แนวคิดนี้น่าสนใจ ไม่ทราบว่าเคยโพสต์หรือยังกับเวบไซต์รถไฟไทย..

KT-Station

แนวคิดนี้น่าสนใจ ไม่ทราบว่าเคยโพสต์หรือยังกับเวบไซต์รถไฟไทย..

http://www.rottourthai.com/showthread.php?t=7683

จริงๆคนไทยเราก็เก่งนะ ในเรื่องการต่อเบาะโดยสาร ถ้าเอามาใช้กับรถไฟไทยเราคงจะดี ตามความเห็นของผม เห็นว่า คนไทยเราส่วนใหญ่ชอบความสะดวกสบายเป็นหลัก ซึ่งถ้ามองในเรื่องเบาะโดยสารของรถไฟไทยเมื่อเปรียบเทียบกับรถทัวร์ ผมว่าถ้ารถไฟไทยมีกลยุทธ์ในเรื่องนี้ ก็ดีไม่น้อย คือมีการปรับปรุงเบาะให้เป็นเบาะวีไอพี(ของศรีไทย ก็ยิ่งดี) ตัวเบาะไม่ต้องเป็นเบาะนวดก็ได้ แล้วการปรับปรุงสภาพภายในตัวรถ มีบริกรบนรถทุกคัน มีทีวี มีไมค์ ลำโพง และระบบขยายเสียงให้บริกรประกาศ แล้วคิดราคาค่าโดยสารเทียบกับราคา ม.4 ก รถทัวร์ ก็ยังรับได้ อย่าง DAEWOO กท.-ชม. 76 ที่นั่ง(ถ้าปรับเบาะให้เป็น.. ชั้นนั่ง VIP แล้ว) ขายราคาสัก 815 บาท จากราคารถทัวร์ 876 บาท(ถ้าคิดถึง ชม.ทุกที่นั่ง 76 x 815 = 61940 บาท จากเดิมรวม 46436 บาท มีกำไรเพิ่ม 15504 บาท ต่อ โบกี้) ยิ่งจะมีผู้คนมาใช้การบริการโดยสารรถไฟ เพราะที่เบาะนั่งสบาย ไม่แข็งโท่(เหมือนตอนนี้) มีทีวีให้ได้รับข่าวสารและความบันเทิง ความปลอดภัยสูงกว่า ราคาวีไอพีถูกกว่า เขาก็ยังรับได้ เพราะตอนนี้บุคคลภายนอกวงการรถไฟเขาไม่รู้หรอกว่ารถไฟไทยมีการจัดสรรกันยังไง สิ่งที่เขาอยากจะได้คือเรื่องที่กล่าวมา แล้วเรามองย้อนถามตัวเราดูละว่า เราอยากจะได้แบบนี้ไหม ถ้าเป็นผมๆก็อยากจะได้ อยากจะนั่งเบาะที่สะดวกสบาย มีการบริการอย่างประทับใจ รถทัวร์มีของแจก รถไฟก็คงจะมี ถ้าอย่างนี้เสียเวลาก็ไม่เกี่ยง..

KT-Station · Posted: 07/08/2012 3:53 am Post subject:

ตอนนี้ผมเข้าไปสังเกตการใช้บริการจองตั๋วบนเวบไซต์ http://58.181.228.8:8080/transport/index.php พบว่า มีผู้โดยสารส่วนใหญ่เลือกใช้บริการชั้น VIP กันเยอะมาก ส่วนชั้น 2 (ม.4ค,ม.2) พบว่า มีการจองการโดยสารน้อย ซึ่งผมลองไปสังเกตการณ์ที่หมอชิต 2 และสำรวจรถของบริษัท ขนส่ง จำกัด (999,99) ย่านชานชาลาสายเหนือขาออก(ไปตอนช่วงกลางคืน) พบว่า ผู้โดยสารมีความต้องการใช้รถ ม.4ก/ม.1ก เยอะมาก และเต็มทุกคัน ม.4ข ก็เต็มบ้างบางสายบางคัน ส่วน ม.4ค /ม.2 ค่อนข้างมีผู้โดยสารเบาบาง นั่นแสดงว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ ณ ปัจจุบัน เลือกที่จะใช้บริการรถโดยสาร VIP เป็นหลัก เมื่อเรามองทางด้านรถไฟ หากเราปรับรูปแบบสภาพภายในโบกี้โดยสารแล้ว แล้วมีการประชาสัมพันธ์ถึงรูปโฉมใหม่ แน่นอนเลยว่า ต้องมีผู้โดยสารเลือกใช้บริการรถไฟกันอย่างไม่ขาดสายแน่นอนเลยทีเดียว..

KT-Station · Posted: 07/08/2012 3:58 am Post subject:

ตัวอย่างสภาพเบาะศรีไทยของนครชัยแอร์ครับ http://www.rottourthai.com/showthread.php?p=96334
และรถชั้นปรับอากาศชั้น 2 ของนครชัยแอร์ http://www.rottourthai.com/showthread.php?p=96168
เวบไซต์เบาะศรีไทย ครับ http://www.limpaitoon.com/thai/products.php?gid=5

ทีนี้มาดู เบาะดำรงศิลป์ ครับ http://www.rottourthai.com/showthread.php?t=9094&page=2
มาดูลูกค้าของเบาะดำรงศิลป์ มีรถไฟเยอรมัน และ เวียดนาม ซะด้วย http://www.damrongsilp.co.th/main/subindex.php?page=content&category=5&id=3

ซึ่งเข้าใจครับว่า สำหรับรถไฟเราต้องเป็นเบาะหนัง โดยทั้งสองบริษัทนี้ถือได้ว่า เป็นบริษัทชั้นนำของไทย และคาดว่าน่าจะทำให้ผู้โดยสารได้เลือกใช้บริการการรถไฟฯ และเป็นหน้าเป็นตาให้กับการรถไฟฯ เลยก็ว่าได้ครับ..

