View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 11/09/2006 11:51 am Post subject: |
|
|
เห็นด้วยกับคุณหนุ่มครับ เพราะตราบใดที่ค่าโดยสารถูกกดเอาไว้ไม่เป็นไปตามความเป็นจริง แถมค่าธรรมเนียมต่างๆ แพงผิดธรรมชาติแบบนี้ การขนส่งสินค้าน่าจะมีโอกาสสร้างรายได้มากกว่า |
|
Back to top |
|
|
ice
3rd Class Pass
Joined: 17/07/2006 Posts: 234
Location: เขต สะพานสูง กทม.10250
|
Posted: 11/09/2006 6:21 pm Post subject: |
|
|
พี่ wisarut ขอต่อท้าย อีกนิดนึง ครับ
การรถไฟแห่งประเทศไทย
จะยกระดับทางรถไฟในเขตกรุงเทพทั้งหมด และใช้เป็นระบบหัวรถจักรไฟฟ้า ซึ่งจะใช้เงินลงทุน 146,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจำนวนผู้โดยสารชานเมือง จาก 4 หมื่นคน/วัน เป็น 350,000 ถึง 1 ล้านคน/วัน จากปัจจุบันที่จำนวนผู้ใช้รถส่วนตัว
เข้า-ออกกรุงเทพราว 5 ล้านคัน/วัน ซึ่งตามแผน จะทำให้ รฟท.กับมามีกำไรได้ภายในปี 2556 โดยจะมีรายได้จากการขนส่ง
สินค้าเพิ่มขึ้น 7 พันล้านบาท และรายได้จากค่าโดยสาร 6,400 ล้านบาท และเป็นไปตามแผนการลดใช้พลังงานในภาคขนส่ง ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสูงถึง 38 % โดยตั้งเป้าจะลดการใช้พลังงานได้ 8 % โดยจะตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้แทน
จากกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สภาพัฒน์ฯ สภาอุตสาหกรรม สมาคมผู้ขนส่งสินค้าทางเรือ คอยติดตามผลการ
ดำเนินงานอย่างใกล้ชิด โดยจะนำเเผนดังกล่าวเสนอ ครม.ปลายเดือนนี้
http://www.becnews.com/data/eco.html
สำนักงานข่าวไทย
ขอบคุณครับ |
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 11/09/2006 6:23 pm Post subject: |
|
|
เห็นด้วยกับพี่หนุ่มอย่างแรง อะครับ
ตอนนี้ถ้าการรถไฟ สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการจัดการขนตู้คอนเทนเนอร์
เอาแค่ ICD ลาดกระบังไปท่าเรือแหลมฉบัง จาก ปีละ 300,000 TEU ไปปีละ 800,000 TEU
สามารถหาเลี้ยงตัวเองในสายตะวันออกได้แบบ สบายๆ ถึงแม้จะลงทุนทำทางคู่จาก ฉะเชิงเทรา แหลมฉบัง
ไม่กี่ปี ก็คืนทุนใช้หนี้ที่กู้ทำทางสายนี้ได้หละครับ....
แต่ อย่าลืม ว่าคนอนุมัติ คือ ครม และนโยบายในภาคการเมือง เน้นขนคนเมือง อยู่เน้อ
ถ้าลองค้นๆ ในหลายกระทู้ต่างๆ ไม่ว่า ตอนนี้ ไม่ว่าเรื่องรถจักร รถพ่วงแลกข้าว
ผู้อนุมัติ คือ ครม โดยรัฐบาล พรรคไหน ใครเป็นนายก ใครเป็นรมต คมนาคม
ถ้าผลักดันให้รัฐวิสาหกิจอยู่รอดก็ต้องมีนโยบายที่ชัดเจน และผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม
เอาง่ายๆ แค่แต่งตั้ง ผู้ว่าการรถไฟ คนใหม่ รอมากี่เดือนแล้วหว่า.........
