RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311308
ทั่วไป:13279266
ทั้งหมด:13590574
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 107, 108, 109 ... 548, 549, 550  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44724
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/04/2012 6:51 am    Post subject: Reply with quote

เปิดแผนก่อสร้างไฮสปีดเทรน "จารุพงศ์" เตรียมชง "ปู" เคาะตั้ง บ.รถไฟฟ้าฯ จก. ดูแลครบวงจร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 เมษายน 2555 00:34 น.

“คมนาคม” เปิดแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง เบื้องต้นกำหนด 4 เส้นทาง เตรียมเสนอนายกฯ เคาะตั้งบริษัท รถไฟความเร็วสูงแห่งชาติ จำกัด เพื่อเข้ามารับผิดชอบดำเนินการครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ จัดหาที่ดิน ประกวดราคา จัดหาระบบรถไฟฟ้า ตลอดจนกำกับดูแลสัญญาเดินรถ ลั่นต้องเกิดขึ้นแน่ ยุคที่พรรค พท. บริหารประเทศ

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยผลการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารของกระทรวงคมนาคม วานนี้ โดยระบุว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปให้มีการจัดตั้ง บริษัท รถไฟความเร็วสูงแห่งชาติ จำกัด เพื่อรับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงในระยะแรก เช่นในขั้นตอนการศึกษาและออกแบบ จัดหาที่ดิน ประกวดราคา จัดหาระบบรถไฟฟ้า ตลอดจนกำกับดูแลสัญญาเดินรถอย่างครบวงจร ซึ่งในเร็วๆ นี้ เตรียมเสนอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบ

ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูง เตรียมดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เบื้องต้นกำหนดไว้จำนวน 4 สายทาง โดยให้ปรับระยะทางการก่อสร้างให้สั้นลง เพื่อให้สามารถผลักดันโครงการที่พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงไว้ให้มีผลงานเกิดเป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น และให้เป็นจริงมากที่สุดภายใน 4-5 ปีนี้ ตามกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลบริหารประเทศ

"ภายหลังจากที่เดินทางเยือนจีนและญี่ปุ่น ร่วมกับคณะของนายกฯ รัฐมนตรี ซึ่งทั้ง 2 ประเทศเสนอที่จะเข้ามาพัฒนาและศึกษารายละเอียดโครงการ ในการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงพร้อมกันทั้ง 4 เส้นทาง คาดว่าเริ่มก่อสร้างภายใน 1-2 ปีข้างหน้า"

สำหรับการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าใน 4 เส้นทาง ได้แก่
1.เส้นทางสายเหนือจากกรุงเทพฯ-พิษณุโลก
2.สายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา
3.สายใต้ เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และ
4.สายตะวันออก กรุงเทพฯ-ระยอง
ระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่ปี 2557 และเสร็จภายในปี 2562 โดยเบื้องต้น ยังไม่มีการสรุปว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้นจะเริ่มก่อสร้างในเส้นทางใดก่อน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้น ไม่ใช่เป็นแค่นโยบายของรัฐบาลเท่านั้น แต่ถือว่าเป็นอนาคตของประเทศไทย ซึ่งเบื้องต้นมองว่า เส้นทางไปสู่ภาคใต้นั้น เป็นเส้นทางที่ได้มีประชาชนเดินทางมากที่สุด แต่ในการก่อสร้างนั้น ต้องประกอบด้วยข้อมูลหลายอย่างที่จะต้องนำมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาการก่อสร้าง อาทิ จำนวนประชากร กำลังทรัพย์ของประชาชนที่จะใช้ในการเดินทาง เป็นต้น

ส่วนการก่อสร้างในเส้นทางสายเหนือนั้น อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าเส้นทางสายอื่น เนื่องจากภูมิประเทศ มีภูเขามาก และสำหรับเส้นทางสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเส้นทางเหมาะกับการก่อสร้าง เนื่องจากเป็นทางตรง สะดวกต่อการก่อสร้าง ซึ่งจากการที่ดูในภาพรวมนั้น เส้นทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความเป็นไปได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า มั่นใจว่าใน 4 ปี จะต้องมีรถไฟความเร็วสูง เกิดขึ้นให้ได้อย่างน้อย 1 เส้นทาง ซึ่งการพัฒนารถไฟความเร็วสูงนั้น จะสามารถช่วยให้ประเทศไทยพัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดด
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Saijuk
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 04/01/2012
Posts: 7

PostPosted: 25/04/2012 8:37 am    Post subject: Reply with quote

นโยบายขายฝันครับ ถ้าทำแล้วค่าโดยสารแพงจะทำยังไง ดูอย่างรถไฟฟ้าสุวรรณภูมิรถด่วน
90 บาท แค่วิ่งจากกรุงเทพไปแค่สมุทรปราการ ถ้าไปนครราชสีมาหรือจา
งหวัดอื่นจะเท่าไร
สู้เอางบมาพัฒนาระบบรางในปัจจุบันให้ได้มาตรฐาน และทำรางคู่ไม่ง่ายกว่าหรอครับ ลองคิดดูถ้าเราทำรางคู่ได้ทั้งหมดจะทำให้รถเสียเวลาน้อยลง แล้วพัฒนารางให้ได้มาตรฐาน
ในปัจจุบัน ไม่ต้องทำความเร็วเหมือนที่ญี่ปุ่นก็ได้ แค่ได้มากกว่าทุกวันนี้ก็ดีแล้ว ไหนจะหัวรถจักรอีกจัดซื้อทีกี่นาน แล้วทางตัดเครื่องกั้นให้มีครบทุกทีครับ ง่ายกว่าไหม
สรุปว่าของเดิมมีอยู่แล้วไม่พัฒนาแล้วก็
จะทิ้งรถไฟแบบเดิมหรอครับ
ผมอยากให้ลอลคิดดูนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message
daewoo2525
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 04/01/2011
Posts: 23

