เกณฑ์พิจารณาจากปริมาณการจราจรผ่านจุดตัด เช่นเกิน 1 แสนคันจะก่อสร้างถนนเป็นทางต่างระดับข้ามทางรถไฟ กรณีต่ำกว่าจะติดเครื่องกั้นอัตโนมัติ เป็นต้น ส่วนจุดตัดเสมอระดับที่เป็นทางลักผ่าน ได้มีการติดป้ายเตือนและสัญญาณไฟกะพริบ แต่ต้องยอมรับว่าการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เมื่อถึงจุดตัดทางรถไฟ ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถและมองซ้ายมองขวา มั่นใจว่าไม่มีรถไฟแล้วจึงขับผ่านไปนั้นยังเป็นสิ่งที่ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ดีที่สุด เพราะแม้จะมีเครื่องกั้น แต่ยังมีผู้ขับขี่พยายามฝ่าเครื่องกั้นไปอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชนในการระมัดระวังเมื่อขับผ่านจุดตัดทางรถไฟ”

สำหรับการช่วยเหลือกรณีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น รมว.คมนาคมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ และให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดย รฟท.ได้ติดตั้งศูนย์ One Stop Service (ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเฉพาะกิจ) ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย บริษัทประกันภัย โรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งเบื้องต้น รฟท.จะดูแลค่ารักษาพยาบาล ผู้บาดเจ็บ และช่วยเหลือเงินค่าจัดการงานศพสำหรับญาติผู้เสียชีวิต โดยติดต่อประสานงานได้ที่ โทร. 0-2272-5068 ตลอด 24 ชั่วโมง

@กรมรางของบ กปถ. 29.5 ล้าน เร่งศึกษาแผนแม่บทแก้จุดตัดทั่วประเทศ พร้อมแผนปฏิบัติการ

ด้าน นายทยากร จันทรางศุ วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองมาตรฐานความปลอดภัยและบำรุงทาง กรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า กรมรางอยู่ระหว่างจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บทการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟทั่วประเทศ และแผนปฏิบัติการ รวมถึงออกแบบรายละเอียดในการปรับปรุงกายภาพจุดตัดแต่ละแห่ง โดยใช้งบศึกษาจาก กปถ.จำนวน 29.5 ล้านบาท ระยะเวลาศึกษา 15 เดือน

@ขบ.ย้ำตรวจมาตรฐานรถบัสตาม กม. แนะผู้ใช้บริการเช่าเหมาต้องตรวจเอกสารและคาดเข็มขัดทุกที่นั่ง

ด้านกรมการขนส่งทางบกระบุว่า รถโดยสารไม่ประจำทางที่เกิดเหตุ หมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา ขาดการต่อภาษี และอยู่ระหว่างทำการโอนรถ ซึ่งผู้ประกอบการจะปรับไม่เกิน 50,000 บาท ตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้ รถดังกล่าวได้ทำประกันภาคบังคับไว้กับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย ซึ่งจะจ่ายชดเชยกรณีบาดเจ็บ 80,000 บาท/ราย กรณีเสียชีวิต 500,000 บาท/ราย นอกจากนี้ยังทำประกันภัยภาคสมัครใจ ประเภท 3 กับบริษัท สินมั่นคง ประกันภัย ซึ่งคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 500,000 บาท/ราย โดยรวมกันวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท

สำหรับตัวรถบัสโดยสาร เป็นรถมาตรฐาน 3 ข พัดลม ไม่เกิน 42 ที่นั่ง ซึ่งจากข้อสันนิษฐานพบว่ามีการบรรทุกเกินทำให้มีผู้โดยสารยืน และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้โดยสารจึงกระเด็นออกมานอกรถ เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย บังคับให้ผู้โดยสารจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ฝ่าฝืนโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ขบ.ได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจถึงความปลอดภัยในการใช้บริการ รถโดยสารแบบไม่ประจำทาง กรณีต้องการเช่าเหมาบริการนั้นจะต้องตรวจสอบสำเนาจดทะเบียน การชำระภาษี ใบขับขี่คนขับ ประกันภัย จำนวนที่นั่ง และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยตามกฎหมาย และเมื่อใช้บริการจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งอย่างเคร่งครัด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 2:50 am    Post subject: Reply with quote

เปิดภาพใหม่สถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น หลังเกิดโศกนาฏกรรม 19 ศพ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: วันที่ 13 ตุลาคม 2563 เวลา 17:03


ฉะเชิงเทรา - เปิดภาพภูมิทัศน์ใหม่ สถานีรถไฟบ้านคลองแขวงกลั่น ฉะเชิงเทรา หลังเกิดโศกนาฏกรรม 19 ศพ ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งชนรถบัสกฐิน วันนี้มีสภาพโล่งเตียน สิ่งกีดขวางการมองเห็นระยะไกลหายเกลี้ยง แต่ยังไม่มีการติดตั้งเครื่องกั้นรถไฟ

วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสถานีรถไฟ “คลองแขวงกลั่น” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.7 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ขบวนรถไฟสินค้าพุ่งชนรถบัสคณะทำบุญกฐินจาก จ.สมุทรปราการ มุ่งหน้าวัดบางปลานัก แต่กลับไปไม่ถึงวัด ซ้ำยังทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 ราย บาดเจ็บ 40 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ยังคงมีบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตพากันเดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่พื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ พบว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปมากหลังเจ้าหน้าที่ รฟท. และหน่วยงานในท้องถิ่นได้ร่วมกันปรับสภาพพื้นที่ให้มีทัศนวิศัยในการมองเห็นขบวนรถไฟได้แต่ไกล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำ



โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันนี้สิ่งกีดขวางต่างๆ ที่เคยบดบังสายตาผู้ใช้เส้นทาง และชาวบ้านที่ต้องข้ามผ่านรางรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ รั้วเหล็ก แผงกั้นแนวเขตรถไฟได้ถูกรื้อออกไปเป็นจนเกือบหมด ทำให้มองเห็นรางรถไฟได้ไกลจนสุดสายตา แต่ยังไม่มีการติดตั้งเครื่องกั้นรถไฟ

ส่วนขบวนรถไฟโดยสารที่เข้าจอดเทียบยังชานชาลาของสถานีที่ปัจจุบันเป็นสถานีร้าง และใช้งานเพียงแค่การเป็นจุดหยุดรถเพื่อให้ ประชาชนในพื้นที่ที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างถิ่นได้ใช้ขึ้นลงรถไฟ พบว่า ยังคงมีการให้บริการตามปกติ แต่ยังมีผู้โดยสารรถไฟในหลายขบวนที่ไม่กล้าขึ้นลงยังสถานีที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรม เนื่องจากยังเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นแบบสดๆ ร้อนๆ



โล่ง! ปรับทัศนวิสัย สถานีรถไฟบ้านคลองแขวงกลั่น หลังเกิดโศกนาฏกรรม 19 ศพ
ภูมิภาค
วันอังคาร ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.32 น.



