View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 09/01/2007 2:41 pm Post subject: |
|
|
อนุสาวรีย์สมเด็จเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ที่หลวงพระบาง
สมเด็จเจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนาและ สมเด็จพระราชินีคำผุย
สมเด็จเจ้าสีหนุ ทรงจอบ
ทั้ง 3 พระองค์ได้ประทับรถโบกี้พระที่นั่งกลางวันมาแล้ว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 09/01/2007 3:00 pm Post subject: |
|
|
พี่หมอ, ตอนดูภาพยนตร์ส่วนพระองค์นั้นเห็นเขาใช้รถจักรดีเซล 563 ทำขบวนรถพระที่นั่ง จากจิตรลดา ไปพิษณุโลกน่อ |
|
Back to top |
|
|
Peter008
3rd Class Pass
Joined: 08/01/2007 Posts: 3
Location: สามเสนใน พญาไท กทม.
|
Posted: 09/01/2007 3:04 pm Post subject: |
|
|
ไม่ทราบว่า ปัจจุบัน รถโบกี้พระที่นั่ง มีจำนวนเท่าใด และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่ใด ( ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงหรือไม่ หากต้องตอบคำถามนี้ ) เพียงแต่ว่า ไม่ได้เห็นพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟเป็นระยะเวลานานแล้ว ในวโรกาสที่พระองค์ท่านมีพระชนมายุ 80 พรรษา หากการรถไฟได้นำรถโบกี้พระที่นั่งมาจัดแสดงให้พสกนิกร โดยเฉพาะเยาวชนได้มีโอกาสเห็นเป็นบุญตา ก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียวครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 09/01/2007 3:28 pm Post subject: |
|
|
รถพระที่นั่ง เก็บไว้ที่โรงเก็บย่านมักกะสัน ปิดกุญแจตีตราครั่งอย่างดี ถ้าไม่มีหนังสือกราบบังคมทูลจากผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงสำนักพระราชวัง เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต แกะตราครั่งหุ้มกุญแจเปิดโรงเก็บรถพระที่นั่ง และมีพระบรมราชานุญาต ให้เปิดโรงรถพระที่นั่งแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะเปิดเข้าไปดูรถพระที่นั่งได้เลย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 10/01/2007 12:38 pm Post subject: |
|
|
บทควาทพิเศษจากกรมประชาสัมพันธ์
เรื่อง: ในหลวงและสมเด็จฯ เสด็จพระราชดำเนินภาคอีสานครั้งแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๘
โดย: ธีระพงษ์ โสดาศรี
วารสารกรมประชาสัมพันธ์ ปีที่ 11 ฉบับที่ 124-126 เมมษายน - มิถุนายน 2549
ในหลวงและสมเด็จ เสด็จพระราชดำเนินภาคอีสานครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2498
เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ผู้เขียนร่วมเฉลิมฉลองโดยใคร่ขอนำเรื่องราวการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฏรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน 2498 ซึ่งเป็นการเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏรอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ยังความปลื้มปิติแก่พสกนิกรชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยยังไม่เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเคยเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏรดังนี้มาก่อนเลย และในการเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏรเช่นนี้ทำให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรของพระองค์เองอย่างแท้จริง
ข้อมูลรูปภาพที่ผู้เขียนจะนำมากล่าวนี้นำมาจากหนังสือ รอยเสด็จ ซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อปี พ.ศ. 2540 ก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง โดยทั้งหมดนี้ผู้เขียนขอสรุปใจความประเด็นสำคัญเพื่อให้ผู้อ่านได้ร่วมชื่นชมพระบารมีด้วยซึ่งคาดว่าคงจะใช้การนำเสนออย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม 2549
