RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311322
ทั่วไป:13283936
ทั้งหมด:13595258
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - บันทึกชีวิตนอกราง : ปายแอ่วเจียงใหม่กันก่เจ้า '2010
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

บันทึกชีวิตนอกราง : ปายแอ่วเจียงใหม่กันก่เจ้า '2010
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 34, 35, 36 ... 66, 67, 68  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ
View previous topic :: View next topic  
Author Message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 12:05 pm    Post subject: Reply with quote

ต่อจากนั้นก็มาที่ลานแสดงของช้างครับ เพิ่งจะตื่นเต้นแบบสุดขีดกับจระเข้ไปไม่นาน พอมาดูช้าง ก็เลยรู้สึกเฉย ๆ ซะอย่างนั้น แถมได้มุมที่นั่งไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ด้วย . . . emot149

Click on the image for full size


ส่งท้ายที่ ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ แถว ๆ กรงเสือครับ กำลังหม่ำกระดูกไก่อยู่เลย . . . emot166

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 12:34 pm    Post subject: Reply with quote

วัดจันทารามวรวิหาร ( วัดท่าซุง )

ทริปต่อไปขอหันหน้าเข้าหาแสงธรรมสักหน่อยครับ ที่นี่คือ พระมหาวิหารแก้ว 100 เมตร อยู่ใน วัดท่าซุง จังหวัดนครนายก มหาวิหารแห่งนี้เปิดให้เข้าชม 2 ช่วงเวลาคือ 09:00 น. - 11:45 น. และ 14:00 น. - 16:00 น. ภายในเป็นที่เก็บพระศพของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ร่างของท่านไม่เน่าเปื่อยครับ

Click on the image for full size


องค์พระประธานภายในมหาวิหาร เท่าที่ลองใช้ Google ค้นหาข้อมูลดู ก็รู้เพียงแค่ว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นให้คล้ายกับองค์พระพุทธชินราช แต่ไม่มี Website ไหนระบุชื่อของพระประธานองค์นี้เอาไว้เลยครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 12:59 pm    Post subject: Reply with quote

ต่อไปก็เดินมาที่ พระราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทย ที่อยู่ข้างหน้า พระมหาวิหารแก้ว 100 เมตร ครับ

สำหรับพระราชานุสาวรีย์ที่อยู่ภายในวัีดท่าซุงนี้ จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวาระทรงมีพระชนม์มายุครบ 60 พรรษาครับ

ที่บริเวณนี้มีพระบรมราชานุสาวรีย์ของ
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
- พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 2:19 pm    Post subject: Reply with quote

ค่ายพระรามหก ชายหาดหัวหิน

จากจังหวัดนครนายก . . . ผมขับรถพาเจ้าตี๋ตรงดิ่งลงสู่เขตจังหวัดเพชรบุรี เพื่อสมทบกับกลุ่มของพี่อ้่น ที่กำลังเดินทางมาจากทางแหลมฉบังเช่นกัน จุดนัดพบของพวกเราอยู่ที่ ค่ายพระรามหก ในเขตอำเภอชะอำครับ

ภายในค่ายพระรามหกนั้น เป็นที่ตั้งของ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่เมื่อปี พ.ศ. 2550 ผมกับเจ้าตี๋เคยมาเที่ยวที่นี่ และถ่ายรูปมาฝากพี่ ๆ น้อง ๆ แล้วในกระทู้ ตะลอน ๔ บุรี ตามเก็บสายแม่กลอง ไปเมืองโอ่ง แวะเที่ยวเพชรบุรี เพราะฉะนั้นผมก็จะข้ามรูปของพระราชนิเวศน์ไป แต่จะแปะรูปของพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่อยู่ภายในค่ายให้ดูแทนครับ



