Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47787
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 06/01/2025 10:47 pm Post subject:
การรถไฟฯ จี้ กรมที่ดิน เร่งโต้แย้งปมที่ดินทับซ้อน เขากระโดง
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 6 มกราคม 2568 - 18:46 น.
ผู้ว่าการรถไฟฯ ทำหนังสือถึง อธิบดีกรมที่ดิน จี้เร่งพิจารณาโต้แย้ง รฟท. ปมที่ดินทับซ้อนเขากระโดง ชี้เพื่อให้ครบถ้วนกระบวนการกฎหมาย อย่าอ้างเหตุว่าเป็นดุลพินิจศาล-หลังยุติตั้ง คณะกรรมการสอบสวน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง ถึงอธิบดีกรมที่ดิน กรณีการตีความทางกฎหมายและคำพิพากษาของศาล คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับซ้อนเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวกับกรมที่ดิน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 กรณีชี้แจงข้อเท็จจริงถึงการดำเนินการของ กรมที่ดิน เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง นั้น
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีความเห็นว่า ข้อมูลตามแถลงการณ์ดังกล่าวคลาดเคลื่อน จากข้อเท็จจริงทั้งในแง่ของการตีความกฎหมาย และผลของคำพิพากษาของศาล เพื่อเป็นการรักษาและสงวนไว้ ซึ่งความเป็นเจ้าของสิทธิที่ดินที่เป็นข้อพิพาทของ รฟท.
รฟท.ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1.ประเด็นที่กรมที่ดินอ้างว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ทั้งสามคดีครบถ้วนแล้ว นั้น รฟท. เห็นว่า แม้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842 876/2560 ข้อพิพาทแห่งคดีจะเป็นเรื่องที่ รฟท. คัดค้านการออกโฉนดที่ดินจำนวน 40 แปลงของราษฎรจำนวน 35 ราย ซึ่งภายหลังที่ ศาลฎีกา มีคำพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของ รฟท. กรมที่ดินได้ยกเลิกการออกโฉนด และยกเลิกใบไต่สวนและจำหน่าย ส.ค.1 ออกจากทะเบียนครอบครองที่ดินแล้วก็ตาม
แต่คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. มิใช่เฉพาะที่ดินพิพาท 40 แปลงข้างต้นเท่านั้น แต่วินิจฉัยครอบคลุมถึงที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินที่ รฟท. ได้ยื่นต่อศาลด้วย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 5,083 ไร่เศษ เช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 คำวินิจฉัยของศาลก็ได้วินิจฉัยถึงแนวเขตที่ดินของ รฟท. มิใช่เฉพาะเพียงแค่ที่ดินซึ่งเป็นข้อพิพาทในคดีดังกล่าวเท่านั้น แต่วินิจฉัยรวมถึงแนวเขตที่ดินของ รฟท. ตามแผนที่ที่กรมรถไฟแผ่นดินทำขึ้น (เอกสารหมาย จ.๗ ในคดีดังกล่าวด้วย)
ดังนั้น เมื่อคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. และผลปรากฏว่า กรมที่ดินได้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของ รฟท. นอกเหนือไปจากที่ดินตามข้อพิพาทแห่งคดีด้วยแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวย่อมใช้ยันกรมที่ดิน และผู้ถือเอกสารสิทธิในที่ดินทุกแปลงด้วย
เมื่อ รฟท. ได้ขอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินในบริเวณดังกล่าว ย่อมเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เพื่อดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด แต่กรมที่ดินละเลยการปฏิบัติหน้าที่จน รฟท. ต้องไปฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางและศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้กรมที่ดินดำเนินการดังกล่าว
ดังนั้น ที่กรมที่ดินอ้างว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่สามารถนำไป ใช้ยันกับผู้ครอบครองที่ดินแปลงอื่น ๆ ได้นั้น จึงคลาดเคลื่อนและไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกรมที่ดินซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน เมื่อคำพิพากษาได้วินิจฉัยชัดเจนเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของ รฟท. ย่อมถือว่ามีความปรากฏว่าเป็นการออกเอกสารแสดงสิทธิที่ดินโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะออกทับซ้อนที่ดินของ รฟท. จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินต้องดำเนินการเพื่อเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวทั้งหมด
เมื่อดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแล้วก็เป็นหน้าที่ของผู้ครอบครองที่ดิน ต้องใช้สิทธิพิสูจน์ว่าตนเองมีสิทธิในที่ดินดีกว่า รฟท. อย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับคำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ที่ รฟท. ยื่นฟ้องกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน
ซึ่งศาลได้มีคำวินิจฉัยยืนยันความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. มิใช่เพียงแค่ที่ดินพิพาทในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้ง 3 คดีเท่านั้น โดยคำพิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า แม้ในคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งสองคดีและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ จะไม่ได้วินิจฉัยให้เพิกถอนที่ดินแปลงอื่นๆ นอกเหนือจากที่ปรากฏเป็นข้อพิพาทในคดีก็ตาม แต่คำพิพากษาดังกล่าวก็ได้วินิจฉัยอย่างชัดแจ้งถึง ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงสามารถใช้ยันบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า อีกทั้งที่ดินบริเวณที่ศาลมีคำพิพากษากล่าวอ้างถึงฐานะเป็นที่ดินของรัฐ ที่สามารถใช้จัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ หาใช่มีผลผูกพันเฉพาะแต่คู่ความในคดีตาม มาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่
2.กรณีที่กรมที่ดินอ้างว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว ส่วนการพิจารณาข้อเท็จจริงว่า จะเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือไม่ เป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดิน นั้น
รฟท. ขอชี้แจงว่า แม้การพิจารณาว่าจะเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือไม่จะเป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดินก็ตาม แต่การใช้ดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดินก็ต้องอยู่ในกรอบของข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด และต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งในเรื่องที่ดินเขากระโดงนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคำพิพากษาทั้งของศาลยุติธรรมและศาลปกครองดังกล่าวข้างต้น แล้วว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นที่ดินของ รฟท. และศาลปกครองได้มีข้อสังเกตในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินโดยให้ รฟท. มีส่วนร่วมในการดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
กรณีเช่นนี้จึงทำให้อธิบดีกรมที่ดินมีหน้าที่ต้องทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน กับแนวเขตพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. หรือไม่ ซึ่งหากมีการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของ รฟท.โดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว อธิบดีกรมที่ดินก็ต้องใช้อำนาจหน้าที่สั่งเพิกถอนหรือแก้ไข โดยในการดำเนินการเช่นว่านี้ทางคณะกรรมการสอบสวนมีอำนาจในการเรียกเอกสารสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ เพื่อให้โอกาสในการคัดค้าน
ดังนั้น การที่อธิบดีกรมที่ดิน ยุติเรื่องโดยอ้างเหตุว่าเป็นดุลพินิจซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้นั้น กรณีเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นการดำเนินการที่ยังไม่ครบถ้วนตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งยังเป็นการโต้แย้งพยานหลักฐานซึ่งศาลได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วอีกด้วย
นอกจากนี้ กรณีที่ท่านได้มีคำสั่งตาม ม 61 วรรค 2 ให้ยุติเรื่องลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ซึ่งต่อมา รฟท. ได้ยื่นหนังสือโต้แย้งคัดค้าน ฉบับลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 แต่ขณะนี้ รฟท. ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาจากกรมที่ดินและท่าน
ดังนั้น รฟท. จึงขอให้ท่านได้เร่งพิจารณาข้อโต้แย้งของ รฟท. และได้โปรดดำเนินการตามกฎหมายให้เป็นไปโดย ครบถ้วน และถูกต้องต่อไป
## State Railway of Thailand (SRT) urges Land Department to expedite dispute over Khao Kradong land overlap
**Prachachat Business, January 6, 2025 - 18:46**
The Governor of the State Railway of Thailand (SRT) has sent a letter to the Director-General of the Land Department urging them to expedite the review of the SRT's objections regarding the overlapping land in Khao Kradong. This action is to ensure the legal process is complete and to avoid claims of discretionary power by the court following the termination of the investigation committee.
Mr. Virith Amrapal, Governor of the State Railway of Thailand (SRT), issued a letter clarifying facts to the Director-General of the Land Department regarding the interpretation of the law and court rulings, and the order not to revoke land title deeds overlapping Khao Kradong in Buriram province. The letter states that the Land Department's announcement on December 26, 2027, regarding the clarification of facts about the Department's actions on Khao Kradong land, contains inaccuracies.
The State Railway of Thailand (SRT) believes that the information in the announcement deviates from the facts in terms of both legal interpretation and the effects of court rulings. To preserve and reserve the ownership of the disputed land, the SRT wishes to clarify the following facts:
1. **Regarding the Land Department's claim that it has fully complied with the Supreme Court and the Appeal Court Region 3 rulings in all three cases**, the SRT disagrees. Even though the Supreme Court ruling No. 842-876/2560 concerns the SRT's objection to the issuance of title deeds for 40 plots of land to 35 villagers, which the Supreme Court ruled in favor of the SRT, resulting in the Land Department canceling the title deeds and removing them from the land ownership register, the Supreme Court ruling on land ownership is not limited to these 40 plots. It also covers the land shown on the map submitted by the SRT to the court, which covers an area of over 5,083 rai. Similarly, the Appeal Court Region 3 rulings in cases No. 111/2563 and No. 1112/2563 also addressed the boundaries of the SRT's land, not just the land in dispute in those cases, but also the boundaries according to the map created by the Department of Railways (document No. J.7 in the said case).
Therefore, since the Supreme Court and Appeal Court Region 3 rulings concern the SRT's land ownership, and it appears that the Land Department has issued title deeds overlapping the SRT's land beyond the disputed land in the case, these rulings can be used against the Land Department and all holders of title deeds.