KT-Station · Posted: 07/08/2012 4:59 am Post subject:

พูดถึงการรถไฟฯ ในปัจจุบัน ผมเปรียบเทียบดูแล้ว รถนั่งชั้น 2 ป. ดูจะมีกำไรเทียบเท่าหรือมากกว่ารถนอนชั้น 2 ป. เสียอีกครับ สมมติมีการปรับปรุงเบาะ ในรถ ATR 58 ที่นั่ง เช่นสาย(สมมตินะ) กท.-รด. จากเดิม 479 บาท เป็น 610 บาท (610 x 58 = 35380 บาท จากราคาเดิม 27782 บาท) หรือเราจะขายราคามากกว่านี้ผู้คนก็ยังเลือกใช้บริการ หรือถ้าสายนี้ไม่เห็นกำไร ก็เอาไปวิ่งสายอื่นแทนก็ไม่เสียหาย..

headtrack · Posted: 07/08/2012 11:16 am Post subject:

^...กำไรเท่ากันก็จริง แต่ความต้องการซื้อและส่วนแบ่งการตลาดอีกอย่างอาจมีมากกว่าอีกอย่างก็ได้...!?!

(ผมไม่เน้นรายละเอียดนะว่าดีเซลรางหรือรถพ่วง รถทัวร์ปอหนึ่งมอสี่ขอละไว้ละกันครับ...!?!)
(1)___ในแง่กายภาพ
- รถนั่งปรับอากาศชั้นสอง VS รถทวร์ปรับอากาศ (ทุกวันนี้เรียบวุธ...แม้ยังมีคนโดยสารแต่ผมว่าส่วนหนึ่งเท่านั้นที่คิดเปนทางเลือกแรก)
- รถนอนปรับอากาศ VS ...?!?... (ไม่มีใครทำนอนราบได้อย่างเรา อย่างมากก็เอนเยอะ ขายได้กับกลุ่มไม่แคร์เวลาขอให้ได้นอนยาวๆเช้าตื่นมาเที่ยว)

(2)___ในแง่ค่าโดยสาร
- รถนั่งปรับอากาศชั้นสอง VS รถทวร์ปรับอากาศ (ถ้าทำให้ใช้เวลาเดินทางดีกว่าไม่ได้ ความสบายแม้ทำได้พอกัน แต่แพงกว่า ก็...?!?)
- รถนั่งปรับอากาศชั้นสอง VS โลว์คอสต์ (ไม่ต้องอธิบายกระมัง แม้ถูกกว่า แต่ก็ขายได้กับคนไม่ชอบขึ้นเครื่องบินจริงๆ...!?!)
- รถนอนปรับอากาศ VS รถทัวร์ปรับอากาศ (แพงกว่า ใช้เวลามากกว่า...แต่ได้นอนยาวๆ...!?!)
- รถนอนปรับอากาศ VS โลว์คอสต์ (เทียบตัวต่อตัวพอกัน/แพงกว่า ใช้เวลามากกว่า...แต่ได้นอนยาวๆ...ขายได้กับคนไม่ชอบขึ้นเครื่องบินและ
ต้องการเสพทิวทัศน์บ...!?!)

...โอกาสในการขายของรถไฟจึงมาตกที่ตลาดที่ไม่ไมีใครทำมาแข่ง เพราะถ้าเทียบเรื่องเวลาในการเดินทาง ราคา และความเชื่อถือได้นั้น ปัจจุบันก็ทราบกันอยู่...!?!

...หากสามารถทำ พวกเบาะ สิ่งอำนวยความสะดวก รายละเอียดในรถนั่งปรับอากาศทั้งหลาย ให้ดีขึ้น แล้วสามารถเก็บค่าโดยสารอัตราเดิมได้
...อย่างนั้นพอมีสิทธิ์ที่จะกู้ตลาดรถนั่งครับ...!?!

(อย่าลืมว่ารถทัวร์หลายเจ้าที่เปลี่ยนรถใหม่บ่อยๆ ผู้ใช้บริการเขารู้สึกว่าเก็บอัตราเดิม ...
แต่หากเปนรถไฟ ถ้าบอกว่าเพิ่มราคาเพราะรถทำใหม่ ผู้โดยสารจะรู้สึกว่าทีเอารถเก่ามาเดินไม่เห็นลดราคาล่ะ...!?!)

...
_________________

Find me on Instagram: @632knongtsaikhaow

thanaratKK · Posted: 07/08/2012 1:51 pm Post subject:

รถนั่งแอร์ มีการคิดค่าแอร์ตามกิโลเมตร
ระยะไม่เกิน 500 กม. จึงดูมีหวังจะแข่งได้ง่ายที่สุด ถ้าหากนั่งเกิน 500 กม.ขึ้นไป ก็เสียค่าธรรมเนียมแอร์เป็น 110 บาท เพิ่มอีก 40 บาท ก็จะได้รถนอนพัดลมเตียงล่างแล้วครับ
ซึ่งจุดต่างรถนั่งแอร์กลางคืนกับรถนอนกลางคืน คือรถนั่งจะไม่ปิดไฟ และเปิดโล่ง คนเดินเข้ามาก็เห็น แต่รถนอนจะเสมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัวจนกว่าจะเก็บเตียง
และเมื่อเทียบกับรถทัวร์ รถนั่งของรถทัวร์เวลากลางคืนจะปิดไฟครับ ทั้งนี้เหตุผลความปลอดภัยครับ

ตอนนี้ได้ข่าวว่าค่ายดังอย่างนครชัยกำลังไปเจาะตลาดที่อุดรครับ กำลังขอสัมปทานครับ