PostPosted: 25/04/2012 9:24 am    Post subject: Reply with quote

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เท่าที่ทราบระบบรถไฟความเร็วสูงของจีนนั้น ยังไม่เสถียรและมีประสิทธิภาพเหมือนระบบชิงกังเซ็นของญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่นระบบการเดินรถไฟชิงกันเซ็นเป็นมาตรฐานและยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นในประเทศจีน อย่างมากก็แค่ไฟดับเนื่องจากแผ่นดินไหวหรือซึนามิเท่านั้นเอง

การที่ประเทศไทยจะจับมือลงทุนรถไฟความเร็วสูงจากประเทศจีนนั้น ในส่วนตัวผมเอง ผมว่ามันแฝงความน่ากลัวของความไม่เสถียรในระบบของจีนที่หลายๆคนรู้สึกอยู่ ทั้งตัวรถเอง ระบบอานัติสัญญาน ระบบราง ฯลฯ และยิ่งเป็นไฮสปีดเทรนแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา มันน่าจะร้ายแรงมากกว่ารถไฟรางเมตรเดียว

ก่อนหน้านี้ที่เวียดนามเคยคิดจะทำรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลเวียดนามก็มีท่าทีที่จะเลือก "ญี่ปุ่น" มากกว่าจีน ผมเองไม่ทราบว่าเพราะอะไร รัฐบาลเขาถึงเลือก "ญี่ปุ่น" แต่ที่แน่ๆมันตรงกับความรู้สึกของผมลึกๆว่า รัฐบาลเวียดนามคงอยากใช้ของที่มีคุณภาพมากกว่าของถูกกระมัง
Back to top
View user's profile Send private message
nutsiwat
2nd Class Pass
2nd Class Pass


Joined: 03/03/2011
Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร

PostPosted: 25/04/2012 10:58 am    Post subject: Reply with quote

daewoo2525 wrote:
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เท่าที่ทราบระบบรถไฟความเร็วสูงของจีนนั้น ยังไม่เสถียรและมีประสิทธิภาพเหมือนระบบชิงกังเซ็นของญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่นระบบการเดินรถไฟชิงกันเซ็นเป็นมาตรฐานและยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นในประเทศจีน อย่างมากก็แค่ไฟดับเนื่องจากแผ่นดินไหวหรือซึนามิเท่านั้นเอง

การที่ประเทศไทยจะจับมือลงทุนรถไฟความเร็วสูงจากประเทศจีนนั้น ในส่วนตัวผมเอง ผมว่ามันแฝงความน่ากลัวของความไม่เสถียรในระบบของจีนที่หลายๆคนรู้สึกอยู่ ทั้งตัวรถเอง ระบบอานัติสัญญาน ระบบราง ฯลฯ และยิ่งเป็นไฮสปีดเทรนแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา มันน่าจะร้ายแรงมากกว่ารถไฟรางเมตรเดียว

ก่อนหน้านี้ที่เวียดนามเคยคิดจะทำรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลเวียดนามก็มีท่าทีที่จะเลือก "ญี่ปุ่น" มากกว่าจีน ผมเองไม่ทราบว่าเพราะอะไร รัฐบาลเขาถึงเลือก "ญี่ปุ่น" แต่ที่แน่ๆมันตรงกับความรู้สึกของผมลึกๆว่า รัฐบาลเวียดนามคงอยากใช้ของที่มีคุณภาพมากกว่าของถูกกระมัง


ในมุมมองของผม ผมสนใจรถไฟความเร็วสูงของประเทศญี่ปุ่นมากกว่า เนื่องจากเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงมีความก้าวล้ำและมีความทันสมัยสูง แต่สำหรับประเทศจีน จะมีศักยภาพในด้านการลงทุนและการพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงได้มาก หากประเทศไทยจะมองถึงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยผมขอยกให้ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศแรก ๆ ที่ประเทศไทยน่าสนใจให้ประเทศญี่ปุ่นมาลงทุนในบ้านเรา ทั้งระบบราง ตัวรถ หัวรถจักร และในเรื่องของอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูงของประเทศญี่ปุ่น ไม่ค่อยพบได้บ่อย นอกจากอุบัติเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติเท่านั้น ส่วนประเทศจีน ค่อนข้างจะเกิดอุบัติเหตุรถไฟความเร็วสูงอยู่บ่อยครั้ง ในภูมิภาคเอเชียผมขอให้ญี่ปุ่นเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี คือไม่ต้องพูดถึงประเทศแถบยุโรปที่จะมาลงทุนในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในบ้านเรา ค่อนข้างทีึ่จะใช้งบประมาณค่อนข้างสูงมาก หากจะมีการลงทุนก่อสร้างจริงอย่างน้อย ๆ เราน่าจะให้ความสนใจไปที่ประเทศญี่ปุ่นนะครับ หากจะมีการลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และที่สำคัญประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นก็มีความสัมพันธ์มาช้านานเช่นกัน ไม่ต่างกับประเทศจีน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่า ต้องการให้ประเทศใดมาลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในประเทศของเรา ว่าต้องการของถูกหรือว่าต้องการของดีนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message Yahoo Messenger MSN Messenger
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42776
Location: NECTEC

PostPosted: 26/04/2012 4:40 am    Post subject: Reply with quote

กลับจากจีน"ปู"สั่งเร่งรถไฟความเร็วสูง นำร่องสายเหนือ"กรุงเทพฯ-พิษณุโลก"
ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 10:57:32 น.


