เล่าถึงเหล่าเพื่อนผองของตั๋วแข็ง

[ExtendeD]

ต่อมาเป็นตั๋วโดยสารไปกับ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 7009 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ ( ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 9 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ ในปัจจุบัน ) มาเป็นแพ็คคู่แบบนี้ก็เหมือนเดิมครับ ตั๋ว 2 ใบนี้เป็นตั๋วที่ผมใช้เดินทางไปเที่ยวกับ ส.แขวงอีกแล้ว . . .

จำได้ว่าตอนนั้นเราทั้งคู่ไม่ใช่นักเรียนมัธยมปลายแล้ว ต่างคนต่างก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างแตกต่างจากชีวิตในโรงเรียนมากพอสมควร พอถึงช่วงปิดเทอมใหญ่ที่เฝ้ารอคอย ผมก็เลยงัดเอาโปรแกรมท่องเที่ยวแบบแปลก ๆ ที่คิดวางแผนเอาไว้ตอนนั่งฟัง Lecture อยู่ในห้องเรียน มาลองถามความเห็น ( ขออนุมัติ ) จาก ส.แขวงดูเล่น ๆ โดยพูดหยอด ๆ เอาไว้ว่าได้ยินพ่อตาผมเล่าว่าที่บ้านนอกทำนา เลี้ยงควาย ก็เลยอยากใส่เสื้อม่อฮ่อมเป็นไอ้หนุ่มบ้านนอก เดินเล่นตามคันนา และที่สำคัญที่สุดคือ " อยากไปขี่ควาย " พูดจาหว่านล้อมสารพัด ทำสายตาออดอ้อนอยู่พักใหญ่ ในที่สุดคำร้องขอของผมก็ได้รับอนุมัติ วันรุ่งขึ้นพ่อตาผมไปทำเรื่องขอใบเบิกทางมาให้ แล้วผมก็รีบไปซื้อตั๋วเดินทางไป - กลับที่หัวลำโพง ในที่สุดผมก็ได้ไปเที่ยวที่บ้านในอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงปิดเทอมใหญ่ปีนั้นจนได้ครับ . . .

เข้าเรื่องรถไฟกันต่อ . . . ถ้าพี่ ๆ น้อง ๆ ยังพอจำกำหนดเวลาเดินรถของขบวนที่ 9 ในปัจจุบันได้ ก็จะเห็นว่าขบวนที่ 7009 ในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 นั้นใช้เวลาเดินทางสู่ สถานีพิษณุโลก นานกว่าขบวนที่ 9 ในปัจจุบันครับ
- พ.ค. 2542 ออกจาก สถานีกรุงเทพ 08:25 น. ถึง สถานีพิษณุโลก 13:37 น. ( 5 ชั่วโมง 12 นาที = 312 นาที )
- พ.ค. 2553 ออกจาก สถานีกรุงเทพ 08:30 น. ถึง สถานีพิษณุโลก 13:09 น. ( 4 ชั่วโมง 39 นาที = 279 นาที )
สรุปแล้วขบวนที่ 9 ในปัจจุบันใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าขบวนที่ 7009 ในปี พ.ศ. 2542 อยู่ 33 นาทีครับ

