ส่วนต่อขยายบีทีเอสที่ กทม. จะทำ

Wisarut · Posted: 14/02/2007 9:57 am Post subject:

กทม.เตรียมลดจำนวนสถานีรถบีอาร์ที
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 กุมภาพันธ์ 2550 16:28 น.

กทม.เตรียมลดจำนวนสถานีรถบีอาร์ทีลง เพื่อเลี่ยงผลกระทบจราจรติดขัดบนถนนสีลมและสาธร แต่จะเพิ่ม Sky Walk เชื่อมต่อกับ BTS ขณะที่ระบบอาณัติสัญญาณของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า 2.2 กม.อาจใช้อัลคาเทลเหมือนBTSC

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ของ กทม.ว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กทม.ได้ลงนามว่าจ้างบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในเส้นทางนำร่องสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจของบริษัทผู้รับเหมา ซึ่งเบื้องต้นจะให้พิจารณาสภาพจราจรรอบบริเวณว่าจะปรับลดจำนวนสถานีจาก 13 สถานี ให้เหลือ 12 สถานีได้หรือไม่

เนื่องจากผังสถานีเดิมอาจกระทบกับการจราจรในช่วงถนนสาธรและสีลมมากขึ้น ซึ่งหากพิจารณาแล้วต้องปรับลดก็จะให้เริ่มดำเนินการก่อสร้างสถานีทันที พร้อมให้ทำ Kky Walk เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีลมด้วย นอกจากนี้ ได้ให้สำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) ไปพิจารณาศึกษารายละเอียดเส้นทางบีอารีทสายใหม่ ก่อนเสนอให้รัฐบาลพิจารณา คือ

สายดอนเมือง –มีนบุรี-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 38 กม.งบประมาณ 4,531 ล้านบาท มีแผนจะดำเนินการปี 2550-2551 เพื่อรองรับปริมาณประชาชนที่จะสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวหากรัฐบาลจะให้กลับมาใช้สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่เพื่อศึกษาโครงการด้วยตนเองอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนที่ผู้รับเหมาจะได้ข้อสรุปและลงมือก่อสร้าง ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า รถบีอาร์ทีจะช่วยรถอุบัติเหตุบรท้องถนนได้อีกด้วย

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีลมระยะทาง 2.2 กิโลเมตรจากสถานีตากสิน-แยกตากสิน คาดว่า โครงสร้างต่างๆ จะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ระบบอาณัติสัญญาณที่จะใช้สำหรับส่วนต่อขยาย 2.2 กม.นี้มีแน้วโน้มที่จะใช้ของ บ.อัลคาเทล เนื่องจากทางบริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือBTSC ได้เซ็นสัญญาเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาใหม่จาก Fix Blog มาเป็นMoving Blog โดยใช้ระบบใหม่จากอัลคาเทลฯ ซึ่งหาก กทม.ใช้ของอัลคาเทลเช่นกันก็จะทำให้การเชื่อมโยงระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการเดินรถ

Wisarut · Posted: 14/02/2007 11:32 am Post subject:

