Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 12/06/2017 2:27 am Post subject:
สนข. ยัน 1 ตุลาคม ดีเดย์ใช้ตั๋วร่วม นำร่องรถไฟฟ้า รถเมล์ สนองนโยบายรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
Home / Breaking News
วิทยุ 106 MHz
สนข. ยัน 1 ตุลาคม ดีเดย์ใช้ตั๋วร่วม นำร่องรถไฟฟ้า รถเมล์ สนองนโยบายรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สนข. เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ บัตรแมงมุม(ระบบตั๋วร่วม) มีความพร้อมที่จะนำมาให้บริการประชาชน ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยทดสอบการใช้บริการและทยอยจัดหาเครื่องอ่านบัตร โดยให้ภาคเอกชนเป็นเข้ามาบริหารจัดการเครื่องอ่านบัตรนำมาติดตั้งในส่วนของระบบรถไฟฟ้า รวมถึงรถเมล์ขององค์กรขนส่งมวลชนกรุงเทพ เพื่อเป็นการนำร่อง
โดยขณะนี้ได้มีการเร่งรัดดำเนินการต่างๆ เพื่อให้สอดรับโครงการลงทะเบียนรับสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ทางกระทรวงการคลังกำลังดำเนินการจะออกมาตรการให้บริการมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 15/06/2017 11:00 am Post subject:
เปิดโฉมหน้าพันธมิตร BTS ลุยโมโนเรลไทย 2 สายแรก
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 15 มิถุนายน 2560 เวลา 10:15:31 น.
พลันที่ "ครม.บิ๊กตู่" ประทับตราให้กลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป-บมจ.ซิโน-ไทยฯ-บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง) สร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู "แคราย-มีนบุรี" กับสีเหลือง "ลาดพร้าว-สำโรง" วงเงิน 1 แสนล้านบาท วันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา
อีก 2 วันต่อมา "คีรี กาญจนพาสน์" ประกาศก้องจะจดปากกาเซ็นสัญญา 16 มิ.ย.นี้ มี "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกฯด้านเศรษฐกิจเป็นประธานเซ็นปิดดีล
ภายในงาน นอกจากจะเซ็นสัญญากับ "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" เพื่อรับสัมปทานก่อสร้าง จัดหาระบบ เดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ 33 ปี 3 เดือน
งานนี้ "บิ๊กบีทีเอส" ตั้งใจจัดงานใหญ่ให้สมกับที่รอมา 25 ปี ไม่ได้มีแค่พันธมิตรก่อสร้าง "ซิโน-ไทยฯ" บิ๊กโฟร์วงการรับเหมาที่สร้างรถไฟฟ้ามาสารพัดสี และ "ราชบุรีโฮลดิ้ง" ผู้ผลิตไฟฟ้าเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย ที่มีฐานะการเงินสุดแกร่ง และเงินสดในมือ 16,000 ล้านบาท
ยังเปิดตัวพันธมิตร "การเงิน" ทั้งสัญชาติไทยและเทศ ที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก โดยเฉพาะ "แบงก์กรุงเทพ" ที่เป็นคู่ค้าเจ้าพ่อบีทีเอสมานานแสนนาน
"ตอนนี้ความมั่นใจด้านการเงิน บีทีเอสมีล้น มีเงินในกระเป๋า 2 หมื่นล้าน ในวันที่ 16 มิ.ย.จะเซ็นพร้อมกันหมด ไม่ใช่เฉพาะสัมปทาน มีแบงก์ต่าง ๆ แล้วก็ผู้ผลิตรถจะซื้อ 288 ตู้ และระบบต่าง ๆ ทั้งหมดเป็นเงินกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท"
สำหรับผู้ผลิตระบบที่จะได้เค้กโมโนเรลเป็นเจ้าแรกในไทย ในส่วนขบวนรถ ทางบีทีเอสกำลังชั่งน้ำหนักระบบของ "ฉงชิ่ง" จากจีน และ "บอมบาร์ดิเอร์" จากแคนาดา แต่ฟังน้ำเสียง "คีรี" แล้ว มีแนวโน้มที่ไทยจะใช้บริการระบบ "ฉงชิ่ง"
โดยโมโนเรลที่บีทีเอสเลือกใช้ เรียกว่า "ซูเปอร์โมโนเรล" เพราะบอดี้กว้างเท่ารถบีทีเอสอยู่ที่ 10-15 เมตร/ตู้ รองรับผู้โดยสารได้ 30,000 -40,000 คน/ชม./ทิศทาง รูปแบบจะสร้างคร่อมทาง วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 35-80 กม./ชม.
