View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 13/09/2017 6:16 pm Post subject: |
|
|
'รฟม.'นำร่องใส่บทลงโทษผู้รับเหมาในทีโออาร์รถไฟฟ้า
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 13 กันยายน 2560
"รฟม." เตรียมนำร่องบรรจุบทลงโทษผู้รับเหมาในทีโออาร์รถไฟฟ้า 3 โครงการ หวังช่วยลดอุบัติเหตุ หนักสุดมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก!!
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ รองผู้ว่าการ (วิศวกรรมและก่อสร้าง) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า คณะกรรมการด้านความปลอดภัย (เซฟตี้บอร์ด) เตรียมเสนอให้ รฟม. บรรจุบทลงโทษผู้รับเหมา กรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างในเงื่อนไขการประมูล (TOR) โครงการรถไฟฟ้า โดยบทลงโทษจะเป็นรูปแบบเกณฑ์การให้คะแนนและตัดคะแนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถ้าหากผู้รับเหมาปล่อยปละละเลยหรือจงใจให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก รฟม. ก็มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้
เบื้องต้นจะบังคับใช้กับการประมูลโครงการรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร วงเงิน 1.31 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ-บางปู ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร วงเงิน 1.37 หมื่นล้านบาท และส่วนต่อขยาย ช่วงคูคต-ลำลูกกา ระยะทาง 7 กิโลเมตร วงเงิน 1.19 หมื่นล้านบาท
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เป็นโครงการที่ใช้เงินกู้จากต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องเสนอให้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เห็นชอบในหลักการก่อน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้ง 2 เส้นสามารถดำเนินการได้เลย เพราะใช้เงินกู้ภายในประเทศ
นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล ที่ปรึกษาการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2561 จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ เพิ่มอีก 3 เส้นทาง คือ สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง, สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และสายสีส้มตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ซึ่งจะส่งผลต่อจราจรบางจุด
บริเวณที่คาดว่าจะมีปัญหาจราจรมากที่สุด 4 แห่ง ได้แก่
1.แยกลำสาลี ที่จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองตัดสลับกับสีส้ม ควบคู่ไปกับการก่อสร้างสถานี และอาจมีการก่อสร้างสายสีน้ำตาลพาดผ่านในอนาคต
2.แยกมีนบุรี ที่จะมีการก่อสร้างสายสีส้มตัดกับสีชมพู
3. แยกสุวินทวงศ์รวมถึงถนนตลอดสายซึ่งจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม
4.ห้าแยกลาดพร้าว ในช่วงที่ต้องปิดแยกเพื่อก่อสร้างส่วนเชื่อมต่อสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าวของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีปัญหาเพียงระยะแรก แต่ประชาชนจะปรับตัวได้ในอนาคต |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/09/2017 10:00 am Post subject: |
|
|
3 โครงข่ายรถไฟฟ้า เปิดหน้าดินทำเลใหม่
โพสต์ทูเดย์ 13 กันยายน 2560 เวลา 20:59 น.
พื้นที่ที่อยู่ในเขตฝั่งธนบุรีมีความน่าสนใจในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวว่า ฝั่งธนบุรีกำลังเปลี่ยนไปด้วยการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าที่จะเชื่อมต่อพื้นที่กรุงเทพฯ และฝั่งธนบุรี ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม รถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวของศูนย์กลางธุรกิจ ทั้งอาคารสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงห้างสรรพสินค้า บนทำเลของฝั่งธนบุรีในอนาคต ทำเลหลายพื้นที่โดยเฉพาะรอบสถานีรถไฟฟ้ามีความโดดเด่นและมีศักยภาพต่อการลงทุนด้านการอยู่อาศัยในระยะยาว
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าทำเลตั้งแต่คลองสานถึงเจริญนครมีการแข่งขันสูง โดยในส่วนของสถานีตลาดพลูและสถานีวุฒากาศ ซึ่งปัจจุบันซัพพลายที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-2 ล้านบาท เหลือน้อยไม่ถึง 200 ยูนิต จากโครงการที่เปิดขายกว่า 8,000 ยูนิต ในจำนวนนี้มีการขายไปแล้วเกือบ 6,000 ยูนิต
ขณะที่ทำเลเจริญนครมีโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 4,000 ยูนิต ขายไปแล้วกว่า 3,000 ยูนิต โดยระดับราคา 3 ล้านบาทนั้น มีเพียง 570 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันขายแล้วกว่า 90% ดังนั้นซัพพลายแทบไม่มีเลย ขณะที่ดีมานด์ยังมีต่อเนื่องโดยกลุ่มลูกค้าย่านนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีความต้องการโครงการคุณภาพบนทำเลที่ตอบโจทย์ ซึ่งราคาที่ดินบริเวณนี้อยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาท/ตารางวา (ตร.ว.) ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งโครงการ
ส่วนบริเวณแยกไฟฉาย ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนเมืองที่อยู่มานาน โซนนี้ซัพพลายไม่มากเนื่องจากที่ดินหายาก อีกทั้งด้วยข้อจำกัดด้านผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ทำให้การพัฒนาคอนโด ทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะดีเวลอปเปอร์ต้องรวมที่ดินแปลงเล็กๆ มาพัฒนา ขณะที่ปัจจุบันราคาที่ดินอยู่ราว 2แสนบาท/ตร.ว. ดังนั้นราคาคอนโดที่ขายต้องอยู่ประมาณ 3 ล้านบาทขึ้นไป หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 6 หมื่นบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.)
อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดด้านผังเมือง ทำให้บริเวณพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ยังมีพื้นที่เอื้อต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว 100 ตร.ว.ขึ้นไป ซึ่งราคาขายต้อง 20 ล้านบาทขึ้นไปเช่นกัน หากจะหาบ้านเดี่ยวระดับ 3 ล้านบาท ในพื้นที่ฝั่งธนบุรีคงไม่มีซัพพลายเหลือแล้วในปัจจุบัน ระดับราคานี้ถ้าจะมีก็น่าจะอยู่วงแหวนรอบนอกออกไป
ด้านฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า ศักยภาพของพื้นที่ฝั่งธนบุรีจะมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะหลังเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษมที่มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2562-2563 รวมไปถึงเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นๆ เช่น สายสีส้มตะวันตก สายสีม่วงตอนใต้ ที่มีการอนุมัติและกำลังจะเริ่มก่อสร้างในอนาคต รวมไปถึงสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายไปยังพุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งทั้งสองเส้นทางจะเข้ามาเสริมศักยภาพของพื้นที่ฝั่งธนบุรีให้มากขึ้นไป ทั้งนี้โครงการที่เปิดขายใหม่ในพื้นที่ตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ในปัจจุบันราคามากกว่า 1 แสนบาท/ตร.ม.ไปแล้ว
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ราคาที่ดินเริ่มปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ 2 แสนบาท/ตร.ว. อาจจะมีบางพื้นที่ที่มีราคาที่ดินต่ำกว่าแต่ก็ไม่มาก และเป็นเพราะมีข้อจำกัดในการพัฒนาบางเรื่องซึ่งผู้ประกอบการให้ความสนใจเปิดขายโครงการตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษม ซึ่งมีคอนโดสะสมตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาถึงเดือน ก.ค.นี้ อยู่ที่กว่า 2 หมื่นยูนิต ขายไปได้แล้วประมาณ 77% ราคาขายเฉลี่ย 7-8 หมื่นบาท/ตร.ม. และมีแนวโน้มเปิดโครงการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
อย่างไรก็ดี แต่เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องของผังเมืองหรือเขตห้ามก่อสร้างต่างๆ มีไม่น้อย ดังนั้นผู้ประกอบการที่มีสายป่านที่ดีย่อมเป็นต่อ |
|
Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 44404
Location: NECTEC
|
Posted: 14/09/2017 10:32 am Post subject: |
|
|
รฟม. เผย 4 แยกรถติดหนึบปีหน้า ลุยสร้างรถไฟฟ้า 3 สายพร้อมกัน
วันที่ 13 กันยายน 2560 - 15:24 น.
นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล ที่ปรึกษา การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในปี 2561 รฟม. จะดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสี เหลือง ชมพู และส้ม (ตะวันออก) พร้อมกันอาจทำให้เกิดปัญหาการจรจาในช่วงแรกของการก่อสร้าง ทั้งนี้ จากการประเมินคาดว่าจะมีแยกที่เสี่ยงเกิดปัญหาการจราจรติดขัดจำนวนรวม 4 จุด คือ
1. แยกลำสาลี เนื่องจากเป็นพื้นที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีส้ม รวมไปถึงสถานีและสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลพาด
2. แยกมีนบุรี เพราะจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีชมพู
3. แยกสุวินทวงศ์รวมถึงถนนตลอดสายซึ่งจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม
4. ห้าแยกลาดพร้าว ในช่วงที่ต้องปิดแยกเพื่อก่อสร้างส่วนเชื่อมต่อสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ผู้รับเหมาและบริษัทที่ปรึกษาเข้มงวดด้านความปลอดภัย ป้องกันมให้เกิดอุบัติเหตุกับประชาชนที่สัญจร
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ รองผู้ว่าการ (วิศวกรรมและก่อสร้าง) รฟม. กล่าวว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) ด้านความปลอดภัย หรือ เซฟตี้บอร์ด ได้กำชับเรื่องความปลอดภัยในการก่อสร้างในโครงการรถไฟฟ้าทุกเส้นทางอย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่การเข้าพื้นที่จนก่อสร้างแล้วเสร็จ รวมทั้งเตรียมเสนอแนวทางการกำหนดบทลงโทษกับผู้รับเหมาที่ฝ่าฝืนระเบียบความปลอดภัยเข้าไปบรรจุในทีโออาร์โครงการรถไฟฟ้าที่จะเปิดประมูลในอนาคต เบื้องต้นอาจจะใช้การประเมินแบบให้คะแนน และตัดคะแนน เมื่อกระทำผิด หากผู้รับเหมาที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุนั้นปล่อยปละละเลยหรือจงใจให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นซ้ำซาก รฟม. ก็มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้
เบื้องต้นจะเสนอกำหนดบทลงโทษดังกล่าวไว้ในทีโออาร์โครงการรถไฟฟ้าสามโครงการได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร วงเงิน 1.31 แสนล้านบาท และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทปราการ-บางปู วงเงิน 1.37 หมื่นล้านบาทโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยาย ช่วงคูคต-ลำลูกกา วงเงิน 1.19 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้นั้นเป็นโครงการใช้เงินกู้จากต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องเสนอให้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เห็นชอบหลักการเสียก่อน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งสองเส้น สามารถดำเนินการได้เลยเพราะเป็นการใช้เงินกู้ในประเทศ |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/09/2017 6:42 am Post subject: |