สำหรับข้าราชบริพารที่ตามเสด็จครั้งนั้นมีประมาณ 110 คน ที่สำคัญ เช่น พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ประธานองคมนตรีหม่อมทวีวงศ์ ถวัลยศักดิ์ เลขาธิการพระราชวัง ฯลฯ นอกจากนั้น ยังมีข้าราชบริพารเดินทางที่ไปล่วงหน้าอีก 50 คน ส่วนพาหนะที่ใช้มีทั้งเครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ เรือ
การเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏรในครั้งนั้น ส่วนมากเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้ จะมีคลาดเคลื่อนบ้างก็เล็กน้อยเนื่องจากพสกนิกรมาเฝ้าชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น และไม่ยอมให้ขบวนเสด็จฯ เคลื่อนที่ไปได้อย่างสะดวก ทั้งนี้ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าสำหรับกำหนดต่าง ๆ ประมาณ 1 เดือน โดยพระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าคณะในการเดินทางไปจัดเตรียมความเรียบร้อยของจังหวัดต่าง ๆ
การเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมพสกนิกรครั้งนั้น ทรงมีพระราชดำริที่จะเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏรในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร ภายหลังเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติได้ 5 ปี และได้เสด็จ ฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏรในภาคตะวันออกเฉียบเหนือเป็นลำดับแรก
ก่อนหน้านี้สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จประพาสเยี่ยมราษฏรเป็นการส่วนพระองค์(เสด็จประพาสต้น)ซึ่งเสด็จฯ มาถึงเพียงจังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น
ดังนั้นการเสด็จฯ ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน 2498 จึงเป็นครั้งแรกที่ชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง
ก่อนเสด็จฯ ในวันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปวัดพระศรีรัตนศาสดารามเพื่อกราบบังคมทูลพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต)
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2498 เวลา 07.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จฯ โดยขบวนรถไฟพระที่นั่งจากสถานีรถไฟจิตรลดา โดยนายกรัฐมนตรี (จอมพล ป.พิบูลสงคราม) และ พสกนิกร ทหาร กองเกียตริยศทั้ง 3 เหล่าทัพ เฝ้าส่งเสด็จ
ขบวนรถไฟพระที่นั่งถึงสถานีต่าง ๆ ซึ่งมีข้าราชการพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น จากสถานีรถไฟอยุธยา สถานีพาชี สถานีสระบุรี สถานีแก่งคอย สถานีปากช่อง สถานีสีคิ้ว สถานีสูงเนิน
เวลา 14.48 น. ขบวนรถไฟพระที่นั่งถึงสถานีเมืองนครราชสีมา มีราษฏรเฝ้ารับเสด็จไม่น้อยกว่า 50,000 คน นั่งเรียงรายกันไปตลอดทาง หลังจากเสด็จฯ ไปทรงวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีแล้วได้เสด็จฯ ไปประทับพลับพลาหน้าศาลากลางจังหวัด โดยนายสุวรรณ รื่นยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองนครราชสีมา กราบบังคมทูลถวายรายงานตอนหนึ่งว่า "...พสกนิกรรู้สึกชื่นชมโสมนัสอย่างสุดซึ้งที่ได้มีโอกาสเฝ้าชมบุญบารมีโดยใกล้ชิดในครั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา แบ่งการปกครองเป็น 13 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ มีพลเมือง 800,000 คน..."
ในวันนั้น ฝนซึ่งไม่ตกมานานได้โปรปรายลงมาท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ทรงทักทายราษฏรโดยไม่ถือพระองค์ผู้เฒ่าผู้แก่ต่างยกมือขึ้นเหนือศีรษะกล่าวว่า
"...บารมีของในหลวงองค์นี้ล้นเหลือนัก เหมือนฟ้ามาโปรด แต่นี้ต่อไปความแห้งแล้งจะหมดไปจากอีสานล่ะ..."