วันที่ 13 ต.ค.63 เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สถานีรถไฟ “คลองแขวงกลั่น” พื้นที่ ม.7 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จุดเกิดเหตุโศกนาฏกรรม 19 ศพ ขบวนรถไฟสินค้าพุ่งชนรถทัวร์ผ้าป่าสมทบกองกฐินวัดบางปลานักว่า ในวันนี้ยังคงมีบรรดาญาติของผู้วายชน ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ได้ต่างทยอยพากันมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณเพื่อพากลับบ้าน ท่ามกลางความเศร้าโศกของผู้สูญเสีย

ส่วนบริเวณโดยรอบพื้นที่ในวันนี้สภาพแวดล้อมได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกที่เกิดเหตุเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสิ่งกีดขวางบดบังสายตา ทั้งต้นไม้ รั้วเหล็ก แผงกั้นแนวเขตรถไฟ ได้ถูกรื้อออกไปเป็นจำนวนมาก จนสามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้อย่างยาวไกลจนสุดสายตาไร้หญ้าขึ้นปกคลุมหลาย กม. ขณะที่ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า ตู้คอนเทรนเนอร์ ยังคงใช้ความเร็วสูงในการบดขยี้ผิวรางวิ่งผ่านไป

โดยไม่สนใจต่อบรรดากลุ่มญาติของผู้เสียชีวิต ที่กำลังมาประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณของผู้วายชนกันอยู่ริมขอบราง และยังคงมีทยอยเดินทางกันมาประกอบพิธีกันแบบตลอดทั้งวันเป็นระยะ ส่วนขบวนรถไฟโดยสาร ที่ได้เข้ามาจอดเทียบสถานีหยุดรถ เพื่อให้บริการต่อประชาชนผู้ที่จะเดินทางขึ้นลงจากขบวนรถไฟยังที่สถานีนี้ แต่หลายขบวนไม่มีผู้โดยสารกล้าที่จะมาขึ้นลงยังที่สถานีนี้แม้แต่รายเดียวในขณะที่ผู้สื่อข่าวคอยเฝ้าสังเกตการณ์

นายอำเภอนำคนปรับภูมิทัศน์ริมทางตัดรถไฟ ชาวบ้านบอกอยากได้ไม้กั้นมากกว่า
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
12 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 13:45 น.

นายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่นำจิตอาสาปรับภูมิทัศน์ ตัดหญ้ารกสูงริมทางตัดรถไฟสถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น ชาวบ้านเดินทางมาร่วมเพราะเป็นสิ่งที่ทำให้การมองเห็นดีขึ้น แต่ก็อยากได้ไม้กั้นมากกว่า


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ต.ค.63 จากอุบัติเหตุรถไฟชนกับรถบัส บริเวณจุดตัดรถไฟสถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น ม.7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา นายประเทือง อยู่เกษม นายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ได้นำจิตอาสาและคนงานลงพื้นที่ปรับภูมิทัศน์บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อทำให้โล่งสามารถมองเห็นรถไฟที่วิ่งมาได้ พร้อมจะทำการวางจุดกั้นทางรถไฟ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบริเวณดังกล่าว โดยการติดตั้งไม้กั้นต้องรอการอนุมัติจากทางการรถไฟแห่งประเทศไทย

นายไสว สุขประเสริฐ อายุ 59 ปี ชาวบ้านเผยว่า หากมีการปรับภูมิทัศน์ และนำรั้วออกทำให้การมองเห็นก่อนขึ้นเนินทางรถไฟจะทำให้มองเห็นง่ายขึ้น เพราะปกติจะมองไม่เห็นเนื่องเป็นเนินสูง อีกทั้งสัญญาณไฟและเสียงบริเวณจุดตัดทางรถไฟก็เสียมานานแล้ว ทำให้ไม่แจ้งเตือนเวลาที่มีรถไฟผ่าน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จากอุบัติเหตุรถไฟชนกับรถบัส บริเวณจุดตัดรถไฟสถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น ม.7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อวานนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บ 42 ราย


โดยเมื่อคืนนี้หลังจากการตรวจสอบเอกสารและอัตลักษณ์บุคคลเสร็จ ทางหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราได้มอบศพผู้เสียชีวิตสัญชาติเมียนมา จำนวน 6 ศพ คนไทย 1 ศพ พร้อมชิ้นส่วนร่างมนุษย์อีก 1 ห่อ ให้กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลเพื่อชันสูตรโดยละเอียด และรอญาติมาติดต่อของรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนศพที่เหลือจำนวน 10 ศพ ได้มีญาติมาติดต่อกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนาหมดแล้ว ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บแพทย์ยังให้รอรักษาตัวจำนวน 13 ราย ส่วนอีก 29 ราย แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว.


Last edited by Wisarut on 14/10/2020 12:20 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 3:02 am    Post subject: Reply with quote

ยอดตายรถไฟชนบัสกฐินรวม 19 ศพ ชี้สาเหตุ เปิดเพลงดัง บรรทุกเกิน ไม่คุ้นทาง (คลิป)
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
จันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 15:42 น.

ผู้การฉะเชิงเทรา เผยรถไฟชนบัสคณะกฐินตายเพิ่มเป็น 19 ราย โดยพุ่ง 6 ปมเหตุ ไม่คุ้นทาง บรรทุกเกิน เปิดเพลงดัง ทางตัดไม่มีเครื่องกั้น เจอทางลาดชัน และรถไฟหยุดไม่ทัน รวมเงินเยียวยาจ่ายถึง 10 ล้าน

เมื่อวันที่ 12 ต.ค.63 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนางสายขวัญ เกตุดำ ผู้อำนวยการภาคอาวุโส สำนักงานคปภ.ภาค 6 (ชลบุรี) ได้แถลงข่าวข้อมูลต่อสื่อมวลชน จากเหตุการณ์รถไฟชนรถบัส บริเวณจุดตัดรถไฟ สถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา

พล.ต.ต.ชาคริต เปิดเผยว่า ข้อมูลอัปเดตผู้เสียชีวิต ขณะนี้มีจำนวน 19 ราย จากเดิม 18 ราย สำหรับรายที่ 19 คือ นายปัญญา สีลารัตน์ ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หลังจากได้ย้ายตัวไปรักษาที่กรุงเทพมหานครเมื่อช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา ส่วนผู้บาดเจ็บ ณ ขณะนี้ จำนวน 39 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาลพุทธโสธร โรงพยาบาลบ้านโพธิ์ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์และโรงพยาบาลคลองเขื่อน สำหรับอาการหนักๆ ที่อยู่ในห้องไอซียูจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายสุปัญญา สารีรัตน์, นายฤทธิ์ เวียงคำ และนายจักรพงษ์ ภูครองผา

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวต่อว่า ในด้านการวิเคราะห์สาเหตุนั้นเกิดจาก
1. ผู้ขับขี่รถบัสไม่คุ้นชินเส้นทาง โดยเฉพาะจุดตัดรถไฟ
2. ในรถบัสโดยสารมีการเปิดเพลงเสียงดังซึ่งอาจทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ
3. จุดเกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นทางรถไฟ แต่มีป้ายเตือนและสัญญาณไฟชัดเจน
4. จุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นทางลาดชัน ผู้ขับขี่ต้องเร่งความเร็วเพื่อขับรถผ่าน
5. ภายในรถบัสโดยสารมีการบรรทุกผู้โดยสารมากกว่าปกติ จึงเร่งเครื่องขึ้นเนินได้ช้ากว่าปกติ และ
6. รถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วส่งผลให้ไม่สามารถหยุดรถได้ในระยะกระชั้นชิดได้ทัน


