View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
automotive
3rd Class Pass
Joined: 03/07/2006 Posts: 133
Location: แถวสถานีรถไฟ แม่กลอง
|
Posted: 20/11/2009 9:24 am Post subject: |
|
|
วันเสาร์นีไม่รู้ว่ารถชุดใหม่จะได้ออกมาวิ่งหรือปล่าวนะครับเพราะว่าน้ำท่วมเกิน 15 ซม แต่รถชุดเก่าอาจจะได้เกิน 15 ซม. เนื่องจากเดี๋ยวรถชุดใหม่กราวด์แล้วหาจุดยากกว่ารถชุดเก่า |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 20/11/2009 10:59 am Post subject: |
|
|
สรุปว่า เวลาออกของขบวนรถสายบ้านแหลม - แม่กลอง ต้องดูเวลาน้ำขึ้น น้ำลง ประกอบด้วยสิ
อย่างนี้ ต้องเขียนเพิ่มเติมใต้ป้ายบอกเวลาอีกสักนิดหนึ่งว่า ถ้าถึงเวลาน้ำขึ้น ขอให้ผู้โดยสารเดินลุยน้ำไปขึ้นรถที่ท่าฉลอม ฮ่าๆๆๆๆ |
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 20/11/2009 11:10 am Post subject: |
|
|
black_express wrote: | อย่างนี้ ต้องเขียนเพิ่มเติมใต้ป้ายบอกเวลาอีกสักนิดหนึ่งว่า ถ้าถึงเวลาน้ำขึ้น ขอให้ผู้โดยสารเดินลุยน้ำไปขึ้นรถที่ท่าฉลอม ฮ่าๆๆๆๆ |
ถ้าท่วมจริงๆ เผลอๆ ท่าฉลอม รถยังเข้ามารับผู้โดยสารไม่ได้เลยครับ ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้เค้าปรับปรุงไปหรือยัง แต่ตอนที่ไปมากะ ผตก.เจฟ เมื่อคราวก่อนนั้น ทางรถไฟก็คือคลองดีๆ นี่เอง จนผมต้องให้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไปส่งตรงทางตัดใกล้ๆ ร้านซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ทโน่นเลยครับ ไม่งั้นตกรถไฟแน่ๆ
ภาพในอดีตเมื่อปี 2005 บริเวณทางตัดกับถนนใหญ่ก่อนถึงวัดช่องลม
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 20/11/2009 12:07 pm Post subject: |
|
|
อย่างนี้แหละ ใช่เลย... คลองท่าฉลอม
ไม่คุ้มค่าเลยครับ เมื่อเทียบกับการเสื่อมสภาพใช้งานของขบวนรถก่อนเวลาอันควร |
|
Back to top |
|
|
mahachai_drc
VIP Member
Joined: 06/11/2006 Posts: 758
Location: เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์
|
Posted: 20/11/2009 8:33 pm Post subject: |
|
|
น้ำท่วมมา 2 วันแล้ว แต่วันนี้วิ่งได้ปกติ พรุ่งนี้วันเสาร์ที่21 พ.ย. 52 เปิดรถนำเที่ยวอย่างเป็นทางการวันแรก สซร.สม.เข้าประชุม OCC วันนี้ เห็นว่าคงมีการฝืนๆกันบ้างคงจะมีเกิน 15 CM.บ้าง แต่ถ้าขนาดในรูปนี้ ผมว่า คงฝืนไปไม่ไหวแน่ แต่คิดว่าพรุ่งนี้ คงน้ำคงไม่ท่วม คงจะเว้นระยะไปอีก 2-3วัน ภาวนาขออย่าให้น้ำท่วมเลย มิฉะนั้นคงเสียหายมากแน่ ลงทุนมาซะเยอะแล้ว ถ้ามีติดน้ำท่วมใครจะกล้าซื้อบัตรนำเที่ยวตั้ง 999 บาทแน่ะ
อันนี้คนล่ะงาน ท่านใดสนใจจะมาเที่ยวเสาร์-อาทิตย์นี้มีงานปลาทูด้วย เอาตัวอย่างมาให้ดูวันนี้ไปซื้อมาทาน ปกติ 2 ตัว 20 บาท แต่เย็นมีแถม เป็น 3 ตัว แสนถูกอร่อยอีกด้วย
ฉู่ฉี่ปลาทู
และนี่ส้มตำปลาทู อร่อยด้วย อย่างละ20เอง รับประกันความอร่อย หาทานได้ในงานปลาทูท่าฉลอมถึง22พ.ย.52นี้ครับ |
|
Back to top |
|
|
RORONOA
2nd Class Pass
Joined: 06/12/2007 Posts: 705
|
Posted: 20/11/2009 9:34 pm Post subject: |
|
|
เห็นแล้วน่ารับประทานมากครับ วันอาทิตย์นี้ผมไม่พลาดแน่นอนครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43921