คืนวันแรกทั้งสองพระองค์ประทับแรม ณ ค่ายทหารสุรนารี คืนนั้นฝนตกทั้งคืนจนน้ำนองถนน ฝนตกจนถึง 09.00 น. ของวันรุ่งขึ้นจนหยุด
(เนื้อที่หมดแค่นี้นะครับ พบกันใหม่ฉบับหน้า ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ถึงอำเภอพิมาย จังหวัดชัยภูมิ อำเภอบัวใหญ่ อำเภอพล อำเภอบ้านไผ่ และจังหวัดขอนแก่น)
สรุปหัวข่าวจากหนังสือพิมพ์
การสื่อสารในสมัยนั้นยังไม่รวดเร็ว ทันสมัย และมีสื่อไม่มาก ฉะนั้นข่าวการเสด็จฯ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ตัดข้อความส่งให้สำนักราชเลขาธิการมีดังนี้
หนังสือพิมพ์สารเสรีปีที่ 3 ฉบับที่ 357 (3 พฤศจิกายน 2498)
ข่าว : เสด็จประพาสอีสานโดยรถไฟขบวนพิเศษจากสถานีจิตรลดาถึงสถานีนครราชสีมา เวลา 14.45 น. ของวันที่ 2 พฤศจิกายน ประชาชนนับแสนเฝ้ารับเสด็จ เดินทางโดยรถยนต์พระที่นั่งจากสถานีรถไฟเข้าตัวเมือง สักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีและเสด็จฯ ไปที่ศาลากลางจังหวัดมีฝนตกหนักทั้งที่ฟ้ายังสว่างประชาชนจากอำเภอปักธงชัย โชคชัย โนนสูง โนนไทย ด่านขุนทด ครบุรี ต่างมารับเสด็จ โรงแรมทุกแห่งเต็มจนหมดต้องพักตามศาลาวัด ในตัวเมืองมีการจัดซุ้มรับเสด็จประดับประดาสวยงามกว่า 50 ซุ้ม คืนวันที่ 2 พฤศจิกายน ประทับแรมที่ค่ายสุรนารี |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 10/01/2007 12:40 pm Post subject: |
|
|
บทควาทพิเศษจากกรมประชาสัมพันธ์
เรื่อง: ในหลวงและสมเด็จฯ เสด็จพระราชดำเนินภาคอีสานครั้งแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ (ตอนที่ 2)
โดย: ธีระพงษ์ โสดาศรี
วารสารกรมประชาสัมพันธ์ ปีที่ 11 ฉบับที่ 124-126 เมมษายน - มิถุนายน 2549
ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมพสกนิกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นครั้งแรกของประเทศภายหลังครองสิริราชสมบัติแล้ว 5 ปี และนับเป็นครั้งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างเป็นทางการ...สาคดีชุดนี้เขียนขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี..
ความเดิมตอนที่แล้ว
ฉบับที่แล้วผู้เขียนได้เล่าให้ฟังว่า วันแรกในการเสด็จฯไปทรงเยี่ยมภาคอีสานมีพสกนิกรจังหวัดนครราชสีมาเฝ้ารับเสด็จฯ ไม่น้อยกว่า 50,000 คน โดยมีฝนตกปรอย ๆ ระหว่างเสด็จ ฯ และตกหนักตลอดทั้งคืน ทั้งนี้พระองค์ท่านประทับแรม ณ ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา เชิญอ่านต่อได้แล้วครับ...
ตอนที่ 2
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน 2498 เสด็จฯ โดยรถยนตร์พระที่นั่งจากที่ประทับแรมค่ายสุรนารีไปทรงเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 โดยพลโท ครวญ สุทธานินท์แม่ทัพภาคที่ 2 และคณะ ให้การต้อนรับ จากนั้นเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งผ่านตัวเมืองนครราชสีมาไปอำเภอพิมาย
ที่อำเภอพิมาย ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ ไปประทับอิริยาบถ และเสวยพระกระยาหารกลางวันท่ามกลางความร่มรื่นของไทรงาม ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงชิงช้า โดยมีเสียงเพลงจากแคนวงที่ผู้เป่าแคนได้ลอยเรือเป่าแคลนกลางลำน้ำ
ต่อมาได้เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งไปที่ว่าการอำเภอพิมาย ท่ามกลางพสกนิกรได้เฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมากเสด็จแล้วพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรปราสาทหินพิมายทรงสนพระราชหฤทัยซักถามเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ทรงถ่ายภาพไว้หลายแห่งจึงเสด็จฯ กลับ
