นางสาวมณฑกาญจน์ ศรีวิลาศ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในปี พ.ศ.2550 นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดเดินรถจักรไอน้ำพิเศษ ไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งนักท่องเที่ยว สามารถเรียนรู้วิถีไทยในอดีต
ขบวนรถจักรไอน้ำพิเศษขบวนนี้ ลากจูงด้วยหัวรถจักรไอน้ำซึ่งทางโรงรถจักรธนบุรี เก็บและบำรุงรักษาอยู่ โดยสลับกันนำออกมาใช้งาน ตามสภาพความพร้อมของรถจักรที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ 3 รุ่นด้วยกันคือ รถจักรไอน้ำแปซิฟิกเลขที่ 824 โดยการรถไฟฯ ได้นำมาใช้งานระหว่างปี พ.ศ. 2492 - 2493, รถจักรไอน้ำแปซิฟิก เลขที่ 850 ใช้งานในปี พ.ศ. 2493 และ รถจักรไอน้ำมิกาโด เลขที่ 953 ใช้งานปี พ.ศ. 2493 รถจักรไอน้ำทั้ง 3 รุ่น สร้างโดยสมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในวันสถาปนากิจการรถไฟวันที่ 26 มีนาคม 2550 ที่จะถึงนี้ การรถไฟฯ จะใช้รถจักรไอน้ำแปซิฟิก เลขที่ 824 และมิกาโด เลขที่ 953 ลากจูงรถโดยสาร
การรถไฟฯ ได้นำหัวรถจักรดังกล่าวมาพ่วงเข้ากับรถโดยสารครั้งละประมาณ 8-9 ตู้ และนำมาวิ่งในวันสำคัญๆทุกๆปี ซึ่งการรถไฟฯ กำหนดไว้ปีละ 3 ครั้งคือวันที่ 26 มีนาคม วันสถาปนากิจการรถไฟฯ, วันที่ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช และวันที่ 5 ธันวาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขบวนรถจักรไอน้ำพิเศษขบวนนี้ จะออกจากสถานีกรุงเทพเวลา 08.00 น. และรับนักท่องเที่ยวที่สถานีสามเสน, ชุมทางบางซื่อ, สถานีบางเขน, สถานีหลักสี่, และสถานีดอนเมือง เดินทางถึงสถานีอยุธยาเวลาประมาณ 10.10 น.
เมื่อถึงสถานีแล้วจะมีรถยนต์โดยสารนำเที่ยว รอรับนักท่องเที่ยว เพื่อนำนักท่องเที่ยว ไปชมสถานที่สำคัญของเมืองกรุงเก่า อาทิ วัดท่าการ้อง นมัสการหลวงพ่อยิ้มอายุกว่า 400 ปี, ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา เพื่อศึกษาความเป็นมา ของราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งเป็นราชธานี และเรียนรู้วิถีไทย ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีต, วัดหน้าพระเมรุ พระพุทธรูปทรงเครื่องที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุด, และวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดซึ่งเป็นต้นแบบของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ฯลฯ เที่ยวกลับขบวนรถจักรไอน้ำพิเศษจะออกจากสถานีอยุธยาเวลาประมาณ 17.25 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.20 น. ค่าโดยสารรถไฟ ผู้ใหญ่/เด็ก ราคาเดียวคนละ 120 บาท ส่วนรถยนต์นำเที่ยวคนละ 180 บาท
ผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันที่ : 20/02/2550