When the SRT requested the Land Department to revoke the title deeds in the said area, it was the duty of the Land Department to appoint an investigation committee under Section 61 to revoke all illegally issued title deeds. However, the Land Department neglected this duty, forcing the SRT to file a lawsuit with the Central Administrative Court, which ruled that the Land Department must take such action.
Therefore, the Land Department's claim that the Supreme Court and Appeal Court Region 3 rulings cannot be used against other landowners is inaccurate and incorrect. Especially for the Land Department, which is the issuer of title deeds, when the court rulings clearly state the SRT's ownership, it is considered that the issuance of title deeds is erroneous and unlawful because they overlap the SRT's land. It is the duty of the Land Department to take action to revoke all such title deeds.
Once the title deeds are revoked, it is the responsibility of the landowners to prove that they have a better right to the land than the SRT. This is consistent with the Central Administrative Court ruling in case No. 2494/2564 and No. 582/2566, where the SRT sued the Land Department and the Director-General of the Land Department.
The court confirmed the SRT's ownership of the land, not just the disputed land in the case according to the Supreme Court ruling and the three Appeal Court rulings. The ruling states, in part, that "Even though the Supreme Court rulings in both cases and the Appeal Court Region 3 rulings did not rule to revoke other land plots beyond those appearing as disputes in the case, the said rulings clearly ruled on the ownership of the plaintiff. The plaintiff can therefore use it against outsiders unless such outsiders can prove that they have a better right. Moreover, the land area that the court ruled on is state land that can be used to provide public services to the general public. It is not binding only on the parties to the case under Section 145 of the Civil Procedure Code as claimed by both defendants."
2. **Regarding the Land Department's claim that it has complied with the Central Administrative Court ruling by appointing an investigation committee under Section 61 of the Land Code, and that the consideration of facts to revoke title deeds or not is at the discretion of the Director-General of the Land Department**, the SRT clarifies that while the decision to revoke title deeds is at the discretion of the Director-General of the Land Department, such discretion must be strictly within the framework of facts and law, and must be carried out in a fair and proper manner. In the case of Khao Kradong land, when the facts appear according to the aforementioned court rulings, both from the Court of Justice and the Administrative Court, that the Khao Kradong area belongs to the SRT, and the Administrative Court has noted the appointment of an investigation committee under Section 61 of the Land Code, allowing the SRT to participate in the committee's operations, the Director-General of the Land Department has a duty to appoint an investigation committee under Section 61 of the Land Code to investigate whether title deeds have been issued overlapping the SRT's land boundaries. If title deeds have been issued on SRT land erroneously or unlawfully, the Director-General of the Land Department must use their authority to order revocation or correction. In doing so, the investigation committee has the power to summon relevant title deeds for consideration and to notify stakeholders to give them the opportunity to object.
Therefore, the Director-General of the Land Department's termination of the matter by claiming discretionary power that the court cannot interfere with is considered an incomplete process according to the law. It is also a contradiction of the evidence that the court has clearly ruled on.
Furthermore, regarding your order under Section 61 paragraph 2 to terminate the matter dated October 21, 2027, which the SRT subsequently submitted a letter of objection dated November 12, 2027, the SRT has not yet received notification of the Land Department's and your consideration.
Therefore, the SRT requests that you expedite the consideration of the SRT's objections and proceed according to the law completely and correctly.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44242
Location: NECTEC
Posted: 07/01/2025 3:46 pm Post subject:
ผู้ว่าฯ รฟท.ร่อนหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน โต้ข้อมูล "เขากระโดง" ไม่ถูกต้อง จี้เร่งตอบปมยุติเพิกถอนโฉนด 5 พันไร่
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 6 มกราคม 2568 เวลา 21:32 น.
ปรับปรุง:วันที่7 มกราคม 2568 เวลา 09:05 น.
KEY POINTS
รฟท. ระบุคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่สามารถใช้ยืนยันการครอบครองที่ดินแปลงอื่นได้
รฟท. เรียกร้องให้กรมที่ดินเร่งชี้แจงและดำเนินการยุติการเพิกถอนโฉนดที่ดินประมาณ 5,000 ไร่
ผู้ว่าฯ รฟท.ร่อนหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดินแถลงการณ์ ที่ดินเขากระโดงคลาดเคลื่อนและไม่ถูกต้อง กรณีระบุคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่สามารถนำไปใช้ยันกับผู้ครอบครองที่ดินแปลงอื่นๆ ได้และขอให้เร่งตอบ รฟท.ที่มีข้อโต้แย้งที่ยุติเพิกถอนโฉนด 5 พันไร่
วันที่ 6 มกราคม 2568 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการตีความทางกฎหมายและคำพิพากษาของศาล คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินทับซ้อนเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับกรมที่ดินได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงการดำเนินการของกรมที่ดินเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงนั้น การรถไฟฯ มีความเห็นว่า ข้อมูลตามแถลงการณ์ดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงทั้งในแง่ของการตีความกฎหมาย และผลของคำพิพากษาของศาล เพื่อเป็นการรักษาและสงวนไว้ซึ่งความเป็นเจ้าของสิทธิที่ดินที่เป็นข้อพิพาทของ รฟท.
โดย รฟท.ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1. ประเด็นที่กรมที่ดินอ้างว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ทั้งสามคดีครบถ้วนแล้วนั้น รฟท.เห็นว่า แม้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 ข้อพิพาทแห่งคดีจะเป็นเรื่องที่ รฟท. คัดค้านการออกโฉนดที่ดินจำนวน 40 แปลงของราษฎรจำนวน 35 ราย ซึ่งภายหลังที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของ รฟท. กรมที่ดินได้ยกเลิกการออกโฉนด และยกเลิกใบไต่สวนและจำหน่าย ส.ค.1 ออกจากทะเบียนครอบครองที่ดินแล้วก็ตาม แต่คำพิพากษาศาลฎีกาที่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. มิใช่เฉพาะที่ดินพิพาท 40 แปลงข้างต้นเท่านั้น แต่วินิจฉัยครอบคลุมถึงที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินที่ รฟท. ได้ยื่นต่อศาลด้วย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 5,083 ไร่เศษ เช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 คำวินิจฉัยของศาลก็ได้วินิจฉัยถึงแนวเขตที่ดินของ รฟท. มิใช่เฉพาะเพียงแค่ที่ดินซึ่งเป็นข้อพิพาทในคดีดังกล่าวเท่านั้น แต่วินิจฉัยรวมถึงแนวเขตที่ดินของ รฟท. ตามแผนที่ที่กรมรถไฟแผ่นดินทำขึ้น (เอกสารหมาย จ.7 ในคดีดังกล่าวด้วย) ดังนั้น เมื่อคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. และผลปรากฏว่ากรมที่ดินได้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของ รฟท. นอกเหนือไปจากที่ดินตามข้อพิพาทแห่งคดีด้วยแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวย่อมใช้ยันกรมที่ดินและผู้ถือเอกสารสิทธิในที่ดินทุกแปลงด้วย เมื่อ รฟท.ได้ขอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินในบริเวณดังกล่าว ย่อมเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เพื่อดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด แต่กรมที่ดินละเลยการปฏิบัติหน้าที่จน รฟท.ต้องไปฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง และศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้กรมที่ดินดำเนินการดังกล่าว
ดังนั้น ที่กรมที่ดินอ้างว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่สามารถนำไปใช้ยันกับผู้ครอบครองที่ดินแปลงอื่นๆ ได้นั้น จึงคลาดเคลื่อนและไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกรมที่ดินซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน เมื่อคำพิพากษาได้วินิจฉัยชัดเจนเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของ รฟท. ย่อมถือว่ามีความปรากฏว่าเป็นการออกเอกสารแสดงสิทธิที่ดินโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะออกทับซ้อนที่ดินของ รฟท. จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินต้องดำเนินการเพื่อเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวทั้งหมด
เมื่อดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแล้วก็เป็นหน้าที่ของผู้ครอบครองที่ดินต้องใช้สิทธิพิสูจน์ว่าตนเองมีสิทธิในที่ดินดีกว่า รฟท.อย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับคำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ที่ รฟท. ยื่นฟ้องกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งศาลได้มีคำวินิจฉัยยืนยันความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. มิใช่เพียงแค่ที่ดินพิพาทในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้ง 3 คดีเท่านั้น โดยคำพิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า แม้ในคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งสองคดีและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะไม่ได้วินิจฉัยให้เพิกถอนที่ดินแปลงอื่นๆ นอกเหนือจากที่ปรากฏเป็นข้อพิพาทในคดีก็ตาม แต่คำพิพากษาดังกล่าวก็ได้วินิจฉัยอย่างชัดแจ้งถึง ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงสามารถใช้ยันบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า อีกทั้งที่ดินบริเวณที่ศาลมีคำพิพากษากล่าวอ้างถึงฐานะเป็นที่ดินของรัฐที่สามารถใช้จัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ หาใช่มีผลผูกพันเฉพาะแต่คู่ความในคดีตามมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่
2. กรณีที่กรมที่ดินอ้างว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว ส่วนการพิจารณาข้อเท็จจริงว่า จะเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือไม่ เป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดิน นั้น
รฟท.ขอชี้แจงว่า แม้การพิจารณาว่าจะเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือไม่จะเป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดินก็ตาม แต่การใช้ดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดินก็ต้องอยู่ในกรอบของข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด และต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งในเรื่องที่ดินเขากระโดงนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคำพิพากษาทั้งของศาลยุติธรรมและศาลปกครองดังกล่าวข้างต้น แล้วว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นที่ดินของ รฟท. และศาลปกครองได้มีข้อสังเกตในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินโดยให้ รฟท.มีส่วนร่วมในการดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าวด้วย กรณีเช่นนี้จึงทำให้อธิบดีกรมที่ดินมีหน้าที่ต้องทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบว่ามีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนกับแนวเขตพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท.หรือไม่ ซึ่งหากมีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของ รฟท.โดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว อธิบดีกรมที่ดินก็ต้องใช้อำนาจหน้าที่สั่งเพิกถอนหรือแก้ไข โดยในการดำเนินการเช่นว่านี้ ทางคณะกรรมการสอบสวนมีอำนาจในการเรียกเอกสารสิทธิที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ เพื่อให้โอกาสในการคัดค้าน
ดังนั้น การที่อธิบดีกรมที่ดินยุติเรื่องโดยอ้างเหตุว่าเป็นดุลพินิจซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้นั้น กรณีเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นการดำเนินการที่ยังไม่ครบถ้วนตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งยังเป็นการโต้แย้งพยานหลักฐานซึ่งศาลได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วอีกด้วย
นอกจากนี้ กรณีที่ท่านได้มีคำสั่งตาม ม.61 วรรค 2 ให้ยุติเรื่อง ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ซึ่งต่อมา รฟท.ได้ยื่นหนังสือโต้แย้งคัดค้าน ฉบับลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 แต่ขณะนี้ รฟท.ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาจากกรมที่ดินและท่าน ดังนั้น รฟท.จึงขอให้ท่านได้เร่งพิจารณาข้อโต้แย้งของ รฟท. และได้โปรดดำเนินการตามกฎหมายให้เป็นไปโดยครบถ้วน และถูกต้องต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44242
Location: NECTEC
Posted: 07/01/2025 5:00 pm Post subject:
ถอดรหัส 5 จุดเห็นต่าง ข้อพิพาท 'เขากระโดง' กรมที่ดิน vs การรถไฟ
เผยแพร่: วันที่7 มกราคม 2568 เวลา 16:02 น.
