View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 13/03/2014 8:09 am Post subject: |
|
|
นานาทัศนะของหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ กรณีศาลรัฐธรรมนูญตีตกโครงการ 2 ล้านล้าน
มติชนออนไลน์ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19:45:27 น.
จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งในส่วนของเนื้อหาและกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.นั้น
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า อยากถามศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคำตัดสินที่ชี้ว่าขั้นตอนของการตราและเนื้อหาของ พ.ร.บ. ดังกล่าวเป็นการกระทำที่เข้าข่ายแทรกแซงอำนาจของฝ่ายบริหารหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ดำเนินการตราและร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมาตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามหลักการ โดยได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและรอบคอบ โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นกับรัฐบาลเป็นที่ยุติแล้วว่ารัฐบาลสามารถดำเนินการ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ และไม่ขัดต่อกฎหมายใดๆทั้งสิ้น
นายประภัสร์ กล่าวว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทที่ตกไปทำให้ ร.ฟ.ท.ไม่สามารถเดินหน้าโครงการพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายทางคู่ทั่วประเทศ 28 โครงการ วงเงินรวมประมาณ 1.2 ล้านล้านบาทได้ตามแผนงานที่กำหนด ซึ่งจะทำให้ระบบรางของไทยไม่สามารถแข่งขันกับชาติอื่นในอาเซียนได้ ทั้งด้านการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการภายในประเทศ แต่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว หากรัฐบาลเห็นว่าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ยังมีความสำคัญต้องทำต่อ ก็อาจเสนอใช้เงินส่วนอื่นเข้ามาดำเนินการ
ทั้งนี้สำหรับแผนงานพัฒนาข่ายทางคู่ที่มีแผนจะดำเนินการคือ การก่อสร้างรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท รถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท รถไฟทางคู่สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท รถไฟทางคู่สายถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาทและ รถไฟทางคู่สายขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะล่าช้าอย่างแน่นอน
ขณะที่นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า แผนการลงทุนในโครงการบูรณทางหลวงสายหลักระหว่างภาคจำนวน 56โครงการและโครงการก่อสร้างขยาย 4 ช่องจราจรเพื่อเพื่อประสิทธิภาพทางหลวงทั่วประเทศ วงเงินประมาณ 2.4 แสนล้านบาท คงต้องชะลอออกไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนทั่วประเทศ เนื่องจากปัจจุบันถนนทางหลวงหลายสายมีสภาพชำรุดมาก หากรัฐบาลไม่เร่งรัดบูรณะซ่อมแซมโดยเร็วจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลจะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักบนทางหลวง เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการโครงการขยายถนน4ช่องจราจรได้ตามเป้าหมาย แต่หากรัฐบาลเห็นว่าโครงการต่างๆ มีความจำเป็นต้องการเร่งรัด สามารถที่จะจัดสรรงบประมาณปี 2558 เพื่อนำมาใช้ดำเนินการได้ หรืออาจจะพิจารณากู้เงินจากแหล่งอื่นแทนได้
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า หลังจากนี้ กรมทางหลวงชนบทคงต้องจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความจำเป็นให้ไปบรรจุอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2558 แทน เช่น โครงการก่อสร้างสะพานและอุโมงค์ข้ามทางรถไฟ โครงข่ายทางหลวงชนบทเชื่อมต่อด้านการท่องเที่ยว โครงข่ายถนนทางหลวงชนบทเชื่อมต่อการค้า การลงทุน และการขนส่ง เป็นต้น โดยคาดว่าจะทำให้งบประมาณในปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 71,000 ล้านบาท จากปี 2557 ที่ได้รับงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 38,000 ล้านบาท |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 18/03/2014 4:27 pm Post subject: |
|
|
ร.ฟ.ท. ยัน เดินหน้ารถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง
Money Channel วันอังคาร, 18 มีนาคม 2557 15:52
ร.ฟ.ท. ยืนยัน เดินหน้ารถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างวิเคราะห์ผลกระทบ EIA
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้ศึกษาและออกแบบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทางเสร็จเรียบร้อบร้อยแล้ว คือ
1.สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร
2.สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร
3.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร
4.สายนครราชสีมา-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร และ
5.สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร
โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างเสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) เมื่อผ่านการพิจารณาจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ชุดใหม่อนุมัติเพื่อดำเนินการก่อสร้างทันที
ทั้งนี้ในส่วนของการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่จำนวน 20 คัน จะเริ่มรับมอบตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนครบทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดยหัวรถจักรดังกล่าวจะมีขนาดใหญ่เพื่อนำไปใช้ในการขนส่งสินค้า จากนั้น ร.ฟ.ท.จะนำหัวรถจักรเก่าที่ใช้ขนส่งสินค้าในปัจจุบันมาใช้ขนส่งผลโดยสารแทน ซึ่งจะช่วยให้มีหัวรถจักรมาให้บริการผู้โดยสารได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
นายประภัสร์ กล่าวว่า สำหรับการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่อีก 57 คัน เพื่อนำมาให้บริการผู้โดยสารนั้น จะเริ่มขายเอกสารประกวดราคาในเดือนมีนาคมนี้ จากนั้นจะเปิดประกวดราคาได้ประมาณไตรมาส 3 เมื่อได้บริษัทชนะการประมูลแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะรับมอบหัวรถจักรใหม่มาให้บริการได้ ส่วนการซ่อมหัวรถจักรเก่าที่มีอยู่แล้วเพื่อให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีก 56 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะซื้อใหม่หรือซ่อม เพราะหากซื้อใหม่จะใช้เงินประมาณ 100 ล้านบาทต่อคัน ได้หัวรถจักรใหม่40 คัน แต่หากซ่อมจะใช้เงิน 50 ล้านบาทต่อคัน และได้หัวรถจักร 56 คันเท่าเดิม ซึ่งก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดถึงความคุ้มค่าของการลงทุนอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตนั้น ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนที่ต้องปรับแบบเพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) เช่น สถานีกลางบางซื่อ ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะต้องรอเสนอรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นหลังจากมีการปรับแบบการก่อสร้างใหม่ให้รองรับไฮสปีดเทรนก่อน หากก่อสร้างตามแบบเดิมซึ่งไม่รองรับไฮสปีดเทรนแล้ว ต้องรื้อใหม่เมื่อมีการก่อสร้างในอนาคตจะต้องใช้งบลงทุนเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 20/03/2014 4:41 pm Post subject: |
|
|
หอการค้าเหนือ-อีสานลุ้นรบ.ใหม่สร้างรถไฟรางคู่
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 20 มีนาคม 2557 15:15
หอการค้าเหนือ-อีสาน ลุ้นรัฐบาลใหม่เร่งลงทุนโครงการรถไฟรางคู่ หนุนเศรษฐกิจภูมิภาคคึกคัก
นายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ หอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในการประชุมหอการค้าเมื่อเร็วๆนี้ ภาคเอกชนมีความเห็นร่วมกันว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาทไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยวิธีการกู้เงิน ตามพ.ร.บ.แต่ประเทศไทยยังมีความจำเป็นต้องมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่อไป โดยการมีเงื่อนไขเรื่องข้อจำกัดของเงินลงทุทรัฐบาลต่อไปจึงต้องมีการจัดลำดับความสำคัญโครงการ โดยมองว่าโครงการที่จะต้องลงทุนเป็นลำดับแรกๆ คือ โครงการการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟทางคู่ จะช่วยปรับปรุงระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของไทย จากระบบถนนไปสู่ระบบรางมากขึ้น เนื่องจากความเร็วของรถไฟจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันวิ่งได้ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะเพิ่มเป็น 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งทางราง และยังเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยสนับสนุนการเดินทางและการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือให้มากขึ้นด้วย
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ซึ่งเดิมตามแผนระยะแรกจะสร้างถึงพิษณุโลก ต้องเลื่อนออกไปก่อนคาดว่าจะมีผลกระทบเฉพาะธุรกิจที่ดินและบ้านจัดสรรเท่านั้น แต่การพัฒนาด้านอื่นๆในพื้นที่ภาคเหนือยังเดินหน้าต่อไปโดยมีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการค้าและการลงทุน กับ ลาว พม่า จีนตอนใต้ และเวียดนามซึ่งในขณะนี้ระบบถนนค่อนข้างมีความสมบูรณ์แล้ว ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับเส้นทางของประเทศเพื่อนบ้านในแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West corridor) และแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ - ตะวันตก (North-West corridor ) แม้ว่าในบางพื้นที่ยังเป็นถนน 2 เลนส์ก็ตามคาดว่าจะมีการขยายถนนที่ไปเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอีกในอนาคต
ด้านนายประพันธ์ เตชะสกลกิจกูร ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันนออกเฉียงเหนือ หอการค้าไทย กล่าวว่าภาคเอกชนในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือต้องการให้มีการลงทุนในโครงการรถไฟรางคู่ก่อนก่อนโครงการอื่นๆ ส่วนโครงการถนนก็พิจารณาตามลำดับความสำคัญแต่ก็ควรมีการเร่งรัดโครงการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา ให้เป็นโครงการในลำดับแรกๆที่จะมีการลงทุนด้วย เพราะในปัจจุบันการจราจรในบางช่วงมีปัญหาคอขวดของการขนส่งของภาคกลางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือการก่อสร้างถนนในเส้นทางดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้โดยเฉพาะช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดใน จ.นครราชสีมา
ส่วนการชะลอโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย มีผลกระทบเฉพาะธุรกิจที่ดินและบ้านจัดสรรเท่านั้นแต่การลงทุนด้านอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉี่ยงเหนือยังมีความน่าสนใจและได้รับการตอบรับจากภาคเอกชนเป็นอย่างดี เนื่องจากภาคเอกชนเห็นโอกาสในการผลิตสินค้าเพื่อส่งต่อไปยัง กัมพูชา ลาว และเวียดนาม โดยเมื่อเร็วๆนี้ประเทศจีนได้เข้ามาตั้งสถานกงศุลในจังหวัดขอนแก่น เพื่อประสานงานให้กับภาคเอกชนของจีนในการเข้ามาทำธุรกิจและลงทุน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มีความสำคัญมากขึ้นของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉี่ยงเหนือของไทนย
"โอกาสในการลงทุน และการขยายตัวของการค้าในภาคอีสานยังมีโอกาสอีกมาก และการเติบโตที่ค่อนข้างสูงของการค้าชายแดน โดยเฉพาะในจังหวัดหลัก คือ นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น และอุดรธานี การพิจารณาโครงการต่างๆรัฐบาลควรพิจารณาจากความต้องการด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ มิใช่เหตุผลทางการเมืองเพราะงบประมาณมีจำกัดและมีความจำเป็นต้องให้เกิดประโยชน์ในการลงทุนสูงที่สุด
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ มีโครงการเร่งด่วน 5 โครงการที่ถูกบรรจุอยู่ในโครงการ 2 ล้านล้านบาท มีมูลค่าการลงทุน 118,034 ล้านบาท ระยะทางรวม 797 กิโลเมตร ประกอบด้วย
1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร วงเงินลงทุนประมาณ 1.62 หมื่นล้านบาท
2.โครงการนครปฐม-หัวหิน มูลค่า 2.83 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 165 กิโลเมตร
3.โครงการมาบกะเบา-นครราชสีมามูลค่า 2.119 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 132 กิโลเมตร
4.โครงการนครราชสีมา-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร มูลค่า 2.922 หมื่นล้านบาท และ
5.โครงการประจาบคีรีขันธ์-ชุมพร ลงทุน 1.768 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 167 กิโลเมตร |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 22/03/2014 1:13 am Post subject: |
|
|
กิตติรัตน์ ลั่นไม่ถอดโครงการรถไฟทางคู่
ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22:00 น.
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงโครงการ 2 ล้านล้านบาทว่าจริงหรือไม่ที่รัฐบาลยกเลิกโครงการรถไฟทางคู่ของรัฐบาลชุดที่แล้วเพื่อรอ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่าถ้ารัฐบาลดำเนินการในระบบปกติหลายโครงการคงสำเร็จลุล่วงไปมากกว่านี้ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ที่มีแผนแม่บทออกมาในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณ 176,000 ล้านบาท แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลก็มีมติให้ยุติการใช้เงินงบประมาณเพื่อรอใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ทำให้เสียเวลาไปกว่า 2 ปี
สำหรับข้อเท็จจริงเรื่องนี้ 176,000 ล้านบาท เป็นยอดรวมในแผนแม่บทรถไฟทางคู่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยมีระยะทางเพียง 767 กิโลเมตรเท่านั้น ทั้งๆ ที่ควรต้องสร้างทั้งสิ้น 4,000 กิโลเมตร นอกจากนั้น การจัดสรรงบประมาณแต่ละปีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพิจารณาในแต่ละปี ซึ่งในปีงบประมาณ 2554 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์มีการจัดสรรทั้งงบประมาณและเงินกู้มียอดรวมกัน 5,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้ ยืนยันไม่เคยมีการพิจารณาของครม. ปัจจุบัน ที่ไปปฏิเสธหรือไปทำให้งบประมาณที่เคยถูกจัดสรรไว้เลิกไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 27/03/2014 8:06 pm Post subject: |
|
|
ดันรถไฟทางคู่เชื่อมมาเลเซีย
โดย ไฟเหลือง failuang@dailynews.co.th
คอลัมน์เดินหน้าเลี้ยวซ้าย
เดลินิวส์
วันอังคาร 4 มีนาคม 2557 เวลา 08:38 น.