"ปู" เครื่องร้อน สั่งเร่งโครงการไฮสปีดเทรน คมนาคมเด้งรับ รื้อแผนลงทุน 4 สายใหม่ หด 2 เส้นทางสายเหนือ-ตะวันออก เปิดหวูดจากกรุงเทพฯถึงพิษณุโลก-พัทยา ระยะทางสั้นลงกว่า 400 กม. เงินลงทุนลดลง 1.2 แสนล้าน ฟันธงเส้นนำร่องสาย "กรุงเทพฯ-พิษณุโลก"

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ทางฝ่ายการเมืองได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารของกระทรวงคมนาคมปรับแผนการลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง จำนวน 4 สายทาง ตามนโยบายของรัฐบาลใหม่อีกรอบ โดยให้ปรับระยะทางการก่อสร้างให้สั้นลง เพื่อให้สามารถผลักดันโครงการที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ให้มีผลงานเกิดเป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น และให้เป็นจริงมากที่สุดภายใน 4-5 ปีนี้ ตามกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลบริหารประเทศ

โดยทั้ง 4 สายทางที่ทบทวนใหม่มีระยะทางรวมเหลือ 996 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 359,006 ล้านบาท ปรับลดจากแผนงานเดิมที่มีระยะทางรวม 1,447 กิโลเมตร เงินลงทุน 481,066 ล้านบาท โดยจะมีเพียง 2 สายทางที่ปรับลดระยะทางและเงินลงทุนลงคือ

สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เหลือแค่กรุงเทพฯ-พิษณุโลก และ
สายกรุงเทพฯ-ระยอง ปรับลดเหลือกรุงเทพฯ-พัทยา

รายละเอียดแผนและเส้นทาง 4 สายทาง มีดังนี้

1) สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 328 กิโลเมตร เงินลงทุน 121,014 ล้านบาท ปรับลดระยะทางจากเดิม 745 กิโลเมตร เงินลงทุนเดิม 229,809 ล้านบาท
2) สายกรุงเทพฯ-พัทยา ระยะทาง 187 กิโลเมตร เงินลงทุน 59,000 ล้านบาท ปรับลดระยะทางจากเดิมเป็นสายกรุงเทพฯ-ระยอง ซึ่งระยะทางรวม 221 กิโลเมตร เงินลงทุนเดิม 72,265 ล้านบาท

อีก 2 สายทางที่เหลือจะใช้แผนระยะทางและเงินลงทุนเท่าเดิมคือ
3) สายกรุงเทพฯ-โคราช ระยะทาง 256 กิโลเมตร เงินลงทุน 96,826 ล้านบาท และ
4) สายกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 225 กิโลเมตร เงินลงทุน 82,166 ล้านบาท

"ที่ต้องปรับสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ให้สั้นลง เพราะแนวเส้นทางส่วนใหญ่จะพาดผ่านภูเขา ทำให้การก่อสร้างอาจจะค่อนข้างยากเพราะจะต้องเจาะภูเขา ขณะที่สายกรุงเทพฯ-ระยองสร้างแค่พัทยา เพราะดูแล้วจะคุ้มค่ากว่าเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวและอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งเส้นทางนี้จะใช้วิธีต่อขยายจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ไป"

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ทั้งนี้จาก 4 สายทาง นโยบายของฝ่ายการเมืองให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการก่อสร้างสายกรุงเทพฯ-พิษณุโลกก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากสายนี้ทางประเทศจีนมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนทั้งก่อสร้างและขายระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งมีประเทศญี่ปุ่นที่แสดงความสนใจจะเข้าลงทุนด้วยเช่นกัน

"หลังจากที่นายกฯ (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) กลับจากประเทศจีน แผนการลงทุนรถไฟความเร็วสูงน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องการลงทุน แผนโครงการที่ชัดเจนขึ้น หลังจากเมื่อปลายปีที่แล้วทั้ง 2 รัฐบาลได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือร่วมกัน เพื่อผลักดันให้โครงการสามารถแจ้งเกิดได้เร็วที่สุด"

สำหรับความคืบหน้าของโครงการปัจจุบัน ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมของโครงการให้แล้วเสร็จในปี 2555 และมีแผนจะเปิดประมูลและก่อสร้างตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีครึ่ง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2561

"ฝ่ายการเมืองพยายามเร่งรัดโครงการมาก ตอนแรกอยากจะให้เสร็จใน 3 ปี เท่ากับเวลาที่รัฐบาลบริหารประเทศ แต่ความเป็นไปได้นั้นยาก เพราะการลงทุนรถไฟความเร็วสูงเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง แม้แต่ล่าสุดขณะนี้รูปแบบการลงทุนก็ยังไม่สรุปว่าจะเป็นรูปแบบไหน ทางรัฐบาลให้กระทรวงการคลังไปศึกษารวมถึงแหล่งเงินที่จะนำมาลงทุนด้วย"

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงคมนาคมได้ศึกษารูปแบบการลงทุนเบื้องต้นไว้บ้างแล้ว โดยจะให้การรถไฟฯตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเหมือนกับโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ โดยจะใช้ชื่อว่า บริษัท รถไฟความเร็วสูงแห่งประเทศไทย จำกัด ขึ้นมารับผิดชอบโครงการ

ทั้งนี้ คาดว่าตามขั้นตอน สนข.จะต้องนำเสนอให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อเสนอตามขั้นตอนขึ้นไปสู่วาระที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตัดสินใจได้ในเร็ว ๆ นี้


คมนาคมเดินหน้าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง หลังจีนและญี่ปุ่นให้ความสนใจร่วมลงทุน
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 21:49:08 น.


นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ว่า จีนและญี่ปุ่นสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย ที่ประชุมในวันนี้จึงได้หารือถึงรูปแบบองค์กร รูปแบบการดำเนินการการสำรวจออกแบบ การลงทุน ซึ่งทั้งหมดจะต้องสรุปและรายงานต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณา จากนั้นจะต้องตั้งคณะกรรมการกำกับพัฒนารถไฟความเร็วสูง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะกำกับดูแล 5 ข้อ ประกอบด้วย

1 คณะกรรมการร่างกรอบความต้องการของประเทศเพื่อดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง
2 ด้านเทคนิควิศวกรรม
3 ด้านการเงินการลงทุน
4 การเพิ่มมูลค่าโครงการ และ
5 คณะกรรมการด้านบริหารการเดินรถ

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะดำเนินการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 4 เส้นทาง จากทั้งหมด 5 เส้นทาง คือ

1.กรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทาง 745 กิโลเมตร มูลค่า 229,000 ล้านบาท โดยระยะแรกจะดำเนินการจากกรุงเทพ-พิษณุโลก ก่อน ระยะที่สอง จึงจะขยายไปถึงเชียงใหม่
2.กรุงเทพ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร มูลค่า 201,449 ล้านบาท ระยะแรกจะดำเนินการจากกรุงเทพ-นครราชสีมา ก่อน ระยะสองจึงจะขยายต่อไปถึงหนองคาย
3.กรุงเทพ-ระยอง ระยะทาง 221 กิโลเมตร มูลค่า 72,265 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระยะแรกจะดำเนินการถึงพัทยา ระยะสองจึงจะขยายไปถึงระยอง และ

4.กรุงเทพ-หัวหิน
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44724
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/04/2012 1:39 pm    Post subject: Reply with quote

สวัสดีเศรษฐกิจ : สัญญาณทางเศรษฐกิจ : การอ่านว่ายังดีขึ้น-เลวลงแบบง่ายๆ
โดย...สุรพล โอภาสเสถียร
คมชัดลึก 26 เม.ย. 55

เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง เรื่องการกิน การอยู่ ล้วนเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อผู้คนในระบบเศรษฐกิจหรือในสังคมนั้นๆ และเพราะเรื่องเศรษฐกิจนี่แหละที่เป็นปัจจัยนำไปสู่เรื่องของสังคม เรื่องของการบ้านการเมืองในที่สุด เป้าหมายสุดท้ายของระบบเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายมุ่งจะไปสู่คือ ไม่มีการว่างงานหรือที่ภาษาทางการกล่าวว่า อัตราการว่างงานในช่วงเวลาใดๆ เป็นศูนย์

เป้าหมายต่อมาคือ อัตราเงินเฟ้อต่ำหรือที่ชาวบ้านเข้าใจก็คือ ข้าวของทั้งของกิน-ของใช้ไม่แพงเพิ่มขึ้น ประการสุดท้ายคือบ้านเมืองมีการเจริญเติบโต มีความก้าวหน้า หากอะไรที่ต่างประเทศมีแล้วดีต่อคนในประเทศ เราก็ควรจะมีอย่างเขา เช่น เขามีระบบรถไฟที่ทันสมัย ปลอดภัย รวดเร็ว สะดวกสบาย ประเทศไทยของเราก็ควรมีอย่างเขาบ้างตามฐานานุรูป ไม่มากไม่น้อยเกินไป

สุดท้ายของสุดท้าย คนที่ร่ำรวยกับคนที่ยากจนก็ไม่ควรจะมีความห่างกันเป็นสิบๆ เท่า อย่าให้ต้องเป็นแบบว่าเกิดมาก็รู้เลยว่าตอนสิ้นลมจะไม่มีอะไรทั้งที่อยู่คือบ้านก็ไม่เคยมีกับเขา อาหารการกินก็อดๆ อยากๆ ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าที่ควรจะมี และสุดท้ายป่วยไข้ก็ต้องอดต้องทน ไม่มีที่พึ่งเพราะจ่ายค่ารักษาไม่ได้ เราๆ ท่านๆ ได้อ่านได้เห็นในข่าวจากประเทศที่กำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ เช่น อิตาลี กรีซ ว่ามีคนตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะไม่รู้จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร...เหล่านี้ไม่ควรเกิดและจะต้องไม่เกิดบนแผ่นดินซึ่งได้ชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ เช่นประเทศไทย

เป้าหมายสุดท้ายของระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยภาษาบ้านๆ คือ "ร่มเย็นเป็นสุข" ไม่ใช่ความสุขนั้นกระจุก ความทุกข์นั้นกระจาย.

ในระดับชาวบ้าน คนทำงาน มนุษย์เงินเดือน พนักงานโรงงาน ช่างเทคนิค พ่อค้าแม่ขาย อาเฮีย-อาซ้อ เถ้าแก่-หลงจู๊ ที่ไม่ใช่นักวิชาการนั้น บางครั้งเขาก็พยายามจะฟังเรื่องที่มีการสื่อสารออกมาจากท่านผู้รู้ ท่านกูรู หรือกระทั่งท่านกูรู้ทั้งหลาย แต่จะตกม้าตายเรื่องที่จะทำให้เกิดความเข้าใจแถวๆ อุปสงค์ อุปทาน อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ดุลการค้า ดุลบริการหรืออะไรที่เป็นภาษาแบบที่ยากแก่การจะเข้าใจเช่น ควรจะสนทนาสุนทรี หรือเสวนาสุนทรี ทั้งที่ภาษาชาวบ้านคือ พูดจากันดีๆ ได้มั้ย อย่ากวน...กัน

ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าเรื่องทางเศรษฐกิจนั้น ผู้ที่ขับเคลื่อนนโยบายในอดีตที่เป็นถึงระดับดอกเตอร์นั้นเขาใช้ สัญญาณทางเศรษฐกิจ : การอ่านว่ายังดีขึ้น-เลวลงแบบบ้านๆ และเข้าใจง่ายๆ เพื่อการติดตามประเมินผลสิ่งที่ได้ดำเนินการไปคือ
1.อัตราการเติบโตของยอดขายบะหมี่สำเร็จรูป ว่ามีการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ไตรมาสที่ผ่านมา หรือเทียบเดือนนี้ ไตรมาสนี้ กับเดือนหรือไตรมาสเดียวกันของปีก่อนว่าเป็นอย่างไร หากเพิ่มขึ้นเกินกว่า 15-20% แล้วก็ถือว่าเป็นสัญญาณในทางลบ เพราะบะหมี่สำเร็จรูปจะเป็นอาหารในยามเศรษฐกิจไม่ค่อยดี หรือในยามที่ต้องประหยัด หรือในยามที่มีรายได้จำกัด ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ดัชนีมาม่า
2.ปริมาณธุรกิจซื้อขายขยะ หากคึกคักมีการค้าขายกันมาก ขยะเยอะ ของไม่ทันไรก็ทิ้งอย่างนี้สะท้อนเศรษฐกิจดี เพราะใช้จ่ายกันสะพัด แต่หากมากไป เกินไปก็เข้าข่าย บริโภคเกินความจำเป็น อย่างนี้อันตราย
3.รายได้ของคนขับรถแท็กซี่ เป็นอย่างไร มีการสำรวจจากคนขับแล้วมีเงินเหลือหลังการทำงานหรือไม่ หากบ่นกันร้อยทั้งร้อยว่าทำงานขับกันทั้งวันเหลือไม่ถึง 100-200 บาท อันนี้บอกได้ว่าน่าเป็นห่วง
ข่าวสาร ข้อมูลจะออกมากรอกหู กรอกตาอย่างไรก็ตาม บ้านๆ อย่างผม อย่างใครหลายคนก็รู้ได้ ไม่มีใครหลอกใครได้แน่ในเวลานี้ครับ...ขอบคุณทุกท่านในวันอากาศร้อน 39-40 องศา อีกครั้งครับ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42776
Location: NECTEC