อัปเดตล่าสุด : วันที่7 มกราคม 2568 เวลา 16:28 น.
ส่องมุมมองสองขั้ว รฟท. กับ กรมที่ดิน บนปมความขัดแย้ง ที่ดินเขากระโดง 5 พันไร่ กับ 5 ประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน
ผ่าปมร้อน ความขัดแย้งเรื่อง ที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่าง 2 หน่วยงานรัฐ รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายใต้กระทรวงคมนาคม และกรมที่ดิน ภายใต้กระทรวงมหาดไทย เป็นมหากาพย์กรณีศึกษาข้อพิพาทที่น่าสนใจ
เมื่อล่าสุดทั้ง 2 องค์กร ร่อนแถลงการณ์คำชี้แจงตอบโต้กันไปมาผ่านสื่อ ซ้ำยังตีความกฎหมายและการอ้างสิทธิในที่ดินเขากระโดงไม่ตรงกัน
ฐานเศรษฐกิจ ประมวลและวิเคราะห์แถลงการณ์คำชี้แจงของทั้งสองฝ่าย พบทั้งจุดร่วมและจุดต่างที่น่าสนใจ
จุดที่เห็นตรงกัน
การยอมรับคำพิพากษา : ทั้งสองหน่วยงานยอมรับการมีอยู่และความสำคัญของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 รวมถึงคดีอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในส่วนที่กรมที่ดินได้ดำเนินการยกเลิกใบไต่สวนของราษฎร 35 ราย และจำหน่าย ส.ค.1 ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นไปตามคำพิพากษาในส่วนของที่ดินที่เป็นคู่ความในคดี
การดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย : ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง โดยอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 1195-1196/2566 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมา
5 จุดที่เห็นไม่ตรงกัน
1.การตีความขอบเขตของคำพิพากษา
จุดยืน รฟท.:
ยืนยันว่าคำพิพากษาครอบคลุมที่ดินทั้งหมด 5,083 ไร่
เห็นว่าคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์และแนวเขตที่ดินของ รฟท. ทั้งหมด ไม่จำกัดเฉพาะที่ดินพิพาท
มองว่าคำพิพากษาสามารถใช้ยันบุคคลภายนอกได้ โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นรายแปลง
จุดยืนกรมที่ดิน:
ยืนยันว่าคำพิพากษาผูกพันเฉพาะที่ดินที่เป็นคู่ความในคดีเท่านั้น
อ้างมาตรา 145 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าไม่สามารถนำไปใช้ยันบุคคลภายนอกได้
เห็นว่าต้องมีการดำเนินคดีใหม่กับบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นรายกรณี
2.ความน่าเชื่อถือของแผนที่และหลักฐาน
จุดยืน รฟท.:
อ้างว่ามีแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดินที่เป็นหลักฐานสำคัญ
เชื่อว่าแผนที่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของพระราชกฤษฎีกา
มองว่าหลักฐานที่มีเพียงพอต่อการพิสูจน์กรรมสิทธิ์
จุดยืนกรมที่ดิน:
ชี้ว่าแผนที่ที่ รฟท. อ้างเป็นเพียงแผนที่สังเขปที่จัดทำขึ้นในปี 2539
พบว่าแผนที่มีรูปแบบและระยะไม่สอดคล้องตามหลักวิชาการ
ระบุว่าไม่พบหลักฐานว่าเป็นแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา
3.การใช้ดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดิน
จุดยืน รฟท.:
เห็นว่าการยุติเรื่องโดยอ้างดุลพินิจเป็นการละเลยขั้นตอนตามกฎหมาย
มองว่าเป็นการโต้แย้งพยานหลักฐานที่ศาลได้วินิจฉัยไว้แล้ว
เรียกร้องให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ครบถ้วน
จุดยืนกรมที่ดิน:
ยืนยันว่าใช้ดุลพินิจบนพื้นฐานของหลักฐานและความถูกต้อง
อ้างว่าการพิจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบและเป็นธรรม
เห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะเพิกถอนเอกสารสิทธิ์
4.ความชอบด้วยกฎหมายของเอกสารสิทธิ์
จุดยืน รฟท.:
เห็นว่าเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับซ้อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เรียกร้องให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดที่ทับซ้อน
มองว่าเป็นหน้าที่ของผู้ครอบครองที่ดินต้องพิสูจน์สิทธิของตน
จุดยืนกรมที่ดิน:
ยืนยันว่าการออกเอกสารสิทธิ์เป็นไปตามขั้นตอนและชอบด้วยกฎหมาย
อ้างว่าการออกโฉนดผ่านการตรวจสอบและรับรองแนวเขตอย่างถูกต้อง
เห็นว่าต้องคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่ได้รับเอกสารสิทธิ์โดยชอบ
5.ความขัดแย้งเรื่องระยะทาง
จุดยืน รฟท.:
อ้างว่าทางรถไฟมีระยะทาง 8 กิโลเมตร
ใช้แผนที่ของตนเป็นหลักฐานยืนยัน
จุดยืนกรมที่ดิน:
ยืนยันว่าทางรถไฟมีระยะทางเพียง 6.2 กิโลเมตร
อ้างอิงจากการสำรวจภาพถ่ายทางอากาศหลายยุคสมัย (ปี 2497, 2511, 2529 และ 2557)
มีการยืนยันด้วยการรังวัดในพื้นที่จริงด้วยเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมแบบจลน์ (RTK)
แม้ว่าสงครามคำแถลงระหว่างสองหน่วยงานรัฐยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่สังคมทุกฝ่ายต่างกำลังจับตาว่า "มหากาพย์เขากระโดง" จะจบลงอย่างไร
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47787
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 08/01/2025 7:56 am Post subject:
'วีริศ อัมระปาล' มุ่งโจทย์ใหญ่ การรถไฟฯ สางหนี้ 2 แสนล้าน
Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
Wednesday, January 08, 2025 06:23
วีริศ อัมระปาล กางโจทย์ 4 ปีบนเก้าอี้ผู้ว่าการรถไฟฯ เดินหน้าสางหนี้สะสม 2 แสนล้านบาท ชู วิสัยทัศน์ 6 ด้าน เร่งลดค่าใช้จ่าย - บริหารบุคลากร พร้อมดึงที่ดิน 246,880 ไร่พัฒนาเชิงพาณิชย์ นำร่องปีนี้ปั้นที่ดินแปลงใหญ่ทำเลทอง 28 แห่ง
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปัจจุบันเป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในขั้นตอนฟื้นฟูกิจการ หลังจากมีหนี้สะสมมากกว่า 2 แสนล้านบาท ล่าสุด วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯ คนใหม่ที่รับตำแหน่งเมื่อ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ออกมาฉายภาพทิศทางการทำงานในช่วง 4 ปีนับจากนี้ เพื่อเป้าหมายลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ นำมาสู่การหยุดขาดทุนและล้างหนี้สะสม
นายวีริศ เผยว่า ภายหลังจากได้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท. มีโอกาสลงพื้นที่ดูงานในเส้นทางกรุงเทพ หนองคาย - ท่านาแล้ง ได้พบปะพนักงานในส่วนภูมิภาค และได้รับฟังการดำเนินงานต่างๆ ของการรถไฟฯ โดยในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงโอกาสที่จะทำให้การรถไฟฯ ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยวิสัยทัศน์ 6 ด้าน ได้แก่
1.การดำเนินกิจการเพื่อเพิ่มรายได้
2.พัฒนาการให้บริการของ รฟท.