ทุ่ม 300 ล.ทำทางเชื่อมยุบสถานีบีอาร์ทีสุรวงศ์
Dailynews - Feb 14, 2007

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสัญจรว่า สจส.ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถเมล์ด่วนบีอาร์ที เส้นทางนำร่องสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ (สุรวงศ์-ราช พฤกษ์) ระยะทาง 16.5 กม. จำนวน 13 สถานี มูลค่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งกทม.ได้เซ็นสัญญาบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินการสร้างงานโยธา ด้วยงบประมาณ 661.21 ล้านบาท โดยจะเริ่มลงพื้นที่รื้อย้ายสาธารณูปโภคในเดือน มี.ค. จากนั้นจะสร้างสถานีและกั้นช่องทางวิ่งแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ย. โดยบริษัท พีซีไอ ไทยแลนด์ จำกัด ที่ปรึกษาโครงการได้ทำการศึกษาเส้นทางดังกล่าวเพิ่มเติมและเสนอให้ กทม.ลดจำนวนสถานีที่ 1 คือสถานีสุรวงศ์ เพื่อลดกระแสตัดการจราจร ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ต้องผ่าน 4 แยกสีลมและสาทร โดยจะเลื่อนสถานที่ 2 ช่องนนทรีที่อยู่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรี ข้าม 4 แยกสาทรไป 300 เมตร เพื่อก่อสร้างสถานีที่ 1 แทน พร้อมกันนั้น กทม.จะทำทางเดินเชื่อมสถานี (Sky walk) ระหว่างสถานีของบีอาร์ทีเพื่อป้อนผู้โดยสารต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีช่องนนทรี ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท ในระหว่างที่กทม.ดำเนินการก่อสร้างงานโยธา บริษัท กรุงเทพ ธนาคม วิสาหกิจของกทม.จะเร่งสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน เร่งเห็นข้อดีในการใช้ระบบขนส่งด้วยระบบรถเมล์ด่วนบีอาร์ที ซึ่งจะให้ความสะดวก รวดเร็วและกำหนดเวลาในการเดินทางโดย 12 สถานี ระยะทาง 16.5 กม. จะใช้เวลาเดินทาง 28-35 นาที ตามมาตรฐานเช่นเดียวกับรถไฟฟ้า ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้ สจส.ศึกษาโครงการรถเมล์ด่วนบีอาร์ทีเส้นทางสายดอนเมือง-มีนบุรี-สนามบินสุวรรณภูมิระยะทาง 38 กม.มูลค่า 4,531 ล้านบาท เพื่อรองรับประชาชนหลังจากที่ครม.มีมติให้กลับมาใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพ อีกครั้ง

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า การยกเลิกสถานีที่ 1 สุรวงศ์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเพราะจากการศึกษาพบว่าบริเวณดังกล่าวจะมีผู้ใช้บริการเพียง 1,000 คนต่อวัน แตกต่างจากสถานีที่ 2 ช่องนนทรี เมื่อเลื่อนไปที่บริเวณดังกล่าวจะสามารถรองรับประชาชนได้ถึงวันละ 7,000 คน ส่วนการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงเอ็นจีวีจำนวน 35-40 คัน มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาทสามารถประกวดราคาได้ในเดือนมี.ค.นี้ และรถจะเข้ามาในประเทศไทยประมาณเดือน ต.ค.เพื่อทดลองระบบ ขณะเดียวกัน กทม.เตรียมร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ระบบอาณัติสัญญาณมูลค่า 300 ล้านบาท และระบบตั๋ว 200 ล้านบาทของโครงการดังกล่าวควบคู่กันไป เพื่อให้พร้อมเปิดให้บริการประชาชนได้ภายในต้นปี 2551.

Wisarut · Posted: 15/02/2007 3:50 pm Post subject:

ปิดถ.กรุงธนบุรี-สะพานสาทร ก่อสร้างรถไฟฟ้า BTS 5 ทุ่มเสาร์นี้
เนชั่นทันข่าว 14:37 น.

พ.ต.ต.อาสา เก่งพฤทธิ์ สารวัตรจราจร สน.สำเหร่ เปิดเผยว่า กทม. ตำรวจ และ บริษัท ซิโนไทย แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้ประชุมหารือกันถึงเรื่องการปิดการจราจร เพื่อติดตั้งคานสะพานลอย และเทคอนกรีตในโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยาย ช่วงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จากสถานีสะพานตากสิน – ถ.ตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้งานก่อสร้างเกือบจะแล้วเสร็จ เหลือเพียงการนำชิ้นส่วนขนาดใหญ่ ซึ่งหล่อสำเร็จรูปมาจาก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาติดตั้ง เพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงมีความจำเป็นจะต้องปิดถนน ในวันที่ 17 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึง 04.00 น. เช้าวันที่ 18 ก.พ. ในเส้นทางจากฝั่งธนบุรี จะข้ามไปถนนสาทรเหนือ รวม 2 จุด

ดังนี้ 1. ปิดถนนกรุงธนบุรี บริเวณสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ เพื่อยกคานสะพานลอย ความยาวกว่า 20 เมตร โดยการทำงานจะต้องใช้รถเครนจอดบนถนน เพื่อยกคานขึ้นไปติดตั้ง ซึ่งระหว่างการเตรียมพื้นที่ จะเปิดให้รถวิ่งได้เฉพาะช่องขวาสุดใต้สถานีเพียง 1 ช่อง แต่ขณะที่มีการยกคานสะพานลอย จะปิดถนนทุกช่องทาง ทำให้รถไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ โดยการทำงานจะสลับเปิดให้รถผ่านได้ 1 ช่อง และปิดทุกช่องทางสลับกันไป เนื่องจากจะต้องยกคานมากถึง 5 ตัว