พล.ต.ต.ชาคริต กล่าวอีกว่า ในเรื่องของคดีความนั้น เนื่องจากผู้ขับขี่รถบัสได้เสียชีวิตไปแล้ว ในทางคดีความอาญาคงสิ้นสุดลง แต่ทางแพ่งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บยังคงเรียกร้องจากบริษัทรถบัสคันดังกล่าวได้ ส่วนเงินที่ผู้เสียชีวิตจะได้รับจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือเงินจากประกันสังคม จะได้ค่าปลงศพ จำนวน 80,000 บาท ส่วนค่ารักษาตามสิทธิประกันสังคม ในส่วนที่ 2 คือ ประกันภัยจากรถยนต์โดยสารที่มีประกันภัยอยู่คือประกันภัยคุ้มภัยผู้ประสบภัยจากรถ และประกันภัย ประเภทสมัครใจ คุ้มครองประเภท 3


ด้าน นางสายขวัญ เกตุดำ ผู้อำนวยการภาคอาวุโส สำนักงานคปภ.ภาค 6 (ชลบุรี) เปิดเผยว่า โดยประกันภัยประเภทสมัครใจ คุ้มครองประเภท 3 กรณีเสียชีวิตสูงสุด จะได้เงินเยียวยาจำนวน 500,000 บาท ต่อราย ความคุ้มครองต่อครั้งไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง โดยมีสัญญาในการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร กรณีเสียชีวิต 50,000 บาทต่อราย โดยมีค่ารักษา 50,000 บาทต่อวัน โดยในผลคดีทาง คปภ.ยึดตามผลของตำรวจ คือรถบัสประมาท ซึ่งในกรมธรรม์ประกันภัย จะต้องมาจ่ายชดใช้ ในส่วนของ พ.ร.บ.จำนวน 500,000 บาท ต่อคน ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตจำนวน 19 ราย รายละ 500,000 บาท ก็จะเกินจากวงเงินคุ้มครอง 10 ล้านบาท ซึ่งอาจต้องใช้หลักในการเฉลี่ยเงินกันให้ได้ทุกคนในวงเงิน 10 ล้านบาท เบื้องต้นสามารถจ่ายเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ญาติได้ ในส่วนของ 35,000 บาท ก่อน.


คปภ.แจงเหตุรถบัสชนรถไฟ ตายจ่ายให้เบื้องต้น8.5หมื่น
จันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 17.45 น.


เผย รถบัสชนรถไฟ ทำประกันทั้งภาคบังคับ และสมัครใจ รวม 20 ล้านบาท เบื้องต้น คปภ. ลงพื้นที่ช่วยประสาน จ่ายเบื้องต้น ตาย 8.5 หมื่น เจ็บ 8 หมื่น แต่ท้ายสุด คนตายอาจได้รับความคุ้มครองไม่ถึง 1 ล้าน เพราะตาย เจ็บเยอะเกิน ความคุ้มครองสูงสุด

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบอุบัติเหตุรถไฟบรรทุกสินค้าเฉี่ยวชนรถบัสโดยสาร ทอดกฐินวัดบางปลานัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และได้รับบาดเจ็บ 42 ราย ว่าได้สั่งการให้เร่งประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นพบว่ารถบัสคันดังกล่าวทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง และทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) ไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง รวมทั้ง 2 ประกันคุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาท

ทั้งนี้​ เบื้องต้นผู้เสียชีวิต 18 ราย จะได้รับคุ้มครองค่าเสียหายทันที รายละ 85,000 บาท จากค่าเสียหายเบื้องต้นกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 35,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุ 50,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นผู้โดยสารรถบัส 42 ราย จะได้รับสิทธิค่ารักษาเบื้องจากประกันภัย และสัญญาแนบท้ายตามจริงแต่ไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน ส่วนค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยรถยนต์นอกเหนือจากนี้ ต้องรอผลคดีจากพนักงานสอบสวน



รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า อย่างไรก็ตาม แม้ตามประกาศในประกัน พ.ร.บ.และประกันภาคสมัครใจ จะระบุว่า ผู้โดยสารที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้รับความคุ้มครองสูงสุดคนละ 5 แสนบาท รวม 2 กรมธรรม์ 1 ล้านบาท แต่ในกรณีนี้เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้ความเสียหายอาจเกินความคุ้มครองสูงสุด 10 ล้านบาทต่อครั้ง ทำให้ผู้เสียชีวิตอาจได้รับความคุ้มครองไม่ถึง 1 ล้านบาทตามที่กฎหมายกำหนด เพราะจะต้องมีการเฉลี่ยความคุ้มครองให้ผู้บาดเจ็บด้วย ส่วนกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นคนต่างด้าวจะได้รับความคุ้มครองเท่ากันกับคนไทย โดยไม่แบ่งแยกสัญชาติ


Last edited by Wisarut on 14/10/2020 12:55 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 3:05 am    Post subject: Reply with quote

เพิ่มปมมรณะ'บัส'บรรทุกคนเกิน เร่งเครื่องขึ้นเนินได้ช้า
จันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 17.00 น.

"ผู้การแปดริ้ว" สรุปสาเหตุ 6 ปมมรณะม้าเหล็กขยี้รถบัส ส่วนคดีไม่สามารถแจ้งความเอาผิดผู้ขับขี่รถบัสได้ เนื่องจากเสียชีวิตแล้ว แต่ทางแพ่งต้องเรียกร้องจากบริษัทรถบัส  ด้าน คปภ.ภาค6(ชลบุรี) เผยเงินเยียวยาสูงถึง 10 ล้านบาท เบื้องต้นจ่ายให้ญาติคนเจ็บ-ตายได้ 35,000 บาทต่อรายก่อน


เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นางสายขวัญ เกตุดำ ผู้อำนวยการภาคอาวุโส สำนักงานคปภ.ภาค 6 (ชลบุรี) แถลงเหตุการณ์รถไฟชนรถบัส บริเวณจุดตัดรถไฟ สถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา   