3.ลดค่าใช้จ่าย
4.การบริหารจัดการบุคลากร
5.สนับสนุน ประสานงาน ติดตาม และเร่งรัดโครงการ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล
6.ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ขณะเดียวกันยังมีแนวทาง แนวคิด ในการแก้ปัญหาหนี้สิน การขาดทุน และการเพิ่มรายได้ โดยแนวทางการดำเนินกิจการเพื่อเพิ่มรายได้ รฟท.จะบริหารสินทรัพย์ร่วมกับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ผลักดันให้เกิดการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง (TOD) เนื่องจากปัจจุบันที่ดินของการรถไฟฯ มีทั้งหมด 246,880 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ Core Business เป็นพื้นที่ย่านสถานี ที่ทำการ เขตทางรถไฟ จำนวน 201,868 ไร่ และพื้นที่ Non-Core Business ที่สามารถนำไปทำประโยชน์ได้ จำนวน 45,012 ไร่
โดยเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2567 รฟท. ได้ส่งมอบแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core) ให้กับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด อย่างเป็นทางการ จำนวน 12,233 สัญญา บนพื้นที่กว่า 38,469 ไร่ เพื่อให้บริษัทลูกของการรถไฟฯ นำไปบริหารจัดการสัญญาเช่า โดยที่ทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ
นอกจากนี้ รฟท.ยังเร่งรัดแผนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ อีก 28 แปลง ที่สามารถพัฒนาพื้นที่ และสร้างและสร้างรายได้ให้แก่ รฟท. โดยเบื้องต้น บริษัท SRTA ได้จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โครงการ ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ แผนเร่งด่วน ปี 2568 จำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย
1.โครงการบางซื่อ - คลองตัน (RCA)
2.โครงการศิลาอาสน์แปลงย่อย
3.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A2) สถานีขนส่ง
อีกทั้งยังมีแผนเร่งด่วน ปี 2568 จำนวน 5 แปลง ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการเปิดประมูล ประกอบด้วย
1.โครงการสถานีราชปรารภ(แปลง OA)
2.โครงการถนนพหลโยธิน (หัวมุม อตก.)
3.โครงการย่านสถานีหนองคาย (แปลง 5)
4.โครงการย่านสถานีหนองคาย (แปลง7)
5.โครงการตลาดคลองสาน
ขณะที่แผนระยะกลาง ปี 2569 2572 จะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บนที่ดินจำนวน 18 แปลง อาทิ โครงการย่านสถานีแม่น้ำ, โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง D), โครงการย่านบางซื่อ กม.11 (แปลง G2-G8), โครงการบริเวณท่านุ่น, โครงการย่านบางซื่อ (แปลง E1), โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A2) สถานีขนส่ง, โครงการย่านสถานีมักกะสัน (แปลง B C E) และโครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง D)
รวมไปถึงโครงการตลาดศาลาน้ำร้อน (สถานีธนบุรี), โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง C ), โครงการบางซื่อ (แปลง A1) สนง.ใหญ่ รฟท., โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A3-5), โครงการพัฒนาพื้นที่ขอนแก่น (แปลง B C D), โครงการย่านบางซื่อ (แปลง E2), โครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง E), โครงการย่านสถานีอุบลราชธานี, โครงการพัฒนาพื้นที่ศิลาอาสน์ (124 ไร่) และโครงการย่านสถานีนครราชสีมา (แปลง E)
ส่วนแผนระยะยาว ปี 2573 2577 จะมีการพัฒนาที่ดินจำนวน 9 แปลง ประกอบด้วย โครงการพัฒนาพื้นที่ธนบุรี 21 ไร่, โครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง A F G) , โครงการย่านสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง), โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง F), โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง B), โครงการพื้นที่ที่หยุดรถตลาดหนองคาย, โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง H), โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง I) และโครงการย่านสถานีนครราชสีมา (แปลง F)
นายวีริศ กล่าวด้วยว่า รฟท.ในช่วง 4 ปีที่ตนเข้ามาบริหารนั้น จะลุยลดค่าใช้จ่าย โดยมอบให้บริษัทลูกรองรับงานด้านต่างๆ ร่วมกับเอกชนผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ เดินหน้าโครงการในการผลิตและซ่อมบำรุงชิ้นส่วนโดยฝีมือคนไทย พร้อมทั้งศึกษาความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อบริหารต้นทุนในการบริการให้มีประสิทธิภาพ อาทิ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ Command Center
นอกจากนี้ ส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องบริหารจัดการบุคลากร ปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กร และแนวทางการแต่งตั้งโยกย้าย ให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมและจริยธรรม สร้างองค์กรที่มีความทันสมัยทางเทคโนโลยี ภาพลักษณ์ที่ดี และมีหน่วยงาน R&D เป็นของตัวเอง เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง รวมทั้งผลิตบุคลากร รฟท. ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมองโอกาสในการร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และมหาวิทยาลัยต่างๆ พัฒนาสิ่งเหล่านี้
## Veeris Ammarapala Tackles State Railway's 200 Billion Baht Debt
**Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (Bangkok Business Online)**
**Wednesday, January 08, 2025 06:23**
Veeris Ammarapala, the new governor of the State Railway of Thailand (SRT), has outlined his four-year plan to tackle the organization's accumulated debt of 200 billion baht. His six-point vision focuses on reducing expenses, improving personnel management, and leveraging the railway's 246,880 rai of land for commercial development. This year, 28 prime land plots will be prioritized for development.
The SRT is currently undergoing financial rehabilitation due to its massive debt. Ammarapala, who assumed his position on September 19th, aims to reduce costs, increase revenue, and ultimately eliminate the accumulated debt.
After taking office, Ammarapala visited SRT operations in the Bangkok-Nong Khai-Thanaleng route and met with regional staff. Based on his observations over the past three months, he has formulated a six-point vision for the SRT:
1. **Increase revenue:** This includes leveraging assets in collaboration with SRT Asset Co., Ltd. (SRTA) and promoting public-private partnerships (PPP) in high-potential areas (TOD). The SRT owns 246,880 rai of land, with 201,868 rai dedicated to core business operations (stations, offices, railway lines) and 45,012 rai available for other uses.
2. **Improve SRT services.**
3. **Reduce expenses.**
4. **Improve personnel management.**
5. **Support, coordinate, monitor, and expedite key infrastructure projects in line with government policies.**
6. **Implement environmental and social projects.**
To address debt, losses, and revenue generation, SRT will work with SRTA to manage assets and pursue PPPs in high-potential areas. On November 5, 2027, SRT officially transferred 12,233 lease contracts covering over 38,469 rai of non-core land to SRTA for management.
SRT is also expediting plans to develop 28 large land plots with commercial potential. SRTA has divided the development plan into three phases:
* **Urgent plan for 2026 (3 plots):**
1. Bang Sue - Khlong Tan (RCA) project
2. Sila At sub-plot project
3. Bang Sue area (plot A2) transport station project
* **Urgent plan for 2026 (5 plots):**
1. Ratchaprarop Station Project (Plot OA)
2. Phaholyothin Road Project (corner of Or Tor Kor Market)
3. Nong Khai Station Area Project (Plot 5)
4. Nong Khai Station Area Project (Plot 7)
5. Khlong San Market Project
* **Medium-term plan for 2027-2030 (18 plots):** This includes projects in areas like Mae Nam Station, Bang Sue Station (plots D, G2-G8, E1, A2, A3-5), Makkasan Station (plots B, C, E), Had Yai Junction (plots D, E), Thonburi Station, Khon Kaen (plots B, C, D), Ubon Ratchathani Station, Sila At (124 rai), and Nakhon Ratchasima Station (plot E).
* **Long-term plan for 2031-2035 (9 plots):** This includes projects in areas like Thonburi (21 rai), Had Yai Junction (plots A, F, G), Bangkok Station (Hua Lamphong), Bang Sue Station (plots F, B, H, I), Nong Khai Market Stop, and Nakhon Ratchasima Station (plot F).
Ammarapala also emphasized cost reduction by utilizing subsidiaries and collaborating with specialized private companies. This includes supporting domestically manufactured products, promoting projects for local production and maintenance of parts, and exploring modern technologies for efficient cost management, such as a Command Center for train operations.
He highlighted the importance of effective personnel management, including improving organizational culture and promoting merit-based appointments and transfers. To attract young talent, the SRT will modernize, enhance its image, and establish an R&D department. Collaboration with professional qualification institutions and universities will further develop SRT personnel.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44242
Location: NECTEC
Posted: 08/01/2025 10:37 am Post subject:
ทะลวงแผนทำงาน 3 เดือน วีริศ อัมระปาล ผู้ว่ารฟท. ปลุกที่ดิน 3.8 หมื่นไร่
ฐานเศรษฐกิจ
ออนไลน์เมื่อ วันพุธที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 06:00 น.
ตีพิมพ์ในหน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,060
วันที่ 9 - 11 มกราคม พ.ศ. 2568
KEY POINTS
เปิดแผนทำงาน 3 เดือน วีริศ อัมระปาล หลังข้ามห้วยรับตำแหน่งผู้ว่ารฟท.คนใหม่
เร่งปั้นรายได้บริหารทรัพย์สิน 3.8 หมื่นไร่
ห่วงนโยบายบ้านเพื่อไทย ส่อกระทบรายได้พื้นที่เชิงพาณิชย์
ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์รถไฟไฮสปีด ยกระดับระบบราง
การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. 1 ในองค์กรภายใต้กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีส่วนขับเคลื่อนการพัฒนาระบบรางโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ ,โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ตลอดจนที่ดินของรฟท.ทั่วประเทศที่สามารถสร้างรายได้จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์
ที่ผ่านมา วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หลังจากข้ามห้วยจากผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้เข้ามารับตำแหน่งนี้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้วนั้น
บริหารทรัพย์สินเพิ่มรายได้
ล่าสุด นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันมีแนวทางการดำเนินกิจการเพื่อเพิ่มรายได้ ในการบริหารสินทรัพย์ร่วมกับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จํากัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูกรฟท. ผลักดันให้เกิดการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในพื้นที่ ที่มีศักยภาพสูง (TOD) กับการเดินรถรูปแบบ Open Acces ภายใต้โครงการเดียวกัน เพื่อลดภาระการเดินรถในสายทางที่ไม่มีกำไร
ขณะเดียวกันได้สนับสนุนให้เกิดการเพิ่ม FAR (Floor Area Ratio) เพื่อให้ รฟท. ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการพัฒนาที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพ เร่งรัดการจัดการสัญญาสินทรัพย์มูลค่าสูง เช่น ที่ดินแปลงใหญ่ที่เคยดำเนินการผ่าน PPP ที่ดินเปล่าแปลงใหญ่ การพัฒนาย่านขนส่งสินค้า และ ICD รวมถึงแผนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ อีก 28 แปลง ที่สามารถพัฒนาพื้นที่ และสร้างและสร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯ
สำหรับที่ดินของการรถไฟฯ มีทั้งหมด 246,880 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ Core Business เป็นพื้นที่ย่านสถานี ที่ทำการ เขตทางรถไฟ จำนวน 201,868 ไร่ และพื้นที่ Non-Core Business ที่สามารถนำไปทำประโยชน์ได้ จำนวน 45,012 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ สามารถนำไปพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จำนวน 33,761 ไร่
ปัจจุบันรฟท. ได้ส่งมอบแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core) ให้กับ SRTA อย่างเป็นทางการ จำนวน 12,233 สัญญา บนพื้นที่กว่า 38,469 ไร่ เพื่อให้บริษัทลูกของรฟท. นำไปบริหารจัดการสัญญาเช่า โดยที่ทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรฟท.