ส่วนการปิดในจุดที่ 2 จะเปิดการจราจรบนสะพานสาทร ในเส้นทางจากฝั่งธนบุรี มุ่งหน้าถนนสาทร เช่นเดียวกัน เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนงานเทปูนซีเมนต์ลงบนรางรถไฟฟ้าบริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งการทำงานครั้งนี้จำเป็นจะต้องใช้ผิวการจราจรมากถึง 2 ช่องจราจร เพราะต้องกันไว้ให้รถขนปูนซีเมนต์จำนวนหนึ่งจอดทำงาน ทำให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่องเท่านั้นที่จะผ่านไปได้ ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้ขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์บริเวณถนนเจริญนคร ถนนกรุงธนบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ให้ประชาชนทราบแล้ว

พ.ต.ต.อาสา ยังฝากผู้ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งโชเฟอร์แท็กซี่ ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว เพราะช่องจราจรจะเหลือให้วิ่งเพียง 1 ช่อง และหากผ่านมาในขณะที่มีการยกคานบริเวณสถานีวงเวียนใหญ่พอดี จะต้องติดขัดหยุดนิ่งนานครั้งละ 30 นาที แต่หากมีความจำเป็นจะต้องใช้เส้นทางข้ามไปมาระหว่างฝั่งธนบุรีและกรุงเทพฯ ก็ขอให้เปลี่ยนไปใช้สะพานพระราม 3 สะพานพุทธ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จะสะดวกกว่า

ด้านนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางดังกล่าว แล้วเสร็จร้อยละ 85 ขณะนี้เหลือเพียงการติดตั้งอุปกรณ์ขนาดใหญ่ และเก็บรายละเอียดทั้งหมด เช่น ระบบไฟฟ้า ห้องจำหน่ายตั๋ว คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน เม.ย. 2550 แต่จะเหลืองานที่จะต้องทำต่อไปอีก 1 สัญญา คือ การจ้างบริษัทเอกชนมาวางระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 12 เดือน จึงจะสามารถเปิดให้บริการได้

Wisarut · Posted: 16/02/2007 10:15 am Post subject:

คืนพรุ่งนี้ปิดถนนกรุงธนบุรี-สะพานสารทร
ยกคานรถไฟฟ้า กทม.แนะเลี่ยงเส้นทาง
Dailynews - Feb 16, 2007

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า บริษัทซิโนไทยซึ่งเป็นผู้รับเหมา ก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จากสาทร-ตากสิน ระยะทาง 2.2 กม. จำเป็นต้องปิดถนนกรุงธนบุรีและสะพานสาทรในวันที่ 17 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 23.00-04.00 น. มีรายละเอียดดังนี้

1. ปิดถนนกรุงธนบุรีบริเวณสถานีวงเวียนใหญ่ (S8) จะทำให้ถนนกรุงธนบุรีจากฝั่งธนมุ่งหน้าถนนสาทรที่มี 6 ช่องจราจร วิ่งได้เพียง 1 ช่องจราจร เนื่องจากจะต้องใช้พื้นที่จอดรถเครนขนาดใหญ่เพื่อยกคานสะพานลอยที่ทำจากคอนกรีตความยาว 26 เมตร มีน้ำหนัก 40 ตันไปวางพาดระหว่างสถานี กับเสาสะพานลอยที่ก่อสร้างเพื่อรองรับไว้แล้ว ซึ่งการยกคานในวันดังกล่าวจะทำทั้งหมด 5 จุด และในช่วงที่มีการยกคานตำรวจจะปิดช่องจราจรทุกช่องทางทำให้รถไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ แต่ในช่วงที่มีการเตรียมพื้นที่ทำงานจะเปิดให้รถจากทั้งหมด 6 ช่องวิ่งได้เพียง 1 ช่องทาง

นายพนิช กล่าวต่อว่า
2. ปิดสะพานสาทรจากฝั่งธนมุ่งหน้าถนนสาทร ซึ่งจะทำให้ช่องจราจรช่วงเชิงสะพานทางขึ้น-กลางสะพาน จาก 3 ช่อง เหลือเพียง 1 ช่องจราจร เพื่อใช้พื้นที่จอดรถโม่ปูนและรถปั๊มปูนลำเลียงปูนซีเมนต์ลงไปยังทางวิ่งรถไฟฟ้ากลางแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อใช้หุ้มหมอนคอนกรีตซึ่งวางไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การทำงานในจุดที่ 1 และ 2 มีระยะทางห่างกันราว 1 กม.

จึงอยากจะฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนงดใช้เส้นทางถนนกรุงธนบุรีและสะพานสาทรในวันและเวลาดังกล่าว เนื่องจากจะเหลือช่องจราจรให้ใช้ได้เพียง 1 ช่องเท่านั้น แต่หากมีความจำเป็นต้องเดินทางข้ามไปมาระหว่าง 2 ฝั่งก็ขอให้ไปใช้สะพานพระราม 3 สะพานกรุงเทพ และสะพานพุทธแทนจะได้รับความสะดวกมากกว่า.

Wisarut · Posted: 19/02/2007 10:19 am Post subject:

รถไฟฟ้าสุดอั้น ขึ้นราคา1มี.ค.นี้ คนกรุงเตรียมควักเงินเพิ่ม5บาท
มติชน - 19 กุมภาพันธ์ 2550

กทม.จนแต้มบีทีเอส ยอมให้ขึ้นค่าโดยสารอีก 5 บาท "พนิช"เตรียมเดินหน้าเจรจาขอปรับค่าโดยสารใหม่ทั้งระบบ หลังสร้างส่วนต่อขยาย 3 สายเสร็จ ป้อนผู้โดยสารเข้าระบบเพิ่มอีกวันละหลายแสนคน

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ จะเข้าพบผู้บริหารบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อหารือเรื่องโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 3 สายที่ กทม.อยู่ระหว่างก่อสร้างโดยใช้งบฯ กทม. 100% รวมระยะทาง 13.15 กิโลเมตร ได้แก่ ช่วงสะพานตากสิน-แยกตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ช่วงแยกตากสิน-บางหว้า (เพชรเกษม) ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร และช่วงอ่อนนุช-บางนา (ซอยสุขุมวิท 107) ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร ทั้งหมดจะต่อขยายจากโครงการรถไฟฟ้าส่วนแรกระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ที่บีทีเอสลงทุนเอง 100% เมื่อส่วนต่อขยายเสร็จทั้งหมดจะช่วยเพิ่มปริมาณให้โครงการส่วนแรกวันละหลายแสนคน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหารือเรื่องการบริหารระบบและอัตราค่าโดยสารใหม่ เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคต

"การเจรจาเรื่องดังกล่าวคงไม่จบในวันเดียว ต้องใช้เวลานาน โดยเฉพาะเรื่องอัตราค่าโดยสารเพื่อต้องพิจารณาภาพรวมใหม่ทั้งหมด ซึ่งในระดับผู้บริหารต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันก่อน หากมีความเห็นตรงกันในการเจรจาจะได้เริ่มหารือตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนที่บีทีเอสซีเตรียมปรับขึ้นค่าโดยสารโครงการส่วนแรกเพิ่มขึ้นอีก 5 บาท เป็น 15-40 บาท ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มีนาคมนี้นั้น กทม.คงยับยั้งอะไรไม่ได้ เพราะเป็นไปตามเพดานที่เคยทำสัญญาไว้ต่อกัน และบริษัทก็จัดโปรโมชั่นขยายเวลาปรับราคาไปแล้ว 3 เดือน สิ่งที่จะทำได้ต้องเจรจาโครงการที่ยังไม่เปิดบริการ ส่วนว่าจะเก็บ 15 บาทตลอดสายได้ตามที่อดีตรัฐบาลชุดก่อนเคยหาเสียงไว้หรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้ ต้องเจรจากันก่อน" รองผู้ว่าฯกทม.กล่าว

นายพนิชกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการเดินรถไฟฟ้าสายจากสะพานตากสิน-แยกตากสิน ซึ่งการก่อสร้างสถานีและงานวางรางรถไฟฟ้าจะแล้วเสร็จภายในเมษายนนี้ และ กทม.วางแผนทดลองระบบเดินรถให้ปลายปีนี้นั้น กทม.ต้องรอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความสถานะของบริษัทกรุงเทพธนาคม และการตีความเรื่อง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯก่อนว่าโครงการนี้เข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งหากว่าจะต้องเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯก็จะไม่มีปัญหา เพราะได้เตรียมพร้อมหมดแล้ว เหลือแค่การนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบและเข้ากระบวนการร่วมทุนเท่านั้น ซึ่งหากต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนจริงก็จะดำเนินการเพื่อเปิดให้บริการได้อย่างช้ากลางปี 2551