"ในโลกระบบโมโนเรล มีฮิตาชิ บอมบาร์ดิเอร์ จีน ดูว่าต้นทุนใครถูก ดีสุด น่ารักสุด ผลิตได้เร็ว น่าจะเป็นจีนเพราะบอมบาร์ดิเอร์หรือญี่ปุ่นก็ผลิตที่จีน เราจะใช้ประสบการณ์ 17 ปี ลดต้นทุนการดำเนินการ อย่างการซื้อของต้องต่อรองราคาและลดทุกอย่างที่เป็นลักเซอรี่ แต่ไม่ขี้เหร่และยังคงมาตรฐานการบริการและความปลอดภัย"
ส่วนระบบขายตั๋วและจัดเก็บค่าโดยสาร ว่ากันว่า "คีรี" อยากจะชิมลางสินค้าจากยุโรปดูบ้าง หลังใช้บริการสินค้าโซนเอเชียมานาน อยู่ระหว่างต่อรองราคา และหนึ่งในโผ มี "อินดรา" (Indra) จากประเทศสเปนรวมอยู่ด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 15/06/2017 1:09 pm Post subject:
ชูลงนามพีพีพีรถไฟฟ้า 3 สาย
เดลินิวส์
พุธที่ 14 มิถุนายน 2560 เวลา 16.00 น.
สคร. คาด 2 ปี มีโครงการเมกะโปรเจคท์ ลงนาม พีพีพี ฟาสแทร็ค ได้ 9.3 แสนล้าน รถไฟฟ้า 3 สายชัวร์แล้ว มอเตอร์เวย์ 2เส้นจ่อเข้าคิว ส่วนปีนี้มีรถไฟฟ้าอีก 4 สาย
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ พีพีพี ) เปิดเผยว่า ภายในปี 60-61 คาดว่าจะมีภาคเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี ฟาสท์แทร็ก) ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐกว่า 9.3 แสนล้านบาท โดยขณะนี้มีโครงการที่ร่วมทุนสำเร็จแล้วรถไฟฟ้า 3 สาย รวม 1.9 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง บางแค และช่วงบางซื่อ ท่าพระ มูลค่า 8.38 หมื่นล้านบาท ที่ลงนามไปแล้วเมื่อ 31 มี.ค. 60 ส่วนอีก 2 โครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย มีนบุรี 5.66 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว สำโรง 5.46 หมื่นล้านบาท ทั้ง 2 โครงการจะลงนามวันที่ 16 มิ.ย. นี้
สำหรับโครงการที่เหลือคาดว่าจะลงนามในปีนี้ได้อีก 2 โครงการ คือ การร่วมลงทุนในส่วนบริหารจัดการและการบำรุงรักษาของโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี กับ มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน - คลองราช มูลค่าโครงการ 1.4 แสนล้านบาท นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการ พีพีพี ปลายเดือน มิ.ย.นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอแผนลงทุนในโครงการพีพีพี ที่มีความพร้อมมาให้พิจารณา ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ( ใต้ ) รถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท เพื่อกระจายความเจริญไปยังต่างจังหวัด ตามนโยบายของนายสมคิด จตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังอีกด้วย
ต่อไปการทำโครงการพีพีพี ฟาสแทร็ค น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 9 เดือน ซึ่งย่นระยะเวลาจากปกติใช้นาน 25 เดือน เพราะที่ผ่านมา สคร.มีประสบการณ์แล้ว และการทำโครงการฟาสแทร็คจะช่วยทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสังคม เช่น การเดินทางของประชาชนมีความสะดวกสบาย ซึ่งกรอบการทำโครงการทั้งหมดจะเริ่มมีการลงนามจากปีนี้ไป จนถึงปีหน้าอย่างต่อเนื่อง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 15/06/2017 5:08 pm Post subject:
ร้ฐบาลเตรียมทำ PPP ปีนี้อีก 1.4 แสนล้านบาท
โดย MGR Online
14 มิถุนายน 2560 17:02 น. (แก้ไขล่าสุด 14 มิถุนายน 2560 22:22 น.)
ผู้อำนวยการ สคร. เผยรัฐบาลเตรียมผลักดันโครงการงทุน PPP ของกระทรวงคมนาคมในปีนี้เพิ่มเติมอีก 2 โครงการ มูลค่า 1.4 แสนล้าน ส่วนความคืบหน้าการทำ PPP ในรอบ 9 เดือนของปีงบฯ 60 รัฐบาลทำผลงานไปได้ 1.9 แสนล้านบาท จากโครงการลงทุนรถไฟฟ้า 3 สาย เผยปีหน้าคมนาคมยังเตรียมทำโครงการลงทุนแบบ PPP เพิ่มอีก 6 แสนล้าน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวถึงแผนการผลักดันให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนกับรัฐใสโครงการขนาดใหญ่ (PPP) ว่า ในปีนี้รัฐบาลมีผลักดันโครงการลงทุนดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 140,000 ล้านบาท โดยกระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะทำ PPP ในอีก 2 โครงการการบริหารจัดการและซ่อมบำรุง (Operate and Maintainace) ในโครงการมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการบางปะอิน-โคราช มูลค่าเงินลงทุนรวม 1.4 แสนล้านบาท โดยคาดว่ากระบวนการจัดทำการลงทุน PPP จะแล้วเสร็จได้ภายในปีนี้
ส่วนความคืบหน้าในการผลักดันโครงการลงทุน PPP ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 60 นั้น รัฐบาลสามารถได้ผลักดันได้แล้วใน 3 โครงการ โดยมีมูลค่าการลงทุนแบบ PPP รวมกัน 190,000 ล้านบาท ในโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ มูลค่าโครงการ 83,877 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแค่ราย-มีนบุรี วงเงินลงทุน 56,691 ล้านบาท, และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มูลค่า 54,644 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการ สคร. ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีหน้ากระทรวงคมนาคมยังเตรียมที่จะเสนอโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยใช้รูปแบบ PPP อีก 600,000 ล้านบาท โดยอาจจะเป็นการทยอยดำเนินการก็ได้ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เส้นทางเตาปูน-วงแหวนกาญจนาพิเศษ รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าตามเมืองใหญ่ คือ เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น
นายเอกนิติ ยังกล่าวต่ออีกว่า การที่รัฐบาลสามารถเร่งรัดการลงทุนแบบ PPP ได้รวดเร็วกว่าในอดีตนั้น เป็นผลมาจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการ PPP Fast Track ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาโครงการ PPP จนทำให้ร่นระยะเวลาทำโครงการ PPP ลงเหลือ 9 เดือน จากที่เคยใช้ระยะเวลาถึง 25 เดือน