โหม 35 แปลง ปลุกพื้นที่เชิงพาณิชย์
ทั้งนี้บริษัท SRTA ได้จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โครงการของรฟท. ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ แผนเร่งด่วน ปี 2568 จำนวน 8 แปลง เช่น 1.โครงการบางซื่อ - คลองตัน (RCA) 2.โครงการศิลาอาสน์แปลงย่อย 3.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A2) สถานีขนส่ง 4.โครงการสถานีราชปรารภ (แปลง OA) 5.โครงการถนนพหลโยธิน (หัวมุม อตก.)
ส่วนแผนระยะกลาง ปี 2569 - 2572 จำนวน 18 แปลง เช่น 1.โครงการย่านสถานีแม่น้ำ 2.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง D) 3.โครงการย่านบางซื่อ กม.11 (แปลง G2-G8) 4.โครงการบริเวณท่านุ่น 5.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง E1) 6.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A2) สถานีขนส่ง 7.โครงการย่านสถานีมักกะสัน (แปลง B C E) 8.โครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง D) 9.โครงการตลาดศาลาน้ำร้อน (สถานีธนบุรี) 10.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง C) 11.โครงการบางซื่อ (แปลง A1) สนง.ใหญ่ รฟท. ฯลฯ
ด้านแผนระยะยาว ปี 2573 - 2577 จำนวน 9 แปลง เช่น 1.โครงการพัฒนาพื้นที่ธนบุรี 21 ไร่ 2.โครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง A F G) 3.โครงการย่านสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) 4.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง F) 5.โครงการย่านสถานีนครราชสีมา (แปลง F) ฯลฯ
หวั่นบ้านเพื่อคนไทย กระทบรายได้
นายวีริศ ให้สัมภาษณ์ต่อว่า ปัจจุบันรฟท. ได้รับทราบจากรัฐบาลที่จะเดินหน้าผลักดันบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งมอบหมายให้ SRTA เป็นผู้ดำเนินการนั้น จากการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ในช่วงที่ผ่านมานั้นพบว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีความชัดเจนถึงรายละเอียดในการเดินหน้าโครงการมากนักเพียงแต่รับทราบแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น
บอร์ดรฟท.ได้มีการซักถามข้อมูลการเพิ่มดีมานด์และซับพลายของที่ดิน ในกรณีที่ใช้พื้นที่รฟท.ไปดำเนินการโครงการบ้านเพื่อคนไทย รวมถึงการศึกษารายละเอียดต่างๆ หากใช้ที่ดินรฟท.จะทำให้รายได้ลดลงหรือไม่ ซึ่ง SRTA ต้องมีการศึกษาเรื่องนี้ คาดว่าใช้ระยะเวลาศึกษา 1 ปี ก่อนนำมาเสนอ ต่อบอร์ดรฟท.พิจารณาต่อไป นายวีริศ กล่าว
ลุย 2 บิ๊กโปรเจ็กต์รถไฟไฮสปีด
ขณะนี้ รฟท.ยังคงผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้มีมติเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ทะลวงแผนทำงาน 3 เดือน วีริศ อัมระปาล ผู้ว่ารฟท. ปลุกที่ดิน 3.8 หมื่นไร่
ขณะเดียวกันที่ประชุมฯให้มีการปรับปรุงสัญญาร่วมลงทุน เพื่อผลักดันให้โครงการฯ เดินหน้าพัฒนาต่อไปได้ บนพื้นฐานที่ภาครัฐจะต้องไม่เสียประโยชน์ และภาคเอกชนต้องไม่ได้ประโยชน์เกินสมควร และเตรียมเสนอหลักการแก้ไขสัญญาต่อ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติตามกรอบการดำเนินงานเดิมจะนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณาในหลักการภายในเดือนมกราคมนี้
นอกจากนี้ด้านความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร งบประมาณลงทุนจำนวน 341,351 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอ ครม. เพื่ออนุมัติโครงการ คาดเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ยืนยันตามแผนงานการประกวดราคาไม่ล่าช้า
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44242
Location: NECTEC
Posted: 08/01/2025 10:43 am Post subject:
บ้านเพื่อคนไทยเช็กคุณสมบัติ เงื่อนไข ใครบ้างได้รับ สิทธิ์
หน้าอสังหาริมทรัพย์
ฐานเศรษฐกิจ
วันอังคาร 7 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 17:57 น.
อัปเดตล่าสุด : วันอังคาร 7 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 19:03 น.
บ้านเพื่อคนไทยเช็กคุณสมบัติ เงื่อนไข ใครบ้างได้รับ สิทธิ์ เปิดตัว 20 ม.ค.นี้ ธอส.เปิดลงทะเบียนคัดกรองเข้ม
โครงการบ้านเพื่อคนไทย นโยบายเรือธงคู่กับรถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีเป้าหมาย เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กำลังเป็นที่สนใจของประชาชน ผู้มีรายได้น้อยเป้าหมาย1แสนหน่วยภายใน3ปี
ต้องเป็นผู้ไม่มีบ้านเป็นขอตนเองมาก่อนหรือ บ้านหลังแรก ไม่มีแหล่งเงินทุนเข้าถึงที่อยู่อาศัย และสินเชื่อ ประเมินว่าจะมีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจลงทะเบียน อย่างไรก็ตามรูปแบบวิธีการคัดเลือกอยู่ระหว่างดำเนินการแต่ โจทย์ยากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปก็คือ ทำอย่างไรจึงจะได้ผู้มีรายได้น้อยตัวจริง
สำหรับใครมีคุณสมบัติ ได้รับสิทธิ์ บ้านเพื่อคนไทย ซึ่งขณะนี้ กระทรวงการคลังและธอส.อยู่ระหว่างยกร่างกฎเกณฑ์ คาดว่าหลังจากลงทะเบียนแล้วจะใช้เวลา2เดือน ในการคัดเลือก
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะต้องมีรายได้พอสมควรเพราะต้องผ่อนชำระดับธอส.อัตราดอกเบี้ยต่ำ เดือนละ4,000บาท 30ปี ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และหากผ่อนชำระครบแล้วสามารถอยู่อาศัยได้99ปี ภายใต้กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์
บนที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แนวเส้นทางรถไฟฟ้า โดยมอบให้ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของรฟท. ดำเนินการ
คุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิ์
1. สัญชาติไทย
2. ผู้ที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน
3. ไม่ติดเครดิตบูโร
พื้นที่นำร่องบ้านเพื่อคนไทย
1.ที่ดินย่านบางซื่อ นิคม กม.11 หลังสำนักงานใหญ่ ปตท. ใกล้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว รถไฟฟ้าสายสีเขียว
2.ที่ดิน ย่านสถานีธนบุรี ใกล้โรงพยาบาลศิริราช
3.ที่ดินบริเวณสถานีรถไฟเชียงราก อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
4.ที่ดินรอบสถานีรถไฟเชียงใหม่
ไทม์ไลน์โครงการบ้านเพื่อคนไทย
20 มกราคม 2568 เปิดตัวโครงการ ลงทะเบียน กับธอส.
2เดือนทราบผล ใครได้สิทธิ์
เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เริ่มก่อสร้างโครงการนำร่อง
เดือนธันวาคม 2568 เริ่มโอนโครงการนำร่อง 154 หน่วย
เดือนมิถุนายน 2569 เริ่มโอนโครงการนำร่อง 4,256 หน่วย
เดือนธันวาคม 2569 เริ่มโอนโครงการ 56,000 หน่วย
ภายในปี 2570 เริ่มโอนโครงการ 39,590 หน่วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44242
Location: NECTEC
Posted: 08/01/2025 9:46 pm Post subject:
เช็กด่วน! สุริยะ เปิด 2 ช่องทางจองสิทธิ์ บ้านเพื่อคนไทย 20 ม.ค.นี้
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 18:56 น.
อัปเดตล่าสุด : วันพุธ ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 19:16 น.
