View previous topic  :: View next topic    
	 
	
	
		Author 
		Message 
	 
	
		Mongwin  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49278 
      Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา  
		
			
				Posted: 16/11/2020 1:09 pm     Post subject:   
				     
			 
			
				 
			 
			
				รถไฟทางคู่สายอีสาน ช่วงหมวกเหล็ก-คลองขนานจิตร (EP_2)พฤศจิกายน 2563
 
Nov 15, 2020
 
vnp story
 
 
รถไฟทางคู่สายอีสาน ช่วงหมวกเหล็ก-คลองขนานจิตร (EP_2)พฤศจิกายน 2563
 
รถไฟทางคู่สายอีสาน ช่วงสถานีมวกเหล็ก-สถานีคลองขนานจิตร ซึ่งอยู่ในสัญญาที่ 2
 
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
 
มีระยะทาง 134กม.ผ่าน 2จังหวัด สระบุรี และนครราชสีมา แบ่งเป็น3สัญญาดังนี้
 
สัญญาที่ 1 มาบกะเบา-คลองขนานจิตร
 
สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ
 
สัญญาที่ 3 งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ
 
 
 
 
https://www.youtube.com/watch?v=tjID0Xe2XKg   
			 
		
 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		
			
				Posted: 22/11/2020 2:51 pm     Post subject:   
				     
			 
			
				 
			 
			
				ของบเพิ่มยกระดับสีคิ้ว-โคราช ทุบสะพานสีมาธานีรอปีหน้า 
 
นสพ.โคราชคนอีสาน 
 
ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๒๖๕๔ 
 
วันพุธที่ ๑๘ - วันอังคารที่ ๒๔ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓
 
รถไฟทางคู่ผ่านเมืองโคราชต้องขยับ ที่ปรึกษาโครงการฯ ชี้แจง เพราะขณะนี้กำลังขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อยกระดับเส้นทางบริเวณอำเภอสีคิ้วและเขตเมืองโคราช พร้อมแก้ผลรายงาน EIA จึงทำให้งานมีความล่าช้า เผยการทุบสะพานสีมาธานีเลื่อนไปเดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๖๔
 
 
สืบเนื่องจาก ครม.อนุมัติให้มีการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา (ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย)-ชุมทางถนนจิระ (นครราชสีมา) ระยะทาง ๑๓๕ กิโลเมตร รวมทั้งสิ้น ๓ สัญญา ซึ่งสัญญาที่ ๒ ช่วงคลองขนานจิตร (ต.จันทึก อ.ปากช่อง)-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง ๖๙ กิโลเมตร มีประเด็นการถกเถียงกรณีทุบหรือไม่ทุบสะพานสีมาธานี มาโดยตลอด
 
จากนั้น ในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๒ มีการประชุมพิจารณาเสนอแนะรูปแบบการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ช่วงผ่านเมืองนครราชสีมา บริเวณสะพานข้ามทางรถไฟโรงแรมสีมาธานี ตามข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ทุบสะพานสีมาธานีแล้วก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด
 
ต่อมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จัดให้มีการประชุมชี้แจงรูปแบบรายละเอียดก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ และแนวทางการบริหารจัดการจราจรในช่วงที่ผ่านตัวเมืองนครราชสีมา ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ จากคณะที่ปรึกษาโครงการรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และเจ้าหน้าที่จากการรถไฟแห่งประเทศไทย ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ซึ่งในที่ประชุมมีการชี้แจงว่า ระยะเวลาในการทุบสะพานสีมาธานีและก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดนั้น คาดว่าประมาณ ๓ ปี และจะเริ่มดำเนินการภายในปี ๒๕๖๓ โดยประชาชนที่ร่วมรับฟังต่างมีความเป็นห่วงว่า อาจจะล่าช้าและใช้เวลามากเกินไป
 
ล่าสุด เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ยังไม่มีการดำเนินการทุบสะพานสีมาธานีและก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด โคราชคนอีสาน จึงติดต่อไปยังสำนักงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เพื่อสอบถามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา (ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย)-ชุมทางถนนจิระ (นครราชสีมา) สัญญาที่ ๒ ช่วงคลองขนานจิตร (ต.จันทึก อ.ปากช่อง)-ชุมทางถนนจิระ โดยได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ว่า
 
ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติงบเพิ่มเติมจากกระทรวงคมนาคม เพื่อแก้ไขเส้นทางบริเวณอำเภอสีคิ้วและเขตเมืองนครราชสีมา เนื่องจากมีการร้องขอจากประชาชนให้ยกระดับขึ้น โดยงบประมาณที่เพิ่มขึ้น หากตัดเรื่องทางลอดอันเดอร์พาสและการทุบสะพานสีมาธานีออกไป น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ ล้านบาท และต้องมีการเปลี่ยนแปลงผลรายงาน EIA ด้วย ส่วนการทุบสะพานสีมาธานี ผมทราบมาว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงคมนาคม มีความเห็นพร้องกันว่า ควรจะให้กรมทางหลวงรับผิดชอบในการทุบสะพานสีมาธานีและการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด ซึ่งขณะนี้เรื่องยังอยู่ที่กระทรวงฯ
 
เมื่อถามว่า โครงการจะเริ่มดำเนินการเมื่อใด ก็ได้รับคำตอบว่า ล่าสุดผู้ว่าการรถไฟฯ ทำหนังสือแจ้งมายังบริษัทที่ปรึกษาว่า น่าจะประมาณเดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๖๔
 
ขณะเดียวกัน โคราชคนอีสาน ติดต่อสัมภาษณ์ นายพรชัย ศิลารมย์ รองผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง อดีตผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ ๒ เพื่อสัมภาษณ์กรณีที่กรมทางหลวงจะเป็นผู้ดำเนินการทุบสะพานสีมาธานีและก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด ซึ่งเปิดเผยว่า ในการทุบสะพานสีมาธานีนั้น เป็นความต้องการจากประชาชน ซึ่งกรมทางหลวงยินดีและไม่ติดขัดอะไร หากต้องทุบสะพานสีมาธานี เพื่อยกระดับทางรถไฟ ซึ่งกรณีที่จะให้กรมทางหลวงจัดการงานทุบสะพานสีมาธานีและก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดนั้น ขณะนี้ยังไม่มีแจ้งเข้ามา และตามเดิมงานนี้อยู่ในแพคเกจงานของโครงการรถไฟทางคู่ฯ ซึ่งขณะนี้กำลังรอเรื่องเข้า ครม. แล้วการรถไฟฯ จะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งผมทราบล่าสุดอย่างเป็นทางการเพียงเท่านี้ โดยกรมทางทำหน้าที่ช่วยพิจารณารูปแบบอุโมงค์ แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเข้ามาว่าจะให้เราเป็นผู้รับผิดชอบ ยังถือว่าเป็นงานของโครงการรถไฟทางคู่ฯ อยู่ และประเด็นสะพานหัวทะเล ก็ขึ้นอยู่กับการรถไฟฯ ว่าต้องการยกระดับหรือไม่
 
 
ทั้งนี้ โครงการรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง ๑๓๕ กิโลเมตร แบ่งออกเป็น ๓ สัญญา ได้แก่ 
 
สัญญาที่ ๑ ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ระยะทาง ๕๘ กิโลเมตร, 
 
สัญญาที่ ๒ ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ (โคราช) ระยะทาง ๖๙ กิโลเมตร อยู่ระหว่างปรับรูปแบบการก่อสร้าง (ปัญหาทุบ-ไม่ทุบสะพานสีมาธานี) ในช่วงผ่านเมืองโคราช จะยกระดับระยะทางรวม ๕.๔๐ กิโลเมตร ใช้งบประมาณเพิ่มจากเดิมคือ ๗,๗๒๑ บาท เป็น ๑๑,๕๑๘ ล้านบาท และ
 
สัญญาที่ ๓ งานอุโมงค์ ระยะทาง ๘ กิโลเมตร วงเงิน ๙,๓๙๙ ล้านบาท
 
 
 
			 
		
 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		
			
				Posted: 26/11/2020 10:17 am     Post subject:   
				     
			 
			
				 
			 
			
				คมนาคม เผยปี 65 รถไฟทางคู่เสร็จ 5 สาย-เปิดเอกชนร่วมใช้ราง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ 
 
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
 
เผยแพร่: 25 พฤศจิกายน 2563 เวลา 18:05  น.   
 
