Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311324
ทั่วไป:13287750
ทั้งหมด:13599074
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - บันทึกชีวิตนอกราง : ปายแอ่วเจียงใหม่กันก่เจ้า '2010
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

บันทึกชีวิตนอกราง : ปายแอ่วเจียงใหม่กันก่เจ้า '2010
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 19, 20, 21 ... 66, 67, 68  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 25/01/2010 10:13 pm    Post subject: Reply with quote

ExtendeD wrote:
มาแปะโฆษณาไว้อีกสักรูป ใครมาเที่ยวภูกระดึง แล้วไม่ได้เลือดนี่ ผมว่าเป็นเรื่องแปลกนะครับ ที่เห็นในรูปนี่ไม่ใช่ขาของผม หรือของเจ้าตี๋นะครับ แต่เป็นของหลานชายอีกคนหนึ่ง โดน " ทาก " สูบเลือดตั้งแต่เย็นวันแรกเลย เลือดไหลไม่หยุดซะด้วย ตอนแรกที่ผมเห็นคิดว่าไปทายาแดงมาแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว เลือด + ละอองฝน รวมกันก็เลยกลายเป็นอย่างที่เห็นครับ

ส่วนผมกับเจ้าตี๋นี่ก็ไม่รอดพ้นจุมพิตสยองของเจ้าถิ่นตัวยึกยือ ๆ หรอกครับ โดนกันคนละแผลสองแผลเอาตอนช่วงสาย ๆ ของวันที่ 2 นี่ก็คืออีก 1 รสชาติที่ได้รับจาก ภูกระดึง ครับ เหอะ เหอะ . . . emot144


อ่างั้นต้องเอา ยาตั้ง หรือ ใบยาสูบ กับเกลือ ขยี้ที่แผล จะได้ห้ามเลือดได้
จะให้ดี ต้องทำไม้ทิ่มทาก โดยเอายาสูบมาห่อ ไว้ที่ปลายไม้ จะได้เป็นการไล่ทากไปในตัว
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 25/01/2010 10:18 pm    Post subject: Reply with quote

saraburi wrote:
^
กรี๊ดๆๆๆ จะเป็นลม ...... (เห็นเลือดเป็นลม....แต่เห็น โดนัทกลมๆ สู้ตาย ) Laughing

อันตัวทากนั้น.... เวลามันทานอาหารจักมีสารกันเลือดแข็งตัวขอรับท่านหลวงสะพาน เลือดเลยไหลรินอย่างกับน้ำตกเจ็ดสาวน้อย Razz emot156


มีเคล็ด ( ไม่ ) ลับ จากตำราต่อสู้กับทาก เอ๊ย มีเสียงร่ำลือมาว่า ถ้าโดนทากจุมพิตแล้ว ให้เอายาเส้น ( คล้าย ๆ บุหรี ) ไปทาที่แผลเลือดจะหยุดไหล จริงหรือเปล่าไม่รู้นะครับ เพราะในกลุ่มพวกเราก็ไม่มีใคร " สูบ " เลย ก็เลยไม่ได้ลอง

แต่ตลอดเวลาที่อยู่บนภูกระดึง มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ เดินมาถามหา " ไฟแช็ค " กับพี่อยู่ 2 - 3 ครั้ง คาดว่าจะเอาไปเพิ่มความอบอุ่นให้กับเจ้าถิ่นตัวยึกยือแน่ ๆ เลย เพราะมีกฏห้ามก่อไฟทำอาหารในบริเวณที่พัก หารู้ไม่เจ้าทากเนี่ย แพ้ " เกลือ " อย่างแรง มาเจอกันเมื่อไหร่ แตกโพละ และจะไม่ใช่มนุษย์เยี่ยงเรา ๆ ที่จะเลือดอาบอีกต่อไป หากแต่เป็นเจ้าทากตัวน้อยนี่ต่างหาก ที่ต้องนอนจมกองเลือด น่าสงสารมันเหมือนกัน แต่สงสารตัวเองมากกว่า ( พี่ไม่เคยทำนะครับ แต่คุณพี่แม่ค้าร้านอาหารบนภู สาธิตให้พวกเราดู ) เหอะ เหอะ . . . emot164
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
tuie
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 09/07/2006
Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย

PostPosted: 26/01/2010 9:33 am    Post subject: Reply with quote

อันที่จริงไปเที่ยวป่า เที่ยวภูในฤดูหนาว-แล้ง ช่วงธันวา-มกรา-กุมภาฯแบบนี้ ปกติจะปลอดจากทากนะครับ เพราะทากมักจะชุกชุมในฤดูฝน หรือตามแหล่งชุ่มน้ำ แต่ปีนี้อากาศแปรปรวน ฝนกระหน่ำกลางมกรา ทากที่เคยจำศีลเลยออกมาเริงร่ารับสายฝนเต็มภูกระดึงกระมังครับ Laughing

พี่ไปเที่ยวป่า เทียวภูมาหลายที่แล้ว ยังไม่เคยเจอทากดูดเลือดเพราะเลือกไปตอนหน้าหนาว-แล้ง ที่ไม่มีฝนหลงฤดูมาแทรกแบบปีนี้น่ะครับ Cool
_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 04/03/2010 8:58 pm    Post subject: Reply with quote

บันทึกชีวิตนอกราง : ตอนที่ 8 ครั้งหนึ่งในชีวิต กับการ " พิชิตภูกระดึง "

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกตอนนี้จะเป็นเรื่องราวในตอนที่ผมไปปีนภูกระดึงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาครับ พวกเราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพในคืนวันที่ 21 ม.ค. โดยรถทัวร์ ป.1 ของบริษัท แอร์เมืองเลย จำกัด เที่ยวเวลา 22:15 น. ครับ

Click on the image for full size


รถทัวร์คันนี้เป็นสาย 29 ครับ เท่าที่เห็นในคืนนั้นยังมีรถ VIP.32 ที่นั่ง ซึ่งเป็นของบริษัทเดียวกัน ออกจากหมอชิต 2 เวลา 22:30 น. อีกด้วย แต่ตอนที่น้องชายผมไปซื้อตั๋วบอกว่ารถเที่ยวนั้นเต็มแล้ว ผมก็เลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมีตั๋วเหลืออยู่ไม่ถึง 19 ที่นั่งให้พวกเรา ( 19 ชีวิต ) สามารถเดินทางไปพร้อมกันได้หมด หรือว่าตั๋วเต็มจริง ๆ . . .

Click on the image for full size


นี่เป็นบรรยากาศในห้องโดยสารของรถทัวร์คันที่จะพาพวกเราไปลงที่ " ผานกเค้า " ก็ไม่ต่างอะไรจากรถทัวร์ทั่ว ๆ ไปครับ เบาะที่นั่งของเจ้าตี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ผมปรับเอนไม่ได้ซะด้วยซ้ำ เฮ้อ . . . emot138

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 05/03/2010 6:30 am    Post subject: Reply with quote

หลังจากออกจากหมอชิต 2 แล้ว รถทัวร์คันที่ผมนั่งมาก็วิ่งไปตามทาง จากถนนวิภาวดีรังสิต เข้าสู่ถนนมิตรภาพ เลี้ยวซ้ายไปทางปากช่องเพื่อแวะพักคนพักรถที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พอผู้โดยสารนำหางตั๋วไปแลกขนม และเครื่องดื่ม ได้พักผ่อนกันแล้ว ก็กลับเข้าสู่ถนนมิตรภาพอีกครั้ง ผ่านบริเวณด้านหน้าทางเข้าเขื่อนลำตะคองไปสักพัก รถทัวร์คันนี้ก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน Bypass เลี่ยงเมืองโคราช ตรงไปตามทางเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่เขต จังหวัดขอนแก่น ก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลข 12 มุ่งหน้าสู่อำเภอชุมแพ แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลข 201 ไปทางจังหวัดเลย สักพักใหญ่ ๆ ก็จะมาถึง ร้านเจ๊กิม @ ผานกเค้า ในเช้ามืดวันนั้นพวกเราก้าวลงจากรถพร้อมกับสายฝนโปรยปราย ( ค่อนข้างหนัก ) เลยทีเดียว นักท่องเที่ยวที่ลงจากรถทัวร์ที่นี่ต้องรอเวลาเพื่อขึ้นรถสองแถวเดินทางต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อีกทีหนึ่งครับ ระหว่างนั้นก็ไปล้างหน้า แปรงฟัน หรือใครหิวก็หามื้อเช้าเบา ๆ รองท้องกันที่นี่ได้เลย