Kingvajiravudh.org wrote:
ประวัติการก่อสร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
การก่อสร้างพระราชนิเวศน์แห่งนี้ มีมูลเหตุมาจากพระบาทสเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร และพระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี ( สุ่น สุนทรเวช ) กราบบังคมทูลให้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ สถานที่ที่มีอากาศอบอุ่น ณ ชายทะเล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงทหารเรือสำรวจหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อสร้างพระตำหนัก ในครั้งนั้นได้ที่ดินชายทะเลตำบลตำบลบางทะลุ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งต่อมาทรงเปลี่ยนชื่อตำบลจาก " บางทะลุ " เป็น " หาดเจ้าสำราญ " แต่เนื่องจากเส้นทางคมนาคมไม่สะดวก ประกอบกับแหล่งน้ำจืดหายากไม่เพียงพอ ต้องขนส่งมาจากจังหวัดเพชรบุรีไปยังพระตำหนักและมีแมลงวันชุกชุมมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงทหารเรือหาสถานที่แห่งใหม่ ครั้งนี้ได้ที่ดินริมทะเลบริเวณบ้านห้วยทรายเหนือ ตำบลห้วยทราย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จึงโปรดให้รื้อพระที่นั่งต่าง ๆ รวมทั้งอาคารที่พักของบรรดาข้าราชบริพารจากค่ายหลวงหาดเจ้าสำราญไปปลูกสร้างขึ้นใหม่โดยทรงมอบหมายให้นายอี มันเฟรดดี สถาปนิกชาวอิตาเลียน เป็นผู้ออกแบบพระราชนิเวศน์ตามที่พระองค์ทรงวางผังรูปแบบ และมีพระราชกระแสให้เจ้าพระยายมราช ( ปั้น สุขุม ) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้อำนวยการก่อสร้างโดยใช้ช่างชาวจีน วัสดุที่เป็นไม้บางส่วนรวมทั้งกระเบื้องมุงหลังคาสั่งมาจากกรุงเทพฯ โดยตัวไม้ทำเป็นชิ้น ๆ แล้วมาประกอบ ณ สถานที่ก่อสร้าง สุขภัณฑ์บางชิ้นสั่งมาจากต่างประเทศ การก่อสร้างเริ่มเมื่อ พ.ศ. 2466 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2467 พระราชทานพระราชฐานแห่งนี้ว่า " พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน "


Kingvajiravudh.org wrote:
พระราชนิเวศน์มฤคทายวันในปัจจุบัน

หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระราชนิเวศน์แห่งนี้ก็ถูกทอดทิ้ง ขาดการบำรุงรักษา ประกอบกับสถานที่ตั้งอยู่ติดริมทะเล ไอความเค็มของน้ำทะเลทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีต่อวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างตัวอาคาร ทำให้วัสดุเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ พระราชนิเวศน์แห่งนี้จึงมีสภาพทรุดโทรมมากถึงจะมีการบำรุงอยู่บ้างก็ไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะรักษาให้คงสภาพสวยงามดีได้เหมือนเดิม ทั้งนี้เกี่ยวกับการที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำคอยดูและซ่อมแซม

ด้วยเหตุนี้ทางราชการจึงได้เข้ามาอาศัยใช้ประโยชน์เป็นครั้งคราว พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองบัญชาการตรำวจตระเวนชายแดน กรมตำรวจ ( ปัจจุบันคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ) ใช้สถานที่บริเวณพระราชนิเวศน์เป็นที่ตั้งของกองกำกับการ 1 กองบังคับการฝึกพิเศษ อันเป็นศูนย์ฝึกตำรวจตระเวนชายแดนระดับผู้บังคับหมวดและผู้บังคับกองร้อยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหลักสูตรอื่นตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย นอกจากนั้นยังเป็นที่ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านส่งคนของเขามาฝึกหัดเป็นครั้งคราวอีกด้วย และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมตำรวจจึงขอพระบรมราชานุญาตเรียกชื่อหน่วยราชการแห่งนี้ว่า ค่ายพระรามหก

พระราชนิเวศน์มฤคทายวันได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2526 โดยกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนร่วมกับกรมศิลปากร จัดทำโครงการบูรณะและดำเนินการหาทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การบูรณะแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2537 พระราชนิเวศน์แห่งนี้จึงเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมที่งดงาม ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เป็นราชานุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย รวมทั้งเป็นสถานที่ศึกษาระบบการวางแผนผังและโครงสร้างอาคารซึ่งแสดงให้เห็นความสามารถของช่างผู้ออกแบบในการผสานรูปแบบกับประโยชน์ใช้สอยได้อย่างสมบูรณ์

ปัจจุบันกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณหน้าประตูทางเข้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสด็จทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์


Click on the image for full size


ชายทะเลที่อยู่ข้างหน้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวันครับ กว้าง โล่ง สุดตาจริง ๆ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 2:29 pm    Post subject: Reply with quote

เช้าวันใหม่ ผมก็มานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนทุก ๆ ครั้งที่ได้มาพักค้างคืนริมชายทะเลแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นชายทะเลที่หัวหิน หรือชายทะเลแถว ๆ ศรีราชา บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้โดนใจผมที่สุด

Click on the image for full size


รูปสุดท้ายก่อนจะเดินกลับไปหาอะไรในตู้เย็นกิน และขับรถกลับกรุงเทพในช่วงสาย ๆ ครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 3:22 pm    Post subject: Reply with quote

วัดพนัญเชิงวรวิหาร - วัดมหาธาตุ - วัดภูเขาทอง พระนครศรีอยุธยา

ทุก ๆ ครั้งที่ผมมีโอกาสได้แวะมาที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ก็มักจะเข้าไปกราบแต่องค์หลวงพ่อโตเสมอ ๆ แต่คราวนี้ผมมีเวลาทั้งวัน ไม่ได้รีบร้อนอะไร ก็ขอเดินดูให้รอบ ๆ วัดสักหน่อย ได้ยินมาว่าภายในวัดแห่งนี้มีเทพเจ้าให้ได้กราบไหว้อยู่หลายองค์ แต่ก็รู้อยู่แค่นั้นล่ะครับ ไม่ได้ทำการบ้านไปก่อน พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ก็ได้เห็นศาลของเทพเจ้าหลายองค์ พอกลับมาถึงบ้านไปค้น ๆ ใน Google ดู ก็เลยรู้ว่าเดินผ่านไปแบบไม่ทันได้สังเกตเห็นหลายองค์เหมือนกัน

ข้อมูลที่หาได้จาก Google บอกว่าภายใน วัดพนัญเชิงวรวิหาร มีเทพเจ้าอยู่ทั้งหมด 11 องค์ คือ
- ทีตี่แป่บ้อ ( เทพยดาฟ้าดิน )
- เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ( องค์ปฐมเหตุแห่งการสร้างหลวงพ่อโต )
- เทพเจ้ากวนอู ( เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ )
- เทพเจ้าอุ่ยท้อ ( เทพเจ้าผู้รักษาพระพุทธศาสนา )
- พระสังกัจจายน์ ( เทพเจ้าแห่งความสมบูรณ์พูลสุข )
- เจ้าแม่กวนอิม ( เทพเจ้าแห่งความเมตตา )
- หลวงปู่ไต่ฮงกงโจวซือ ( เทพเจ้าผู้อนุเคราะห์สัตว์โลก )
- เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี้ย ( เทพเจ้าแห่งโชคลาภ )
- เทวดานพเคราะห์
- ท้าวมหาพรหม
- พระราหู ( เทพเจ้าแห่งทรัพย์ )

แต่ผมถ่ายรูปเอาไว้แค่องค์เดียว นั่นคือ เจ้าแม่กวนอิม ครับ

Click on the image for full size


จำได้ลาง ๆ ว่าหม่าม้าเคยบอกว่านี่คือเทพผู้ดูแลและคุ้มครองศาลเจ้า . . . emot149

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size


Last edited by ExtendeD on 19/07/2010 3:51 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 3:45 pm    Post subject: Reply with quote

จาก วัดพนัญเชิงวรวิหาร ผมก็ไปเดินเล่นต่อที่ วัดมหาธาตุ ที่อยู่ภายในเขต อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ครับ

สภาพอากาศในวันนั้นไม่เหมาะแก่การถ่ายรูปหรอกครับ ท้องฟ้าก็ไม่สวย ขมุกขมัวไร้แดด แต่ผมไม่ได้มาเพื่อถ่ายรูปก็เลยไม่รู้สึกเสียดาย หรือเสียเที่ยวอะไรสักเท่าไหร่

Click on the image for full size


ผมมาเพื่อดูสิ่งนี้ครับ เศียรพระพุทธรูปหินทรายในรากโพธิ์ กว่าจะหาเจอ เดินวนอยู่ตั้งนาน . . . emot138

ข้อมูลตามป้าย wrote:
เศียรพระพุทธรูปหินทราย
THE HEAD OF THE SANDSTONE BUDDHA IMAGE


เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแต่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป เป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหารราย

All that remains of this sandstone buddha image is part of its head, while the body has disappeared. The head is in the style of the Ayutthaya period. It lies beneath a bodhi tree beside the minor wihans.


Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 4:11 pm    Post subject: Reply with quote

แล้วก็มาถึงจุดหมายสุดท้ายของวัน . . . วัดภูเขาทอง ที่อยู่ในเขตตำบลภูเขาทอง ตอนที่เดินทางมาที่นี่จะเห็นเจดีย์สีขาวตั้งตระหง่านโดดเด่นแต่ไกลเลยครับ

ข้อมูลตามป้าย wrote:
เจดีย์ประธาน

พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาระบุว่า พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เมื่อครั้งมีชัยชนะเหนือกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2112 ลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 ตั้งอยู่บนฐานแบบมอญพม่า จากการศึกษาทางโบราณคดีพบว่า องค์เจดีย์มีร่องรอยการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง จนทำให้รูปแบบขององค์เจดีย์เปลี่ยนไปจากครั้งแรกสร้าง

The principal pagoda

The huge 12 rabbeted angles pagoda on the high foundation in Burmese - Mon style.

According to the Ayutthaya chronicle, this pagoda was built by King Hongsawadee Burengnong of Burma as the remembrance of his defeating the Ayutthaya army in A.D.1569.

This pagoda was restored many times by Thai kings and changed the pagoda style as the present.


Click on the image for full size


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย wrote:
วัดภูเขาทอง
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากพระราชวังหลวงไปประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถใช้เส้นทางเดียวกับทางไปจังหวัดอ่างทอง ทางหลวงหมายเลข 309 กิโลเมตรที่ 26 จะมีป้ายบอกทางแยกซ้ายไปวัดนี้

ทั้งนี้ หนังสือคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวเกี่ยวกับวัดภูเขาทองไว้ว่า ได้สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 และพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเป็นผู้สร้างภูเขาทองขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2112 คราวยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในเวลาที่ประทับอยู่พระนครศรีอยุธยาได้สร้างพระเจดีย์ภูเขาทองใหญ่แบบมอญ ขึ้นไว้เป็นที่ระลึกเมื่อคราวรบชนะไทย โดยรูปแบบของฐานเจดีย์มีลักษณะคล้ายกับแบบมอญพม่า สันนิษฐานว่าสร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่อชัยชนะแต่ทำได้เพียงรากฐาน แล้วยกทัพกลับ

ครั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาเมื่อ พ.ศ. 2127 จึงโปรดเกล้าให้สร้างเจดีย์แบบไทยไว้เหนือฐานแบบมอญและพม่าที่สร้างเพียงราก ฐานไว้ ณ สมรภูมิทุ่งมะขามหย่อง ฝีมือช่างมอญเดิมจึงปรากฏเหลือเพียงฐานทักษิณส่วนล่างเท่านั้น เจดีย์ภูเขาทองจึงมีลักษณะสถาปัตยกรรมสองแบบผสมกัน ปัจจุบันกรมศิลปากรได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงม้า บริเวณด้านหน้าวัดภูเขาทอง


Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 4:29 pm    Post subject: Reply with quote

ข้างหน้าเจดีย์ประธานเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ดาบที่วางอยู่ทางด้านขวาของรูปนั้น น่าจะเป็น " พระแสงดาบคาบค่าย " ครับ