โดย พล.ต.ต.ชาคริต เปิดเผยว่า ข้อมูลขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย จากเดิม 18 ราย สำหรับรายที่ 19 คือ นายปัญญา สีลารัตน์ ได้เสียชีวิตที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ หลังจากได้ย้ายตัวไปรักษาที่กรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา ส่วนผู้บาดเจ็บขณะนี้ 39 ราย รักษาตัวใน รพ.พุทธโสธร รพ.บ้านโพธิ์ รพ.เกษมราษฎร์ และ รพ.คลองเขื่อน สำหรับอาการสาหัสที่อยู่ในห้องไอซียู 3 รายประกอบด้วย นายสุปัญญา สารีรัตน์, นายฤทธิ์ เวียงคำ และนายจักรพงษ์ ภูครองผา ส่วนการวิเคราะห์สาเหตุนั้นเกิดจาก 1.ผู้ขับขี่รถบัสไม่คุ้นชินเส้นทาง โดยเฉพาะจุดตัดรถไฟ 2.ในรถบัสโดยสารมีการเปิดเพลงเสียงดังซึ่งอาจทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ 3.จุดเกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นทางรถไฟ แต่มีป้ายเตือนและสัญญาณไฟชัดเจน 4.จุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นทางลาดชัน ผู้ขับขี่ต้องเร่งความเร็วเพื่อขับรถผ่าน 5.ภายในรถบัสโดยสารมีการบรรทุกผู้โดยสารมากกว่าปกติ จึงเร่งเครื่องขึ้นเนินได้ช้ากว่าปกติ และ 6.รถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วส่งผลให้ไม่สามารถหยุดรถได้ในระยะกระชั้นชิดได้ทัน 

ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวต่อว่า ส่วนในเรื่องของคดีความนั้น ผู้ขับขี่รถบัสได้เสียชีวิตไปแล้ว ในทางคดีความอาญาคงสิ้นสุดลง แต่ทางแพ่งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บยังคงเรียกร้องจากบริษัทรถบัสคันดังกล่าวได้ ส่วนเงินที่ผู้เสียชีวิตจะได้รับจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือเงินจากประกันสังคม จะได้ค่าปลงศพ จำนวน 80,000 บาท ส่วนค่ารักษาตามสิทธิประกันสังคม ในส่วนที่ 2 คือ ประกันภัยจากรถยนต์โดยสาร ที่มีประกันภัยอยู่คือประกันภัยคุ้มภัยผู้ประสบภัยจากรถ และประกันภัย ประเภทสมัครใจ คุ้มครองประเภท 3


ด้านนางสายขวัญ กล่าวว่า โดยประกันภัยประเภทสมัครใจ คุ้มครองประเภท 3 กรณีเสียชีวิตสูงสุด จะได้เงินเยียวยาจำนวน 500,000 บาทต่อราย ความคุ้มครองต่อครั้งไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง โดยมีสัญญาในการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร กรณีเสียชีวิต 50,000 บาทต่อราย โดยมีค่ารักษา 50,000 บาทต่อวัน โดยในผลคดีทาง คปภ.ยึดตามผลของตำรวจ คือรถบัสประมาท ซึ่งในกรมธรรม์ประกันภัย จะต้องมาจ่ายชดใช้ ในส่วนของ พ.ร.บ.จำนวน 500,000 บาทต่อคน ซึ่งขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตจำนวน 19 ราย รายละ 500,000 บาท ก็จะเกินจากวงเงินคุ้มครอง 10 ล้านบาท ซึ่งอาจต้องใช้หลักในการเฉลี่ยเงินกันให้ได้ทุกคนในวงเงิน 10 ล้านบาท เบื้องต้นสามารถจ่ายเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ญาติได้ 35,000 บาทก่อน..
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 11:07 am    Post subject: Reply with quote

เปิดสิทธิ! ประกันสังคมผู้ประกันตนกรณีเหตุรถไฟชนรถบัส
วันที่ 13 ตุลาคม 2563 เวลา 19:00

ประกันสังคมเผยกรณีผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุกรณีฉุกเฉิน 72 ชม. ทางประกันสังคมจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ทั้งหมด


วันที่ 13 ตุลาคม 2563 น.ส.ปาริฉัตร จันทร์อำไพ ประกันสังคมจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ค่ารักษาพยาบาลที่ผู้ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ รถไฟบรรทุกสินค้าชนเข้ากับรถบัสคณะกฐิน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บริเวณทางลักผ่านจุดตัดรถไฟ สถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา

เปิดคลิปนาที รถไฟชนรถบัส คณะสายบุญทอดกฐิน
ด่วน! รถไฟชนรถบัสทอดกฐินที่ฉะเชิงเทรา เจ็บ-ตายระนาว
รถไฟชนรถบัส ที่ฉะเชิงเทรา เบื้องต้นดับแล้ว 20

ซึ่งผู้บาดเจ็บกรณีนี้ ผู้ป่วยที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน ภายใน 72 ชั่วโมง สามารถเขารับการรักษายังสถานพยาบาลของรัฐที่ใกล้ที่สุดได้ หากเลยระยะเวลาการรักษา ภายใน 72 ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลตามบัตร ซึ่งส่วนมากผู้ป่วยจะต้องย้ายไปโรงพยาบาลสำโรงการแพยท์ จังหวัดสมุทรปราการ ตามบัตรที่ผู้ประกันตนระบุไว้ หรือถ้าผู้ป่วยยังไม่สามารถย้ายไปได้ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดทางโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยนอนพักอาศัยอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา จะประสานไปยังโรงพยาบาลสำโรงการแพยท์ เพื่อที่จะเป็นผู้แจ้งค่าใช้จ่ายให้สำนักงานประกันสังคมต่อไป

ซึ่งผู้ป่วยหากรักษาพยาบาลจนสามารถกลับบ้านได้แล้ว ตามสิทธิของกฏหมายนายจ้างคุ้มครองแรงงาน นายจ้างจำเป็นต้องจ่ายให้ลูกจ้างอีกจำนวน 30 วันในการทำงาน จากนั้นผู้ป่วยที่ประกันตนสามารถนำเอกสารใบรับรองแพทย์ มายื่นที่สำนักงานประกันสังคมได้ทุกแห่งทั่วประเทศ

หรือสามารถยืนผ่านทางช่องทางออนไลน์ ในระยะเวลา 2 ปี เพื่อขอรับเงินทดแทนรายได้จากการบาดเจ็บ 50% ของเงินสมทบที่ผู้ประกันตน ได้จ่ายให้กับทางสำนักงาน โดยสำนักงานประกันสังคมจะยึดตามใบรับรองแพทย์ กรณีให้หยุดงานกี่วัน กี่เดือน ก็จะจ่ายให้ตามจริง ตามจำนวนที่ผู้ประกันตนได้ประกันไว้



เปิดปมบุญกฐินเศร้า...รถไฟชนบัสดับ 19 เจ็บ 40
เรื่องเด่นทั่วไทย
เผยแพร่: วันที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 08:53
เปิดปม !เหตุรถไฟพุ่งชนบัสกฐิน ดับ 19 เจ็บ 40 ที่ฉะเชิงเทรา สาเหตุใหญ่ 80% จากคนขับบัสประมาท ไม่ชินทาง ซ้ำร้ายบรรทุกคนเกินขีดรับได้จาก 42 คนเป็น 70 คน ทำรถเร่งเครื่องข้ามเนินหนีขบวนรถไฟไม่ไหว ที่สำคัญจุดเกิดเหตุไม่มีที่กั้นทางรถไฟ ในรถยังเปิดเพลงดังจนคนขับไม่ได้ยินเสียงเตือน ตำรวจงัด พ.ร.บ.ขนส่งเอาผิดเจ้าของบัส จี้เยียวยาผู้สูญเสียเต็มที่
https://www.youtube.com/watch?v=xu-Y-yf05Mk

ส่ง 7 ศพผู้เสียชีวิต “รถไฟชนรถบัส”พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
เผยแพร่: วันที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 13:08
ส่งศพผู้เสียชีวิต “รถไฟชนรถบัส” 7 ราย ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 12:14 pm    Post subject: Reply with quote

อัยการแนะคดีรถไฟชนบัสกฐิน 19 ศพ ทำให้เห็นว่าควรปรับปรุง ก.ม.รถไฟใหม่
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 ตุลาคม 2563 เวลา 13:14 น.