Wisarut · Posted: 19/02/2007 10:21 am Post subject:

เมื่อวันอาทิตย์ ผมก็ออกไปถ่ายรูปสถานีเจริญนครและ สถานีวงเวียนใหญ่แล้ว ... จนกระทั่งมีคนงาน มาสะกิด ว่า งดถ่าย

มาดูข่าวต่อดีกว่า
// ---------------------------------------------------------
รถไฟฟ้าฝั่งธนฯเสร็จเม.ย.51
ไทยรัฐ - 19 ก.พ. 50 - 04:57

รายงานข่าวจากสำนักการจราจรและขนส่งแจ้งความคืบหน้าการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสถานีสะพานตากสินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา-ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน
ขณะนี้กำลังเร่งรัดการวางประแจสับหลีก ซึ่งเป็นการวางรางทางเบี่ยง (หลีก) ให้รถไฟฟ้าเปลี่ยนรางวิ่ง โดยตลอดเส้นทางจะมีการติดตั้งประแจดังกล่าวรวม 4 จุด ความยาวจุดละ 70 เมตร
ทั้งนี้แม้จะมีการทดสอบประแจทั้ง 4 ชุด จากโรงงานผู้ผลิตมาแล้ว แต่การติดตั้งประแจดังกล่าวเป็นงานที่ละเอียดอ่อน จำเป็นต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ในการติดตั้ง เนื่องจากจะมีความคลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 3% ดังนั้นการวางรางจะต้องทำให้ได้ระดับ และต้องมีความแม่นยำในการทำงานเพื่อจะได้เกิดความคลาดเคลื่อนให้น้อยที่สุด คาดว่าในเดือน ก.พ.2550 จะดำเนินการเสร็จ จากนั้นบริษัทชิโน-ไทย ผู้รับเหมาจะได้เช่ารถจากบีทีเอส ซึ่งเป็นรถที่มีขนาดวงล้อและน้ำหนักใกล้เคียงกับรถไฟฟ้ามาวิ่งทดสอบประแจทั้ง 4 ชุด ด้วยปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านราง รวมทั้งสแกนดูว่าการวางประแจได้ระนาบที่ต้องการหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนการประมูลหาบริษัทผู้รับเหมามาติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณในเส้นทางดังกล่าว เพื่อให้ระบบสมบูรณ์จึงจะสามารถวิ่งให้บริการได้นั้น ก่อนหน้านี้ราวเดือน ต.ค. 2549 กรุงเทพมหานครได้ยกเลิกการคัดเลือกผู้ติดตั้งซึ่งเสนอตัวเข้ามา 2 ราย เพราะต้องการปรับแก้รายละเอียดในเงื่อนไขการว่าจ้างใหม่ และจนถึงขณะนี้ผ่านไปนานกว่า 3 เดือน ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม หาก กทม. ปรับแก้จนสมบูรณ์แล้วจะต้องเริ่มต้นประกาศให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญเสนอตัวเข้ามาเป็นครั้งที่ 2 จะต้องตั้งกรรมการพิจารณาคัดเลือก ขั้นตอนดังกล่าวจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน จากนั้นจึงจะทำสัญญาว่าจ้างได้ ทั้งนี้บริษัทผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องใช้เวลาทำงาน เช่น วางระบบไฟฟ้ากำลัง ระบบติดต่อสื่อสารระหว่างรถไฟฟ้ากับศูนย์ควบคุม รวมทั้งติดตั้งระบบตั๋วโดยสารอีก 14 เดือน หากทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย ราวเดือน เม.ย.2551 จึงจะสามารถเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเชื่อมระหว่างฝั่งธนบุรีและกรุงเทพได้.

Wisarut · Posted: 19/02/2007 4:45 pm Post subject:

กทม.เดินหน้าเซ็นสัญญาอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้า สรุปสเปกบีอาร์ที

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2550 15:29 น.