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ สรร. ยังย้ำถึงความคืบหน้าในการแก้ไข พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 เพื่อเร่งรัดกระบวนการลงทุน PPP ให้เร็วกว่า 9 เดือนนั้น ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะนำกรอบการทำงานของ PPP Fast Track ที่เป็นการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาโครงการ PPP มาบรรจุในร่างแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ด้วย เช่น การเปิดเผยข้อมูลหลังการทำสัญญาโครงการแล้วต่อสาธารณะชน และหน่วยงานอิสระต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อที่จะทำให้การลงทุนตามรูปแบบของ PPP มีความรวดเร็ว และโปร่งใสมากขึ้น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 16/06/2017 5:06 pm Post subject:
เซ็นแล้ว! โมโนเรลไทย2สายแรก 9.2 หมื่นล้านใช้ระบบบอมบาดิเอร์ "สมคิด" ชม"คีรี"นักรบเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2560 เวลา 15:13:28 น.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2560 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนาม "โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง"
โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) รักษาการแทนผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
พร้อมด้วยคณะผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คณะผู้บริหารบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ณ ห้องวิภาวดี บอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว กรุงเทพ
นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) รักษาการแทนผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เป็นโครงการนำร่องตามมาตรการ PPP Fast Track ของรัฐบาล ในการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนและสร้างแรงขับเคลื่อนการลงทุนร่วมกับภาครัฐให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยทั้ง2 โครงการ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และสนับสนุนวงเงินลงทุนบางส่วน และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบและขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง เป็นระยะเวลาตามสัญญา 33 ปี 3 เดือน แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 : งานออกแบบและก่อสร้างโครงการ พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า ระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน และ ระยะที่ 2 : งานให้บริการเดินรถ ระยะเวลา 30 ปี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพูและสายสีเหลืองตามที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 เสนอ โดยมีกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในนามของกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ว่า กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น 2 บริษัท เพื่อดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู คือ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง คือ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ซึ่งตามสัญญาร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost นี้ บริษัทร่วมทุนจะได้รับสิทธิในการบริหารจัดการเดินรถ จัดเก็บรายได้ค่าโดยสารและค่าที่จอดรถ รวมถึงรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ด้วย ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 บริษัท จะมอบหมายให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง และว่าจ้างบริษัท ซิไน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างงานโยธา และว่าจ้าง บริษัท บอมบาดิเอร์ ผลิตและติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลและให้แบงก์กรุงเทพเป็นผู้จัดหาการสนับสนุนทางการเงิน
ทั้งนี้เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนจากพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ให้สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสายหลัก ได้แก่ สายสีม่วง สายสีแดง สายสีเขียว สายสีส้ม และสายสีน้ำเงิน เพื่อเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และช่วยบรรเทาปัญหาจราจรในพื้นที่ของโครงการทั้งสองสาย นอกจากนี้ผู้โดยสารจะสามารถใช้บัตรโดยสารใบเดียวกันเดินทาง ทั้งบัตรประเภทเที่ยวเดียว และบัตรเติมเงิน (บัตรแมงมุม)โดยสามารถเดินทางได้ทั้ง 3 ระบบ คือสายสีเขียว สายสีชมพู และสายสีเหลือง โดยจะออกแบบให้เป็นลักษณะการเชื่อมต่อแบบ Paid to Paid ที่ผู้โดยสารไม่ต้องออกนอกระบบ เพียงแตะบัตรเข้าและออก เพียงครั้งเดียว ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเดินทางให้กับผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูมีระยะทางประมาณ34.5 กิโลเมตร มีสถานีรวม 30 สถานี กรอบวงเงินลงทุน 46,643 ล้านบาท ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีระยะทางประมาณ 30.4 กิโลเมตร มีสถานีรวม 23 สถานี กรอบวงเงิน ลงทุน 45,797 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคล่อมราง (Straddle Monorail) เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดสาย มีทางเดินสำหรับการอพยพกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน (Emergency Walkway) ตลอดทาง แนวเส้นทางเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (Feeder Line) ที่จะกระจายความหนาแน่นของกิจกรรมเมือง และเชื่อมโยงการเดินทางกับระบบขนส่งมวลชนหลัก (Main Line) เป็นโครงข่ายอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้คาดว่าทั้ง 2 โครงการจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563
ด้านนายสมคิดกล่าวว่าขอบคุณเอกชนที่มาช่วยลงทุนโครงการ และขอยกย่องคุณคีรีเป็นนักรบเศรษฐกิจอย่างแท้จริงที่ทำให้ฝันคนกรุงเทพเป็นจริง
https://www.youtube.com/watch?v=l4csAHq6f3U
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 16/06/2017 5:48 pm Post subject:
บีทีเอสตั้ง 2 บริษัทใหม่ลุยสัมปทาน"ชมพู-เหลือง" สมคิดตีปี๊บ 2 ปี ดันเมกะโปรเจ็กต์ 2.4 ลล.