อัยการชี้คดีรถไฟชนรถเด็กเคยมีคำพิพากษาฎีกา คดีตัวอย่างที่ รฟท.ไม่ต้องรับผิด ทั้งมี ก.ม.รองรับ แต่ในกรณีรถไฟชนบัสคณะกฐินอาจต่างออกไป แนะถึงเวลาต้องปรับปรุง ก.ม.แล้ว เพื่อให้ทันสมัย มีความชัดเจน

เมื่อวันที่ 13 ต.ค.63 นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็นข้อกฎหมาย กรณีอุบัติเหตุรถไฟชนรถบัสทอดกฐินที่ฉะเชิงเทรา ว่า

ตามที่เกิดอุบัติเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์เฉี่ยวชนรถบัสที่บรรทุกผู้โดยสารที่จะเดินทางไปทอดกฐิน ที่จุดตัดทางรถไฟบริเวณป้ายหยุดรถคลองแขวงกลั่น จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะที่ขบวนรถไฟผ่านสถานีคลองบางพระ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากนั้น ตามข้อเท็จจริงที่กระทรวงคมนาคมและการรถแห่งประเทศไทย (รฟท.) แถลงได้ความว่า บริเวณจุดตัดที่เกิดเหตุเป็นถนนเสมอระดับทางรถไฟและเป็นทางผ่านที่ยังไม่ได้รับอนุญาต (หรือที่เรียกว่าทางลักผ่าน) โดยบริเวณจุดตัดนี้ไม่มีเครื่องกั้นถนนข้ามทางรถไฟ แต่ รฟท.ได้ติดตั้งป้ายสัญญาณจราจรและสัญญาณไฟเตือนไว้เพื่อช่วยในด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และในขณะเกิดเหตุพนักงานขับรถไฟได้เปิดหวูดสัญญาณเตือนเป็นระยะ

เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เคยมีอุบัติเหตุที่มีลักษณะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกันเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552 ที่ขบวนรถไฟได้พุ่งชนรถบรรทุก 6 ล้อ รับส่งนักเรียนที่แยกหนองแสง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ทำให้เด็กนักเรียนและคนขับรถรับส่งนักเรียนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุรวม 9 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยบริเวณจุดตัดทางรถไฟที่เกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นถนนข้ามทางรถไฟ แต่ รฟท.ได้ติดตั้งป้ายสัญญาณจราจรประเภทเตือน หยุด และสัญญาณไฟเตือนไว้เพื่อช่วยในด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และในขณะเกิดเหตุพนักงานขับรถไฟได้เปิดหวูดสัญญาณเตือนเป็นระยะเช่นเดียวกับลักษณะของอุบัติเหตุในครั้งนี้


คดีอุบัติเหตุที่อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์นี้ ฝ่ายผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ยื่นฟ้อง รฟท. ต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และศาลจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 วินิจฉัยว่า จุดที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางข้ามรถไฟ อยู่ในเขตเทศบาล มีประชาชนสัญจรไปมาพลุกพล่านตลอดเวลา แต่ รฟท.กลับไม่ติดตั้งเครื่องกั้น ทั้งที่ รฟท.มีหน้าที่ดูแลกิจการด้านรถไฟของประเทศไทยทั้งด้านการจัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัย การให้บริการ และความสะดวกต่างๆ ของกิจการรถไฟ แต่กลับปล่อยปละละเลย และไม่มีพนักงานควบคุมดูแลประจำ


ศาลจังหวัดบุรีรัมย์จึงเห็นว่า รฟท.ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่ทำการติดตั้งเครื่องกั้นรถไฟ จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงดังกล่าว จึงพิพากษาให้ รฟท.รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับโจทก์ผู้เสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 14 ล้านบาท รฟท.ยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ผู้เสียหายฎีกา

ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 4070/2560 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 วินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 มาตรา 72 กำหนดว่า เมื่อทางรถไฟผ่านข้ามถนนสำคัญเสมอระดับ ให้ทำประตูหรือขึงโซ่ หรือทำราวกั้นขวางถนนหรือทางนั้นตามที่เห็นสมควร และมาตรา 73 กำหนดว่า เมื่อถนนที่ต้องผ่านข้ามไปนั้นไม่สำคัญพอถึงกับต้องทำประตูกั้นแล้ว ให้พนักงานขับรถจักรเปิดหวูดก่อนที่รถจะผ่านข้ามถนน กับให้ทำเครื่องหมายสัญญาณอย่างถาวรปักไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนบนถนนและทางนั้น

ดังนั้น หากถนนบริเวณจุดตัดกับทางรถไฟไม่ใช่ถนนสำคัญแล้ว รฟท. ก็ไม่จำเป็นต้องทำเครื่องกั้น แต่ต้องทำเครื่องหมายสัญญาณอย่างถาวรปักไว้บนถนน และทางที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ฉะนั้นถึงแม้ รฟท.จะไม่ได้ทำประตูหรือขึงโซ่ หรือทำราวกั้นขวางถนนก็ตาม แต่ รฟท.ก็ได้ทำเครื่องหมายสัญญาณอย่างถาวร คือ เสาไฟสัญญาณและป้ายที่มีคำว่าหยุด ปักไว้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนบนถนนและทางก่อนที่รถจะแล่นข้ามทางรถไฟ อีกทั้งพนักงานขับรถไฟของ รฟท. ซึ่งเป็นผู้ขับรถไฟขบวนที่เกิดเหตุก็ได้เปิดหวูดก่อนที่จะถึงจุดตัดทางรถไฟกับถนนแล้ว จึงฟังได้ว่า รฟท.ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวงฯ มาตรา 73 แล้ว


นอกจากนี้ การที่มาตรา 72 บัญญัติให้ทำประตูหรือขึงโซ่ หรือทำราวกั้นขวางถนนหรือทางตามที่เห็นสมควร และมาตรา 73 บัญญัติถึงกรณีที่ถนนที่ต้องผ่านข้ามไปนั้นไม่สำคัญพอถึงกับต้องทำประตูกั้น แสดงให้เห็นว่ากฎหมายไม่ได้บังคับให้ รฟท.ต้องทำเครื่องกั้นเสมอไป แต่ให้เป็นดุลพินิจของ รฟท. หากเห็นว่าเป็นถนนไม่สำคัญก็ไม่ต้องทำประตูหรือราวกั้น เพียงแต่ต้องปฏิบัติอย่างอื่นให้ครบถ้วนตามมาตรา 73 ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