Location: NECTEC
|
Posted: 23/11/2009 12:13 am Post subject: |
|
|
^^^
ปลาทูแบบนีั้ ดูน่าทานอยู่ แต่จะให้เด็ดน่าจะมีแกงหัวปลา แบบที่ มาเลย์และสิงคโปร์ด้วยนะ แต่ ต้องเป็นหัวปลาใหญ่จริืงๆ
มาดู เรื่องราวการท่องเที่ยวทางรถไฟสายแม่กลองในเวอiNชัีนไทยโพสต์ได้ที่นี่
นั่งม้าเหล็กเที่ยวเมือง 2 สมุทรฯ
คอลัมน์ ท่องเที่ยว
ไทยโพสต์ 22 พฤศจิกายน 2552 - 00:00
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การรถไฟแห่งประเทศไทยจับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทางรถไฟให้มีความคึกคัก (โดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกรณีรถไฟตกรางหรือประท้วงกันยกใหญ่) เปิดเส้นทางใหม่แกะกล่องชวนนักท่องเที่ยวออกเดินทางด้วยม้าเหล็กเที่ยวสมุทรสาครและสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นทางรถไฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 108 ปี รายการนำเที่ยวโปรแกรมนี้ มีทั้งแบบเช้าไปเย็น-กลับ และแบบค้างคืน เริ่มจากสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ จากนั้นก็เข้าสู่มหาชัย ไปท่าฉลอม แล้วจึงถึงแม่กลอง
เสียงดังกังวานของหวูดรถไฟในสถานีวงเวียนใหญ่ บอกกล่าวไปยังผู้โดยสารรู้ว่ารถจะออกจากสถานีแล้ว เรียกความตื่นเต้นกระตือรือร้นให้กับคนที่นั่งบนขบวนรถแล้ว และคนที่ยังรีรอๆ อยู่ด้านล่าง จากนั้นเจ้าม้าเหล็กก็วิ่งกระชึ่กกระชั่กแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง มุ่งหน้าสู่สมุทรสาคร หรือ "มหาชัย" ชื่อที่เราคุ้นหู
การเดินทางด้วยรถไฟตู้นั่งชั้น 3 นี้ ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร เพราะวันนี้การรถไฟฯ ได้ปรับปรุงโบกี้ใหม่เพื่อบริการสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะนักข่าว) ต้องยกนิ้วให้เรื่องความสะอาด อาจร้อนบ้าง แต่ด้วยตลอดสองข้างทางรถไฟมีทิวทัศน์สวยงามพาให้ชมเพลินตาอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะนาเกลือกว้างสุดลูกหูลูกตานั้น ทำให้เราสัมผัสวิถีชาวสมุทรสาครที่สืบทอดภูมิปัญญากันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนทุกวันนี้
เมื่อไปถึงสถานีมหาชัย เราเดินชมตลาดสดยามเช้าของมหาชัย ลงเรือล่องชมทิวทัศน์แม่น้ำท่าจีนสู่ปากอ่าวสมุทรสาคร เป้าหมายคือ วัดสุทธิวาตวราราม หรือ "วัดช่องลม" ที่คนมหาชัยเรียก ถึงแล้ววัดช่องลมที่เราหมายใจมาเยือน วัดช่องลมมีพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ให้สักการะ และที่สำคัญคือ ร่างที่กลายเป็นหินของหลวงพ่อแก้วในโลงทองพระราชทานที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธา ในวัดช่องลมนอกจากเป็นพื้นที่สงบร่มเย็นให้คนพักกายพักใจแล้ว ก็ยังเป็นพื้นที่สำหรับนกแอ่นกินรังนับพันๆ ตัวได้พักพิง โดยเฉพาะภายในวิหารหลวงปู่แก้ว
