RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311296
ทั่วไป:13272818
ทั้งหมด:13584114
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว Airport Link
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว Airport Link
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 104, 105, 106 ... 159, 160, 161  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ARL)
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 08/02/2014 9:03 pm    Post subject: Reply with quote

อัดฉีด 260 ล้าน เพิ่มสภาพคล่องแอร์พอร์ตลิงก์
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
7 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 10:03:41 น.


แอร์พอร์ต ลิงก์ยังไม่พ้นวิกฤต วิ่งหาเงินเพิ่มทุนจดทะเบียน หลังใช้ 140 ล้านเกลี้ยงกระเป๋า ร.ฟ.ท.เซ็นจ่ายค่าจ้างรายปี 260 ล้าน เติมสภาพคล่อง ซื้อใจพนักงาน 500 คน หวั่นสมองไหล เร่งซ่อมระบบใหม่ รับมือผู้โดยสารเพิ่ม 5 หมื่นเที่ยวคนต่อวัน จัดเซตแผน 3 ระยะ ยกระดับบริการ ทั้งทะลวงจุดบอดทางเข้า-ออกและซื้อรถ ลุ้นรัฐบาลใหม่ไฟเขียวโครงสร้าง

นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพคล่องของบริษัทเริ่มดีขึ้น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เซ็นสัญญาจ้างเดินรถกับบริษัทเป็นแบบรายปี ในปี 2556 จำนวน 215 ล้านบาทและปี 2557 จำนวน 260 ล้านบาท จากเดิมขอเบิกจ่ายเป็นรายเดือนเฉลี่ยเดือนละ 14.5 ล้านบาท จะใช้เวลานานกว่าจะได้เงินมาใช้จ่ายหมุนเวียนในบริษัท เช่น จ่ายเงินเดือนพนักงาน ค่าบำรุงรักษาระบบ



"พนักงาน 500 คนมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อมีเงินก้อนมาใช้จ่ายแต่ละเดือน ทำให้ลาออกน้อยลง อีกอย่างผู้โดยสารเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเฉลี่ยอยู่ที่ 5 หมื่นเที่ยวคนต่อวัน ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ในปี 56 อยู่ที่ 518 ล้านบาท มองเห็นอนาคตของบริษัทที่เติบโตปีละ 7-10% ทำให้มีกำลังใจขึ้น"

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทใช้เงินทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายการบริหารงานไปหมดแล้ว จึงต้องหาเงินก้อนใหม่มาเพิ่มทุน โดยจะเจรจา ร.ฟ.ท.เพื่อขอเงินมาคืนทุนเดิม

"ปัจจุบันบริษัทมีค่าจ้างแต่ละปีเลี้ยงตัวเอง กำลังหารือ ร.ฟ.ท.ขอเอาเงินมาคืนทุนเดิม ก่อนหน้านี้เราเดินรถให้และ ร.ฟ.ท.ยังไม่จ่ายค่าจ้างบางส่วนให้ จึงใช้เงินทุนจดทะเบียนมาเป็นค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนไปก่อน จะนำเงินค่าจ้างที่เป็นหนี้สินตกค้างกันอยู่มาคืนทุนเดิม" นายพีรกันต์กล่าวและว่า ส่วนโครงสร้างใหม่ ได้ข้อสรุปบริษัทยังคงเป็นบริษัทลูก ร.ฟ.ท. โดยมี ร.ฟ.ท.ถือหุ้นเกือบ 100% แต่แยกการบริหารงานออกมา และปรับบทบาทบริษัทเป็นผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าเพื่อให้คล่องตัว รวมถึงปรับโครงสร้างการเงินของบริษัทใหม่ จะแบ่งแยกสินทรัพย์กับ ร.ฟ.ท. โดยขบวนรถไฟฟ้าและภาระหนี้ 9,400 ล้านบาทจะอยู่ที่บริษัท จะเป็นหนี้ซื้อรถเก่า 4,600 ล้านบาทและรถใหม่ 7 ขบวน วงเงิน 4,800 ล้านบาท ส่วนระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่ดินและระบบจะอยู่ในความรับผิดชอบของ ร.ฟ.ท.

"ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่ด้วย จะปรับเปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเป็นข้อสรุปจากภายใน ร.ฟ.ท. กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลังเท่านั้น"

นายพีรกันต์กล่าวว่า ตามแผนโครงสร้างใหม่ บริษัทจะมีกำไรในปีที่ 11 เนื่องจากผลประกอบการจะขาดทุนทุกปี เฉลี่ยปีละ 300-400 ล้านบาท และตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป จะเริ่มมีอีบิตด้า (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา) แต่หากบริษัทมีรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ใน 8 สถานีจะคืนทุนได้เร็วขึ้น

"บริษัทกำลังจะเจรจากับ ร.ฟ.ท.จะขอเข้าไปพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ 8 สถานีใหม่ หลังบริษัทที่รับสัมปทาน 10 ปีไปก่อนหน้านี้ไม่สามารถพัฒนาโครงการได้ โดยบริษัทอาจจะเข้าไปร่วมกับบริษัทเอกชนดังกล่าวเพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพื้นที่สถานีเกิดขึ้น ทำให้ดึงคนมาใช้บริการมากขึ้น"

สำหรับยอดผู้โดยสารสูงสุดอยู่ที่สถานีพญาไท 15,000 เที่ยวคนต่อวัน รองลงมาสถานีสุวรรณภูมิ 10,000 เที่ยวคนต่อวัน สถานีลาดกระบัง สถานีหัวหมาก และสถานีมักกะสัน จะเท่ากันประมาณ 7,000 เที่ยวคนต่อวัน สถานีรามคำแหง 5,000 คน และสถานีบ้านทับช้างจะมีผู้โดยสารน้อยที่สุด

"ยอดผู้ใช้แต่ละสถานีเป็นไปตามการเติบโตของที่อยู่อาศัยและออฟฟิศในแนวเส้นทาง และการเชื่อมต่อสถานีที่สะดวกขึ้น เช่น มักกะสันหลังมีสกายวอล์กเชื่อมรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีเพชรบุรี ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 3,000 เที่ยวคนต่อวัน เป็น 7,000 เที่ยวคนต่อวัน ต่อไปสถานีบ้านทับช้างจะมีสกายวอล์กเชื่อมมาจากมอเตอร์เวย์ จะทำให้คนมาใช้เพิ่มขึ้น"

ทั้งนี้เพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะมีแผน 3 ระยะยกระดับการบริการ (ดูตารางประกอบ) คือ 1.แผนระยะสั้น ปี 2557-2559 เช่น ปรับปรุงทางเข้าออก 2.แผนระยะกลาง ปี 2557-2561 เช่น จัดหารถไฟฟ้าเพิ่ม และ 3.แผนระยะยาว ปี 2562 จะจัดหารถไฟฟ้าเพิ่มเติม 4 ขบวน แยกเป็นปี 2569 รถไฟฟ้า City Line แบบ 7 ตู้ 3 ขบวน วงเงิน 4,582 ล้านบาท และปี 2574 รถไฟฟ้า Express Line แบบ 4 ตู้ 1 ขบวน วงเงิน 570 ล้านบาท และเตรียมความพร้อมรับจ้างเดินรถสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต)

ส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์สุวรรณภูมิ-สนามบินดอนเมืองและรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 18/03/2014 11:46 am    Post subject: Reply with quote

แอร์พอร์ตลิงก์อบรมความปลอดภัยพนักงาน ตอกย้ำความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มีนาคม 2557 09:53 น.


รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์จัดฝึกหลักสูตร “คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน” ให้แก่พนักงาน เพื่อเพิ่มความรู้ และทักษะด้านความปลอดภัย รองรับการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ

นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เปิดเผยว่า การให้บริการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์นั้นจะให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารเป็นอันดับต้นๆ ทางบริษัทฯ จึงได้จัดฝึกหลักสูตร “คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน” ขึ้นในวันที่ 14 และ 31 มีนาคม 2557 เพื่อให้พนักงานมีความเข้าใจพื้นฐานของความปลอดภัยในการทำงาน และสามารถค้นหาสาเหตุ ป้องกัน และควบคุมอันตรายจากอุบัติเหตุ และโรคในการทำงานได้ และนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปดำเนินงาน เพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารได้อย่างปลอดภัย และถูกวิธี

ทั้งนี้ จากตัวเลขรายงานผู้โดยสารประจำเดือนมกราคม 2557 (จำนวนผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บต่อผู้โดยสาร 1 ล้านคน) มีดังนี้ ความถี่สะสมของผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บต่อเดือน (จำนวนผู้โดยสารเดือนมกราคม 2557 จำนวน 1,503,468 คน เท่ากับ 0 คน และไม่มีเหตุการณ์ผู้โดยสารได้รับอุบัติเหตุ รวมถึงการบาดเจ็บเนื่องจากอุปกรณ์บกพร่องเช่นกัน ซึ่งเกณฑ์กำหนดเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2556 ได้เท่ากับ 0 จึงนำมาเป็นเกณฑ์เทียบของปี 2557 (ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้จาก สนข.คือ <= 0.05 ผ่านเป้าหมายที่กำหนด)

โดยเมื่อพนักงานได้รับการอบรมในครั้งนี้จะมีความรู้ และทักษะในเรื่องของพื้นฐานความปลอดภัยในการทำงานมากยิ่งขึ้น นำมาประยุกต์ใช้กับผู้โดยสาร รวมถึงมีความรู้ด้านกฎหมายด้านความปลอดภัย และสามารถรักษามาตรฐานความปลอดภัยในการให้บริการดังที่เคยปฏิบัติมา และในอนาคตต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 31/03/2014 10:52 am    Post subject: Reply with quote

ประภัสร์ดันแอร์พอร์ตลิงค์ ต้นแบบรถไฟฯ
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม พิมพ์
ออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2014 เวลา 12:19 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,934 วันที่ 27 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

ร.ฟ.ท.ปรับกลยุทธ์ปั๊มรายได้ บูมเส้นทางรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว ดึงหัวรถจักร ช่วงฉะเชิงเทรา-แหลมฉบังให้บริการ หลังทยอยได้ 20 หัวรถจักรทดแทนตั้งแต่มิ.ย.นี้ "ประภัสร์-บุญสม-พีรกันต์" ผนึกกำลังดันแอร์พอร์ตลิงค์ต้นแบบไอสปีดเทรนบริหารจัดการเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยองเป็นการนำร่อง

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่ามีแนวคิดหันไปบูมเส้นทางรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้นโดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา, กรุงเทพฯ-หัวหิน, กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี และเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา โดยแต่ละเส้นทางล้วนมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไป อาทิ แหล่งท่องเที่ยวลำตะคองในเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ในเส้นทางสายเหนือ หัวหินในเส้นทางสายใต้ พัทยาในเส้นทางสายตะวันออก และเส้นทางรถไฟสายมรณะช่วงสงครามโลกที่เส้นทางกาญจนบุรี