แม้ปัญหาการเมืองยังติดขัด ไม่รู้จะออกทางไหน แต่ฟากผู้ปฏิบัติงานประจำก็พยายามหาทางผลักดันโครงการในความรับผิดชอบกันต่อไป ล่าสุดมีรายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่
แม้ปัญหาการเมืองยังติดขัด ไม่รู้จะออกทางไหน แต่ฟากผู้ปฏิบัติงานประจำก็พยายามหาทางผลักดันโครงการในความรับผิดชอบกันต่อไป ล่าสุดมีรายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่
กระทรวงคมนาคม เตรียมศึกษาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์เชื่อมต่อมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเรื่องนี้คุณจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ระบุว่า หลังจาก สนข.ศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯเชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯพิษณุโลก แล้วเสร็จ และศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯเชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลกเชียงใหม่ ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง
ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ระยะ 2 กว่า 2 เดือน โดยให้นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป มีส่วนร่วม สนข.จึงได้จัดกิจกรรมประกวดแนวคิดการออกแบบภายในสถานีรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก-เชียงใหม่ 3 สถานี ประกอบด้วยสถานีพิษณุโลก-ลำปางและเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ รวมมูลค่าเงินรางวัล 540,000 บาท สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างสถานีผู้โดยสาร สนข.จะเป็นผู้ออกแบบผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กล่าวด้วยว่า อีก 2 เดือน สนข.จะเริ่มศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯหนองคาย ระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย และเตรียมขออนุมัติงบประมาณปี 2558 ศึกษาออกแบบและก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 80 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อรถไฟประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นรูปแบบรถไฟฟ้าทางคู่ ทำความเร็วได้ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เสียดายมากที่สุด จากปัญหาความยุ่งเหยิงทางการเมือง ก็คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงนี่แหละ ผมเห็นด้วยควรต้องมี เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองในแนวสายทางที่รถผ่านได้ระดับหนึ่ง ยังเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางของประชาชนตามหัวเมืองใหญ่ ที่รายล้อมรอบกรุงเทพฯ ช่วยลดขนาดกรุงเทพฯ ไม่ให้บวมโตจนเละเทะมากไปกว่านี้
ที่จริงผมเชียร์สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพราะเชียงใหม่โตมากจนต้องเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้มากกว่านี้ แต่เท่าที่ทราบผลตอบแทนการลงทุน และอื่น ๆ สายไปทางภาคอีสาน ก็ใช้ได้ทีเดียว แล้วทางสายใต้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารน่าจะมากที่สุด เพราะคนใต้คุ้นเคยเดินทางด้วยรถไฟ แต่คงต้องเลือกล่ะครับ ไม่เห็นด้วยที่ต้องกู้เงินล้านล้านมาสร้างให้ครอบคลุมขนาดนั้น เริ่ม 1 สายก่อน ที่เหลือปรับเป็นรถไฟรางคู่
อนาคตค่อย ๆ ปรับเพิ่มยังได้. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 21/04/2014 5:15 pm Post subject: |
|
|
6 พี่บิ๊กรับเหมาไทยมาครบทีม
ออนไลน์เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2014 เวลา 09:28 น.
ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
ตีพิมพ์ใน จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,940 วันที่ 17 - 19 เมษายน พ.ศ. 2557
ยักษ์รับเหมา 6 กลุ่มแห่ยื่นซองประกวดราคาก่อสร้างรถไฟทางคู่คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 1 ค่ากว่า 1 หมื่นล้าน ครบทีมทั้งอิตาเลียนไทย-ซิโน-ไทย-ยูนิค-กิจการร่วมค้าทีซีซี-เอ.เอส.แอสโซซิเอท ส่วน ช.การช่างผนึก กลุ่ม ช.ทวีก่อสร้าง "จเร" เผยเร่งพิจารณาและต่อรองราคาให้แล้วเสร็จเพื่อนำเสนอครม.ในรัฐบาลชุดใหม่ให้พร้อมลงนามสัญญาได้ในส.ค.-ก.ย.นี้
นายจเร รุ่งฐานีย วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าตามที่ได้มีการกำหนดให้บริษัทผู้รับเหมาต่างๆที่ซื้อซองเอกสารประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) 3 แห่ง วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท (ราคากลางคิดเป็นเงิน 1.01 หมื่นล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว) ยื่นซองในวันที่ 10 เมษายน 2557 ปรากฏว่ามีผู้สนใจจำนวนทั้งสิ้น 6 กลุ่มบริษัทซึ่งล้วนเป็นบริษัทรับเหมาชั้นนำในประเทศไทยทั้งสิ้น
สำหรับทั้ง 6 บริษัท ประกอบไปด้วย
1.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
2.บริษัทกิจการร่วมค้า ทีซีซี จำกัด
3.บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
4.กิจการร่วมค้า ซีเคซีเอช (บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด)
5.บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) และ
6. บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง(1964) จำกัด
นายจเรกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ร.ฟ.ท.จะต้องตรวจสอบเอกสารและประเมินคุณสมบัติทั่วไปและด้านเทคนิค ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน คาดว่าภายใน 15 พฤษภาคมนี้น่าจะทราบผลการพิจารณาผู้มีสิทธิ์เสนอราคาเพื่อเข้าสู่กระบวนการอีออกชันต่อไป ประมาณ 2-3 สัปดาห์จึงจะเคาะราคาแล้วเสร็จ ซึ่งช่วงต้นมิถุนายน 2557 คงจะสามารถแจ้งผลการพิจารณาให้ทราบก่อนที่จะดำเนินการต่อรองราคาให้ได้ตามวงเงินที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กำหนดไว้
"หลังจากนั้นจึงจะนำเสนอคณะกรรมการการรถไฟฯอนุมัติจ้างในรายที่เสนอราคาต่ำสุด คาดว่าประมาณสิงหาคม-กันยายน 2557 จะลงนามสัญญาจ้างกับผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลในครั้งนี้ สำหรับการนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลชุดใหม่รับทราบนั้นเนื่องจากเป็นการใช้เงินกู้ภายในประเทศ มีการอนุมัติประกวดราคาจึงต้องนำเสนอครม.รับทราบก่อน ส่วนการดำเนินงานโครงการขณะนี้ยังเป็นไปตามแผนที่กำหนด สำหรับการประกวดราคาสัญญาที่ 2 นั้นไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด โดยจะเร่งดำเนินการประมูลให้ต่อเนื่องกันไป"
ทั้งนี้โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 อนุมัติให้ ร.ฟ.ท. ดำเนินโครงการเพื่อให้เชื่อมโยงกับช่วงศรีราชาแหลมฉบังที่เปิดให้บริการได้แล้วในปัจจุบันนี้เป็นการก่อสร้างทางรถไฟคู่ขนานเส้นทางเดิม มีการก่อสร้างช่วงอุโมงค์บริเวณเขาพระพุทธฉายจากสถานีฉะเชิงเทราถึงสถานีวิหารแดง ระยะทาง 78 กิโลเมตร และจากสถานีบุใหญ่ถึงสถานีแก่งคอย ระยะทาง 19 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 97 กิโลเมตร รวมทั้งงานก่อสร้างทางคู่เลี่ยงเมืองอีก 3 แห่งคือที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา แก่งคอย และบ้านภาชี รวมระยะทางประมาณ 7.1 กิโลเมตร พร้อมงานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดแนวเส้นทาง งานก่อสร้างสะพานรถไฟคอนกรีตเสริมเหล็ก 57 แห่ง รวมความยาว 4,763 เมตร งานก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 แห่ง รวมความยาวประมาณ 212 เมตร งานก่อสร้างท่อและการระบายน้ำ และงานก่อสร้างอื่นๆที่เกี่ยวข้องตามแบบคิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านบาท |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 08/05/2014 5:47 pm Post subject: |
|
|
ลุ้นผ่านอีไอเอ "ทางคู่"5เส้น 1.76แสนล้าน
ไทยโพสต์ Thursday, 8 May, 2014 - 00:00
