ศูนย์ประชาสัมพันธ์ และบริการท่องเที่ยว การรถไฟฯ แจ้งว่า รถไฟทางไกลสายใต้ เปิดเดินได้วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2551 เป็นต้นไป หลังได้รับการยืนยันจากผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.) ว่ามีความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ดำเนินการสำรวจความปลอดภัยเส้นทางอยู่ตลอดเวลา

     คณะผู้บริหาร รฟท. ได้ประชุมพิจารณาเป็นการเร่งด่วน หลังจากที่ได้รับการยืนยันจาก กอ.รมน. แล้ว จึงกำหนดให้เปิดเดินขบวนรถทางไกลเส้นทางสายใต้ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2551 ไป-กลับอีก 18 ขบวน คือ ขบวน 85/86 (กรุงเทพ-นครศรีธรรมราช-กรุงเทพ), ขบวน 173/174 (กรุงเทพ-นครศรีธรรมราช-กรุงเทพ), ขบวน 43/44 (กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพ), ขบวน 171/172 (กรุงเทพ-สุไหงโกลก-กรุงเทพ), ขบวน 37/38 (กรุงเทพ-สุไหงโกลก-กรุงเทพ), ขบวน 169/170 (กรุงเทพ-ยะลา-กรุงเทพ), ขบวน 167/168 (กรุงเทพ-กันตัง-กรุงเทพ), ขบวน 39/40 (กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพ) และขบวน 41/42 (กรุงเทพ-ยะลา-กรุงเทพ) สำหรับวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551 อีก 4 ขบวน คือ ขบวน 35/36 (กรุงเทพ-บัตเตอร์เวอร์ธ-กรุงเทพ) และขบวน 83/84 (กรุงเทพ-ตรัง-กรุงเทพ) ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดบริการครบทั้งระบบ 64 ขบวนในเส้นทางสายใต้

     หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเดินทาง ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ www.railway.co.th ทั้งนี้ศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ การรถไฟฯ ต้องขออภัยในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

     นางสาวมณฑกาญจน์ ศรีวิลาศ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งถึงสถานการณ์ เดินรถไฟในช่วงนี้ว่า การโดยสารในเส้นทางสายเหนือ สามารถเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง จากกรุงเทพถึงเชียงใหม่ทุกขบวน ส่วนเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ก็สามารถให้บริการได้ ไปยังปลายทางที่สถานีหนองคาย และอุบลราชธานีเช่นเดียวกัน ทำให้ประชาชน ได้ใช้บริการรถไฟฟรี เดินทางไปมาหาสู่กันอย่างต่อเนื่อง

     สำหรับในเส้นทางสายใต้นั้น นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้มอบหมาย ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ได้ลงเจรจาทำความเข้าใจ กับพนักงานที่ใช้สิทธิลาป่วย และหยุดงาน ให้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่ต้องอาศัยการเดินทางโดยรถไฟ เพื่อให้เปิดเดินขบวนรถบริการโดยเร็ว นอกจากนี้ ผู้ว่าการรถไฟฯ ยังสั่งการให้ดูแลเรื่องสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของพนักงาน และครอบครัวเป็นพิเศษด้วย ซึ่ง ณ วันที่ 5 กันยายน 2551 การรถไฟฯ สามารถเปิดการเดินรถได้ถึง 18 ขบวน/วัน โดยส่วนใหญ่เป็นรถธรรมดา รถชานเมือง และรถท้องถิ่น ซึ่งทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ได้ใช้บริการฟรี แต่ยังงดเดินขบวนรถไฟสายหลัก ช่วงชุมพร-หาดใหญ่-สุไหงโกลก จำนวน 40 ขบวน

     ส่วนการเดินขบวนรถสินค้านั้น ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้พยายามทำความเข้าใจ ถึงเหตุผลความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชน และระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะขบวนรถสินค้า ที่มีความต้องการสูง อาทิ ก๊าซ น้ำมันดิบ น้ำมันใส เป็นต้น ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือ จากพนักงาน โดยสามารถเปิดเดินรถสินค้า ไป-มาได้ 16 ขบวน และจะทยอยเดินรถเพิ่มขึ้นต่อไป

     การรถไฟฯ ต้องขออภัยประชาชน ที่ใช้บริการ โดยเฉพาะเส้นทางสายใต้ ที่ไม่ได้รับความสะดวก โดยขอให้ผู้ที่มีตั๋วโดยสารไว้แล้ว ติดต่อขอคืนตั๋ว ได้เต็มราคาที่สถานีรถไฟทุกแห่ง หรือสอบถามกำหนดเวลาเดินทางได้ที่ โทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง.

ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันที่ : 05/09/2551

     สำหรับท่านที่ชอบสัมผัส กับขบวนรถพิเศษรถจักรไอน้ำ จาก กรุงเทพ - อยุธยา วันปิยมหาราช 23 ต.ค. 51 นี้ ท่านสามารถซื้อตั๋วล่วงหน้า ได้แล้ววันนี้ ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยค่าโดยสารรถไฟ ไป-กลับ ท่านละ 120 บาท ขบวนรถพิเศษนี้ จะออกจากสถานีกรุงเทพ ในเวลา 08.00 น. และกลับถึงสถานีกรุงเทพ ในเวลา 19.20 น.