นอกจากนี้ร.ฟ.ท.จะทยอยนำหัวรถจักรที่ได้จากการนำหัวรถจักร 20 หัวที่ได้มีการทยอยรับมอบจากจีนเข้าไปให้บริการแทนในเส้นทางช่วงศรีราชา-แหลมฉบังไปให้บริการลากขบวนในแต่ละเส้นทางเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับการตกแต่งขบวนรถให้สวยงามเหมาะสำหรับการรองรับผู้โดยสารที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในเส้นทางระยะทางสั้นๆ ราคาไม่แพง มีสถานที่พร้อมรองรับด้านที่พักและสถานที่เพื่อการพักผ่อนท่องเที่ยวอย่างเพียงพอ นอกจากจะส่งเสริมการเดินทางด้วยรถไฟแล้วยังสามารถหารายได้ป้อนให้การรถไฟฯได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยจะรุกด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆมากขึ้นพร้อมกับดึงพันธมิตรโดยเฉพาะผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมผลักดันอย่างจริงจัง

ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวอีกว่า การรถไฟฯยังมีแนวคิดร่วมกับคณะกรรมการการรถไฟฯและบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ที่บริหารจัดการเดินรถแอร์พอร์ตลิงค์ในขณะนี้ให้มีโอกาสเป็นผู้บริหารจัดการเดินรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยองที่การรถไฟฯเป็นเจ้าของโครงการอีกด้วย

"ยืนยันว่าไฮสปีดเทรนมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศดังจะเห็นชัดในต่างประเทศที่ใช้ไฮสปีดเทรนมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเมือง ขณะนี้การรถไฟฯมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ส่วนรัฐบาลชุดใหม่จะสนใจพัฒนาหรือไม่นั้นคงต้องติดตามกันต่อไป ปัจจุบันการรถไฟฯ อยู่ระหว่างการเร่งศึกษาออกแบบรายละเอียดเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยองรองรับเอาไว้แล้ว"

ด้านนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ ร.ฟ.ท.กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเดินรถประมาณ 1 แสนเที่ยวคนต่อวัน ซึ่งเพิ่มมาจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าเดือนเมษายนนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเส้นทางสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับเส้นทางภาคใต้ที่มีแผนจะซ่อมปรับปรุงในหลายช่วงนั้นอาจจะได้รับผลกระทบด้านความล่าช้าบ้างโดยเฉพาะช่วงตั้งแต่จ.ชุมพรลงไป

"เฉลี่ยปีต่อปีที่ผ่านมาผู้ใช้บริการลดลงจากเหตุการณ์ความผิดปกติต่างๆอาทิ น้ำท่วม ปรับปรุงทาง คาดลดประมาณไม่เกิน 10% แต่หลังจากการปรับปรุงแล้วเสร็จในหลายจุดก็น่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่ช่วงสงกรานต์นี้เป็นต้นไป โดยประมาณ 5% ประการสำคัญหากทางคู่แล้วเสร็จคาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับปริมาณการขนส่งสินค้า โดยตั้งเป้าว่าจะต้องร่นระยะเวลาการเดินทางให้ได้ภายใน 3 ชั่วโมงสำหรับระยะทางไกล"
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/04/2014 7:06 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ปรับการเดินรถ เริ่ม 14 เม.ย.57
สำนักข่าวไทย 3 เม.ย. 2557 17:59

กรุงเทพฯ 3 เม.ย.-รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ปรับการเดินรถ เริ่ม 14 เม.ย.นี้ พร้อมชูสถานีมักกะสัน สะดวก ปรับปรุงรอบสถานี เชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าระบบอื่น แจ้งหากมีประแจสับหลีกแล้ว รถไฟฟ้าด่วนสาย Express Line จะสามารถให้บริการเส้นทางพญาไท-มักกะสัน-สุวรรณภูมิได้

นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ถึงวาระการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ บริษัทจึงทยอยซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าทีละ 1 ขบวน โดยแต่ละขบวนจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งได้ประเมินระยะเวลาในการซ่อมทุกขบวนจะแล้วเสร็จประมาณเดือนเมษายน 2558

ทั้งนี้ จึงปรับการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันมากที่สุด โดยการงดให้บริการเส้นทาง Phaya Thai Express (พญาไท-สุวรรณภูมิ-พญาไท) โดยจะเริ่มวันที่ 14 เมษายนนี้ เพื่อนำขบวนรถไปซ่อมบำรุง และการซ่อมบำรุงใหญ่จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2557 ไปจนถึงเดือนเมษายน 2558

พร้อมกันนี้เชิญชวนให้คนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าด่วน Makkasan Express (มักกะสัน-สุวรรณภูมิ-มักกะสัน) มากขึ้น โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาการเข้า-ออกสถานีมักกะสันให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสถานีมักกะสันเป็นสถานีหลักที่ให้บริการรถไฟฟ้าด่วน โดยมีบริการเคาน์เตอร์ Check-in ของสายการบินไทย รวมถึงมีที่จอดรถให้บริการจอดฟรีตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. ได้ถึง 300 คัน

สำหรับในช่วงการซ่อมบำรุงใหญ่ของรถไฟฟ้าสาย City Line ในแต่ละขบวน จะมีการบริการเสริมในช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยรถไฟฟ้าสาย Express Line ส่งผลให้รถไฟฟ้าสาย City Line ที่รองรับผู้โดยสารรถไฟฟ้าแบบเต็มศักยภาพอยู่ที่ 45,000 คนต่อวัน แต่ในปัจจุบันรองรับจำนวนผู้โดยสารถึงประมาณวันละ 54,000 คน

ในอนาคตจะมีการติดตั้งประแจสับหลีกที่บริเวณสถานีมักกะสัน ส่งผลให้รถไฟฟ้าด่วน Express Line ให้บริการได้จากต้นทางสถานีพญาไท แวะจอดรับผู้โดยสารได้ที่สถานีมักกะสัน และไปสิ้นสุดที่สถานีสุวรรณภูมิ (พญาไท-มักกะสัน-สุวรรณภูมิ) ซึ่งเป็นการเดินทางแบบเส้นทางเดียว โดยไม่แยกออกเป็น 2 เส้นทางอีก ซึ่งคาดว่าจะให้บริการทุกๆ 30 นาที ผู้โดยสารไม่ต้องรอขบวนรถนาน สะดวกในการเดินทางมากกว่าเดิม และลดความสับสนในการเลือกเดินทางได้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 04/04/2014 12:47 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ปรับการเดินรถ เริ่ม 14 เม.ย.57
สำนักข่าวไทย 3 เม.ย. 2557 17:59


แอร์พอร์ตลิงก์ทยอยซ่อมใหญ่ แจ้งงดเดินรถด่วนสาย Phaya Thai Express
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2557 20:59 น.

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์เผยถึงเวลาซ่อมใหญ่ ต้องปรับการเดินรถ งดให้บริการเส้นทาง Phaya Thai Express (พญาไท-สุวรรณภูมิ-พญาไท) เริ่ม 14 เม.ย. 57 นี้ เผยสถานีมักกะสันมีความสะดวก เหตุได้ปรับปรุงรอบสถานีเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าระบบอื่น ส่วนรถไฟฟ้าด่วน Makkasan Express ให้บริการเหมือนเดิม

นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2557 รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์งดให้บริการเส้นทาง Phaya Thai Express (พญาไท-สุวรรณภูมิ-พญาไท) เพื่อนำขบวนรถที่ให้บริการไปซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการทยอยซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าทีละหนึ่งขบวน โดยแต่ละขบวนจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งได้ทำการประเมินระยะเวลาในการซ่อมทุกขบวนจะแล้วเสร็จประมาณเดือนเมษายน 2558 จึงได้ปรับการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันมากที่สุด

โดยขอให้ผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าด่วน Makkasan Express (มักกะสัน-สุวรรรณภูมิ-มักกะสัน) ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสถานีต้นทางไปยังปลายทางภายในเวลา 15 นาที ให้บริการเดินรถทุก 1 ชั่วโมง ขณะนี้มีการปรับปรุงและพัฒนาการเข้า-ออกสถานีมักกะสันให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น (ทางเข้าจากทางถนนจตุรทิศ และ Skywalk เชื่อมต่อจากระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน) อีกทั้งสถานีมักกะสันเป็นสถานีหลักที่ให้บริการรถไฟฟ้าด่วน โดยมีบริการเคาน์เตอร์ Check-in ของสายการบินไทย รวมถึงมีที่จอดรถให้บริการจอดฟรีตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. ได้ถึง 300 คัน

สำหรับในช่วงการซ่อมบำรุงใหญ่ของรถไฟฟ้าสาย City Line ในแต่ละขบวน จะมีการบริการเสริมในช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยรถไฟฟ้าสาย Express Line ส่งผลให้รถไฟฟ้าสาย City Line ที่รองรับผู้โดยสารรถไฟฟ้าแบบเต็มศักยภาพอยู่ที่ 45,000 คนต่อวัน แต่ในปัจจุบันรองรับจำนวนผู้โดยสารถึงประมาณ 54,000 คนต่อวัน และในอนาคตจะมีการติดตั้งประแจสับหลีกที่บริเวณสถานีมักกะสัน ส่งผลให้รถไฟฟ้าด่วน Express Line ให้บริการได้จากต้นทางสถานีพญาไท แวะจอดรับผู้โดยสารได้ที่สถานีมักกะสัน และไปสิ้นสุดที่สถานีสุวรรณภูมิ (พญาไท-มักกะสัน-สุวรรณภูมิ) ซึ่งเป็นการเดินทางแบบเส้นทางเดียว โดยไม่แยกออกเป็น 2 เส้นทางอีก ซี่งคาดว่าจะให้บริการทุกๆ 30 นาที ผู้โดยสารไม่ต้องรอขบวนรถนาน สะดวกในการเดินทางมากกว่าเดิม และลดความสับสนในการเลือกเดินทางได้อีกด้วย สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 1690 หรือ Fanpage : www.facebook.com/PR.ARL และ twitter : Airport_link
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 10/04/2014 12:03 pm    Post subject: Reply with quote

ปลด"พีรกันต์"ซีอีโอแอร์พอร์ตลิ้งค์ ฉาวใช้เอกสารรับรองคุณสมบัติปลอม


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2557 09:46 น.


บอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์ มีมติยกเลิกสัญญาจ้าง"พีรกันต์" ซีอีโอหลังสอบสวนพบปลอมแปลงเอกสารรับรองคุณสมบัติยื่นสมัครสรรหา เป็นเรื่องจริง โดยตั้ง"พล.อ.อ.คำรบ"รักษาการแทน พร้อมเดินหน้าตรวจสอบความเสียหายจ่อเรียกคืนค่าจ้างเดือนละ 1.2 แสนย้อนหลังตั้งแต่ พ.ค.56 เผยซ้ำซัพพลายเ

ซัพพลายเออร์สุดทนยื่นร้องถูกเรียกเปอร์เซ็นต์จัดซื้อจัดจ้างทั่วหน้า


นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์เมื่อวันที่ 9 เมษายนได้มีมติบอกยกเลิกสัญญาจ้างนายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา พ้นจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ แอร์พอร์ตลิ้งค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป


หลังจากพิจารณาผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบสวนฯ ที่มีนายสุวิชาญ โรจนวานิช บอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์เป็นประธาน พบว่า นายพีรกันต์ขาดคุณสมบัติในการเข้ารับการสรรหาเป็น ซีอีโอ แอร์พอ์ตลิ้งค์ เนื่องจากใช้เอกสารรับรองประสบการณ์การทำงานเป็นเท็จตามที่มีการร้องเรียนเข้ามาจริง พร้อมกันนี้บอร์ดได้แต่งตั้ง พล.อ.อ.คำรบ ลียะวณิช บอร์ดแอร์พอร์ลิ้งค์ทำหน้าที่รักษาการ ซีอีโออีกตำแหน่งมีผลทันทีเช่นกันเมื่อไม่ให้งานสะดุด


โดยบอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์ ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายพีรกันต์มาตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2556 และที่ประชุมบอร์ดเมื่อเดือนสิงหาคมจึงได้มีมติให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อน ซึ่งพบว่าข้อร้องเรียนมีมูลจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการประชุมบอร์ดวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ซึ่งข้อร้องเรียนระบุว่าคุณสมบัติของนายพีรกันต์ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประกาศรับสมัครไว้ว่าจะต้องเป็นผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้ำนายการใหญ่ หรือรองรกรมการผู้จัดการใหญ และต้องบริหารองค์กรหรือบริษัทที่มีผลประกอบการไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งได้ทำหนังสือสอบถามไปยังบริษัทที่อ้างอิงยืนยันว่า นายพีรกันต์ไม่เคยเป็นผู้บริหารของบริษัท ส่วนผลประกอบการได้สอบถามไปที่กระทรวงพาณิชย์พบว่าบริษัทที่นำมาอ้างอิงมีรายได้ไม่ถึง 400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในระหว่างการตรวจสอบ ได้ให้นายพีรกันต์นำเอกสารหลักฐานมาแสดงได้แต่ปรากฎว่า ไม่สามารถหาเอกสารใดๆมายืนยันได้


สำหรับการพิจาณาของบอร์ดนั้น มีความเป็นธรรมและยึดตามระเบียบสัญญาจ้างข้อ 12 ที่ให้ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาคือนายพีรกันต์รับรองคุณสมบัติของตัวเองว่าเอกสารข้อมูลที่ยื่นไว้ประกอบการสมัครทั้งปวงครบถ้วนถูกต้องเป็นความจริงทุกประการและหากปรากฎว่าเอกสารไม่ถูกต้องปกปิดความจริงหรือข้อความอันควรตามประกาศขาดคุณสมบัติตามที่รับรองไว้ให้ถือว่าการยื่นใบสมัครนี้เป็นอันสิ้นสุดและหากได้รับการคัดเลือกให้ถือเป็นเหตุบอกเลิกการคัดเลือก หรือเหตุยกเลิกสัญญาจ้างได้และถือว่าเป็นการกระทำผิด ทางคดีอาญา แจ้ง้อความอันเป็นเท็จตอพนักงานหรือเจ้าหนาที่ และยอมให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินคดี ซึ่งนายพีรกันต์ได้ลงนามรับรองไว้ด้วยตัวเองเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555


โดยนำมาประกอบกับเงื่อนไขสัญญาจ้างข้อ 5 การสิ้นสุดสัญญาจ้าง ข้อ5.2 ผู้รับจ้างพ้นตำแหน่ง และข้อ 5.2.3 การขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม โดยผลสอบสวนมีเอกสารถึง 363 หน้า บอร์ดได้พิจารณาอย่างรอบคอบ คุณสมบัติของนายพีรกันต์ไม่ตรงกับเงื่อนไขจริง และการรับรองว่าเอกสารทั้งหมดถูกต้องนั้นเป็นเรื่องที่นายพีรกันต์ต้องรู้อยู้แล้วว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง


นายจำรูญกล่าวว่า หลังจากนี้จะสรุปรายละเอียดผลสอสวนและมติบอร์ด เพื่อรายงานต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ,กระทรวงคมนาคมในฐานะผู้กำกับดูแลและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) และนการประชุมบอร์ดเดือนพฤษภาคม จะหารือถึงลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว เช่น การเรียกคืนผลตอบแทน 1.2 แสนบาทต่อเดือน(รับตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2556) ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย


"หลังจากบอร์ดมีมติแล้วได้แจ้งข้อเท็จจริงให้พนักงานได้รับทราบ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ไม่ให้เกิดการสับสน ในการทำงาน การรับคำสั่ง ต่างๆ เพราะถือว่า นายพีรกันได้พ้นตำแหน่งซีอีโอทันที จะไม่สามารถสั่งการใดๆ ได้อีก ขณะที่นายพีรกันต์ไม่เซ็นรับทราบการบอกเลิกสัญาจ้าง จึงใส่ไว้ในบันทึกประชุมบอร์ดเป็นหลักฐานแล้ว"นายจำรูญกล่าว


แหล่งข่าวจากร.ฟ.ท.กล่าวว่า ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้รับการร้องเรียนทั้งเรื่อง ปลอมแปลงคุณสมบัติและทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงได้รับหนังสือจากซัพพลายเออร์ ร้องเรียนว่าถูกเรียกเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่ง ซึ่งบางรายต้องยอมออกค่าใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อหวังจะได้รับการจัดสรรผลประโยชน์แลกเปลี่ยน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 17/04/2014 7:11 pm    Post subject: Reply with quote

ปมปลดเอ็มดีแอร์พอร์ตลิงค์บาน! "พีรกันต์"โร่แจ้งความถูกห้ามเข้า ร.ฟ.ท.

สำนักข่าวอิสรา
วันพฤหัสบดี ที่ 17 เมษายน 2557 เวลา 18:24 น.

"พีรกันต์" โร่แจ้งความ หลังงานแถลงข่าวโต้ปมปลดเอ็มดี ล่ม ถูก รปภ.สั่งห้ามเข้า ร.ฟ.ท. เผย ลงบันทึกประจำวันที่ สน. เพราะทรัพย์สิน เอกสารยังอยู่ที่โต๊ะ หวั่นสูญหาย

จากกรณีความขัดแย้งในบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) ที่นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ประธานคณะกรรมการ บริษัทฯ ออกมาระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติเลิกจ้างนายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทฯ โดยอ้างว่านายพีรกันต์ใช้เอกสารสมัครเข้าดำรงตำแหน่งที่ไม่ตรงกับคุณสมบัติตามที่ประกาศสรรหา ขณะที่นายพีรกันต์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่าสาเหตุที่ถูกกล่าวหา เชื่อว่าอาจมาจากกรณีที่ได้ตรวจสอบพบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในบริษัทฯ

ล่าสุด วันที่ 17 เมษายน 2557 นายพีรกันต์ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราในช่วงสายของวันนี้ว่า เวลา 14.00 น. ที่บริษัท ร.ฟ.ท. จำกัดจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อตอบโต้ที่ถูกกล่าวหาและยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยจะแถลงถึงปมที่ทำให้มีผู้พยายามปลดตนพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดินทางมาถึงบริษัท ร.ฟ.ท. ปรากฏว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่อนุญาตให้นายพีรกันต์ เข้าไปภายในบริษัทได้ แม้นายพีรกันต์จะพยายามอธิบายว่าเดินทางมาตามที่ได้นัดหมายกับนายคำรบ ลียะวณิช รักษาการกรรมการผู้อำนวยการบริษัทฯ เพื่อมาพูดคุยเรื่องงาน แต่ พนักงานรักษาความปลอดภัย ยืนยันว่าเป็นคำสั่ง ตนต้องทำไปตามหน้าที่ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยว่า ใครเป็นคนสั่ง ได้รับคำตอบเพียงว่า “ท่านสั่งมา ผมขอโทษจริงๆ ผมต้องทำตามหน้าที่”



ด้านนายพีรกันต์กล่าวว่า จากเดิมตั้งใจแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าใช้คุณสมบัติปลอม และกรณีที่ตนตรวจสอบเรื่องทุจริตและการดำรงตำแหน่งโดยมิชอบของกรรมการรายหนึ่งในองค์กร ทำให้ในวันนี้ ไม่สามารถแถลงข่าวอย่างเป็นทางการได้
“วันนี้ คุณคำรบนัดกับผมว่าจะพูดคุยเรื่องงานกัน แต่ผมโทรศัพท์ไปหาแล้ว ไม่สามารถติดต่อคุณคำรบได้เลย” นายพีรกันต์ระบุ โดยอธิบายว่าพล.อ.อ.คำรบ ลียะวณิช ซึ่งเป็นผู้ที่นายจำรูญระบุว่าเป็นคณะกรรมการบริษัท ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการแอร์พอร์ตลิงค์ จนกว่าจะมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่นั้น ในวันนี้ เป็น พ.อ.อ.คำรบนี่เองที่นัดหมายตนมาพบเพื่อพูดคุยเรื่องงาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลาที่นายพีรกันต์มาถึงและพยายามเจรจากับ รปภ. และมีผู้สื่อข่าวมารอทำข่าว ไม่ปรากฏว่ามีผู้บริหารรายใดของ ร.ฟ.ท. หรือแอร์พอร์ตลิงค์ ออกมาชี้แจงใดๆ และเมื่อไม่สามารถเข้าไปในบริษัท นายพีรกันต์ได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน เพื่อแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน

นายพีรกันต์กล่าวว่า มาลงบันทึกประจำวัน ใน 2 ประเด็นคือ เพื่อยืนยันว่าเดินทางมาที่บริษัทตามนัดหมายแล้ว แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามาตามนัดแล้ว ประเด็นที่ 2 คือ และ หากเอกสาร ทรัพย์สินต่างๆ ของตนในห้องทำงานสูญหายหรือได้รับความเสียหาย จะดำเนินคดีกับคุณจำรูญ คุณคำรบ และพวก

นายพีรกันต์อธิบายว่าตามปกติแล้ว เมื่อมีการปลดกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นอกจากต้องมีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการอย่างเป็นทางการแล้ว คำสั่งปลดจะมีผล ต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน

“แต่ตอนนี้ ผมยังไม่เห็นมติอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร และจริงๆ แล้ว การจะสั่งปลดต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่นี่เขาอ้างว่าปลดผม 9 เมษายน แล้ววันนี้ มาสั่งห้ามผมไม่ให้เข้าทำงาน ไม่ถูกต้อง จากนี้ ผมก็จะปรึกษาทนายสู้คดีทางกฎหมายต่อไป” นายพีรกันต์กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 18/04/2014 10:14 am    Post subject: Reply with quote

“พีรกันต์” ไม่รับมติเลิกจ้างซีอีโอแอร์พอร์ตลิงก์ ยันเอกสารคุณสมบัติถูกต้องจ่อขอความเป็นธรรม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2557 17:34 น.

