ขุดกรุ : สถานีปัตตานีเมือปี 2548

narita_express · Posted: 30/01/2007 6:28 pm Post subject:

สำหรับตัวอาคารสถานีปัตตานีหลังใหม่นั้นก็ใหญ่โตสมฐานะการเป็นสถานีหลักของจังหวัดเลยละครับ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี รูปทรงเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยและมาลายู สังเกตได้จากรูปทรงอาคารแบบเรือนไทยแต่มีการใช้ลายเว้าโค้งและศิลปะแบบมาลายู ซึ่งการก่อสร้างอาคารในการผสมผสานอาคารแบบนี้นิยมใช้ในปัตตานีหลายแห่ง แม้แต่กระทั่งห้าง Big C สาขาปัตตานี โดยสิ่งก่อสร้างแห่งแรกที่ใช้การผสมผสานงานทางวัฒนธรรมไทยพุทธและไทยมุสลิมหรือมาลายูคือ อาคารของสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีครับ ลองชมภาพเปรียบเทียบกันดูนะครับ

ภาพของสถานีปัตตานี (ถ่ายมาได้แค่นี้ครับ เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของทั้งสถานีและคนถ่ายจึงไม่สามารถออกไปไกลๆเพื่อเก็บภาพทั้งอาคารในด้านตรงได้ครับ)

Click on the image for full size

แล้วลองเทียบกับอาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีดูนะครับ

Click on the image for full size

ทั้ง 2 อาคารมีความใกล้เคียงในเชิงลักษณะอาคารมาก แต่อาคารสำนักงานอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีจะใหญ่กว่า แต่ถ้าเทียบเค้าโครงอาคารแล้วดูไม่ต่างกันเลยนะครับ

tuie · Posted: 30/01/2007 7:32 pm Post subject:

นับตั้งแต่มีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พี่เลยไม่มีโอกาสได้นั่งรถไฟเลยสถานีชุมทางหาดใหญ่มาประมาณ ๔-๕ ปี แล้วครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็หาเรื่องนั่งรถไฟลงใต้อยู่เรื่อย ตั้งแต่สมัยขบวน ๓๗/๓๘ ยังเป็นขบวนรถด่วนที่ ๑๙/๒๐ กรุงเทพ-ยะลา เห็นสถานีปัตตานีตั้งแต่ยังใช้ชื่อว่าสถานีโคกโพธิ์ อาคารสถานียังเป็นอาคารหลังเก่าอยู่เลยครับ Smile

ขอบคุณ คุณนนมากครับที่นำภาพสถานีปัตตานียุคปี ๒๕๔๘ มาให้ชม เห็นแล้วรู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก อาคารสถานีก็เป็นสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตาดีครับ จะไม่ชอบก็ตรงที่ไม่น่าปล่อยให้ซีคลาสจมอยู่ในกอหญ้ารกๆนะครับ น่าจะปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงามสอดรับกับอาคารสถานีหลังใหม่

ส่วนการเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีปัตตานีแล้วต้องวงเล็บชื่อเดิมไว้นั้น พี่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเลยครับ ดูฝืนๆความรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ เท่าที่พี่สังเกตตอนซื้อตั๋วยังเห็นผู้โดยสารหลายคนบอกว่าไป "โคกโพธิ์" อยู่เลยครับ เจ้าหน้าที่ฟังแล้วก็ออกตั๋วไปสถานีปัตตานีให้ถูกต้อง อย่างนี้น่าจะใช้ชื่อเดิมต่อไปนะครับ หากยังใช้ตรรกะในการตั้งชื่อสถานีเป็นชื่อจังหวัดทั้งๆที่มิได้อยู่อำเภอเมืองเช่นนี้ ต่อไปสถานีตันหยงมัส อาจเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีนราธิวาส สถานีองครักษ์ อาจเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีนครนายก สถานีจัตุรัสอาจเปลี่ยนชื่อเป็นชัยภูมิ ก็ได้นะครับ Embarassed

ว่าจะไม่บ่นแล้วไม่วายบ่นจนได้ Laughing

เอาเป็นว่ารอติดตามชมผลงานอยู่นะครับคุณนน Smile

narita_express · Posted: 30/01/2007 9:10 pm Post subject:

narita_express · Posted: 30/01/2007 9:56 pm Post subject:

จากนั้นเรามาชมสภาพรอบๆตัวอาคารสถานีปัตตานีกันบ้างนะครับ
มุมแรกเป็นด้านหน้าของอาคารสถานีครับ มีป้ายชื่อขนาดใหญ่ด้วยเขียนว่า สถานีรถไฟปัตตานี ซึ่งหากปรับสภาพภูมิทัศน์เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองมาจากถนนใหญ่จะเห็นตัวอาคารและป้ายชื่ออย่างชัดเจนและสวยงามมากครับ (ขอบอก)

