View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 21/02/2025 1:59 pm Post subject:
แก้ไม่จบ! เครือข่ายสลัม4 ภาค ล้อมคมนาคมสุรพงษ์สั่งเร่งทำสัญญาเช่า จบในมี.ค. 68
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 17:55 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 17:55 น.
คมนาคมแก้ไม่จบ ปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดิน รถไฟ สุรพงษ์ถกตัวแทนเครือข่าย สลัม 4 ภาคสั่งรฟท. เอสอาร์ทีแอสเสท เร่งดำเนินการทำสัญญาเช่า ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค. 2568
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยมี นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวณภัทรา กมลรักษา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้แทน รฟท. บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ผู้แทนชุมชนที่อยู่อาศัยในที่ดินของ รฟท. เครือข่ายสลัม 4 ภาค และกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม
ad
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีความจริงใจที่จะเร่งแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางรถไฟทั่วประเทศ โดยในวันนี้ได้มีพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นผู้แทนชุมชนต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในที่ดินของ รฟท. มาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ซึ่งในที่ประชุม ได้มีข้อสั่งการให้ รฟท. และ อทส. เร่งดำเนินการให้ชุมชนให้มีที่อยู่อาศัย ดังนี้
1. มอบหมายให้ รฟท. อทส. และ พอช. ดำเนินการจัดทำสัญญาเช่า จำนวน 7 ชุมชน ดังนี้ กลุ่ม 1 จำนวน 2 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนฟ้าใหม่ร่วมพัฒนา และชุมชนพุทธมณฑลสาย 2 ให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 และดำเนินการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 มีนาคม 2568
กลุ่ม 2 จำนวน 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนคลองเปล 4 ชุมชนหัวนา ชุมชนแปลง กม. 11 ชุมชนทุ่งสว่างตะวันออกเฟส 3 และชุมชนศูนย์คนไร้บ้านสุวิทย์วัดหนู ให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 และดำเนินการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 14 มีนาคม 2568
2. มอบหมายให้ รฟท. และ อทส. ดำเนินการจัดทำ ทด.3 และแจ้งเงื่อนไขการทำสัญญาเช่า จำนวน 21 ชุมชน ไปยัง พอช. ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้แก่ ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร/ภาคกลาง จำนวน 4 ชุมชน โดยให้ลงพื้นที่จัดทำ ทด.3 ระหว่างวันที่ 9 12 มีนาคม 2568 ชุมชนภาคอีสาน จำนวน 7 ชุมชน ให้ลงพื้นที่จัดทำ ทด.3 ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1 มีนาคม 2568 ชุมชนภาคใต้ จำนวน 10 ชุมชน ให้ลงพื้นที่จัดทำ ทด.3 ระหว่างวันที่ 3 7 มีนาคม 2568 ส่วนชุมชนโรงธูป ได้ดำเนินการจัดทำ ทด.3 แล้วเสร็จในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568
3. ในระหว่างที่รอให้คณะกรรมการ รฟท. (บอร์ด รฟท.) เห็นชอบการถ่ายโอนอำนาจหน้าที่การให้เช่าที่ดินของ รฟท. จาก อทส. มายัง รฟท. ให้ รฟท. และ อทส. ดำเนินการคู่ขนานในส่วนของการจัดทำ ทด.3 และการแจ้งเงื่อนไขไปยัง พอช. ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มีนาคม 2568 จำนวน 18 ชุมชน
4. ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับกระทรวง เพื่อกำกับดูแลและแก้ไขปัญหา โดยมีผู้แทนชุมชนร่วมเป็นกรรมการ
อย่างไรก็ตาม ได้มีประชาชนที่มีปัญหาที่อยู่อาศัยบนที่ดินรถไฟ และเครือข่ายสลัม 4 ภาค หลายร้อยคนรวมตัวกันด้านหน้ากระทรวงคมนาคม บริเวณถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. จนถึง วันที่20 ก.พ.2568 โดยหลังจากมีการประชุมคาดว่าจะมีการทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา
รฟท. จัดรถไฟส่งผู้ชุมนุมขบวนคนจนเมืองเพื่อสิทธิที่อยู่อาศัย เครือข่ายสลัม 4 ภาค กลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพใน 4 เส้นทางสายใต้ อีสาน หลังยุติการชุมนุมที่หน้ากระทรวงคมนาคม