ส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารเนื่องจาก ส.แขวงผมใช้สิทธิ์ครอบครัว ครฟ. และมีใบเบิกทาง จึงไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารรถชั้นที่ 2 แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มจำนวน ส่วนผมเองได้สิทธิ์เป็นผู้ติดตาม ค่าโดยสารรถชั้นที่ 3 ฟรี แต่จ่ายค่าธรรมเนียมเต็มจำนวน ในกรณีนี้ผมจ่ายค่าโดยสารที่เป็นส่วนต่างระหว่างค่าโดยสารรถชั้นที่ 2 กับรถชั้นที่ 3 + ค่าธรรมเนียมเต็มจำนวนครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ตั๋ว 2 ใบต่อไปนี้เป็นตั๋วรุ่นเก่า ( แบบที่แสดงค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมแยกออกจากกันให้ผู้โดยสารเห็น ) 2 ใบสุดท้ายที่ผม Scan มาให้พี่ ๆ น้อง ๆ ได้ดูครับ เป็นตั๋วที่ใช้เดินทางกลับจากพิษณุโลกในทริปนั้นครับ ที่เห็นว่าสถานีที่ออกตั๋ว 2 ใบนี้เป็น " พล. " หรือ สถานีพิษณุโลก นั้น เป็นเพราะว่าตั๋วที่ผมซื้อเอาไว้พร้อมกับตั๋วของขบวนที่ 7009 เมื่อสักครู่นั้น เป็นที่นั่งหันหลังไปทางหัวขบวน ( รถ Sprinter ในยุคแรก ๆ ไม่สามารถหมุนเก้าอี้ได้ ) ผมก็เลยไปขอให้คุณพี่เจ้าหน้าที่ที่ช่องจำหน่ายตั๋วให้ช่วยจัดการเปลี่ยนให้ ค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมของขบวนที่ 7006 นี้ก็เท่ากับของขบวนที่ 7009 ครับ



สำหรับขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่มีอาหารบริการบนรถนี้ ผมจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่การรถไฟได้ลดค่าธรรมเนียมในส่วนของอาหารลง แล้วให้ผู้โดยสารได้เลือกซื้ออาหารกล่องแช่แข็งเพิ่มเองตามความต้องการ ถ้าผมจำราคาไม่ผิดก็คงประมาณ 50 - 60 บาท แต่ผมจำช่วงเวลาที่แน่นอนไม่ได้ครับ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

เข้าสู่ปี พ.ศ. 2543 ตอนนี้ตั๋วโดยสารที่ผู้โดยสารได้รับมีหน้าตาคล้ายกับตั๋วโดยสารในปัจจุบันมาก ๆ ต่างกันเพียงแค่รูปแบบ + ขนาดของ Font และคำเตือน " โปรดตตรวจสอบรายการในตั๋วให้ถูกต้อง หากผิดพลาดให้แจ้งผู้ออกตั๋วทันที " ที่อยู่ทางด้านขวาล่างของตั๋วในปัจจุบันเท่านั้น

ตั๋วที่นั่ง / นอน เตียงล่างใน บนท.ป. คันท้ายสุด ( ที่พ่วงต่อท้ายขบวนที่ สถานีนครลำปาง ) ของ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 14 ต้นทางสถานีเชียงใหม่ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ใบนี้เป็นตั๋วที่ผมใช้เดินทางกลับกรุงเทพหลังจัดการกับธุระสำคัญที่พิษณุโลกเสร็จแล้ว แต่ปะป๊ากับหม่าม้ายังไม่ยอมกลับ ผมก็เลยเดินทางกลับมาก่อน

มาเปรียบเทียบเวลาที่ขบวนที่ 14 ในช่วงปี พ.ศ. 2543 กับขบวนที่ 14 ในปัจจุบันใช้เดินทางจาก สถานีพิษณุโลก กลับกรุงเทพกันสักหน่อยครับ
- พ.ค. 2543 ออกจาก สถานีพิษณุโลก 23:29 น. ถึง สถานีกรุงเทพ 06:25 น. ( 6 ชั่วโมง 56 นาที = 416 นาที )
- พ.ค. 2553 ออกจาก สถานีพิษณุโลก 00:05 น. ถึง สถานีกรุงเทพ 06:40 น. ( 6 ชั่วโมง 35 นาที = 395 นาที )
สรุปแล้วขบวนที่ 14 ในปัจจุบันใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าขบวนที่ 14 ในปี พ.ศ. 2543 อยู่ 21 นาทีครับ

ส่วนเรื่องค่าโดยสาร ในปี พ.ศ. 2543 ยังคงใช้อัตราค่าธรรมเนียมแบบเก่า ค่าโดยสาร + ค่าธรรมเนียมเดินทางกับรถบนท.ป. เตียงล่างของขบวนที่ 14 เพียงแค่ 559 บาทเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมใหม่ ค่าโดยสาร + ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 699 บาท ( เพิ่มขึ้น 140 บาท ) ครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ต่อไปก็เป็นตั๋วที่ผมใช้เดินทางไปเที่ยวกับ ส.แขวงอีกแล้ว . . .

