นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า การรถไฟฯ ร่วมกับ จังหวัดสระบุรี เตรียมการจัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 โดยกำหนดจัดตั้งไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ และสักการะของประชาชนที่บริเวณ ผาเสด็จ ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นจุดที่พระองค์เคยเสด็จพระพาส และทรงลงนามาภิไธยไว้

     บ่ายวันที่ 26 มีนาคม 2553 เวลา 14.39 น. โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายโสภณ ซารัมย์ เป็นประธานพิธี โดยมี นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟฯ เป็นผู้กล่าวรายงานความเป็นมา เกี่ยวกับการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ นอกจากนี้ยังผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และ ประชาชน เข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วย

     ผาเสด็จ ตั้งอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ (สายแก่งคอย-ปากช่อง-นครราชสีมา) ที่หลักกิโลเมตร ที่ 137/7 ระหว่างสถานีรถไฟผาเสด็จ กับสถานีมาบกระเบา ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นสถานที่ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จ พระราชดำเนินทรงทอดพระเนตร คราวที่มีการก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ - นครราชสีมา เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2438 เมื่อเสด็จผ่านตำบลทับกวาง มีก้อนหินใหญ่อยู่ริมทางรถไฟ พระองค์ได้ทรงจารึก พระปรมาภิไธยย่อ " จ.ป.ร."ไว้ที่หินก้อนนั้น จึงเป็นที่มาของสถานที่นี้ว่า "ผาเสด็จ"

ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว การรถไฟแห่งประเทศไทย
ภาพกิจกรรมเพิ่มเติม : ครบรอบ 113 ปี วันสถาปนาการรถไฟแห่งประเทศไทย
วันที่ : 26/03/2553

     นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ให้กับประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนา การรถไฟฯ ได้เพิ่มขบวนรถพิเศษ ช่วยการโดยสาร ในช่วงเทศกาลประจำปี 2553 ตั้งแต่วันที่ 9-11 เมษายน และ วันที่ 16-19 เมษายน 2553 จำนวน 58 ขบวน (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

     การเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดต่อเนื่องกันหลาย ๆ วัน จำนวนผู้โดยสารและประชาชน ที่เดินทาง ย่อมมีเป็นจำนวนมาก และหนาแน่น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ห้ามผู้โดยสารใช้หลังคา, ข้อต่อ และบริเวณบันไดเป็นที่โดยสารเป็นอันขาด และโปรดระมัดระวังทรัพย์สิน ของมีค่าของท่านขณะเดินทาง และอย่าหลงเชื่อบุคคลแปลกหน้า โดยหากมีข้อสงสัย เกี่ยวกับการเดินทาง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง 0-2220-4334 หรือ Call center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา : เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไำทย
วันที่ : 10/03/2553

     นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2553 มีวันหยุดติดต่อหลายวัน ประชาชนที่วางแผนล่วงหน้า ได้จองตั๋วโดยสารรถไฟชั้น 1 และชั้น 2 ทั้งธรรมดาและปรับอากาศ ไว้จนเต็มทั้งเที่ยวไป และเที่ยวกลับ ทำให้มีประชาชนส่วนหนึ่ง ต้องวางแผนการเดินทาง กับขบวนรถพิเศษที่การรถไฟฯ จัดเดินเพิ่ม นอกเหนือจากขบวนรถประจำที่วิ่งให้บริการปกติ

     การรถไฟฯ ได้เร่งรัดให้ฝ่ายเกี่ยวข้อง ซ่อมบำรุงรถให้ออกมาใช้งานในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มขึ้น ทั้งรถโดยสารชั้นสามธรรมดา รถโดยสารชนิดนั่ง-นอนปรับอากาศ เพื่อเตรียมพ่วงเสริมในขบวนรถที่วิ่งประจำด้วย นอกจากนี้ ยังมีตู้รถโดยสารรถ นั่ง-นอน ส่วนหนึ่งที่เป็นรถ JR-WEST จำนวน 20 คัน สามารถจัดพ่วงเป็นขบวนรถด่วนพิเศษ และเปิดให้บริการประชาชนได้ การรถไฟฯจึงประกาศเดินเป็นขบวนรถไป-กลับ ในเส้นทางสายเหนือ 8 เที่ยว และสายอีสานปลายทางที่อุบลราชธานี อีก 16 เที่ยว โดยจะวิ่งให้บริการ 2 ช่วง ดังนี้

     สายเหนือ เที่ยวไป วันที่ 9 และ 11, 15 และ 17 เมษายน 2553 (ระหว่างกรุงเทพ - เชียงใหม่) ออกต้นทางเวลา 19.00 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 08.30 น. เที่ยวกลับ วันที่ 10,12,16,18 เมษายน 2553 (ระหว่างเชียงใหม่ - กรุงเทพ) ออกต้นทาง 19.00 ถึง กรุงเทพเวลา 08.30 น. ทั้งนี้ ขบวนรถด่วนพิเศษ จะหยุดรับส่งเฉพาะสถานีสำคัญ 8 สถานี คือ สามเสน, บางซื่อ, ดอนเมือง, อยุธยา, อุตรดิตถ์, เด่นชัย, ลำปาง, ลำพูน และปลายทางเชียงใหม่

     สายตะวันออกเฉียงเหนือ เที่ยวไป วันที่ 9, 11, 15, 17 เมษายน 2553 ออกกรุงเทพเวลา 19.40 น. ถึงปลายทางอุบลราชธานี เวลา 06.30 น. เที่ยวกลับ วันที่ 10,12,16,18 เมษายน 2553 ออกต้นทางอุบลราชธานีเวลา 19.00 น. ถึงปลายทาง กรุงเทพ เวลา 06.00 น. โดยขบวนรถด่วนพิเศษนี้ จะหยุดรับส่งที่สถานี สามเสน, บางซื่อ, ดอนเมือง, อยุธยา, นครราชสีมา, ลำปลายมาศ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, อุทุมพรพิสัย, ศรีสะเกษ และปลายทางอุบลราชธานี