Ayutthayastudy.org wrote:
พระแสงดาบคาบค่าย

ปี พ.ศ. 2129 สมเด็จพระนเรศวรทรงสร้างวีรกรรมอย่างชายชาติทหารที่มีความกล้าหาญเหนือฝ่ายพม่าหลายครั้ง เนื่องด้วยทางพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงยังไม่เข็ดหลาบในความพ่ายแพ้ จึงประชุมกองทัพจำนวนสองแสนห้าหมื่นคนยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในช่วงต้นเดือนยี่ ข้าวในนายังเกี่ยวไม่เสร็จ สมเด็จพระนเรศวรจึงรับสั่งให้เจ้าพระยากำแพงเพชร ยกทัพออกไปป้องกันชาวนาที่กำลังเกี่ยวข้าว พอทัพพม่าของพระมหาอุปราชยกทัพมาถึงก็ให้ทัพม้าเข้าตีจนทัพเจ้าพระยากำแพงเพชรแตกพ่ายหนีเข้าเมือง สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธอย่างมาก เพราะไทยไม่เคยแตกพ่ายแพ้ต่อข้าศึก อาจทำให้ทหารขวัญเสีย พระองค์และสมเด็จเอกาทศรถทรงเสด็จลงเรือพระที่นั่งออกไปรบทันที ( สมเด็จพระเอกาทศรถทรงถูกกระสุนปืนแต่ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ฉลองพระองค์ขาดเท่านั้น ) ผลปรากฏว่าทรงยึดค่ายคืนมาได้ สมเด็จพระนเรศวรทรงรับสั่งประหารชีวิตเจ้าพระยากำแพงเพชร แต่โชคดีที่พระบิดาสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงขอชีวิตเอาไว้

การศึกครั้งนี้พม่าหมายหมั้นจะตีกรุงศรีอยุธยาให้ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทหารไทยจึงรักษาที่มั่นเอาไว้ได้เสมอ วีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรในการศึกมีดังนี้ ทรงเสด็จออกปล้นค่ายพม่าซึ่งเป็นทัพหน้าของหงสาวดี ข้าศึกแตกพ่ายถอยหนี พระองค์จึงไล่ตีมาจนถึงค่ายหลวงของพระเจ้าหงสาวดี ทรงเสด็จลงจากม้าคาบพระแสงดาบแล้วนำทหารปีนบันไดขึ้นกำแพงข้าศึก แต่ถูกพม่าใช้หอกแทงตกลงมาข้างล่างหลายครั้ง จึงทรงเสด็จกลับพระนคร พระแสงดาบนี้มีนามว่า " พระแสงดาบคาบค่าย "

ในพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าหงสาวดีทรงทราบการกระทำอันห้าวหาญของสมเด็จพระนเรศวร จึงทรงตรัสว่าถ้าพระนเรศวรออกมาอีกจะต้องจับพระองค์ให้ได้ ถึงแม้ว่าจะใช้ทหารมากมายเพียงใด จึงวางแผนให้ลักไวทำมูนำทหารจำนวนหนึ่งหมื่นคนไปดักจับ แน่นอนสมเด็จพระนเรศวรทรงออกไปปล้นค่ายหลวงพม่าอีก พม่าจึงใช้ทหารจำนวนน้อยเข้าล่อให้พระองค์ไล่ตีเข้ามาจนถึงบริเวณที่ ลักไวทำมูซุ่มรออยู่ ลักไวทำมูจะเข้ามาจับพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรจึงใช้พระแสงทวนแทงลักไวทำมูตายทันที แต่พระองค์ยังถูกล้อมอยู่และสู้กับทหารพม่าจำนวนมากนานร่วมชั่วโมง จนทัพไทยตามมาทันจึงเสด็จกลับพระนครได้ สุดท้ายกองทัพหงสาวดีบอบช้ำจากการสู้รบกับไทยอย่างมาก จึงถอยทัพกลับไปเช่นเดิม นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพระบารมีและทรงพระปรีชายิ่งทางด้านการรบของสมเด็จพระนเรศวร


Click on the image for full size


ในรูปนี้น่าจะเป็นช่วงที่สมเด็จพระนเรศวรทรงหลั่งน้ำศิโนทก ประกาศตัดสัมพันธไมตรีกับหงสาวดี ที่เมืองแครงครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 19/07/2010 4:44 pm    Post subject: Reply with quote

และนี่คือสิ่งที่อยู่คู่กับพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชครับ ไม่ว่าจะเป็นที่นี่ หรือที่ วัดใหญ่ชัยมงคล ก็จะเห็นรูปปั้นไก่ หรือไก่แกะสลักมาวางเรียงกันเต็มไปหมด

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 34, 35, 36 ... 66, 67, 68  Next
Page 35 of 68

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©