Click on the image for full size


หลัง 07:00 น. ไม่นาน พวกเราก็ขึ้นรถสองแถวมุ่งหน้าไปยัง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ครับ จริง ๆ แล้วถ้าไม่มีเมฆฝนมาปกคลุมบริเวณนี้ เราจะสามารถมองเห็น ผานกเค้า ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียวครับ น่าเสียดายจริง ๆ น่าเสียดายจริง ๆ . . . emot118

Click on the image for full size


รถสองแถวก็ขับตรงไปตามถนนหมายเลข 201 เรื่อย ๆ ไม่นานก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 2019 ซึ่งเป็นถนนเล็ก ๆ 2 ช่องจราจร ถูกขนาบข้างด้วยป่ารก ๆ ครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Adithepc20
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/07/2006
Posts: 3403
Location: ลาดพร้าว 71 หรือ ชานเมือง 9

PostPosted: 05/03/2010 11:59 am    Post subject: Reply with quote

ขอเข้าคิวรอชมที่ จ.เลย เวลานี้ด้วยนะ เสียดายพี่เต้ยน่าจะแวะมาที่ จ.เลย เวลานี้ รถตู้ที่เหมามาจาก กทม. ว่างซะเหลือเกิน ไม่มีใครมางานที่นี่เลยอะ Embarassed
_________________
ฮิตาชิ 4506 ขณะทำขบวนรถสินค้าที่ 879 ออกจากสถานีชุมทางศรีราชา วันที่ 20 เม.ย. 2553 เวลา 16.50 น.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 05/03/2010 2:49 pm    Post subject: Reply with quote

รถสองแถวจะมาส่งนักท่องเที่ยวถึงบริเวณด้านหน้า ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่เห็นอยู่ในรูปข้างล่างนี้เลยครับ พวกเรายังต้องรอให้ถึงเวลา 08:00 น. หลังจากเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ถึงจะเริ่มปล่อยให้ผู้มาเยือนจากต่างแดนได้ออกกำลังกาย ปีนขึ้นภูให้สาแก่ใจที่อุตส่าห์เดินทางไกลมาหลายร้อยกิโลเมตรครับ

Click on the image for full size

ภายในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแห่งนี้ มีรูปภาพและข้อมูลเกี่ยวกับ ภูกระดึง มากมาย นักท่องเที่ยวที่มีความสนใจอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะได้เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจากที่นี่ติดตัวก่อนขึ้นภูไปพอสมควรเลยครับ

ข้อมูลตามป้าย wrote:
ตำนานแห่งภูกระดึง

หากจะกล่าวถึงความเป็นมาของภูเขาอันน่าอัศจรรย์แห่งนี้ คงต้องย้อนกลับไปในมหายุค Mosozoic ซึ่งเป็นยุคที่พื้นโลกเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ เมื่อประมาณ 300 ล้านปีที่แล้ว บริเวณที่ราบสูงภาคอีสานเคยเป็นทะเลมาก่อน และมีการตกตะกอนทับถม ของดินทรายกลายเป็นชั้นหินชุดต่าง ๆ ต่อมาเมื่อประมาณ 250 ล้านปีที่ผ่านมา เปลือกโลกเกิดโก่งและโค้งตัว ทำให้พื้นที่แห่งนี้ยกสูงขึ้นเป็นเทือกเขาหินทรายอันยิ่งใหญ่

แต่อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติได้ใช้เวลานับล้านปีกัดเซาะหินทรายจนผุกร่อนสลายลงคงเหลือเฉพาะชั้นหินอันแข็งแกร่ง ที่ตั้งตระหง่านเย้ยฟ้าท้าดินดังที่ปรากฏถึงปัจจุบัน