“ประภัสร์” ยันเลิกจ้าง “ซีอีโอแอร์พอร์ตลิงก์” มีผลแล้วหมดสิทธิ์ ยอมรับใช้เอกสารปลอมสมัครสรรหาฯ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเป็นบทเรียน ส่วนการตรวจสอบ กก.สรรหาฯ บกพร่อมหรือไม่ต้องรายงานที่เป็นเอกสารก่อน “สุวิชญ” ประธานตรวจสอบฯ เผยให้ความเป็นธรรมและยึดเอกสารจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหลัก ด้าน “พีรกันต์” ยันเอกสารถูกต้อง ตอกกลับ กก.สรรหาฯ และบอร์ดกลับลำทั้งที่เห็นชอบผลสรรหาฯ เอง เตรียมเรียกร้องความเป็นธรรมเพื่อปกป้องตนเอง

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) มีมติเลิกสัญญาจ้างนายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา และให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ว่าได้รับรายงานเบื้องต้นแล้ว ในฐานะบริษัทแม่จะต้องรอรายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรก่อนจะพิจารณาความบกพร่องของกระบวนการสรรหาฯ ซึ่งจากการตรวจสอบของบอร์ดแอร์พอร์ตลิงก์พบว่ามีการใช้เอกสารปลอมสมัครรับการสรรหาฯ นั้นถือเป็นบทเรียนสำคัญของทุกฝ่าย โดยขณะนี้ถือว่าการบอกยกเลิกสัญญาจ้างมีผลแล้ว ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ จะต้องเป็นไปตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา รวมถึงการเริ่มกระบวนการสรรหาฯ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ต่อไป

นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ประธานบอร์ดแอร์พอร์ตลิงก์ กล่าวว่า หลังจากบอร์ดมีมติเลิกสัญญาจ้างนายพีรกันต์ และให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทแล้ว ได้ทำหนังสือรายละเอียดมติบอร์ดถึงนายพีรกันต์ โดยอ้างถึงสัญญาจ้าง ฉบับลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2556 มีเนื้อหาว่า ตามที่บอร์ดแอร์พอร์ตลิงก์ได้ประชุมหารือกันแล้วตามรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งบริษัท เลขที่ คฟร. 9/2556 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2556 ยืนยันว่ามีมูลตามข้อกล่าวหาว่า นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่แอร์พอร์ตลิงก์ ฉบับวันที่ 16 ตุลาคม 2555

อาศัยตามความที่นายพีรกันต์ได้ยื่นใบสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยได้ตกลงกันในข้อ 12 ซึ่งระบุว่า “ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อความที่แจ้งไว้ในใบสมัครนี้ รวมทั้งใบรับรองคุณสมบัติของตนเองที่แนบมาซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของใบสมัคร ตลอดจนเอกสารและข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้ยื่นไว้ประกอบการสมัครทั้งปวงถูกต้องครบถ้วนและเป็นความจริงทุกประการ และข้าพเจ้าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามคุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งตามประกาศ เรื่องรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ที่ได้ประกาศไว้ทุกประการ หากปรากฏว่าไม่เป็นความจริงหรือเอกสารหลักฐานไม่ถูกต้องตรงกับความจริงหรือปกปิดข้อความจริงอันควรแจ้งให้ทราบหรือข้าพเจ้าขาดคุณสมบัติตามที่รับรองไว้ให้ถือว่าการยื่นใบสมัครนี้เป็นอันสิ้นสุดลง และหากข้าพเจ้าได้รับการคัดเลือกแล้วให้ถือเป็นเหตุการยกเลิกการคัดเลือกหรือเป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญาจ้างได้ และถือว่าการกระทำข้างต้นเป็นความผิดในคดีอาญาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และยอมให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ได้รับความเสียหายใดๆ จากการแจ้งความเท็จจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายินยอมชดใช้เงินให้แก่บริษัทเต็มจำนวน” นั้น

บอร์ดบริษัทจึงขอบอกเลิกสัญญาจ้างตามที่อ้างถึง และให้นายพีรกันต์พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2557 เวลา 18.00 น. โดยให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อตกลงการเลิกสัญญาจ้างฯ ตามอ้างถึงทุกประการ

นายสุวิชญ โรจนวานิช บอร์ดแอร์พอร์ตลิงก์ในฐานะประธานสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ยืนยันว่า หลังจากได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ของบริษัทที่นายพีรกันต์อ้างอิงและยื่นสมัครเข้ารับการสรรหาฯ จากรายงานประจำปี 2554 หน้า 17, 22 ที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่นายพีรกันต์อ้างอิงและยื่นสมัครเข้ารับการสรรหาฯ พบว่านายพีรกันต์ไม่ได้มีตำแหน่งตามที่อ้างมาจริง ดังนั้นประเด็นเรื่องรายได้ของบริษัทนั้นจะถึง 1,000 ล้านบาทต่อปีหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบต่อ และเอกสารที่แสดงไว้กับตลาดหลักทรัพย์เชื่อถือได้ ขณะที่นายพีรกันต์ได้ลงนามรับรองเอกสารด้วยตนเองยืนยันว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องและยินยอมรับผิดชอบหากมีอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายพีรกันต์ยังไม่ลงนามรับทราบหนังสือบอกเลิกสัญญา โดยตามขั้นตอนจะจัดส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างให้ทางไปรษณีย์ต่อไป พร้อมกันนี้ได้มีการบันทึกรายละเอียดไว้เป็นหลักฐานแล้ว

โดยในวันนี้ (17 เม.ย.) นายพีรกันต์ได้นัดผู้สื่อข่าวเพื่อแถลงข่าวที่อู่จอดและซ่อมบำรุงแอร์พอร์ตลิงก์แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ โดยนายพีรกันต์ยืนยันว่าเอกสารที่ใช้ยื่นสมัครถูกต้อง ผ่านการตรวจสอบของกรรมการสรรหาฯ แล้ว 7-8 เดือนก่อนจะรายงานผลสรรหาไปที่กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังซึ่งได้ให้ความเห็นชอบทั้งหมดและบอร์ดแอร์พอร์ตลิงก์ได้เห็นชอบผลการสรรหาฯ เอง โดยได้ทำงานมา 11 เดือน แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าเอกสารปลอมได้อย่างไร อีกทั้งได้เข้าชี้แจงกรรมการสอบสวนฯ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และการบอกเลิกควรแจ้งล่วงหน้า 30 วัน เรื่องนี้ถือว่าตนเองได้รับความเสียหาย และอยู่ระหว่างปรึกษาทีมกฎหมายเพื่อขอความเป็นธรรม และปกป้องตัวเองต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 03/05/2014 8:58 am    Post subject: Reply with quote

"ชัชชาติ"เพิ่งรู้บริษัทรับเจียรราง "แอร์พอร์ตลิงค์"ตั้งบ.ก่อนได้งานเดือนเศษ
เขียนโดยisranews
หมวดหมู่ข่าว | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน
สำนักข่าวอิศรา
เขียนวันที่ วันพฤหัสบดี ที่ 01 พฤษภาคม 2557 เวลา 10:20 น.


"ชัชชาติ" เพิ่งรู้ข้อมูล "บ.แอลแอนด์เอส เรลเวย์" จดทะเบียนจัดตั้ง ก่อนรับงานเจียรรางให้ "แอร์พอร์ตเรลลิงค์" แค่เดือนเศษ รับปากติดตามตรวจสอบแน่ถ้าไม่โปร่งใส

จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัทแอลแอนด์เอส เรลเวย์ เมนเทนแนนซ์ จำกัด ( L&S RAILWAY MAINTENANCE COMPANY LIMITED หรือ L & S ) ที่ได้รับการว่าจ้าง จาก นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) ให้เข้ามาทำการเจียรราง และตรวจสอบรางรถไฟฟ้า เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2556 ก่อนที่จะได้รับการรับรองจากนายจำรูญ ให้รับงานเจียรรางและตรวจสอบราง ในเดือนกุมภาพันธุ์ 2556 หรือหลังจากก่อตั้งบริษัทได้เพียงเดือนเศษเท่านั้น

(อ่านประกอบ: พบ“แอลแอนด์เอสฯ”คว้างานแอร์พอร์ตลิงค์หลังตั้งบริษัทเดือนเดียว)

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่า ว่า “ไม่ทราบรายละเอียดเลยครับ ยังไงนะ คือเปิดได้แค่เดือนเดียว ก็ได้รับเจียรรางเลยหรือ หากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นต้องตรวจสอบ ว่าได้งานด้วยวิธีใด ด้วยวิธีพิเศษหรือไม่ แล้วรายละเอียด ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องมีการตรวจสอบ"

"ผมยืนยัน ว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถ้าไม่โปร่งใส ก็ต้องมาตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร” นายชัชชาติระบุ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือท้วงติงการดำรงตำแหน่งของนายจำรูญ รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริง นายชัชชาติ ตอบว่า ”ผมไม่ทราบเรื่อง ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้ส่งมาถึงไหม ผมต้องเห็นเรื่องก่อน จึงจะชี้แจงสังคมได้"

"ส่วนเรื่อง ตำแหน่ง คุณจำรูญ มาจากทางการรถไฟ เรื่องตำแหน่งกรรมการ ต้องดูตาม ระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง แต่ผมก็ให้ ปลัด กระคมนาคม ติดตามอยู่ ทั้งเรื่องคุณพีรกันต์ เรื่องคุณจำรุญ ก็ติดตามหลายเรื่อง แต่รัฐมนตรีกระทรงคมนาคมไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ ผมเพียงให้นโยบายไปว่า ขอให้ยุติธรรม เรื่องนี้ ไม่ใช่อำนาจของ รัฐมนตรี เป็นเรื่องของบอร์ด ตอนนี้ที่ติดตามอยู่คือขอให้มีข้อยุติให้ได้หาข้อเท็จจริง เมื่อถึงเวลาอาจจะมีใครสักคนออกมาชี้แจ้งในที่สุด แต่หลักฐาน และข้อเท็จจริงต้องชัดเจน" นายชัชชาติ ระบุ

//-----------------------------------

พบ“แอลแอนด์เอสฯ”คว้างานแอร์พอร์ตลิงค์หลังตั้งบริษัทเดือนเดียว
เขียนโดยisranews
หมวดหมู่ข่าว | เรื่องเด่น -
สำนักข่าวอิศรา
เขียนวันที่ วันจันทร์ ที่ 28 เมษายน 2557 เวลา 19:00 น. |