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้ศึกษาและออกแบบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทางเสร็จแล้ว โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างเสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เมื่อผ่านการพิจารณา จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่อนุมัติ เพื่อดำเนินการก่อสร้างทันที
สำหรับเส้นทางรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง คือ
1.สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร
2.สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร
3.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร
4.สายนครราชสีมา-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร และ
5.สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร
ทั้งนี้ งบประมาณคาดว่าจะใช้วงเงินกู้ 1.76 แสนล้านบาท ที่ ครม.เคยอนุมัติให้ ร.ฟ.ท.ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการให้บริการ แทนการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท
ด้านนายจเร รุ่งฐานีย์ วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ร.ฟ.ท. กล่าวถึงเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ที่แยกออกเป็น 2 สัญญา รวมมูลค่าก่อสร้าง 1.1 หมื่นล้านบาท โดยสัญญาแรก เปิดประมูลและอยู่ระหว่างพิจารณาคุณสมบัติผู้รับจ้าง ส่วนสัญญาที่ 2 คาดว่าเร็วๆ นี้จะสามารถเปิดประมูลได้. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44770
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 13/05/2014 7:41 pm Post subject: |
|
|
ประกาศฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง
การรถไฟแห่งประเทศไทย
เรื่อง ประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ ๒ งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ พร้อมอุโมงค์รถไฟ
- - - - - - - - - - - - - - -
เลขที่ กส.2/ปก./2557
http://www.railway.co.th/auction/system/Declaration.asp?NumDC=20766
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีความประสงค์จะประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยขอบเขตและรายละเอียดสังเขปของงานสัญญาที่ ๒ งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ พร้อมอุโมงค์รถไฟ ที่ต้องการจ้างมี ดังนี้
งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เพิ่ม 1 ทาง ขนานเส้นทางรถไฟเดิม เริ่มจากหลังสถานีวิหารแดงไปสิ้นสุดที่ก่อนเข้าสถานีบุใหญ่ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร
งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟทางเดี่ยวคู่ขนานกับอุโมงค์ทางเดี่ยวเดิมลอดผ่านใต้เขาพระพุทธฉาย รวมระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร
งานก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 แห่ง รวมความยาวประมาณ 60 เมตร
ราคากลาง 621,063,070.00 บาท
.
.
.
10. กำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ วันที่ 6 สิงหาคม 2557
ประกาศ ณ วันที่ 8 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2557
( ลงนาม ) ประภัสร์ จงสงวน
( นายประภัสร์ จงสงวน )
ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 16/05/2014 3:22 pm Post subject: |
|
|
^^^
เปิดประมูลทางคู่ 621 ล้าน ช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอย/พ่วงอุโมงค์รถไฟ
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อ วันพุธที่ 14 พฤษภาคม 2014 เวลา 12:49 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,948 วันที่ 15 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
ร.ฟ.ท.เปิดประกวดราคาสัญญาที่ 2 ก่อสร้างรถไฟทางคู่สายชายฝั่งทะเลตะวันออกเส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่พร้อมอุโมงค์รถไฟ วงเงินกว่า 621 ล้าน ขายซอง 15-21 พ.ค.นี้ เผยผู้ประสงค์เสนอราคาต้องมีผลงานก่อสร้างงานอุโมงค์ทางรถไฟ-รถไฟฟ้าหรือถนนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 5 เมตรด้วยวิธี NATM, TBM ที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 180 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จไม่เกิน 25 เดือน