กทม.เตรียมใช้วิธีพิเศษเรียกเอกชนเซ็นสัญญาระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 2.2 กม.ใหม่โดยไม่ต้องเปิดประมูล ขณะที่สเปกรถบีอาร์ทีใช้รถที่มีประตูขึ้นลงทั้ง 2 ด้านๆ ละ 2 ประตู โดยเตรียมนำเสนอผู้ว่าฯ กทม.เห็นชอบเร็วๆ นี้

วันนี้ (19 ก.พ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้จัดประชุมคณะกรรมการพิจารณากำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของการจัดซื้อ พร้อมติดตั้งระบบขนส่งอัจฉริยะ ระบบตั๋วตามโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) โดยมีนายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม.เป็นประธาน

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมได้สรุปเบื้องต้นถึงสเปกรถบีอาร์ทีที่จะนำมาให้บริการประชาชน คือ รถยูโร 3 พ่วง 2 ตอน ยาว 18 เมตร ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ มีประตูทางขึ้นลงทั้งด้านซ้ายและขวาของตัวรถ ข้างละ 2 ประตู ซึ่งข้อสรุปที่ได้ในวันนี้จะต้องสรุปเสนอให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. พิจารณาอนุมัติเพื่อให้สามารถกำหนดวันเปิดประมูลแบบอี-อ็อกชั่น หรือการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้หารือกันถึงเรื่องการวางระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลมจากสถานีตากสิน-แยกตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร โดยอาจจะใช้วิธีพิเศษในการเรียกบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่มีระบบ Moving Blog เช่นเดียวกันกับที่ BTSC ใช้ในการเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้าบีทีเอสใหม่ซึ่งได้ลงนามเปลี่ยนระบบไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจะเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม. พิจารณาพร้อมกับ BRT เพื่อให้กำหนดวันที่จะเซ็นสัญญาและวันลงมือวางระบบอาณัติสัญญาณที่แน่ชัดอีกครั้ง

Wisarut · Posted: 20/02/2007 12:51 pm Post subject:

ประกวดราคาบีอาร์ที-รถไฟฟ้าสัปดาห์หน้า
ห้ามล็อกระบบต่อเชื่อมอาณัติสัญญาณ
Dailynews - Feb 20, 2007

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ก.พ. นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม.เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพิจารณาเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์)

1) ระบบอาณัติสัญญาณ โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีลม จากสถานีสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน-แยกตากสินระยะทาง 2.2 กิโลเมตร มูลค่า 1,290 ล้านบาท และ
2) สเปกรถประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) มูลค่า 500 ล้านบาท

โดย 2 โครงการจะดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดบริการภายในต้นปี 2551 โดยทั้ง 2 โครงการจะเปิดประกวดราคาภายในสัปดาห์หน้า โดยในส่วนของโครงการรถไฟฟ้า 2.2 กิโลเมตร จะว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษ ส่วนโครงการบีอาร์ที จะประกวดราคาด้วยระบบอี-อ๊อคชั่น ซึ่งในที่ประชุมได้หารือถึงทีโออาร์ของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 2.2 กิโลเมตร โดยเห็นว่าควรจะเป็นระบบเดียวกับของบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เพราะหากเป็นระบบอาณัติสัญญาณอื่น ๆ การเดินรถจะไม่ต่อเนื่อง อีกทั้งยังส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

แต่ทีโออาร์ดังกล่าวจะกำหนดให้ผู้ขายต้องทำสัญญาในการเปิดรหัสสัญญาณส่วนต่อขยายแยกตากสิน-เพชรเกษม (บางหว้า) ระยะทาง 5.7 กม. ซึ่งต่อเนื่องจากส่วนต่อขยาย 2.2 กม. เพื่อในอนาคต กทม.จะได้เปิดกว้างในการประกวดราคาให้ผู้ขายรายอื่นเข้ามาแข่งขันได้และสามารถเชื่อมต่อระบบอาณัติสัญญาณได้อย่างสมบูรณ์ และที่สำคัญเพื่อป้องกันผู้ขายรายเดิมผูกขาดระบบ