โดย MGR Online
16 มิถุนายน 2560 16:42 น. (แก้ไขล่าสุด 16 มิถุนายน 2560 17:21 น.)
รฟม.เซ็นสัญญารถไฟฟ้า"ชมพู-เหลือง"มูลค่าแสนล. ด้าน กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ตั้ง 2 บริษัท ลุยสัมปทาน แยก 2 สาย คาดลงพื้นที่ตอกเข็มปลายปีนี้ ด้าน
"สมคิด"ตีปี๊บ อัดเม็ดเงินเข้าระบบ ปลึกนักลงทุนไทยร่วมลงทุนโครงการรัฐ เผยใน 2 ปีนี้คบอดเมกะโปรเจ็กต์มูลค่า 2.4 ลล. เข็นเซ็นสัญญาให้ครบก่อนในรัฐบาลนี้.
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานพิธีลงนาม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) รักษาการแทนผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด ( มหาชน ) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คณะผู้บริหารบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอบคุณกระทรวงคมสาคมที่ผลักดันโครงการและขอบคุณเอกชนที่ร่วมลงทุน ซึ่ง 2 โครงการนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทย ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ภูมิภาคเอเชียมีศักยภาพในการลงทุนสูง และภูมิภาคอาเซียนคือข้อต่อสำคัญซึ่งประเทศไทย มีทำเลเป็นศุนย์กลาง จึงต้องฉกฉวยโอกาส โดยรัฐบาลมียุทธศาสตร์ ทั้ง ไทยแลนด์ 4.0 ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ วางเป้าหมายอนาคต สร้างความเชื่อมั่นการแข่งขัน
ทั้งนี้ใน 2 ปีนี้ กระทรวงคมนาคมจะมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท โดยจะต้องลงนามสัญญาให้หมดในรัฐบาลนี้ ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ผลักดันในทุกมิติ รวมถึงขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ EEC และผลักดันความร่วมมือ CLMVT โดยโครงการรถไฟฟ้าได้ทยอยออกมาตั้งแต่ สายสีเขียวต่อขยาย สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) โดยเฉพาะสายสีน้ำเงิน(เดินรถ) ที่ติดค้างมานาน มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท สายสีชมพูและเหลืองอีก แสนล้านบาท และจะทำให้มีการพัฒนาด้านอื่นๆ ตามมาอีกเช่น อสังหาริมทรัพย์ จึงถือเป็นโครงการที่สำคัญ
นายสมคิดหล่าวว่า ในปีนี้รถไฟฟ้าอีก 3 สายจะเข้าครม. คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6กม.วงเงิน131,004.30 ล้านบาท ,สายสีส้ม ด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน ระยะทาง16.4 กม. เงินลงทุน 109,342ล้านบาท และ สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต วงเงิน7,596.94 ล้านบาท ,สายสีแดงอ่อน ส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 19,042.13 ล้านบาท ,รถไฟทางคู่ 5 เส้นทางมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาทจะได้ตัวผู้รับจ้างครบในเดือนส.ค. รถไฟความเร็วสูง "กรุงเทพ-ระยอง "จะผ่านครม.ในปีนี้
นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) รักษาการแทนผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เป็นโครงการนำร่องตามมาตรการ PPP Fast Track ของรัฐบาล ในการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนและสร้างแรงขับเคลื่อนการลงทุนร่วมกับภาครัฐให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 2 โครงการ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบและขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง เป็นระยะเวลาตามสัญญา 33 ปี 3 เดือน แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1: งานออกแบบและก่อสร้างโครงการ พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า ระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน และ ระยะที่ 2: งานให้บริการเดินรถ ระยะเวลา 30 ปี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองตามที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 เสนอ โดยมี กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก
***คาดลงพื้นที่เริ่มตอกเข็มก่อสร้างปลายปีนี้
ทั้งนี้ รฟม.เน้นย้ำถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยระหว่างก่อสร้าง ซึ่งผู้รับเหมารับปากที่จะให้ความสำคัญ รฟม.ถือเป็นมาตรการสำคัญที่เน้นย้ำผู้รับเหมาทุกสายอยู่แล้ว สำหรับสีชมพู และเหลืองนั้น ในสัญญาเขียนไว้อยู่แล้ว กรณีที่รฟม.เห็นว่าการก่อสร้างไม่มีความปลอดภัย สามารถสั่งปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ผู้รับจ้างหรือที่ปรึกษาเป็นรายใหม่ นอกจากนี้ รหม.ยังสามารถชะลอการจ่ายค่างวดงานได้ กรณีที่เห็นว่าผลงานผู้รับจ้างไม่เป็นที่น่าพอใจ
สำหรับการก่อสร้างผู้รับจ้างจะลงสำรวจพื้นที่ก่อสร้างเพื่อออกแบบรายละเอียด (DETAIL&DESING) คาดว่าจะลงมือก่อสร้างจริงช่วงปลายปีนี้ โดยในระหว่างนี้ รฟม.จะเริ่มทยอยส่งมอบพื้นที่ในจุดที่เข้าพื้นทีได้ก่อน เพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภค โดยส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่เกาะกลางถนนเป็นหลักซึ่งจะเจรจากับกรุงเทพมหานคร(กทม.) และกรมทางหลวง(ทล.) ส่วนพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุง ของสีชมพู 240 ไร่ สีเหลืองกว่า 100 ไร่จะดำเนินการเวนคืนตามขั้นตอน
***กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ตั้ง 2 บริษัทร่วมทุน ลุยสัมปทาน "สีขมพู-เหลือง"
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น 2 บริษัท เพื่อดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู คือ บริษัทนอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง คือ บริษัท อิสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ซึ่งตามสัญญาร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost นี้ บริษัทร่วมทุนจะได้รับสิทธิในการบริหารจัดการเดินรถ จัดเก็บรายได้ค่าโดยสารและค่าที่จอดรถ รวมถึงรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ด้วย ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 บริษัท จะมอบหมายให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง และว่าจ้าง บริษัทซิไน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างงานโยธา และว่าจ้าง บริษัทบอมบาดิเอร์ ผลิตและติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรล
โดย ในครั้งนี้ มีการลงนามสัญญา 5 ฉบับ คือ 1 .สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพู ระหว่าง รฟม. กับบริษัทนอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด 2. สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ระหว่าง รฟม. กับบริษัท อิสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด 3. สัญญาด้านการเงินกับธนาคารกรุงเทพ 4 . สัญญาด้านการก่อสร้าง กับบริษัท บริษัทซิโน-ไทย และ 5. สัญญาจัดหาระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลกับบริษัท บริษัทบอมบาดิเอร์
นายคีรี กล่าวว่า โครงการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดการเดิมที่วางไว้ 39 เดือนหรือตามกำหนดเดิมจะเปิดให้บริการในปี 2563 เนื่องจากบริษัทมีการเตรียมการและความพร้อมเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากการมีการลงนามสัญญาวันเดียวกันทั้ง 5 สัญญา หาก รฟม.ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับบริษัทแล้วจะลงมือก่อสร้างทันที
ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนจากพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ให้สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสายหลัก ได้แก่ สายสีม่วง สายสีแดง สายสีเขียว สายสีส้ม และสายสีน้ำเงิน เพื่อเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครได้อย่างสะดวกรวดเร็วและช่วยบรรเทาปัญหาจราจรในพื้นที่ของโครงการทั้งสองสาย นอกจากนี้ผู้โดยสารจะสามารถใช้บัตรโดยสารใบเดียวกันเดินทาง ทั้งบัตรประเภทเที่ยวเดียว และบัตรเติมเงิน (บัตรแมงมุม)โดยสามารถเดินทางได้ทั้ง 3 ระบบ คือสายสีเขียว สายสีชมพู และสายสีเหลือง โดยจะออกแบบให้เป็นลักษณะการเชื่อมต่อแบบ Paid to Paid ที่ผู้โดยสารไม่ต้องออกนอกระบบ เพียงแตะบัตรเข้าและออก เพียงครั้งเดียว ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเดินทางให้กับผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจะเร่งออกแบบรายละเอียดรถไฟฟ้า 2สาย ซึ่งการก่อสร้างส่วนใหญ่จะอยู่บนถนนซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยสูงสุด โดยจะเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาแลด้วยคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีระยะทางประมาณ 34.5 กิโลเมตร มีสถานีรวม 30 สถานี กรอบวงเงินลงทุน 46,643 ล้านบาท ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีระยะทางประมาณ 30.4 กิโลเมตร มีสถานีรวม 23 สถานี กรอบวงเงิน ลงทุน 45,797 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคล่อมราง (Straddle Monorail) เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดสาย มีทางเดินสำหรับการอพยพกรณี้กิดเหตุฉุกเฉิน (Emergency Walkway) ตลอดทาง แนวเส้นทางเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (Feeder Line) ที่จะกระจายความหนาแน่นของกิจกรรมเมือง และเชื่อมโยงการเดินทางกับระบบขนส่งมวลชนหลัก (Main Line) เป็นโครงข่ายอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้คาดว่าทั้ง 2 โครงการจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563
"สมคิด"เป็น ปธ.เซ็นเดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เชื่อช่วยกระตุ้น ศก.ด้านการลงทุน
โดย MGR Online
16 มิถุนายน 2560 16:38 น.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร ระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ว่า ทั้ง 2 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเส้นทางสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มนักลงทุนเข้ามารลงทุนอีกมาก โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะเร่งผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท ให้เป็นไปตามแผนภายใน 2 ปีนี้ โดยภายในปีนี้จะผลักดันให้มีการลงนามสัญญาว่าจ้างอีกหลายโครงการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สายสีส้มตะวันตก และสายสีแดง รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่ 5 สายทางรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง
ด้านนายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการแทนผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า หลังจากนี้ รฟม. จะทยอยส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาเข้าไปดำเนินโครงการได้ พร้อมเน้นย้ำไปยังผู้รับเหมาก่อสร้างให้เข้มงวดเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัยในการก่อสร้างอย่างเข้มงวด โดยมีการติดตามการก่อสร้างในทุกโครงการเป็นประจำทุกวัน
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เป็นโครงการนำร่องตามมาตรการ PPP Fast Track ของรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนรูปแบบ PPP Net Cost สัญญาสัมปทาน 33 ปี 3 เดือน การก่อสร้างแบบระบบรางเดี่ยว หรือโมโนเรล คาดการณ์ก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการเดินรถในปี 2563
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 18/06/2017 12:37 am Post subject:
บีทีเอส ลุยซูเปอร์โมโนเรลสายชมพู-เหลือง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 17 มิถุนายน 2560 เวลา 18:45:06 น.