ตำนานได้เล่าขานถึงเสียงกระดิ่งหรือระฆังใหญ่ ที่แว่วดังมาจากยอดภูสูงที่มีสัณฐานคล้ายดังกระดิ่งทับหล้าในวันโกน หรือวันพระ คล้ายกับว่ามีวัดอยู่บนยอดเขา บ้างว่าเป็นเสียงระฆังของพระอินทร์ แต่ยังไม่มีผู้ใดเคยย่างกรายไปถึง จึงได้แต่เรียกขานภูเขาแห่งนี้ว่า " ภูกระดึง " ตราบจนกระทั่งพรานป่าแห่งหมู่บ้านศรีฐานได้ตามรอยกระทิงขึ้นสู่ยอดภู สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็คือที่ราบกว้างใหญ่ไกลสุดสายตา หน้าผาสูงชัน ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยฝูงสัตว์ป่าเดินหากินอย่างอิสระเสรี ป่าสนเรียงราย น้ำตกอันแสนงดงาม ตลอดทั้งมวลไม้ป่านานาพันธุ์ดังสวนสวรรค์ จึงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วนับจากนั้นมา

จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระเจ้าวรวงศ์กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมสมุหเทศาภิบาล ได้รายงานเกี่ยวกับความสวยงามและธรรมชาติอันควรค่าแก่การเก็บรักษาไว้ของภูกระดึงให้กระทรวงมหาดไทยได้รับทราบ ต่อมากรมป่าไม้ได้ทำการสำรวจพื้นที่ภูกระดึงและประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2486 นอกจากนี้ยังได้เตรียมการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย แต่เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด อีกทั้งขาดแคลนอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ ทำให้ดำเนินงานไปได้ไม่มากนัก จวบจนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2505 พื้นที่ป่าภูกระดึงจึงได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 79 ตอนที่ 104 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2505 ครอบคลุมพื้นที่ 217,581.25 ไร่ หรือประมาณ 348.13 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 2 ของประเทศ ต่อจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

ตำนานภูกระดึงคงไม่สมบูรณ์ หากไม่ได้กล่าวถึงองค์พระพุทธเมตตาและเหล่าลูกหาบ องค์พระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์คู่ภูกระดึงมาช้านาน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2463 โดยหลวงวิจิตรคุณสาร นายอำเภอวังสะพุงในขณะนั้นได้ร่วมกับราษฎรสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจด้วยแรงศรัทธาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และมหัศจรรย์แห่งนี้ ซึ่งแต่เดิมพระพุทธรูปที่สร้าง ยังไม่มีชื่อ ต่อมาในปีพุทธศักราช 2526 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะบริเวณรอบ ๆ องค์พระด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งเสด็จมาทรงเจิมและสวมเกศรวมถึงพระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า " พระพุทธเมตตา "

สำหรับลูกหาบ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่ภูกระดึงมาตั้งแต่เริ่มแรกโดยเริ่มจากความมีน้ำใจของราษฎรบ้านศรีฐานในการช่วยเหลือแบ่งเบาสัมภาระของนักท่องเที่ยวโดยไม่มีค่าจ้างต่อมาเมื่อปริมาณนักท่องเที่ยวมากขึ้น จึงเกิดเป็นระบบเกื้อกูลพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชน ขณะที่นักท่องเที่ยวได้บรรลุจุดหมายสู่ยอดภูกระดึง ชาวบ้านก็มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

ภูกระดึงเป็นที่รวมของภูผาและธารน้ำตกที่ล้วนเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ นักเดินทางรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างมุ่งหน้ามาสู่สถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าหนทางจะลำบากยากเย็นแสนเข็ญสักเพียงใดก็ตาม แต่กลับเป็นสิ่งท้าทายให้ทุกคนบากบั่นเพื่อที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติ อันแสนยิ่งใหญ่วันเวลายิ่งผ่านเลยไป ผู้คนมากมายก็ยิ่งหลั่งไหลมาสู่ภูกระดึงมากขึ้น หลายคนเดินทางมาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเก็บสะสมความงดงามอันหลากหลายที่ไม่สามารถสัมผัสได้ทั้งหมดภายในการมาเยือนเพียงครั้งหนึ่ง

แต่หลายครั้งที่ธรรมชาติได้ถูกทำลายจากการลักลอบเก็บพันธุ์ไม้ การล่าสัตว์ป่า ตลอดจนการเหยียบย่ำ การขีดเขียน และทิ้งขยะ ทำให้ภูกระดึงที่เป็นสวรรค์อันอุดมสมบูรณ์กำลังเสื่อมโทรมลงและคงจะเหลือเพียงตำนานในที่สุด หากเราปล่อยให้เป็นเช่นที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่ธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์ ที่ยังคงเหลืออยู่ในวันนี้จะได้รับการดูแลรักษาจากทั้งชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนและผู้ที่รักและเข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริง

_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 05/03/2010 7:59 pm    Post subject: Reply with quote

ใกล้ ๆ กับประตูทางเข้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีตัวเลขบอกปริมาณน้ำฝน และอุณหภูมิต่ำสุด - สุงสุด เอาไว้ขู่นักท่องเที่ยว เอ๊ย! ไม่ใช่ . . . คงจะแจ้งตัวเลขเอาไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ว่าเมื่อขึ้นไปถึงบนยอดภูแล้ว จะได้พบเจอกับสภาพอากาศแบบไหนประมาณนั้นครับ

Click on the image for full size

รอบ ๆ เสาต้นนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับป่าไม้ชนิดต่าง ๆ ที่อยู่บนภูกระดึงแห่งนี้ด้วยครับ

ข้อมูลตามป้าย wrote:
สภาพป่าไม้และลักษณะสังคมพืชของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ลักษณะและชนิดสังคมพืช ป่าในอุทยานแห่งชาติภูกระดึงในปัจจุบันนับว่าเป็นป่าที่มีสภาพที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดป่าหนึ่ง พื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงตั้งอยู่ที่ความสูงที่แตกต่างกันไป ระหว่าง 200 เมตร ถึง 1,300 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ดังนั้นสภาพของสังคมพืชจึงแตกต่างกันไปตามระดับความสูง พื้นที่ป่าพอจะจำแนกได้เป็น 5 ชนิดสังคมพืช คือ
1. ป่าเต็งรัง ( Dry Dipterocarp Forest )
2. ป่าเบญจพรรณ ( Mixed Deciduous Forest )
3. ป่าดิบแล้ง ( Dry Evergreen Forest )
4. ป่าดิบเขา ( Hill Evergreen Forest )
5. ป่าสนเขา ( Coniferous Forest )

ป่าแต่ละชนิดมีสภาพและชนิดไม้ที่สำคัญ ดังนี้
1. ป่าเต็งรัง ( Dry Dipterocarp Forest )
ป่าเต็งรังในอุทยานแห่งชาติภูกระดึงพบขึ้นกระจัดกระจายในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 200 ถึง 600 เมตร บริเวณพื้นที่แห้งแล้งมีดินตื้นจนถึงมีความลึกปานกลาง ส่วนบริเวณที่มีความลาดชันมาก มักมีหินโผล่ทั่วไป มีเนื้อที่ประมาร 27.07 ตารางกิโลเมตร หรือ 7.78 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้งหมด ป่าชนิดนี้มีเรือนยอด 3 ชั้น ความสูงของเรือนยอดชั้นบนสุดประมาณ 20 - 25 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญในชั้นนี้ได้แก่ เต็งรัง และประดู่ เรือนยอดชั้นสองมีความสูงประมาณ 15 - 20 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญในชั้นนี้ได้แก่ กระท่อมหมู กุ๊ก ตะแบกเลือด รกฟ้า มะกอกเกลื้อน และตับเต่าต้น ส่วนเรือนยอดในชั้นของไม้ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10 - 15 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญในชั้นนี้ได้แก่ เก็ดดำ เก็ดแดง ตานเหลือง มะค่าแต้ ยอป่า ส้าน ขว้าว ตะคร้อ กระบก และมะม่วงหัวแมงวัน เป็นต้น

พื้นที่ป่าประกอบด้วย กล้าไม้ของชั้นไม้ชั้นบนเป็นส่วนใหญ่ และพันธุ์ไม้ชนิดอื่น ๆ เช่น หญ้าเพ็ก กระดูกอึ่ง เหมือดโลด มะเม่า ลูกใต้ใบ กะตังใบ เล็บเหยี่ยว ผักปลาบ กระเจียวขาว หญ้าคา เปราะป่า และพันธ์ไม้ชนิดอื่น ๆ จากการสำรวจพืชในป่าเต็งรัง พบไม้ทั้งหมดจำนวน 41 ชนิดพันธุ์