คราวนี้ไม่ได้ขึ้นเหนือไปเที่ยวเชียงใหม่ หรือไปขี่ควายกลางทุ่งนาที่พิษณุโลกแล้ว แต่ ส.แขวงชวนผมนั่งรถไฟไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ครับ ในตอนนั้นผมเองไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟสายอื่นนอกจาก กรุงเทพ - พิษณุโลก - เชียงใหม่ มากนัก ทางรถไฟที่เลี้ยวแยกออกไปที่ยมราชจะไปถึงไหน หรือทางรถไฟที่แยกจากทางสายเหนือที่ สถานีชุมทางบ้านภาชี จะพาไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ผมนี่ไม่รู้เรื่องเลย ไม่ต้องพูดถึงเส้นทางสายใต้นะครับ ในตอนนั้นทำได้แค่มอง ไม่มีทางได้ไป . . . ทางรถไฟลอยน้ำที่เหนือพื้นที่กักเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็เลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผมมาก ไม่รู้ ส.แขวงไปรู้ข่าวรถนำเที่ยวขบวนนี้ได้ยังไง งงเหมือนกัน และดูเหมือนจะอยากไปมาก ตอนที่ผมไปซื้อตั๋ว ก็ยังยอมออกจากบ้านที่มักกะสันขอตามไปหัวลำโพงด้วย . . .

ก่อนหน้าที่จะเดินทาง ผมเห็นว่าขบวนที่ 921 ในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2543 นั้น ใช้รถดีเซลรางปรับอากาศ Daewoo ทำขบวน ผมก็เลยตื่นเต้นชักอยากจะไปเหมือน ส.แขวง มากขึ้นทุกที แต่พอถึงวันเดินทางจริง ๆ กลับได้รถ Sprinter มาแทน เฮ้อ . . . ไกด์บนรถวันนั้น พี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนคงรู้จักดี ผมคงไม่ขอเอ่ยชื่อ แต่พี่เขา Entertain ผู้โดยสารได้ดีมาก ๆ . . .

และคงเป็นเพราะเปิดเดินรถในช่วงเดือนพฤษภาคม การนั่งรถไฟไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในคราวนั้น ก็เลยไม่ได้มีโอกาสไปเดินผ่ากลางทุ่งทานตะวันเหมือนกับที่ผู้โดยสารของขบวนที่ 921 ในปัจจุบันได้ไปสัมผัสครับ เท่าที่ผมจำได้คือ รถจะไปจอดอยู่บนทางรถไฟลอยน้ำ แล้วก็ถอยกลับมาส่งผู้โดยสารที่ ที่หยุดรถเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แล้วก็จะกลับไปจอดพักอยู่ที่ สถานีแก่งเสือเต้น พอถึงช่วงบ่ายก็ไปรับผู้โดยสารกลับกรุงเทพ เท่านี้เองครับ ไม่ได้ไปไกลถึง สถานีโคกสลุง เหมือนในปัจจุบันด้วย นั่นเป็นเพราะไม่ได้ใช้รถจักรทำขบวนนั่นเอง