เปิดข้อมูล บ.แอลแอนด์เอสฯ คว้างานเจียรรางแอร์พอร์ตลิงค์ทั้งที่เพิ่งก่อตั้งบริษัท-จดทะเบียนได้เพียงเดือนเดียว รายงานตรวจสอบภายใน รฟฟท. ชี้ ผิดปกติ ไม่พบเอกสารสัญญาจ้าง ไร้ลายเซ็นผู้ถือหุ้นใหญ่

จากกรณีที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นของนาย Alexander Schlegel ที่ปรากฏชื่อเป็นพยานของบริษัทแอลแอนด์เอส เรลเวย์ เมนเทนแนนซ์ จำกัด ( L&S RAILWAY MAINTENANCE COMPANY LIMITED หรือ L & S ) ที่ได้รับการว่าจ้าง จาก นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) ให้เข้ามาทำการเจียรราง และตรวจสอบรางรถไฟฟ้า โดยปรากฎข้อมูลว่านายอเล็กส์ซานเดอร์ ดำรงตำแหน่ง Technical Director ในบริษัท L&S Railway Maintenance Co.,Ltd. เริ่มเข้าทำงานเมื่อเดือน มกราคม 2556

( อ่านประกอบ : “จำรูญ”ปัดตอบปมแอร์พอร์ตลิงค์ถูกทวงหนี้ 2 ล.-เผยโฉมพยานลงนามสัญญา )

ล่าสุด วันที่ 28 เมษายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าบริษัท แอลแอนด์เอส เรลเวย์ เมนเทนแนนซ์ จำกัด (L&S RAILWAY MAINTENANCE COMPANY LIMITED) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2556 ทุน 3 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 138 อาคารบุญมิตร ชั้น 9 ห้อง เอ 2 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร

แจ้งประกอบธุรกิจให้บริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมทางรถไฟ รางรถไฟ

ปรากฎชื่อนางสาวกนิฐน้อย ปราณีจิตต์ เป็นกรรมการ ร่วมกับนาย อเล็กซานเดอร์ ชลีเกลและนาย ไมเคิล เวอร์เนอร์ ลุดเดนไนท์ สัญชาติ เนเธอร์แลนด์

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 16 มกราคม 2556 มี 4 ราย นางสาว กนิฐน้อย ปราณีจิตต์ ถือหุ้นใหญ่สุด 50.9967% ส่วนบริษัท แอลแอนด์เอส ลุดเดนไนท์ อุน เชวฟ จำกัด ถืออยู่ 39% ตามด้วยนายอเล็กซานเดอร์ ชลีเกล ถืออยู่ 10 % และนายวิชชา ปราณีจิตต์ ถืออยู่ 0.0033%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ระบุว่านางสาว กนิฐน้อย ปราณีจิตต์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ของ บริษัทฯ แอลแอนด์เอสฯ ตรงกับผลสรุปรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในบริษัท รฟฟท. เกี่ยวกับการว่าจ้างบริษัทแอลแอนด์เอสฯ ให้มาทำการเจียรรางโดยเป็นการว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษ แต่ไม่พบว่ามีลายเซ็นของนางกนิฐน้อย ปราณีจิตต์

ทั้งนี้ รายงานผลการตรวจสอบ ฉบับที่ SRTET/ INT 001/ 2556 ระบุว่า การว่าจ้างให้บริษัทแอลแอนด์เอสฯ เข้ามาเจียรราง และตรวจสอบรางครั้งนี้ เป็นเอกสารว่าจ้างโดยวิธีพิเศษ ที่ได้กำหนดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมยื่นซอง ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 แต่พบว่ามีเอกสารสนองรับราคา และแจ้งทำสัญญาจำนวน 2 ฉบับ คือ SRTET / SCM / PRO / 047 / 2556 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ลงนามโดย นายจอน พรมถา ( ผู้จัดการแผนกจัดซื้อ ขณะนั้น ) และอีกฉบับ คือ รฟฟท. 031301 / 2556 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2556 ลงนามโดย นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ และ ใบสั่งงาน ส.11255 แบบที่ 249 เลขที่ รฟจ. 56001 ได้มีการลงนามโดยนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ เป็นผู้มีอำนาจให้จ้าง นาย กฤษณ์ อนุรักษ์กมลกุล และ นายอเล็กซานเดอร์ ชลีเกล เป็นพยาน

"โดยไม่มีการลงนามของ นางสาวกนิฐน้อย ปราณีจิตต์ ซึ่งเป็นผู้รับจ้าง และไม่มีการลงวันที่ ในช่อง วันทำใบสั่งงาน ลงเพียงแต่ เดือน กุมภาพันธ์ 2556" รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงระบุ

รายงานฉบับดังกล่าว ยังระบุด้วยว่า "เอกสารรับรองทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ของ แอลแอนด์ เอส เรลเวย์ส์ แมนเทนแนนซ์ ได้รับรองจากสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 23 มกราคม 2556 ก่อนหน้ายื่นซองในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 16 วัน นอกจากนี้ ผู้ตรวจสอบ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เอกสารสนองรับราคา และแจ้งทำสัญญา ซึ่งนายจอน ได้ออกให้ L&S วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 โดยให้แอล แอนด์ เอส เข้ามาทำสัญญา ภายใน 10 วัน"

รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฉบับดังกล่าว ยังระบุอีกว่า

"เนื่องจากไม่ลงวันที่ และไม่มีการลงนามรับใบสั่งงานโดยผู้รับจ้าง คือ นางสาวกนิฐน้อย ปราณีจิตต์ และไม่พบเอกสาร สัญญาการจ้าง จากแผนกจัดซื้อ แสดงว่ากระบวนดังกล่าวไม่ผ่านระบบ การจัดซื้อ เป็นการผิดระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ของ รฟฟท." รายงานดังกล่าวระบุ

ขณะที่ข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ระบุว่า อำนาจของกรรมการบริษัทฯ กำหนดให้กรรมการเพียงหนึ่งคน สามารถลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทได้

//----------------------------

“จำรูญ”ปัดตอบปมแอร์พอร์ตลิงค์ถูกทวงหนี้ 2 ล.-เผยโฉมพยานลงนามสัญญา
เขียนโดยisranews
หมวดหมู่ข่าว
เขียนวันที่ วันเสาร์ ที่ 26 เมษายน 2557 เวลา 21:15 น.

"จำรูญ"ไม่ตอบ ปมแอร์พอร์ตลิงค์ ถูกทวงหนี้กว่า 2 ล. -"ประภัสร์"หวั่นกระทบภาพลักษณ์จี้เร่งเคลี่ยร์ -เผยโฉม "มิสเตอร์อเล็กซานเดอร์"พยานลงนามสัญญาเจียรรางแทน "แอลแอนด์เอสฯ"

กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เปิดเผยข้อมูลบริษัท แอล แอนด์ เอส เรลเวย์ แมนเทนเนนซ์ (L&S Railway Maintenance หรือ L&S ) มอบอำนาจให้ทนายความส่งจดหมายเร่งรัดให้ชำระหนี้ไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด โดยขอให้การรถไฟฯ และ รฟฟท. ในฐานะผู้ว่าจ้างบริษัทแอลแอนด์เอสฯ ให้เข้ามาเจียรรางและตรวจสอบราง ชำระหนี้ค่าว่าจ้างเป็นเงินจำนวน 2,551,853.70 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้โทรศัพท์สัมภาษณ์นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ประธานคณะกรรมการ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) ในประเด็นการชำระหนี้กว่า 2 ล้านบาท รวมถึงกรณีเซ็นสัญญากับบริษัท แอลแอนด์เอสฯ ที่รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของแผนกตรวจสอบของ บริษัทฯ ชี้ว่า นายจำรูญ ขณะดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้ว่าจ้างแอลแอนด์เอสฯ เข้ามาทำการเจียรและตรวจสอบราง โดยไม่มีเอกสารเสนอราคาตามแบบฟอร์มของบริษัทฯ และไม่มีการลงนามของผู้ที่ได้รับใบสั่งงานหรือผู้รับจ้าง โดยนายจำรูญปฎิเสธที่จะตอบคำถาม กล่าวเพียงว่า ขอไม่ตอบ รายงานเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่อยากชี้แจงอะไร เดี๋ยวบริษัทจะเสียหาย และกล่าวด้วยว่าจริงๆ แล้ว เรื่องนี้ก็มีการส่งเรื่องร้องเรียนไปหลายกระทรวง มีผลสอบข้อเท็จจริงออกมาแล้ว และมีการรายงานผลสอบนี้ไปถึงกระทรวงคมนาคมแล้ว

“ถ้าผมผิดจริงผมก็ต้องออกไปแล้วล่ะครับ ดังนั้น ผมคงไม่จำเป็นต้องไปชี้แจงว่าผมผิดตรงไหน ยังไง” นายจำรูญระบุ

ด้านนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา กรณีบริษัทแอลแอนด์เอสส่งจดหมายติดตามทวงหนี้กว่า 2 ล้านบาท โดยระบุถึง รฟฟท. และการรถไฟแห่งประเทศไทยว่ารับทราบปัญหาแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ทราบเพียงว่ามีการสั่งเจียรรางแต่ไม่ทราบเรื่องการทวงถามเงินจำนวนดังกล่าว เพิ่งเห็นรายงานเมื่อวันที่ 25 เมษายนนี้ จึงได้สั่งการให้การรถไฟฯ ทำหนังสือถึงแอร์พอร์ต ลิงค์ ว่าให้รีบดำเนินการให้เรียบร้อย เนื่องจากเรื่องนี้ ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของการรถไฟด้วยเช่นกัน
“เรื่องการว่าจ้างบริษัทแอลแอนด์เอสเข้ามาเจียรรางเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้ามาเป็นผู้ว่าการรถไฟ แต่ตอนนี้ เพิ่งทราบเรื่องที่มีการทวงถามเงิน เพราะมีคนส่งสำเนามาให้ดู เมื่อทราบแล้วการรถไฟก็ทำหนังสือเร่งไปยังแอร์พอร์ต ลิงค์ ให้ดำเนินการจ่ายเงินจำนวนนี้ ” นายประภัสร์ระบุ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามนายประภัสร์ถึงกรณีที่สำนักข่าวอิศรา เปิดเผยผลรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ชี้ว่านายจำรูญแต่งตั้งญาติขึ้นมาดำรงตำแหน่งในบริษัทฯ โดยไม่ผ่านกระบวนการคัดเลือกและแข่งขันอย่างโปร่งใส การรถไฟฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท จะดำเนินการอย่างไรต่อกรณีดังกล่าวหรือไม่ นายประภัสร์กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะถือเป็นเรื่องภายในของบริษัท