2. ป่าเบญจพรรณ ( Mixed Deciduous Forest )
ป่าเบญจพรรณในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นสังคมพืชที่ค่อนข้างโปร่ง พบขึ้นกระจายในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 250 ถึง 1,000 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 233.79 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 67.16 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้งหมด ป่าชนิดนี้มีเรือนยอด 4 ชั้น ความสูงของเรือนยอดชั้นบนสุดประมาณ 25 - 31 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญในชั้นนี้ได้แก่ แดง กระบก ประดู่ พะยอม ตะแบกแดง ตะแบกเลือด เรือนยอดชั้นสองมีความสูงประมาณ 20 - 25 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญในชั้นนี้ได้แก่ มะกอก กระโดน ตะคร้อ งิ้วป่า ขว้าว แคทราย ขางหัวหมู และตะโกนา เรือนยอดชั้นที่สามมีความสูงประมาณ 15 - 20 เมตร ไม้สำคัญได้แก่ ส้าน คำแสด พฤกษ์ อินทนิลบก ตะคร้า เปล้าใหญ่ ขี้อาย กาสามปีก เลียงมัน ซ้อ กุ๊ก เก็ดแดง ผาเสี้ยน กระท่อมหมู ส่วนเรือนยอดของไม้ขนาดเล็กมีความสูงประมาณ 10 - 15 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ นางนวล ยางตาบอด สมอ กระทอน ปอหู สะแกแสง ตะแบกเปลือกบาง สมอพิเภก เสี้ยวป่า เสี้ยวเครือ รวมทั้งไผ่ไร่และไผ่รวก

พื้นที่ป่าประกอบด้วยกล้าไม้ของไม้ชั้นบนและพันธุ์ไม้ชนิดอื่น ๆ เช่น สาบเสือ กล้วยป่า กะตังใบหญ้า บุก สบู่เลือด ข่าคม เข็มป่า คงคาเดือด ผักปลาบ และอื่น ๆ จากการสำรวจพืชในป่าเบญจพรรณ พบไม้ทั้งหมดจำนวน 73 ชนิดพันธุ์

3. ป่าดิบแล้ง ( Dry Evergreen Forest )
ป่าดิบแล้งในอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นป่าที่ขึ้นในที่ค่อนข้างชุ่มชื้น ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 300 ถึง 800 เมตร มีเนื้อที่ป่าประมาณ 14.4 ตารางกิโลเมตร หรือประมาร 4.16 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้งหมด ป่าชนิดนี้มีเรือนยอด 4 ชั้น เรือนยอดชั้นบนสูง 25 - 30 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ ยางแดง เรือนยอดไม้ชั้นสองมีความสูงประมาณ 20 - 25 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญในชั้นนี้ได้แก่ ตะเคียนทอง ก่อ เรือนยอดไม้ชั้นที่สามมีความสูงประมาณ 15 - 20 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ กระบก หว้า มะแฟน ส้าน ก่อ มะกอกเกลื้อน ตะไคร้ พญามีฤทธิ์ ส่วนเรือนยอดในชั้นของไม้ขนาดเล็กมีความสูงประมาณ 10 - 15 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญมี สำไยป่า คอแลน และก่อบางชนิด

พื้นป่าประกอบด้วยกล้าไม้ของไม้ชั้นบนเช่น ยางแดงและตะเคียนทอง และพันธุ์ไม้ชนิดอื่น ๆ เฃ่น เข็ม ตดหมา เปล้าใหญ่ กะตังใบ ข่าคม มะกล่ำตาหนู สาบเสือ บุก บอน และอื่น ๆ จากการสำรวจพืชในป่าดิบแล้ง พบไม้ทั้งหมดจำนวน 93 ชนิดพันธุ์