ฝันเป็นจริง เจ้าพ่อบีทีเอสเซ็นรวด 5 สัญญาแสนล้าน ผนึกพันธมิตรรับเหมา แบงก์ ผู้ผลิตรถ สร้างรถไฟฟ้าสายชมพู-เหลือง ปลายปีตอกเข็ม เสร็จปี63 บอมบาร์ดิเอร์ควงจีน ฮุบเค้กซูเปอร์โมโนเรล 2 สายแรก 5 หมื่นล้าน สมคิด จัดทัพลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ 2.4 ล้านล้านจบปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 16 มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม.จำนวน 30 สถานี เงินลงทุน 46,643 ล้านบาท และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. 23 สถานี วงเงิน 45,797 ล้านบาท รวม 92,440 ล้านบาท (ไม่รวมค่าเวนคืนที่ดิน) กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ผู้ชนะประมูลโครงการ
นำร่อง PPP Fast Track
นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เป็นโครงการนำร่องตามมาตรการ PPP Fast Track ของรัฐบาล เพื่อเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้ง 2 โครงการเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP Net Cost รัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และสนับสนุนเงินลงทุนบางส่วน และเอกชนลงทุนงานโยธา งานระบบและขบวนรถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษา รวมทั้งให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง เป็นระยะเวลาตามสัญญา 33 ปี 3 เดือน โดยออกแบบก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน และให้บริการเดินรถ 30 ปี
ขณะนี้ รฟม.กำลังเข้าสำรวจพื้นที่เวนคืน พร้อมกับรอกรมทางหลวง และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่งมอบพื้นที่ ภายในปลายปีนี้
ตั้ง 2 บริษัทลุยโปรเจ็กต์แสนล้าน
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า กลุ่มบีเอสอาร์ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น 2 บริษัท คือ บจ.นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล เพื่อดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ บจ.อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล เพื่อดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีทุนจดทะเบียนบริษัทละ 14,000 ล้านบาท ตามสัดส่วน บีทีเอส 75% ซิโน-ไทยฯ 15% และราชบุรีโฮลดิ้ง 10% เพื่อเป็นเงินทุนก่อสร้างโครงการจนกว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 การลงนามสัญญาวันนี้นับเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเซ็นพร้อมกัน 5 ฉบับ มูลค่าร่วม 1 แสนล้านบาท ทั้งสัญญาสัมปทาน จ้างงานโยธา ระบบรถไฟฟ้า
ใช้ระบบรถของบอมบาร์ดิเอร์
ในส่วนของระบบรถไฟฟ้าได้เลือกใช้ระบบของบอมบาร์ดิเอร์ ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท CRC ของจีน และสัญญาแต่งตั้งให้แบงก์กรุงเทพเป็นลีดเดอร์ในการจัดหาแหล่งเงินกู้ส่วนที่เหลือ 70,000 ล้านบาทให้
สำหรับพื้นที่ก่อสร้างแม้ว่ารถไฟฟ้าทั้ง 2 สายจะสร้างบนถนนที่มีการจราจรหนาแน่น แต่บริษัทมั่นใจว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการ รวมถึงส่วนต่อขยายเข้าเมืองทอง 2.8 กม. และส่วนที่เชื่อมกับสายสีเขียวบริเวณแยกรัชโยธิน 2.6 กม.ได้ก่อนกำหนด และเปิดใช้เร็วขึ้นเป็นต้นปี 2563 เพราะยิ่งเปิดบริการได้เร็วจะทำให้บริษัทมีรายได้จากค่าโดยสาร ค่าที่จอดรถ และพื้นที่เชิงพาณิชย์ 53 สถานีเร็วขึ้นด้วย เนื่องจากไม่มั่นใจว่าในปีแรกที่เปิดใช้ ผู้โดยสารจะเป็นไปตามเป้า 1.2 แสนเที่ยวคน/วันหรือไม่
สายสีชมพูและสีเหลืองหลังเปิดใช้จะเป็นซูเปอร์โมโนเรล 2 สายแรกของประเทศ และรถที่เราจะซื้อจากบอมบาร์ดิเอร์ 288 ตู้ หรือ 72 ขบวนนั้น จะเป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุด
ใช้ซูเปอร์โมโนเรลรุ่นใหม่
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป เปิดเผยว่า บอมบาร์ดิเอร์จะเป็นผู้จัดหาระบบให้ทั้งหมดในรูปแบบเทิร์นคีย์ คือทั้งระบบอาณัติสัญญาณ ขบวนรถ และระบบขายตั๋วและจัดเก็บค่าโดยสาร รวมเป็นวงเงิน 4-5 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาในการผลิตรถ 2-3 ปี รถที่เราใช้จะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดคือ รุ่น Innova 300 เป็นโมโนเรลล้อยางขนาดใหญ่ เรียกว่าซูเปอร์โมโนเรล มีความกว้างเท่ากับรถบีทีเอส ใน 1 ขบวนมี 4 ตู้ มีขีดความสามารถขนส่งผู้โดยสาร 4 หมื่นคน/ชม./ทิศทาง รูปแบบจะสร้างคร่อมทางวิ่ง มีความเร็วเฉลี่ย 35-80 กม./ชม.