ส่วนตั๋วที่ได้รับมาในคราวนั้นมีแค่ตั๋วของขบวนที่ 921 ที่เห็นอยู่นี้เท่านั้นครับ ไม่มีตั๋วเที่ยวกลับกับขบวนที่ 92x แต่อย่างใด . . . ครฟ. รวมถึงครอบครัว ครฟ. จะไม่ได้รับสิทธิ์ลดค่าโดยสารกับขบวนรถเที่ยวนี้ ( รวมถึงรถนำเที่ยวขบวนอื่น ๆ ด้วย ) ครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ตั๋วใบต่อไป เป็นตั๋วที่หม่าม้าใช้เดินทางจาก สถานีพิษณุโลก ( อีกแล้ว ) มายัง สถานีกรุงเทพ ครับ ที่เลือกตั๋วใบนี้มาแปะให้พี่ ๆ น้อง ๆ ได้ชมกัน ก็แค่อยากให้เห็นว่าในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2543 นั้น ขบวนที่ 4 ที่ระบุอยู่ในตั๋วนั้น ยังคงเป็นขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่วิ่งรับ - ส่งผู้โดยสารระหว่าง สถานีพิษณุโลก - สถานีกรุงเทพ อยู่เช่นเดิม นอกจากนั้นเวลาที่ปรากฏอยู่ในตั๋ว ก็ยังเป็นเวลาในช่วงกลางวัน ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาเดินรถของ ขบวนรถเร็วที่ 106 ต้นทางสถานีศิลาอาสน์ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ในปัจจุบัน ก่อนจะถูกเปลี่ยนให้ ( แย่ลง ) มาวิ่งในช่วงกลางคืน และถึงกรุงเทพก่อนไก่จะโห่ . . .

สำหรับเรื่องค่าโดยสารจาก สถานีพิษณุโลก - สถานีกรุงเทพ กับขบวนที่ 4 ในปี พ.ศ. 2543 นั้น ผู้โดยสารต้องจ่ายเพียงแค่ 339 บาทเท่านั้น แต่ในปัจจุบันต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีก 110 บาท กลายเป็น 449 บาท ตามอัตราค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นครับ

ส่วนขบวนที่ 106 ในช่วงพ.ศ. 2543 นั้นจะถือกำเนิดเกิดขึ้นมาแล้วหรือยังนั้น คงต้องรอให้อาจารย์อัคคีเทพว่างเว้นจากการเกาะปีกนกเหล็กยักษ์พาไปเที่ยวต่างแดนกลับมาเล่าเรื่องราวในอดีตต่อล่ะครับ ผมไม่ทราบจริง ๆ . . .


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ตั๋วใบต่อไปยังคงเป็นตั๋วที่ใช้เดินทางจาก สถานีพิษณุโลก กลับเข้าสู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมรอีกตามเคย ( อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ ) ที่เลือกตั๋วใบนี้มาให้ชม ก็เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าในช่วงปี พ.ศ. 2543 ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่วิ่งรับ - ส่งผู้โดยสารจาก สถานีกรุงเทพ - สถานีพิษณุโลก นั้น ยังคงอยู่ครบ 6 ขบวน / วัน ถูกใจหม่าม๊าเป็นยิ่งนัก เรียกว่านึกอยากจะกลับบ้านที่พิษณุโลกเมื่อไหร่ก็ไปได้ประมาณนั้นเลยทีเดียว

ตั๋วใบข้างล่างนี้ใช้เดินทางกับ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 6 ต้นทางสถานีพิษณุโลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ซึ่งเป็นรถ Sprinter เข้ากรุงเทพเป็นเที่ยวที่ 2 ของวัน นอกจากนี้ก็ยังคงมี ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 8 ต้นทางสถานีพิษณุโลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ซึ่งจะรับผู้โดยสารเข้ากรุงเทพในช่วงดึกอีกขบวนหนึ่งครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ตั๋วใบต่อไปไม่ได้ระบุสถานีต้นทาง - ปลายทางเป็น สถานีพิษณุโลก แล้วครับ คราวนี้ขอนำเสนอตั๋วที่หาไม่ได้อีกแล้ว ความพิเศษของตั๋วใบนี้อยู่ที่ระบุสถานีต้นทางเป็น สถานีบางกอกน้อย . . .

การเดินทางด้วยรถไฟในวันนั้น ผมก็ไปกับ ส.แขวง อีกเช่นเคย วันนั้นพ่อตา + แม่ยายของผมจะพาลูกหลานไปเยี่ยมญาติที่บ้านโป่งครับ แต่เป็นเพราะผมเคยสัมผัสความคึกคักบน ขบวนรถธรรมดาที่ 261 ต้นทางสถานีฉะเชิงเทรา - ปลายทางสถานีหัวหิน มาก่อนแล้ว ก็เลยเข็ดขยาด พยายามหาทางเลี่ยง โดยยอมเสี่ยงตาย ปลุก ส.แขวงให้ลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้า แล้วนั่งรถเมล์มาขึ้น ขบวนรถธรรมดาที่ 255 ต้นทางสถานีบางกอกน้อย - ปลายทางสถานีหลังสวน แทน จะได้ไม่ต้องไปแย่งที่นั่งกับใคร เพราะเรามาขึ้นที่ต้นทางเลย . . .