หากผู้บริหารประเทศ ทำจริงตั้งใจพัฒนาประเทศ มองปัญหาต่างๆ แบบ Bird eye view
เรื่องแค่นี้ควรจบไปตั้งนานแล้วไม่ต้องมาบอกว่า 15 บาท ตลอดสาย มี 7 สาย 10 สาย รับใช้พี่ๆน้องชาว กทม
ถ้าพรรคการเมืองคิดได้แบบนี้ ก็ใช้วิจารณญาณของท่านๆ ทั้งหลาย
ว่าพรรคไหนน่าจะเลือกไปเป็นผู้แทนของเรา
เข้าไปทำหน้าที่ ในทางนิติบัญญติและบริหารประเทศไหมเนี่ย..... |
|
Back to top |
|
|
shinoda
3rd Class Pass (Air)
Joined: 16/10/2006 Posts: 309
Location: พิจิตร
|
Posted: 21/01/2007 10:31 pm Post subject: รฟท. มั่นใจรัฐบาลเห็นชอบแผนฟื้นฟู |
|
|
รฟท. มั่นใจรัฐบาลเห็นชอบแผนฟื้นฟู 8)
รฟท. 21 ม.ค. - การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มั่นใจหากรัฐบาลเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ โอนภาระหนี้ และขาดทุนสะสมกว่า 30,000 ล้านบาท ไปให้กระทรวงการคลัง จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงร้อยละ 60-70 ช่วยลดผลขาดทุนในแต่ละปีจากประมาณ 8,000 ล้านบาท เหลือ 3,000 ล้านบาท
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการในปี 2550 หากรัฐบาลเข้ามาช่วยแบกรับผลขาดทุนสะสมและหนี้ที่เกิดจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบราง และอาณัติสัญญาณ กว่า 30,000 ล้านบาท โดยทำการโอนไปให้กระทรวงการคลัง ตั้งแต่ต้นปีนี้ คาดว่าในช่วงปลายปี 2550 ภาระการขาดทุนของ รฟท. จะลดเหลือ 3,000 ล้านบาทต่อปี จากที่เคยได้จัดทำประมาณการไว้ว่า ปีนี้จะขาดทุนถึง 8,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพราะภาระดอกเบี้ยจะหายไปมากกว่าร้อยละ 60-70 ส่วนที่เหลือทาง รฟท. ก็จะมีการปรับปรุงการบริหารจัดการ การลงทุน และหัวรถจักรใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการ ซึ่งถ้ารัฐบาลตอบรับแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว รฟท. จะมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารของ รฟท. ได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคม ในการแก้ปัญหาขาดทุนในแต่ละปีนั้น หากรัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้รับผิดชอบต้นทุนส่วนอื่นเพิ่มเติม อย่างค่าบุคลากรในหน้าที่ต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านพนักงานปฏิบัติหน้าที่กั้นจุดตัดถนนกับทางรถไฟ พนักงานซ่อมบำรุงทาง พนักงานควบคุมสถานี ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณ 1,700 ล้านบาทต่อปี และปัจจุบัน รฟท. ยังเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ ถ้าในอนาคตหากค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ จะเป็นการช่วยลดภาระการขาดทุนของการรถไฟฯ ได้มาก สำหรับแนวทางในการปรับราคาค่าเช่าที่ดินทรัพย์สินนั้น รฟท. ได้มีการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าที่ดินในบางส่วนมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังมีปัญหาหนี้คงค้างอยู่ โดยเฉพาะส่วนที่ รฟท. เรียกเก็บค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากค่าเช่าเดิม