นอกจากนี้ บีทีเอสยังจะเลือกใช้ระบบบอมบาร์ดิเอร์กับรถไฟฟ้าสายสีทอง (สถานีกรุงธนบุรี-ประชาธิปก) อีก 3 ขบวน เป็นรุ่น Innova APM 300 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอกรุงเทพธนาคมอนุมัติโครงการ
เร่งเมกะโปรเจ็กต์ 2.4 ล้านล้าน
ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเเศรษฐกิจ กล่าวว่า ขอบคุณเอกชนที่ช่วยลงทุนโครงการนี้ และขอยกย่องคุณคีรีว่าเป็นนักรบเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ที่ทำให้ฝันของคนกรุงเทพฯเป็นจริง
รถไฟฟ้า 2 สายนี้ไม่ธรรมดา แต่จะนำประเทศไทยไปสู่อนาคตที่วาดฝันเอาไว้ ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสในการเติบโตด้านเศรษฐกิจ เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุน โดยไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ ต้องทำให้ไทยเคลื่อนไหวด้วยกลยุทธ์ สร้างมูลค่า โอกาสการแข่งขันในการลงทุน หากนักลงทุนคนไหนยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ มีสตางค์แต่ไม่กล้าใช้ ถ้าไม่ลงทุนวันนี้ ตกรถไฟแน่นอน
ภายในปีนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะอนุมัติรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทางที่เหลือ ได้แก่ สายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 131,004 ล้านบาท, สีส้มตะวันตกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ วงเงิน 90,271 ล้านบาท และสายสีแดงช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์ วงเงิน 7,596 ล้านบาท และตลิ่งชั่น-ศิริราช-ศาลายา วงเงิน 19,042 ล้านบาท
นอกจากนี้มีรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท จะทยอยได้ผู้รับเหมาก่อสร้างครบทุกสายในปีนี้ ได้แก่ ลพบุรี-ปากน้ำโพ มาบกะเบา-จิระ นครปฐม-หัวหิน หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร รวมทั้งรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 193 กม. วงเงิน 152,528 ล้านบาท และทางคู่ที่เชื่อมท่าเรือจะต้องผ่าน ครม.ในปีนี้เช่นกัน อีก 4-5 ปีข้างหน้า โครงการเมกะโปรเจ็กต์ของคมนาคม มูลค่ากว่า 2.4 ล้านล้านบาท จะเริ่มผลักดันทุกมิติทั้งการอนุมัติโครงการและลงนามสัญญา นายสมคิดกล่าวย้ำ
นายธีรพันธ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีว่า ผู้รับเหมาทั้ง 5 สัญญา จัดทำแผนการรื้อย้ายสาธารณูปโภค คาดว่าจะเริ่มปิดการจราจรและเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ภายในปีนี้ จะแล้วเสร็จปี 2566[/url]
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 19/06/2017 10:50 am Post subject:
ราชบุรีฯ จับมือพันธมิตรเดิมลุยโครงการรถไฟฟ้าเพิ่มเติม
โดย MGR Online
18 มิถุนายน 2560 17:57 น. (แก้ไขล่าสุด 18 มิถุนายน 2560 19:35 น.)
ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ พร้อมลุยประมูลโครงการรถไฟฟ้าเพิ่มเติมร่วมกับพันธมิตรเดิม ใจป้ำถือหุ้นเกินกว่า 10% ส่วนลาวจ่อขายไฟส่วนเกินจากโรงไฟฟ้าหงสาให้ไทยราว 100 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ยันไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่รัฐจะเปิดประมูลในอนาคต โดยจะจับมือกับพันธมิตรเดิมคือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ รวมทั้งเป็นสายงานที่บริษัทมีความชำนาญด้านไฟฟ้าและการบริหารโครงการขนาดใหญ่ด้วย โดยจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 10%
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจเปิดกว้างการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ทั้งรถไฟฟ้าและน้ำประปา นอกเหนือจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้า โดยล่าสุดบริษัทมีการเจรจาที่เข้าไปลงทุนด้านธุรกิจน้ำประปาใน สปป.ลาว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดกับพันธมิตรท้องถิ่น
ส่วนกรณีที่รัฐบาลลาวจะขายไฟส่วนเกินจากโรงไฟฟ้าหงสาให้กับไทยนั้น นายสุทัศน์กล่าวว่า เนื่องจากลาวมีกำลังการผลิตไฟเกินความต้องการ จึงได้เจรจาขายไฟส่วนเกินจากโครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่ราชบุรีฯ ถือหุ้นอยู่ 40% ประมาณ 100 เมกะวัตต์ให้กับไทย ทำให้ไทยได้ใช้ไฟราคาถูก และรัฐบาลลาวก็มีรายได้จากการขายไฟส่วนเกินด้วย โดยที่โรงไฟฟ้าหงสาและราชบุรีฯ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียจากกรณีดังกล่าว
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (บีทีเอสถือหุ้น 75% ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งฯ 15% และผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ 10%) ได้ร่วมลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นเวลา 33 ปี 3 เดือน เงินลงทุนรวม 1 แสนล้านบาท โดยเป็นเงินทุน 2.8 หมื่นล้านบาท โดยเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือโมโนเรล สองสายแรกของประเทศ เป็นโครงการร่วมลงทุนในลักษณะ PPP Net Cost โดยภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสนับสนุนเงินลงทุนบางส่วน ขณะที่ภาคเอกชนผู้ลงทุนงานโยธา ค่างานระบบและขบวนรถไฟฟ้า บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โดยต้องรับความเสี่ยงในเรื่องผลประกอบการเอง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44398
Location: NECTEC
Posted: 22/06/2017 1:35 am Post subject:
รฟม.ตั้ง Safety Board คุมเข้มก่อสร้าง พบรับเหมาจงใจละเลยโทษถึงเลิกสัญญา
โดย MGR Online
21 มิถุนายน 2560 17:34 น. (แก้ไขล่าสุด 21 มิถุนายน 2560 17:56 น.)
รฟม.-รับเหมา-ที่ปรึกษา ประกาศมาตรการก่อสร้างปลอดภัย 100% พร้อมตั้งคณะกรรมการร่วม หรือ Safety Board เพื่อกำกับดูแลพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกโครงการ หากจงใจละเลยไม่เข้มงวดส่อพิจารณายกเลิกสัญญา ยอมรับครึ่งปีเกิดอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างเกือบ 10 ครั้ง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน และกระทบความเชื่อมั่นมาก
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ รองผู้ว่าการ (วิศวกรรมและก่อสร้าง) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาทุกโครงการ และตัวแทนบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาทุกสัญญาว่า ได้หารือถึงมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยมีมติร่วม ประกาศนโยบายการก่อสร้างปลอดภัย 100% พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย Safety Board ซึ่งจะมีผู้แทนจากบริษัทที่ปรึกษาและบริษัทรับเหมาก่อสร้างร่วมเป็นคณะกรรมการ จำนวน 15 คน เพื่อกำกับดูแลพื้นที่ที่ก่อสร้างให้มีความปลอดภัย การกำหนดบทลงโทษสูงสุดใน กรณีสร้างความเสียหาระหว่างการก่อสร้าง ทั้งนี้คาดว่าจะจัดตั้งคณะกรรมการ Safety Board ได้ภายในสัปดาห์นี้
คณะกรรมการ 15 คนจะตรวจสอบและกำกับดูพื้นที่ก่อสร้าง โดยมีผมเป็นประธาน และจะมีผู้แทนระดับผู้บริหารบริษัทผู้รับเหมาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย เริ่มต้นทำงานได้ทันที อย่างไรก็ตาม จะต้องหารือแนวทางป้องกันอุบัติเหตุ สิ่งที่กำชับและย้ำมาโดยตลอดคือเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ หากจะเริ่มทำงานทุกครั้งจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนเข้าไซต์งาน ตรวจสอบก่อนให้มั่นใจว่าพื้นที่ปลอดภัย หากพื้นที่ไม่พร้อมหรือไม่ปลอดภัยจะต้องมีแนวกั้นที่ชัดเจน นายภคพงศ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตลอดช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติเหตุระหว่างงานก่อสร้างรถไฟฟ้าในภาพรวมเกือบ 10 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าส่งผลกระทบต่อสาธารณะ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์ของประชาชนทุกครั้ง แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟฟ้าก็ตาม จึงได้ร่วมมือกันเข้มงวดให้สำคัญในการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย เพื่อก่อให้เกิดการทำงานที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน และหากตรวจพบว่าผู้รับเหมาจงใจละเลยไม่เข้มงวดเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุก็จะมีการพิจารณายกเลิกสัญญา
ทั้งนี้ รฟม.ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามีโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group