ลองมาเปรียบเทียบเวลาที่ขบวนที่ 255 ในอดีต กับขบวนที่ 255 ในปัจจุบันใช้เดินทางสู่ สถานีบ้านโป่ง กันสักหน่อยครับ

- เม.ย. 2544 ออกจาก สถานีบางกอกน้อย 07:22 น. ถึง สถานีบ้านโป่ง 09:19 น. ( 1 ชั่วโมง 57 นาที = 117 นาที )
- พ.ค. 2553 ออกจาก สถานีธนบุรี 07:25 น. ถึง สถานีบ้านโป่ง 09:10 น. ( 1 ชั่วโมง 45 นาที = 105 นาที )
เพื่อให้ง่ายแก่การคิดคำนวณ ถือซะว่าขบวนที่ 255 ในอดีต ออกจาก สถานีบางกอกน้อย มาจนถึงสถานที่ตั้ง สถานีธนบุรี ในปัจจุบัน ใช้เวลา 3 นาที ก็จะสรุปได้ว่าขบวนที่ 255 ในปัจจุบันใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าขบวนที่ 255 ในปี พ.ศ. 2544 อยู่ 9 นาทีครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

กลับมาดูตั๋วไปพิษณุโลกอีกทีครับ . . .

ตั๋วใบต่อไปใช้เดินทางกับ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 7 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีพิษณุโลก ซึ่งเป็นรถเที่ยวที่ 3 ( เที่ยวสุดท้าย ) ของวันครับ ที่แตกต่างไปจากตั๋วใบก่อน ๆ ที่แปะให้ดูก็คือ ราคาค่าโดยสาร สำหรับค่าโดยสารไปกับขบวนที่ 3 / 4 / 5 / 6 นั้น ผู้โดยสารต้องจ่าย 339 บาท แต่ถ้าเดินทางกับขบวนที่ 7 และ 8 นั้นค่าโดยสารจะอยู่ที่ 289 บาท ( ถูกกว่า 50 บาท ) ทั้งนี้เป็นเพราะรถเที่ยวสุดท้ายนี้ไม่มีอาหารเสิร์ฟนั่นเองครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ตั๋วใบต่อไปก็ยังเหมือนเดิมครับ เป็นตั๋วที่ใช้เดินทางไปที่ สถานีพิษณุโลก กับ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 5 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีพิษณุโลก ที่เลือก Scan ตั๋วใบนี้มาให้ชม ก็เพราะว่าตั๋วใบนี้ไม่ได้ซื้อที่สถานีรถไฟครับ ชื่อ " หาดสยาม " ที่ปรากฏอยู่ในตั๋วใบนี้เป็นตัวแทนจำหน่าย ที่หม่าม้าไปซื้อมาครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[alderwood]

เห็นตั๋วของพี่เต้ยแล้ว คิดถึงตั๋วของตัวเองที่รุ่นราวคราวเดียวไม่ห่างกันมาก (เสียดายไม่มีเครื่อง Scan) โดยเฉพาะตั๋วขบวน 78 นี่ สมัยนั้นเป็นขบวนที่ชอบมาก เวลาค่อนข้างดี ถึงแม้จะดึกไปหน่อยก็ตาม ขบวนนี้ออกจากโคราช 1:07 ถึงกรุงเทพ 5:40 มักจะไม่ช้า หรือถ้าช้าอย่างมากก็ไม่เกิน 20 นาที ผิดกับสมัยนี้จริงๆ
_________________
รักรถไฟมั่นใจโคปเตอร์ || Railway Racing Team || Korat Spotter