     ขบวนรถด่วนพิเศษเทศกาลสงกรานต์ขบวนนี้ เป็นขบวนรถนั่ง-นอนปรับอากาศทั้งขบวน และวิ่งรับส่งในเวลากลางคืน โดยการรถไฟฯ จะไม่มีบริการอาหาร ในระหว่างการเดินทาง จึงแจ้งประชาสัมพันธ์ มายังประชาชน ที่ประสงค์จะใช้บริการ ได้รีบจองตั๋วแต่เนิ่นๆ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นายสถานีรถไฟในเส้นทางทุกแห่ง หรือ สอบถามโทรศัพท์สายด่วน 1690 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา : เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไำทย
วันที่ : 09/03/2553

     นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทยแจ้งว่า ด้วยการรถไฟฯ จะดำเนินการปรับปรุง กำหนดเวลาการเดินรถไฟ ในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ ในบางขบวน ให้มีความเหมาะสม กับสภาพทาง และการเดินรถ โดยจะปรับเปลี่ยนเวลาบางขบวน ให้ออกต้นทางเร็วขึ้น อาทิ ขบวนรถด่วนสายเหนือที่ 11 กรุงเทพ – เชียงใหม่ เดิมให้ออกจากต้นทางเวลา 19.20 น. ให้ปรับเวลาใหม่เป็น 18.00 น. ส่วนขบวนรถด่วนที่ 1 กรุงเทพ – เชียงใหม่ เดิมออกจากต้นทางเวลา 18.00 น.ก็ให้ปรับเป็นเวลาออกจากต้นทางช้าลงเล็กน้อย เป็น 18.10 น. เป็นต้น รวมถึงขบวนรถไฟบางขบวน ก็ให้มีการปรับปรุงกำหนดช่วงระหว่างทาง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป

     สำหรับขบวนรถในเส้นทางสายใต้ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ให้มีการปรับเวลาวิ่ง ในช่วงระหว่างทาง เพื่อให้มีการจัดหลีกขบวนรถ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ หากผู้โดยสารท่านใด ที่จะเดินทาง ขอให้ตรวจสอบกำหนดเวลาเดินทางจากทางสถานีรถไฟ หรือทางเว็บไชต์การรถไฟฯ ที่ WWW.RAILWAY.CO.TH หรือสอบถามที่โทรศัพท์สายด่วน 1690 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา : เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไำทย
วันที่ : 16/02/2553

     นายกมลชนก มุกดา หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว แจ้งว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการปรับปรุง ตู้รถดีเซลรางปรับอากาศใหม่ ซึ่งในขณะนี้ ได้ปรับปรุงรถต้นแบบ เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 1 คัน จากแผนงานในการปรับปรุงทั้งสิ้น จำนวน 9 คัน โดยได้ดำเนินการทำสีภายในตัวรถ ผนัง ฝ้าเพดาน กรอบกระจก โดยเฉพาะห้องสุขาใหม่ทั้งหมด

     การปรับปรุงขบวนรถ การรถไฟฯ ได้เน้นให้ผู้โดยสาร ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางเป็นสำคัญ จะเห็นได้จากการติดตั้งผ้าม่านบังแดด ติดฟิล์มกรองแสงที่สามารถสะท้อนรังสี UV ได้, เปลี่ยนพื้นยางภายในห้องโดยสาร ที่ไม่มีส่วนผสมจากแร่ใยหิน ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม พื้นรถสามารถป้องกันการลื่นไถล ลดเสียงตกกระทบจากวัสดุลงสู่พื้นกระเบื้องยาง และได้รับมาตรฐาน ISO 717-2 , เปลี่ยนผ้าหุ้มเบาะ ที่สามารถป้องกันการลามของเปลวไฟ รูปแบบสีโทนเดียวกับพื้นและผ้าม่าน พนักพิงของเก้าอี้สามารถปรับเอนได้มากกว่าเดิม และติดตั้งตาข่ายใส่ของ และที่วางแก้วน้ำหลังพนักพิงใหม่

     โดยในขณะนี้ รฟท. ได้นำรถออกมาให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในระยะแรก จะนำตู้ปรับอากาศ คันดังกล่าว ออกมาให้บริการ กับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางไปเที่ยว ที่ชายทะเลสวนสนประดิพัทธ์ ซึ่งเป็นรายการท่องเที่ยวแบบไปเช้า – เย็นกลับ อัตราค่าบริการไป/กลับ ท่านละ 240.- บาท และหากต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติ ก็สามารถใช้บริการตู้รถไฟ ชั้น 3 นั่งพัดลม อัตราค่าบริการ ไป/กลับ ท่านละ 120.- บาท เท่านั้น

     นายกมลชนกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรถไฟฯ จะเร่งดำเนินการปรับปรุงรถดีเซลรางปรับอากาศ เพื่อนำออกมาให้บริกา รแก่นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เช่น ขบวนรถนำเที่ยวน้ำตกไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ให้แก่นักท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริม และสนับสนุน การท่องเที่ยวทางรถไฟต่อไป สามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารได้ที่ ห้องจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า สถานีรถไฟกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง รังสิต มักกะสัน คลองตัน หัวหมาก วงเวียนใหญ่ บางบำหรุ และนครปฐม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2225-6964 , 0-2621-8701 ต่อ 5217 (08.30 – 16.00 น.) หรือที่ Call Center 1690 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

ที่มา: กองโฆษณาและส่งเสริมการท่องเที่ยว รฟท.
วันที่: 12/02/2553