20 ธ.ค.นี้ สุริยะ ยืนกรานเตรียมเปิดให้ประชาชนจองสิทธิ์ บ้านเพื่อคนไทย ผ่าน 2 ช่องทาง เผยขั้นตอน-เงื่อนไขคุณสมบัติ ลุ้นจับฉลากรับสิทธิ์ซื้อโครงการบ้านฯ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น ปัจจุบันจากนโยบายของรัฐบาลจะนำร่องในพื้นที่ 4 แห่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกอบด้วย 1.พื้นที่บางซื่อ กม.11 2.พื้นที่สถานีธนบุรี 3.พื้นที่เชียงราก 4.พื้นที่สถานีเชียงใหม่ ขณะเดียวกันในวันที่ 17 ม.ค.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ตรวจความพร้อมบ้านตัวอย่างที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนจะเปิดให้ประชาชนยื่นแสดงเจตจำนงต่อไป
ด้านขั้นตอนการยื่นแสดงเจตจำนงโครงการบ้านเพื่อคนไทย ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ประชาชนที่สนใจสามารถดำเนินการผ่าน 2 ช่องทาง ประกอบด้วย
1.สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
2.เว็บไซต์ www. บ้านเพื่อคนไทย.th
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า หลังจากทราบว่าได้รับสิทธิ์แล้วจะดำเนินการตามกระบวนการของธนาคารเพื่ออาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ต่อไป หากผ่านการพิจารณาแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการจับฉลากเพื่อรับสิทธิ์ในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ www. บ้านเพื่อคนไทย.th โดยผู้ที่ได้รับสิทธิ์ต้องต่อต่อเจ้าหน้าที่ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อทำการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่โครงการกำหนด หากไม่ผ่านเกณฑ์จะถือว่าสละสิทธิ์
โครงการบ้านเพื่อคนไทยจะนำร่องโครงการบนพื้นที่บางซื่อกม.11 โดยเป็นการก่อสร้างคอนโดมิเนียม 45 ชั้น เนื่องจากหากก่อสร้างคอนโดมิเนียมเพียง 8 ชั้น ในราคาขาย 2 ล้านบาทต่อหลัง มองว่าไม่คุ้มค่า เพราะที่ดินบริเวณดังกล่าวมีราคาแพงถึง 300 ล้านบาทต่อไร่ ควรก่อสร้าง 45 ชั้น จะคุ้มค่าต่อราคาบ้านที่จะเปิดขายในราคา 1 ล้านบาทต่อหลัง/ต่อห้อง มากกว่า ซึ่งจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ด้วย นายสุริยะ กล่าว
สำหรับการกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของผู้ซื้อสิทธิ์ ดังนี้
1.เป็นผู้มีสัญชาติไทย
2.เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน
3.เป็นผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อเดือน
4.ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
5.ไม่เคยได้สิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
เงื่อนไขการซื้อสิทธิ์โครงการบ้านเพื่อคนไทย
1.ผู้ซื้อสิทธิ์ 1 ท่าน มีสิทธิ์จองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการ แต่หากการพิจารณาให้สิทธิ์ในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้วและไม่ได้สิทธิ์ สามารถใช้สิทธิ์จองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้
2.ห้ามโอนสิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิ์
3.ห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์หรือทำนิติกรรมในลักษณะห้ามเช่าที่เป็นการต่างตอบแทนเพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการเพื่อใช้ประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ์
4.หากความปรากฎว่าผู้ซื้อสิทธิ์ขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง โดยขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทยบอกเลิกสัญญาหรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย
5.หากความปรากฎว่าผู้ซื้อสิทธิ์มีพฤติการณ์ปรากฎให้เห็นหรือเชื่อได้ว่าเป็นผู้มีรายได้เกินกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิบ้านเพื่อคนไทยบอกเลิกสัญญาหรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย
6.เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามประกาศที่กำหนด
7.สงวนสิทธิ์ที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆดังกล่าวข้างต้น
ปรับใหม่บ้านเพื่อคนไทย"นำร่อง บางซื่อกม. 11 ผุดตึกสูง 45 ชั้นสุริยะชี้ที่ดินแพงต้องคุ้มค่า เปิดจองผ่าน www. บ้านเพื่อคนไทย.th
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 19:20 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 09:49 น.
KEY POINTS
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กังวล: ไม่แน่ใจว่าการเพิ่มความสูงคุ้มค่ากับที่ดินหรือไม่
เปิดจอง: ผ่านเว็บไซต์ www. บ้านเพื่อคนไทย.th โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ซื้อ
แพทองธาร ชินวัตร ตรวจความพร้อม: จะตรวจเยี่ยมสำนักงานขายวันที่ 17 มกราคม 2566
สุริยะ เกรงไม่คุ้มค่าที่ดิน "บ้านเพื่อคนไทย" อัปไซส์พื้นที่นำร่อง "บางซื่อ กม.11" เพิ่มความสูงจาก 8 ชั้นเป็น 45 ชั้น เปิดจองผ่าน www. บ้านเพื่อคนไทย.th โดย ธอส.ตรวจสอบคุณสมบัติ เผย 17 ม.ค.นี้ "นายกฯ แพทองธาร" ลงพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพฯ ดูความพร้อมสำนักงานขายก่อนเปิดตัว 20 ม.ค.
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการบ้านเพื่อคนไทย ว่า โครงการทั้งหมดมี 4 พื้นที่ คือ พื้นที่บางซื่อ กม.11, พื้นที่สถานีเชียงใหม่, พื้นที่สถานีธนบุรี และพื้นที่เชียงราก โดยพื้นที่ที่จะเป็นโครงการนำร่องคือ บางซื่อ กม.11 ซึ่งล่าสุดได้มีการปรับเพิ่มความสูงเดิมจากอาคารชุด 8 ชั้น เป็น 45 ชั้น เพื่อรองรับความต้องการที่น่าจะมีจำนวนมากและพื้นที่บริเวณบางซื่อถือว่ามีมูลค่าสูงราคา 300 ล้านบาทต่อไร่ หากก่อสร้างอาคารเพียง 8 ชั้นจะไม่คุ้มกับมูลค่าที่ดิน ซึ่งประเมินราคาต้นทุนที่ห้องละประมาณ 2 ล้านบาท หากไปขาย 1 ล้านกว่าบาทจะไม่คุ้มค่าที่ดิน
ทั้งนี้ ทางบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) จะต้องไปทำการศึกษาออกแบบ และศึกษารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้สอดคล้องกับรูปแบบการพัฒนา โดยภาพรวม 4 พื้นที่มีการปรับเป้าหมายจาก 100,000 ยูนิต เป็น 300,000 ยูนิต
ทั้งนี้ ในวันที่ 17 ม.ค. 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนที่จะมีการเปิดตัวสำนักงานขายที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ซึ่งประชาชนสามารถไปลงทะเบียนเพื่อแสดงความสนใจจองสิทธิ
ขั้นตอนจองสิทธิ และจะเปิดเว็ปไซด์ " www. บ้านเพื่อคนไทย.th" เพื่อให้ประชาชนเข้าจองสิทธิได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งจะมีขั้นตอนการตรวจคุณสมบัติ เมื่อผ่านคุณสมบัติตามเงื่อนไข กรณีมีจำนวนเกินกว่าจำนวนห้องที่มีจะมีกระบวนการคัดเลือก เช่น จับฉลาก หรือ แรนดอม โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นแหล่งเงินโครงการ ทั้งค่าก่อสร้างและเงินกู้สำหรับผู้เช่าอยู่อาศัย โดยจะดำเนินการตามกระบวนการ ต่อไป
สำหรับคุณสมบัติ และเงื่อนไขของผู้ซื้อสิทธิ มีดังนี้ 1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย 2. เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ 3. เป็นผู้ที่มีรายได้ ณ วันลงทะเบียนไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน 4. ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท 5. ไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
ส่วนเงื่อนไขการซื้อสิทธิ 1. ผู้ซื้อสิทธิ 1 ท่าน มีสิทธิ์จองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น แต่หากการพิจารณาในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้วและไม่ได้สิทธิ สามารถใช้สิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้
2. ห้ามโอนสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่จดทะเบียนสิทธิ
3. ห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ หรือทำนิติกรรมในลักษณะที่เป็นการต่างตอบแทนเพื่อให้บุคคลอื่นใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง (ให้เช่า) เว้นแต่เป็นการใช้ประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ
4. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง โดยขอสงวนสิทธิในการยกเลิกในโครงการบ้านเพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย
5. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิมีพฤติกรรมปรากฏให้เห็นหรือเชื่อได้ว่าเป็นผู้มีรายได้เกินกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิในโครงการบ้านเพืไทย บอกเลิกสัญญาหรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย
6. เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามที่ประกาศกำหนด
7. สงวนสิทธิที่จะแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆ ดังกล่าวข้างต้น
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47787
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 13/01/2025 7:43 am Post subject:
'รฟท.'กางแผนพัฒนาที่ดินจี้SRTAเดินหน้าปั๊มรายได้
Source - ไทยโพสต์
Monday, January 13, 2025 04:17
หัวลำโพง * "วีริศ" กางแผนพัฒนาที่ดินรถไฟกว่า 2 แสนไร่ ปักหมุดนำร่องปีนี้ลุยปั้นที่ดิน แปลงใหญ่ทำเลทอง 28 ไร่ หวังสร้างรายได้และเพื่อให้ รฟท.ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจาก การพัฒนาที่ดินอย่างเต็มประ สิทธิภาพ
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่า การการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสร้างรายได้ให้กับการรถไฟฯ นอกจากการเดินรถแล้วนั้น รฟท.จะต้องเข้าบริหารสินทรัพย์ร่วมกับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. ผลักดันให้เกิดการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง (TOD) กับการเดินรถรูปแบบ Open Acces ภายใต้โครงการเดียวกัน เพื่อลดภาระการเดินรถในสายทางที่ไม่มีกำไร สนับสนุนให้เกิดการเพิ่ม FAR (Floor to Area Ratio) คือ อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน เพื่อให้ รฟท.ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการพัฒนาที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้จะเร่งรัดจัด การสัญญาสินทรัพย์มูลค่าสูง เช่น ที่ดินแปลงใหญ่ที่เคยดำเนินการผ่าน PPP โดยการรถไฟฯ มีที่ดินทั้งสิ้น 246,880 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ Core Business ซึ่งเป็นพื้นที่ย่านสถานี ที่ทำการ เขตทางรถไฟ จำนวน 201,868 ไร่ และพื้นที่ Non-Core Business ที่สามารถนำไปทำประโยชน์ได้ จำนวน 45,012 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพเชิงพาณิชย์ สามารถนำไปพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจำนวน 33,761 ไร่
อย่างไรก็ตามปัจจุบันการรถไฟฯ ได้ส่งมอบแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core) ให้กับ SRTA อย่างเป็นทางการ จำนวน 12,233 สัญญา บนพื้นที่กว่า 38,469 ไร่ เพื่อให้บริษัทลูกของการรถไฟฯ นำไป บริหารจัดการสัญญาเช่า โดย ที่ทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นกรรม สิทธิ์ของการรถไฟฯ เบื้องต้นมีแผนที่จะนำที่ดินแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ อีก 28 แปลง มาพัฒนาเพื่อสร้างรายได้เข้าการรถไฟฯ.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 13 ม.ค. 2568
## SRT Unveils Land Development Plan, Pushes SRTA to Boost Revenue
**Hua Lamphong** - Veeris Ammarapala, Governor of the State Railway of Thailand (SRT), revealed the progress in generating revenue for the railway. In addition to train operations, SRT will manage assets in collaboration with SRT Asset Co., Ltd. (SRTA), a subsidiary of SRT. This will involve promoting public-private partnerships (PPP) in high-potential areas (TOD) with Open Access train operations under the same project to reduce the burden of operating unprofitable routes. This also includes supporting an increase in Floor Area Ratio (FAR) to maximize returns from land development.