การที่โจทก์ผู้เสียหายอ้างว่า รฟท. จะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำหรือมีเครื่องกั้นอัตโนมัติ ไม่ว่าจุดตัดนั้นจะเป็นทางสำคัญหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่บังคับให้ รฟท. จำเลย กระทำนอกเหนือไปจากบทบัญญัติของกฎหมาย พยานหลักฐานของ รฟท. จำเลย มีน้ำหนักรับฟังได้ดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ จึงรับฟังไม่ได้ว่า รฟท. กระทำประมาทเลินเล่อทำให้เกิดอุบัติเหตุในคดีนี้ พิพากษายืนยกฟ้องโจทก์

คดีอุบัติเหตุที่อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ยกมาให้ดูนี้ มีข้อสังเกตว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น ดังนั้นหากคดีอุบัติเหตุรถไฟชนรถบัสทอดกฐินที่จังหวัดฉะเชิงเทรานี้ขึ้นสู่การพิจารณาคดีในศาล ผลของคดีก็อาจจะแตกต่างไปจากที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคดีรถไฟชนรถรับส่งนักเรียนที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้

ในท้ายที่สุดนี้ ถึงแม้คดีรถไฟชนรถรับส่งนักเรียนที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศาลฎีกาจะพิพากษาว่า ฝ่าย รฟท.ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ แต่หากพิจารณาถึง พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวงฯ มาตรา 72 และมาตรา 73 ที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะเห็นได้ถึงบทบัญญัติของกฎหมายที่สุ่มเสี่ยงจะกระทบกับความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะบทบัญญัติที่ให้อำนาจ รฟท.เป็นผู้มีอำนาจใช้ดุลพินิจพิจารณาได้เองตามที่เห็นสมควรโดยลำพังว่า ถนนที่ต้องผ่านข้ามไปนั้นมีความสำคัญเพียงพอที่จะต้องทำเครื่องกั้นหรือไม่


นอกจากนี้ บทบัญญัติตามมาตรา 72 และ มาตรา 73 ของ พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 ดังกล่าว ประกอบกับ พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 มาตรา 16 และมาตรา 17 ได้ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2464 นับจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาร่วม 99 ปีแล้ว ทำให้กฎหมายในส่วนนี้ล้าสมัย ไม่เหมาะสม และขาดหลักเกณฑ์การบังคับใช้กฎหมายที่แน่นอนชัดเจน จนอาจจะทำให้กล่าวถึง พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวงฯ ได้ว่า เป็นกฎหมายโบราณนานนมที่ยิ่งกว่าชราภาพเสียอีก ซึ่งหน่วยงานและผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันพิจารณาถึงแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวงฯ ในส่วนที่ยังคงใช้บังคับอยู่ โดยเฉพาะมาตรา 72 และมาตรา 73 ให้มีความเหมาะสม มีหลักเกณฑ์การบังคับใช้กฎหมายที่ชัดเจน ทันสมัย และมีความปลอดภัยต่อประชาชนต่อไป.


Last edited by Wisarut on 14/10/2020 5:30 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 12:16 pm    Post subject: Reply with quote

ญาติคนงานเมียนมารับ 6 ศพ รถไฟชนบัสคณะกฐิน ช็อกบอกไปทำบุญแต่กลับเสียชีวิต
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 ตุลาคม 2563 เวลา 13:30 น.

ญาติชาวเมียนมาเหยื่อรถไฟชนรถบัสคณะกฐิน 19 ศพ ทยอยติดต่อรับ 6 ศพที่นิติเวช รพ.ตำรวจ วันนี้ เผยรู้สึกช็อกหลังรู้ข่าว ไม่คาดคิดหลานสาวกับแฟนหนุ่มตั้งใจไปทำบุญ แต่กลับบาดเจ็บและเสียชีวิต



เมื่อวันที่ 13 ต.ค.63 ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ นายเมียน นาย ชาวเมียนมา เดินทางมาเพื่อติดต่อขอรับศพนาย “นาย” ชาวเมียนมา อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นหลานเขยที่เสียชีวิตจากการเหตุการณ์รถไฟชนรถบัสคณะกฐิน บริเวณสถานีคลองแขวงกลั่น อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ บาดเจ็บ 42 คน

นายเมียน นาย กล่าวว่า หลานเขยเข้ามาทำงานที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการกับแฟนสาวที่เป็นหลานแท้ๆ ของตัวเองหลายปีแล้ว วันเกิดเหตุส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าทั้ง 2 คนเดินทางไปทำบุญแล้วประสบอุบัติเหตุกระทั่งมีญาติโทรศัพท์มาบอก ตอนนั้นยังคิดว่าหลานสาวและหลายเขยได้รับบาดเจ็บเพียงเท่านั้น แต่เมื่อมารู้ว่าหลานเขยเสียชีวิต ก็รู้สึกช็อคพูดอะไรไม่ออก

ส่วนหลานสาว ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ เพราะเมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มเสียชีวิตก็ร้องไห้ตลอดเวลา ไม่ยอมรับประทานอาหาร


สำหรับศพของนาย “นาย” ญาติคาดว่าน่าจะยังไม่สามารถดำเนินการรับศพได้ภายในวันนี้ เพราะต้องยืนยันตัวบุคคลก่อน เนื่องจากมีการเปลี่ยนชื่อ และไม่พบหนังสือเดินทางในที่เกิดเหตุ โดยอยู่ระหว่างการประสานกับแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเพื่อขอดูศพ และแจ้งยืนยันไปยังญาติผู้เสียชีวิตโดยตรง เพื่อให้ประสานสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ในการดำเนินการขอรับศพตามขั้นตอน ส่วนหลังจากรับศพแล้วก็จะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดด่านสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ ตามที่ทางโรงงานได้อำนวยความสะดวกให้

ขณะที่เรื่องการช่วยเหลือเยียวยา นายเมียน นาย น้าเขยของผู้เสียชีวิต บอกว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ทราบเพียงว่า ทางโรงงานและประกันภัยรถยนต์จะมีการจ่ายเงินเยียวยาประมาณ 5 แสนกว่าบาท สำหรับตัวเองคิดว่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่ก็มองว่าเงินจำนวนเท่าใดก็ไม่สามารถทดแทนการสูญเสียในครั้งนี้ได้ นอกจากนี้ยังฝากถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ยกระดับด้านความปลอดภัย เพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้ ส่วนนึงมาจากไม่มีไม้กั้นราง ซึ่งก็เคยมีบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า จะมีครอบครัวและญาติทยอยเข้ามารับศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ศพ ที่เป็นชาวเมียนมา ทั้งหมดในวันนี้.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 12:18 pm    Post subject: Reply with quote

ชาวบ้านแขวงกลั่นเตรียมทำบุญใหญ่ให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุรถไฟชนบัสบุญกฐิน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 13 ตุลาคม 2563 เวลา 12:03



ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านแขวงกลั่น เตรียมทำบุญใหญ่ให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุรถไฟชนบัสบุญกฐิน หลังคณะทำบุญมาไม่ถึงวัด ขณะที่ในวันนี้ยังคงมีบรรดาญาติๆ ทยอยเดินทางทำพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน ท่ามกลางสภาพภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป

จากเหตุการณ์รถไฟบรรทุกตู้สินค้าพุ่งชนรถบัสทอดกฐินสามัคคี บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ม.7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 40 ราย เสียชีวิต 19 ราย ซึ่ง 1 ในนั้นคือ นายบุญส่ง สวนยิ้ม อายุ 54 ปี คนขับรถบัส นำพนักงานบริษัทเอกชนใน จ.สมุทรปราการกว่า 60 ชีวิต เดินทางมาทำบุญที่วัดบางปลานัก ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่หากจากจุดเกิดเหตุเพียง 4 กิโลเมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

วันนี้ (13 ต.ค.) นายสันต์ เกษมสุข อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.บางเตย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการวัดบางปลานัก วัดที่คณะทำบุญกฐินตั้งใจที่จะเดินทางนำปัจจัยเข้าร่วมทำบุญ ได้เตรียมที่จะจัดทำบุญเลี้ยงพระและทอดผ้าบังสุกุลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 16 ต.ค.นี้ โดยมี พระครูสมุห์สมนึก ชุติวรรณโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางปลานัก ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาสที่ชราภาพเป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ขณะที่บรรยากาศบริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น จุดเกิดเหตุโศกนาฏกรรม 19 ศพ ในวันนี้ยังคงมีบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตทยอยเดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณเพื่อพากลับบ้าน ท่ามกลางความเศร้าโศก



ส่วนบริเวณโดยรอบพื้นที่ในวันนี้พบว่าสภาพแวดล้อมได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะสิ่งกีดขวางบดบังสายตาทั้งต้นไม้ รั้วเหล็กแผงกั้นแนวเขตรถไฟได้ถูกรื้อออกไปเป็นจำนวนมาก จนสามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ยาวไกลจนสุดสายตาไร้หญ้าขึ้นปกคลุมเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร

และยังคงมีขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าวิ่งผ่านตามปกติท่ามกลางบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตที่พากันมาประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณบริเวณริมขอบราง

เช่นเดียวกับขบวนรถไฟโดยสารที่ยังเข้าจอดเทียบชานชาลาบริเวณสถานีหยุดรถ เพื่อให้บริการประชาชนตามปกติ แต่พบว่ามีหลายขบวนที่ไม่มีผู้โดยสารขึ้นลงบริเวณจุดดังกล่าว

ทำบุญ 19 ศพวิญญาณกฐิน วัดที่ขบวนไปทอดจัดการให้ทุกอย่าง
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
14 ตุลาคม 2563 เวลา 05:21 น.

นายอำเภอสั่งการผู้ใหญ่บ้านนำป้ายสัญญาณไฟหยุดตรวจติดตั้งบริเวณจุดตัดทางรถไฟสถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น จุดเกิดเหตุรถไฟชนรถบัสทัวร์บุญ รฟท.จัดเจ้าหน้าที่ 2 นายคอยยืนโบกแจ้งเตือนรถที่ใช้เส้นทางป้องกันอุบัติเหตุสลดเป็นการเฉพาะหน้า ขณะที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางปลานักเตรียมจัดทำบุญใหญ่อุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต ด้านพ่อแม่ดีเจบนรถบัสร่ำไห้ระหว่างทำพิธีเชิญวิญญาณ ครวญสูญเสียเสาหลักของครอบครัว วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยา


จากอุบัติเหตุสยองรถบัสนิสสันสีขาว ทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา พาพนักงานโรงงานย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ ไปทอดกฐินสามัคคีที่วัดบางปลานัก อ.เมืองฉะเชิงเทรา ถูกขบวนรถไฟ 852 ดีเซล เลขที่ 5102 บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 30 ตู้ ชนเต็มแรงขณะรถบัสมรณะเร่งเครื่องข้ามจุดตัดรถไฟ สถานีชุมทางคลองแขวงกลั่น หมู่ 7 ต.บางเตย อ.เมือง ฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ บาดเจ็บ 41 คน เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา กระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งหาทาง แก้ปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟ ส่วนญาติทยอย ทำพิธีเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตกลับบ้านตามความเชื่อ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.30 น. วัน 13 ต.ค. บริเวณจุดตัดทางรถไฟคลองแขวงกลั่น หมู่ 7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา ที่เกิดเหตุรถไฟชนรถบัสทัวร์บุญ นายทวีป ตรุสมุล อายุ 58 ปี และนางสุดท้าย ตรุสมุล อายุ 54 ปี พ่อแม่ของนายปัญจพล ตรุสมุล อายุ 27 ปี ดีเจที่มากับรถบัสมรณะ นิมนต์พระบุญส่ง จันทิโม หรือหลวงปู่อี๊ด วัดเทพประสาท (วัดเตาถ่าน) จ.ชลบุรี มาทำพิธีเชิญวิญญาณนายปัญจพลกลับบ้าน บรรยากาศเศร้าสลด นางสุดท้ายร่ำไห้ตลอดเวลา เผยว่า ลูกชายจะบวชให้เดือนพฤษภาคมปีหน้าเพื่อทดแทนบุญคุณ แต่ต้องมาจบชีวิตเสียก่อน ส่วนนายทวีป กล่าวว่า หลังเกิดเหตุยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากทางหน่วยงานไหนเลย มีเพียงประกันภัยของรถบัสที่โทร. คุยด้วย ซึ่งนายปัญจพลเป็นเสาหลักของบ้าน พอขาดไป ครอบครัวไม่มีรายได้ อยากเร่งให้เข้ามาช่วยเหลือ

ขณะเดียวกันนายมนัส ริมสา อายุ 58 ปี และนางวันเพ็ญ เทพสุระ อายุ 45 ปี ตากับยายของ น.ส.พวงพะยอม คานแก้ว อายุ 33 ปี ผู้เสียชีวิต มาทำพิธี เชิญวิญญาณหลานสาวกลับบ้านที่ จ.มหาสารคาม เพราะทางพ่อกับแม่ของ น.ส.พวงพะยอม ช็อกหมดสติ อยู่โรงพยาบาลหลังทราบเหตุร้าย โดยมีคนขี่รถ จยย.รับจ้างช่วยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดจรเข้น้อยมาทำพิธีโดยไม่ขอรับเงินจากทางญาติแม้แต่บาทเดียว ต่อมา นายสมโภชน์ ถินถาวร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.บางเตย นำป้ายสัญญาณไฟหยุดตรวจมาติดตั้ง บริเวณทางขึ้นข้ามทางรถไฟ ตามคำสั่งนายประเทือง อยู่เกษม นายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำจุดเชื่อมไฟฟ้าแล้วจะนำป้ายมาติดตั้ง โดยทางการรถไฟจัดพนักงานมาคอยยืนโบกรถที่สัญจรผ่านข้ามทางรถไฟเพื่อแจ้งเตือนผู้สัญจรผ่านจุดตัดทางรถไฟดังกล่าว