 
คมนาคม เผยปี 65 รถไฟทางคู่ก่อสร้างเสร็จอีก 5 สาย ระยะทางกว่า 700 กม. เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 สาย เตรียมเปิดเอกชนร่วมใช้ราง ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนขนส่งทางรางเป็น 30%
 
 
วันที่ 25 พ.ย.ที่สถานีรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรลลิงก์ มักกะสัน นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีเปิดงานแสดงสินค้าและการประชุมด้านเทคโนโลยีระบบขนส่งทางราง Rail Asia 2020 และแสดงปาฐกถาหัวข้อ Thailands Rail Developments หรือการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีนโยบายพัฒนาการคมนาคมระบบรางให้เป็นระบบหลักในการขนส่ง เพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่งขึ้นร้อยละ 30 พร้อมแนวคิดการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมการให้บริการเพื่อให้การใช้งานรางได้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนสร้างผลตอบแทนให้ประเทศชาติอย่างคุ้มค่าสูงสุด โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นเจ้าภาพร่วมการจัดงาน สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมงาน
 
 
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดคมนาค กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทที่เน้นการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์ เพื่อให้ระบบรางเป็นระบบหลักในการเดินทางและการขนส่งของประเทศ ทั้งการพัฒนารถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกและบรรเทาปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
 
 
โดยมีการพัฒนารถไฟทางคู่ เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างเมือง พัฒนารถไฟความเร็วสูง เพื่อเพิ่มศักยภาพระบบรางเชื่อมการเดินทางระหว่างประเทศและช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์
 
 
เนื่องจากที่ผ่านมาระบบรางมีบทบาทต่อการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยค่อนข้างน้อย เนื่องจากการพัฒนาระบบขนส่งทางถนนเป็นหลัก ทำให้การเจริญเติบโตของเมืองกระจัดกระจายไม่ตอบสนองต่อจำนวนประชากรภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการลงทุนระบบรางมากขึ้น เพื่อผลักดันระบบรางเป็นระบบหลักการเดินทางและการขนส่งของประเทศในอนาคต ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ก่อให้เกิดการค้าระหว่างประเทศ การจ้างงาน การท่องเที่ยว และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
 
 
ปัจจุบันทางรถไฟครอบคลุมพื้นที่กว่า 47 จังหวัด ระยะทางกว่า 4,044 กิโลเมตร แต่ยังไม่เพียงพอเพราะสัดส่วนของทางรถไฟเป็นทางเดี่ยวต้องผลักดันโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ให้มีเส้นทางเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าภายในปี 2565 รถไฟทางคู่จะแล้วเสร็จเพิ่มอีก 5 สาย คิดเป็นระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งทางรางและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ช่วยกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น
 
 
โครงการรถไฟความเร็วสูงขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสามสนามบิน และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมดำเนินโครงการอีก 6 โครงการ ซึ่งหากแล้วเสร็จทั้งหมดจะเป็นระยะทางรวมกว่า 2,466 กิโลเมตร
 
 
สำหรับโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จจะมีจำนวนทั้งสิ้น 14 สายทาง 367 สถานี คิดเป็นระยะทางกว่า 553 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรได้ คาดว่าโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2570
 
 
กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญการพัฒนาระบบรางในทุกภูมิภาคโดยภายในปี 2571 ประเทศไทยจะมีระบบรางขนาดใหญ่ที่เข้าถึงทุกภูมิภาคของประเทศ และเมื่อโครงการทั้งหมดตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วเสร็จ จะเป็นการยกระดับมาตรฐานรถไฟไทยให้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยในระยะยาว สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาค สร้างศักยภาพและโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบเส้นทาง เกิดการกระจายความเจริญอย่างทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำของประเทศไทย
 
 
 
รถไฟทางคู่สร้างเสร็จอีก 5 สาย ปี65 กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค 
 
อสังหาริมทรัพย์
 
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 - 20:41 น. 
 