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายงานสรุปผลการตรวจสอบภายในบริษัทฯ เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการเซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทแอลแอนด์เอสฯ เข้ามาทำการเจียร และตรวจสอบราง ปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่มีเอกสารเสนอราคาตามแบบฟอร์มของบริษัทฯ มีเพียงแบบฟอร์มเปล่าที่มีข้อความเขียนแนะนำ โดยระบุวันที่และราคาใน Post-it และมีเพียงเอกสารสนองรับราคาและแจ้งทำสัญญา จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่

1. เอกสารเลขที่ SRTET/SCM/PRO/047/2556 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ลงนามโดยนายจอน พรมถา ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้จัดการแผนกจัดซื้อในขณะนั้น
2. หนังสือที่ รฟฟท.031301/2556 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2556 ลงนามโดย นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ

รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุด้วยว่าใบสั่งงานเลขที่ รฟจ 56001 ไม่มีการลงวันที่ระบุเพียงแค่เดือน กุมภาพันธ์ 2556 ขณะที่แอลแอนด์เอสฯ เริ่มงานวันที่22 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2556 แต่หนังสือที่ รฟฟท.031301/2556 ซึ่งลงนามโดย นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ กลับลงวันที่ 13 มีนาคม 2556


“ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเอกสาร หนังสือที่ รฟฟท.031301/2556 มีการลงวันที่หลังจากงานเสร็จสิ้นแล้วทำไมถึงมีการออกเอกสารอีก ทั้งที่การลงนามในเอกสารสำคัญ ผู้ลงนามต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนที่จะลงนาม ซึ่งเอกสารนี้ไม่ระบุวันที่ของวันทำใบสั่งงาน ผู้รับจ้างยังมิได้ลงนามในใบสั่งงาน แต่ผู้มีอำนาจจ้าง ผู้จ้าง และพยานกลับลงนามก่อนแล้ว” รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุ

ผู้ตรวจสอบตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การว่าจ้างครั้งนี้ มีการลงนามของผู้มีอำนาจจ้าง คือ นายจำรูญ ที่ในขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง รักษาการรกรรมการผู้อำนวยการใหญ่, พยานฝ่ายผู้จ้าง คือ ดร.กฤษ อนุรักษ์กมลกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในขณะนั้น และพยานฝ่ายผู้รับจ้าง Mr.Alexander Schlegel แต่ไม่มีการลงนามของผู้ที่ได้รับใบสั่งงานหรือผู้รับจ้างแต่อย่างใด และเมื่อตรวจเอกสารทั้งหมดแล้วไม่พบสัญญาจ้าง ดังนั้น การว่าจ้างครั้งนี้ จึงไม่ผ่านกระบวนการระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง จึงถือว่าผิดปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของนาย Alexander Schlegel ที่ปรากฏชื่อเป็นพยานของบริษัทแอลแอนด์เอสฯ พบว่า นายอเล็กส์ซานเดอร์ ดำรงตำแหน่ง Technical Director ในบริษัท L&S Railway Maintenance Co.,Ltd. โดยเริ่มเข้าทำงานเมื่อเดือน มกราคม 2556

//--------------------

บริษัทคู่สัญญารฟท.ร่อนหนังสือทวงหนี้แอร์พอร์ตลิงค์กว่า 2 ล้าน
เขียนโดยisranews
หมวดหมู่Isranews | ข่าว | เรื่องเด่น -
สำนักข่าวอิศรา
เขียนวันที่ วันพฤหัสบดี ที่ 24 เมษายน 2557 เวลา 06:00 น.

เปิดหนังสือทวงหนี้ L&S มอบหมายทนายความ ทวงเงินค่าจ้างเจียรรางกว่า 2 ล้านบ. จาก การรถไฟ-แอร์พอร์ตลิงค์

ภายหลังจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เปิดเผย ผลสรุปรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของ แผนกตรวจสอบของ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. กรณีนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ จ้าง L&S ( แอลแอนด์เอส เรลเวย์ เมนเทนเนนซ์ จำกัด ) เข้ามาทำการเจียร และตรวจสอบราง โดยไม่มีเอกสารเสนอราคาตามแบบฟอร์มของบริษัทฯ โดยผลการตรวจสอบปรากฏว่ามีการลงนามของผู้มีอำนาจจ้าง คือนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่, พยานฝ่ายผู้จ้าง คือ ดร.กฤษ อนุรักษ์กมลกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในขณะนั้ และพยานฝ่ายผู้รับจ้าง Mr.Alexander Schlegel แต่ไม่มีการลงนามของผู้ที่ได้รับใบสั่งงานหรือผู้รับจ้างแต่อย่างใด และรายงานสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงระบุด้วยว่า ปัจจุบันทางบริษัท L&S ได้มีใบวางบิลและทวงเงินกับบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 2,551,853.70.-บาท (สองล้านห้าแสนห้าหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบสามบาทเจ็ดสิบสตางค์)

ล่าสุด วันที่ 24 เมษายน 2557 สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บริษํท L&S ได้มอบหมายให้สำนักงานกฎหมาย ทวงถาม เงินจำนวนดังกล่าว มายัง การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ในฐานะผู้ว่าจ้างจริง

หนังสือดังกล่าว ถูกส่งจาก บริษัท เป็นเอก กฎหมายและธุรกิจ จำกัด ( PENN-EK LAWS AND BUSINESS CO.,LTD.

ระบุเลขที่ 29/57 วันที่ 27 มีนาคม 2557 มีเนื้อหาโดยละเอียด ดังนี้

เรียน การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ว่าจ้าง

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ว่าจ้าง

ตามที่ท่านทั้งสองได้ตกลงว่าจ้างบริษัท แอลแอนด์เอส เรลเวย์ เมนเทนเนนซ์ จำกัด เจียรรางรถไฟฟ้า ช่วงทางโค้งระหว่างสถานีรถไฟฟ้าลาดกระบังจนถึงสถานีรถไฟฟ้าสุวรรณภูมิ พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบรางรถไฟฟ้าทั้งหมดของโครงการและทำการเจียรรางในตำแหน่งที่บกพร่อง โดยมีค่าว่าจ้างในการซ่อมบำรุงเพื่อแก้ไขเร่งด่วนและการบำรุงรักษารางรถไฟเชิงป้องกันภายในระยะเวลา 4 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,985,285.70 ซึ่งราคาดังกล่าวได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ต่อมาบริษัทได้ทำงานซ่อมบำรุงเพื่อแก้ไขเร่งด่วน และท่านทั้งสองได้มีการตรวจรับมอบงานดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรายละเอียดท่านทั้งสองทราบดีอยู่แล้วนั้น ปรากฏว่า เมื่อบริษัทได้เบิกเงิน ค่าว่าจ้างที่แล้วเสร็จข้างต้นเป็นเงินจำนวน 2,551,853 .70 บาท แต่ท่านทั้งสอง ยังไม่ชำระค่าว่าจ้างให้กับบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ได้ติดตามทวงถามแล้วหลายครั้ง แต่ท่านทั้งสองก็ยังคงเพิกเฉย ไม่ชำระค่าว่าจ้างดังกล่าวแต่อย่างใด

ดังนั้น โดยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้า ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบิษัทฯ แอล แอนด์ เอส เรลเวย์ แมนเทนเนนซ์ จึงขอให้ท่านชำระหนี้ ค่าว่าจ้าง เป็นเงินจำนวน 2,551,853.70 บาท พร้อมกับดอกเบี้ย ในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันรับมอบงาน โดยติดต่อชำระให้กับกรรมการบริษัทให้เสร็จสิ้น ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ท่านทั้งสอง ได้รับหนังสือ หรือถือว่าได้รับหนังสือฉบับนี้ หากครบกำหนดแล้ว ท่านทั้งสอง ยังคงเพิกเฉย ข้าพเจ้ามีความจำเป็น ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย กับท่านทั้งสองต่อไป

หนังสือดังกล่าว ลงนามโดย นายจีรัฐฏิร์ ทิมพงษ์ ( ทนายความผู้รับมอบอำนาจ )

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผลสรุปรายงานของฝ่ายตรวจสอบระบุกรณีที่นายจำรูญ ว่าจ้าง บริษัท L&S ใจความตอนหนึ่งระบุว่าจากการตรวจเอกสารทั้งหมดแล้วไม่พบสัญญาจ้างแต่อย่างใด ซึ่งไม่ผ่านกระบวนการระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง และทางแผนกจัดซื้อได้แจ้งว่าโดยปกติจะต้องมีสัญญาซึ่งในกรณีนี้ถือว่าผิดปกติ

//---------------------------

เปิดผลสอบข้อเท็จจริงปม ปธ.บอร์ดแอร์พอร์ตลิงค์"จัดซื้อ-ตั้งญาติ"เข้าทำงาน

เขียนโดยisranews
หมวดหมู่Isranews | รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | จัดซื้อจัดจ้าง
เขียนวันที่ วันพุธ ที่ 23 เมษายน 2557 เวลา 11:33 น.

เปิดรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ปมบิ๊ก ร.ฟ.ท.แอร์พอร์ตลิงค์ มีญาติเข้าทำงาน-ลงนามเซ็นสัญญา บริษัทรับเจียร-ตรวจสอบราง โดยที่คู่สัญญายังไม่เซ็นรับรอง


จากกรณี สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานถึงหนังสือร้องเรียนของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ร้องเรียนต่อผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ( นายประภัสร์ จงสงวน ), ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน, ผู้ถือหุ้น บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ( ในขณะที่นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา ยังดำรงตำแหน่ง ) โดยหนังสือฉบับดังกล่าว ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 และถูกส่งมาถึงยังแผนกอำนวยการของบริษัท รถไฟฟ้าฯ เพื่อประทับตรารับรอง ลงวันที่ 27 เดือน มีนาคม 2557 ก่อนที่แผนกอำนวยการจะส่งไปยังผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบภายใน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2557 โดยใจความสำคัญในหนังสือร้องเรียนดังกล่าว มีประเด็นสำคัญคือขอให้ตรวจสอบกรณีการดำรงตำแหน่งโดยมิชอบของคณะกรรมการระดับสูงรายหนึ่งของบริษัทฯ รวมถึงกรณีที่คณะกรรมการระดับสูงรายนี้แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว เข้าดำรงตำแหน่งในบริษัทฯ โดยไม่ผ่านกระบวนการสมัครและคัดเลือก แข่งขันอย่างโปร่งใส และประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งคือ ขอให้มีการตรวจสอบทุจริต เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง


ล่าสุด วันที่ 23 เมษายน 2557 พบข้อมูลที่ฝ่ายตรวจสอบภายในของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. เคยได้รับการร้องเรียนและมีรายงานสรุปผลการตรวจสอบในประเด็นดังกล่าวแล้ว ตามข้อมูล “รายงานการตรวจสอบหนังสือร้องเรียน” ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2556 หรือช่วงปลายปีที่ผ่านมา


หนังสือสรุปรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงฉบับดังกล่าว อ้างถึง หนังสือร้องเรียน สนง.ปปช. และคณะกรรมการบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด กญอ. ลงวันที่รับ 25 กันยายน 2556 นอกจากนี้ มีรายงานสรุปผลการตรวจสอบในประเด็นเดียวกันอีกฉบับ อ้างถึง หนังสือร้องเรียนไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รมต.ว่าการกระทรวงการคลัง รมต.ว่าการการกระทรวงมหาดไทย และประธานคณะกรรมการ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด



ทั้งนี้ รายงานผลสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ล้วนมีใจความบางส่วนสอดคล้องกันคือตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามที่มีการร้องเรียน

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำบางส่วนจากรายงานมานำเสนอ ดังข้อมูลต่อไปนี้

ข้อร้องเรียนกรณีนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยไม่ทำตามมติคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ทั้งประธานกรรมการบริษัทฯ และรักษาการ กอญ.