โชคดีที่วันนั้นกำลังมีนิสิตและอาจารย์จากภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำลังศึกษาวิจัยเรื่องพฤติกรรมนกชนิดนี้ ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะเข้าไปขอความรู้ เพราะต้องไม่ลืมว่านกชนิดนี้ปกติอาศัยในถ้ำตามเกาะ เมื่อรู้อะไรมาก็ไม่ลืมเล่าสู่กันฟัง นกแอ่นกินรังที่วัดช่องลมมีพฤติกรรมน่าสนใจ คือ อยู่ในที่โล่ง ไม่อพยพย้ายถิ่นฐาน แถมยังสืบพันธุ์ตลอดปี แสดงว่านกปรับตัวได้ดีมาก แม้มีการรบกวนจากมนุษย์ ต่างจากนกแอ่นกินรังทั่วไป ในทางวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม เมื่อศึกษาพฤติกรรมใน 1 วัน ก็เห็นว่านกจะบินออกหากินตั้งแต่เช้า กลับรังตอนเย็น แต่ถ้ามีลูกอ่อนจะกลับรังถี่ขึ้นพร้อมอาหารให้ลูกน้อย ส่วนเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่นกชนิดนี้ใช้หาทิศทาง ดูนกที่วัดช่องลมก็เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจของมหาชัย
เมื่อออกจากเขตวัดเพียงแค่ข้ามถนนไม่กี่ก้าว เราก็ถึงอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต นั่นคือ อุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยเฉพาะช่วงนี้มีงานนมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งเป็นเทศกาลงานประจำปี ชาวมหาชัยตลอดจนคนไทยเชื้อสายจีนจากทั่วสารทิศจะเดินทางมานมัสการเจ้าแม่กวนอิมที่ศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศในอุทยานประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงที่ผู้คนถวายเสริมมงคลแก่ตัวเอง ทั้งคนสูงวัย หนุ่มสาว ถือธูปมาไหว้เจ้าแม่กวนอินและสวดมนต์กันอย่างคึกคัก
พวกเราเดินกันมารอขบวนรถไฟที่จะแวะรับคณะ ณ สถานีท่าฉลอม เตรียมพร้อมจะเดินทางต่อไป จ.สมุทรสงคราม หรือเมืองแม่กลอง ระหว่างรอพานนึกถึงข่าวคราวเมื่อเดือนที่แล้ว พนักงานการรถไฟฯ และสหภาพรัฐวิสาหกิจการรถไฟฯ ประท้วงเงียบด้วยการหยุดวิ่งขบวนรถไฟท้องถิ่นสายใต้และอีกหลายสาย โดยยกสาเหตุหัวรถจักรไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เกรงประชาชนจะไม่ปลอดภัย ช่วงนั้นรถไฟป่วน ลอยแพผู้โดยสาร ชาวบ้านเดือดร้อน กระทบท่องเที่ยว ตนเองไม่ได้เข้าข้างใคร แต่เชื่อเรื่องนี้เป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในการรถไฟฯ โดยมีประชาชนเป็นผู้รับเคราะห์
ก็ไม่รู้จะไปคิดถึงมันทำไม แต่เอาละ วันนี้รถไฟก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้จะมาช้ายังดีกว่าไม่มา เราก้าวขึ้นม้าเหล็กไปเที่ยวแม่กลองกันต่อ มองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพการทำนา ทำสวน ทำนาเกลือ สลับกับป่าโกงกาง ยังสร้างความตื่นตาสำหรับคนไม่คุ้นกับชีวิตของชาวสามน้ำ เพราะแม่กลองเป็นเมืองใกล้ปากแม่น้ำ มีระบบนิเวศสามน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คือ น้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม อาชีพของชาวแม่กลองจึงแบ่งตามลักษณะของน้ำ นี่คือวิถีดั้งเดิมที่เราได้เรียนรู้ ซึ่งทุกวันนี้ภูมิปัญญาในพื้นที่สามน้ำค่อยๆ เลือนหายไป