|
|
รัฐบาลพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าแก้ปัญหาจราจรทั่วเมืองกรุงเทพ
สยามรัฐออนไลน์ 15 กันยายน 2560
ประชารัฐ - ไทยแลนด์ 4.0 - ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ปัญหาการจราจรคับคั่งรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนล้วนเป็นปัญหาของเมืองใหญ่หรือมหานครทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ด้วยจำนวนประชากรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีกว่า 11 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่อาศัย และการเดินทางสัญจรของคนกรุงเกิดความแออัด ประเด็นสำคัญในการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือ แผนงานพัฒนา โครงการรถไฟฟ้าในเมือง ล่าช้ากว่ากำหนด โดยก่อนหน้าที่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเข้ามาบริหารประเทศ รถไฟฟ้าในเมืองไทยเพิ่งเปิดใช้งานได้แค่ 2 สายเท่านั้น คือ รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สาย 1 หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล หรือ รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที
พลันเมื่อรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศจึงได้ผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาจราจรอย่างเร่งด่วนทั้งระบบ พร้อมกับกำหนดให้อยู่ในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยแผนยุทธศาสตร์ระยะ 8 ปี มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระบบรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้ทั่วถึงกัน ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรมเมื่อเทียบกับรัฐบาลที่ผ่านมา
บางสายสามารถเปิดให้บริการได้ก่อนกำหนดหลายเดือน ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ โดยเริ่มเปิดไปแล้วเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2559 เร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดเปิดในปลายปี 2559 และกลางเดือนสิงหาคม 2560 ได้เปิดให้เชื่อมต่อระหว่างสถานีเตาปูน-บางซื่อ เป็นการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง คือ สายสีน้ำเงินและสีม่วง สร้างความสะดวกให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการเดินรถส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สำโรง ซึ่งเดิมสิ้นสุดแค่สถานีแบริ่ง ไปถึงย่านสำโรง ให้ผู้อยู่อาศัยในชานเมืองและจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางได้ง่ายและช่วยบรรเทาปัญหาจราจรบนถนนสุขุมวิทได้เป็นอย่างดี
ในส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างเร่งรัดการก่อสร้างเพื่อให้เปิดได้รวดเร็วขึ้น ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากฝั่งธนกับฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน และในเส้นทางนี้ยังมีการสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้ารอดแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแห่งแรกของประเทศอีกด้วย โดยปัจจุบันการก่อสร้างใกล้เสร็จแล้วทำได้กว่า 93% และจะเปิดให้บริการได้ปี 2562 เช่นเดียวกับ รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่อยู่ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ และจังหวัดปทุมธานี ซึ่งจะเปิดใช้ได้ในปี 2563
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยังได้อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าขึ้นอีกหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิตสะพานใหม่คูคต ระยะทาง 18.7 กม. เชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนเหนือ และปทุมธานี เข้าสู่เมืองตามถนนพหลโยธิน และบรรจบเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสถานีบีทีเอส ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2558
นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าอีก 3 โครงการใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ระยะทาง 22.75 กิโลเมตร วงเงิน 79,221 ล้านบาท ซึ่งวิ่งผ่านพื้นที่สำคัญทั้งถนนพระราม 9 รามคำแหง ไปจนถึงมีนบุรี เพิ่มความสะดวกให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เข้าสู่เมืองได้ง่ายขึ้น ซึ่งได้เริ่มตอกเสาเข็มได้ในเดือนกรกฎาคม 2560 และจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2566
ขณะที่อีก 2 โครงการ สดๆร้อนๆ ที่เพิ่งลงนามสัญญาก่อสร้างไปเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กิโลเมตร เชื่อมต่อจากจังหวัดนนทบุรีและไปสิ้นสุดที่ย่านมีนบุรี และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร ที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาจราจรถนนลาดพร้าว และถนนศรีนครินทร์ โดยทั้งสองโครงการคาดว่าจะเริ่มตอกเสาเข็มได้ในปี 2560 และจะเปิดให้บริการใกล้เคียงกันในปี 2563
รัฐบาลยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างกำลังศึกษาจัดทำแผนการก่อสร้างภายใน 1-2 ปีนี้อีกหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 23.6 กิโลเมตร และโครงการส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน ศูนย์วัฒนธรรม ทั้งสองโครงการนี้ รัฐบาลได้ผลักดันให้เร่งรัดการลงทุนแบบเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี ฟาสต์แทร็ก) เพื่อร่นเวลาจาก 25 เดือน เหลือแค่ 9 เดือน ส่งผลให้ทั้งสองโครงการจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2561
นอกจากนี้ยังมีโครงการ รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และ สายสีแดงเข้ม บางซื่อหัวลำโพง รวมระยะทาง 25.9 กม. ที่จะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ภายในปีนี้ เช่นเดียวกันกับโครงการ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินดอนเมือง ที่จะเริ่มประกวดราคาหาผู้รับเหมาได้ในปี 2560 และ รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน ศิริราช และตลิ่งชัน-ศาลายา จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการได้ภายในปี 60
ขณะที่ รถไฟฟ้าสีแดงเข้ม รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ ที่จะมีการสร้างเพิ่มสถานีอีก 5 สถานี จะเริ่มเปิดให้มีการประมูลได้ในปี 2561 รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างจัดทำการศึกษาอีกหลายเส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 วงเงิน21,197 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู วงเงิน 12,146 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงคูคต-ลำลูกกา วงเงิน 9,803 ล้านบาท ที่จะเริ่มเปิดประมูลได้ในภายในปี 2561
นายเอกชัย สุมาลี นักวิชาการด้านระบบคมนาคม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สนับสนุนภาครัฐที่ขยายโครงข่ายการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้า เพราะจะช่วยสร้างความสะดวกและลดเวลาการเดินทางให้กับประชาชน และเห็นควรเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนด้วยการบูรณาการร่วมกับ ขสมก. วางระบบขนส่งโดยรอบสถานีไปยังชุมชนต่าง ๆ และในระยะยาวรัฐต้องออกแบบเมืองให้สอดคล้องกับรถไฟฟ้า และนำระบบขนส่งอื่นๆ เข้ามาสนับสนุน โดยระยะทางที่เหมาะสมต่อการเดินเท้าเพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่น ๆ ไม่ควรเกิน 500 เมตร
นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้ช่วยรองอธิการบดีสายงานวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ได้ขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้ามีความก้าวหน้ามาก ทั้งนี้รถไฟฟ้าในเมืองนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้คนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้วยังเป็นการกระจายความเจริญออกไปสู่นอกเมือง ไม่ให้ต้องกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ เพียงอย่างเดียว ดังนั้นภาครัฐจำเป็นต้องวางแผนหรือจัดผังเมืองตามเส้นทางรถไฟฟ้า โดยเฉพาะปลายทางที่อยู่โดยรอบเมืองควบคู่กันไปด้วย รวมทั้งรัฐควรส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทาง จากรถยนต์ส่วนตัวให้หันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะแทน โดยอาจใช้เรื่องราคามาเป็นแรงจูงใจในช่วงเริ่มต้น และถ้าระบบรถไฟฟ้าเชื่อมโยงเป็นโครงข่ายสำเร็จก็จะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมได้ในระยะยาวเหมือนเมืองขนาดใหญ่ที่มีความเจริญแล้ว
ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า การผลักดันก่อสร้างรถไฟฟ้าให้เกิดขึ้นหลายๆสายของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว และผลดีนอกจากทำให้การเดินทางไปมาหาสู่ของประชาชนได้สะดวกขึ้นแล้ว ในภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลโดยตรง ช่วยให้การขยายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามทำให้เกิดการลงทุนใหม่ ๆ เกิดการจ้างงาน สนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการขยายระบบรถไฟฟ้าไปยังชานเมืองยังกระจายความเจริญในการอยู่อาศัยไปสู่พื้นที่โดยรอบกรุงเทพฯ ได้ดีขึ้น ลดปัญหาความแออัดการกระจุกตัวในเมืองได้
เหล่านี้เป็นเสียงสะท้อนที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์พัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทั้งระบบรวม 299 กิโลเมตร จะช่วยลดปัญหาการจราจรให้กับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้อย่างเห็นเป็นรูปธรรม รวมทั้งทำให้เกิดการกระจายตัวของที่อยู่อาศัยและส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/09/2017 10:04 am Post subject: |
|
|
ตั๋วร่วมรถไฟฟ้าส่ออืด เลื่อนยาวถึงปลายปี'61
โพสต์ทูเดย์ 15 กันยายน 2560 เวลา 08:55 น.