ส่วนสเปกรถบีอาร์ที เป็นรถโดยสารแบบกึ่งพ่วง 2 ตอน ความยาวไม่น้อยกว่า 17 เมตร และไม่เกิน 18 เมตร ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (NGV) เป็นผลิตภัณฑ์ของยุโรปหรืออเมริกาเหนือ มีมาตรฐานไอเสียไม่ต่ำกว่า EURO III มีกำลังไม่น้อยกว่า 300 แรงม้า รับน้ำหนักบรรทุกรวมไม่น้อยกว่า 27,000 กิโลกรัม ได้มาตรฐาน ISO 9000 หรือเทียบเท่า รองรับผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 140 คน มีที่นั่งมาตรฐานไม่น้อยกว่า 40 ที่นั่ง สำหรับตัวรถโครงคัสซีทำด้วยโลหะตลอดความยาวเป็นคัสซีรถชนิดเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ เป็นชิ้นส่วนเดียวแบบไร้รอยต่อ มีประตูทางเข้า-ออกด้านขวาและซ้ายทั้ง 2 ฝั่งตรงข้ามกัน เป็นแบบเลื่อนปิด-เปิดอัตโนมัติประตูกว้างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร สูงไม่น้อยกว่า 1.8 เมตร พื้นรถสูงจากระดับพื้นถนนประมาณ 90 เซนติเมตร กระจกกันลมหน้าและหลังรถเป็นกระจกนิรภัย 2 ชั้น เป็นเครื่องยนต์ก๊าซธรรมชาติอัดชนิด 4 จังหวะ ถังบรรจุก๊าซไม่น้อยกว่า 900 ลิตร รองรับการเติมก๊าซวันละครั้งเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติ ความเร็วได้ไม่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ ชั่วโมง การประกันสินค้า ตลอดระยะเวลา 2 ปี โดยมีศูนย์ซ่อมบำรุงรถอยู่ในบริเวณใกล้กับโรงบำบัดน้ำเสียช่องนนทรี นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ในการประกอบการทำงานอีกเป็นจำนวนมากอีกด้วย

โครงการนี้จะให้สามารถใช้ร่วมกับตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดินรวมทั้ง ขสมก.ในอนาคตด้วย เป็นตั๋วอัจฉริยะสามารถทราบตำแหน่งของรถโดยสารทุกคัน และสามารถควบคุมกำหนดแผนการเดินรถและระยะเวลาในการเดินทางได้ถูกต้องและยังสามารถเชื่อมโยงการเดินรถเข้ากับระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติ.

Wisarut · Posted: 20/02/2007 12:53 pm Post subject:

บีทีเอสพร้อมเจรจาปรับเพดานค่ารถไฟฟ้า
เสนอแยกสัญญาเก่า-รื้อใหม่ทั้งระบบ
Dailynews - Feb 20, 2007

นายอาณัติ อาภาภิรม ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอส) เปิดเผยกรณีนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯกทม. จะเข้าพบผู้บริหารบีทีเอส เพื่อเจรจาปรับเพดานค่าโดยสารรถไฟฟ้าใหม่ โดยนำโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีที เอส 3 สายที่ กทม. ก่อสร้างเอง 100% ระยะทาง 13..15 กม. ได้แก่

1) ส่วนต่อขยายจาก สาทร-ตากสิน ระยะทาง 2.2 กม.
2) จากตากสิน-บางหว้า (เพชรเกษม) ระยะทาง 5.7 กม. และ
3) จากอ่อนนุชไปบางนา (ซอยสุขุมวิท 107 ) ระยะทาง 5.25 กม.

มาเจรจาต่อรอง ว่า บีทีเอสพร้อมเจรจากับ กทม. แน่นอน ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ส่วนว่าจะปรับเพดานอย่างไรนั้นคงบอกไม่ได้ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจา ซึ่งคงมี 3 แนวทาง ได้แก่ แนวทางแรก แยกสัญญา ระหว่างโครงการส่วนแรก ระยะทาง 23.5 กม. ที่บีทีเอสลงทุนเอง 100% กับสัญญาใหม่ ระยะทาง 13.15 กม. ที่ กทม.ลงทุนเอง 100% โดยอาจจะมีรูปแบบว่าจ้างบีทีเอสไปเดินรถ หรือจ้างรายอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กทม. เพื่อแยกสัญญาออกจากกันและหารือในเรื่องเพดานค่าโดยสารใหม่