 
คมนาคมเปิดแผนลงทุนระบบรางทั่วประเทศ เพิ่มการขนส่งโลจิสติกส์ 30% เผยปี65 รถไฟทางคู่สร้างเสร็จ 5 สาย 700 กม. ปี70 เปิดรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑลครบ14 สาย 553 กม.เร่งเดินหน้าไฮสปีด2สาย
 
 
เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2563 นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดงานแสดงสินค้าและการประชุมด้านเทคโนโลยีระบบขนส่งทางราง Rail Asia 2020 และกล่าวปาฐกถาหัวข้อ Thailands Rail Developments หรือการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย
 
 
 
 
โดยกระทรวงคมนาคมมีนโยบายพัฒนาการคมนาคมระบบรางให้เป็นระบบหลักในการขนส่ง เพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่งขึ้นร้อยละ 30 พร้อมแนวคิดการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมการให้บริการเพื่อให้การใช้งานรางได้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนสร้างผลตอบแทนให้ประเทศชาติอย่างคุ้มค่าสูงสุด
 
 
นายพิศักดิ์กล่าวว่า การเดินทางด้วยระบบราง คือ การเดินทางแห่งอนาคตที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทที่เน้นการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์
 
 
เพื่อให้ระบบรางเป็นระบบหลัก ในการเดินทางและการขนส่งของประเทศ ทั้งการพัฒนารถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกและบรรเทาปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯและปริมณฑล การพัฒนารถไฟทางคู่ เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างเมือง หรือการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เพิ่มศักยภาพระบบรางเชื่อมการเดินทางระหว่างประเทศและช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์
 
 
 
 
ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นถึงความคุ้มค่าและมูลค่าเพิ่มในอนาคตจากการลงทุน จึงวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางในสัดส่วนมากที่สุด โดยดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
 
 
ที่ผ่านมาระบบรางมีบทบาทต่อการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยค่อนข้างน้อย เนื่องจากการพัฒนาระบบขนส่งทางถนนเป็นหลัก ทำให้การเจริญเติบโตของเมืองกระจัดกระจายไม่ตอบสนองต่อจำนวนประชากรภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น 
 
 
รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการลงทุนระบบรางมากขึ้น เพื่อผลักดันระบบรางเป็นระบบหลักการเดินทางและการขนส่งของประเทศในอนาคต ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ก่อให้เกิดการค้าระหว่างประเทศ การจ้างงาน การท่องเที่ยว และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
 
 
ปัจจุบันทางรถไฟครอบคลุมพื้นที่กว่า 47 จังหวัด ระยะทางกว่า 4,044 กิโลเมตร แต่ยังไม่เพียงพอเพราะสัดส่วนของทางรถไฟเป็นทางเดี่ยว ต้องผลักดันโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ให้มีเส้นทางเพิ่มมากขึ้น
 
 
คาดว่าภายในปี 2565 รถไฟทางคู่จะแล้วเสร็จเพิ่มอีก 5 สาย คิดเป็นระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งทางรางและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ช่วยกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นต่าง ๆ รวดเร็วมากขึ้น
 
 
ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 2 โครงการ คือ เส้นทางกรุงเทพฯ  นครราชสีมาและรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสามสนามบิน และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมดำเนินโครงการอีก 6 โครงการ ซึ่งหากแล้วเสร็จทั้งหมดจะเป็นระยะทางรวมกว่า 2,466 กิโลเมตร
 
 
สำหรับโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อแล้วเสร็จจะมีจำนวนทั้งสิ้น 14 สายทาง 367 สถานี คิดเป็นระยะทางกว่า 553 กิโลเมตร จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรได้ คาดว่าโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2570
 
 
คมนาคมให้ความสำคัญการพัฒนาระบบรางในทุกภูมิภาค ในปี 2571 ประเทศไทยจะมีระบบรางขนาดใหญ่ที่เข้าถึงทุกภูมิภาคของประเทศ เมื่อโครงการทั้งหมดตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วเสร็จ จะยกระดับมาตรฐานรถไฟไทย ให้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยในระยะยาว
 
 
จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาค สร้างศักยภาพและโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบเส้นทาง เกิดการกระจายความเจริญอย่างทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำของประเทศไทย Last edited by Wisarut on 26/11/2020 11:05 am; edited 1 time in total 
			 
		
 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		 
	 
	
		Back to top  
		 
	 
	
		 
	 
	
		Wisarut  
	  1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45512 
      Location: NECTEC  
		 
	 
	
		Back to top