บีอีเอ็ม หวั่นตั๋ว ร่วมระบบรถไฟฟ้าเปิดใช้ไม่ทันตามเป้าหมาย หลังติดกระบวนการเตรียมการคาดเริ่มได้ปลายปี 2561
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีอีเอ็ม) เปิดเผยว่า โครงการติดตั้งระบบตั๋วร่วมในรถไฟฟ้าใต้ดิน (เอ็มอาร์ที) นั้นคาดจะใช้เวลาดำเนินการติดตั้งระบบและเครื่องอ่านบัตรประมาณ 10-12 เดือน ส่งผลให้มีโอกาสที่จะได้ใช้ระบบดังกล่าวปลายปี 2561 จากเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมกำหนดไว้จะเริ่มได้กลางปี 2561 เนื่องจากกระบวนการและระยะเวลาการติดตั้งต้องเริ่มนับจากวันที่เริ่มต้นดำเนินโครงการ โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวเพิ่งผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อมอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการวางแผนติดตั้งระบบตั๋วร่วม จึงจำเป็นต้องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ให้พิจารณาเห็นชอบเสียก่อน จึงจะเริ่มร่างแผนขั้นตอนต่อไปได้
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) กล่าวว่า บีทีเอสมีความพร้อมดำเนินการติดตั้งระบบตั๋วร่วมเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน ดังนั้นจึงคาดว่าจะใช้เวลาติดตั้งระบบและเครื่องอ่านบัตรราว 8 เดือน เนื่องจากมีระบบบัตรเชื่อมต่อแรบบิทการ์ดอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมาก</p><p>อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ต้องรอ รฟม.ร่างแผนดำเนินงานเพื่อชี้แจงรายละเอียดและรูปแบบโครงการให้ชัดเจนเสียก่อน จึงคาดว่าในช่วงกลางปี 2561 บีทีเอสจะยังไม่สามารถเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วมได้อย่างสมบูรณ์
ด้านนายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งเรื่องโครงการตั๋วร่วมไปให้ รฟม.แล้วคาดว่าจะเสนอหลักการให้บอร์ด รฟม.พิจารณาเห็นชอบได้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการร่างแผนการติดตั้งระบบ อย่างไรก็ตามวงเงินลงทุนติดตั้งระบบตั๋วร่วมในรถไฟฟ้าทั้ง 4 สาย อยู่ที่ 400 ล้านบาท โดยจะเริ่มจากเชื่อมต่อตั๋วร่วมระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ก่อน |
|
Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 44404
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/09/2017 4:49 pm Post subject: |
|
|
สนข.เร่งศึกษาระบบจอดแล้วจรกทม.-ปริมณฑลจูงใจใช้ขนส่งสาธารณะ
ฐานเศรษฐกิจ 15 September 2017
กระทรวงคมนาคมเร่งศึกษาจัดทำระบบจอดแล้วจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขี้น เพื่อประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการสัมมนา และรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาจัดทำระบบจอดแล้วจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 โดยมีหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ ประชาชนผู้ที่สนใจ รวมทั้งสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วมสัมมนารับฟังความคิดเห็นฯ ดังกล่าว
ซึ่งนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (คค.) กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่จะเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจรที่ติดขัด ในปัจจุบันให้บรรเทาเบาบางลง โดยให้พิจารณาความเชื่อมโยงของระบบขนส่งมวลชน ซึ่งพบว่าเกิดปัญหาในช่วงรอยต่อของระบบขนส่งสาธารณะที่มีการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับจอดรถไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน รัฐบาลจึงมีนโยบายให้จัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดทำที่จอดรถให้บริการในพื้นที่ที่การจราจรติดขัด และพื้นที่รองรับการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ
ดังนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม จึงมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการศึกษาจัดทำระบบจอดแล้วจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้ามาใช้จุดจอดแล้วจรเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าการจัดทำจุดจอดแล้วจรจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาจราจรได้ โดยจัดสรรพื้นที่จอดรถใกล้สถานีระบบขนส่งมวลชน ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีจุดบริการจอดแล้วจรสำหรับให้บริการประชาชน ได้แก่ บริเวณสถานีในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส จำนวน 3 แห่ง