4. ป่าดิบเขา ( Hill Evergreen Forest )
ป่าดิบเขาเป็นป่าที่ขึ้นในที่ชุ่มชื้นที่สุดในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สังคมพืชชนิดนี้จะขึ้นเฉพาะในที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาร 1,000 ถึง 1,300 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 39.51 ตารางกิโลเมตร หรือประมาร 11.35 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้งหมด ป่าชนิดนี้มีเรือนยอดแบ่งเป็น 4 ชั้น เรือนยอดชั้นบนสุดสูง 25 - 35 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ ก่อทั้ง 3 สกุลคือสกุล Castanopsis สกุล Lithocarpus และสกุล Quercus เช่น ก่อเดือย ก่อใบเลี่ยม ก่อข้าว ก่อหมาก และหว้า เรือนยอดไม้ชั้นสองมีความสูงประมาณ 15 - 25 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ ก่อชนิดต่าง ๆ ตะเคียนเฒ่า ตะแบกแดง กล้วยฤาษี เรือนยอดไม้ชั้นที่สาม มีความสูงประมาณ 10 - 15 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ ก่วมแดง มังตาน พญามะขามป้อม มะไฟ มะกอกเกลื้อน และลำไยป่า ส่วนเรือนยอดในชั้นของไม้ขนาดเล็ก มีความสูงไม่เกิน 10 เมตร ได้แก่ ส้าน สารภี สอยดาว ฝิ่นต้น หมากนางลิง คำแสด จ๊าเมี่ยง และสัตบรรณ

พื้นที่ป่าประกอบด้วยกล้าไม้ของป่าชั้นบนและพันธุ์ไม้ชนิดอื่น ๆ เช่น กระตังใบ หมากเหน่ง ( เร่ว ) เฟิร์น สัปปะรด และไม้เถาบางชนิด จากการสำรวจพืชในป่าดิบเขา พบไม้ทั้งหมด 78 ชนิดพันธุ์

5. ป่าสนเขา ( Coniferous Forest )
ป่าสนเขาในอุทยานแห่งชาติภูกระดึงพบเฉพาะบนยอดเขา ซึ่งเป็นภูเขายอดตัดเท่านั้น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,000 ถึง 1,300 เมตร เป็นป่าโปร่งมาก มีเนื้อที่ประมาณ 31.38 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 9.13 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้งหมด ป่าชนิดนี้มีเรือนยอด 2 ถึง 3 ชั้น ความสูงของไม้ชั้นเรือนยอดประมาณ 20 - 25 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ สนสองใบ สนสามใบ ซึ่งขึ้นปะปนกันแต่จะมีสนสองใบมากกว่าสนสามใบ หรือจะมีเฉพาะสนสองใบขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ นอกจากนี้บางที่จะมีไม้ก่อขึ้นปะปนกับไม้สนโดยเฉพาะก่อขี้หมู ส่วนเรือนยอดในชั้นของไม้ขนาดเล็กมีความสูงไม่เกิน 10 เมตร จะมีพันธุ์ไม้ขึ้นปะปน เช่น หัวแหวน ( ส้มแปะ )

พื้นป่าสนเขาจะโล่งเตียนลักษณะเป็นทุ่งโล่ง มีกล้าไม้สนสองใบ สนสามใบ ก่อขี้หมู หัวแหวน มังตาน สนสร้อย นอกจากนั้นก็มีพันธุ์ไม้ขนาดเล็กขึ้นอยู่ตามพื้นป่า ได้แก่ หยาดน้ำค้าง เขนงนายพรานหมู น้ำเต้าพระฤาษี เทียนภู ตีนจ้ำ กระถินทุ่ง ดาวเรืองภู เอ็นอ้า จากการสำรวจพืชในป่าสนเขา พบไม้ทั้งหมด 3 ชนิดพันธุ์

_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 06/03/2010 11:00 am    Post subject: Reply with quote

เดินเข้ามาข้างในก็ยังคงจะได้เห็นภาพถ่ายสวย ๆ ซึ่งก็มีทั้งภาพบรรยากาศยามเช้า ยามเย็น ภาพป่าไม้ ภูเขา น้ำตก รวมไปถึงสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ . . .

Click on the image for full size

นอกจากนั้นก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมการท่องเที่ยว และกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะถูกจัดขึ้นภายในพื้นที่เขต อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ในช่วงปีหนึ่ง ๆ ด้วยครับ

ข้อมูลตามป้าย wrote:
ปฏิทินการท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ตุลาคม - พฤศจิกายน มนต์เสน่ห์แห่งการเริ่มต้น
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยว
ขึ้นไปเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึงได้แล้ว
ชมป่าเขียวชอุ่ม ชุ่มชื้น เมฆหมอกไอน้ำ ขอบลำธารเขียวขจี
มีน้ำตกกึกก้องพนา สัตว์ป่าออกหากินยามค่ำคืน
สัมผัสทะเลหมอก ชมดอกไม้ริมขอบผา