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมขบวนคนจนเมืองเพื่อสิทธิที่อยู่อาศัย เครือข่ายสลัม 4 ภาค ได้ส่งตัวแทนร่วมหารือกับนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานการประชุมแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยที่ประชุมได้สั่งการให้เร่งรัดพิจารณาแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 2568 ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมรู้สึกพอใจและยุติการชุมนุมเพื่อทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในที่สุด หลังจากที่ชุมนุมปักหลักค้างคืนตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายวีริศ กล่าวด้วยว่า นายสุรพงษ์ยังสั่งการให้การรถไฟฯ จัดขบวนรถเพื่อส่งผู้ชุมนุมกลับภูมิลำเนาใน 4 เส้นทางประกอบด้วย สายใต้ 2 เส้นทาง โดยเป็นการพ่วงรถโดยสารไปกับขบวนรถเร็วที่ 169 (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ยะลา) เพื่อไปส่งยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ ซึ่งมีผู้เดินทางประมาณ 100 คน และพ่วงรถโดยสารไปกับขบวนรถเร็วที่ 167 (กรุงเทพอภิวัฒน์ - กันตัง) เพื่อไปส่งยังสถานีชุมทางทุ่งสง และพ่วงต่อจากสถานีชุมทางทุ่งสงไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่โดยขบวนรถธรรมดาที่ 447 (สุราษฎร์ธานี - สุไหงโกลก) ซึ่งมีผู้เดินทางประมาณ 250 คน และสายตะวันออกเฉียงเหนือ 2 เส้นทาง โดยเป็นการพ่วงรถโดยสารไปกับขบวนรถเร็วที่ 133 (กรุงเทพอภิวัฒน์ - คำสะหวาด) เพื่อไปส่งยังสถานีหนองคาย ซึ่งมีผู้เดินทางประมาณ 140 คน และพ่วงรถโดยสารไปกับขบวนรถเร็วที่ 141 (กรุงเทพอภิวัฒน์ - อุบลราชธานี) เพื่อไปส่งยังสถานีอุบลราชธานี ซึ่งมีผู้เดินทางประมาณ 80 คน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องทุกคนได้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1062123235945667
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 27/02/2025 9:32 am Post subject:
บุกรังแก๊งตัดสายไฟ สร้างที่พักบนยอดตอม่อ ของกินของใช้มีครบ ใช้บันไดลิงขึ้นลง ล่อสายเคเบิ้ลเกือบหมดรางรถไฟ ต้นเหตุสัญญาณขัดข้อง ไม่กั้นไม่ทำงาน ชาวบ้านเดือดร้อนอันตราย เสียหายหลายล้าน
https://www.facebook.com/watch/?v=970686068540825
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 03/03/2025 10:37 am Post subject:
ชำแหละค่าเช่าแผงจตุจักร ผู้ค้าร้องยกเลิกค่าปรับโหด - สัญญาทาส!? : [SondhiX]
sondhitalk
1 มี.ค. 2025
ตลาดนัดจตุจักรแดนสนธยาแห่งผลประโยชน์และการเมือง จับเรื่องไหน ตรงไหน ก็เจอแต่ความผิดปกติ กี่ยุคกี่สมัยก็ไม่เคยแก้ไขได้
https://www.youtube.com/watch?v=kmsZMzyZK_Y
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 05/03/2025 9:32 am Post subject:
เม.ย.นี้ จับสลาก บ้านเพื่อคนไทย ลุยต่อเฟส 2 ล้างหนี้ รฟท. 2 แสนล้าน
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันพุธ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 08:22 น.
กลาง มี.ค.นี้ ปิดลงทะเบียน บ้านเพื่อคนไทย พร้อมชง ครม.เคาะโครงการ คาด เม.ย.นี้ จับสลากผู้ได้รับสิทธิเฟสแรก 5,700 ยูนิต ปรับแผน เชียงใหม่ สร้างคอนโดเพิ่ม หลังดีมานต์พุ่ง เริ่มสร้างปีนี้ ได้เข้าอยู่ปลายปี 69 ลุยต่อเฟส 2 เม.ย. ลงทะเบียน 5 พื้นที่ 7,100 ยูนิต เชื่อใช้พื้นที่แค่ 4% แต่สร้างรายได้โละหนี้ 2 แสนล้านให้ รฟท. ได้
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีประชาชนลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทย ระยะ(เฟส) ที่ 1 ผ่านทางเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th อย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุด พบว่า มีผู้ลงทะเบียนมาแล้วประมาณ 3.5 แสนคน ในจำนวนนี้มีผู้ผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กว่า 1.4 แสนราย อย่างไรก็ตามประมาณกลางเดือน มี.ค.68 กระทรวงคมนาคมจะรายงานข้อมูลการลงทะเบียนฯ รวมทั้งรูปแบบ และรายละเอียดการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟว่าจะเป็นแบบใด จำนวนเท่าใด เพื่อขออนุมัติการดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย หากเห็นชอบจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างทันที
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า พื้นที่กม.11 (วิภาวดี) ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนแจ้งความประสงค์มากที่สุด รองลงมาคือ พื้นที่ธนบุรี (ศิริราช), พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, และพื้นที่เชียงราก จังหวัดปทุมธานี ตามลำดับ โดยในส่วนของพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก 3-4 หมื่นคน ขณะที่มีบ้านให้จองเพียง 35 หลัง จึงปรับแผนให้มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมารองรับความต้องการของประชาชนด้วย อย่างไรก็ตามประมาณกลางเดือน มี.ค.นี้ จะปิดรับลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมชั่วคราว คาดว่าจะเริ่มจับสลากผู้ได้รับสิทธิบ้านเพื่อคนไทย เฟสที่ 1 ประมาณ 5,700 ยูนิต ในเดือน เม.ย.68 ดำเนินการโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อยืนยันความโปร่งใส