PostPosted: 30/04/2012 5:13 am    Post subject: Reply with quote

ความรู้ต่ำแต่การอยากทำสูง
โดย เปลว สีเงิน
ไทยโพสตฺ์
30 เมษายน 2555


พรรคเพื่อไทย ที่ลูกพรรคเป็นนายกฯ หัวหน้าพรรคเป็นเจว็ด ตอนหาเสียงบอกชาวบ้านว่า "พรรคเพื่อไทยทำได้แน่" เช่น จะกระชากค่าครองชีพลงมา ลดทันที "น้ำมัน" ลิตรละ ๗ บาท ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่ารถ จะทำให้ลดลงหมด แต่ค่าแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นวันละ ๓๐๐ บาท ปริญญาตรี ๑๕,๐๐๐ บาททันที ให้กู้ซื้อรถคันแรก-บ้านหลังแรก ข้าวเปลือกเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท แจกบัตรรูดปรื๊ดเกษตรกร จะสร้างเขื่อน-ถมทะเลสร้างเมืองใหม่ เบี้ยสูงอายุจะเพิ่มเป็น ๖๐๐-๗๐๐-๘๐๐-๑,๐๐๐ บาท เงินกองทุนเพียบ รวมๆ ที่ "สัญญาว่าจะให้" ราวๆ ๒๐ รายการ
แต่ ๑๐ เดือนผ่านไป ที่โม้ว่าทำได้ "กลับตรงข้ามหมด" คือที่ว่าจะลด-ก็เพิ่ม, ที่ว่าจะเพิ่ม-ก็ลด, ที่ว่าจะให้-ก็ไม่ให้ และที่ว่าจะทำ ก็ทำไม่ได้ (ซักอย่าง) ประชาชนทั้งที่เลือกและไม่เลือกเพื่อไทย ต่างรับผล "ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" จนหน้าแห้ง-แดงห้อ ถ้วนทั่วทุกตัวคน!
ยกเว้นพวก ส.ส. ผู้ช่วย ส.ส. พวกเหลือบอิทธิพลในพรรค และพวกแกนนำเสื้อแดงแต่ละสาย "ระบอบทักษิณ" จับยัดลงตำแหน่ง "ข้าราชการการเมือง" เป็นกุรุส จนทุกซอกหลืบในทำเนียบฯ-ในกระทรวง ยั้วเยี้ยไปหมด
ก็เป็นเทคนิค "เบียดบังชาติ" เขาไง ตอดเอามันทุกเม็ด "จ้างเผาประเทศให้-แต่จ่ายด้วยเงินหลวง" จะจ่ายให้ทุกคนมันก็มากมายเป็นแสนๆ คน ก็ใช้วิชาเซลส์แมนง่ายๆ เก็บพวกแกนนำมาเลี้ยงเป็นสินค้าตัวอย่าง เพื่อโชว์พวกไพร่ราบพลเลว ทำนอง "เห็นมั้ย..."
"ชั่วเพื่อนายแล้วได้ดีทุกตัว"!
แต่เจ้าร้อยเหลี่ยมไม่ควักเองซักบาท อังคารทีก็สั่งน้องสาว-สมุนให้ใช้มติ ครม.เป็นตีนกวาดพวกหัวหน้าแก๊งแต่ละสายใส่เข่ง ตั้งเป็นที่ปรึกษาบ้าง เป็นเลขาฯ เป็นรอง รัฐมนตรีนั้น รัฐมนตรีนี้บ้าง เพ่นพ่านอยู่ตามทำเนียบฯ บ้าง จับยัดเป็นบอร์ดตามองค์กรและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ บ้าง
ไพร่ใส่สูท ยัดทานเงินหลวงกันเพลิดเพลิน สนุกสนาน ส่วนไอ้พวกขาใหญ่ก็หากินคำใหญ่ขึ้นไปตามลายเกล็ด ตั้งบริษัทออร์แกไนซ์ แล้วตอนเงินหลวงเป็นงบจ้างจัดอีเวนต์โน่น-นี่ ล่อกันทีเป็นสิบ-เป็นร้อยล้านบ้าง รับวิ่งเต้นเอางบลงพื้นที่บ้าง วิ่งเต้นประมูลบ้าง
เฉพาะด้านเงินเดือน เฮงๆ ซวยๆ แต่ละคน แค่นั่งดมกลิ่นส้วมทำเนียบฯ ก็ไม่หนี ๒๐,๐๐๐ อัพ แล้วสูงสุดจะเท่าไหร่ ไม่ต้องถาม!?
ยุคทักษิณพูดกันอื้ออึงด้วยจำนวนเปอร์เซ็นต์ ๒๕-๓๐ แต่ยุคน้องสาวทักษิณ ในวงการเขาพูดกันด้วยตัวเลขอะไร ท่านรู้มั้ย?
๖๐-๔๐ ครับ!
โอ้โฮ..กันเลย แต่อย่าเพิ่ง ตอบก่อนซิว่า ๖๐-๔๐ ท่านเข้าใจยังไง เอา ๔๐ จาก ๑๐๐% งั้นใช่มั้ย?
ผิดถนัด เอา....๖๐ เว้ย...เฮ้ย!?
เอ้า...ช็อกซีเนมากันใหญ่ ประเทศไทยยุค "ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" ตัวเลขรายได้ "ไพร่ใส่สูท" บางคน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ พุ่งกระฉูดขึ้นไปถึงขนาดนั้นแล้วครับ
แล้วว่างๆ จะเอาหนังตัวอย่างมาฉายให้ดู ทุกบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ทำเงิน ตอนนี้ป่วนไปหมด ครั้งเพื่อไทยป่วนเมือง ประดิษฐ์ศัพท์ "มือที่มองไม่เห็น" เข้ามาล้วงลูก แต่ตอนนี้เพื่อไทยมีอำนาจครองเมืองแล้ว ต้องพูดว่า "มีพวกกระสือ-พวกปิศาจหิวโหย"
เที่ยวล้วงลูกแต่ละบอร์ดให้เอากรรมการคนนั้น-คนนี้ออก แล้วเอาวงศ์วานว่านกระสือเข้าไปนั่งล้วงดาก-ล้วงไส้หวังกะซวกกันซ้วบซ้าบ!
ไพร่กเฬวรากรุ่นเล็ก "ปากเล็ก" ก็กินคำเล็กกันไป พวกไพร่กเฬวรากรุ่นเดอะ "ปากใหญ่" ก็หาแดกคำใหญ่กันไป จนถึงพวกไพร่กเฬวรากรุ่นซูเปอร์ รุ่นเดอะ ไอ้นี่พูดกันด้วยโปรเจ็กต์ระดับหมื่น-ระดับแสนล้าน
เมื่อ "แพง(ฉิบหาย)ทั้งประเทศ" ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่สยามแล้ว ตอนนี้จะเห็นว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะพับเก็บประชานิยมที่ "สัญญาว่าจะทำ-จะให้" ตอนหาเสียงไว้ก่อน เพราะยิ่งทำยิ่งเป็นผลงานระยำประจานหน้าตัวเองหนักขึ้น แต่เขาชำชาญกลยุทธ์ทางการตลาด
รู้ว่า คนไทย-โลว์ควอลิตี แต่รสนิยมในการบริโภคสูง จะเห็นว่าวิทยาการอะไรใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ไทยจะอยู่ในแถวต้นๆ ที่เห่อก่อน-ตามก่อน
แล้วก็ "ล้มเหลว" ด้วยเละเทะน่าทุเรศก่อนเพื่อน!
เมื่อโลกมีโทรทัศน์ เราก็มีก่อนเป็นประเทศต้นๆ เมื่อพวกอาเซียนนิยมเป็นเสือ ฝรั่งมันก็ยกให้ไทยเป็นเสือตัวแรก เมื่อเป็นเสือไทยก็เริ่มทำ "สนามบินทันสมัย" ก่อน แต่เสร็จทีหลังอีกร่วมครึ่งศตวรรษ คือสนามบินหนองงูเห่า
สรุปว่า ไทยชอบเห่อนำก่อน แล้วก็คว่ำก่อน ที่ไม่คว่ำก็เสร็จตามหลังประเทศที่เขาคิดทำทีหลังเราแทบทั้งนั้น อย่างตอนนี้เห่อ ๓ จี แต่ลองทำแบบสำรวจดูซิ คนไทย ๖๖ ล้านคน มีกี่คนที่รู้ว่า ๓ จีคืออะไร
และนาทีนี้ คนไทยหายใจเป็น high-speed rail "รถไฟความเร็วสูง" ไม่สนใจรถไฟรางเดี่ยว-รางคู่ หรือขยายขนาดรางจาก ๑ เมตร เป็นรางมาตรฐาน ๑.๔๓๕ เมตร ที่แต่ละรัฐบาลผลาญด้วยเพ้อพกตามจินตนาการที่ขาดความรู้-ความเข้าใจกันแล้ว!
นี่คือคนไทย ซึ่งสะท้อนความเป็นคนไทยเป็นรูปธรรมผ่านรัฐบาล ผ่านคณะรัฐมนตรี และผ่านท่านผู้ทรงเกียรติ ส.ส.-ส.ว.วันนี้ ทุกคน!