Click on the image for full size

ถัดมาเป็นตัวสถานีด้านข้างครับ หากสังเกตดูดีๆจะเห็นร่องรอยการก่อสร้างที่ยังปรับแต่งสภาพภูมิทัศน์ที่ยังไม่เรียบร้อยครับ

Click on the image for full size

ภาพถัดมาเป็นบรรยากาศชานชลาสถานีปัตตานี จะเห็นว่ามีคนเยอะมาก โดยเฉพาะตอนกลาง ทั้งหมดเป็นผู้โดยสารที่ไปนั่งหลบในที่นั่งที่วางไว้ในห้องโถงโดยสารแล้วออกมารอขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 38 สุงไหงโกลก - กรุงเทพครับ (ซึ่งเราจะเห็นขบวนรถยิงไฟขบวนรถมาไกลๆ)

นอกจากนี้จะเห็นรางประธานทาง 1 รางและรางหลีก 1 ราง รวม 2 รางเท่านั้น ส่วนทุ่งหญ้าทางมุมขวามือ คือสถานที่ที่เตรียมสร้างแฟลตของพนักงานรถไฟของสถานีปัตตานีครับ ซึ่งที่ว่างนี้ยังมีที่เหลือเฟือสำหรับการขยายย่านสถานีโดยการเพิ่มรางหลีกอีก 2 รางได้อย่างสบาย แต่เมื่อมาเกิดเรื่องเกิดราวความไม่สงบเสียก่อน ทุกอย่างเลยยังคงเหมือนเดิม...

Click on the image for full size

ออ..สำหรับพื้นชานชลาที่เห็นเป็นต่างระดับนั้นที่มาคือ คือส่วนที่เป็นเส้นเหลืองปลอดภัยเป็นของชานชลาที่สร้างใหม่พร้อมกับอาคารสถานีปัตตานีใหม่ครับ ส่วนพื้นที่มีเส้นขาวปลอดภัยที่ทำจากกระเบื้องที่อยู่ด้านล่างนั้นเป็นร่องรอยของชานชลาเก่าที่ตัวอาคารถูกทุบไปเรียบร้อยแล้วครับ

black_express · Posted: 01/02/2007 4:14 pm Post subject:

ขออนุญาตร่วมแจมภาพย้อนยุค เปรียบเทียบบรรยากาศระหว่างสถานีโคกโพธิ์ กับ ปัตตานี ( โคกโพธิ์ ) ดูกันสักนิดหนึ่งนะครับ Laughing

boat · Posted: 01/02/2007 6:15 pm Post subject:

แหม!! เห็นรูปอาคาร สำนักงานอธิการบดีนี้แล้วคิดถึง มอ.ปัตตานี ถิ่นเก่าแดนรูสะมิแลจังเลยครับครูนน.. Laughing

(นึกถึงความหลังสมัยหนุ่มๆ อีกแล้วสิเรา)
ปล. ผมไม่เคยสังเกตเลยนะเนี่ยว่าทั้งสองอาคารมีสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกัน...

ken2004 · Posted: 01/02/2007 9:10 pm Post subject:

ผมก็อยากไปเก็บสถานีในจังหวัดผมให้ได้ชมเหมือนกัน แต่ตัวแทนประกันชีวิตของผมเขาบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นที่นอกจากอุบัติเหตุแล้วเขาไม่รับเคลมอะไรเลยครับ ก็เลยอาจใช้โอกาสดีๆบ้างครั้งอาจจะได้ภาพมาฝาก ตอนนี้สถานีรถไฟแถบนี้ก็เหมือนกัน ภาพยนต์สงครามที่ฉายในบ้านเรา มีกระสอบทรายมีทหารถือปืนทั้งสถานี ภาพแบบนี้ไม่มีที่ไหนในประเทศไทยแน่เลย ดีน่ะที่รถไฟเป็นของหลวง ถ้าเป็นเอกชนผมว่าคงเป็นมีรางทิ้งร้างไปแน่เลย Crying or Very sad

ปล.ถ้ามีการตะลุยเส้นทาง3 จังหวัดชายแดนใต้ ขอผมขอไปตะลุยบ้างได้ไหมครับ Very Happy

shinoda · Posted: 01/02/2007 9:29 pm Post subject:

ผมว่าเส้นทางรถไฟในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ คงมีอะไรๆที่น่าจะตกสำรวจไปเยอะเหมือนกัน เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบ คงไม่มีใครกล้าเข้าไปสำรวจแบบเจาะลึกแน่ๆ (ผมคนนึงล่ะ Crying or Very sad