ระหว่างทางได้ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฏรหลายแห่ง และทรงแวะทอดพระเนตรโรงงานทอกระสอบของบริษัทอีสาน จำกัด ที่ตำบลจอหอ คือวันที่ 3 พฤศจิกายน 2498 เสด็จประทับแรม ณ ที่ประทับแรมค่ายสุรนารี
วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2498 เสด็จฯ ออกจากที่ประทับแรม ประชาชนเฝ้าส่งเสด็จอย่างมากมาย ต่างเข้ามายึดรถพระที่นั่งทำให้รถต้องหยุดเป็นระยะ ๆ ทรงมีพระราชปฏิสันถารและโบกพระหัตถ์ให้กับผู้มาส่งเสด็จโดยทั่วถึงกัน คนแก่บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ
ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ โดยขับรถยนต์พระที่นั่งไป อำเภอโนนไทย เมื่อเสด็จฯ ถึง ร.ท.ชิด สุโกสี นายอำเภอโนนไทยเข้าเฝ้าฯ เสด็จพระทับบนที่ว่าการอำเภอ นายอำเภอถวายรายงานว่า มีราษฏรจำนวนมากจะนำสิ่งของมาขึ้นมาทูลเกล้าฯ ถวายบนที่ว่าการอำเภอ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีพระราชประสงค์เช่นนั้น ได้รับสั่งกับนายอำเภอว่า
"ฉันจะลงไปหาราษฏรเอง ไม่ต้องให้ราษฏรขึ้นมาหรอกให้เขาอยู่นั่นแหละ"
แล้วเสด็จลงจากที่ว่าการอำเภอ ไปทรงเยี่ยมราษฏรอย่างใกล้ชิดทรงห่วงราษฏรเรื่องการทำนาและเรื่องน้ำเป็นอย่างยิ่งทรงมีรับสั่งกับราษฏรที่มาเฝ้ารับเสด็จโดยทั่วกัน ตอนหนึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถรับสั่งกับหญิงชราผู้หนึ่งว่า
"มารอนานแล้วหรือจ๊ะ ฉันมาช้าไปเพราะราษฏรมากเหลือเกิน ต้องแวะเยี่ยมเขาตลอดทาง"
ขบวนเสด็จต้องรีบเดินทางต่อไปถึงบ้านหนองบัวโคก อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
นายสวัสดิ์ วงศ์ปฏิทัศน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นายสันทัด บุญประคอง นายอำเภอด่านขุนทด และพสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ทางหลวงจากนครราชสีมาไปจังหวัดชัยภูมิมีสภาพทรุดโทรมมาก ทำให้รถทั้งขบวนเต็มไปด้วยฝุ่น ก่อนถึงสี่แยกหนองบัวโคกรถยนต์พระที่นั่งยางแตก ต้องเปลี่ยนมาทรงรถยนต์พระที่นั่งสำรอง
12.30 น. ขบวนรถพระที่นั่งเคลื่อนถึงซุ้มประตูสี่แยกสุขศาลา เทศบาลเมืองชัยภูมิ รถพระที่นั่งเลี้ยวเข้าสู่จวนผู้ว่าราชการจังหวัด (ซึ่งเป็นที่ประทับแรมและได้จัดทาสีใหม่เป็นสีเขียว) เสวยพระกระยาหารกลางวัน และทรงพักผ่อนตามพระราชอัธยาศัย
16.30 น. เสด็จประทับยังมุขหน้าศาลากลาง จังหวัด นายสวัสดิ์ วงศ์ปฏิทัศน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิกราบบังคมทูลรายงานความเป็นอยู่ของชาวชัยภูมิ ทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า เสด็จพระราชดำเนินมาเพื่อต้องการทราบทุกข์สุขที่แท้จริงของประชาชน พระราชทานกำลังใจให้ทุก ๆ คน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานสู้ภัยธรรมชาติในเรื่องน้ำ และทรงพระราชทานพรว่า ขอให้มีความอุดมสมบูรณ์ และขอให้ทุกคนมีความมานะในการประกอบอาชีพ พสกนิกรต่างก็มีความปีติยินดีอย่างเหลือล้น เพราะต่างเดินทางมาจากระยะทางไกล ๆ เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏรอย่างทั่วถึงแล้วเสด็จฯ กลับที่ประทับ
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2498 เวลา 10.30 น. ขบวนรถยนต์พระที่นั่งออกจากที่ประทับแรมผ่านขบวนส่งเสด็จของพสกนิกรเป็นจำนวนมาก พร้อมกับพระสงฆ์ถวายสวดชัยมงคลคาถา ประชาชนถวายความเคารพเปล่งเสียงไชโยขบวนรถยนต์พระที่นั่งผ่านกิ่งอำเภอคอนสวรรค์ อำเภอบัวใหญ่
