ขุดกรุ : ย้อนรอยทางรถไฟสายท่าเรือ - พระพุทธบาท

[CivilSpice]

ถนนสายนี้ จะนับ กม.ที่ 0 มาจากทาง อ.พระพุทธบาท ดังนั้น สถานีบ่อโศก หรือ สร่างโศก ก็ตั้งอยู่ที่ประมาณ กม.ที่ 9
แต่ถ้ามาจากทาง อ.ท่าเรือ ก็จะระยะทางประมาณ 11 กม. ในภาพคือ หลัก กม. ของถนนสายนี้ เป็น กม.ที่ 8 ของ
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3022



ระยะทางของเรา ก็คือ อีก 8 กม. จะถึง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

[CivilSpice]

สำรวจกันมาเรื่อยๆ ก็มาถึง "บ้านหนองคณฑี" ตั้งอยู่ ต.พุกร่าง (พุ-กร่าง) อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี



ช่วงข้างหน้าจะเป็นโค้ง 3 โค้งติดๆ กัน มีรถสิบล้อ รถสิบแปดล้อ ที่บรรทุกหินจากโรงโม่หินไปส่งลงเรือ ที่ อ.ท่าเรือ ก็มีเยอะ
ดังนั้น ใครที่ใช้เส้นทางสายนี้ ในการเดินทาง ก็ระมัดระวังกันด้วยครับ

[CivilSpice]

บริเวณหัวโค้งด้านหน้า คือที่ตั้งของ "สถานีหนองคณฑี" ซึ่งเป็นสถานีรายทางของรถไฟเล็กอีกสถานีหนึ่ง



ตามที่เราค้นคว้ากันมาในตอนแรก ทราบว่า ที่สถานีหนองคณฑี ก็ยังปรากฏตัวอาคารสถานีเก่าๆ คล้ายๆ กับที่บ่อโศก
ให้เห็นอยู่ แต่ในวันที่เรามานั้น พยายามหากันอยู่ตั้งนานก็ไม่พบสักที ชนิดที่ว่าขับรถวนไปวนมาตั้ง 2-3 รอบ
จนท้ายที่สุด ก็ได้ทราบว่า ตัวอาคารสถานีหนองคณฑี ถูกรถบรรทุกวิ่งแหกโค้งมาชนจนพังยับไปทั้งหลัง เมื่อหลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งทุกวันนี้ ก็เหลือแต่ซากอิฐ ซากปูน อย่างที่เห็นในภาพ

[CivilSpice]

สถานีที่ต่อจากสถานีหนองคณฑีคือ "สถานีเขาเลี้ยว" แต่ก็ไม่สามารถหาร่องรอยได้ เพราะตัวอาคารสถานีไม่เหลือหลักฐานใดๆ อยู่เลย
และสถานีที่ต่อจากสถานีเขาเลี้ยวคือ "สถานีเจ้าพ่อเขาตก" ตัวอาคารสถานีก็ไม่มีร่องรอยเหลือเช่นกัน
แต่ก็ยังมีสถานที่ที่สามารถระบุได้ว่า ตัวสถานีเจ้าพ่อเขาตกตั้งอยู่บริเวณไหน คือ "ศาลเจ้าพ่อเขาตกหลังเก่า"







ตัวอาคารสถานีในอดีตน่าจะอยู่บริเวณตรงข้ามกับศาลเจ้าพ่อเขาตก นั่นคือบริเวณนี้

[CivilSpice]

ภูเขาแถบนี้ในอดีต เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่ามีหลากหลายชนิด เสือก็ยังเคยมีเลย แต่ปัจจุบันสิ่งที่กล่าวมาให้อัตรธานหายไปหมดแล้ว
มีนายทุนมาทำเหมืองหินกับโรงโม่หินเข้ามาแทนที่ ระเบิดกันทุกวัน สัตว์ป่าทั้งหลาย ก็เลยหนีหน้าไปจนหมด



และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางของการย้อนรอยทางรถไฟสายท่าเรือ - พระพุทธบาท แล้วครับ

[CivilSpice]

ถึงแล้วครับโรงเจฮกเอี๊ยง บริเวณที่เคยเป็นสถานีปลายทางของรถไฟสายท่าเรือ - พระพุทธบาท แต่ว่าตรงนี้เป็นโรงเจใหม่
ตัวสถานีจะอยู่ที่โรงเจเก่าซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นโรงเจของวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร



ทางเข้าโรงเจเก่า ที่ต้องเข้ามาภายในวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารก่อน จึงจะพบ

[CivilSpice]

อาคารโรงเจหลังเก่าครับ โดยอาคารเดิมได้ถูกรื้อและสร้างอาคารหลังใหม่นี้ขึ้นแทนที่
แต่อาคารทรงไทยที่เห็นนั้นไม่ได้ถูกรื้อไปด้วย ตั้งแต่คราวแรก



หลักฐาน ปีที่สร้างโรงเจหลังเก่าขึ้นแทนที่ตำแหน่งของสถานีรถไฟเล็กพระพุทธบาท ระบุว่าสร้างในปี พ.ศ.2491



ภาพบรรยากาศ บริเวณรอบๆ โรงเจเก่า ลองนึกภาพย้อนอดีตตามจินตนาการดูนะครับ ว่าถ้ามีอาคารสถานีรถไฟ มีขบวนรถไฟ
และผู้โดยสารเดินกันขวักไขว่ ภาพที่เราเห็นจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

[CivilSpice]

ไหนๆ ก็มากันถึงวัดพระพุทธบาท ที่มีชื่อเสียงแล้ว ครั้นจะไม่ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ก็จะกระไรอยู่
ว่าแล้วก็ขอถือโอกาสนี้พาทุกท่านร่วมทำบุญด้วยกันเลยครับ





ข้อมูลวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร

ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน ห่างจากตัวเมืองจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร มีทางเลี้ยวซ้ายก่อนถึงอำเภอพระพุทธบาทเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2167 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปูชนียสถานที่สำคัญคือ "รอยพระพุทธบาท" ที่ประทับไว้บนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรีรอยพระพุทธบาทมีความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระพุทธบาทไว้

ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลายสมัย และยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ สูงจากพื้น 160 เซนติเมตร เมื่อครั้นเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท ลักษณะของพระมณฑป เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบฝาผนังด้านนอกปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพพนม พุ่มข้าวบิณฑ์บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรมประดับมุกชั้นเยี่ยมของเมืองไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายซึ่งหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจากสวรรค์หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร บริเวณรอบพระมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนทั้งหลาย

ส่วนพระอุโบสถ และพระวิหารต่างๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ ในบริเวณวัดยังมี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท ( วิหารหลวง ) ซึ่งเป็นเก็บรวบรวมศิลปวัตถุอันมีค่า อาทิ เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธโบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่าพัดยศของพระสมัยต่างๆ และท่อประปาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งปกติจัดให้มีปีละ 2 ครั้ง คือ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ อัตราค่าเข้าชม คนไทย ไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างประเทศ คนละ 30 บาท

ข้อมูลอ้างอิง : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

[CivilSpice]

ร่วมชมประติมากรรมอันงดงาม ที่ประดับอยู่ ณ มณฑป ที่สร้างครอบรอยพระพุทธบาทเอาไว้

[CivilSpice]

คาถาบูชารอยพระพุทธบาท



จุดยอดนิยม หรือมุมมหาชน ที่นักท่องเที่ยวมักชอบเข้ามาถ่ายรูปกัน