แนวทางที่ 2 ให้นำสัญญาเก่า และโครงการใหม่มารวมกันและหารือกันในรายละเอียดและ
แนวทางสุดท้ายเลิกสัญญาเก่าและนำมาหารือกับโครงการใหม่ที่ กทม. จะก่อสร้างเองทั้งหมด ซึ่งแนวทางแรกจะใช้เวลาเจรจาเร็วที่สุดเพราะแยกสัญญาชัดเจน แต่แนวทางที่ 2 และ 3 โดยเฉพาะแนวทาง ที่ 3 จะใช้เวลาเจรจานานที่สุดเพราะต้องรื้อโครงสร้างเพดาน ค่าโดยสารใหม่ทั้งหมดเพื่อเจรจากันใหม่

นายอาณัติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของแผนฟื้นฟู บริษัท ขณะนี้ผ่านศาลล้มละลายกลางแล้ว บริษัทจึงพร้อมเดินรถในส่วนต่อขยายทั้งหมด หากว่า รัฐบาลลงทุนด้านงานโยธาและเอกชนลงทุนระบบรถ หรือว่ารัฐจะลงทุน 100% โดยว่าจ้างบริษัทไปเดินรถ แต่เรื่องนี้คงให้รายละเอียดไม่ได้ เพราะต้องรอดู กทม. ก่อนว่าจะว่า จ้างบีทีเอสไปเดินรถในส่วนต่อขยายทั้ง 3 สายหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเคยเจรจากันเพื่อเตรียมว่าจ้างบริษัทไปเดินเพียงสายเดียวคือส่วนต่อขยายจากสาทร-ตากสิน ระยะทาง 2.2 กม. เท่านั้น ที่เหลือคงต้องให้ กทม. ทาบทามมาก่อน.

Wisarut · Posted: 21/02/2007 12:18 pm Post subject:

บีทีเอส เรียก บอมบาร์ดิเอร์ เจรจาเปลี่ยนสัญญาณรถไฟฟ้าต่อขยาย
เดลินิวส์ และ ไทยรัฐ - 21 กุมภาพันธ์ 2550

รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า ขณะนี้ กทม. อยู่ระหว่างรอหนังสือตอบอย่างเป็นทางการจาก บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ บีทีเอสซี ในเรื่องความชัดเจนของบริษัท บีทีเอส จะว่าจ้างให้มาเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้า โครงการส่วนแรกระยะทาง 23.5 กม. มูลค่า 3,000 ล้านบาท จากเดิมที่ติดตั้งที่ตัวราง มาเป็นติดตั้งที่ตัวรถแทนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และแก้ปัญหาการผูกขาดให้ บริษัทซีเมนส์เป็นผู้ติดตั้งระบบเพียงรายเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ บีทีเอส ได้เรียก บริษัทอัลคาเทล จากประเทศฝรั่งเศสมาเจรจา แต่ล่าสุดในการเจรจามีปัญหา เพราะอัลคาเทล ไม่ยอมเปิดเผยรหัสในการเชื่อมต่อระบบอาณัติสัญญาณบริเวณส่วนต่อขยายในอนาคต กรณีที่อัลคาเทลไม่ได้เป็นผู้วางระบบต่อ ทำให้ บีทีเอส ตัดสินใจเจรจากับ บริษัทบอมบาร์ดิเอร์ จากประเทศแคนาดา เพื่อให้มาเป็นผู้ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณแทน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาในรายละเอียดหากได้ข้อสรุป บีทีเอส จะลงนามในสัญญากับบริษัททันที

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของ กทม. ได้วางแผนที่จะใช้วิธีพิเศษเพื่อว่าจ้างบริษัทมาติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสาทร - ตากสิน ระยะทาง 2.2 กม. มูลค่า 1,290 ล้านบาท ในสัปดาห์หน้า โดยวางเงื่อนไขให้บริษัทติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณที่ใช้ระบบเดียวกับ บีทีเอส เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการเดินระบบรถ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ กทม. จะเลือกบริษัทเดียวกับ บีทีเอส คือ บอมบาร์ดิเอร์ เนื่องจากหากเลือกบริษัทอื่น กทม. ต้องลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท ในการติดตั้งห้องควบคุมระบบ เพื่อเชื่อมต่อกับระบบอาณัติสัญญาณของบริษัท บีทีเอส ทั้งนี้ ตามแผนงานผู้รับเหมา จะก่อสร้างสถานีและงานวางรางเสร็จในเดือน พ.ย. นี้ และ กทม. จะติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณทันที เพื่อทดลองวิ่งให้บริการในปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปี 2551.