12.00 น. เสด็จขึ้นประทับรถไฟพระที่นั่งเคลื่อนออกจากอำเภอบัวใหญ่ต่อไปยังสถานีเมืองพล อำเภอพล จังหวัดข่อนแก่ โดยมีพลตรี แส น้อยเศรษฐ ผู้ว่าราชการภาค 3 ตามเสด็จขบวนรถไฟ
พลเอก จรูญ เสรีเริงฤทธิ์ ผู้ว่าการรถไฟ และเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่หลายนายติดตามถวายความสะดวกในการเสด็จฯ ทางรถไฟโดยตลอด
12.44 น. ขบวนรถไฟพระที่นั่งถึงสถานีรถไฟ เมืองพล พันตำรวจเอก ขุนศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการภาค 4 พันตำรวจเอก บุณณะ ตาละลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 4 เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท มีร้อยตำรวจเอก แถว พรหมประกาย ณ นครพนม นายอำเภอเมืองพล และพสกนิกรเฝ้าชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น พระสงฆ์ถวายสวดชัยมงคลคาถา เสียงไชโยถวายพระพรดังกึกก้องไปทั่ว
13.25 น. เสด็จฯถึงสถานีรถไฟบ้านไผ่ ร้อยตำรวจเอก เอิบ อินกนก นายอำเภอบ้านไผ่ และพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จเพื่อชมพระบารมี และทรงให้ราษฏรเข้าเฝ้าฯ ประมาณ 5 นาที (เสวยพระกระยาหารบนรถไฟ)
14.30 น. ขบวนรถไฟพระที่นั่งเข้าสู่สถานีขอนแก่นทั้งสองพระองค์เสด็จลงจากรถไฟพระที่นั่งท่ามกลางเสียงไชโยถวายพระพร
สรุปหัวข้อข่าวจากหนังสือพิมพ์
ภาพ : ทรงสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
หนังสือพิมพ์สารเสรี ปีที่ 3 ฉบับที่ 358 (4 พฤศจิกายน 2598)
ข่าว :เสด็จฯ สักการะอนุสาวรีย์ท้านสุรนารี และเยี่ยมราษฏรในตัวเมืองนครราชสีมาระยะทางหลายกิโลเมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกเบียดเซ จึงเอื้อมมือไปคว้าพระหัตถ์ในหลวงไว้ก็ไม่ทรงว่าอะไร ฝนตกตลอดเวลาเสด็จพระราชดำเนิน มหาดเล็กนำพระมาลาไปถวายก็ไม่ทรงรับ จนกระทั่งเวลา 16.45 น. เสด็จฯ กลับค่ายสุรนารี
หนังสือพิมพ์สารเสรี ปีที่ 3 ฉบับที่ 358 (4 พฤศจิกายน 2598)
ภาพ : ทรงไกวชิงช้าที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถประทับที่ไทรงาม
ข่าว :เสด็จฯ ไทรงาม อำเภอพิมาย และทอดพระเนตรกิจการโครงการทุ่งสัมฤทธิ์ และที่ปราสาทหินพิมาย ทรงเสด็จขึ้นตามกำแพงสูง ๆ ถ่ายภาพไว้จำนวนมาก ทางเกษมสำราญ ขณะประทับไทรงามเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ตลอดเวลามีแตรวงของแผนกชลประทานบรรเลงถวาย
เนื่องจากเนื้อที่มีจำกัด ติดตามอ่านได้ใหม่ฉบับหน้านะครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 10/01/2007 12:43 pm Post subject: |
|
|
บทความพิเศษจากกรมประชาสัมพันธ์
เรื่อง: ในหลวงและสมเด็จฯ เสด็จพระราชดำเนินภาคอีสานครั้งแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ( ตอนที่ 3 )
โดย: ธีระพงษ์ โสดาศรี
วารสารกรมประชาสัมพันธ์ ปีที่ 11 ฉบับที่ 124 - 126 เมษายน - มิถุนายน 2549
...ระหว่างวันที่ ๒ - ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมพสกนิกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นครั้งแรกของประเทศภายหลังครองสิริราชสมบัติแล้ว ๕ ปี และนับเป็นครั้งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พระมหากษัตริย์ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างเป็นทางการ สารคดีชุดนี้เขียนขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครบสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี...
