View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 09/09/2009 10:47 am Post subject: |
|
|
donatt76 wrote: | คุณบอยครับ...Shinkansen มันน่าตาน่าเกลี่ยดขึ้นทุกวันล่ะครับ....นับวันจะเหมือนเป็ดขึ้นทุกวัน แต่ที่น่าตาน่าเกลียดนี่ กลับวิ่งเร็วขึ้นทุกวันเช่นกัน (ยกเว้นเจ้า 2 ชั้นที่วิ่งอยู่แค่ 240 km/h) |
รถ 2 ชั้นวิ่งเร็วลำบากนะ แต่กระนั้น เจ้า ชิงกังเซน 500 นี่แหละที่ต้องยกนิ้วว่ายอดและ เจ้า ชิงกังเซน Fastech 360 (ชิงกังเซนหูแมว) รุ่นที่ ทำขบวนได้ 360 kph ก็ด้วย |
|
Back to top |
|
|
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 09/09/2009 12:21 pm Post subject: |
|
|
หลังจากที่ได้รออยู่สักพักใหญ่ ก็มีเสียงประกาศจากสถานีว่าขบวนรถจักรไอน้ำกำลังจะนำขบวนเข้ามาเทียบชานชาลาแล้ว ผู้คนก็ต่างเตรียมตัวตั้งกล้องถ่ายรูปกันเป็นแถว สักพักขบวนรถก็ถูกนำมายังสถานีโดยใช้รถจักรไฟฟ้าหน้าตาโบราณ รุ่น 200 ลากท้ายขบวนเข้ามาสู่ชานชาลาสถานี ( มายืนผิดตำแหน่งแล้วสิครับ...)
- รู้สึกว่าผมกับphotobucket จะไม่ค่อยกินเส้นกัน นั่งโหลดรูปแค่รูปเดียวเกือบชั่วโมง
|
|
Back to top |
|
|
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 09/09/2009 2:17 pm Post subject: |
|
|
" ขบวนรถจักรไอน้ำ Paleo Express " นี้ เปิดเดินเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531 โดยใช้รถจักรไอน้ำ C58 หมายเลข 363 ในการทำขบวน ซึ่งรถจักรคันนี้แต่เดิมเป็นของการรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNR) ผลิตขึ้นในปี พ.ศ.2487 โดยบริษัท คาวาซากิ (Kawasaki) ภายหลังจากที่ได้ปลดประจำการในปี พ.ศ. 2516 รถจักรไอน้ำคันนี้ได้ถูกนำไปเก็บไว้ยังโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดไซตะมะ สุดท้ายได้มีการที่จะนำรถจักรไอน้ำนี้กลับมาวิ่งให้บริการในรูปแบบการท่องเที่ยวของจังหวัดไซตะมะ ทางบริษัทรถไฟชิชิบุจึงทำการซื้อรถจักรมาและทำการบูรณะซ่อมแซมใหม่จนสามารถกลับมาวิ่งใช้งานได้อีกครั้ง โดยโรงงานที่ทำการปรับปรุงชุบชีวิตรถจักรไอน้ำ C58 363 ให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้งนั้น คือ โรงงานรถไฟที่โอมิยะ ซึ่งในปัจจุบัน ที่นี่เป็นโรงงานหลักแห่งหนึ่งในการซ่อมวาระหนักของรถจักรไอน้ำที่ยังมีใช้งานอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนตู้โดยสารก็เป็นตู้ไม้คล้ายกับของขบวนรถจักรไอน้ำที่โออิกาวา ทำให้ดูคลาสสิกและเข้ากันกับตัวรถจักรไอน้ำ
สำหรับชื่อที่ใช้เรียกขบวนรถจักรไอน้ำขบวนนี้ มาจากการที่เมืองชิชิบุนั้นเป็นที่หนึ่งที่ได้มีการค้นพบซากฟอสซิลของไดโนเสาร์ จึงมีการตั้งชื่อให้กับขบวนรถนี้ว่า " Paleo Express " แปลเป็นไทยตรงๆก็น่าจะเรียกว่า " ด่วนดึกดำบรรพ์ "
Last edited by conrail on 09/09/2009 11:37 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Adithepc20
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/07/2006 Posts: 3403
Location: ลาดพร้าว 71 หรือ ชานเมือง 9
|
Posted: 09/09/2009 8:10 pm Post subject: |
|
|
เสียงหวีดรถดีเซลรางของที่ญี่ปุ่นเหมือนกับเจ้า THN หรือเจ้า RHN ของเมืองไทยหรือเปล่าครับพี่ก้อง เสียดายน่าจะมีคลิปเสียงตอน พขร.เปิดหวีดออกสถานีมาให้ฟัง _________________ ฮิตาชิ 4506 ขณะทำขบวนรถสินค้าที่ 879 ออกจากสถานีชุมทางศรีราชา วันที่ 20 เม.ย. 2553 เวลา 16.50 น.