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อจับสลากแล้วเสร็จ ผู้ที่ได้รับสิทธิจะเข้าทำสัญญากับ ธอส. ขณะเดียวกัน บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) จะเปิดประมูลหาผู้รับจ้าง เพื่อก่อสร้างบ้านเพื่อคนไทย เฟสแรก พร้อมกันทั้ง 4 พื้นที่ภายในปี 2568 ทันที และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมทั้งสามารถส่งมอบให้ประชาชนได้ประมาณปลายปี 2569 อย่างไรก็ตามสำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนเข้ามาแล้ว และไม่ได้รับสิทธิในเฟสแรก จะมีสิทธิเข้าร่วมจับสลากในเฟสต่อๆ ไป เบื้องต้นคาดว่าเฟสที่ 2 ประมาณ 7,100 ยูนิต จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งประมาณเดือน เม.ย.68 ทั้งช่องทางออนไลน์ และที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยเฟสนี้จะดำเนินการในพื้นที่โคราช จังหวัดนครราชสีมา, ขอนแก่น, ชลบุรี, กาญจนบุรี และพื้นที่ กม.11(วิภาวดี)
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นจะประกาศดำเนินโครงการเฟสต่อๆ ไปในทุกเดือน ตั้งเป้าหมายให้ได้ประมาณ 1 แสนยูนิต อย่างไรก็ตามที่ดินของ รฟท. ที่จะนำมาใช้ดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น คิดเป็นประมาณ 4% ของที่ดินเปล่าทั้งหมดประมาณ 3.8 หมื่นไร่ แต่สามารถสร้างรายได้ให้กับ รฟท. ได้มากกว่าการนำพื้นที่ รฟท. ไปให้เช่า เชื่อว่าหากดำเนินการไปประมาณ 3-4 ปี จะสามารถนำรายได้มาล้างหนี้ รฟท. ที่มีกว่า 2 แสนล้านได้หมด และยังเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง ถือเป็นการฉีดยาตรงโรค นอกจากนี้พนักงานของ รฟท. ฝ่ายปฏิบัติการ จะได้รับสิทธิพิเศษจากโครงการนี้เช่นกัน เพราะเป็นสวัสดิการที่พนักงานกลุ่มนี้ต้องได้รับอยู่แล้ว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายมองว่าโครงการนี้ส่งผลกระทบต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ ขอยืนยันว่า ไม่น่าส่งผลกระทบ เพราะเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกัน นอกจากนี้บ้านเพื่อคนไทย จะไม่เหมือนกับบ้านเอื้ออาทรแน่นอน เพราะบ้านเพื่อคนไทยมีโลเคชั่นที่ดีใกล้สถานีรถไฟฟ้า และรถไฟ รวมทั้งมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ขณะเดียวกันบ้าน และคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้าง จะเป็นเหมือนกับบ้านตัวอย่างที่จัดแสดงที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และระบบต่างๆ จะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ด้วย...
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 05/03/2025 10:21 pm Post subject:
คมนาคมโยก 32 ครัวเรือนกม.11 เปิดพื้นที่สร้างบ้านเพื่อคนไทยลุยแก้ที่ดินรถไฟ 308 ชุมชนทำสัญญาครบปี 70
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 18:08 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 18:08 น.
KEY POINTS
เร่งดำเนินการอีก 26 ชุมชนทั่วประเทศในเดือนมีนาคมนี้
เป้าหมายปี 70 : 308 ชุมชน 24,000 ครัวเรือน มีสัญญาถูกต้อง
โยกย้าย 32 ครัวเรือนจาก กม.11 ไปโครงการสร้างบ้านเพื่อคนไทย
ชาวบ้านโต้แย้งจำนวนครัวเรือนที่ได้รับสัญญา เหลือ 83 ครัวเรือน (แตกต่างจากข้อมูลทางการ)
สุรพงษ์มอบสัญญาเช่าที่ดิน รฟท. ให้ 241 ครัวเรือน พร้อมเร่งอีก 26 ชุมชนทั่วประเทศในมี.ค.นี้ เป้า 308 ชุมชน 24,000 ครัวเรือนมีสัญญาถูกต้องครบปี 70 เผยโยก 32 ครัวเรือนจากกม.11 เปิดทางสร้าง บ้านเพื่อคนไทย ด้านชาวบ้านแย้งมีทั้งหมด 83 ครัวเรือน ซึ่งต้องพิสูจน์ต่อไป
วันที่ 3 มีนาคม 2568 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีส่งมอบบันทึกแนบท้ายสัญญาเช่าที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้แก่ ชุมชนฟ้าใหม่ร่วมใจพัฒนา จำนวน 169 ครัวเรือน และชุมชนพุทธมณฑลสาย 2 กรุงเทพมหานคร จำนวน 72 ครัวเรือน รวม 241 ครัวเรือน เพื่อสนับสนุนสิทธิที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ว่า จากที่กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินของ รฟท. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมอบหมายให้ อทส. ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. เร่งดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยวันนี้ มีประชาชนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ชุมชนฟ้าใหม่ร่วมใจพัฒนา จำนวน 169 ครัวเรือน และชุมชนพุทธมณฑลสาย 2 จำนวน 72 ครัวเรือน ที่ได้รับมอบบันทึกแนบท้ายสัญญาเช่าที่ดินของ รฟท. ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง รฟท. บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) หรือ SRTA สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ผู้แทนชุมชน และเครือข่ายสลัม 4 ภาคเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางจนบรรลุผล
ที่ผ่านมา ชุมชนที่อาศัยในพื้นที่ของ รฟท.อยู่กันแบบไม่มีสัญญาที่ชัดเจน ไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง ซึ่ง นโยบายของรัฐบาล กระทรวงคมนาคม ได้ขับเคลื่อนให้เกิดความถูกต้องและชอบธรรม โดยตนได้เข้ามาเร่งรัดดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 มีการสำรวจและพิสูจน์สิทธิ์ยืนยันตัวตนกันมาตามลำดับ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกับกับทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินของ รฟท. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมอบหมายให้ SRTA ซึ่งเป็นบริษัทลูก บริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. เร่งดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยในวันที่ 14 มีนาคม 2568 จะมีการลงนามในสัญญาเช่า อีก 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนคลองเปล 4, ชุมชนหัวนา ,ชุมชนแปลง กม. 11 , ชุมชนทุ่งสว่างตะวันออกเฟส 3 และชุมชนศูนย์คนไร้บ้านสุวิทย์วัดหนู
นอกจากนี้ รฟท. และ SRTA อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำ ทด.3 และแจ้งเงื่อนไขการทำสัญญาเช่า จำนวน 21 ชุมชน ไปยัง พอช. ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้แก่ ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร/ภาคกลาง จำนวน 4 ชุมชน ชุมชนภาคอีสาน จำนวน 7 ชุมชน และชุมชนภาคใต้ จำนวน 10 ชุมชน
สำหรับ ชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่รถไฟ มีจำนวน 308 ชุมชน จำนวน 24,000 ครัวเรือน ที่ผ่านมาได้มอบสัญญาเช่าแล้ว 90 ชุมชน ที่เหลือ จะมีการดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2570
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการสำรวจและลงทะเบียน ยืนยันสำหรับชุมชนแปลง กม. 11 มีจำนวน 32 ครัวเรือน และได้เจรจาเพื่อให้ย้ายไปอยู่ชุมชนใหม่ ที่โชติวัฒน์ ริมทางรถไฟ เขตบางซื่อ เนื่องจากพื้นที่กม.11 จะนำมาดำเนินโครงการ บ้านเพื่อคนไทย ประมาณ 15 ไร่ โดยทาง พอช. ได้รับงบประมาณ มาดำเนินการช่วยเหลือในเรื่องการจัดการด้านสาธารณูปโภคและค่าก่อสร้างบ้านเบื้องต้น ประมาณ 1.8 แสนบาท ต่อหลัง และชุมชนจะชำระค่าเช่าผ่าน พอช.เพื่อจ่ายให้รฟท.อีกที ส่วนที่มีเพิ่มขึ้นมา ก็ต้องพิสูจน์สิทธิ์
ขณะที่ตัวแทนชาวบ้าน ระบุว่า พื้นที่กม. 11 มี 2 ชุมชน รวมจำนวน 83 ครัวเรือน ซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือในการย้ายไปที่ โชติวัฒน์ สำหรับการทำสัญญาเช่าพื้นที่รถไฟนั้น อัตราที่ 9 สูงสุดไม่เกิน 25 บาท /ตร.ม.ซึ่งชาวบ้านรับได้ โดยในเขตทาง สัญญา 3 ปี
ด้านผู้อำนวยการสำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. กล่าวว่า พอช.ได้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง (โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยฯ) โดยเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณ ปี 2566-2570 รวม 7,718.94 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ1.สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค 2. สนับสนุนสิ่งปลูกสร้าง 3. ช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการที่อยู่อาศัยชั่วคราวหรือเช่าบ้านหอพักระหว่างการรอปลูกสร้าง โดยในปี 2567 ได้รับงบ จำนวน 96 ล้านบาท สำหรับ 340 ครัวเรือน ปี 2568 ได้รับงบ 250 ล้านบาทสำหรับ 2,000 ครัวเรือน และปี 2569 เตรียมเสนอของบ 300 ล้านบาท สำหรับ 2,900 ครัวเรือน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 05/03/2025 10:32 pm Post subject:
มหากาพย์เขากระโดง ทวงคืนสมบัติแผ่นดิน ผลงานข่าวดีเด่น รางวัลอิศรา อมันตกุล โดย กรุงเทพธุรกิจ
.
งานประกาศผลรางวัล รางวัลอิศรา อมันตกุล ประจำปี 2567 เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม ของทุกปี สำหรับในปีนี้ จัดขึ้นวันที่ 4 มี.ค.68 โดย กรุงเทพธุรกิจ คว้ารางวัล ข่าวดีเด่น จากผลงาน เขากระโดง ทวงคืนสมบัติแผ่นดิน
.
ผลงานข่าวดีเด่น "มหากาพย์เขากระโดง ทวงคืนสมบัติแผ่นดิน" โดย "กรุงเทพธุรกิจ" เป็นการตรวจสอบที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กลายเป็น มหากาพย์ ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 102 ปี ข้ามผ่านมาหลายสิบรัฐบาล แต่เรื่องกลับถูกซุกไว้ใต้พรมการเมือง
.