ธันวาคม - มกราคม มนต์เสน่ห์แห่งความทรงจำ
สัมผัสอากาศหนาวเย็นยะเยือก
กับอุณหภูมิที่มีตัวเลขเพียงตัวเดียว
อิ่มเอมกับทุ่งหญ้าใบไม้ ใบเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดง
ชมแสงอาทิตย์อัสดง ท้ายสุดแห่งปี เปรมปรีย์กับแสงอรุณของวันใหม่


กุมภาพันธ์ - มีนาคม มนต์เสน่ห์แห่งสีสันและความรัก
อากาศหนาวเริ่มจากลา ชมทุ่งดอกหญ้า ดอกเอ็นอ้าบานสพรั่ง
สัมผัสความงามยามป่าเปลี่ยนสี กุหลาบแดง
เชิญหนุ่มสาวควงคู่ จดทะเบียนสมรสหมู่บนภูกระดึง
ในเทศกาลวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์


เมษายน - พฤษภาคม มนต์เสน่ห์แห่งการศึกษาธรรมชาติ และประเพณีท้องถิ่น
หลบลมร้อนพักผ่อนบนยอดภู ป่าปิดที่ถูกปิดมาแรมปี เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าศึกษาและชมสังคมป่าได้แล้ว อากาศร้อนผ่านพ้นไป ฝนเริ่มเข้ามาแทนที่ ชมดอกกระเจียวตามทุ่งหญ้า สลับสีกับดอกไม้นานาพรรณ ร่วมงานสรงน้ำพระพุทธเมตตาบนเขา วันที่ 18 - 19 เมษายนของทุกปี




ข้อมูลตามป้าย wrote:
กิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

กิจกรรมพิธีเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง
ในวันที่ 1 ตุลาคม โดยได้เรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานในพิธี พร้อมกับจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การออกร้านแสดงผลิตภัณฑ์ของชุมชนท้องถิ่น การแสดงของชุมชนรอบแนวเขตและขบวนแห่อันน่าตื่นตา


กิจกรรมส่งเสริมสถาบันครอบครัว
การจัดงานจดทะเบียนสมรสหมู่บนยอดภูกระดึง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี


กิจกรรมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณี
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลศรีฐาน จัดงาน " เชิญเที่ยวภูกระดึงเดือนเมษา - พฤษภา " สรงน้ำพระพุทธเมตตา วันเนา เข้าศึกษาพื้นที่ป่าปิด ในวันที่ 18 - 19 เมษายน ของทุกปี

_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 06/03/2010 7:19 pm    Post subject: Reply with quote

08:00 น. เสียงเพลงชาติดังขึ้น พวกเรารวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ ที่เดินทางมาถึง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ในเช้าวันนั้น ก็ยืนตรงเคารพธงชาติกันที่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ หลังเสียงเพลงชาติจบลงพวกเราก็ทยอยกันเดินไปตามจุดต่าง ๆ ที่เจ้าหน้าที่กำหนดเอาไว้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน เริ่มจากจุดที่ 1 ที่เห็นอยู่นี้ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาติดต่อเรื่องบ้านพัก / เต๊นท์ที่จะใช้พักผ่อนกันในทุก ๆ ค่ำคืนตลอดช่วงที่ยังอยู่บนภูครับ

Click on the image for full size


จากจุดที่ 1 เดินต่อไปด้านในจะพบกับจุดที่ 2 ที่จุดนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสัมภาระที่นักท่องเที่ยวกลุ่มต่าง ๆ นำติดตัวมา หากเป็นสิ่งของต้องห้าม เช่น เตาถ่าน ก็แน่นอนครับ นำขึ้นไปไม่ได้แน่ ๆ แต่หากเป็น ขวดน้ำพลาสติก เจ้าหน้าที่ก็จะเก็บเงินค่ามัดจำเอาไว้ แล้วพอนักท่องเที่ยวลงมาจากภูแล้ว ก็นำขวดพลาสติกนั้น ๆ มาแลกเงินค่ามัดจำคืนได้ครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 19, 20, 21 ... 66, 67, 68  Next
Page 20 of 68

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©