ด้านพระครูสมุห์สมนึก ชุติวณฺโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางปลานัก เปิดเผยว่า ทางวัดกำลังเตรียมงานทำบุญใหญ่เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์รถไฟชนรถบัส ในวันที่ 16 ต.ค. โดยนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 9 รูปจากวัดบางปลานัก และวัดหนามแดง สวดพุทธมนต์แผ่เมตตาบังสุกุล ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เพื่อให้ดวงวิญญาณที่เสียชีวิต ณ จุดนี้ได้รับผลบุญผลกุศล อยากเชิญชวนญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านในพื้นที่ร่วมงาน ส่วนยอดเงินกฐินสามัคคี ผู้มีจิตศรัทธาจากคณะกฐินที่ประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้ได้รวบรวมนำมาถวายวัดตามที่ตั้งใจของคณะกฐินแล้วยอดทั้งสิ้น 30,381 บาท ทางวัดจะนำไปบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานตามความตั้งใจของคณะกฐิน ปี 2563

ด้าน ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ มนัสชัย รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เจ้าของคดี เปิดเผยว่า นายวีระวัฒน์ วรวงศ์ พนักงานขับรถไฟคนที่ 1 และนายวันชนะ ฟักถาวร พนักงานขับรถไฟคนที่ 2 ได้เข้ามาให้ปากคำกันแล้ว โดยนายวีระวัฒน์ให้การว่า ขับรถไฟบรรทุก ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าเป็นปุ๋ยเม็ดมาจากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ไปส่งที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เมื่อมาถึงสถานีคลองบางพระ นายสถานีได้ให้สัญญาณผ่าน กระทั่งใกล้เคียงกับสถานีคลองแขวงกลั่น ทราบว่าเป็นทางลักผ่านก็ได้ชะลอความเร็วแล้ว จนห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร เห็นรถบัสโดยสารกำลังจะข้ามผ่าน จึงเปิดสัญญาณไฟพร้อมเปิดหวูดเตือน แต่รถบัสยังวิ่งข้ามมา นายวีระวัฒน์ใช้เบรกฉุกเฉินเพื่อชะลอรถ แต่รถไฟขบวนนี้บรรทุกสินค้ากว่า 60 ตู้ มีน้ำหนักมาก ต้องใช้ระยะทางในการเบรกประมาณ 700 เมตร ทำให้ไม่สามารถเบรกได้ทัน พร้อมยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการของการเดินรถไฟแล้ว

โซเชียลฯ ร่วมอนุโมทนาบุญ ยอดเงินกฐินจากที่เกิดเหตุรถไฟชนรถบัส 1,830 บาท
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 14 ตุลาคม 2563 เวลา 12:40



โซเชียลฯ แห่แชร์สรุปยอดเงินกฐินที่ชาวบ้านช่วยกันเก็บ จากที่ตกหล่นเกลื่อนที่เกิดเหตุรถไฟชนรถบัสได้ เป็นเงิน 1,830 บาท พร้อมเผยมีการถวายเงินทำบุญสมทบเพิ่มอีกรวมเป็นทั้งหมด 30,381 บาทด้วยกัน

จากกรณีอุบัติเหตุรถไฟบรรทุกสินค้าขบวนที่ 5102 ชนรถโดยสารไม่ประจำทางคันหมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดบริเวณจุดตัดทางข้ามรถไฟสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น อำเภอเมืองฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. เพจ “คนข่าวบางปะกง” ได้โพสต์เผยยอดเงินกฐินของรถบัสทัวร์กฐิน โดยระบุว่าชาวบ้านและคนจากวัดได้ช่วยกันเดินเก็บเงินกฐินที่ตกหล่นเกลื่อนที่เกิดเหตุ ได้ 1,830 บาท และได้นำไปถวายที่วัดได้ยอดทั้งหมดรวมทั้งยังมีเงินจากส่วนอื่น ถวายเงินทำบุญสมทบเพิ่มอีกด้วย รวมแล้วได้ยอดเงินทำบุญจากรถบัสทัวร์กฐินได้ทั้งหมด 30,381 บาทด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตและต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมอนุโทนาบุญดังกล่าว โดยโพสต์มียอดกดไลก์กว่า 13,000 ครั้ง และแชร์ไปกว่า 500 ครั้งด้วยกัน
https://www.facebook.com/166153247087049/posts/1277570659278630/?extid=0&d=n


Last edited by Wisarut on 14/10/2020 11:53 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 14/10/2020 11:35 pm    Post subject: Reply with quote

หลอนติดตา! หนุ่มรอดชีวิตทัวร์กฐินถึงขั้นจิตกระเจิง ญาติทำพิธีเรียกขวัญกลับตามความเชื่อชาวอีสาน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 14 ตุลาคม 2563 เวลา 08:26

ฉะเชิงเทรา - หลอนติดตา! หนุ่มร้อยเอ็ดรอดชีวิตทัวร์กฐินถึงขั้นจิตกระเจิง ญาติต้องทำพิธีเรียกขวัญกลับบ้านตามความเชื่อชาวอีสาน เผยมีอาการคล้ายคนจิตหลอนจากภาพติดตา กินไม่ได้นอนไม่หลับ เชื่อหลังทำพิธีบายสีกอบขวัญอาการน่าจะดีขึ้น

วานนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมพร ไชยเดือน อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นปู่ของ นายธีรยุทธ สุขสายบัว อายุ 21 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ที่รอดชีวิตจากเหตุขบวนรถไฟบรรทุกตู้สินค้าพุ่งชนบัสกฐินพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ แต่เกิดอุบัติเหตุใหญ่ก่อนเดินทางถึงวัดบางปลานัก จ.ฉะเชิงเทรา ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 4 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บ 40 ราย ว่า หลานชายได้ทำงานในโรงงานดังกล่าวพร้อมกับคนครอบครัว

โดยในวันเกิดเหตุหลานชายได้เดินทางมาทำบุญร่วมกับคณะทัวร์กฐินดังกล่าว แต่โชคดีที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ และมีเพียงแค่อาการปวดเมื่อยตามร่างกายเท่านั้น ไม่มีบาดแผลและหลังเกิดเหตุได้กลับไปนอนพักรักษาตัวที่บ้าน



“หลานชายเล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุเขาได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และยังได้ช่วยนำผู้ที่ยังติดอยู่ภายในซากรถให้ออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่หลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตจนถึงวันนี้ หลานชายยังอยู่ในอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ และมีลักษณะคล้ายคนที่มีภาพหลอนติดตาอยู่ตลอดเวลา”

นายสมชาย ยังบอกอีกว่า ในวันนี้ตนเองและครอบครัวจึงตัดสินใจเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อทำพิธีเรียกขวัญหลานกลับบ้าน เพราะเชื่อว่าขวัญของหลานชายได้หนีกระเจิงออกไปจึงต้องมาช่วยกันไล่ขวัญที่กระเจิงให้กลับเข้ามาสู่ห่อผ้า โดยมีญาติผู้ใหญ่ช่วยกันกวาดต้อนขวัญพากลับบ้าน

โดยพิธีดังกล่าวเป็นไปตามความเชื่อของคนอีสาน และผู้ที่มาทำพิธีกอบขวัญกลับบ้านคือ นางสังข์วาลย์ ไชยเดือน อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นย่าของแฟนหลานชายที่ยังอยู่ในอาการจิตหลอนหลังรอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> อุบัติเหตุเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5  Next
Page 3 of 5

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©