📍 มหากาพย์ เขากระโดง ทวงคืนสมบัติแผ่นดิน
.
ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กลายเป็น มหากาพย์ ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 102 ปี
.
ข้ามผ่านมาหลายสิบรัฐบาล แต่เรื่องกลับถูกซุกไว้ใต้พรมการเมือง
.
วัตถุประสงค์ในการนำเสนอข่าวเรื่องนี้ของ กรุงเทพธุรกิจ คือ เพื่อตีแผ่ให้สังคมเห็นถึง ความไม่ปกติ ในกระบวนการแก้ปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ชี้ให้เห็น ทางออกในการแก้ปัญหาที่ดินแห่งนี้
.
ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างที่ดินหลวงกับที่ดินเอกชน แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่เมื่อผู้ถือครองที่ดิน มีอำนาจทางการเมือง คำชี้ขาดของ หน่วยงานกระบวนการยุติธรรม กลับไม่นำไปสู่การปฏิบัติตาม
.
ขณะที่หน่วยงานรัฐ ภายใต้สังกัด ได้ใช้ช่องว่างทางกฎหมาย หาทางออกให้ผู้มีอำนาจการเมือง
.
ที่ดินแห่งนี้ มีการจำแนกลักษณะเอกสารการใช้ที่ดิน 995 ฉบับ แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ประกอบด้วย
.
1. โฉนดที่ดิน 700 ราย
2. ที่ดินมีการครอบครอง 19 ราย
3. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส.3 ก. 7 ราย
4. หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง 1 ราย
5. ทางสาธารณประโยชน์ 53 แปลง
6. ไม่ปรากฏในระวางแผนที่ 129 แปลง
.
ในส่วนที่เป็นกลับมาเป็นเรื่องราวอีกครั้ง เนื่องจากข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาของศาล ระบุว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีการถือครองในชื่อบุคคล และนิติบุคคล รวมถึงปล่อยเช่าให้นิติบุคคลด้วยวิธีซับซ้อน โดยมีที่ดินอย่างน้อย 12 แปลง 288 ไร่ ที่อยู่ในชื่อคนในตระกูลการเมือง และนอมินี
.
กรุงเทพธุรกิจ จึงค้นหาข้อมูล และหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อพิสูจน์ว่า เขากระโดง มีเจ้าของตัวจริง คือการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. ที่เป็นผู้มีเอกสิทธิ์ในการถือครอง ตั้งแต่การเวนคืนที่ดินปี 2462 สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กรมรถไฟหลวงเริ่มลงมือตรวจแนวทางรถไฟ เป็นไปตามพระราชโองการ เพื่อเชื่อมต่อกับทางรถไฟที่มีอยู่แล้วใน จ.นครราชสีมา
.
กระทั่งต่อมา ได้มีคำพิพากษา ศาลฎีกา และ ศาลปกครอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 วินิจฉัยไว้อย่างชัดแจ้งว่า
.
ที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กิโลเมตร 375+650 เป็นส่วนหนึ่งของพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตสร้างทางรถไฟต่อจากนครราชสีมา ถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พ.ย.2462
.
ทว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ยังคงออกเอกสารชี้แจงรวม 3 ฉบับ อ้างว่า คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินฯ มีมติเอกฉันท์ ไม่เพิกถอน หนังสือแสดงสิทธิที่ดินบริเวณเขากระโดง ทุกอย่างดำเนินการถูกต้องตามข้อกฎหมาย โดยให้ รฟท.ไปพิสูจน์สิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางศาลอีกครั้ง
.
จะเห็นได้ว่า ต้องการให้กระบวนการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง ย้อนกลับไป นับหนึ่งใหม่ ทั้งที่ผ่านคำพิพากษาศาลอันถึงที่สุดมาแล้วหลายครั้ง
.
สะท้อนภาพให้เห็นว่า ผู้มีอำนาจทางการเมืองพยายามหักล้างหลักฐาน เพื่อยื้อให้ที่ดินเขากระโดง อยู่ในความครอบครองของกลุ่มตัวเอง
.
จากการค้นหาเอกสารหลักฐาน พยานต่างๆ ติดตามตรวจสอบในหลายมิติ ในที่สุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีความพยายามหาทางออก
.
โดยกระทรวงคมนาคม ซึ่งกำกับดูแล รฟท.ได้หาแนวทางดำเนินการที่เป็นธรรม ตามระเบียบปฏิบัติของราชการ และข้อกฎหมาย เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับประเด็นการออกโฉนดทับซ้อนบริเวณเขากระโดง
.
เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีตาม ม.157 กับอธิบดีกรมที่ดิน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานรัฐ หากไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกให้กับประชาชนในพื้นที่ทับซ้อน
.
เตรียมฟ้องศาลปกครอง กรณีที่กรมที่ดินไม่เพิกถอนโฉนดตามพิพากษาของศาล
.
พร้อมทั้งหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำสัญญาเช่าที่ดิน หรือการครอบครองกรรมสิทธิที่ดินในพื้นที่ทับซ้อนของผู้ครอบครองรายบุคคล เพื่อตรวจสอบสัญญาเช่าที่ดินทั้งหมด และวางแผนจัดสรรพื้นที่ โดยเฉพาะแนวทางการให้เช่าพื้นที่จาก รฟท.