ข้อเท็จจริงกรณีการจ้าง L&S เข้ามาทำการเจียร และตรวจสอบราง
จากเอกสารหลักฐานที่มีอยู่

1.1พบว่าไม่มีเอกสารเสนอราคาตามแบบฟอร์มของบริษัทฯ แต่มีแบบฟอร์มเปล่าที่มีข้อความเขียนแนะนำ โดยระบุวันที่และราคาใน Post-it

1.2พบว่ามีเอกสารสนองรับราคาและแจ้งทำสัญญา จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่
- เอกสารเลขที่ SRTET/SCM/PRO/047/2556 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ลงนามโดยนายจอน พรมถา ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้จัดการแผนกจัดซื้อในขณะนั้น
- หนังสือที่ รฟฟท.031301/2556 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2556 ลงนามโดย
นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ

1.3 พบว่ามีใบสั่งงานเลขที่ รฟจ 56001 ไม่มีการลงวันที่ระบุเพียงแค่เดือน กุมภาพันธ์ 2556 และ มีการลงนามของผู้มีอำนาจจ้าง (คุณจำรูญฯ รก.กอญ.) พยานฝ่ายผู้จ้าง (คุณกฤษ รอญ.) พยานฝ่ายผู้รับจ้าง (Mr.Alexander Schlegel) แต่ไม่มีการลงนามของผู้ที่ได้รับใบสั่งงานหรือผู้รับจ้างแต่อย่างใด

1.4 พบว่ามีใบสลักหลังตราสาร และภาษี อ.ส.5 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 และปัจจุบันทางบริษัท L&S ได้มีใบวางบิลและทวงเงินกับบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 2,551,853.70.-บาท (สองล้านห้าแสนห้าหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบสามบาทเจ็ดสิบสตางค์)

ความเห็นของผู้ตรวจสอบ


จากรายงานการทำงานของ L&S พบว่าเริ่มงานวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2556 ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเอกสาร 1.2.2 มีการลงวันที่หลังจากงานเสร็จสิ้นแล้วทำไมถึงมีการออกเอกสารอีกการลงนามในเอการสำคัญผู้ลงนามต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนที่จะลงนาม ซึ่งเอกสารนี้ไม่ระบุวันที่ของวันทำใบสั่งงาน ผู้รับจ้างยังมิได้ลงนามในใบสั่งงาน แต่ผู้มีอำนาจจ้าง ผู้จ้าง และพยานลงนามก่อนแล้ว


การที่ L&S มีเอกสาร อ.ส.5 นั้นจะต้องแสดงถึงมีการทำสัญญาและลงนามกันแล้ว แต่ที่ผู้ตรวจสอบได้ตรวจเอกสารทั้งหมดแล้วไม่พบสัญญาจ้างแต่อย่างใด ซึ่งไม่ผ่านกระบวนการระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ผู้ตรวจสอบคิดว่าน่าจะนำเอกสารใบสั่งงานไปทำการขอเอกสารสลักหลังตราสารภาษีแทนสัญญาซึ่งทางผู้ตรวจสอบได้สอบถามแผนกจัดซื้อว่ามีเฉพาะใบสั่งงานจะผิดระเบียบหรือไม่ และทางแผนกจัดซื้อได้แจ้งว่าโดยปกติจะต้องมีสัญญาซึ่งในกรณีนี้ถือว่าผิดปกติปัจจุบันทางบริษัท L&S ได้มีหนังสือวางบิลและทวงเงินกับบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เป็นจำนวนเงิน2,551,853.70.-บาท (สองล้านห้าแสนห้าหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบสามบาทเจ็ดสิบสตางค์) จึงเป็นเหตุทำให้บริษัทฯ เกิดความเสียหาย

ข้อร้องเรียนกรณีนายจำรูญฯ นำญาติเข้าทำงานในบริษัทฯ โดยไม่ผ่านกระบวนการคัดสรร

ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบเอกสารเรื่องดังกล่าวพบว่ามีมูลชี้ให้เห็นถึงการกระทำที่ผิดขั้นตอนผิดกระบวนการสรรหา โดยนายจำรูญฯ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัทฯ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กระทำการโดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับญาติของตนเอง กรณีที่มีการร้องเรียนในรายของนางสาวนริศรา ตั้งไพศาลกิจ จากการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าไม่ได้มีการลงประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งดังกล่าว และมีการร้องขอให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลพิจารณารับนางสาวนริศราฯ เป็นกรณีเร่งด่วน นางสาวนริศราฯ ได้เข้ามาบริษัทฯ เพื่อสัมภาษณ์ในวันที่ 8 ตุลาคม 2555 เริ่มงานพร้อมกรอก ใบสมัครงานในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ทั้งนี้จากการตรวจสอบไม่พบผลของการสอบข้อเขียนและการสอบสัมภาษณ์แต่อย่างใด รวมถึงการรับรองของกรรมการซึ่งไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้การรับนางสาวนริศราฯ เป็นการดำเนินการที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์และไม่ถูกต้องตามกระบวนการสรรหา

ความเห็นของผู้ตรวจสอบ


1. วันที่เข้ารับการสัมภาษณ์ 8 ตุลาคม 2555 แต่ใบสมัครของนางสาวนริศราลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 นั่นหมายถึงก่อนการสัมภาษณ์นางสาวนริศราฯ มิได้กรอกใบสมัครไว้ถือเป็นความผิดปกติคือกรอกใบสมัคร ณ วันเริ่มงาน ซึ่งหากเป็นผู้สมัครโดยทั่วไปแล้วจะต้องกรอกใบสมัครก่อนวันที่จะมีการสอบข้อเขียน และการสอบสัมภาษณ์ ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนและกระบวนการสรรหาผิดระเบียบการรับสมัครงาน

2. กรรมการทั้งหมด 7 ท่าน ได้ลงนามรับรองให้เข้าทำงาน 3 ท่าน ซึ่งถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งของกรรมการสรรหา แต่เอกสารที่ HR ได้มีการลงนามรับรอง 4 ท่าน และเป็นการลงนามย้อนหลัง ถือเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบการรับสมัครพนักงาน หากเป็นไปตามข้อเท็จจริง กรรมการที่มีไม่ถึงกึ่งหนึ่งจะไม่สามารถทำการสัมภาษณ์พนักงานได้

3. ไม่พบคะแนนสอบข้อเขียนของนางสาวนริศราฯ ซึ่งตามระเบียบบริษัทฯ จะต้องมีการสอบข้อเขียนและคะแนนต้องเกินกึ่งหนึ่งถึงจะเข้ารับการสัมภาษณ์ได้

ข้อร้องเรียนกรณีนายจำรูญ เป็นข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจโดยมิได้เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และเกษียณอายุราชการแล้ว


ตามข้อบังคับของบริษัทฯ หมวด 4 กรรมการ อำนาจและหน้าที่ของกรรมการ ในข้อ 13 ได้กำหนดสาระสำคัญว่า คณะกรรมการของบริษัทฯ ให้ประกอบด้วยกรรมการซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งขึ้นจากบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในข้อบังคับของบริษัทฯและคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีมติครั้งที่ 5/2555 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 กำหนดสัดส่วนของคณะกรรมการ บริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด โดยมีองค์ประกอบไว้ซึ่งปัจจุบันนี้ บริษัทฯ มีคณะกรรมการบริษัทฯ รวม 7 คน ดังที่ปรากฏตามชื่อกรรมการตามหนังสือรับรอง บริษัท ฉบับออกให้ ณ วันที่ 25 กันยายน 2556 ความละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

ข้อเท็จจริง หนังสือที่.นร 0205/ว(ล) 7680 ออกโดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2543 ว่าด้วยระเบียบและข้อแนวทางปฎิบัติสำหรับกรรมการรัฐวิสาหกิจ หมวดที่ 2 หลักเกณฑ์การกรรมการรัฐวิสาหกิจ ข้อที่ 2.3.3 การเปลี่ยนแปลงสถานะหรือสังกัด ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2537 เห็นชอบหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการพันจากตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจและบทกำกับข้าราชการที่รับตำแหน่งให้เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจและให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งถือปฎิบัติต่อไป นั้น

ในกรณีข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ หากข้าราชการผู้นั้นเกษียณอายุราชการหรือพันจากการเป็นข้าราชการ หรือเปลี่ยนย้ายหน่วยงาน จะต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจนั้นมิฉะนั้นก็ให้หน่วยงานเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวพิจารณายืนยันหรือขอเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้นั้น ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงบทบัญญัติของกฎหมายด้วย

และจากการตรวจสอบพบว่ากรรมการบริษัทฯ ที่เป็นผู้แทนมาจากกระทรวงคมนาคม ได้แก่ นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ได้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2555 ต่อมาได้เกษียณอายุราชการลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2555 จากข้อเท็จจริงพบว่าปัจจุบันนายจำรูญฯ ยังคงสถานะเป็นคณะกรรมการบริษัทฯ อยู่ในสัดส่วนผู้แทนของกระทรวงคมนาคม ซึ่งขัดกับระเบียบข้อบังคับ และขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวทั้งนี้ ได้สอดคล้องกับการที่มีหนังสือทวงถามจากกระทรวงคมนาคม และข้อสงสัยจากสำนักงานตรวจสอบภายในของการรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะผู้ถือหุ้น เนื่องจากนายจำรูญฯ มิได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทฯ และไม่มีหนังสือยืนยันสถานะการเป็นกรรมการจากกระทรวงคมนาคมหลังจากที่นายจำรูญฯ ได้เกษียณอายุราชการลง

ความคิดเห็นของผู้ตรวจสอบ

"ความเป็นกรรมการบริษัทฯ ของนายจำรูญฯ มิชอบด้วยระเบียบและข้อบังคับ และขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีฯ และมติคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อบริษัทฯ และเพื่อเป็นการไม่ขัดต่อกฎหมายรวมถึงทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ท่านผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย โปรดพิจาณาให้ความเห็นเพื่อบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด จักได้ดำเนินการให้ถูกระเบียบปฏิบัติ"

นี่คือ 2 เรื่องร้อน ในแอร์พอร์ตลิงค์ นอกเหนือจากการปลดกรรมการผู้จัดการซึ่งตกเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ต้องดูว่านายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) จะชี้แจงประเด็นดังกล่าวอย่างไร

//-----------------

เปิดหนังสือ"สตง.-ฝ่ายตรวจสอบ"ปมคุณสมบัติ"บิ๊ก"แอร์พอร์ตลิงค์

เขียนโดยisranewsหมวดหมู่รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น -
สำนักข่าวอิศรา
เขียนวันที่ วันอังคาร ที่ 22 เมษายน 2557 เวลา 06:00 น.