|
|
Back to top |
|
|
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 10/09/2009 1:43 am Post subject: |
|
|
Adithepc20 wrote: | เสียงหวีดรถดีเซลรางของที่ญี่ปุ่นเหมือนกับเจ้า THN หรือเจ้า RHN ของเมืองไทยหรือเปล่าครับพี่ก้อง เสียดายน่าจะมีคลิปเสียงตอน พขร.เปิดหวีดออกสถานีมาให้ฟัง |
ลักษณะของเสียงหวีดคล้ายกับเสียงของรถดีเซลราง THN ครับ แต่ไม่ค่อยได้เปิดบ่อยนัก ยกเว้นทางบางช่วง หรือ เมื่อมีคนเหยียบล้ำเส้นสีเหลืองบนชานชาลาเข้ามา พขร.จะเหยียบหวีดเตือน
ขอเล่าเรื่องราวบางอย่างที่เกี่ยวกับรถจักรไอน้ำ C58 ให้ฟังคร่าวๆก่อนนะครับ
และที่สำคัญคือ รถจักรไอน้ำรุ่นนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทยเราอีกเหมือนกัน เช่นเดียวกับรถจักรไอน้ำ C56
รถจักรไอน้ำ รุ่น C58 เป็นรถจักรที่มีการจัดวางล้อแบบ 2-6-2 สร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2481 ถึง พ.ศ. 2490 โดยบริษัท Kawasaki และ บริษัท Kisha Seizo มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 427 คัน , น้ำหนักของรถจักรพร้อมใช้งาน 58.7 ตัน , แรงดันไอน้ำ 16 กิโลกรัม/ตารางเซ็นติเมตร , น้ำหนักกดเพลา 13.5 ตัน , เส้นผ่านศูนย์กลางล้อกำลังและล้อโยง 1,520 มิลลิเมตร , มีความยาวของรถจักรและรถลำเลียงรวมกัน 18.27 เมตร ใช้กับรางกว้าง 1,067 มิลลิเมตร
เนื่องจากรถจักรรุ่นนี้ส่วนหนึ่งถูกสร้างขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะเกิดขึ้นมา ทำให้เมื่อเกิดสงครามขึ้นมาแล้ว กองทัพญี่ปุ่นมีความจำเป็นที่จะต้องใช้รถจักรไอน้ำจำนวนหนึ่งเพื่อการลำเลียงกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรถจักรไอน้ำ C56 ดังที่เคยได้อธิบายไปแล้ว และปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนมากมาย รวมทั้งเราเองก็ยังมีรถจักรรุ่นนี้ใช้งานอยู่ส่วนหนึ่ง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ารถจักรไอน้ำ C58 รุ่นนี้ ก็เป็นหนึ่งในรถจักรที่ถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้ในการขนส่งลำเลียงกองทัพญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน มีการปรับปรุงแก้ไขรถจักรเพื่อให้สามารถใช้งานได้กับรถพ่วงที่ใช้อยู่ในประเทศไทยและประเทศข้างเคียงเช่นเดียวกับรถจักรไอน้ำ C56 อาทิเช่น เปลี่ยนขอพ่วงจากเดิมที่เป็นขอพ่วงอัตโนมัติมาเป็นขอพ่วงเอบีซี , ติดตั้งเครื่องไล่ลม หรือ เครื่องสร้างสูญญากาศเพื่อใช้สั่งการกับระบบห้ามล้อรถพ่วง , เปลี่ยนขนาดล้อของรถจักรและรถลำเลียงเพื่อให้สามารถใช้งานได้กับรางกว้าง 1 เมตร โดยใช้วิธีเดียวกันกับแบบรถจักรไอน้ำ C56 คือ การใช้แว่นล้อเดิมที่ใช้งานกับรางกว้าง 1,067 มิลลิเมตร แต่เปลี่ยนปลอกล้อใหม่ให้มีความกว้างของพื้นล้อมากขึ้นเพื่อให้เกาะกับรางกว้าง 1 เมตร ซึ่งวิธีการนี้เองทำให้พื้นล้อกำลังของรถจักรไอน้ำทั้งสองรุ่นนี้กว้างกว่างรถจักรไอน้ำแบบอื่นที่ประเทศไทยเคยใช้การมา
รถจักรไอน้ำ C58 ที่ดัดแปลงเหล่านี้มีจำนวนทั้งหมด 51 คัน โดยทำการดัดแปลงในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน จนถึงเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2487 สถานที่ที่ใช้ในการดัดแปลงรถนั้นประกอบไปด้วย โอมิยะ (Omiya) , ฮามะมะทสึ (Hamamatsu) , ทาคาโทริ (Takatori) และ โคคุระ (Kokura) จากนั้นจึงนำมาลงเรือที่ท่าเรือโกเบและท่าเรือโมจิเพื่อขนส่งมายังประเทศไทย โดยชุดแรกทำการขนลงเรือมา 25 คัน ซึ่งใช้เรือขนส่งหลายลำกระจายกันไป แต่การขนส่งนั้นไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นเพราะอยู่ในช่วงของปลายสงคราม มีกองทัพของพันธมิตรคอยขัดขวางกองเรือลำเลียงเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองเรือดำน้ำของสหรัฐอเมริกา จนในที่สุดเรือที่ทำการลำเลียงรถจักรไอน้ำ C58 จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อมาส่งยังประเทศไทยนั้นก็ถูกยิงจมลงไปเกือบทั้งหมด เหลือรอดมาได้เพียง 4 คันเท่านั้นจากทั้งหมด 25 คัน ที่ส่งมาในระยะแรก การสูญเสียนี้จึงทำให้มีการระงับการขนส่งรถจักรที่เหลืออีก 28 คัน ซึ่งในที่สุดรถจักรชุดหลังนี้ก็ไม่ได้ถูกขนส่งมายังประเทศไทยและเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆกลับคืนเพื่อใช้ในประเทศญี่ปุ่นตามเดิม
รถจักรไอน้ำ C58 ทั้ง 4 คัน ที่รอดจากการถูกยิงจมทะเลมาได้นั้น ประกอบไปด้วย
- C58 52 ( หมายเลขที่ใช้ในการรถไฟ คือ 761 )
- C58 54 ( หมายเลขที่ใช้ในการรถไฟ คือ 762 )
- C58130 ( หมายเลขที่ใช้ในการรถไฟ คือ 763 )
- C58 136 ( หมายเลขที่ใช้ในการรถไฟ คือ 764 )
หมายเลข 761 และ 762 นั้น สร้างโดย Kawasaki ในปี พ.ศ. 2481 / ส่วนหมายเลข 763 และ 764 สร้างโดย Kisha Seizo ในปี พ.ศ. 2482