ระบบรถไฟฟ้ามหานคร ตลอดเส้นทางจากหัวลำโพงถึงบางซื่อ จำนวน 12 แห่ง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จำนวน 6 แห่ง รถไฟฟ้าสายใหม่จำนวน 7 สายทาง โดยสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-เตาปูนมีบริการอาคารจอดรถจำนวน 4 แห่ง และสายอื่นๆ อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง เพื่อให้ประชาชนใช้บริการขนส่งสาธารณะเข้ามาพื้นที่ชั้นใน แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อลดความแออัดของปริมาณรถยนต์ ลดจำนวนที่จอดรถในอาคารสำนักงาน ลดมลพิษทางอากาศและทางเสียง อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย
ปัจจุบันกระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการขยายโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระบบจอดแล้วจรถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการใช้ระบบขนส่งมวลชน โดยเพิ่มขอบเขตพื้นที่บริการของสถานีระบบขนส่งมวลชนให้กว้างมากขึ้น แต่ยังพบว่า ปัญหาหลักของระบบจอดแล้วจรมีหลายประเภท ได้แก่ จุดจอดแล้วจรไม่เพียงพอต่อความต้องการ การใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ และการใช้งานไม่ตรงตามวัตถุประสงค์
ปัญหาดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญิเนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่จุดจอดแล้วจร ในการเสนอแนะรูปแบบ ตำแหน่ง และการศึกษา ความคุ้มค่าในการลงทุนสำหรับที่ดินของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งจุดจอดแล้วจรที่มีอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีแผนที่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน แม้อาจจะมีความพยายามประเมินความจุของที่จอดรถตามความต้องการใช้งานจริง แต่ส่วนใหญ่แล้วจำนวนที่จอดแล้วจรที่สร้างขึ้นถูกกำหนดโดยขนาดที่ดินที่สามารถจัดหาได้เป็นหลัก โดยไม่มีการพิจารณาวางแผนจุดจอดแล้วจรอย่างเป็นระบบในระดับภาคมหานคร
นอกจากนี้ แม้ในปัจจุบันที่จอดรถ เพื่อจอดแล้วจรมีการดำเนินการจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพ ในการพัฒนาเพื่อใช้เป็นจุดจอดแล้วจร แต่ยังไม่มีการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมในการดำเนินการ ซึ่งโครงการศึกษาจัดทำระบบจอดแล้วจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีวัตถุประสงค์ ได้แก่
1) เพื่อศึกษาและประเมินอุปสงค์การใช้จุดจอดแล้วจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนทางราง จากแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (M-MAP) ของ สนข. เป็นพื้นฐานในการศึกษาและประเมิน
2)เพื่อกำหนดที่ตั้งขนาดความจุที่เหมาะสมในการพัฒนาจุดจอดแล้วจร ให้สอดคล้องกับอุปสงค์การใช้จุดจอดแล้วจรสำหรับระบบขนส่งมวลชนทางรางตามแผน M-MAP รวมถึงพัฒนาแนวทาง ในการกำหนดองค์ประกอบของจุดจอดแล้วจรสำหรับแต่ละพื้นที่
3)เพื่อเสนอทางเลือกรูปแบบการบริหารจัดการ การลงทุนที่เหมาะสม หน่วยงานรับผิดชอบ มาตรการ ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ และรูปแบบการส่งเสริม สร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้ามาใช้จุดจอดแล้วจรให้มากขึ้น
4)เพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาจุดจอดแล้วจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นายธีระพงษ์ ฯ กล่าวตอนท้ายว่า ปัจจุบัน สนข. ได้ดำเนินการศึกษาโครงการฯ ดังกล่าว มาถึงขั้น ร่างแผนแม่บทการพัฒนาจุดจอดแล้วจร ซึ่งจากผลการศึกษาทำให้ได้แผนแม่บทการพัฒนาจุดจอดแล้วจร การวิเคราะห์ต้นทุนของการพัฒนาจุดจอดแล้วจร รูปแบบการลงทุนและการบริหารจัดการ มาตรการสนับสนุน ให้เกิดการใช้จุดจอดแล้วจร และพื้นที่สำหรับพัฒนาจุดจอดแล้วจร
จึงได้จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีโอกาสร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาจุดจอดแล้วจรร่วมกัน ทั้งนี้ สนข. จะนำข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์จากการสัมมนาฯ ในวันนี้ ไปปรับปรุง แก้ไข และจัดทำแผนแม่บท การพัฒนาจุดจอดแล้วจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้มีความครบถ้วน สมบูรณ์ สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และสอดรับกับระบบขนส่งมวลชนทางรางที่จะเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2572 ต่อไป |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 17/09/2017 11:09 pm Post subject: |
|
|
เริ่มแล้ว! รถไฟฟ้าสายสีชมพูแจ้งพรุ่งนี้ 4 ทุ่ม เบี่ยงจราจรถนนรามอินทราสำรวจระบบสาธารณูปโภค
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 17 กันยายน 2560 - 21:01 น.
รฟม.แจ้งเบี่ยงช่องทางจราจรบนถนนรามอินทรา บริเวณปากทางเข้าถนนพระยาสุเรนทร์ บริเวณซอยรามอินทรา 115 และบริเวณซอยรามอินทรา 119 เพื่อดำเนินการขุดเจาะสำรวจระบบสาธารณูปโภค เพื่อเตรียมพื้นที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย -มีนบุรี ในวันที่ 18 26 กันยายน 2560 ตั้งแต่เวลา 22.00 04.00 น.