Furthermore, SRT will expedite the management of high-value asset contracts, such as large land plots previously operated through PPP. SRT has a total of 246,880 rai of land, divided into Core Business areas (station areas, offices, railway lines) totaling 201,868 rai, and Non-Core Business areas with development potential totaling 45,012 rai. Of these, 33,761 rai have commercial potential for value-added development.
Currently, SRT has officially handed over 12,233 lease contracts and the management of commercial areas (Non-Core) to SRTA, covering over 38,469 rai. This allows the subsidiary to manage lease agreements while SRT retains ownership of all assets. Initially, there are plans to develop 28 large plots of land with commercial potential to generate revenue for SRT.
**Source:** Thai Post Newspaper, January 13, 2025
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47787
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 13/01/2025 9:12 pm Post subject:
ลั่น'มท.'ไม่เพิกถอนที่ดิน'เขากระโดง' หลังคำอุทธรณ์'รฟท.'โดนยก คุยไม่รู้เรื่องรอศาลปค.ตัดสิน
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
Monday, January 13, 2025 14:08
'อนุทิน'เผย'มท.'ไม่เพิกถอนที่ดิน'เขากระโดง' หลังคำอุทธรณ์'รฟท.'โดนยก ขอให้รอศาลปกครองตัดสิน หลังคู่กรณีคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ไม่หวั่นฝ่ายค้านซักฟอก เพราะเรื่องเกิดก่อนเป็นมท.1
เมื่อเวลา 11.22 น.วันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจประเด็นเขากระโดง ว่า พร้อมตอบอยู่แล้ว และเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนเป็นรมว.มหาดไทย และการตั้งคณะกรรมการต่างๆ คำพิพากษาต่างๆก็เกิดขึ้นก่อนตนเป็นรมว.มหาดไทย เมื่อรับตำแหน่งก็พยายามสะสางให้เรื่องนี้เรียบร้อย
นายอนุทิน กล่าวว่า ล่าสุดปลัดกระทรวงมหาดไทยได้รายงานว่ารองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบเรื่องการอุทธรณ์ หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อุทธรณ์ความเห็นของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ดำเนินการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 และไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดง โดยรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จะลงนาม และยืนยันตามความเห็นของกรมที่ดิน
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ รฟท.ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของการรถไฟตามคำพิพากษาต่างๆ นายอนุทิน กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติของ รฟท.ตนถึงบอกว่าในเมื่อมีคู่กรณีและมีความเห็นไม่ตรงกัน จึงขอให้รอฟังที่ศาลปกครอง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าใครดื้อหรือไม่ดื้อ หรือใครตั้งใจทำอะไรผิดกฎหมายหรือไม่ ตนยืนยันกรมที่ดินไม่มีส่วนได้เสีย เพราะกรมที่ดินไม่ใช่เจ้าของที่ดินเขากระโดง สมมุติไปยึดที่ดิน 5 พันกว่าไร่แล้วจะเป็นที่ดินของกระทรวงเสียเมื่อไหร่ และขอย้ำว่ากรมที่ดินเป็นผู้รักษากฎหมาย
นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้อธิบดีกรมที่ดินยังระบุว่าหากไม่เห็นด้วยกับดุลพินิจหรือความเห็นคณะกรรมการตามมาตรา 61 ก็ไปดำเนินการฟ้องต่อศาลที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งกรมที่ดินพร้อมดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่างไม่มีการใหญ่กว่าศาล
เมื่อถามว่าหากการรถไฟไม่เห็นด้วยอีก จะมายื่นที่กรมที่ดินไม่ได้แล้วต้องไปที่ศาลเลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปที่ศาล ซึ่งตอนนี้เราก็รอคำตัดสินของศาลปกครองอยู่ ว่าจะให้ดำเนินการต่ออย่างไร ตอนนี้ทั้งกรมที่ดินและรฟท.คงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วไปที่ศาลก็ถูกแล้ว ศาลว่าอย่างไรก็ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาศาลบอกว่าที่ดิน 5 พันไร่เป็นของการรถไฟแต่ไม่ได้บอกให้ไปเพิกถอนทีละแปลง และที่มีคำตัดสิน 35 รายก็ไม่ได้สั่งให้เพิกถอน แต่ 35 รายอยู่มานานแต่ไปขอให้ออกโฉนดที่ดิน ศาลก็บอกไม่ได้เป็นของการรถไฟ กรมที่ดินก็ไม่ได้ออกโฉนดให้ ก็ทำตามคำสั่งศาล พอไปถึงศาลปกครอง คำพิพากษาให้ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 อย่างที่ตนไปตอบกระทู้ก็มีคนถามว่าไปตั้งนาย ส. ซึ่งเป็นนายกฯอบต.ที่อยู่ในตำบลในพื้นที่ ซึ่งก็ตั้งตามมาตรา 61 ไม่เกี่ยวข้องเป็นคนใกล้ชิดใคร เวลาตั้งคำถามต้องเกี่ยวกับสาระไม่ได้ไปดูคน ซึ่งก็โชคดีตนไม่ได้เป็นคนตั้ง
**Deputy PM Confirms No Revocation of "Khao Kradong" Land Amid Disputes; Awaits Administrative Court Ruling**
*Source: Naewna Website*
*Monday, January 13, 2025, 2:08 PM*
Deputy Prime Minister and Minister of the Interior, Anutin Charnvirakul, stated that the Ministry of Interior (MoI) will not revoke the land rights for "Khao Kradong" after the State Railway of Thailand (SRT) lost its appeal. He urged all parties to await the decision of the Administrative Court, emphasizing that previous discussions between the disputing parties had failed to yield results. He expressed no concern over opposition plans to question him in parliament, noting that the issue predates his tenure as Minister of the Interior.
At 11:22 AM on January 13, 2025, at the Government House, Mr. Anutin explained that he was ready to address opposition inquiries regarding the Khao Kradong land issue. He clarified that the matter had occurred before his appointment and that efforts to resolve the issue were ongoing during his term.
Mr. Anutin reported that the Permanent Secretary of the Interior Ministry had confirmed the ministrys stance. Specifically, the Deputy Permanent Secretary overseeing the appeal process upheld the Land Department's decision not to revoke the Khao Kradong land rights. This decision followed SRT's appeal of the Land Department Director-General's position, which was based on the formation of a committee under Section 61 of the Land Code.
When asked about SRTs earlier statement asserting ownership of the land based on legal judgments, Mr. Anutin acknowledged the differing opinions. He emphasized that resolving such disputes required the Administrative Court's intervention. He reiterated that the Land Department has no vested interest, as it is not the owner of the Khao Kradong land, and merely enforces the law.
The Land Department Director-General also indicated that if any party disagreed with the committee's judgment under Section 61, they could proceed to file legal actions with the appropriate court. The Land Department, he assured, would act in full compliance with legal rulings.
In response to questions about SRTs potential dissatisfaction with future rulings, Mr. Anutin stated that any further disputes must be addressed in court. He highlighted the current stalemate between the Land Department and SRT, reinforcing the necessity of the courts decision to provide clarity.
He also pointed out that previous rulings acknowledged the 5,000-rai land as belonging to SRT but did not mandate revocation of individual land titles. Among the 35 cases brought before the court, the court ruled that these lands were not owned by SRT, and no titles were issued for them. The Land Department, he said, had adhered strictly to the court's rulings. The Administrative Courts orders to establish a committee under Section 61 were also followed accordingly.
Mr. Anutin dismissed allegations of favoritism in committee appointments, explaining that appointments under Section 61 were procedural and unrelated to personal affiliations. He stressed that inquiries should focus on substantive matters rather than individuals.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44242
Location: NECTEC
Posted: 13/01/2025 9:45 pm Post subject:
ผ่านฉลุย "ครม." ไฟเขียว "บ้านเพื่อคนไทย" เปิดจองสิทธิ์ 17 ม.ค.นี้
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 12:49 น.
อัปเดตล่าสุด : วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 12:52 น.