เปิดละเอียด สตง.จี้ แอร์พอร์ตลิงค์ สอบปม "จำรูญ" นั่งบอร์ด ร.ฟ.ท.-ฝ่ายตรวจสอบ เผย ไม่พบเอกสาร หลักฐานยืนยันในฐานะผู้แทน คค.

ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ต้องค้นหาความจริงกันต่อไป

สำหรับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) อันสืบเนื่องมาจากกรณีคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติสั่งปลดนายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

โดยเบื้องต้น นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ประธานคณะกรรมการ บริษัทฯ ให้เหตุผลว่าคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติ สั่งปลดนายพีรกันต์ เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ตรงกับการเป็นผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจโดยใช้เอกสารเท็จในการสมัครงาน

ขณะที่นายพีรกันต์ ก็สวนกลับว่า สาเหตุที่ถูกปลด อาจเพราะตรวจสอบพบการทุจริตของผู้บริหารรายหนึ่ง

อีกทั้ง เคยได้รับหนังสือ จาก สตง. ชี้ถึงกรณีนายจำรูญ ว่าเมื่อเกษียณอายุราชการและควรต้องหมดวาระการดำรงตำแหน่ง บริษัทฯ ในฐานะผู้แทนกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่ทำไมยังดำรงตำแหน่งในบริษัทฯ ต่อไปได้

ด้านนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ออกมายืนยันว่า นายจำรูญไม่ผิด เพราะแม้เกษียณอายุราชการจากการเป็นรองปลัดกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่เพราะมติของคณะกรรมการบริษัทฯ เห็นว่าควรให้นายจำรูญ ดำรงตำแหน่งต่อไปในฐานะผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิ

นายจำรูญจึงมิได้ดำรงตำแหน่งในฐานะผู้แทนกระทรวงคมนาคมแต่อย่างใด แต่ดำรงตำแหน่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญ

“ถ้าคุณไปอ่านจดหมาย สตง. จะเห็นว่า คนละอย่าง มันคนละเรื่องกันเลยกับที่คุณพีรกันต์อ้าง เพราะ สตง. ชี้ในเรื่องหลักการ หลักปฏิบัติตามมติ ครม. ผู้ถือหุ้นก็ยืนยันว่าให้คุณจำรูญเป็นบอร์ดต่อไป ไม่ใช่ ในฐานะ ตัวแทนกระทรวงการคลังแล้ว แต่ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ” นายประภัสร์ระบุ

พร้อมย้ำว่า “สตง. พูดถึงเพียงหลักการ หลักปฏิบัติ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นคุณจำรูญ”

เปิดละเอียด “สตง.” ชี้ปม “จำรูญ” นั่งบอร์ด หลังเกษียณ

ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชน ได้เห็นภาพข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงได้นำข้อมูลในหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ที่มีความเห็นต่อการดำรงตำแหน่งของนายจำรูญ มานำเสนอดังนี้

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน

เลขที่ ตผ 0024/1144

วันที่ 31 มีนาคม 2557

เรื่อง ตอบข้อหารือถึงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับสถานภาพของกรรมการ/รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

เรียน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์)

อ้างถึง หนังสือ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เลขที่ CEO-ES / 007/ 2557 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557

หนังสือ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เลขที่ CEO / 0312 / 2557 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2557

ตามหนังสือที่อ้างถึง บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ได้หารือกรณีที่นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ซึ่งเป็นกรรมการในฐานะตัวแทนของกระทรวงคมนาคม พ้นจากตำแหน่งกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ยังคงปฏิบัติหน้าที่กรรมการ และยังเคยรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในเวลาเดียวกัน หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว และทางบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด จะต้องเรียกคืนเงินค่าเบี้ยประชุมกรรมการ และเงินเดือนในตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรือไม่ อย่างไร เพื่อให้ทางบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้พิจารณาข้อหารือแล้ว ขอยืนยันตามหนังสือ ที่ ตผ 0024/0401 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 เรื่องขอหารือเรื่องตำแหน่ง กรรมการผู้แทนกระทรวงคมนาคม ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การเป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ที่กรรมการเป็นผู้แทนจากกระทรวงและส่วนราชการนั้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2537 เห็นชอบหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง และการพ้นจากตำแหน่ง กรรมการรัฐวิสาหกิจ และบทกำกับข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจและให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ถือปฏิบัติต่อไป และเพิ่มเติมแนวทาง ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ในกรณีข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยไม่ได้เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง

หากข้าราชการผู้นั้นเกษียณอายุราชการ หรือพ้นจากการเป็นข้าราชการ หรือเปลี่ยน ย้ายหน่วยงาน จะต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจนั้น มิฉะนั้น ก็ให้หน่วยงานเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว พิจารณายืนยัน หรือขอเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้นั้น ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงบทบัญญัติของกฎหมายด้วย

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า หากนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ดำรงตำแหน่งกรรมการ ในฐานะผู้แทนกระทรวงคมนาคม บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด จำต้องถือปฏิบัติ ตามกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด


แผนกตรวจสอบฯ เผย ไม่พบเอกสารยืนยันให้ "จำรูญ" ดำรงตำแหน่งหลังเกษียณ

ทั้งนี้ นอกจากเอกสารหนังสือ สตง. ดังกล่าวแล้ว ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบด้วยว่าแผนกตรวจสอบภายในของบริษัทรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต ลิงค์ เคยหารือและตอบข้อทักท้วงของ สตง. ก่อนหน้านี้ ในประเด็นเรื่องการดำรงตำแหน่งของนายจำรูญ

จากนั้น แผนกตรวจสอบ สรุปรายงานต่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในขณะนั้น ซึ่งก็คือ นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา ว่าไม่พบหลักฐาน เอกสาร ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง หนังสือ ยืนยันของการเป็นกรรมการของกระทรวงคมนาคม กรณีที่นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ เกษียณอายุราชการแล้ว ในวันที่ 30 กันยายน 2555 แต่ยังดำรงตำแหน่งในบริษัทฯ ต่อ

รายละเอียดหนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 6 มีนาคม 2557

เรื่อง กรรมการบริษัทฯ ทำผิดบทบัญญัติของกฎหมาย

เรียน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รฟฟท.

สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือจาก สตง. เลขที่ 0024/0401 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 เรื่องขอหารือเรื่องตำแหน่งกรรมการผู้แทนกระทรวงคมนาคม

จากหนังสือขอหารือ เรื่องตำแหน่งกรรมการผู้แทนกระทรวงคมนาคม จาก สตง. ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยนั้น แผนกตรวจสอบได้ทำการตรวจสอบเอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง หนังสือยืนยันการเป็นกรรมการของกระทรวงคมนาคม กรณีนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2555 แต่ไม่พบเอกสารการยืนยัน ให้ทำหน้าที่กรรมการผู้แทนกระทรวงคมนาคม ดังกล่าว จึงสรุปได้ว่า

1.นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ได้พ้นสภาพการเป็นกรรมการบริษัท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2543 ได้มีมติ ในหัวข้อ 6.3.3 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงสถานะหรือสังกัด ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2537 ตามที่ สตง ให้ความเห็นว่า บริษัท ต้องถือปฏิบัติ ตามมติคณะรัฐมนตรี และคำนึงถึงบทบัญญัติของกฎหมายด้วย

2. ในช่วงเวลาเดียวกัน นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อีกตำแหน่งหนึ่ง ดังนั้น นายจำรูญ จึงพ้นสถานภาพการเป็นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ด้วย

“ทางแผนกตรวจสอบให้ความเห็นว่า รฟฟท. ควรรีบดำเนินการอย่างเคร่งครัดและเร่งด่วน ซึ่งหากมีการร้องเรียน หรือมีการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก พบว่าบริษัท ละเลย บทบัญญัติของกฎหมาย จะทำให้บริษัท ได้รับความเสียหาย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและรีบดำเนินการ”


ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา โทรศัพท์ติดต่อสัมภาษณ์นายจำรูญในประเด็นการดำรงตำแหน่งในแอร์พอร์ตลิงค์ต่อ ทั้งที่เกษียณอายุราชการในกระทรวงคมนาคมแล้ว นายจำรูญกล่าวว่า

“เรื่อง สตง. นี้ ถูกส่งไปที กระทรวงฯ ผมก็จะทำหนังสือชี้แจงไปที่กระทรวง ก็เป็นไปตามระเบียบราชการ ผมไม่อยากพูดอะไร มันขัดแย้งกันเปล่าๆ องค์กรเสียหายเปล่าๆ และจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของบอร์ด บอร์ดว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น และประเด็นที่ 2 คือ แล้วแต่ผู้ถือหุ้น ซึ่งในที่นี้ ผู้ถือหุ้นคือ การรถไฟ เพราะฉะนั้น การรถไฟว่ายังไง เราก็ว่าอย่างงั้น”

ทั้งหมดนี้ คือ ข้อเท็จจริงจากเอกสาร และความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถชี้ให้เห็นข้อมูลในระดับหนึ่งว่า ใครพูดความจริง หรือไม่พูดความจริง?
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42748
Location: NECTEC

PostPosted: 28/05/2014 1:26 am    Post subject: Reply with quote

Click on the image for full size
Click on the image for full size
Click on the image for full size
เปิดการเดินรถ Airport Link จาก 6 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม หลังมีประกาศปรับเวลาการ เคอร์ฟิวเป็นเที่ยงคืนถึงตี 4 - และ มีผล กับ รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้ดินด้วย
https://www.facebook.com/bkktrains/photos/a.486600744796379.1073741829.485999144856539/508242539298866/?type=1
https://www.facebook.com/bkktrains/photos/a.486600744796379.1073741829.485999144856539/508212802635173/?type=1&theater
https://www.facebook.com/bkktrains/photos/a.486600744796379.1073741829.485999144856539/506290999494020/?type=1&theater
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ARL) All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 104, 105, 106 ... 159, 160, 161  Next
Page 105 of 161

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©