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่าบริษัทชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการขุดเจาะสำรวจระบบสาธารณูปโภคเพื่อเตรียมพื้นที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย -มีนบุรี จึงมีความจำเป็นต้องเบี่ยงการจราจรบนถนนรามอินทรา บริเวณปากทางเข้าถนนพระยาสุเรนทร์ บริเวณซอยรามอินทรา 115 และบริเวณซอยรามอินทรา 119 ในวันที่ 18 26 กันยายน 2560 ตั้งแต่เวลา 22.00 04.00 น. โดยมีรายละเอียดการเบี่ยงช่องทางการจราจรดังนี้
1.เบี่ยงช่องทางจราจรบนถนนรามอินทรา (ขาออก) 1 ช่องทาง ติดเกาะกลางถนน บริเวณปากทางเข้าถนนพระยาสุเรนทร์ ระยะทางประมาณ 310 เมตร ในวันที่ 18 22 กันยายน 2560
2.เบี่ยงช่องทางจราจรบนถนนรามอินทรา (ขาออก) 1 ช่องทาง ติดเกาะกลางถนน บริเวณซอย รามอินทรา 115 ระยะทางประมาณ 310 เมตร ในวันที่ 20 24 กันยายน 2560
3.เบี่ยงช่องทางจราจรบนถนนรามอินทรา (ขาออก) 1 ช่องทาง ติดเกาะกลางถนน บริเวณซอย รามอินทรา 119 ระยะทางประมาณ 310 เมตร ในวันที่ 22-26 กันยายน 2560
ในระหว่างที่มีการเบี่ยงช่องจราจรจะมีการดำเนินการเช่น ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายจราจร กรวยยาง และสัญญาณไฟส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทาง และประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้ใช้เส้นทางทราบ ทั้งนี้ การเบี่ยงช่องจราจรเพื่อดำเนินงานดังกล่าว อาจทำให้ผู้ใช้เส้นทางไม่ได้รับความสะดวกและอาจมีเสียงดังรบกวนในช่วงที่มีการดำเนินการ รฟม. ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้
 |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 17/09/2017 11:13 pm Post subject: |
|
|
สนช.จ่อสร้างระบบฟีดเดอร์ ป้อนรถไฟฟ้า 10 สาย เล็งสร้างสายรังสิต-นครนายก และสายพัฒนาการ-คลองตัน
ฐานเศรษฐกิจ 17 September 2017
สนช. ขุดกรุโครงการแก้ไขปัญหาจราจรเขตพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลผนึกหน่วยเกี่ยวข้องเร่งบูรณาการร่วม เล็งใช้มาตรการเข้มงวดพร้อมสร้างระบบฟีดเดอร์ป้อนรถไฟฟ้า 10 สาย จับตาสร้างรถไฟฟ้าถนนรังสิต-นครนายกและถนนพัฒนาการ-คลองตัน
นายวันชัย ศารทูลทัต รองประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ ว่าได้กำหนดจัดสัมมนาเพื่อรับฟังความเห็นเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลแบบองค์รวมขึ้นในวันที่ 20 กันยายน 2560 นี้เบื้องต้นนั้นจะนำโครงการต่างๆ ที่แต่ละหน่วยเกี่ยวข้องมีแผนดำเนินการมาปรับใช้ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมกับศึกษาแต่ละปัญหาแต่ละโครงการเชิงลึกเพื่อหาแนวทางเร่งผลักดันก่อนจัดสรรงบประมาณไปดำเนินการ
วันชัย ศารทูลทัต รองประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
โดยจะบูรณาการแผนของทุกหน่วยเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปจัดทำแผนให้ชัดเจนในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลที่ปัจจุบันมีรถใช้บริการกว่า 9 ล้านคันต่อวันนั้นสนช.จึงจะนำรูปแบบการใช้ตาข่ายคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเพื่อให้เห็นภาพการแก้ไขปัญหาจราจรให้ได้ผลชัดเจนมากที่สุด ต้องการให้พื้นที่ในกรุงเทพฯมีมากขึ้น การจราจรก็จะดีขึ้น แนวทางหนึ่งก็จะนำมาตรการต่างๆไปเร่งปรับใช้ให้เข้มงวดพร้อมกับเร่งจัดหาระบบฟีดเดอร์ขนส่งมวลชนรองรับประชาชนออกจากบ้านไปสู่ระบบขนส่งมวลชนหลักโดยการเชื่อมโยงจะเน้นอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้มากที่สุด อาทิ การสร้างรถไฟฟ้ารองรับผู้ใช้บริการในเส้นทางรังสิต-นครนายก เพื่อป้อนให้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสและสายสีแดง เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่กทม.โซนเหนือ ส่วนเส้นทางถนนพัฒนาการ-คลองตันเพื่อป้อนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีส้ม (ตะวันออก) และแอร์พอร์ตเรลลิงค์ เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่กทม.โซนตะวันออก เป็นต้น