อย่างไรก็ตาม รถจักรไอน้ำ C58 ทั้ง 4 คันนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากมีน้ำหนักกดเพลาถึง 13.5 ตัน ในขณะที่รางรถไฟของไทยในสมัยนั้นรับน้ำหนักกดเพลาได้เพียง 10.5 ตันเท่านั้น ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง รถจักรเหล่านี้ยังคงอยู่ใช้งานในประเทศไทย แต่น้ำหนักรถจักรที่มากนั้นทำให้ต้องกำหนดขอบเขตการใช้งาน จนในที่สุดก็ปลดระวางใช้งานไปก่อนกำหนดและไม่เหลือซากให้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว สำหรับภาพถ่ายของรถจักรรุ่นนี้ในช่วงที่ใช้งานอยู่ที่ประเทศไทยนั้นก็หายากเหลือเกิน ผมเคยเห็นอยู่เพียงสองรูปเท่านั้น หนึ่งในนั้น คือ ที่ย่านบางซื่อ
ทั้งหมดเป็นเรื่องราวคร่าวๆของรถจักรไอน้ำ C58 ที่เกี่ยวกับประเทศไทย .....ออกนอกเรื่อง Paleo Express ไปอีกแล้ว คราวหน้าจะกลับมาลงต่อไปครับ
|
|
Back to top |
|
|
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 11/09/2009 9:05 pm Post subject: |
|
|
เพิ่งจะกลับมาจากการไปทำธุระที่ต่างจังหวัดเมื่อตอนเย็นนี่เอง เข้าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ
เรื่องราวก็ยังคงจะเกี่ยวข้องกับรายละเอียดทั่วๆไปของรถจักรอีกสักเล็กน้อยก่อนที่จะออกเดินทางกัน
รถจักรไอน้ำ C58 หมายเลข 363 เป็นรถจักรไอน้ำที่มีระบบห้ามล้อรถจักรโดยใช้แรงดันลมในการจ่ายเข้าสู่หม้อสูบห้ามล้อ และ ใช้ระบบห้ามล้อลมอัดในการควบคุมระบบห้ามล้อรถพ่วง ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสาร หรือ รถสินค้าก็ตาม ซึ่งลมอัดเหล่านี้ได้มาจากเครื่องทำลมที่ใช้ไอน้ำมาดันลูกสูบ โดยมีจังหวะการทำงานเป็น 2 จังหวะเพื่อช่วยในการสร้างลมให้เร็วและมีแรงดันที่เพิ่มขึ้น
เครื่องทำลมอัด ( อุปกรณ์ตรงกลางทรงกระบอกที่มีแผ่นทองเหลืองพันล้อมรอบ ด้านบนเป็นชุดของลูกสูบไอน้ำ ส่วนด้านล่างเป็นชุดของลูกสูบเพื่ออัดอากาศ) อากาศที่ถูกอัดแล้วจะนำมาเก็บไว้ในถังลมซึ่งมีอยู่ 2 ถัง ซ้าย-ขวา
ขอพ่วงอัตโนมัติแบบ E และท่อลม BP ต่อขบวน (เปรียบเทียบกับขอพ่วงอัตโนมัติแบบ Tightlock ของรถไฟฟ้า และ ขอพ่วงอัตโนมัติแบบ Shaku-Thomlinson )
ขอพ่วงอัตโนมัติแบบ E
ขอพ่วงอัตโนมัติแบบ Tightlock
ขอพ่วงอัตโนมัติแบบ Shaku-Thomlinson
|
|
Back to top |
|
|
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 12/09/2009 12:41 am Post subject: |
|
|
แม้ว่าจะเป็นรถจักรไอน้ำ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องมีระบบที่ใช้ควบคุมตรวจสอบความปลอดภัยในการเดินรถเช่นเดียวกับขบวนรถอื่นๆ ระบบนี้คือ ระบบ ATS ( Automatic Train Stop ) หลักการทำงาน คือ จะมีแผ่นที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณติดตั้งอยู่ที่ระหว่างราง กับ ตัวรถ โดยทั้งสองส่วนนี้จะทำงานสัมพันธ์กันในรูปแบบของแม่เหล็กไฟฟ้า รถจักรไอน้ำนี้เมื่อทำการก็จะต้องเปิดให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงานตลอดด้วยเช่นกันเพื่อที่จะได้ให้มีไฟเข้าไปเลี้ยงระบบ ATS ตลอดเวลา ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มแรกๆที่นำเอาระบบ ATS มาใช้งาน โดยเริ่มใช้งานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2464
ในกรณีที่ขบวนรถวิ่งฝ่าสัญญาณ หรือ ไม่มีการตอบรับสัญญาณจากพนักงานขับรถเมื่อขบวนรถวิ่งผ่านแผ่นสัญญาณที่ติดอยู่ระหว่างราง ซึ่งติดตั้งอยู่เป็นระยะๆ รวมทั้งบริเวณเสาสัญญาณ จะมีการสั่งการให้ระบบห้ามล้อฉุกเฉินทำงานทันที เพื่อให้ขบวนรถหยุด ป้องกันไม่ให้เกิดการชนกับขบวนรถที่อยู่ทางตอนหน้า
ขอนำเอารูปนี้กลับมาลงอีกครั้งครับ จะเห็นว่าที่รางจะมีแผ่นสัญญาณติดอยู่ และ ที่ด้านล่างรถจักรไอน้ำบริเวณใต้ขอพ่วงก็จะมีแผ่นสัญญาณแบบเดียวกันติดอยู่ด้วย มีสายไฟต่อร่วมอยู่ข้างละหนึ่งเส้นกับแผ่นสัญญาณ
รถไฟฟ้า APL ก็ใช้ในลักษณะเดียวกันเพื่อใช้ในการรับส่งสัญญาณต่างๆระหว่างรถกับศูนย์ควบคุม
อุปกรณ์สองตัวสีดำที่อยู่ติดกับห้องขับนี้ เป็น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือ ไดนาโม ใช้ไอน้ำในการมาขับแกนกังหันให้หมุนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า โดยตัวทางขวามือเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อใช้ในระบบแสงสว่างทั้งหมดบนรถจักร ทั้งในห้องขับและไฟหน้ารถจักร จะทำงานก็ต่อเมื่อต้องการใช้ไฟเท่านั้น ส่วนตัวทางซ้ายมือจะเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อใช้กับระบบ ATS โดยเฉพาะซึ่งจะทำงานตลอดเวลา เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองตัวนี้ควบคุมการทำงานมาจากห้องขับ โดยมีวาล์วปิด-เปิดไอน้ำติดตั้งอยู่
|
|
Back to top |
|
|
Tob96
3rd Class Pass (Air)
Joined: 04/04/2006 Posts: 472
Location: ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จ.นครราชสีมา , ถนนเชื้อเพลิง ช่องนนทรี กทม.
|
Posted: 12/09/2009 2:03 am Post subject: |
|
|
เพิ่งได้ความรู้เรื่องนี้นะเนี่ย เจ้าคุณปู่บ้านเขาก็ติดตั้งอุปกรณ์เซฟไม่เบาเลย... _________________ เราเหล่าม้าเหล็ก...ยามวิ่งเร็วดั่งพายุ...ยามหยุดนิ่มนวลดุจสายน้ำไหล..... |
|
Back to top |
|
|
palm_gea
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/07/2006 Posts: 1321
Location: ธ.ก.ส.