นายจเร รุ่งฐานีย วิศวกรใหญ่ ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าร.ฟ.ท.โดยฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้างเปิดประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ พร้อมอุโมงค์รถไฟ
"ขอบเขตของงานสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ พร้อมอุโมงค์รถไฟ ที่ต้องการจ้างมีดังนี้คือ งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เพิ่ม 1 ทาง ขนานเส้นทางรถไฟเดิม เริ่มจากหลังสถานีวิหารแดงไปสิ้นสุดที่ก่อนเข้าสถานีบุใหญ่ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟทางเดี่ยวคู่ขนานกับอุโมงค์ทางเดี่ยวเดิมลอดผ่านใต้เขาพระพุทธฉาย รวมระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร และงานก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 แห่ง รวมความยาวประมาณ 60 เมตร ส่วนราคากลางของงานก่อสร้างในการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ครั้งนี้เป็นเงินทั้งสิ้น 621,063,070 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว"
ทั้งนี้ผู้มีสิทธิเสนอราคาจะต้องมีผลงานก่อสร้างงานอุโมงค์สำหรับทางรถไฟหรือรถไฟฟ้าหรือถนน หรืองานอุโมงค์อื่นๆ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 5 เมตร ก่อสร้างด้วยวิธี New Austrian Tunneling Method (NATM) หรือด้วย Tunneling Boring Machine (TBM) โดยผลงานก่อสร้างงานอุโมงค์ที่มีมูลค่าก่อสร้างในสัญญาเดียวไม่น้อยกว่า 180 ล้านบาทถ้วน(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) และต้องเป็นผลงานที่เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานเอกชนที่ รฟท. เชื่อถือ
สำหรับการพิจารณาผลงานนั้น ร.ฟ.ท.ยึดถือหลักเกณฑ์ว่าหากผลงานที่นำมายื่นเป็นผลงานที่ส่งมอบงานโดยสมบูรณ์แล้ว ผลงานดังกล่าวต้องแล้วเสร็จเป็นเวลาไม่เกิน 15 ปีนับถึงวันที่ยื่นซอง โดยต้องมีสำเนาสัญญาจ้างและหนังสือรับรองผลงานพร้อมแสดงมูลค่าของงาน แต่หากผลงานที่นำมายื่นเป็นผลงานของโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ ต้องเป็นผลงานในส่วนที่ส่งมอบงานและผู้ว่าจ้างออกหนังสือรับมอบงานในส่วนนั้นแล้วเท่านั้น ซึ่งต้องมีมูลค่าที่ส่งมอบแล้วไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ โดยต้องมีสำเนาสัญญาจ้างและรับรองสำเนาถูกต้อง และต้องมีหนังสือรับรองผลงานอย่างเป็นทางการพร้อมแสดงวงเงินของงานส่วนที่ได้ส่งมอบงานแล้วมายื่นต่อ ร.ฟ.ท.
นายจเรกล่าวอีกว่า ในกรณีที่ผู้ประสงค์จะเสนอราคาเป็นผู้รับจ้างในลักษณะเป็นกิจการร่วมค้า (Joint Venture หรือ Consortium) สำหรับผลงานในอดีตที่อ้างถึง จะต้องมีสัดส่วนความรับผิดชอบของผลงานในอดีตที่คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ โดยต้องมีหนังสือรับรองผลงานที่แสดงมูลค่าของงานที่รับผิดชอบซึ่งออกโดยผู้ว่าจ้าง และสำเนาข้อตกลงร่วมค้ารับรองสำเนาถูกต้อง แสดงการเข้าร่วมเป็นกิจการร่วมค้า ที่แสดงสัดส่วนความรับผิดชอบของผู้ประสงค์จะเสนอราคา และสำเนาสัญญาจ้างรับรองสำเนาถูกต้องมายื่นต่อ ร.ฟ.ท. ด้วย
"ร.ฟ.ท.กำหนดว่าต้องปฏิบัติงานที่รับจ้างตามสัญญาให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาไม่เกิน 25 เดือน นับจากวันที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงานของ ร.ฟ.ท. และรับประกันผลงาน 24 เดือน นับจากวันที่งานแล้วเสร็จสมบูรณ์ ผู้ประสงค์จะเสนอราคาต้องยื่นเอกสารการประกวดราคาในวันที่ 19 มิถุนายน 2557 โดยร.ฟ.ท. สงวนสิทธิ์ที่จะทำสัญญาจ้างกับผู้ชนะการประกวดราคาเมื่อได้รับงบประมาณจากรัฐบาล"
ผู้สนใจติดต่อขอซื้อเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ศูนย์โครงการก่อสร้าง ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ตึกพัสดุการรถไฟแห่งประเทศไทย ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ได้ตั้งแต่วันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2557 ในราคาชุดละ 2 แสนบาทถ้วน(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้ชำระเป็นเงินสดหรือแคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย "การรถไฟแห่งประเทศไทย" ที่กองการเงิน ฝ่ายการเงินและการบัญชี โดยร.ฟ.ท.กำหนดแจ้งผลผู้มีสิทธิ์เสนอราคาในวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 และกำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์วันที่ 6 สิงหาคม 2557 |
|
Back to top |
|
|
|