.
ดังนั้น คดีมหากาพย์ที่ดินเขากระโดง หลังจากถูกเปิดโปงหลักฐานต่างๆ ถูกตั้งคำถามต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายการเมืองที่กำกับดูแล เพื่อทวงคืนสมบัติแผ่นดิน เรื่องนี้จึงมีแนวโน้มจะนำไปสู่ข้อยุติได้ในที่สุด
.
- กองบรรณาธิการ กรุงเทพธุรกิจ -
https://www.facebook.com/bangkokbiznews/posts/1057338609765058
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 06/03/2025 9:16 am Post subject:
"วีริศ" ปักธง มี.ค.นี้ ลุยฟ้องประเด็นใหม่ ปมเพิกถอน "เขากระโดง"
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 20:24 น.
อัปเดตล่าสุด: วันพุธ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 20:29 น.
"วีริศ" เร่งทีมกฎหมายฟ้องศาลปกครองกลาง ประเด็นใหม่ ปมเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนที่ดินเขากระโดง ภายในมี.ค.นี้ หลังคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย คาดกระบวนการได้ข้อสรุปภายใน 2-3 ปี
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,083 ไร่นั้น ปัจจุบันทีมกฎหมายของรฟท.อยู่ระหว่างยกร่างคำฟ้องร้องต่อศาลปกครองในประเด็นใหม่ โดยให้ถอนคำสั่งทางปกครองของกรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ประเด็นใหม่ที่ฟ้องร้องนั้น รฟท.มองว่าไม่ถูกต้องจากคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติเป็นเอกฉันท์
อย่างไรก็ดีเห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง โดยการรถไฟฯ คาดว่าจะยื่นคำฟ้องได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งตามระยะเวลาจะครบกำหนดสิ้นสุดในต้นเดือนเม.ย.68
นายวีริศ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์ของรฟท. ต่อกรมที่ดิน กรณีมีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 995 ฉบับ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,083 ไร่นั้น
นอกจากนี้หากการฟ้องร้องในประเด็นใหม่ต่อศาลปกครองกลางคาดใช้เวลาดำเนินการภายใน 2-3 ปี เมื่อเทียบกับการฟ้องร้องที่ศาลอื่นๆจะใช้เวลาดำเนินการแต่ละรายยาวกว่า 10 ปี
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 06/03/2025 2:28 pm Post subject:
คำสั่งม.61 เขากระโดงไม่ชอบ! รฟท.ฟ้องศาลปค.เพิกถอนไม่เกิน มี.ค. 68
เขียนโดย isranews
เขียนวันพฤหัสบดี ที่ 06 มีนาคม 2568 เวลา 08:38 น.
ผู้ว่ารฟท.เผยเตรียมยื่นศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการ ม.61 กรมที่ดิน หลังวินิจฉัยไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดง คาดไม่เกิน มี.ค.นี้ยื่นแน่นอน หลังเส้นตายอุทธรณ์ครบ 90 วัน ต้นเดือน เม.ย.นี้ ระบุ ส่วนการฟ้องรายแปลงยังไม่คิด หวั่นครหาทำไมแปลงอื่นไม่ทำ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 มีนาคม 2568 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเพิ่งทราบว่า นายประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าคดีความว่า เหลือเพียงประเด็นการเรียกค่าเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ส่วนเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน นั้นได้ยุติไปแล้วนั้น ได้รับทราบมาว่า ในส่วนของคดีที่ค้างการพิจารณากำลังได้ข้อสรุปแล้ว แต่ยังไม่ได้ทราบรายละเอียดใดๆเพิ่มเติม
ส่วนกรณีที่ รฟท.จะฟ้องเป็นคดีใหม่กับศาลปกครองกลาง คือ กรณีที่คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินมีคำวินิจฉัยไม่เพิกถอนที่ดินตามที่ รฟท. เสนอ รวมถึงการที่รองปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่ง รฟท. จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางว่า คำสั่งและคำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอยู่ระหว่างการร่างคำฟ้อง คาดว่าจะยื่นภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยระยะเวลาการยื่นศาลปกครองตามที่รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเคยออกมาให้สัมภาษณ์จะครบกำหนด 90 วันช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้
เมื่อถามว่าประเด็นใหม่คืออะไร นายวีริศกล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการและขั้นตอนที่คณะกรรมการดำเนินการ แต่ในรายละเอียดยังเปิดเผยไม่ได้ แต่จะขอให้ศาลปกครองยกเลิกคำวินิจฉัยและคำสั่งนี้ พร้อมสั่งให้เริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง รฟท. มีแนวคิดในเรื่องของการฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกหรือไม่ นายวีริศตอบว่า บนที่ดินเขากระโดงมีจำนวน 995 แปลง ถ้าฟ้องขับไล่จริงๆ วันหนึ่งศาลเรียกคู่กรณีมาสอบสวนวันละ 2 ราย กว่าจะสอบสวนครบก็ใช้เวลานาน 2 ปี และเมื่อมองถึงกระบวนการที่กว่าจะสิ้นสุดที่ชั้นศาลฎีกาก็น่าจะใช้เวลาสอบสวนและพิพากษาเป็น 10 ปี แต่ถ้าใช้ช่องทางศาลปกครอง ระยะเวลาจะร่นลงมาเหลือประมาณ 1-2 ปี ไม่นาน แล้วถ้าตัดสินโดยให้กรมที่ดินเพิกถอนคำวินิจฉัย ก็น่าจะจบหมด
เมื่อถามอีกว่า แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าการฟ้องรายแปลง อาจจะเริ่มจากการฟ้องผู้ที่ถือครองที่ดินรายใหญ่ก่อนก็ได้ ผู้ว่ารฟท.ตอบว่า อาจจะถูกครหาว่าเลือกปฏิบัติ เพราะต้องไม่ลืมว่าที่ดินรฟท.อื่นๆ ก็มีปัญหาแบบนี้เยอะ ถ้าดำเนินการกับใครสักคนแล้ว ก็อาจจะมี่คำถามว่าแล้วทำไมแปลงอื่นไม่ทำ?