) ฝากเจ้าถิ่นแถวนั้นคอยแวะเวียนสำรวจกันบ้างนะครับ (ใครจะกล้าไปล่ะเนี่ย)

ขอให้เหตุการณ์สงบๆ ไวๆ นะครับ..อยากไปเที่ยวอ่ะ (แต่ตอนนี้กลัว) Embarassed

_________________

narita_express · Posted: 14/02/2007 9:52 pm Post subject:

มาต่อกันนะครับ

=======================

จากนั้นขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 38 สุไหงโก-ลก - กรุงเทพก็เข้าเทียบชานชลาที่ 1 ของสถานีปัตตานี ตอนนั้นทำขบวนด้วย 4513 ซึ่งปีนั้นผมเจอ 4513 ทำขบวนที่สายใต้บ่อยมาก เพราะหลังจากถ่ายภาพที่ปัตตานีแล้วก็ไปเจอ 4513 ที่ชุมทางเขาชุมทองอีกตอนที่ทำขบวน 86 ครับ

ตอนนี้เริ่มนำขบวนผ่านทางตัดที่ทิศใต้ของสถานีก่อนเข้าประแจทางหลีกมาแล้วครับ

Click on the image for full size

จากนั้นก็เข้ามาเกือบถึงป้ายสถานีทางทิศเหนือ

Click on the image for full size

แล้วก็หยุดรับส่งผู้โดยสารครับ

Click on the image for full size

narita_express · Posted: 14/02/2007 10:20 pm Post subject:

ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 38 นี้ เดิมมีต้นทางที่ยะลาและใช้เลขบวนเดิมคือขบวนที่ 19/20 ต่อมาจึงขยายปลายทางไปสุไหงโกลก

ก่อนที่จะขยายปลายทางไปสุไหงโกลกนั้น ถือได้ว่าขบวนนี้เป็นความภูมิใจของชาวยะลาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรถด่วนพิเศษขบวนที่ใช้รถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ที่วิ่งลงมาไกลจากกรุงเทพมากที่สุดและมาสุดที่ยะลาเมืองที่ผังเมืองดีที่สุดและสะอาดที่สุดในประเทศนั้นเอง

จากนั้นเมื่อขยายปลายทางไปสุไหงโกลก ก็ยังคงมีการตัดรถโดยสารสำรองไว้ที่ยะลา โดยตัด 1 บชส. 1 บนท. และ 1 บนท.ป. ส่วนที่เหลือวิ่งเข้าไปถึงสุไหงโกลก

สิ่งที่น่าสนใจคือ เวลาที่มีการทำขบวนจากกรุงเทพมาหรือเพื่อเข้ากรุงเทพ เมื่อถึงยะลาจะใช้รถจักรที่ทำขบวน 19/20 นี้เป็นหัวตัดต่อ ขาลงมาจากกรุงเทพไม่เท่าไหร่ แต่ขาเข้ากรุงเทพ พี่แกต้องลากทั้งขบวนจากรางประธานในราง 2 ผ่านทางตัดถนน แล้วถอยเข้ามาที่รางหนึ่งเพื่อต่อรถที่ตัดสำรองไว้ แล้วลากกลับไปจอดรางประธานจึงออกรถ เป็นอย่างนี้อยู่พักใหญ่ๆครับ นอกจากนี้ยังไปต่อรถ บนท.ป. ที่ชุมทางหาดใหญ่อีก 2 - 3 คัน ด้วย ทำให้ขบวนนี้เป็นรถโดยสารที่ตัดรถไว้ถึง 3 แห่ง คือทั้ง หาดใหญ่ - ยะลา และสุไหงโกลก ครับ

สำหรับคนที่ขึ้นโดยสารจากปัตตานี ซึ่งในขณะนั้นยังใช้ชื่อเดิมว่าสถานีโคกโพธิ์ ก็จะได้ตู้ของยะลาเป็นหลัก เพราะมีการตัดโควต้าของยะลาไว้ให้ตัวแทนที่ปัตตานีและสถานีโคกโพธิ์ครับ (ตอนนั้นยังไม่มีระบบออนไลน์)

แต่ต่อมาเพื่อความสะดวกเลยเอารถที่ตัดไว้ที่ยะลาวิ่งพ่วงไปถึงสุไหงโกลกและตัดรถไว้เฉพาะหาดใหญ่เพียงอย่างเดียว

ส่วนภาพนี้คนการกำลังส่งหนังสือให้พนักงานขับรถลงนามเปลี่ยนหลีกกับขบวน 455 นครศรีธรรมราช - ยะลา ซึ่งตามปกติต้องหลีกกับขบวน 38 ที่สถานีปัตตานี แต่วันนี้ช้ามาก ต้องเปลี่ยนไปหลีกกันที่สถานีตาแปดครับ

Click on the image for full size