|
Posted: 12/09/2009 6:47 am Post subject: |
|
|
ผมเพิ่งรู้ว่ารถจักรไอน้ำก็มีห้ามล้อแบบลมอัดด้วย _________________
|
|
Back to top |
|
|
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 15/09/2009 12:54 pm Post subject: |
|
|
- ระบบห้ามล้อของรถจักรไอน้ำนั้น เริ่มต้นกันมาตั้งแต่ใช้เบรคมือ , เบรคสูญญากาศ , เบรคแบบใช้ไอน้ำดันสูกสูบ และแบบใช้แรงดันลมอัดดันสูกสูบ โดยรูปแบบหลังนั้นให้แรงเบรคที่ดีที่สุด รถจักรไอน้ำในประเทศไทยที่ใช้ระบบเบรครถจักรแบบลมอัด มีอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน คือ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่น C56 และ C58 สืบเนื่องมาจากประวัติความเป็นมาดังที่ได้เคยกล่าวไปแล้ว
- ส่วนรถจักรไอน้ำแปซิฟิค หมายเลข 824 และ 850 กับ รถจักรไอน้ำแบบมิกาโด หมายเลข 953 นั้นใช้เบรครถจักรแบบใช้แรงดันไอน้ำ เนื่องจากรถจักรเหล่านี้ไม่มีเครื่องทำลมติดตั้งมาด้วย
- มาดูอุปกรณ์ของรถจักร C58 363 กันต่อครับ แล้วเอาไว้เปรียบเทียบกันรถจักรไอน้ำของเราในภายหลัง
ชิ้นส่วนที่เป็นท่อนเหล็กยาวโค้งลงนั้น คือ แขนคันเปลี่ยนอาการ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างห้องขับกับฝักมะขาม ใช้บังคับลิ้นเลื่อนเพื่อให้รถจักรเดินหน้า หรือ ถอยหลัง และยังใช้ควบคุมปริมาณของไอที่ลงสู่ลูกสูบอีกด้วย ควบคู่กับคันกำหนดไอ โดยทั้งคันเปลี่ยนอาการและคันกำหนดไอนี้ จะถูกบังคับการทำงานโดยพนักงานขับรถ ( คันเปลี่ยนอาการอยู่ฝั่งไหนจะเป็นด้านของพนักงานขับ โดยปกติห้องขับที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น พนักงานขับรถจะนั่งอยู่ทางด้านซ้าย )
คันเปลี่ยนอาการนี้ เมื่อรถจักรมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นก็ทำให้แขนคันเปลี่ยนอาการมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ทำให้มีน้ำหนักมากและพนักงานขับรถใช้งานได้ไม่ถนัด จึงมีการพัฒนาให้มีการใช้ไอน้ำเข้ามาเป็นเครื่องทุ่นแรง โดยพนักงานขับรถเพียงแต่ควบคุมให้ไอน้ำเข้ามาในชุดกระบอกไอของครื่องเปลี่ยนอาการ จากนั้นไอน้ำจะดันลูกสูบภายในเครื่องเปลี่ยนอาการให้เลื่อนเดินหน้า - ถอยหลัง
**** สำหรับประเทศไทยนั้น มีรถจักรไอน้ำที่ใช้เครื่องเปลี่ยนอาการแบบไอน้ำอยู่เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ทราบหรือไม่ว่าเป็นรถจักรไอน้ำแบบไหนครับ ??? ****
- และท่อทองแดงที่อยู่หลายท่อเดินเป็นยาวขนานไปกับหม้อน้ำนั้น เป็นท่อที่ใช้เป็นทางเดินของไอเพื่อใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ แทนการใช้กลไกลแบบคาน ทำให้ควบคุมการทำงานได้เที่ยงตรงขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ไอน้ำไปควบคุมการทำงานนั้น อาทิเช่น ลิ้น By-Pass , ลิ้นระบายน้ำก้นสูบ , ระบบโรยทราย , ฝาปิดปล่องไอเสียในรถจักรบางรุ่น เป็นต้น
|
|
Back to top |
|
|
|