     ส่วนรายการนำเที่ยวร่วมกับบริษัททัวร์ครั้งนี้ จะพาท่านไปเที่ยวชม วัดพุทไธสวรรย์ วัดธรรมมิกราช วัดหน้าพระเมรุ วัดมหาธาตุ โดยค่ารถยนต์นำเที่ยว ไป-กลับ พร้อมมัคคุเทศก์ บรรยายประจำรถทุกคัน ท่านละ 180 บาท (รถปรับอากาศ 300 บาท)

     โดยตั๋วรถไฟ พร้อมตั๋วร่วมกับบริษัททัวร์ สามารถซี้อได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า สถานีรถไฟกรงเทพ (หัวลำโพง) ตั้งแต่เวลา 08.30 น. - 16.00 น. ทุกวัน รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่สายด่วน 1690 หรือ โทร. 0-2225-6964

     นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวหลังได้เรียกประชุมผู้บริหารรถไฟ และคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาการหยุดเดินขบวนรถ ว่า การรถไฟฯ ได้ หารือกับ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เกี่ยวกับการหยุดเดินรถไฟ ของพนักงานขับรถและช่างเครื่อง เนื่องจากลาป่วย ว่า พื้นที่ 4 แห่ง ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ และมีการเปลี่ยนพนักงาน คือ แก่งคอย นครราชสีมา ปากน้ำโพ และทุ่งสง มีพนักงานส่วนหนึ่งใช้สิทธิการลา ทำให้การรถไฟฯ ต้องประกาศหยุดเดินรถ เพื่อให้บริการประชาชน โดยวันนี้ (29 สิงหาคม 2551) ประกาศงดเดินรถโดยสาร 66 ขบวน ซึ่งจากการประสานความร่วมมือ จากผู้แทนสหภาพแรงงานฯ ครั้งนี้ว่า เพื่อต้องการให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องจำนวน 9 ข้อที่ได้เรียกร้องไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2550 อาทิ การจ่ายค่าชดเชยให้กับการรถไฟที่เกิดจากการขาดทุนในการเดินรถตั้งแต่ปี 2545 กว่า 26,000 ล้านบาท การคิดค่าเช่าห้างเซ็นทรัลฯ การดำเนินการตามแผนฟื้นฟู การทวงคืนที่ดินบริเวณเขากระโดง เป็นต้น ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าว ไม่ใช่ความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารรถไฟฯ

     การหยุดเดินรถไฟในครั้งนี้ รวม 76 ขบวน (เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2551 รวม 10 ขบวน และวันที่ 29 สิงหาคม 2551 รวม 66 ขบวน ) ซึ่งทั้งสองวันที่ผ่านมาการรถไฟฯจะสูญเสียรายได้ประมาณ กว่า 5,200,000 บาท หากยังมีการหยุดเดินรถต่อไปอาจเกิดความเสียหายมากขึ้น กว่า 17 – 18 ล้านบาท ซึ่ง แบ่งเป็น การเดินรถขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นสินค้าหลักประกอบด้วย น้ำมันดิบ น้ำมันใส ก๊าซ และสินค้าอื่น ๆ 6,500,000 บาทต่อวัน ส่วนค่าโดยสารจะสูญเสียรายได้กว่า 11 ล้านบาทต่อวัน

     ผู้ว่าการการรถไฟฯ ยังมั่นใจว่า การรถไฟฯ ยังคงเดินรถทางไกล ซึ่งเป็นรถหลักเพื่อให้บริการประชาชน ให้เพียงพอในการรองรับประชาชน โดยการรถไฟฯ จะประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อ ประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน และยึดหลักการบริการประชาชนเป็นสำคัญ โดยขณะนี้ ประชาชนที่จะเดินทาง สามารถสอบถามเวลาการเดินรถได้ที่โทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

     เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ทีมงานเว็บไซต์รถไฟไทยดอทคอม พร้อมด้วยสมาิชิกบางส่วน ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม ในกิจกรรม ปลูกป่า "“Plant for the Planet, Plant for the Future” - The Billion Tree Campaign in Thailand" ณ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในความดูแลของ มูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (มอนส.)

     ถึงแม้ว่าแดดจะร้อนเพียงใด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในนามตัวแทนของเว็บไซต์ฯ ก็ตั้งใจปลูกกันอย่างขยันขันแข็ง ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานและเป็นกันเอง ซึ่งนอกจากจะเป็นกา่รปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม สร้างความร่มเย็น ลดการกัดเซาะชายฝั่ง และลดสภาวะโลกร้อนแล้ว ยังได้เป็นการร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา และร่วมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – ญี่ปุ่น อีกด้วย โดยรายละเอียดเพิ่มเติม ตลอดจนภาพบรรยากาศของกิจกรรมดังกล่าว สามารถติดตามได้ผ่านกระทู้ โครงการปลูกป่าฯ ลดโลกร้อน กับ RFT หรือ คลิกที่นี่