ดังนั้นต่อนี้ไปกรมการขนส่งทางบกจะต้องเร่งจัดเส้นทางรถเมล์ให้บริการอย่างครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้นให้สามารถป้อนผู้โดยสารกับระบบรถไฟฟ้าเส้นทางหลักให้ใกล้และรวดเร็วที่สุด เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลให้มากที่สุด เกิดทางเลือกใช้บริการให้มากขึ้นนั่นเอง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560 |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48018
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 18/09/2017 8:11 am Post subject: |
|
|
กทพ.ลุ้นสผ.เคาะEIAทางด่วนN2 จ่อชงครม.ปลายปีนี้เริ่มก่อสร้าง61
MGR Online เผยแพร่: 18 ก.ย. 2560 07:20:00
กทพ.เตรียมชง ทางด่วน N2 เข้าครม.ปลายปีนี้ รอลุ้น สผ.อนุมัติ EIAเพิ่มเติม
ยันตอม่อเกษตร-นวมินทร์ รองรับได้เฉพาะทางด่วน ส่วนรถไฟฟ้าหากมีจำเป็นต้องขยับแนวไปด้านข้าง พร้อมเตรียมเปิดรับฟังความเห็นประชาชน 26 ก.ย.นี้ เล็งเริ่มก่อสร้างปลายปี 61 ขณะที่บอร์ดกทพ. ล้มคัดเลือกที่ปรึกษาทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง เหตุยื่นซองรายเดียว เร่งเปิดใหม่
นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน ในฐานะรักษาการแทนรักษาการผู้ว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวถึงความคืบหน้า โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ N2 บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ระยะทาง 10.5กม.นั้นขณะนี้ เหลือขั้นตอนการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA ) เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจาก คณะกรรมการ นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขออนุมัติได้ในช่วงปลายปี 2560 และจะสามารถดำเนินการประกวดราคาหาผู้รับจ้างและดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปลายปี 2561 ก่อสร้างเสร็จภายในปี 2563
โดยหากครม.อนุมัติ จะสามารถดำเนินโครงการได้ทันที เนื่องจาก ขณะนี้การออกแบบโครงสร้างแนวเส้นทางเสร็จหมดแล้ว โดยปรับแบบจากโครงการเดิม ที่มีช่วง N1 N2 N3 และตัดแนวสายทาง เหลือเฉพาะช่วง N2 และไปเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข9(บางนา-บางปะอิน) ซึ่งค่าก่อสร้างจากเดิม 14,000ล้านบาท เพิ่มเป็น17,000ล้านบาท แต่ไม่มีการเวนคืน โดยทางด่วน N2 จะใช้เงินจากกองทุนรวมไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์(TFF)ในการลงทุนก่อสร้าง
สำหรับแนวการก่อสร้างทางด่วน N2 ยังคงยึดตามแนวเดิมเป็นทางยกระดับตั้งแต่อุโมงค์ทางลอดเกษตรศาสตร์ตามแนวต่อม่อของการทางฯ ผ่านบางบัว แยกลาดปลาเค้า ทางต่างระดับรามอินทรา แยกนวลจันทร์ และตรงไปสิ้นสุดที่ทางหลวงหมายเลข9 (บางนา-บางปะอิน) ขนาด4ช่องจราจร ไป-กลับ รวมระยะทาง 10.5กม. มีสะพานข้ามแยกจำนวน 5 แห่ง มีทางขึ้นลงจำนวน 6 แห่ง สามารถเชื่อมต่อกับทางพิเศษฉลองรัฐ และถนนวงแหวนตะวันออก มอเตอร์เวย์สาย 9 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงโครงข่ายทางได้
ส่วนการศึกษา โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ซึ่งมีแนวเส้นทางเดียว ทางด่วน N2 ด้วยนั้น หลักการ คงไม่สามารถให้รถไฟฟ้ามาใช้ตอม่อร่วมกับทางด่วนได้ เนื่องจากการรับน้ำหนักไม่เหมือนกัน ดังนั้นรถไฟฟ้าอาจจะต้องขยับแนวก่อสร้างไปด้านข้างทางด่วน ซึ่ง กทพ.จะจัดการประชุมเพื่อทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ในโครงการทางด่วน N2 ในวันที่26ก.ย.นี้
***ล้มคัดเลือกที่ปรึกษาทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง เหตุยื่นซองรายเดียว
นายสุทธิศักดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมามีมติให้ยกเลิกการคัดเลือกที่ปรึกษาโครงการทางด่วน พระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก ระยะทาง 17 กม. วงเงิน 30,437 ล้านบาท และให้เปิดคัดเลือกใหม่ เนื่องจาก มีเอกชนยื่นข้อเสนอเพียงกลุ่มเดียว ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน โดยจะเร่งเปิดคัดเลือกใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างโครงการ |
|
Back to top |
|
 |
|