นายอารักษ์ กล่าวว่า รฟท. ยอมรับว่าไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่ เนื่องจากบุคลากรที่มีหน้าที่ในการบริหารสินทรัพย์มีไม่เพียงพอกับที่ดินที่มีอยู่ในประเทศ ดังนั้น รฟท. จึงมีนโยบายสำคัญที่จะต้องจัดตั้ง บริษัท บริหารสินทรัพย์ของ รฟท. ขึ้นมา เพื่อแยกงานดังกล่าวออกมา ซึ่งจะทำให้การบริหารมีความคล่องตัว มีองค์กร และมีบุคลากรที่ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ดังกล่าว ถูกบรรจุอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว
สำหรับรายได้จากค่าเช่าที่ดินในปัจจุบัน มียอดประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี เบื้องต้นคาดว่าภายใน 2-3 ปี การปรับอัตราค่าเช่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นให้กับ รฟท. เป็น 3,000 ล้านบาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ซึ่งรูปแบบที่จะดำเนินการปรับในช่วงแรกจะอยู่ในพื้นที่มักกะสัน และบางซื่อ ส่วนแนวทางดำเนินการ การรถไฟฯ จะจัดหาผู้เช่ารายใหม่เข้ามาใช้พื้นที่พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนและผลตอบแทนสูง ซึ่งจะทำให้ รฟท. มีรายได้สูงตามไปด้วย .-สำนักข่าวไทย
[ 2007-01-21 : 19:18:43 ]
ที่มา : http://tna.mcot.net/search.php?type=3# _________________
|
|
Back to top |
|
|
GEA4548
2nd Class Pass
Joined: 10/12/2006 Posts: 594
Location: กรุงเทพฯ
|
Posted: 22/01/2007 9:53 pm Post subject: |
|
|
เราชาวไทยก็หวังแต่เพียงว่ารถไฟไทยของเราจะได้พัฒนาอย่างเป็นจริงเป็นจังพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมไม่ใช่พัฒนาแค่นามธรรม เพราะเห็นมานานแล้วว่ารถไฟขาดทุนมากเนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนอย่าแท้จริง ซึ่งทำให้มีการขาดทุนบ้างเป็นธรรมดา แต่ได้เห็นข่าวแล้วก็หวังว่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเร่งรัดปรับปรุงการแก้ไขรถไฟไทยให้ดียิ่งขึ้น(ขออย่างเดียวอย่าไปติดตรง คมช. เลย)
การรถไฟเพื่อคนไทยตลอดไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 23/01/2007 10:43 am Post subject: |
|
|
"ธีระ"บี้ร.ฟ.ท.เปิดหวูดรถไฟฟ้า ต้นก.พ.เข้าครม.พร้อมแผนฟื้นฟู
Prachachart Thurakij - Jan 22, 2007
"ธีระ" สั่งการรถไฟฯทำรายละเอียดประมูลรถไฟฟ้าสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยเร็ว เพื่อนำมาพิจารณาก่อนชงให้ ครม.อนุมัติ คาดจะนำเสนอได้ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
เร่งงานสะสางปัญหาแอร์พอร์ตเรลลิงก์ หลังเจอมรสุม รับปากจะดันแผนฟื้นฟู 7 หมื่นล้านเข้า ครม.เต็มที่ เพื่อแก้ปัญหาหนี้มาโดยตลอด ให้หาวิธีการเพิ่มรายได้จากการพัฒนาที่ดิน
และเก็บค่าเช่าที่ค้างจ่าย
พลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งดำเนินการโครงการต่างๆ ให้สอดคล้อง
กับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โครงการแรกคือโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นสายแรกที่จะเปิดประมูลก่อสร้างเพื่อเปิดให้บริการแก่