ความเดิมตอนที่แล้ว
ฉบับที่แล้วผู้เขียนได้เล่าให้ฟังว่า ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ ไปที่ไทรงาม ปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นเสด็จฯ ไปจังหวัดชัยภูมิ ต่อมาวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ เสด็จฯ มาประทับรถไฟพระที่นั่งที่สถานีเมืองพล อำเภอพล ผ่านอำเภอบ้านไผ่ โดยเสวยพระกระยาหารกลางวันบนรถไฟ...เชิญอ่านต่อเลย ครับ
ตอนที่ ๓
เวลา ๑๔.๓๐ น. ขบวนรถไฟพระที่นั่งถึงสถานีขอนแก่น ทั้งสองพระองค์เสด็จลงจากรถไฟพระที่นั่งท่ามกลางเสียงไชโยถวายพระพร หลวงธุระนัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เสด็จขึ้นประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากสถานีรถไฟ ไปสักการะศาลหลักเมือง แล้วเสด็จฯ ไปประทับปะรำหน้าศาลากลางจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดกราบบังคมทูลถวายรายงาน มีใจความสำคัญบางตอน ดังนี้
"...นับตั้งแต่ปฐมอดีตกาลแรกตั้งเมืองขอนแก่นแต่ปีเถาะ จุลศักราช ๑๑๔๕ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลที่ ๑ ตลอดมาจนบัดนี้ ประชาชนชาวขอนแก่นได้รับความร่มเย็น เป็นสุขด้วยเดชะพระบารมีพระมหากษัตริย์ปกเกล้าฯเป็นลำดับมาได้ ๑๗๒ ปี ยังมิได้เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสด็จฯ มาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้ง หลายได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท..."
อีกตอนหนึ่งกราบบังคมทูลถวายรายงานว่า
"...เมื่อคืนวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ศกนี้ จังหวัดขอนแก่นได้ประสบอัคคีภัย เพลิงไหม้ตลาดกลางเมืองเป็นอันตรายขนาดหนัก...ได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรด เกล้าฯ พระราชทานทรัพย์มาช่วยบรรเทาทุกข์ประชาชนเป็นจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท....ในด้านการทำนาปีนี้ฝนก็สมบูรณ์ ยิ่งกว่านี้การคมนาคมและเศรษฐกิจก็ได้รับ การทะนุบำรุงให้ดียิ่งขึ้น..."
พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบขอบใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการรับเสด็จ ทรงพระราชทานพรให้ทุกคนมีความสุข ความ เจริญ จากนั้นเสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรที่เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด
เวลา ๑๖.๓๐ น. เสด็จขึ้นที่ประทับแรม ณ ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ประชาชนเปล่งคำถวายพระพรสลับกับเสียงไชโย ทั้งสองพระองค์จึงเสด็จพระราชดำเนินออกมารับหน้ามุขศาลากลาง ทรงโบกพระหันต์ ทรงบันทึกภาพนิ่งและภาพยนต์ไว้ ทำให้ราษฎรพากันดีใจที่มีภาพติดอยู่ในกล้องส่วนพระองค์
เวลา ๑๗.๐๐ น. เศษ เสด็จฯโดยขบวนรถยนต์พระที่นั่งออกไปเยี่ยมค่ายทหารกองพันทหารม้าที่ ๖ ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ โดยมี พ.ท.พิศ ยังน้อย ผู้บังคับกองพันทหารม้าถวายการต้อนรับ ได้เวลาพอสมควร จึงเสด็จฯกลับที่ประทับแรม ณ ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ เวลาเช้าตรู่ เสด็จออกจากที่ประทับแรมไปประทับเฮลิคอปเตอร์ที่สนามหน้าโรงเรียนสนามบิน เพื่อเสด็จขึ้นยอดภูกระดึง ท่ามกลางประชาชนที่เฝ้าส่งเสด็จอย่างหนาแน่น เครื่องบินพระที่นั่งออกจากขอนแก่น มุ่งผ่านภูเวียง ทรงบันทึกภาพเมืองขอนแก่น และบ้านภูเวียง
บนภูกระดึง เสด็จลงจากเครื่องบิน นายเทียม คมกฤช อธิบดีกรมป่าไม้ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ควาญช้างกราบบังคมทูลทวายรายงาน และเชิญเสด็จฯ ทั้งสองพระองค์ขึ้นทรงช้าง ประทับทอดพระเนตรภูมิประเทศอันสวยงาม...เสวยพระกระยาหารกลางวันบนภูกระดึง มีราษฎรเดินทางขึ้นไปชมพระบารมีจำนวนมาก ทรงไต่ถามทุกข์สุขของราษฎรที่และอนุสรณ์
เวลา ๑๔.๐๐ น. เสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งสู่สนามหญ้าโรงเรียนบ้านสีฐาน พันตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ยมนาค ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยรับเสด็จ ได้ทรง ไต่ถามทุกข์สุขของราษฎร โดยมีราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายของป่าแปลก ๆ มากมาย เช่น นกเขา ไก่ฟ้า กระจง และกล้วยไม้ เป็นต้น
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงถามถึงการเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จของชาวบ้าน ซึ่งทรงได้รับคำตอบว่า
"มาแต่หลังภูโน้น เดินมาแต่ ๒ - ๓ วันก่อน อยากเห็นให้เต็มตา วันนี้มารอแต่เช้า"
และบางคนตอบเป็นภาษาท้องถิ่นว่า
"ฮ่อนทอได๋กะอดได้ ขอให้เห็นเจ้าอยู่หัวคัก ๆ เถอะ"
หลังจากประทับพักร้อนชั่วครู่ ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งต่อไปยังจังหวัดเลย ผ่านอำเภอวังสะพุง มีข้าราชการ ประชาชน เฝ้ารับเสด็จอย่าง เนืองแน่นสองข้างทาง
เวลา ๑๙.๐๐ น. อากาศเริ่มมืดสลัว สองข้างทางเสด็จฯ มีประชาชนตั้งโต๊ะหมู่บูชาไว้ริมถนน ส่วนมากจุดธูปเทียนบูชา ทำให้ได้ภาพแสงเทียนแวววาวท่ามกลาง บรรยากาศมืดสลัว เป็นภาพงดงามมาก ประชาชนนั่งพนมมือเมื่อรถยนต์พระที่นั่งผ่านไป
เสด็จฯ ถึงศาลากลางจังหวัดเลยพลบค่ำ เสด็จฯประทับที่ปะรำหน้าศาลากลางจังหวัด มีประชาชนเปล่งคำถวายพระพร และคอยเฝ้าชมพระบารมีอยู่เป็นจำนวน มาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้ราษฎรกลับไปพักผ่อนก่อน และให้มาเข้าเฝ้าฯ ในวันรุ่งขึ้น เพราะทรงเป็นห่วงว่าราษฎรจะเหนื่อยและเป็นเวลาค่ำมาก แล้ว
หลังจากเสวยพระกระยาหารค่ำเสร็จแล้ว ได้เสด็จลงทอดพระเนตรการแสดงพื้นเมืองซึ่งทางจังหวัดเลยได้จัดถวาย ทรงสนพระราชหฤทัยการแสดงของชาวเขาแห่งอำเภอเชียงคานมาก
dd>...ติดตามอ่านฉบับหน้า ซึ่งทั้งสองพระองค์จะเสด็จฯไปทรงเยี่ยมพสกนิกรจังหวัดเลย จังหวัดอุดรธานี...