ครม. เคาะ"บ้านเพื่อคนไทย" หลังคมนาคมชงของบกลาง ลุยศึกษาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟ เตรียมเปิดจองสิทธิ์ทั่วประเทศ 17 ม.ค.นี้
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ (13 ม.ค.68) ที่ประชุมครม.อนุมัติงบกลางตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในการศึกษาเรื่องพัฒนาที่อยู่อาศัยที่อยู่รอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย"
ทั้งนี้ในวันที่ 17 ม.ค. 68 เวลา 14.00 น. จะเปิดตัวโครงการให้ดูบ้านตัวอย่าง พร้อมแถลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนเรื่องที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) มีโอกาสได้ถือครอง และมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการนี้เป็นนโยบายรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย ร่วมกับโครงการค่าเดินทางรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยราคาผ่อนจะเริ่มต้นที่ 4,000 บาท
ขณะเดียวกันโครงการบ้านเพื่อคนไทยได้นำร่องบนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 4 แห่ง คือ พื้นที่บางซื่อ กม.11, เชียงราก, สถานีธนบุรี และสถานีเชียงใหม่ โดยประชาชนสามารถจองสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ www. บ้านเพื่อคนไทย.th
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. สัญชาติไทย
2. บรรลุนิติภาวะ ณ การลงทะเบียน
3. ผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียนไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน
4. ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
5. ไม่เคยได้สิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
บ้านเพื่อคนไทย เช็กเงื่อนไข-วิธีลงทะเบียน ก่อนเปิดตัว 17 ม.ค.นี้
ในประเทศ
วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 17:12 น.
คมนาคม เปิดเงื่อนไข ครม. เคาะงบกลาง 160 ล้าน ดัน บ้านเพื่อคนไทย
ฐานเศรษฐกิจ
ออนไลน์เมื่อ: วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 14:34 น.
อัปเดตล่าสุด : วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 14:43 น.
ครม.เคาะงบกลาง 166 ล้านบาท คิกออฟบ้านเพื่อคนไทย 17 ม.ค.เปิดตัวห้องตัวอย่างนำร่อง 4 พื้นที่ 4,000 ยูนิต
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 16:43 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 20:13 น.
โครงการจะเริ่มอย่างเป็นทางการ (Kick off) วันที่ 17 มกราคม นี้ โดยนายกรัฐมนตรีจะเปิดตัวบ้านเดี่ยวและห้องตัวอย่าง
โครงการนำร่องใน 4 พื้นที่
ประชาชนสามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www. บ้านเพื่อคนไทย.th
ล็อตแรกมีบ้านให้จอง 4,000 ยูนิต
คมนาคม เผย ครม.ไฟเขียวงบกลางศึกษา บ้านเพื่อคนไทย วงเงิน 160 ล้านบาท นำร่อง 4 พื้นที่ของรฟท. พร้อมเปิดเงื่อนไขผู้มีสิทธิ์ซื้อ-เช็คคุณสมบัติ ที่นี่
บ้านเพื่อคนไทย เช็กเงื่อนไข-คุณสมบัติ ก่อนเปิดตัว 17 ม.ค.นี้ ที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ มีทั้งบ้านเดี่ยวและห้องชุด พร้อมเปิดให้ประชาชนชมบ้านตัวอย่าง ซึ่งมีทั้งห้องชุดและบ้านเดี่ยว นำร่อง 4 ทำเล ผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาท
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับ โครงการบ้านเพื่อคนไทย ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบประมาณตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในการของบฯกลางเพื่อศึกษาเรื่องพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือบ้านเพื่อคนไทย โดยวันที่ 17 ม.ค. 2568 เวลา 14.00 น. จะเปิดให้ดูบ้านตัวอย่าง ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน
เมื่อถามว่างบประมาณที่ใช้ในโครงการเท่าไหร่ และจะเปิดให้จองเมื่อไหร่ นายกฯกล่าวว่า 160 ล้านบาท ในการศึกษาโครงการ ในส่วนเรื่องของรายละเอียดเราจะค่อย ๆ เปิดทีละอย่าง อันนี้เป็นเรื่องการศึกษาก่อน และในการเปิดตัววันที่ 17 ม.ค.นี้ จะเป็นการให้เห็นภาพอารมณ์เหมือนเราไปดูบ้านหรือคอนโดฯ จะได้เห็นห้องตัวอย่างก่อนว่าจะเป็นภาพแบบไหน
เมื่อถามว่าทำเลนำร่องจะมีกี่แห่ง นายกฯกล่าวว่า ให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม จะเป็นผู้แถลงทั้งหมด
ทางด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบฯกลาง 160 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในการศึกษาเรื่องพัฒนาที่อยู่อาศัยที่อยู่รอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือโครงการ บ้านเพื่อคนไทย โดยจะเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่สถานีกลางอภิวัฒน์ ประตูที่ 1 มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมเปิดให้ประชาชนชมบ้านตัวอย่าง ซึ่งมีทั้งห้องชุดและบ้านเดี่ยว
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย จะประกอบด้วย คอนโดมิเนียมขนาดห้องพักขนาด 30-51 ตารางเมตร เบื้องต้น ขนาด 8 ชั้น หลังจากนั้นจะขยายโครงการเป็น 45 ชั้น เพื่อให้คุ้มค่าต่อการพัฒนาโครงการ และรองรับความต้องการที่น่าจะมีจำนวนมาก รวมถึงสามารถปรับราคาต่อห้องให้ถูกลงได้ และโครงการบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 50 ตารางเมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา
โครงการนี้เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยร่วมกับค่าเดินทางรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับประชาชน โดยราคาผ่อนชำระเริ่มต้นที่ 4,000 บาท นายสุริยะกล่าว
@ คุณสมบัติผู้ได้สิทธิซื้อโครงการ
1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย
2. เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน
3. เป็นผู้ที่มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน
4. ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
5. ไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
@ เงื่อนไขการซื้อสิทธิ 7 ข้อ
1. ผู้ซื้อสิทธิ 1 ท่าน มีสิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น แต่หากการพิจารณา ให้สิทธิในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้วและไม่ได้สิทธิ สามารถใช้สิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้
2. ห้ามโอนสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิ
3. ห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ หรือทำนิติกรรมในลักษณะเป็นการต่างตอบแทนเพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ
4. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง โดยขอสงวนสิทธิในการยกเลิกสิทธิในโครงการบ้าน เพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตามเหตุและปัจจัย
5. หากความปรากฏว่าผู้ซื้อสิทธิมีพฤติการณ์ปรากฏให้เห็นหรือเชื่อได้ว่าเป็นผู้มีรายได้เกินกว่า 50,000 บาท ต่อเดือน ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย บอกเลิกสัญญา หรือปรับอัตราผลตอบแทนตาม เหตุและปัจจัย
6. เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามที่ประกาศกำหนด
7. สงวนสิทธิที่จะแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขใด ๆ ดังกล่าวข้างต้น
@ ผ่อนเริ่มต้น 4 พันบาท-นำร่อง 4 ทำเล
นายสุริยะกล่าวต่อว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทย จะนำร่องเอาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 4 แห่ง คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กิโลเมตรที่ 11, สถานีเชียงราก, สถานีธนบุรี และที่เชียงใหม่ รวมประมาณ 4,000 ยูนิต ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียน แสดงเจตจำนงเข้าร่วมโครงการได้ผ่านเว็บไซต์ www. บ้านเพื่อคนไทย.th โดยกรอกหมายเลขบัตรประชาชนพร้อมเบอร์โทรศัพท์
สำหรับขั้นตอนการแสดงเจตจำนง โครงการบ้านเพื่อคนไทย เมื่อประชาชนเข้าไปจองผ่าน www. บ้านเพื่อคนไทย.th (รอเปิดหลัง 17 ม.ค. 68) หลังจากนั้นขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการตามกระบวนการของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งจะตรวจสอบคุณสมบัติ และประกาศผล Preapprove ผู้ที่สามารถยื่นเอกสารจองสิทธิซื้อบ้านเพื่อคนไทยได้ พร้อมทั้งติดต่อกลับไปยังผู้ที่ได้รับสิทธิ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการจับสลากเพื่อรับสิทธิในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทยต่อไป
โดยผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิตามวันและเวลาที่ธนาคารกำหนด เพื่อจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่โครงการกำหนด หากไม่ผ่านเกณฑ์จะถือว่าเป็นการสละสิทธิ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับไทม์ไลน์โครงการบ้านเพื่อคนไทยปี 2568-2570 หลังจากนายกฯแพทองธาร กดปุ่มเปิดตัววันที่ 17 มกราคมแล้ว จะเริ่มต้นกระบวนการสร้าง-ขาย-โอนตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2568 ตามแผนคาดว่าจะส่งมอบบ้านเพื่อคนไทยโครงการนำร่องในเดือนธันวาคม 2568 จำนวน 154 หน่วย, เดือนมิถุนายน 2569 กำหนดส่งมอบ 4,256 หน่วย, เดือนธันวาคม 2569 ส่งมอบ 56,000 หน่วย และภายในปี 2570 ส่งมอบอีก 39,590 หน่วย รวมเป็น 100,000 หน่วย...
@ SRTA คาดใช้งบรวม 470 ล้านบาท ออกแบบและศึกษา EIA
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานประมาณ เพื่อดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย วงเงิน 470 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณพิจารณาและนายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม โดย SRTA ใช้จ่ายงบกลางปี 2568 ภายในกรอบวงเงิน 166 ล้านบาท สำหรับงบฯส่วนที่เหลือ จำนวน 304 ล้านบาท ให้พิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้หรือเงินนอกงบฯ ในโอกาสแรก หรือขอรับจัดสรรงบฯ เพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยรายละเอียดวงเงินในการดำเนินงาน ประกอบด้วย 1. ค่าจ้างที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมและจัดทำรายงาน EIA ของโครงการพัฒนาที่อยู่อาศับรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพพื้นที่นำร่อง 3 โครงการ งบประมาณ 300 ล้านบาท
2.ค่าจ้างศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ค่าจ้างงานออกแบบทางแนวคิด (Conceptual Design) และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (รายงาน IEE) ของโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพสูงต่อเนื่อง 22 โครงการ วงเงิน 50 ล้านบาท
3.งบประมาณค่าชดเชยและเยียวยาผู้ดั้บผลกระทบสำหรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพในพื้นที่นำร่อง วงเงิน 120 ล้านบาท
https://mgronline.com/business/detail/9680000003771
https://www.prachachat.net/general/news-1733253
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group