ทางรัฐมนตรี (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) และปลัด (ชยธรรม์ พรหมศร) ท่านไม่ได้กำชับอะไร แค่บอกว่าให้ทำให้ถูกต้องที่สุด แล้วก็อะไรที่ รฟท. ได้ประโยชน์ที่สุดก็เอาตามนั้น อะไรที่นักข่าวไปเล็งไปเก็งกัน ผมไม่รู้นะ แต่ผมได้รับคำสั่งให้ทำให้ถูกต้องและทำให้ดีที่สุดกับรถไฟ นายวีริศระบุช่วงท้าย
ส่วนการฟ้องอธิบดีกรมที่ดินละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น ผู้ว่ารฟท.กล่าวว่า ยังไม่มีแนวคิดตรงนี้
https://www.isranews.org/article/isranews-news/136190-news-766.html
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 10/03/2025 10:05 pm Post subject:
บอร์ด รฟท. ไฟเขียว เอสอาร์ทีเอ เช่าที่ดิน 35 ไร่ สร้างบ้านเพื่อคนไทยเฟสแรก
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันศุกร์ ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13:03 น.
บอร์ด รฟท. ให้ เอสอาร์ทีเอ เช่าที่ดิน 35 ไร่ 4 พื้นที่ สร้างบ้านเพื่อคนไทยเฟสแรก 5,700 ยูนิต 30 ปี ใช้เงินกู้ ธอส. 5 พันล้าน ปลายปีหน้าจ่ายค่าเช่าให้ รฟท. 36% ของราคาประเมิน พร้อมส่วนแบ่งผลกำไร
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท). เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ที่มีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานบอร์ด รฟท. เป็นประธาน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. มีมติเห็นชอบให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. เช่าทรัพย์สินของ รฟท. เพื่อใช้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นอาคารพักอาศัย โครงการบ้านเพื่อคนไทย รวมประมาณ 35 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่กม.11 (วิภาวดี) 5 ไร่, พื้นที่ธนบุรี (ศิริราช) 20 ไร่, พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 7 ไร่, และพื้นที่เชียงราก จังหวัดปทุมธานี 3 ไร่ มีระยะเวลาการเช่าตามกฎหมาย 30 ปี จากนั้นจะต่อสัญญาอีก 30 ปี โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขกฎหมายที่จะทำให้สามารถเช่าได้ 99 ปีตามระยะเวลาโครงการฯ
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ในการดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย อทส. จะเป็นผู้บริการจัดการทั้งหมด ทั้งความเสี่ยงของโครงการ การให้บริการ การก่อสร้าง การจัดหาเงินกู้ ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของเงินกู้ อทส. จะทำสัญญากับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยไม่ต้องหาแหล่งเงินกู้อื่น ทั้งนี้วงเงินลงทุนโครงการบ้านเพื่อคนไทยระยะ (เฟส) ที่ 1 ประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ อทส. อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียด (Detail Design) รูปแบบบ้าน และคอนโดฯของแต่ละพื้นที่ รวมถึงจัดทำรายละเอียดต่างๆ คาดว่าจะสามารถเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการฯ ในสัปดาห์หน้า
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า ประมาณปี 70 อทส. จะต้องจ่ายค่าเช่าให้กับ รฟท. ประมาณ 36% ของราคาประเมินที่ดิน โดยจ่ายครั้งเดียว พร้อมทั้งต้องแบ่งผลกำไรจากการดำเนินการให้กับ รฟท. ด้วย อย่างไรก็ตาม โครงการบ้านเพื่อคนไทย จะเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัย อยู่ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะตามแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ รฟท. ซึ่งเมื่อมีโครงการนี้เกิดขึ้น เชื่อว่าจะทำให้พื้นที่ของ รฟท. ที่อยู่ใกล้เคียงกับโครงการฯ สามารถต่อยอดในการพัฒนาด้านต่างๆ ต่อไปได้
ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์ รายงานว่า สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย ข้อมูลล่าสุด พบว่า มีผู้ลงทะเบียนประมาณ 3.5 แสนคน ในจำนวนนี้มีผู้ผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) ของ ธอส. กว่า 1.4 แสนราย โดยพื้นที่กม.11 (วิภาวดี) เป็นพื้นที่ที่มีประชาชนแจ้งความประสงค์มากที่สุด และในพื้นที่นี้มีผู้ผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้นประมาณ 1 แสนราย เบื้องต้นคาดว่าจะมีการจับสลากผู้ได้รับสิทธิบ้านเพื่อคนไทย เฟสที่ 1 ประมาณ 5,700 ยูนิต ในเดือน เม.ย. 68 ดำเนินการโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อยืนยันความโปร่งใส และเริ่มก่อสร้างภายในปี 2568 ส่งมอบให้ประชาชนปลายปี 2569. https://www.dailynews.co.th/news/4470565/
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44579
Location: NECTEC
Posted: 10/03/2025 10:30 pm Post subject:
เฮ "บ้านเพื่อคนไทย" ธอส. ยันคุณสมบัติผ่านแล้วกว่า 1.4 แสนราย
ฐานเศรษฐกิจ
วันอาทิตย์ ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 11:40 น.