ผมไม่เถียงว่า เราต้องมีระบบ ๓ จี ๔ จีใช้ และอนาคต ในระบบขนส่งมวลชนและสินค้า เราต้องมีรถไฟความเร็วสูงใช้ ควบคู่กับการก้าวสู่"เส้นทางสายใหม่"สังคมโลก-สังคมไทย แต่สิ่งที่ผมอยากให้คิด และควรคิดกันให้มาก"เป็นสิ่งแรก"ก่อนตัดสินใจลงมือทำอะไรก็คือ
ทั้งภาครัฐ-ภาคประชาชน ต้องศึกษาให้รู้ ให้เข้าใจในเรื่องนั้นให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพราะทุกอย่างมันมีมากกว่า ๒ ด้าน ถ้าสักแต่ว่าใช้อำนาจรัฐบาลทำโน่น-ทำนี่ในโครงการที่ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรี ทั้งข้าราชการยังขาดความรู้-ความเข้าใจจริงๆ หรือรู้แบบ "สักแต่ว่ารู้" ตามเขาบอกว่าดี มันโก้ มันทันสมัย เขาจะให้นั่น-ช่วยนี่ ก็ตะครุบเอา
มันจะเข้าตำรา "หลวมตัวก็เสียตูด" จะบอกให้รู้!
และประเทศเราก็มักเป็นอย่างนี้ซะด้วย ตอนเป็นคน เห็นโง่-เซ่อๆ ตามประสาคน แต่พอไม่ใช่คน "เป็นอำมาตย์" มันปราดเปรื่อง "รู้-ฉลาด" เจนจบทุกเรื่องขึ้นมาทันที-ทันใด
อย่างเรื่องรถไฟความเร็วสูงนี่ ผมเห็นตั้งแต่ผู้ออกแบบอนาคตประเทศไทย "นายวีรพงษ์ รามางกูร" เรื่อยลงมาถึงนายกฯ ถึงรองนายกฯ ถึงรัฐมนตรีทุกคนในความเป็น "คณะรัฐมนตรี" ดูรู้เรื่อง-เข้าใจกันทุกคน ขมีขมันจะร่วมมือทำกับจีน วันนี้-วันพรุ่ง แต่ผมท้าได้ทุกคน
อย่างเก่งก็เคยนั่ง high-speed rail เหมือนวัว-ควายที่บรรทุกในตู้คอกรถไฟธรรมดา ก็แค่รู้เท่านั้นว่า...นี่...รถไฟ ใช่ว่านั่งปุ๊บ ทุกอย่างมันจะออสโมซิสเป็นความรู้จริง รู้แจ้ง รู้กระจ่างถึงกระบวนการสู่ความเป็นรถไฟความเร็วสูง!
ที่นายโกร่งพูดก็ดี รัฐมนตรีคมนาคมพูดก็ดี นายกฯ พูดก็ดี "ตาบอดคลำช้าง" ทั้งนั้น ผมสังเกตพอพูดคำว่ารถไฟความเร็วสูง ทุกคนจินตนาการถึงความเร็ว ความสะดวก ความทันสมัย แล้วก็จินตนาการซ้อนเข้าถากถางกิจการรถไฟไทย อันมีสถานีหัวลำโพงเป็นรูปธรรม
อย่าพูดแต่ "ด้านดี-ด้านสะดวก" สนับสนุนความอยากทำในรัฐบาลตนให้ชาวบ้านเคลิบเคลิ้มตามไปด้านเดียวเลยครับ ไปศึกษาความพร้อมด้านการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อน เพราะบ้านเรา "ชุมชน" อยู่กันคนละที่-ละทาง เรียกว่าหมู่บ้าน ชุมชนเกิดจากบ้านจัดสรร จากอิทธิพลถิ่น และธรรมชาติที่เส้นทางสัญจรหลักคือแม่น้ำ-ลำคลอง
รถไฟความเร็วสูงนั้น ใช่ว่ารับคนต้นทางกรุงเทพฯ วิ่งจู๊ดสู่ปลายทางถึงเชียงใหม่ ตลอดเส้นทางที่วิ่งไป ชุมชนตลอดรายทางถือเป็นดีมานด์สำคัญมาก แล้วบ้านเราเป็นอย่างเกาหลี-ญี่ปุ่น-จีน-ฝรั่ง-ไต้หวันเค้ามั้ย ของเขาตามรายทางรถไฟความเร็วจะเป็นหมู่บ้าน ชุมชน เขตการค้า และจุดรับส่งสินค้าต้นทาง-ปลายทาง
นั่นคือ "ลูกค้า" ที่จะให้รถไฟความเร็วสูงอยู่ได้ โดยไม่ขาดทุนถึงขนาด "รีบทำ-รีบเจ๊ง"!
รูปการณ์ใช้ประโยชน์ที่ดินบ้านเราเวลานี้ ต่อให้วิ่งเร็ว ๕๐๐/ช.ม.ด้วย ก็ไร้ความหมาย เพราะเร็วจากต้นทางก็เท่านั้น พอจะไปสู่จุดหมายปลายทาง โน่น...ลงจากสถานีแล้ว ต้องนั่งตุ๊กตุ๊ก สามล้อ แท็กซี่ ขี่ควาย จากสถานีไปสู่ชุมชนทอดหนึ่ง และจากชุมชนก็ควานหารถต่อไปสู่จุดหมาย
"ติดแหง็ก" บนทางด่วน หรือในตลาดตัวเมืองรายทางอีกชั่วโมง!
ปรัชญา high-speed rail เร็วนั้น ลงปุ๊บ-ถึงจุดหมายปั๊บ หรือเดิน ๕ ก้าว ๑๐ ก้าวก็ถึงจุดต่อจุด สนองตอบการเดินทางที่มีเวลาเป็นตัวกำหนด โดยเฉพาะมนุษย์ "เวลาเป็นเงิน-เป็นทอง" สถานีต้นทาง-ปลายทางอยู่ในพื้นที่ตัวชุมชน ไม่ใช่อย่างถนน "เลี่ยงเมือง" ของเรา
นี่แค่ ๑ ใน ๑๐๐ ของเรื่องต้องศึกษา ต้องเข้าใจว่า high-speed rail คือ "เครื่องบินบก" ในด้านการเดินทาง สนองตอบความเร็ว-ความสะดวก ในทางกลับกัน คนโดยสารก็ต้อง "สนองตอบ" ความเร็ว-ความสะดวกด้วย "ค่าโดยสารเท่าเครื่องบินด้วย!"
สมมุตินั่งเรือบินไปเชียงใหม่เที่ยวเดียว ๓,๐๐๐ บาท นั่งรถไฟความเร็วสูงก็ต้อง ๓,๐๐๐ หรือถูกกว่าก็ ๒,๘๐๐ ประมาณนั้น ที่รัฐมนตรีคนไหนก็ลืมไปแล้วบอกว่า ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ บาทนั้น...พูดไปด๊ายยยย!
เอ้า...ก็ตรองดู แล้วจะมีกี่คนมีปัญญานั่งรถไฟความเร็วสูง เหมาว่านั่งรถไฟความเร็วสูงเช้า-เย็นวันละ ๒ เที่ยว ขี้หมู-ขี้หมา ต้องจ่ายวันละไม่หนี ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ บาท เดือนหนึ่งก็ตกค่านั่งรถไฟความเร็วสูงไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ
แค่ "แสนต้นๆ" ต่อคน เท่านั้นเอง!
พูดถึงด้านพื้นที่ ขนาด กฟผ.เขาจะสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งเวลานี้ จ่อมตรงไหน ชาวบ้านก็เฮโลไล่ตรงนั้น ทั้งที่เขาทำเพื่ออนาคตส่วนรวมประเทศแท้ๆ แต่รถไฟความเร็วสูง เอาแค่จุดให้รถไฟเลี้ยวก็กินพื้นที่ ๒๐-๓๐ กม.แล้ว ถามว่า
มีชาวบ้านคนไหนยอมทันที-ทันใดบ้าง?
ไม่ได้พูดให้ท้อนะครับ ผมสนับสนุนให้ทำ แต่อย่าทำด้วยความอยาก จงทำด้วยความรู้-ความเข้าใจ อย่าเอาแต่ว่าเขามีได้ เราก็มีได้ ลักษณะสังคมประเทศมันไม่เหมือนกัน อันที่จริง รถไฟควรทำเพื่อสนองตอบ "การขนส่งสินค้า" ด้วย เพราะนั่นจะช่วยประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน ด้านการสร้างถนนตะพึดตะพือได้มาก ซ้ำจะช่วยทำให้ค่าโดยสารลดลงได้ด้วย
ครับ...ความจริง "ที่ควรพูด" ยังไม่หมด แต่เอาเท่านี้ก่อน ขอย้ำ ศึกษาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจทำ และควรบอกข้อดี-ข้อเสีย และสิ่งที่ประชาชนต้องแบกรับภาระด้วยต้นทุน "แต่ละสาย" เป็นล้านล้านบาทด้วย.