ประชาชนโดยเร็ว คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประมาณปลายเดือนมกราคมนี้ หรืออาจจะเป็นต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่การรถไฟฯเสนอราย
ละเอียดมาให้กระทรวงพิจารณาเรียบร้อยแล้ว
"เมื่อทางการรถไฟฯเสนอเรื่องมา ผมจะต้องกลั่นกรองรายละเอียดให้รอบคอบก่อน ว่ามีอะไรที่จะต้องปรับแก้หรือไม่ จากนั้นจะเสนอให้ ครม. พิจารณา ไม่ใช่ว่าการรถไฟฯ
เสนอเรื่องเข้ามาแล้ว ผมจะต้องเสนอ ครม.ทันที"
นอกจากนี้ให้การรถไฟฯไปเร่งรัดงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ หรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะตัดสินใจว่า
จะทำอะไรต่อไป เพราะที่ผ่านมามีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย จึงให้เน้นเรื่องความปลอดภัยในการเดินรถเป็นพิเศษ สำหรับปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในการเดินรถของการรถไฟฯ
ทุกเส้นทางทั่วประเทศจะต้องมีการพัฒนาคนของการรถไฟฯเอง ด้วยการปลุกจิตสำนึก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนเป็นส่วนใหญ่ โดยจะเน้นให้มีความตื่นตัว
รักในหน่วยงาน และให้มีการพัฒนาระบบการขนส่งทางรถไฟให้สามารถเชื่อมโยงกับทางอากาศและทางน้ำได้มากขึ้น
"ส่วนแผนฟื้นฟูหนี้ของการรถไฟฯมูลค่าเกือบ 7 หมื่นล้าน ที่ทำร่วมกับกระทรวงการคลังนั้น กำลังรอให้การรถไฟฯเสนอเรื่องมาพิจารณา ผมจะช่วยเต็มที่"
พลเรือเอกธีระกล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาที่ดินเพื่อหารายได้เพิ่มนั้น ให้การรถไฟฯไปพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลประกอบการของการรถไฟฯในปี 2549 ที่ผ่านมาขาดทุนสุทธิ 6,427 ล้านบาท สูงกว่าปี 2548 ที่ขาดทุนอยู่ 6,387 ล้านบาท ส่วนปี 2550 คาดว่าจะขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 9,307 ล้านบาท สาเหตุเนื่องจากการรถไฟฯต้องกู้เงินมาลงทุนโครงการต่างๆ ทำให้ประสบปัญหาการขาดทุนมาโดยตลอด
ทั้งนี้แผนฟื้นฟูการรถไฟฯที่เสนอให้กระทรวงพิจารณาจะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว โดยระยะเร่งด่วนมีกรอบระยะเวลา 1 ปี ให้รัฐรับโอนภาระหนี้สินโครงสร้างพื้นฐาน 15,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้การรถไฟฯตั้งบริษัทลูกรวม 3 บริษัท ตาม พ.ร.บ.การรถไฟฯ คือ
บริษัท บริหารสินทรัพย์ -> คุมที่ย่านรัชดา มักกะสัน ย่านพหลโยธิน
บริษัทขนส่งสินค้าภาคตะวันออก -> คุมรถสินค้าเข้าออกแหลมฉบัง และ สถานีแม่น้ำ ทุกขบวน ส่วนจะขยายไปที่รถคาร์โก้ปาดังเบซาร์นั้น คงขยายมาแน่ แต่เมทื่อไหร่ ไม่รู้น่อ
บริษัทบริหารรถไฟฟ้า -> คุมรถไฟฟ้าสายแดง และ รถไฟฟ้าสุวรรณภูมิ
2.ต้องรับโอนภาระหนี้ที่เกิดจากการชดเชยผลขาดทุนล่าช้า 18,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยอดเพิ่มเป็น 23,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้การรถไฟฯทบทวนปรับปรุงบริการสังคม
เพื่อขอรับเงินอุดหนุน พัฒนาบริการเพื่อเพิ่มรายได้ โดยเน้นขนส่งสินค้าเป็นหลัก จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การโอนสิทธิการใช้ที่ดินที่ส่วนราชการเช่าใช้แลกกับหนี้สินประมาณ
4,000 ล้านบาท โดยตกลงกับกรมธนารักษ์ว่าจะเป็นที่ดินแปลงไหนบ้าง |
|
Back to top |
|
|
|