ลูกค้าจอง "บ้านเพื่อคนไทย" เฮ ธอส. ยันคุณสมบัติผ่านแล้วกว่า 1.4 แสนราย พร้อมเปิดรายละเอียดที่ดิน 4 แปลงล่าสุดที่บอร์ด รฟท. มีมติอนุมัติให้ทำโครงการฯ เตรียมรายงาน ครม. กลางเดือนมีนาคมนี้
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทยว่า ในวันนี้โครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมหลังจากเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเมื่อกลางเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมาซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 350,000 รายและผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) เป็นผู้สามารถกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามเงื่อนไขแล้วจำนวน 140,000 ราย และจะปิดรับลงทะเบียนโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" ระยะที่ 1 อย่างเป็นทางการช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้
ทั้งนี้ ทางกระทรวงคมนาคมจะนำผลสรุปของยอดจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงกลางเดือนมีนาคมเพื่อให้รับทราบความคืบหน้าของแผนพัฒนาโครงการระยะที่ 1 รวมถึงการจับฉลากผู้มีสิทธิ์ให้สอดรับกับจำนวนยูนิตของโครงการประมาณเดือนเมษายนนี้ รวมทั้งแผนการขยายโครงการในระยะต่อไป
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) รฟท. มีมติเห็นชอบให้ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) เช่าทรัพย์สินของ รฟท. เพื่อใช้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นอาคารพักอาศัยโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" จำนวน 4 แปลงในโครงการที่ 1 นี้ที่ ประกอบด้วย
1. พื้นที่พัฒนาย่าน กม. 11 ใกล้กับเซ็นทรัลลาดพร้าว
นับเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีการเดินทางเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะอย่างสะดวก โดยโครงการจะอยู่ห่างจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 2.5 กิโลเมตร ห่างจากเซ็นทรัลลาดพร้าว 500 เมตร และห่างจาก MRT พหลโยธิน 500 เมตร
2. พื้นที่พัฒนาบนพื้นที่ธนบุรี (ศิริราช)
ตั้งอยู่ตรงข้ามตลาดศาลาน้ำร้อน ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีส้ม 800 เมตร มีขนาดที่ดินประมาณ 23 ไร่
3. พื้นที่เชียงราก จังหวัดปทุมธานี ใกล้ถนนเลียบคลองเปรมประชากร
ห่างจากสถานีรถไฟเชียงราก 4.4 กิโลเมตร และห่างจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต 4.4 กิโลเมตร ห่างจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 4.4 กิโลเมตร และห่างจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ 9 กิโลเมตร
4. พื้นที่จ.เชียงใหม่ ติดสถานีรถไฟเชียงใหม่ ติดถนนเจริญเมือง ถนนทุ่งโฮเต็ล
ห่างจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย 2.5 กิโลเมตร ห่างจากมหาวิทยาลัยพายัพ 2.6 กิโลเมตร ห่างจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 7.5 กิโลเมตร และห่างจากถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ 1.3 กิโลเมตรต่อ 5 นาที
ทั้งนี้ หลังจากที่ทางบอร์ด รฟท. มีมติเห็นชอบให้ทาง "เอสอาร์ที แอสเสท" ดำเนินการเช่าพื้นที่แล้ว กระทรวงคมนาคมจะนำข้อมูลภาพรวมโครงการเบื้องต้น และผลสรุปของยอดจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบในแผนพัฒนาโครงการระยะที่ 1 รวมไปถึงแผนขยายโครงการในระยะต่อไป
โครงการบ้านเพื่อคนไทย เดินหน้าเข้าสู่ระยะที่ 1 หลังการกำหนดพื้นที่สำหรับการพัฒนา ให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่เข้าถึงได้ สิ่งที่สำคัญ คือ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ความคืบหน้านี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่ดินให้พร้อมสำหรับการก่อสร้างโดยมุ่งให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วเพื่อสร้างชุมชนที่มีคุณภาพ ใช้พื้นที่ของรัฐที่มีศักยภาพมาสร้างให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด นางสาวศศิกานต์ กล่าวสรุป
Back to top