//-------------------------------

ที่คุณเปลว สีเงินกล่าวดูถูกครั้งนี้มีส่วนถูกอยู่ไม่น้อยเลยครับ ...
Back to top
View user's profile Send private message
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 30/04/2012 10:22 am    Post subject: Reply with quote

คิดเหมือนใจ แต่ให้ตาเปลว สีเงินพูดแทนตัวดีกว่า
Back to top
View user's profile Send private message
unique
3rd Class Pass (Air)
3rd Class Pass (Air)


Joined: 12/09/2006
Posts: 258
Location: กทม.

PostPosted: 30/04/2012 1:49 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟความเร็วสูงราคาตั๋ว 1000-1200 บาท อย่าแต่ว่าไฟร่เลยครับ ราคานี้ ราษฎรอย่างผมยังคิดหนักเลยครับ Rolling Eyes
Back to top
View user's profile Send private message
Saijuk
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 04/01/2012
Posts: 7

PostPosted: 30/04/2012 8:35 pm    Post subject: Reply with quote

เหมือนที่ผมได้เคยโพสต์ไง้แล้วครับ แน่จริงทำรางคู่ให้ครบทุกเส้นทางก่อน พัฒนาระบบปัจจุบัน น่าจะดีกว่าครับ ไม่ต้องเร็วเหมือนญี่ปุ่นก็ได้ครับ พัฒนารางให้ได้มาตรฐานก่อน ให้รถทำความเร็วมากกว่านี้กี่พอแล้ว ขนาดรถจักรยังต้องรอต้องนานกว่าจะได้จัดซื้อ ช่วยซื้อรถจักรให้ใหม่ด้วยนะครับถ้าคิดจะพัฒนาจริงๆๆ
อย่างนี้น่าจะใกล้ความจริงครับ อย่าขายฝันครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 107, 108, 109 ... 548, 549, 550  Next
Page 108 of 550

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©