ทันทีที่รู้สึกว่ารถไฟใช้ความเร็วต่ำ ตามด้วยเสียงพนักงานประกาศว่าขบวนรถกำลังจะผ่านตลาด ผู้โดยสารสนใจว่าจะผ่านไปอย่างไร เมื่อพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายแน่นขนัดอยู่สองข้างทางรถไฟกางผ้าใบมาบรรจบกัน แต่เมื่อขบวนรถไฟใกล้เข้ามาๆ เจ้าของร้านจะหุบร่ม ซึ่งเป็นที่มาของตลาดร่มหุบลือชื่อ มันฟังดูแปลกๆ แม้ใครจะตื่นเต้น แต่ตัวเองก็รู้สึกหวาดเสียว กลัวรถจะวิ่งทับคน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานอุบัติเหตุ ส่วนมากเจ้าของร้านรู้เวลารถไฟอยู่แล้ว เราไม่ได้แวะตลาดร่มหุบมุ่งไปสู่สถานีแม่กลอง และได้อิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันที่นั่นด้วยปลาทูหลากเมนู ทั้งปลาทูซาเตี๊ยะ ปลาทูฉู่ฉี่ ผัดเผ็ดตับปลาทู ครบเครื่องครบรส ท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำท่าจีน
ในยามบ่าย เราเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศแวะไปตลาดน้ำบางน้อย ต.กระดังงา อ.บางคนที ที่นี่ในอดีตราว 40 ปีก่อน เคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญมากแห่งหนึ่งในลุ่มน้ำแม่กลอง เดิมเรียกตลาดปากคลองบางน้อย แม่ค้าจะพายเรือมาขายในวันขึ้น 3 ค่ำ 8 ค่ำ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ราวๆ สิบโมงตลาดก็วายแล้ว ปัจจุบันเรียกตลาดน้ำบางน้อย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบางน้อยยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก แต่ต้องรับกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้มาเยือนมากในวันเสาร์-อาทิตย์ เวลานี้พ่อค้าแม่ขายทั้งบนตลาดและที่พายเรือมาขายจะคึกคักในวันหยุด เปิดตลาดตั้งแต่แปดโมงเช้า นอกจากเสน่ห์ของวิถีชีวิต อาหารการกิน ผักผลไม้สดๆ จากสวนแล้ว เรือนไม้เก่าแก่ริมคลองที่นี่ล้วนน่าศึกษาใส่ใจ นี่คือตลาดน้ำอีกแห่งที่ไม่มากมายด้วยการปรุงแต่ง แต่เต็มแน่นด้วยความพูกพันของคนและสายน้ำ
เย็นนั้นยังอยู่ใน อ.บางคนที เราแวะไปชมโบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง ที่สร้างราวปี พ.ศ.2250-2300 แต่ยังยืนหยัดคงโครงรูปด้วยต้นไม้ 4 ชนิด คือ โพธิ์ ไทร ไกร และกร่าง ที่ยึดโบสถ์ไว้อย่างหนาแน่น โบสถ์ในต้นไม้หรือโบสถ์ปรกโพธิ์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาสัมผัสด้วยตาเช่นเดียวกับเรา ถือเป็นการปิดท้ายนั่งรถไฟเที่ยวเมือง 2 สมุทร ที่ประทับใจ ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็เล็กพริกขี้หนูจริงๆ. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43921
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47111
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 23/02/2011 9:58 am Post subject: |
|
|
^^^
ชอบมุมมองจากตะกร้ามันเทศมากครับ เยี่ยมจริง ๆ
น่าทำเป็น dialogue balloon พากย์ตรงช่วงท้าย ๆ ที่มีเสียงแม่ค้านะครับ
ผมลองกะดูในยูทูบแล้ว จากขอบเสาด้านหนึ่งถึงขอบเสาอีกด้านของตลาดร่มหุบ ไม่น่าเกิน 5 เมตร
อย่างนี้ถ้าย้ายบ้านบุกรุกที่เทศบาลสงขลา ขยับออกจากรางประธานด้านละ 5 เมตร อย่างนี้เปิดเดินรถไฟได้แน่ ๆ ครับ |
|
Back to top |
|
|
milkonline
2nd Class Pass (Air)
Joined: 02/07/2009 Posts: 810
Location: อ.เมือง จ.ลพบุรี
|
Posted: 23/02/2011 10:18 am Post subject: |
|
|
^
^
ถ้าจะฟื้นฟูจริงๆ อาจจะต้องขยับเพิ่มไปอีกแน่ๆครับ
จากในคลิป
ข้าวโพดโดนไปหน่อยนึง
สังเกตเห็นว่า มีกระจกมองข้างมอไซค์ ติดตรงหน้าต่างห้องขับด้วยครับ _________________ N-Scale model train lovers.
|
|
Back to top |
|
|
|