สรุปหัวข้อข่าวจากหนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์ไทยฉบับประจำวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๘
พาดหัวข่าว : ราษฎรร้องทุกข์ราชินี "สามีนอกใจ"
พาดหัวข่าวรอง : รถพระที่นั่งถูกตะปูยางแตก ในหลวงอวยพรชาวนาโชคดี ทรงพระสรวลชมละครตำนานชัยภูมิ
หนังสือพิมพ์สารเสรี ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๓๖๓ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๘
ข่าว : ที่ขอนแก่น ทรงสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เสด็จฯ ประทับพลับพลาที่ศาลากลางจังหวัด ทรงเสด็จออกรับของที่ราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายจำนวน มาก เช่นผ้าไหมจากชนบท และบ้านไผ่ เวลา ๑๗.๓๐ น. เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมค่ายทหารม้าที่ ๖ รักษาพระองค์ ตอนค่ำ ทางจังหวัดจัดการละเล่นให้ทอดพระเนตรหน้าศาลากลาง บนฟลอร์เคลื่อนที่
หนังสือพิมพ์ไทยฉบับประจำวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๘
พาดหัวข่าว : ในหลวง - ราชีนี ทรงนั่งบนหลังช้างทอดพระเนตรภูมิทัศน์บนภูกระดึง
หนังสือพิมพ์สยามนิกร ฉบับลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๘
พาดหัวข่าว : ราชีนีห่วงใยชาวอีสาน กรณีขาดแคลนน้ำบริโภค น้ำใช้ ประทานความเห็นกรมชลประทาน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 10/01/2007 12:49 pm Post subject: เสด็จสุรินทร์ |
|
|
การเสด็จเยือนสุรินทร์
ครั้งที่ ๑
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน โดยรถไฟพระที่นั่งจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังจังหวัดสุรินทร์ เมื่อขบวนรถไฟพระที่นั่งถึงสถานีสุรินทร์แล้ว พระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งจากสถานีรถไฟสุรินทร์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถไปทรงเยี่ยมราษฎร ณ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ บริเวณเกาะเสด็จประพาส ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ และประทับแรมที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ๑ คืน
ครั้งที่ ๒
วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๑๒ เสด็จพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรประจำจังหวัดสุรินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ไปยังจังหวัดสุรินทร์ เพื่อพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรไว้สำหรับชาวสุรินทร์ได้เคารพสักการะ ในการเสด็จฯ คราวนี้ ได้เปิดโอกาสให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระบารมี สมควรแก่เวลาจึงเสด็จฯกลับ
พระพุทธนวราชบพิตร จังหวัดสุรินทร์ ได้รับพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตร จากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เป็นลำดับที่ ๑๖ จากทั้งหมด ๒๑ องค์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน
ในการเสด็จสุรินทร์ครั้งที่ 2 นี้ การรถไฟได้ทำขบวนรถเปล่าไปสำรอง เผื่อเกิดเหตุติดขัดจนไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นลงได้ |
|
Back to top |
|
|
pitch
2nd Class Pass
Joined: 14/07/2006 Posts: 694
Location: วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเรื่อง เมืองแห่งดินสอพอง แผ่นดินทองสมด็จพระนารายณ
|
Posted: 12/01/2007 11:22 am Post subject: |
|
|
" รถไฟวิ่งได้เรียบและวิ่งได้ถึง ๙๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ไม่เหมือนคราวไปหัวหิน รถไฟแล่นโคลงเคลง
ขอขอบใจการรถไฟฯ และพนักงานทุกคน "
กระแสพระราชดำรัส
เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑
จากหนังสือ...มหาราชของการรถไฟ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42796
Location: NECTEC
|
Posted: 15/01/2007 5:01 pm Post subject: |
|
|
น่าสังเกตว่าแม้ รฟท. จะบันทึกเรื่องในหลวงเสด็จยะลา 2 กันยายน 2515 ก็จริงแต่มาตารางเสด็จ (ตีพิมพ์ ปี2516) พบว่าพระองค์ไม่ได้เสด็จทางรถไฟ ... เป็นแต่เสด็จทางรถยนต์เยี่ยมเยียนราษฎร รอบจังหวัดยะลาหนะครับ |
|
Back to top |
|
|
|